หน้าหลัก / โรแมนติก / เสน่หาผีเสื้อราตรี / บทที่ 1 การปรากฏตัวของผีเสื้อกลางคืน - 70%

แชร์

บทที่ 1 การปรากฏตัวของผีเสื้อกลางคืน - 70%

ผู้แต่ง: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-04 15:50:27

“ไงวะเพื่อน ถึงกับนะจังงังไปเลยหรือ จะบอกอะไรให้นะ ดูบนเวทีว่าสวยแล้วดูใกล้ ๆ ยิ่งกว่านี้อีก ความรู้สึกแกจะเหมือนกับว่าโดนเล่นของใส่เลยล่ะ นี่ถ้ามาบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์นะ ฉันจะไม่แปลกใจเลย”

ภีมพลพูดในสิ่งที่ตนคิด แต่คนฟังอย่างพชรถึงกับส่ายหน้าให้กับความช่างคิดของเพื่อน

“น้อย ๆ หน่อย เวอร์ไปแล้ว” ชายหนุ่มปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเรื่องที่ภีมพลพูดเป็นเรื่องน่าขบขันเสียเต็มประดา ทั้งที่ในใจเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนเสียแล้ว

...ใช่ ผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์ไม่ต่างอะไรกับแม่มดเลย ร้ายชะมัด!

พชรกำลังบังคับตนเองไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไป แต่ไม่รู้ทำไมขาของเขาต้องกระดิกตลอดเวลา เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะนั่งนิ่ง ๆ ให้สมกับเป็นผู้บริหารของที่นี่ ที่ผับชื่อดังแห่งนี้ แต่พอเผลอตัวทีไรขาของเขาก็จะกระดิกไปเองโดยอัตโนมัติ

ภีมพลต้องแอบกลั้นยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่อยากล้อเลียนให้อีกฝ่ายว้ากใส่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพชรกำลังตื่นเต้นที่จะได้พูดคุยใกล้ชิดกับวงดนตรีวงใหม่ของที่นี่ แต่ดันทำปากแข็งว่าไม่สนใจ...เอาเถอะ แล้วเขาจะคอยดูตอนเผชิญหน้า

เสียงออดจากหน้าประตูทำให้พชรหลุดอาการยิ่งกว่าเดิมเพราะเขาสะดุ้งเล็กน้อย ชายหนุ่มรีบเอาขาที่กระดิกจนโต๊ะสั่นเมื่อครู่ลงกับพื้นแล้วนั่งหลังยืดตรง เปลี่ยนเป็นเอานิ้วเคาะโต๊ะแทน

ภีมพลแกล้งหันมาถาม ทำทีเป็นมองไม่เห็นอาการของเพื่อน

“พร้อมรึยังเพื่อน”

“ทำไมต้องถามวะ ก็เรียกเข้ามาเลย ฉันก็ไม่ได้อะไรสักหน่อย”

ภีมพลหัวเราะขลุกขลักในลำคอก่อนตะโกนอนุญาตให้กลุ่มคนที่ยืนหน้าห้องได้ยิน

“เชิญครับ”

สิ้นเสียงอนุญาต ประตูกระจกก็ถูกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มคนสี่คนก้าวเข้ามาในห้อง นำโดยชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เครื่องหน้าของผู้ชายคนนี้จัดว่าลงตัวทุกอย่าง แม้กระทั่งคนมองที่เป็นผู้ชายด้วยกันอย่างพชรกับภีมพลยังแอบทึ่งในใจ 

ถัดมาเป็นชายหนุ่มอีกสองคนที่หน้าตาจัดว่าคมเข้มไม่น้อย และรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กัน คนหนึ่งนั้นเจาะหูใส่หมุดกลมเล็ก ๆ เรียงกันสามอัน ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นสักลายเต็มแขนทั้งสองข้าง ไว้ผมทรงลานบิน และดูยิ้มแย้มตลอดเวลา

แต่คนที่ทำเอาพชรแทบหยุดหายใจลงตรงนั้น เห็นจะเป็นนักร้องนำหญิงของวง

รูปหน้าเรียวเล็กรูปไข่ คิ้วดกดำได้รูปสวย จมูกเล็กโด่งเชิดขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำสนิทจนเขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกดึงดูดด้วยพลังงานมหาศาลบางอย่างจนไม่สามารถละสายตาไปทางไหนได้ แววตาของเธอระยิบระยับราวกับมีดวงดาวนับร้อยนับพันไหวระริกอยู่ในนั้น ริมฝีปากอิ่มเต็มก็ช่างน่าดูดดึงคลุกเคล้าทั้งวันทั้งคืน

