ไม่นานนัก คนอื่นก็ตามมาสมทบที่ตำหนักชิงอวิ๋นจิ่นอวี้เข้ามารายงาน “พระสนม คุณหนูทั้งหลายมาถึงแล้วเพคะ”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า พร้อมสั่งจิ่นอวี้ “เอาของเข้ามาได้”จากนั้นก็กล่าวต่อคุณหนูทั้งหลาย “วันนี้ที่เชิญทุกคนมา เพราะมีธุระเรื่องหนึ่ง ข้ารู้สึกถูกชะตากับคุณหนูทุกคน จึงได้เตรียมปิ่นไว้ห้าเล่ม แต่ว่ารูปแบบเหมือนกัน เพื่อมอบให้แก่ทุกคน”ทุกคนรีบลุกขึ้นแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณพระสนมเพคะ”จึงให้จิ่นซิ่นและจิ่นอวี้ช่วยทุกคนปักปิ่น และหัวเราะด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว สวยมาก”ตื่นเช้ามาวันนี้ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยนาน ๆ จะแต่งกายเต็มยศสักครั้ง แม้ว่าจะวุ่นวายซับซ้อน แต่ก็แลดูสวยงามยิ่ง จนทำให้คุณหนูบางคนรู้สึกละอายในตนเอง ที่แท้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นสาวงามที่หาคนเทียบยากยิ่งนักแม้แต่ลู่ซิงหว่านก็อดชื่นชมไม่ได้[ท่านแม่สวยจัง ข้าอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญยังไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อน อีกหน่อยข้าโตขึ้นก็คงสวยเหมือนท่านแม่ด้วยใช่ไหม]พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยื่นหน้าไปหอมแก้มลู่ซิงหว่าน พลางคิดในใจ หวานหว่านของแม่ย่อมเป็นหญิงสาวที่งามที่สุดในโลก“ไปเถอะ เราไปข้างนอกกัน” กล่าวจบก็เดินนำออกไปคุณหน
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่ง หวานหว่านของตนรู้จักห่วงแม่ถึงเพียงนี้แล้วยังไม่ทันที่รัชทายาทจะมาถึง ฮ่องเต้ต้าฉู่กับพระสนมหนิงเฟยก็มาถึงก่อนทุกคนต่างยืนขึ้นพร้อมถวายบังคมฮ่องเต้ต้าฉู่รับตัวลู่ซิงหว่านมาอุ้มในอ้อมแขน พลางหันไปมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “ลำบากเจ้าแล้ว”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยิ้มพลางส่ายหน้า “ฝ่าบาทมาได้อย่างไรเพคะ?”ฮ่องเต้ต้าฉู่ทรงยิ้มแล้วมองดูพระสนมหนิงเฟย “ที่จริงข้าก็ไม่อยากมา แต่หนิงเฟยชวนข้าออกมาเดินเล่นหน่อยน่ะ”“คงมีแต่น้องหญิงหนิงเฟยที่เกลี้ยกล่อมฝ่าบาทได้นะเพคะ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกล่าวยิ้ม ๆที่ไหนได้ลู่ซิงหว่านที่อยู่ในอ้อมแขนฮ่องเต้กลับไม่พอใจ[น่าเห็นใจท่านแม่นัก ถูกคนอื่นแย่งสามีไป ตอนนี้เสด็จพ่อเป็นสวามีของพระสนมหนิงเฟย ไม่ใช่ของท่านแม่อีกแล้ว]ฮ่องเต้ต้าฉู่พลันขมวดคิ้ว เด็กคนนี้ไปเรียนรู้ตรรกะผิดเพี้ยนเหล่านี้มาจากไหนกัน[จู่ ๆ ก็คิดว่าไม่ให้พระสนมหนิงเฟยเป็นฮองเฮาดีกว่า เพราะถ้านางเป็นฮองเฮา อีกหน่อยท่านแม่ไม่ต้องไปถวายบังคมนางหรอกหรือ แค่คิดก็เจ็บใจแทนท่านแม่แล้ว ฮือ ๆ ๆ]คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้ต้าฉู่หยุดชะงัก หรือว่าหนิงเฟยคือว่าที่ฮองเฮาที
