“ไอ้ธีร์ มึงจะรีบแดกไปไหน เพิ่งบ่ายสามโมงเอง”
กิตติภพทักขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้เอาแต่ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากรัว ๆ โดยที่ไม่เว้นจังหวะตั้งแต่มาถึงคลับของเขา ถึงแม้ที่นี่จะเปิดร้านหนึ่งทุ่ม แต่ห้องวีไอพีเจ้าของร้านนั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
“แดกเหมือนเมียทิ้ง” คราวนี้เป็นภัทรกรพูดขึ้นบ้าง
“พวกมึงสองคนไม่เข้าใจหรอก ว่าคนกำลังเครียดมันเป็นยังไง”
“แล้วมึงเครียดเรื่องอะไร”
สองเพื่อนซี้ถามขึ้นแทบจะพร้อมกัน แล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากปากของคนที่จะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เมื่อเช้าแม่กูมาหา แล้วก็ถามเรื่องสายขิม”
พอพูดจบ เพื่อนทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างกับนัดไว้ โดยเฉพาะกิตติภพ ที่ดูจะขบขันกับอาการของเพื่อนซี้ในตอนนี้มากที่สุด
“ไอ้เหี้ยตี๋ มึงจะหัวเราะอะไรขนาดนั้นวะ”
“แม่มึงอยากจะให้แต่ง แต่ง ๆ ไปก็จบ สายขิมก็สวย น่ารัก ทำกับข้าวก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ไม่ดีตรงไหนวะ”
ที่รู้ เพราะเพื่อนตัวดีที่กำลังกระดกเหล้ารัว ๆ เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง ทีแรกคิดว่าธีร์ธวัชไม่น่าจะมีปัญหาหากต้องแต่งงานกับเธอจริง ๆ เพราะเขาก็ดูไม่ได้รังเกียจอีกฝ่าย แถมเวลาพูดถึงก็สายตาเป็นประกายตลอด
“แต่กูไม่อยากมีเมียตอนนี้พวกมึงก็รู้ หรือว่าพวกมึงอยากมี”
“ไม่อยาก”
“กูก็ไม่อยาก”
ทั้งกิตติภพและภัทรกรตอบพร้อมกันทั้งยังส่ายหน้ายืนยันคำตอบของตน พวกเขาแม้จะอายุ 35 ปีแล้ว แต่ก็ยังอยากจะใช้ชีวิตโสดสนุกสนานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้อยากผูกมัดกับใคร การแต่งงาน นั่นหมายถึงต้องหยุดการใช้ชีวิตแบบที่ว่ามา
“แต่กูมีแผนสอง”
“แผนสอง?”
สองเพื่อนซี้หัวคิ้วขมวดเข้ากันอย่างสงสัย พร้อมกับมองหน้าของธีร์ธวัชที่ตอนนี้กำลังยิ้มกริ่มกับแผนการที่ตัวเองคิดขึ้นมาได้อยู่คนเดียว
“แผนอะไรของมึงวะ” กิตติภพถามย้ำ
“ก็สายขิมวางแผนจะยั่วกู แล้วถ้ากูตกหลุมพรางพลาดไปมีอะไรด้วย ถึงตอนนั้นกูก็ต้องแต่งงานอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“แล้วแผนมึงคืออะไร”
คนโดนถามหยักยิ้มมุมปาก คล้ายกำลังมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ยั่วมา กูก็เล่นด้วย...แค่นั้น คนอย่างสายขิมถ้าถูกรุกหนัก ๆ เข้าเดี๋ยวก็หนีกลับใต้ไปเอง”
ทั้งภัทรกรและกิตติภพต่างหันมองหน้ากัน พวกเขาไม่แน่ใจนักว่าเพื่อนซี้จะทำแผนการนี้ได้สำเร็จ เพราะสายขิมไม่ใช่คนขี้เหร่ เรียกได้ว่าสวยมากคนหนึ่ง หากเพื่อนของพวกเขาโดนยั่วมาก ๆ แล้วเอาตัวเองลงไปเล่นด้วย เห็นท่าแล้ว...คนที่จะตกหลุมพรางของแผนการนี้คงเป็นธีร์ธวัชเสียเอง
“มึงแน่ใจเหรอวะ ว่าจะสำเร็จ ไม่ใช่ติดกับดักเสียเองหรือไง” ภัทรกรถามขึ้นแล้วก็ยกแก้วเครื่องดื่มกระดกเข้าปาก
“นี่ใคร” คนโดนถามเมื่อครู่ถามกลับ
“ก็มึงไงไอ้ธีร์”
“ก็ใช่ไง นี่เสี่ยธีร์นะเว้ย ไม่มีทางติดกับดักตื้น ๆ นี่หรอก กูให้เวลาอย่างมากหนึ่งเดือน บอกได้เลยว่าสายขิมต้องร้องไห้กลับใต้แน่”
เสียง ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอของเพื่อนซี้ ใช่แล้ว...พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าธีร์ธวัชจะทำได้ งานนี้มีหวังเสี่ยธีร์แห่งแก๊งมังกรคงได้มีเมียเด็กนำหน้าเพื่อน ๆ แน่นอน
“นี่พวกมึงไม่เชื่อ?”