มุมปากอิ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจ้านายคนใหม่ เธอชินเสียแล้วที่ถูกคนมองแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่ไม่เห็นแววกรุ้มกริ่มจากเจ้านายหนุ่มทั้งสอง นั่นจึงทำให้รู้สึกเบาใจอยู่บ้าง

“เอาล่ะ...ที่ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ก็เพราะอยากจะให้รู้จักกับหุ้นส่วนของผมอีกคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ได้แวะมาที่นี่บ่อยนัก...นี่คือคุณพชร หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่าคุณโอมก็ได้ รบกวนช่วยแนะนำตัวกันหน่อยนะครับ”

ภีมพลกล่าวเป็นการเป็นงานกับทุกคน ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนตอนที่อยู่กันสองคนกับเพื่อน นั่นก็เพราะเขาไม่ต้องการให้พนักงานมาปีนเกลียวใส่ เขาต้องการให้พนักงานทุกคนเห็น และเชื่อมั่นว่าเขาไม่ได้เปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ขึ้นมาเพียงเพราะเงินมันเหลือกินเหลือใช้ แต่เขาเปิดเพราะรักที่จะทำมันจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ภีมพลจึงเป็นที่เคารพยำเกรงของทุกคนที่นี่มาก

“คริสครับ กีตาร์ลีด และนักร้องนำ” หนุ่มลูกครึ่งเป็นคนแนะนำตัวเองก่อนเป็นคนแรก

“จิลครับ มือเบส” ชายหนุ่มคนที่ใส่หมุดเรียงกันสามอันบนใบหูแนะนำตัวเองเป็นคนถัดมา

“ผมว่านครับ มือกลองครับผม” ชายหนุ่มคนสุดท้ายแนะนำตัวแล้วค้อมศีรษะให้พร้อมรอยยิ้ม บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ดีขนาดไหน

“ม็อทค่ะ นักร้องนำ”

คนสุดท้ายเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มบอกชื่อของตัวเองเสร็จแล้วก็พนมมือไหว้ ภีมพลลอบสังเกตเพื่อนรัก เห็นพชรยังนั่งเฉยไม่ยกมือขึ้นรับไหว้เหมือนตกอยู่ในภวังค์จึงแกล้งเอาเท้าสะกิดใต้โต๊ะ

“อื้ม...ครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ” พอได้สติ พชรจึงยืดตัวมาข้างหน้าวางมือประสานกันไว้บนโต๊ะ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองไปที่หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม แล้วกวาดตามองชายหนุ่มทั้งสามคนแทน

“แล้วก็...ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้วงบัตเตอร์ฟลายมาเล่นให้กับคลับของเรา ผมหวังว่าพวกคุณจะแฮปปีกับที่นี่นะครับ”

พชรยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร เขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่วงดนตรีอันโด่งดังวงนี้ไม่ยอมต่อสัญญากับที่เดิมเพราะอะไร แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นปัญหาภายใน หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่า

“เอาละครับ อีกเดี๋ยวครึ่งชั่วโมงพวกคุณต้องขึ้นแสดงอีก ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้วล่ะ ขอบคุณมากครับที่มา”

ภีมพลลุกขึ้นยืนพลางเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง สมาชิกวงทั้งหมดจึงค้อมศีรษะให้แล้วค่อย ๆ ทยอยออกไปจากห้อง

ทันทีที่ประตูห้องปิดสนิท พชรก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรงราวกับเมื่อครู่เขากลั้นหายใจไว้นานเกินไป ภีมพลหันมาเห็นท่าทางของเพื่อนถึงกับขำจนตัวโยน

“หัวเราะอะไรของแกวะ ไอ้ภีม” พชรหันไปทำหน้าดุใส่เพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะอ่านใจเขาออกไปเสียทุกเรื่อง

“ท่องไว้นะเพื่อน กฎของพวกเรา ไม่กินไก่วัด หรือถ้านายอยากจะแหกกฎละก็ ขอแนะนำให้เอาไปกินในที่ลับตาหน่อยล่ะ ไม่งั้นมันจะเสียการปกครอง” ภีมพลเบี่ยงสะโพกขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่พลางยักคิ้วให้เพื่อนอย่างล้อเลียน

