“ไงวะเพื่อน ถึงกับนะจังงังไปเลยหรือ จะบอกอะไรให้นะ ดูบนเวทีว่าสวยแล้วดูใกล้ ๆ ยิ่งกว่านี้อีก ความรู้สึกแกจะเหมือนกับว่าโดนเล่นของใส่เลยล่ะ นี่ถ้ามาบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์นะ ฉันจะไม่แปลกใจเลย”
ภีมพลพูดในสิ่งที่ตนคิด แต่คนฟังอย่างพชรถึงกับส่ายหน้าให้กับความช่างคิดของเพื่อน
“น้อย ๆ หน่อย เวอร์ไปแล้ว” ชายหนุ่มปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเรื่องที่ภีมพลพูดเป็นเรื่องน่าขบขันเสียเต็มประดา ทั้งที่ในใจเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนเสียแล้ว
...ใช่ ผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์ไม่ต่างอะไรกับแม่มดเลย ร้ายชะมัด!
พชรกำลังบังคับตนเองไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไป แต่ไม่รู้ทำไมขาของเขาต้องกระดิกตลอดเวลา เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะนั่งนิ่ง ๆ ให้สมกับเป็นผู้บริหารของที่นี่ ที่ผับชื่อดังแห่งนี้ แต่พอเผลอตัวทีไรขาของเขาก็จะกระดิกไปเองโดยอัตโนมัติ
ภีมพลต้องแอบกลั้นยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่อยากล้อเลียนให้อีกฝ่ายว้ากใส่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพชรกำลังตื่นเต้นที่จะได้พูดคุยใกล้ชิดกับวงดนตรีวงใหม่ของที่นี่ แต่ดันทำปากแข็งว่าไม่สนใจ...เอาเถอะ แล้วเขาจะคอยดูตอนเผชิญหน้า
เสียงออดจากหน้าประตูทำให้พชรหลุดอาการยิ่งกว่าเดิมเพราะเขาสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มรีบเอาขาที่กระดิกจนโต๊ะสั่นเมื่อครู่ลงกับพื้นแล้วนั่งหลังยืดตรง เปลี่ยนเป็นเอานิ้วเคาะโต๊ะแทน
ภีมพลแกล้งหันมาถาม ทำทีเป็นมองไม่เห็นอาการของเพื่อน
“พร้อมรึยังเพื่อน”
“ทำไมต้องถามวะ ก็เรียกเข้ามาเลย ฉันก็ไม่ได้อะไรสักหน่อย”
ภีมพลหัวเราะขลุกขลักในลำคอก่อนตะโกนอนุญาตให้กลุ่มคนที่ยืนหน้าห้องได้ยิน
“เชิญครับ”
สิ้นเสียงอนุญาต ประตูกระจกก็ถูกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มคนสี่คนก้าวเข้ามาในห้อง นำโดยชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เครื่องหน้าของผู้ชายคนนี้จัดว่าลงตัวทุกอย่าง แม้กระทั่งคนมองที่เป็นผู้ชายด้วยกันอย่างพชรกับภีมพลยังแอบทึ่งในใจ
ถัดมาเป็นชายหนุ่มอีกสองคนที่หน้าตาจัดว่าคมเข้มไม่น้อย และรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กัน คนหนึ่งนั้นเจาะหูใส่หมุดกลมเล็ก ๆ เรียงกันสามอัน ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นสักลายเต็มแขนทั้งสองข้าง ไว้ผมทรงลานบิน และดูยิ้มแย้มตลอดเวลา
แต่คนที่ทำเอาพชรแทบหยุดหายใจลงตรงนั้น เห็นจะเป็นนักร้องนำหญิงของวง
รูปหน้าเรียวเล็กรูปไข่ คิ้วดกดำได้รูปสวย จมูกเล็กโด่งเชิดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำสนิทจนเขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกดึงดูดด้วยพลังงานมหาศาลบางอย่างจนไม่สามารถละสายตาไปทางไหนได้ แววตาของเธอระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับร้อยนับพันไหวระริกอยู่ในนั้น ริมฝีปากอิ่มเต็มก็ช่างน่าดูดดึงคลุกเคล้าทั้งวันทั้งคืน
มุมปากอิ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจ้านายคนใหม่ เธอชินเสียแล้วที่ถูกคนมองแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่ไม่เห็นแววกรุ้มกริ่มจากเจ้านายหนุ่มทั้งสอง นั่นจึงทำให้รู้สึกเบาใจอยู่บ้าง