“เออ!”
“แล้วก็รอดู”
พูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาอายุเท่าไหร่ สายขิมอายุเท่าไหร่ ประสบการณ์และฝีไม้ลายมือยังห่างชั้นกันเยอะ เด็ก ๆ แบบนี้ รุกนิด หยอกหน่อย เดี๋ยวจับ เดี๋ยวกอด อืม...หรืออาจจะต้องมีจูบด้วย ไม่กี่ครั้งหรอก รับรองร้องไห้กลับบ้านไปหาแม่เขาไม่ทันแน่
นั่งดื่มกับเพื่อนต่ออีกหลายชั่วโมงจนเกือบสองทุ่ม ธีร์ธวัชตัดสินใจไม่เข้าร้าน เขาเลือกจะกลับคอนโดเพราะว่าไหน ๆ ก็ดื่มจนกรึ่มขนาดนี้แล้ว เริ่มแผนการที่สองวันตั้งแต่วันนี้ก็แล้วกัน
รถยนต์คู่ใจถูกเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดของเขา ขายาวรีบก้าวลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องพักของตัวเอง เพิ่งสามทุ่ม ยัยตัวแสบยังไม่หลับแน่นอน
แต่ทันทีที่ประตูเปิดออกเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อไฟข้างในถูกเปิดเพียงสลัว ๆ แล้วก็มีแสงสว่างจากหน้าจอโทรทัศน์สว่างวาบขึ้นมาเป็นระยะ เมื่อเพ่งสายตามองดี ๆ ก็เห็นว่าสายขิมนั่งอยู่ตรงนั้น
เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ร่างเล็กลุกจากโซฟาแล้วก็เดินตรงมาทางเขา แต่สิ่งที่ทำให้คนตัวโตต้องตกตะลึงมากกว่าเดิมก็คือ บนร่างกายของสายขิมมีเพียงชุดลูกไม้บาง ๆ คลุมอยู่ แม้ว่าจะใส่ชุดชั้นในเอาไว้แต่มันก็ยัง...
อึก! น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคอ ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้มากเรื่อย ๆ เขาก็ยิ่งเห็นว่าชุดที่ยัยตัวเล็กใส่มันบางแค่ไหน ยิ่งใกล้ ยิ่งเห็น เห็นว่าหน้าอกคู่นั้นมันใหญ่กว่าที่เขาเห็นครึ่งเต้าคราวก่อน เอวคอดที่น่าจะพอดีมือตอนจับกระแทก อืม...แพนตี้ตัวจิ๋วนั่นก็ด้วย บางทีไม่ใส่น่าจะดีกว่า
‘ไม่ได้’ ใบหน้าหล่อเหลารีบสะบัดไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อครู่ออกไปจากหัว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สายขิมเดินมาถึงตัวเขาพอดี
“เฮียธีร์ เหนื่อยไหมคะ”
น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยถามนั้นหวานฉ่ำเสียจนเขาเกือบลืมตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมแผนการที่เล่าให้เพื่อนซี้ทั้งสองฟังเมื่อช่วงบ่าย
“ถ้าเฮียบอกว่าเหนื่อย ขิมจะช่วยเฮียยังไงครับ หืม...”