“ถ้าไก่มันน่ากิน ก็คุ้มที่จะลองแหกกฎไม่ใช่หรือวะ”

พชรลุกขึ้นเดินไปแหวกผ้าม่านเพื่อดูบรรยากาศภายนอก เห็นผู้คนเบียดเสียดกันเต็มพื้นที่แล้วก็ยิ้มออกมา ใครจะเชื่อว่าวงดนตรีวงนั้นจะดึงดูดผู้คนได้มากขนาดนี้

“แต่ฉันว่าตอนนี้ ฉันขอไปสานต่อกับแม่สาวเนื้อนุ่มก่อนดีกว่า นายจะเอาด้วยไหม ฉันจะได้ให้คุณแมทไปบอกให้”

ภีมพลหมายถึงผู้จัดการร้านหนุ่มหล่อคนใหม่ ซึ่งนับเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นตัวดึงดูดของสาว ๆ ให้มาเที่ยวที่คลับแห่งนี้

“ไหนล่ะ พวกนั้นนั่งกันโต๊ะไหน”

พชรกวาดตามองหาโต๊ะของแม่สาวทรงโตที่ภีมพลเอ่ยถึงเพื่อต้องการดูหน้าของสาว ๆ เหล่านั้นว่าสวยเด็ดดวงสมราคาคุยของเพื่อนรักหรือเปล่า ขณะที่ภีมพลเดินมาหยุดยืนข้างเพื่อน แล้วชี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย

“โน่น! โต๊ะนู้น นับจากโต๊ะหน้าเวทีขึ้นไปทางขวาอีกสองโต๊ะ ที่มีสาวสวยนั่งกันอยู่สี่คนน่ะ นายเห็นรึยัง”

พชรมองตามที่เพื่อนชี้ไปแล้วยิ้มมุมปาก สายตาจริงจังก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มระยิบระยับขึ้นมาทันที

“คนไหนเด็ดสุด ฉันรู้ว่านายชิมมาหมดแล้ว รึไม่จริง” พชรหันไปถามเพื่อนที่ยืนยักไหล่ยิ้มกริ่มไม่ต่างกัน

“เด็ดสุดต้องน้องออย ชุดเกาะอกแดงนั่นน่ะ อย่างกับนางเอกเอวีมาเอง รับรองเลยว่านายได้ซี้ดทั้งคืนแน่”

“งั้นก็คนนี้แหละ”

ชายหนุ่มบอกเพื่อนทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากสาวชุดแดงที่ภีมพลแนะนำมาว่าเด็ดเหลือเกิน ภีมพลก็ไม่ขัดศรัทธา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หาผู้จัดการหนุ่มให้จัดการให้ทันที

“คุณแมท ผมวานคุณเดินไปที่โต๊ะของแนนนี่ให้หน่อยสิ บอกให้เธอขึ้นมาหาผมหน่อย พาเพื่อนชื่อออยขึ้นมาด้วยนะ”

สั่งเสร็จก็เดินไปหยิบสุรานอกที่อยู่ในตู้โชว์พร้อมกับแก้วเปล่าสองใบมาวางบนโต๊ะรับแขก จากนั้นก็จัดแจงรินน้ำสีอำพันยื่นส่งให้พชรที่เดินตามมานั่งบนโซฟาเพื่อรอเวลาสนุกกับสาว ๆ ที่ตนแนะนำให้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 1 การปรากฏตัวของผีเสื้อกลางคืน - 100%