“เอาล่ะ...ที่ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ก็เพราะอยากจะให้รู้จักกับหุ้นส่วนของผมอีกคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้แวะมาที่นี่บ่อยนัก...นี่คือคุณพชร หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่าคุณโอมก็ได้ รบกวนช่วยแนะนำตัวกันหน่อยนะครับ”
ภีมพลกล่าวเป็นการเป็นงานกับทุกคน ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนตอนที่อยู่กันสองคนกับเพื่อน นั่นก็เพราะเขาไม่ต้องการให้พนักงานมาปีนเกลียวใส่ เขาต้องการให้พนักงานทุกคนเห็น และเชื่อมั่นว่าเขาไม่ได้เปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ขึ้นมาเพียงเพราะเงินมันเหลือกินเหลือใช้ แต่เขาเปิดเพราะรักที่จะทำมันจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ภีมพลจึงเป็นที่เคารพยำเกรงของทุกคนที่นี่มาก
“คริสครับ กีตาร์ลีด และนักร้องนำ” หนุ่มลูกครึ่งเป็นคนแนะนำตัวเองก่อนเป็นคนแรก
“จิลครับ มือเบส” ชายหนุ่มคนที่ใส่หมุดเรียงกันสามอันบนใบหูแนะนำตัวเองเป็นคนถัดมา
“ผมว่านครับ มือกลองครับผม” ชายหนุ่มคนสุดท้ายแนะนำตัวแล้วค้อมศีรษะให้พร้อมรอยยิ้ม บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ดีขนาดไหน
“ม็อทค่ะ นักร้องนำ”
คนสุดท้ายเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มบอกชื่อของตัวเองเสร็จแล้วก็พนมมือไหว้ ภีมพลลอบสังเกตเพื่อนรัก เห็นพชรยังนั่งเฉยไม่ยกมือขึ้นรับไหว้เหมือนตกอยู่ในภวังค์จึงแกล้งเอาเท้าสะกิดใต้โต๊ะ
“อื้ม...ครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ” พอได้สติ พชรจึงยืดตัวมาข้างหน้าวางมือประสานกันไว้บนโต๊ะ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองไปที่หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม แล้วกวาดตามองชายหนุ่มทั้งสามคนแทน
“แล้วก็...ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้วงบัตเตอร์ฟลายมาเล่นให้กับคลับของเรา ผมหวังว่าพวกคุณจะแฮปปีกับที่นี่นะครับ”
พชรยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร เขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่วงดนตรีอันโด่งดังวงนี้ไม่ยอมต่อสัญญากับที่เดิมเพราะอะไร แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นปัญหาภายใน หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่า
“เอาละครับ อีกเดี๋ยวครึ่งชั่วโมงพวกคุณต้องขึ้นแสดงอีก ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้วล่ะ ขอบคุณมากครับที่มา”
ภีมพลลุกขึ้นยืนพลางเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง สมาชิกวงทั้งหมดจึงค้อมศีรษะให้แล้วค่อย ๆ ทยอยออกไปจากห้อง
ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิท พชรก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรงราวกับเมื่อครู่เขากลั้นหายใจไว้นานเกินไป ภีมพลหันมาเห็นท่าทางของเพื่อนถึงกับขำจนตัวโยน
“หัวเราะอะไรของแกวะ ไอ้ภีม” พชรหันไปทำหน้าดุใส่เพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะอ่านใจเขาออกไปเสียทุกเรื่อง
“ท่องไว้นะเพื่อน กฎของพวกเรา ไม่กินไก่วัด หรือถ้านายอยากจะแหกกฎละก็ ขอแนะนำให้เอาไปกินในที่ลับตาหน่อยล่ะ ไม่งั้นมันจะเสียการปกครอง” ภีมพลเบี่ยงสะโพกขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่พลางยักคิ้วให้เพื่อนอย่างล้อเลียน