น้ำเสียงและสีหน้าของเขาที่เธอมองเห็นผ่านแสงสลัว ๆ ทำให้คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว วงแขนแกร่งก็ตวัดโอบเอวคอดเอาไว้แล้ว
“ว่าไงครับ ขิมจะช่วยเฮียยังไง”
ยิ่งเขาพูด ใบหน้าคมก็ยิ่งโน้มลงมาต่ำ จนกระทั่งปลายจมูกจรดลงบนผิวขาวเนียนช่วงหัวไหล่
“หอมจัง ขิมเพิ่งอาบน้ำเหรอ”
หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เพราะไม่ทันเตรียมตัวตั้งรับว่าเขาจะเป็นแบบนี้ หรือเพราะเมากันนะ ถึงทำให้เฮียธีร์ดูแปลก ๆ คิดแบบนี้เพราะได้กลิ่นเหล้าที่เจือลมหายใจของคนตัวโตออกมา
“ก็ถ้าเฮียธีร์เหนื่อย เฮียก็ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วเดี๋ยวขิมช่วยนวดให้ เอาไหมคะ ขิมนวดเก่งนะ”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ เดี๋ยวเฮียรอให้ห้องนอน”
เขาไม่ปฏิเสธ แถมยังบอกว่าจะรอในห้องนอนอีก หรือว่าชุดที่คุณแม่ซื้อมาให้จะได้ผลจริง ๆ เอาไงดี ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย
ฮึบ! ลมหายใจถูกสูดเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ เอาก็เอาวะ มาถึงขนาดนี้แล้วคงถอยไม่ได้ อย่างน้อย ๆ มันก็ดีกว่าให้เฮียธีร์ไปคว้าเอาคนอื่นมาทำเมีย
คนตัวเล็กเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องนอนของเฮียธีร์ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สะดุ้งเพราะอีกฝ่ายเปิดประตูห้องออกมาถาม
“ไหนบอกจะนวดให้เฮียไงครับ เฮียอาบน้ำเสร็จนานแล้วนะ”
“ค่ะ ๆ ขิมไปนวดให้ตอนนี้เลยค่ะ”
อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือฉันใด อยากได้ผู้ชายก็ต้องเข้าห้องผู้ชายฉันนั้น เอาวะ! สู้เว้ยสายขิม
สองเท้าก้าวเดินเข้าไปยังห้องที่เปิดประตูรออยู่อย่างช้า ๆ เฮียธีร์เปิดไฟจนสว่างทุกดวง แล้วมันก็ทำให้เธอเกิดรู้สึกอายขึ้นมา ก็เพราะไอ้ชุดที่สวมอยู่ตอนนี้มันบางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนน่ะสิ
“มาเร็วขิม เฮียเมื่อยตัวจะแย่แล้ว”
คนตัวโตเอ่ยบอกในขณะที่เขานอนคว่ำอยู่บนเตียง ใบหน้าเอียงมาทางที่เธอยืนอยู่ สายตาคมจับจ้อง ราวกับว่ากำลังมองทะลุเข้ามาในเนื้อผ้า
“เฮียธีร์อยากให้ขิมนวดตรงไหนเป็นพิเศษคะ”
“ตรงนี้ มันตึง ๆ น่ะ”
เขาใช้ฝ่ามือตบลงบนบ่าเปลือยเปล่า เพราะว่าไม่ได้สวมเสื้อเอาไว้
“ขิมนวดให้นะคะ”
มือเล็กกดน้ำหนักลงบนไหล่ของคนตัวโตอย่างช้า ๆ ขยับนวดไปมาทั่วบริเวณ แต่ขณะที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงที่นอนคว่ำอยู่ก็พลิกตัวกลับมา กลายเป็นว่า ตอนนี้เป็นตัวเธอที่หลังแนบสนิทกับที่นอนและเฮียธีร์กำลังใช้วงแขนคร่อมร่างเล็กเอาไว้
“ฮะ เฮียธีร์จะทำอะไรคะ”
“ขิมรู้อะไรไหม เฮียก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนะ” เสียงทุ้มแหบพร่าจนพาให้เธอใจสั่น “บางที ความอดทนก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น”
ยิ่งเขาพูด ร่างสูงก็ยิ่งเบียดเข้าหา ทั้งตอนนี้ยังใช้เข่าดันให้ขาเรียวอ้าออกแล้วก็แทรกตัวเองเข้ามาอยู่ตรงกลาง
“หรือว่า...เราจะทำแบบที่คุณแม่ต้องการ ดีไหม”
ประโยคนั้นจบลงพร้อม ๆ กับริมฝีปากหยักที่กดทาบลงบนเนินอกที่โผล่พ้นชุดลูกไม้ออกมา
“ขะ ขิมง่วงแล้วค่ะ”
“ง่วงแล้วเหรอ เพิ่งสี่ทุ่มเอง”
“ค่ะ”
ใบหน้าสวยเบนหลบ ไม่กล้าสบสายตาคมคู่นั้น วันนี้เขาแปลกกว่าทุกวัน จากที่คิดตั้งใจจะยั่ว กลายเป็นตัวเองที่ถูกเฮียธีร์ต้อนให้จนมุม
“แล้วขิมอยากจะนอนกับเฮีย หรืออยากจะกลับไปนอนห้องตัวเองครับ หืม...”