    รอไม่นานนัก ออดในห้องก็ดังขึ้นตามมาด้วยร่างสะโอดสะองของหญิงสาวสองคนเดินนวยนาดเข้ามา โดยมีผู้จัดการหนุ่มหล่อปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่“คุยธุระกันเสร็จแล้วหรือคะ ถึงเรียกหาแนนนี่ได้น่ะ”หญิงสาวคนเดิมที่พชรเห็นนัวเนียกับภีมพลเมื่อตอนเปิดประตูเข้ามาเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน เจ้าหล่อนพาร่างอันอวบอัดเข้าไปเบียดกระแซะกับภีมพลจนแทบจะนั่งเกยกัน“แหม...ไม่กล้าคุยนานหรอกจ้ะ กลัวว่าถ้าคุยนานแล้วจะมีหนุ่ม ๆ มาโฉบสาวสวยของผมไปก่อนน่ะสิ ขืนมีใครโฉบไปคืนนี้ได้นอนแห้งเหี่ยวหัวโตแน่เลย” ภีมพลออเซาะหญิงสาว มือก็ลูบไล้ไปตามต้นขาขาวเนียนของแนนนี่ไปด้วย ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสูงขึ้น จนผลุบหายเข้าไปในเดรสสีดำ“น้องออยครับ เพื่อนพี่เขาอยากรู้จักน้องออยม้ากมาก พี่วานน้องออยนั่งคุยเป็นเพื่อนไอ้โอมเพื่อนพี่หน่อยนะครับ พี่กลัวมันจะเหงาน่ะ เวลาที่พี่ไป...”ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้มือทำอะไรภายใต้เดรสสีดำตัวนั้น แต่ฟังจากเสียงครางที่ไม่เบานักของหญิงสาวที่เบียดอยู่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก ส่วนหญิงสาวที่ถูกฝากฝังถึงกับยิ้มยั่วใส่อีกฝ่ายทันที“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ภีม เดี๋ยวน้องออยจัดให้”สาวสวยหันไปขยิบตาให้พชร ก่อนจะเข้าไปนั่งเบียดกับชาย

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 11 เจ้านายจอมเฮี้ยบ - 100%

    “อุ๊ย! ที่ไหนคะเนี่ย”ช่อมาลีสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของพชรอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร หญิงสาวดันตัวเองไปข้างหลังจนแทบจะจมไปกับเบาะ มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างคนเพิ่งตื่นนอน“พารากอน” พชรตอบ ก่อนจะขยับตัวกลับไปพิงเบาะตามเดิม“หืม...พารากอน ท่านประธานมาที่นี่ทำไมคะ หรือว่าหิวข้าว”ช่อมาลีพยายามหันเหความสนใจของเขาให้ละไปจากการมองสำรวจใบหน้าของเธอ แค่เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว“ก็...เดินเล่น กินข้าว แล้วก็...หาหนังสนุก ๆ ดูสักเรื่อง ไปกันเถอะ!”พูดจบเขาก็ปลดล็อกรถแล้วก้าวขาออกไปทันที ทำให้ช่อมาลีต้องรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวตามลงไป ทว่ามือก็ยังไม่วายหยิบแฟ้มงานติดมาด้วย“จะเอามาทำไมเล่าคุณช่อ เอาไว้ในรถนั่นแหละ จะถือทำไมให้เมื่อย”พชรเดินมาดึงแฟ้มไปจากมือของหญิงสาวแล้วเปิดประตูรถด้านหลังโยนแฟ้มงานเข้าไปวางแหมะอยู่บนเบาะ จากนั้นกึ่งจูงกึ่งลากเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้า“เอ่อ...ท่านประธานคะ ไม่ต้องจูงก็ได้ค่ะ ดิฉันเดินเองได้”ช่อมาลีละล่ำละลักบอกเขาพลางออกแรงยื้อข้อมือของตนเองไม่แรงนัก ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้น

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 2 เลขาฯ คนใหม่ - 35%

    พชรนั่งมองออกไปนอกกระจกรถด้วยท่าทางเบื่อหน่าย มือจับพวงมาลัย นิ้วก็เคาะไปตามจังหวะเพลงที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่รถเข็นขายอาหารริมทางเท้าไปจนถึงคนกวาดขยะ เขาเบื่อสี่แยกนี้ที่สุด จะไม่ผ่านก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ถึงออฟฟิศพอรถเคลื่อนไปได้ประมาณสองช่วงตัวก็ติดแหงกอีกเหมือนเดิม พชรเอนหลังพิงเบาะ ละมือจากการจับพวงมาลัย ตาเหลือบไปเห็นรถประจำทางปรับอากาศที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่พอเขามองขึ้นไป มุมปากหยักก็ยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นสภาพงีบหลับแบบไม่สนใจใครของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนนั้นจะไม่ให้เขาขำได้อย่างไร ในเมื่อเธอเล่นเอาแก้มของตนเองข้างหนึ่งแนบไปกับกระจกรถ หนำซ้ำยังหลับอ้าปากอีกต่างหาก ส่วนแว่นตาหนาเตอะก็ตกร่นมาอยู่ที่ปลายจมูก“เป็นสาวเป็นแส้ ทำไปได้นะคนเรา สงสัยแอร์บนรถเมล์คงจะเย็นจนน่านอน”พูดเสร็จตนเองก็หาวบ้าง พอดีกับที่รถเริ่มเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถไปก็ลุ้นจนตัวโก่งไปด้วยว่าตนจะสามารถพ้นสี่แยกนรกนี่ไปได้หรือไม่ พชรเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะ ๆ กะเอาไว้ว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อไร เขาจะส