“ถ้าไก่มันน่ากิน ก็คุ้มที่จะลองแหกกฎไม่ใช่หรือวะ”
พชรลุกขึ้นเดินไปแหวกผ้าม่านเพื่อดูบรรยากาศภายนอก เห็นผู้คนเบียดเสียดกันเต็มพื้นที่แล้วก็ยิ้มออกมา ใครจะเชื่อว่าวงดนตรีวงนั้นจะดึงดูดผู้คนได้มากขนาดนี้
“แต่ฉันว่าตอนนี้ ฉันขอไปสานต่อกับแม่สาวเนื้อนุ่มก่อนดีกว่า นายจะเอาด้วยไหม ฉันจะได้ให้คุณแมทไปบอกให้”
ภีมพลหมายถึงผู้จัดการร้านหนุ่มหล่อคนใหม่ ซึ่งนับเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวดึงดูดของสาว ๆ ให้มาเที่ยวที่คลับแห่งนี้
“ไหนล่ะ พวกนั้นนั่งกันโต๊ะไหน”
พชรกวาดตามองหาโต๊ะของแม่สาวทรงโตที่ภีมพลเอ่ยถึงเพื่อต้องการดูหน้าของสาว ๆ เหล่านั้นว่าสวยเด็ดดวงสมราคาคุยของเพื่อนรักหรือเปล่า ขณะที่ภีมพลเดินมาหยุดยืนข้างเพื่อน แล้วชี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
“โน่น! โต๊ะนู้น นับจากโต๊ะหน้าเวทีขึ้นไปทางขวาอีกสองโต๊ะ ที่มีสาวสวยนั่งกันอยู่สี่คนน่ะ นายเห็นรึยัง”
พชรมองตามที่เพื่อนชี้ไปแล้วยิ้มมุมปาก สายตาจริงจังก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มระยิบระยับขึ้นมาทันที
“คนไหนเด็ดสุด ฉันรู้ว่านายชิมมาหมดแล้ว รึไม่จริง” พชรหันไปถามเพื่อนที่ยืนยักไหล่ยิ้มกริ่มไม่ต่างกัน
“เด็ดสุดต้องน้องออย ชุดเกาะอกแดงนั่นน่ะ อย่างกับนางเอกเอวีมาเอง รับรองเลยว่านายได้ซี้ดทั้งคืนแน่”
“งั้นก็คนนี้แหละ”
ชายหนุ่มบอกเพื่อนทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากสาวชุดแดงที่ภีมพลแนะนำมาว่าเด็ดเหลือเกิน ภีมพลก็ไม่ขัดศรัทธา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หาผู้จัดการหนุ่มให้จัดการให้ทันที
“คุณแมท ผมวานคุณเดินไปที่โต๊ะของแนนนี่ให้หน่อยสิ บอกให้เธอขึ้นมาหาผมหน่อย พาเพื่อนชื่อออยขึ้นมาด้วยนะ”
สั่งเสร็จก็เดินไปหยิบสุรานอกที่อยู่ในตู้โชว์พร้อมกับแก้วเปล่าสองใบมาวางบนโต๊ะรับแขก จากนั้นก็จัดแจงรินน้ำสีอำพันยื่นส่งให้พชรที่เดินตามมานั่งบนโซฟาเพื่อรอเวลาสนุกกับสาว ๆ ที่ตนแนะนำให้
รอไม่นานนัก ออดในห้องก็ดังขึ้นตามมาด้วยร่างสะโอดสะองของหญิงสาวสองคนเดินนวยนาดเข้ามา โดยมีผู้จัดการหนุ่มหล่อปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่“คุยธุระกันเสร็จแล้วหรือคะ ถึงเรียกหาแนนนี่ได้น่ะ”หญิงสาวคนเดิมที่พชรเห็นนัวเนียกับภีมพลเมื่อตอนเปิดประตูเข้ามาเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน เจ้าหล่อนพาร่างอันอวบอัดเข้าไปเบียดกระแซะกับภีมพลจนแทบจะนั่งเกยกัน“แหม...ไม่กล้าคุยนานหรอกจ้ะ กลัวว่าถ้าคุยนานแล้วจะมีหนุ่ม ๆ มาโฉบสาวสวยของผมไปก่อนน่ะสิ ขืนมีใครโฉบไปคืนนี้ได้นอนแห้งเหี่ยวหัวโตแน่เลย” ภีมพลออเซาะหญิงสาว มือก็ลูบไล้ไปตามต้นขาขาวเนียนของแนนนี่ไปด้วย ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสูงขึ้น จนผลุบหายเข้าไปในเดรสสีดำ“น้องออยครับ เพื่อนพี่เขาอยากรู้จักน้องออยม้ากมาก พี่วานน้องออยนั่งคุยเป็นเพื่อนไอ้โอมเพื่อนพี่หน่อยนะครับ พี่กลัวมันจะเหงาน่ะ เวลาที่พี่ไป...”ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้มือทำอะไรภายใต้เดรสสีดำตัวนั้น แต่ฟังจากเสียงครางที่ไม่เบานักของหญิงสาวที่เบียดอยู่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก ส่วนหญิงสาวที่ถูกฝากฝังถึงกับยิ้มยั่วใส่อีกฝ่ายทันที“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ภีม เดี๋ยวน้องออยจัดให้”สาวสวยหันไปขยิบตาให้พชร ก่อนจะเข้าไปนั่งเบียดกับชาย
“อุ๊ย! ที่ไหนคะเนี่ย”ช่อมาลีสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของพชรอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร หญิงสาวดันตัวเองไปข้างหลังจนแทบจะจมไปกับเบาะ มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างคนเพิ่งตื่นนอน“พารากอน” พชรตอบ ก่อนจะขยับตัวกลับไปพิงเบาะตามเดิม“หืม...พารากอน ท่านประธานมาที่นี่ทำไมคะ หรือว่าหิวข้าว”ช่อมาลีพยายามหันเหความสนใจของเขาให้ละไปจากการมองสำรวจใบหน้าของเธอ แค่เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว“ก็...เดินเล่น กินข้าว แล้วก็...หาหนังสนุก ๆ ดูสักเรื่อง ไปกันเถอะ!”พูดจบเขาก็ปลดล็อกรถแล้วก้าวขาออกไปทันที ทำให้ช่อมาลีต้องรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวตามลงไป ทว่ามือก็ยังไม่วายหยิบแฟ้มงานติดมาด้วย“จะเอามาทำไมเล่าคุณช่อ เอาไว้ในรถนั่นแหละ จะถือทำไมให้เมื่อย”พชรเดินมาดึงแฟ้มไปจากมือของหญิงสาวแล้วเปิดประตูรถด้านหลังโยนแฟ้มงานเข้าไปวางแหมะอยู่บนเบาะ จากนั้นกึ่งจูงกึ่งลากเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้า“เอ่อ...ท่านประธานคะ ไม่ต้องจูงก็ได้ค่ะ ดิฉันเดินเองได้”ช่อมาลีละล่ำละลักบอกเขาพลางออกแรงยื้อข้อมือของตนเองไม่แรงนัก ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้น
พชรนั่งมองออกไปนอกกระจกรถด้วยท่าทางเบื่อหน่าย มือจับพวงมาลัย นิ้วก็เคาะไปตามจังหวะเพลงที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่รถเข็นขายอาหารริมทางเท้าไปจนถึงคนกวาดขยะ เขาเบื่อสี่แยกนี้ที่สุด จะไม่ผ่านก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ถึงออฟฟิศพอรถเคลื่อนไปได้ประมาณสองช่วงตัวก็ติดแหงกอีกเหมือนเดิม พชรเอนหลังพิงเบาะ ละมือจากการจับพวงมาลัย ตาเหลือบไปเห็นรถประจำทางปรับอากาศที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่พอเขามองขึ้นไป มุมปากหยักก็ยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นสภาพงีบหลับแบบไม่สนใจใครของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนนั้นจะไม่ให้เขาขำได้อย่างไร ในเมื่อเธอเล่นเอาแก้มของตนเองข้างหนึ่งแนบไปกับกระจกรถ หนำซ้ำยังหลับอ้าปากอีกต่างหาก ส่วนแว่นตาหนาเตอะก็ตกร่นมาอยู่ที่ปลายจมูก“เป็นสาวเป็นแส้ ทำไปได้นะคนเรา สงสัยแอร์บนรถเมล์คงจะเย็นจนน่านอน”พูดเสร็จตนเองก็หาวบ้าง พอดีกับที่รถเริ่มเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถไปก็ลุ้นจนตัวโก่งไปด้วยว่าตนจะสามารถพ้นสี่แยกนรกนี่ไปได้หรือไม่ พชรเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะ ๆ กะเอาไว้ว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อไร เขาจะส
ผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง การสัมภาษณ์ ซักถามประวัติการทำงาน และรายละเอียดขอบข่ายความรับผิดชอบก็ถูกถ่ายทอดให้ช่อมาลีฟังจนหมด เขาหยิบหนังสือแนะนำบริษัทยื่นส่งไปให้หญิงสาว ช่อมาลีรับมาแล้วลองเปิดดูเนื้อหาข้างในคร่าว ๆ ระหว่างนั้นพชรจึงลอบมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ปาก คอ คิ้ว คางจัดว่าพอเหมาะพอเจาะหากไม่มีแว่นสายตาหนาเตอะบดบังความสวยงาม ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ใบหน้าไร้สีสันแต่กลับไม่ได้ดูจืดชืดจนไม่น่ามองครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ช่อมาลีเหมือนพวกคงแก่เรียนทั่วไป แต่พอได้มองใกล้ ๆ เขายอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้จัดว่าสวยใช้ได้ รูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วน ถ้าจับมาแต่งตัวแต่งหน้าสักหน่อยรับรองได้เลยว่าหนุ่ม ๆ ที่บริษัทนี้คงได้มองตามกันเป็นแถวว่าแต่...เขาเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนกันนะพลันนั้นใบหน้าสวยสะดุดใจของนักร้องนำสาวสวยที่ทำให้เขาแทบหมดลมหายใจไปดื้อ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้มีบางอย่างที่เหมือนกันสายตาของชายหนุ่มมองจ้องอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ช่อมาลียกมือขึ้นดันกรอบแว่นแล้วเสมองไป
ช่อมาลีไม่กล้ามองภาพที่เกิดเหตุเต็มตานัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง และร่างนั้นหมดลมหายใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนัยน์ตาของหล่อนเบิกโพลงเหลือกขึ้นไปด้านบน ที่คอมีรอยปาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดล้นทะลักออกมาจากบาดแผลจนไหลออกมายังบริเวณทางเดินด้านนอก เธอไม่รู้ว่าศพมีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่กล้ามองอีกต่อไป แค่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ติดตาเสียจนทำเอาเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้มีแต่คริสที่ใช้ไฟฉายส่องกราดไปทั่วบริเวณราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง ทั้งยังทำท่าเหมือนจะเข้าไปดูที่ศพใกล้ ๆ ดีที่เธอดึงเสื้อเขาไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน จากนั้นจึงพากันเดินออกมาที่ลานจอดรถเหมือนเดิม โดยตกลงกันเอาไว้ว่า ถ้าหากวันรุ่งขึ้นยังไม่มีใครเจอศพ คริสจะเป็นคนแจ้งตำรวจด้วยตนเอง และจะเป็นคนบอกกับตำรวจว่าเขากับเธอเป็นคนพบศพโดยทำทีเป็นว่าเขาเข้ามาหากุญแจบ้านที่ทำหล่นหายซึ่งเธอก็เข้ามาเป็นเพื่อน แล้วบังเอิญมาพบศพเข้าพอดีและถ้าตำรวจเรียกตัวไปสอบถาม หรือสอบปากคำก็ให้บอกทุกอย่างไปตามความจริง เพราะเธอดันไปเหยียบรอยเลือดเข้า ซึ่งถ้าหากตรวจสอบขึ้นมา ตำรวจต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นรอยรองเท้าของเธอ หากเธอไม่พูดไปตา
พชรมองผ่านกระจกลงไปยังฟลอร์เต้นรำด้านล่าง นักเที่ยวแต่ละคนช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์น่าสยดสยองแค่ไหน นับว่าการใช้เงินปิดปากตำรวจบางนาย และนักข่าวจมูกไวทั้งหลายได้ผลดีเกินคาดโชคดีที่คลับแห่งนี้ค่อนข้างมีระดับ จำกัดเฉพาะลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้นถึงจะเข้ามาเที่ยวหาความสำราญได้เพราะราคาค่าเมมเบอร์ที่แพงระยับต่อหัว คนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จึงเป็นพวกกระเป๋าหนัก หรือพวกมีอันจะกินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักธุรกิจดัง ๆ ไฮโซ เซเลบ หรือแม้แต่พวกคนในวงการบันเทิงก็มักยินดีจ่ายเพื่อยกระดับความโก้หรูให้ตัวเองคืนนี้เขาต้องมาอยู่ดูแลคลับแทนภีมพล เพราะรายนั้นมีปัญหาเรื่องธุรกิจอีกอย่างที่ต้องรีบไปจัดการ ใครจะเชื่อว่าหนุ่มเจ้าสำราญอย่างภีมพล เพื่อนรักของเขาคนนี้จะเป็นถึงเจ้าของบริษัทเครื่องบินให้เช่าเหมาลำ ทั้งยังมีโกดัง และคลังสินค้าขนาดใหญ่ให้เช่าอีกด้วย ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนมาถึงรุ่นของภีมพลพชรหันไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนกดออดอยู่ด้านนอก เขาตะโกนอนุญาตคนที่ยืนรออยู่นอกห้อง จากนั้นจึงเดิ