“ขะ ขิมจะกลับห้องตัวเองค่ะ”
พูดเสร็จฝ่ามือเล็กก็ดันตัวเขาออก ซึ่งธีร์ธวัชก็ยอมผละตัวออกอย่างง่ายดาย เสร็จแล้วยัยตัวแสบก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนไป
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังอยู่ในลำคอ
“เธอยังเด็กเกินไป...สายขิม”
///////////////////////////////////////////////////////
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุดทำให้เปลือกตาคู่สวยต้องเปิดขึ้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะไม่อยากตื่นเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองฝ้าเพดาน หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จู่ ๆ เฮียธีร์ก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ปกติเขาจะพยายามอยู่ห่างเธอให้มากที่สุดแท้ ๆ ฝ่ามือแตะลงบนหัวไหล่ แล้วเลื่อนมาแตะบนเนินอกที่ถูกเขาประทับริมฝีปากลงไปเมื่อคืน ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้ เฮียธีร์ร้ายกาจที่สุด! ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เรื่องเมื่อคืนเธอแค่ยังไม่ทันตั้งตัว วันนี้เอาใหม่ ยังไงก็ยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้ เพื่อคุณแม่ ท่องไว้ เพื่อคุณแม่ ก๊อก ก๊อก! ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่หลายครั้ง ทำให้คนที่ยังนอนอยู่จำใจลุกขึ้นมาทั้งที่งัวเงียแล้วเดินมาเปิดประตู “มีอะไร คนจะนอน” “เฮียธีร์พูดไม่เพราะเหมือนเมื่อคืนเลยค่ะ” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของยัยตัวเล็กที่พูดอยู่ตรงหน้าทำให้ธีร์ธวัชต้องรีบปรับโทนเสียงตัวเองใหม่ ภารกิจยังไม่สำเร็จ ช่วงนี้ก็คงต้องทำแบบเมื่อคืนไปก่อน “ขอโทษครับ พอด
“สวัสดีครับเสี่ย วันนี้หน้าตาสดชื่นจังเลยนะครับ” เสียงของพนักงานในร้ายเอ่ยทักทาย ทำให้ธีร์ธวัชรีบใช้มือจับดูหน้าตัวเอง แปลกตรงไหน ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด “แปลกเหรอ” เขาย้อนถามพนักงาน “ครับ แปลกมาก” “แปลกยังไง” “ก็วันนี้เสี่ยเดินยิ้มตั้งแต่หน้าร้านจนถึงตอนนี้ ยังไม่หุบเลยนะครับ” ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอยู่อย่างไม่รู้ตัวรีบหุบลงทันที พร้อมเม้มเข้าหากันแน่นกว่าเก่า “เอาเหล้าขึ้นไปให้ด้วย เหมือนเดิม” “ครับ ๆ ผมจะรีบเอาขึ้นไปให้นะครับ” เสียงเข้ม ๆ เอ่ยสั่งเครื่องดื่มแก้เขิน ก่อนที่จะรีบก้าวขายาว ๆ จ้ำอ้าวไปยังชั้นสองที่เป็นห้องทำงาน แต่รอยยิ้มที่หุบเอาไว้เมื่อครู่ดันคลี่ออกมาอีกแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว ธีร์ธวัชหย่อนตัวลงนั่งยังเก้าอี้ทำงานเมื่อเข้ามาในห้อง แผ่นหลังเอนพิงพนัก นิ้วมือก็เคาะลงบนโต๊ะ ในหัวกำลังฉายภาพเมื่อเช้าที่เขากำลังจูบยัยตัวแสบ ริมฝีปากเธอนุ่มมาก แถมหวานอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิปสติกหรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกว่าปากของเด็กดื้อนั้นหวานกว่าทุกคนที่เคยจูบมา ‘ฟ