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 2 เลขาฯ คนใหม่ - 70%

    ผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง การสัมภาษณ์ ซักถามประวัติการทำงาน และรายละเอียดขอบข่ายความรับผิดชอบก็ถูกถ่ายทอดให้ช่อมาลีฟังจนหมด เขาหยิบหนังสือแนะนำบริษัทยื่นส่งไปให้หญิงสาว ช่อมาลีรับมาแล้วลองเปิดดูเนื้อหาข้างในคร่าว ๆ ระหว่างนั้นพชรจึงลอบมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ปาก คอ คิ้ว คางจัดว่าพอเหมาะพอเจาะหากไม่มีแว่นสายตาหนาเตอะบดบังความสวยงาม ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ใบหน้าไร้สีสันแต่กลับไม่ได้ดูจืดชืดจนไม่น่ามองครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ช่อมาลีเหมือนพวกคงแก่เรียนทั่วไป แต่พอได้มองใกล้ ๆ เขายอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้จัดว่าสวยใช้ได้ รูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วน ถ้าจับมาแต่งตัวแต่งหน้าสักหน่อยรับรองได้เลยว่าหนุ่ม ๆ ที่บริษัทนี้คงได้มองตามกันเป็นแถวว่าแต่...เขาเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนกันนะพลันนั้นใบหน้าสวยสะดุดใจของนักร้องนำสาวสวยที่ทำให้เขาแทบหมดลมหายใจไปดื้อ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้มีบางอย่างที่เหมือนกันสายตาของชายหนุ่มมองจ้องอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ช่อมาลียกมือขึ้นดันกรอบแว่นแล้วเสมองไป

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 2 เลขาฯ คนใหม่ - 100%

    ช่อมาลีไม่กล้ามองภาพที่เกิดเหตุเต็มตานัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง และร่างนั้นหมดลมหายใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนัยน์ตาของหล่อนเบิกโพลงเหลือกขึ้นไปด้านบน ที่คอมีรอยปาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดล้นทะลักออกมาจากบาดแผลจนไหลออกมายังบริเวณทางเดินด้านนอก เธอไม่รู้ว่าศพมีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่กล้ามองอีกต่อไป แค่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ติดตาเสียจนทำเอาเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้มีแต่คริสที่ใช้ไฟฉายส่องกราดไปทั่วบริเวณราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง ทั้งยังทำท่าเหมือนจะเข้าไปดูที่ศพใกล้ ๆ ดีที่เธอดึงเสื้อเขาไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน จากนั้นจึงพากันเดินออกมาที่ลานจอดรถเหมือนเดิม โดยตกลงกันเอาไว้ว่า ถ้าหากวันรุ่งขึ้นยังไม่มีใครเจอศพ คริสจะเป็นคนแจ้งตำรวจด้วยตนเอง และจะเป็นคนบอกกับตำรวจว่าเขากับเธอเป็นคนพบศพโดยทำทีเป็นว่าเขาเข้ามาหากุญแจบ้านที่ทำหล่นหายซึ่งเธอก็เข้ามาเป็นเพื่อน แล้วบังเอิญมาพบศพเข้าพอดีและถ้าตำรวจเรียกตัวไปสอบถาม หรือสอบปากคำก็ให้บอกทุกอย่างไปตามความจริง เพราะเธอดันไปเหยียบรอยเลือดเข้า ซึ่งถ้าหากตรวจสอบขึ้นมา ตำรวจต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นรอยรองเท้าของเธอ หากเธอไม่พูดไปตา

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 3 เหยื่อรายที่หนึ่ง...ร่าน - 35%