ขณะที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาถึง มีคุณหนูผู้หนึ่งตาไวเห็นนางเข้า จึงรีบเอ่ยปาก “พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาแล้ว”คุณหนูอื่น ๆ เพิ่งเห็นว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมาถึง จึงรีบหันมาคุกเข่าคำนับ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแม้จะร้อนรุ่มในใจ แต่ก็ยังฝืนเก็บงำความรู้สึกไว้ พร้อมถามเสียงเบาโดยไม่รอให้เสิ่นเป่าซวงซึ่งคุกเข่าอยู่ได้เอ่ยปากก่อน หญิงสาวในชุดสีชมพูด้านข้างรีบชิงเอ่ยขึ้น “เรียนพระสนม พวกเราเดินมาถึงตรงนี้ ก็เห็นเสิ่นเป่าซวงกำลังยื้อยุดอยู่กับรัชทายาท ตอแยเขาอยู่เพคะ ช่างทำให้สตรีอย่างพวกเราขายหน้าจริง ๆ”[นี่เป็นใครกัน?]ไม่เพียงแต่ลู่หว่านซิงเท่านั้น แม้แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นใคร แต่กลับรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ที่เห็นนางไม่รู้กาลเทศะ จึงไม่ได้กล่าวตอบหญิงสาวผู้นั้นยังคงหันหน้ามามองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยด้วยความแปลกใจจิ่นอวี้เห็นนางทำเช่นนี้ จึงได้กล่าวตวาด “บังอาจนัก จะกล่าวตอบพระสนม ไม่รายงานชื่อเสียงเรียงนามของตนยังพอว่า ยังกล้าจองมองพระสนมซึ่งหน้าอีก”หญิงผู้นั้นได้ยินดังนี้ จึงรีบคุกเข่าขอขมาทันที “หม่อมฉันเป็นบุตรสาวจางวางกรมขุนนางมีนามว่าหลินอิน เป็นควา
คนอื่นไม่เข้าใจ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยผู้คร่ำหวอดในสนามรบมานานปีมีหรือจะไม่รู้จึงได้หันไปกล่าวกับเสิ่นเป่าซวง “คุณหนูเสิ่นวางใจได้ เรื่องในวันนี้ ต่อให้คนรอบข้างล้วนไม่เชื่อเจ้า ข้าก็เชื่อที่เจ้าพูดมา”เสิ่นเป่าซวงรีบโขกศีรษะด้วยความซาบซึ้งเพียงแต่คำพูดของรัชทายาท ย่อมแสดงถึงความรังเกียจการตอแยของเสิ่นเป่าซวง แม้ปากจะไม่พูด แต่ในใจกลับเชื่อคำพูดของหลินอิงมากกว่าส่วนคนอื่นแม้จะไม่พูดอะไร แต่แววตาก็แสดงออกถึงความรังเกียจนางเสิ่นเป่าซวงเห็นทุกคนเป็นเช่นนี้ จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่คำนับศีรษะไปทางเฉินกุ้ยเฟย พร้อมกับเอ่ยปาก “ขอบคุณพระสนมที่เชื่อใจข้าน้อยเจ้าค่ะ”กล่าวจบก็พุ่งตัวไปยังภูเขาจำลองที่อยู่ด้านข้างทันทีทำเอาคุณหนูทั้งหลายต่างร้องด้วยความตกใจ พร้อมกับถอยหลังกรูดในขณะที่องค์ชายรองตาไวมือไว รีบคว้าตัวเสิ่นเป่าซวงเอาไว้ทัน แต่กลับกระทบถึงแผลเก่าเข้า “คุณหนูเสิ่น ร่างกายผิวพรรณได้จากพ่อแม่ เหตุใดเพียงแค่ข่าวลือเล็กน้อยก็ต้องทำร้ายตัวเองด้วย”เสิ่นเป่าเยี่ยนรีบเดินมาขอบคุณองค์ชายรอง และพยุงน้องสาวให้ยืนขึ้น รั้งตัวเข้าสู่อ้อมอกรัชทายาทเดินมาจับตัวองค์ชายรองไว้พร้อมกับซักถ