หลังจากติ่มซำมื้อดึกเสร็จ ธีร์ธวัชก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนสายขิมก็เก็บจานชามไปล้าง แต่ก่อนจะเข้าห้อง ผู้ชายตัวโตก็ยังไม่วายหันกลับมาย้ำกับเธอว่าห้ามลืมสัญญาที่พูดเอาไว้ ทำทุกอย่างเรียบร้อย สายขิมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเขา ที่เจ้าของบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ล็อกเข้ามาได้เลย แต่พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าเฮียธีร์นั่งอยู่หน้าจอแล็ปท็อปดูเหมือนจะยุ่งมาก “เฮียธีร์ทำงานเหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถาม แล้วเลือกที่จะไปนั่งตรงโซฟาในห้องเพื่อจะได้ไม่รบกวนอีกฝ่าย “ครับ ต้องเช็กรายการที่ค้างไว้น่ะ” ธีร์ธวัชตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่เดิม “ปกติขิมไม่เคยเห็นเฮียเอางานมาทำที่คอนโด” “ก็วันนี้อยากกลับเร็ว ๆ มากินติ่มซำกับขิมไง” มือที่จับเมาส์อยู่วางลงแล้วหันเก้าอี้กลับมามองเด็กดื้อที่นั่งทำตาใสแป๋วอยู่ไม่ไกล จะว่าไปแล้ว พอยัยตัวแสบไม่เถียง ไม่ต่อปากต่อคำ ก็ดูน่ารักดี “นี่เฮียจะบอกว่าขิมเป็นสาเหตุให้เฮียทิ้งงานเหรอคะ” “เปล่านะ เพราะเฮียอยากจะเห็นหน้าขิมต่างหาก” น้ำเสียงทุ้มละมุนที่พูดออกมากำลังพาให้ความคิดเตลิดไปไกล ทั้งแ
ฮืม...ฮืม...ฮืม เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของคนตัวเล็กที่กำลังทำกับขนมอยู่ในครัว มือทำไป ปากจิ้มลิ้มก็ขยับเป็นทำนองไปด้วย วันนี้สายขิมตั้งใจจะทำขนมไปให้เฮียธีร์ที่ออกไปทำงานตั้งแต่ตอนบ่าย ส่วนเป้าหมายก็ไม่มีอะไรมาก แค่หาเรื่องได้อยู่ใกล้ ๆ อีกฝ่ายเท่านั้นเอง หลังจากคืนก่อนที่เธอเสนอตัวไปเป็นหมอนข้างให้เขานอนกอด ผู้ชายตัวโตก็ดูเหมือนจะเริ่มเว้นระยะห่างมากขึ้นอีกแล้ว คงรู้ว่าวิธีที่ตนเองทำอยู่ไม่ได้ผล ตอนนี้คงกำลังหาวิธีใหม่เพื่อจะทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจแล้วกลับใต้ไปซะ แต่คนอย่างสายขิม...ไม่ยอมง่าย ๆ หรอก ใช้เวลาไม่นานมากนัก คัพเค้กที่อบอยู่ในตู้อบก็เสร็จเรียบร้อย สายขิมนำถาดขนมออกมาวางด้านนอกแล้วเริ่มตกแต่งหน้าตาแต่ละชิ้นด้วยความตั้งใจ ถึงแม้เรื่องงานแต่งงานของเธอกับเขาจะเป็นเหมือนการคลุมถุงชนที่คุณแม่จัดการให้ แต่ว่า หากไม่ได้รู้สึกรักสักนิด คนอย่างสายขิมก็คงไม่ยอมง่าย ๆ แบบนี้แน่ แต่สำหรับเฮียธีร์ ไม่แน่ใจนักหรอกว่าเขารู้สึกอย่างไร หากว่าสุดท้ายเมื่อพยายามทำทุกอย่างแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่อยากแต่งงานกับเธอ เมื่อถึงตอนนั้นคิดเอาไว้ว่าจะ
“คุณขิมวันนี้มาเที่ยวเหรอคะ” เสียงพนักงานต้อนรับในบาร์เอ่ยทักทายหญิงสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านใน “เปล่าค่ะ พอดีขิมเอาเอกสารมาให้เฮียธีร์ค่ะ ว่าแต่ เฮียธีร์อยู่บนห้องทำงานใช่ไหมคะ”เธอเอ่ยตอบพร้อมกับถามหาเจ้าของยูนิคอร์นบาร์ “เมื่อกี้เห็นเสี่ยลงมาข้างล่างแล้วนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่แถวโซนวีไอพีนะคะ คุณขิมจะไปหาไหมคะ เดี๋ยวหนูเตรียมเหล้าไปเสิร์ฟให้”“ไม่ล่ะค่ะ ขิมแค่จะเอาเอกสารมาให้เฮียธีร์น่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คล้อยหลังพนักงานซึ่งต้องไปต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามา สายขิมจึงเดินตรงเข้าไปด้านในสุดของร้านทางซึ่งมีบันไดวนที่จะขึ้นไปส่วนออฟฟิศของบาร์ตรงชั้นสองลูกบิดประตูหน้าห้องถูกล็อก คิ้วมนเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่เพราะคิดว่าเจ้าของห้องยังนั่งดื่มอยู่ที่โซนวีไอพี สายขิมจึงหยิบกุญแจที่เธอเองก็มีในฐานะคนช่วยดูแลร้านไขเข้าห้อง แต่ภาพที่เห็นทำเอาเธอต้องเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มันเป็นภาพของเฮียธีร์ที่กำลังซุกไซ้ใบหน้าอยู่ตรงอกใหญ่กลมที่ตอนนี้ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปกปิด หญิงสาวหน้าตาสะสวยด้วยเครื่องสำอางหันมาเห็นเธอก็ตกใจร้องรีบผละออกจากชายหนุ
“ไอ้กร มึงปิดร้านก่อนเวลาไม่ได้เหรอวะ” ธีร์ธวัชที่นั่งอยู่ตรงด้านหน้าตู้โชว์ทองเอ่ยถามเพื่อนสนิทซึ่งกำลังให้บริการลูกค้า ยังไม่ทันที่ภัทรกรจะตอบอะไรกลับไป เพื่อนของเขาก็ถามย้ำลงมาอีกครั้ง “ว่าไงไอ้กร ปิดร้านเร็วหน่อย ไปหาไอ้ตี๋กัน” “อะไรของมึงวะไอ้ธีร์ กูยุ่งอยู่เนี่ย” หันกลับมาตอบเพื่อนเสร็จก็หันไปหาลูกค้า “สร้อยข้อมือหนึ่งบาทนะครับ เดี๋ยวให้น้องพนักงานเอามาให้ดูนะครับ” เมื่อบอกพนักงานในร้านให้มาดูแลลูกค้าต่อเรียบร้อย คราวนี้ภัทรกรก็หันมายืนเท้าสะเอวให้เพื่อนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงเคาน์เตอร์ “มึงมีธุระอะไรวะ ถึงต้องมาบังคับให้กูปิดร้านเนี่ย” “สำคัญมาก ก็ต้องการความช่วยเหลือจากมึงกับไอ้ตี๋” เพื่อนซี้เพ่งพิจารณาสีหน้าของเขา เมื่อเห็นธีร์ธวัชมองมาด้วยสายตาละห้อยก็ทำเพียงพยักใบหน้ารับ “เออ ๆ รอกูอีกครึ่งชั่วโมงละกัน ให้ลูกค้าออกจากร้านหมดก่อน” เจ้าของใบหน้าเศร้า ๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เขาพยักหน้าตอบเพื่อนสนิทแล้วก็ยอมนั่งรอเงียบ ๆ โดยที่ไม่วุ่นวาย จนครบครึ่งชั่วโมง ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้า
“ขิม เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เสียงเข้ม ๆ ที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้สายขิมต้องรีบหันไปมอง แล้วหัวคิ้วก็ต้องขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นร่างสูงกำลังเดินดุ่ม ๆ มาทางเธอ ใบหน้าแดงก่ำดูเคร่งขรึมจริงจัง ที่ไม่ต้องเดาให้เหนื่อยก็รู้ว่าคงไปดื่มมาอีกแน่ “ด่วนไหมคะ ถ้าไม่ด่วนขิมขอดูละครตอนนี้จบก่อนได้หรือเปล่า กำลังสนุกเลย” “ด่วนมาก” ไม่พูดเปล่า คนตัวโตหยิบรีโมทโทรทัศน์แล้วกดปิดละครที่เธอกำลังดูอยู่ทันที เด็กดื้องุ้มหน้าใส่ด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดละครอีกครั้ง “เฮียจะมาปิดละครของขิมทำไม” “เพราะเฮียมีเรื่องต้องคุยกับเราไง” ธีร์ธวัชกดปิดโทรทัศน์อีกครั้งเป็นรอบที่สองแล้วโยนรีโมทไปบนโซฟาอีกตัว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้กดเปิดมันขึ้นมาอีก สองมือแกร่งจับที่หัวไหล่มนแน่นแล้วดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืน “ทำไม” เขาเอ่ยถามเพียงสั้น ๆ “ทำไม? เรื่องอะไรคะ” “ก็เรื่องที่เราได้กันวันก่อน ทำไมขิมถึงเฉย ๆ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมไม่บอกแม่เฮีย ทำไมถึงยังดูปกติทั้งที่ตัวเองโดนเปิดซิง” คำถามถู