    พชรมองผ่านกระจกลงไปยังฟลอร์เต้นรำด้านล่าง นักเที่ยวแต่ละคนช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์น่าสยดสยองแค่ไหน นับว่าการใช้เงินปิดปากตำรวจบางนาย และนักข่าวจมูกไวทั้งหลายได้ผลดีเกินคาดโชคดีที่คลับแห่งนี้ค่อนข้างมีระดับ จำกัดเฉพาะลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้นถึงจะเข้ามาเที่ยวหาความสำราญได้เพราะราคาค่าเมมเบอร์ที่แพงระยับต่อหัว คนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จึงเป็นพวกกระเป๋าหนัก หรือพวกมีอันจะกินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักธุรกิจดัง ๆ ไฮโซ เซเลบ หรือแม้แต่พวกคนในวงการบันเทิงก็มักยินดีจ่ายเพื่อยกระดับความโก้หรูให้ตัวเองคืนนี้เขาต้องมาอยู่ดูแลคลับแทนภีมพล เพราะรายนั้นมีปัญหาเรื่องธุรกิจอีกอย่างที่ต้องรีบไปจัดการ ใครจะเชื่อว่าหนุ่มเจ้าสำราญอย่างภีมพล เพื่อนรักของเขาคนนี้จะเป็นถึงเจ้าของบริษัทเครื่องบินให้เช่าเหมาลำ ทั้งยังมีโกดัง และคลังสินค้าขนาดใหญ่ให้เช่าอีกด้วย ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนมาถึงรุ่นของภีมพลพชรหันไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนกดออดอยู่ด้านนอก เขาตะโกนอนุญาตคนที่ยืนรออยู่นอกห้อง จากนั้นจึงเดิ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 3 เหยื่อรายที่หนึ่ง...ร่าน - 70%

    “ออยมีแฟนไหม หรือสามี หรือมีศัตรูอะไรที่ไหนรึเปล่า เช่นว่าไปแย่งแฟนใครเข้าจนแฟนเขาตามมาทำร้ายน่ะ”“แฟนหรือสามีน่ะไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าอาจจะไปแย่งของใครเขามา อันนี้ก็คงมีบ้าง ก็แหม...คุณโอมก็น่าจะเข้าใจพวกเรานะคะ พวกเราไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับความสัมพันธ์แบบนั้นอยู่แล้ว ถูกใจใครก็จูงมือกันไปหาความสุขข้างนอก เอาเสร็จก็จบกัน เจอกันอีกครั้งก็เป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักกันไป เว้นเสียแต่ว่าผู้ชายคนนั้นเซ็กซ์เจ๋งจริงก็อาจจะมีรอบสองรอบสาม หรือทุกครั้งที่เจอหน้า แต่เสร็จแล้วก็คือจบ ไม่ได้คบกันจริง ๆ จัง ๆ” น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย“แล้วมีใครที่เคยตามมาหึงหวงจนทะเลาะตบตีกันบ้างไหม”ชายหนุ่มถามโดยพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุให้คนหนึ่งคนแค้นเคืองกันจนสามารถลุกขึ้นมาคร่าชีวิตของคนอื่นได้“แทบไม่มีเลยค่ะคุณโอม อย่างที่บอกไปว่าพวกเราก็แค่สนุกกันบนเตียง แต่พอออกมาข้างนอกเราก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถ้าคนไหนมากับแฟนเราก็ไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าแฟนของพวกเขากลับไปก่อนก็ว่าไปอย่าง” หญิงสาวตอบเขาอย่างไม่แยแส ราวกับว่าเรื่องที่พวกเธอทำนั้

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 3 เหยื่อรายที่หนึ่ง...ร่าน - 100%

    “อาร์มว่ามิวเตรียมตัวกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้อาร์มจัดการเอง”“ได้ยังไงล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย มิวไม่อยากเอาเปรียบอาร์มหรอกนะ”หญิงสาวยืนกรานที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอเห็นแล้วว่าใครเดินเข้ามาในผับบ้าง เพราะจำหน้าบางคนได้ตอนที่ให้ปากคำไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ดูท่าแล้วตำรวจน่าจะรู้อะไรบางอย่างถึงได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ทอดทิ้งให้อาร์มต้องอยู่เพียงลำพังแน่ เธอต้องอยู่ช่วยเขา เพราะมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นแน่นอน เธอรู้ดี!เมื่อได้เวลาผับเลิก นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก็กลับออกไปแล้ว แต่บางกลุ่มก็ยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเนื่องจากยังติดลมไม่อยากลุกไปไหน อาจจะเพราะด้วยน้ำสีอำพันที่ยังเหลืออยู่แค่ก้นขวด จึงหวังจะจัดการให้หมดแล้วค่อยแยกย้าย อีกทั้งในผับก็ยังคงเปิดเพลงช้าคลอไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเปิดไฟให้สว่างไสวขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยังคงเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่เลิกราจุมพลเดินเข้าไปที่บูธดีเจ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในนั้นด้วยความเป็นกันเอง ทว่าสายตาที่มองกลับคาดคั้น