เมื่อได้ยินพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกล่าวเช่นนี้ เสิ่นเป่าซวงซึ่งเดิมก็อ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งน้ำตาร่วงไปใหญ่“คุณหนูเสิ่นน่าจะดูออก ว่ารัชทายาทมิได้มีใจต่อเจ้าเลย หากแม้วันหน้าได้เป็นคู่ครองจริง ก็อาจถูกทิ้งให้เปล่าเปลี่ยวเดียวดายอยู่ในวังหลังทั้งชาติ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกล่าวด้วยความสะท้อนใจ “มิสู้หาคนดีๆ สักคน แล้วอยู่กันอย่างหนึ่งชาติหนึ่งภพหนึ่งคู่ครองยังดีกว่า”“หนึ่งชาติหนึ่งภพหนึ่งคู่ครอง?” เสิ่นเป่าซวงเบิ่งตาโพลงพระสนมเฉินกุ้ยเฟยถอนหายใจ “แม้ว่าอาจหายาก แต่อย่างไรก็ตาม ย่อมดีกว่าอยู่อย่างเป็นรองผู้อื่น จริงไหม?”“คุณหนูเสิ่นอายุยังน้อย รัชทายาทไม่เหมาะกับเจ้าจริงๆ”เมื่อกล่าวจบ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ไม่เอ่ยปากอีกส่วนเสิ่นเป่าซวงฟังแล้ว ก็มีอาการครุ่นคิดหนักผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเสิ่นเป่าซวงก็หยุดเดิน พร้อมเอ่ยปาก “ขอบคุณพระสนมที่ชี้แนะ ข้าจะกลับไปหาพี่สาวตระกูลหาน แล้วอธิบายให้นางเข้าใจ พระสนมว่าดีหรือไม่?”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นนิสัยนางเป็นคนเฉียบขาด มีความคล้ายกับตนเองนัก จึงได้พยักหน้ายิ้มๆ “รีบไปเถอะ!”รอจนเสิ่นเป่าซวงเดินไปแล้ว พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เป็นผู้หญิงช
หานซีเยว่หันมายิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร หันมาคล้องแขนของพวกนางไว้ “ไปเถอะ เราไปชมดอกไม้กัน อุทยานหลวงสวยงามถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ชมให้ทั่ว มิเท่ากับเสียทีที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกุ้ยเฟยอุตส่าห์เชื้อเชิญหรอกหรือ”หรงเหวินเมี่ยวกับเหออวี่เหยาแม้จะไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้พี่หานยังดูมีความกังวลใจอยู่ แต่พอมาคุยกับเสิ่นเป่าซวงแล้ว จู่ๆ คล้ายกับสบายใจขึ้นมากรอจนพวกนางเดินจากไปแล้ว ทางเดินด้านหลังกลับมีนายบ่าวสองคนปรากฏตัวขึ้น ก็คือพระสนมหนิงเฟยกับสาวใช้“พระสนม ดูเหมือนว่าคุณหนูหานจะปรับความเข้าใจกับคุณหนูรองแห่งตระกูลเสิ่นแล้วนะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวพระสนมหนิงเฟยยิ้มรางๆ ในมือถือของเล่นชิ้นหนึ่ง พลางกล่าวเสียงเบา “อย่างน้อยก็ทำให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกุ้ยเฟยหมดห่วง”หลังงานสังสรรค์เทศกาลฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกุ้ยเฟยจึงเชิญองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงรองมายังตำหนักของตนวันนี้ลู่ซิงหว่านตื่นแต่เช้าตรู่ ท่านแม่อุตส่าห์เป็นแม่สื่อด้วยตนเอง นางย่อมต้องมีส่วนร่วมบ้าง“ในวันงานสังสรรค์เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ พวกเจ้าได้อะไรบ้างหรือไม่?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกุ้ยเฟยเอ่ยปากถามสองพี่น้อง“ข้าไม่ได้สังเก