“ขิม ไหนบอกจะไปช่วยทำงานที่ร้าน” ธีร์ธวัชเอ่ยถามพลางจ้องมองเด็กดื้อที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน “ใช่ค่ะ ขิมก็จะไปช่วยเฮียธีร์ที่ร้านไงคะ” “ด้วยชุดนี้?” พอได้เห็นสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองชุดเสื้อครอปตัวสั้น ใส่คู่กับกระโปรงจีบทวิสที่ความยาวประมาณสองคืบ สายขิมก็พยักหน้าตอบแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบให้เขาดูชัด ๆ “ใช่ค่ะ ไม่สวยเหรอคะ” “ขิม ไปเปลี่ยนชุด” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่ออกคำสั่งให้ยัยตัวเล็กไปเปลี่ยนไอ้ชุดสั้น ๆ นี้ในทันที ไอ้สวยมันก็สวยนั่นแหละ แต่จะให้ใส่ไปช่วยทำงานในร้าน หากมีลูกค้าผู้ชายที่เมาแล้วมาลวนลามจะทำอย่างไร ไม่ได้หวงหรอก แต่แค่ไม่อยากมีปัญหาหากแม่เขารู้เรื่องเข้าก็เท่านั้น “ไม่เปลี่ยนค่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย สวยดีออก” ไม่พูดเปล่า แต่เด็กดื้อเดินนำเขาไปทางหน้าประตู สวมรองเท้าแล้วยืนยิ้มแฉ่งรอ “ถ้าโดนคนเมาลวนลาม ฉันไม่ช่วยนะบอกไว้ก่อน” “ขิมโตแล้วนะ เฮียไม่ต้องห่วงหรอก” “โตแล้ว?” พูดจบก็ไล่สายตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ถ้าบอกว่าโตก็ไม่เถียงหรอก แต่มันดั
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต
“ทำไมจู่ ๆ มึงอยากไปเที่ยวทะเล” ธีร์ธวัชยืนพ่นควันบุหรี่อยู่ที่ระเบียงคอนโด ในมือถือโทรศัพท์กำลังคุยกับกิตติภพ เขาถามออกไปอย่างนั้น เพราะเมื่อครู่เพื่อนสนิทบอกว่า สุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวทะเลกันและเป็นการชวนกึ่งบังคับที่เขาจะต้องไปด้วย //ก็หมวยเพิ่งกลับจากจีนไง กว่ามหา’ลัยจะเปิดเทอม กูก็อยากพาน้องไปเที่ยวก่อน// “มึงอยากพาน้องไปเที่ยว หรือว่าอยากจะไปแดกเพื่อนน้องที่ริมทะเลกันแน่วะ” //ไอ้เหี้ยธีร์ กูไม่นิยมกินเด็กมึงก็รู้// คำตอบของเพื่อนทำเอาธีร์ธวัชได้แต่หัวเราะเบา ๆ อยู่ในลำคอ คนอย่างเสี่ยตี๋ไม่นิยมกินเด็กก็จริง แต่ว่า...หากเด็กมันยั่วมาก ๆ ก็ไม่น่าจะทนไหว ขนาดเขาที่ว่าอดทนเก่งแล้ว ก็ยังทนที่สายขิมยั่วไม่ไหวเลย “เออ ๆ เดี๋ยวกูบอกขิมก่อน” //เจอกันวันเสาร์ แค่นี้แหละ// จบคำว่า แค่นี้แหละ สายก็ตัดไปทันที ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าเด็กดื้อกำลังนั่งกินขนมสบายใจ จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่เคยพาสายขิมไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่ตกลงคบกัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีแล้วกันจะได้พาเธอไปเปิดหูเปิดตา “ขิม...