“ออยมีแฟนไหม หรือสามี หรือมีศัตรูอะไรที่ไหนรึเปล่า เช่นว่าไปแย่งแฟนใครเข้าจนแฟนเขาตามมาทำร้ายน่ะ”“แฟนหรือสามีน่ะไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าอาจจะไปแย่งของใครเขามา อันนี้ก็คงมีบ้าง ก็แหม...คุณโอมก็น่าจะเข้าใจพวกเรานะคะ พวกเราไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับความสัมพันธ์แบบนั้นอยู่แล้ว ถูกใจใครก็จูงมือกันไปหาความสุขข้างนอก เอาเสร็จก็จบกัน เจอกันอีกครั้งก็เป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักกันไป เว้นเสียแต่ว่าผู้ชายคนนั้นเซ็กซ์เจ๋งจริงก็อาจจะมีรอบสองรอบสาม หรือทุกครั้งที่เจอหน้า แต่เสร็จแล้วก็คือจบ ไม่ได้คบกันจริง ๆ จัง ๆ” น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย“แล้วมีใครที่เคยตามมาหึงหวงจนทะเลาะตบตีกันบ้างไหม”ชายหนุ่มถามโดยพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุให้คนหนึ่งคนแค้นเคืองกันจนสามารถลุกขึ้นมาคร่าชีวิตของคนอื่นได้“แทบไม่มีเลยค่ะคุณโอม อย่างที่บอกไปว่าพวกเราก็แค่สนุกกันบนเตียง แต่พอออกมาข้างนอกเราก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถ้าคนไหนมากับแฟนเราก็ไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าแฟนของพวกเขากลับไปก่อนก็ว่าไปอย่าง” หญิงสาวตอบเขาอย่างไม่แยแส ราวกับว่าเรื่องที่พวกเธอทำนั้
“อาร์มว่ามิวเตรียมตัวกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้อาร์มจัดการเอง”“ได้ยังไงล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย มิวไม่อยากเอาเปรียบอาร์มหรอกนะ”หญิงสาวยืนกรานที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอเห็นแล้วว่าใครเดินเข้ามาในผับบ้าง เพราะจำหน้าบางคนได้ตอนที่ให้ปากคำไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ดูท่าแล้วตำรวจน่าจะรู้อะไรบางอย่างถึงได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ทอดทิ้งให้อาร์มต้องอยู่เพียงลำพังแน่ เธอต้องอยู่ช่วยเขา เพราะมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นแน่นอน เธอรู้ดี!เมื่อได้เวลาผับเลิก นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก็กลับออกไปแล้ว แต่บางกลุ่มก็ยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเนื่องจากยังติดลมไม่อยากลุกไปไหน อาจจะเพราะด้วยน้ำสีอำพันที่ยังเหลืออยู่แค่ก้นขวด จึงหวังจะจัดการให้หมดแล้วค่อยแยกย้าย อีกทั้งในผับก็ยังคงเปิดเพลงช้าคลอไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเปิดไฟให้สว่างไสวขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยังคงเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่เลิกราจุมพลเดินเข้าไปที่บูธดีเจ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในนั้นด้วยความเป็นกันเอง ทว่าสายตาที่มองกลับคาดคั้น
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”