เมื่อเห็นรัชทายาทอาสาไปสำรวจทุกท้องที่ องค์ชายรองก็รีบออกมาคัดค้าน “ไม่ได้เด็ดขาด เสด็จพี่เป็นถึงรัชทายาท ควรต้องอยู่ในเมืองหลวง คอยช่วยงานเสด็จพ่อ จะออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร?”กล่าวจบก็หันไปคารวะฮ่องเต้ต้าฉู่ “เสด็จพ่อ ถ้าไงให้กระหม่อมและซื่อจื่อเผยฉู่เยี่ยนไปด้วยกัน พร้อมกับองครักษ์อีกหลายคน จะได้ดูแลความปลอดภัยให้เราได้”รัชทายาทมองดูองค์ชายรอง สายตาเต็มไปด้วยความตื้นตัน วันก่อนเสด็จป้ามาที่ตำหนักของตน ได้บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระสนมหลานให้ฟังบอกว่าจิ่นหยูตัดสินใจจะเป็นผู้ช่วยของตน หนทางเบื้องหน้าไม่ว่าจะขรุขระเพียงไหน เขาก็จะอยู่เคียงข้างตลอดไปอีกอย่างพระสนมหลานเฟยล้มป่วยอย่างมีเงื่อนงำ ให้ตนส่งองครักษ์ลับคอยปกป้องจิ่นหยูไว้ให้ดีก่อนหน้านี้ตนรู้สึกได้ว่า จิ่นหยูค่อนข้างห่างเหินกับตน ยังเคยคิดว่าหากตนยอมสละตำแหน่งรัชทายาท ให้จิ่นหยูขึ้นแทนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่หากตนยังคิดอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทต่อไป จิ่นหยูก็ไม่ควรจะมาแย่งชิงกับตนอีกเหตุพลิกผันของเรื่องนี้ ย่อมอยู่ที่ตอนอยู่วัดหมิงจิ้ง จิ่นหยูมาช่วยต้านรับดาบแทนตน ตอนนั้นตนยังนึกสงสัยเขา กระทั่งระแวงว่าจะเป็นแผนยอมเจ็บตั
“นางชุยตายแล้วเพคะ”‘อ๊อค’ โจ๊กที่อยู่ในปากลู่สิงหว่านถูกสำรอกออกมาจนสิ้นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ตกใจเสียจนช้อนในมือร่วงลงพื้น พร้อมกับลุกขึ้นยืน ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก[พระสนมเต๋อเฟยถูกทรมานในตำหนักเย็นจนเสียชีวิตหรืออย่างไร หรือว่านางท้อใจเต็มที คิดว่าเสด็จพ่อไม่รักอีกแล้ว จึงได้คิดสั้นฆ่าตัวตาย?][นางเป็นคนยึดติดในอำนาจถึงเพียงนั้น จะคิดสั้นง่ายๆ ได้ยังไงกัน]ไม่ทันรอให้พระสนมเฉินเฟยเอ่ยปาก จิ่นสินก็ได้พูดต่ออีก “สนมฟางกุ้ยเหรินที่อยู่ตำหนักผู่เหวิน ก็ตายแล้วเช่นกัน”“อะไรนะ” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยิ่งตะลึงซ้ำอีก[หรือว่าตำหนักเย็นเกิดไฟไหม้ จนทำให้ทั้งคู่ถูกไฟคลอกตายพร้อมกัน พี่จิ่นสินเล่าต่อเร็วเข้าสิ]ลู่สิงหว่านรีบยกไม้ยกมือ เป็นสื่อให้จิ่นสินพูดต่อเร็วๆ จิ่นอวี้อยู่ด้านข้างก็ทนรอไม่ไหว “จิ่นสิน เล่าต่อเร็วเข้า”“สาเหตุแท้จริงบ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อครู่นี้ทหารที่ตำหนักผู่เหวินมาแจ้ง ว่าสาวใช้ของสนมฟางกุ้ยเหรินบอกว่า ทั้งพระสนมเต๋อเฟยและสนมฟางกุ้ยเหรินต่างไม่รู้สึกตัวทั้งคู่ ให้รีบไปตามหมอหลวง”“แล้วหมอหลวงไปถึงหรือยัง?”“ทหารไปถึงสำนักหมอหลวง และให้หมออีกคนหนึ่งมา
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก
คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ
หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั
ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น