“ขิมจะกลับพร้อมตาธีร์จริง ๆ เหรอลูก” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยถาม เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าแล้วเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย ตามหลังสายขิมก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดิมตามอยู่ไม่ห่าง “ค่ะคุณแม่ ขิมจะไปช่วยงานเฮียธีร์น่ะค่ะ เห็นว่าไม่อยู่แค่คืนเดียว ระบบในร้านรวนไปหมด” ธีร์ธวัชยืนเอามือล้วงกระเป๋า ไม่หือ ไม่อือ กับเหตุผลที่ยัยตัวเล็กเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ในตอนนี้ถึงเธอจะบอกว่าถูกตามให้กลับกรุงเทพฯ เพราะเขาทนความคิดถึงไม่ไหว ก็จะไม่เถียง ไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว แต่เป็นสายขิมเสียเองที่ตัดสินใจยังไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่ได้รับรู้ “ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะลูก ว่างแล้วก็กลับมาเที่ยวบ้านกันบ่อย ๆ ล่ะ แม่คิดถึง” “ค่ะคุณแม่” สองมือยกขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม แล้วก็เดินไปยังรถที่จอดรออยู่ ในขณะที่ธีร์ธวัชกำลังจะเดินตามเด็กดื้อออกไป แม่ของเขาก็คว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน “ถ้าแกดูแลน้องไม่ดี รอบนี้แม่จะเอาน้องคืนแบบไม่ให้กลับไปหาแกอีกเลย” คุณหญิงเธียรธาราเอ่ยบอกลูกชายพร้อมกับระบายรอยยิ้มกว้างจนเกือ
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่ด้านนอก ทำให้คนที่กำลังจะล้มตัวลงนอนต้องดีดตัวลุกขึ้นมาเปิดไฟจนสว่างอีกครั้ง สายขิมเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร แล้วก็เห็นผู้ชายตัวโตกำลังยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่ ทั้งในมือยังหอบหมอนกับผ้าห่มมาด้วยอีกต่างหาก “เฮียธีร์มาห้องขิมทำไมคะ”เธอเอ่ยถามถึงแม้จะพอรู้คำตอบอยู่บ้างแล้ว คนเจ้าเล่ห์แบบเขาก็คงมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น“อยากนอนด้วย แล้วก็มาทวงรางวัลปลอบใจที่ขอเอาไว้เมื่อตอนบ่าย”ยังไม่ทันได้ตอบหรือเอ่ยอนุญาต ธีร์ธวัชก็แทรกตัวเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้วเรียบร้อย แถมยังวางหมอนกับผ้าห่มของตัวเองไว้บนเตียงโดยไม่ขอความเห็นจากเจ้าของห้องแม้แต่คำเดียว“ขิมยังไม่ทันได้บอกเลยว่าจะให้เฮียธีร์นอนด้วย”“แต่เฮียอุตส่าห์มาแล้ว ขิมจะใจร้ายไล่เฮียได้ลงคอเหรอ” กำลังสลับบทบาทกันอยู่หรือเปล่านะ เมื่อก่อนเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่พยายามเอาตัวไปอยู่ใกล้ ๆ เขา คอยทำทุกอย่างให้ผู้ชายตรงหน้าตกหลุมรัก แล้วดูตอนนี้สิ ทำตัวเหมือนแมวที่กำลังอ้อนขอความรักอยู่อย่างนั้นแหละ คนตัวเล็กส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย แล้วก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงนอนของตัวเอง ที่ต