บทล่าสุด

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 21 เอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ - 100%

    “วันนี้คุณต้องตื่นนะคนสวย ถ้าคุณไม่ตื่นผมก็จะนั่งเฝ้าคุณอยู่อย่างนี้จนกว่าคุณจะตื่นนั่นแหละ”พชรพูดกับคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ลากเก้าอี้ที่วางชิดกำแพงอีกด้านมานั่งอยู่ข้างเตียง เขาถือวิสาสะเลิกเสื้อของหญิงสาวขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็นบริเวณที่เป็นแผล สายตาทอประกายเจ็บปวดเมื่อเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาจากผ้าพชรคว้ามือของช่อมาลีขึ้นมาแตะริมฝีปากของตนเองลงไปเบา ๆ จากนั้นก็ประสานนิ้วมือของเขากับเธอเข้าไว้ด้วยกัน มีเพียงแรงกระเพื่อมจากอกเท่านั้นที่บอกเขาว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่ชายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นแทบไม่ขยับ จนกระทั่งร่างกายเริ่มฝืนความอ่อนล้าต่อไปไม่ไหว สุดท้ายใบหน้าเขาก็เอนซบลงไปบนเตียงของหญิงสาวแรงสะกิดที่ไหล่จากเบา ๆ ก็เริ่มจะหนักขึ้นมาเรื่อย ๆ จนพชรต้องสะดุ้งตื่น เขาไม่รู้ว่าตนหลับไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรของผู้กองชินกฤตกำลังพุ่งตรงมาที่เขาอย่างจงใจ ข้างกันกับนายตำรวจหนุ่มคือช่อฟ้า มารดาของช่อมาลีที่มองมาทางเขาอย่างเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน จนกระทั่งพชรก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง ถึงเพิ่งรู

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 21 เอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ - 70%

    “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ โชคดีที่พามาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เนื่องจากว่าคนไข้เสียเลือดไปมาก ทางโรงพยาบาลก็เพิ่งให้เลือดไป ตอนนี้คงต้องให้พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูไปก่อนเพราะต้องคอยดูอาการเป็นระยะ ๆ และยังไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมนะครับ”แพทย์ผู้ทำการรักษากล่าวจบก็เดินจากไป คนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกโล่งใจไปตาม ๆ กันโดยเฉพาะเขตไทที่พอฟังจบก็เดินเข้ามาหาพชรแล้วยกมือไหว้อย่างขอบคุณ“พี่ครับ ผมต้องขอบคุณพี่มากที่ตอนนั้นพี่รีบพาพี่มาลีขึ้นรถมาโรงพยาบาล เพราะผมก็มัวแต่...” เขตไทพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบเสียงลงไปเพราะก้อนสะอื้นเริ่มขึ้นมาจุกที่คอ ตอนนั้นเขามัวแต่เล่นงานคนที่แทงพี่สาวจนลืมนึกไปว่าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล กลับกลายเป็นพชรที่มาถึงก็รีบช้อนตัวพี่สาวเขาอุ้มขึ้นรถมาทันที“ไม่เป็นไรหรอกคนกันเอง ขอแค่ให้ช่อมาลีเขาปลอดภัยก็พอแล้ว”พชรหันไปยิ้มให้พร้อมกับตบบ่าเด็กหนุ่มเบา ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก้อนหินหนัก ๆ ที่ถ่วงใจเขาก่อนหน้านี้ละลายหายไปหมดแล้ว“ขอบคุณมากครับคุณ...” ผู้กองชินกฤตเอ่ยขอบคุณพชร พลางยื่นมือออกมา พชรจึงยื่นมื

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 21 เอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ - 35%

    ทันทีที่ส่งตัวช่อมาลีถึงมือแพทย์ พชรก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดเรี่ยวแรง ในใจได้แต่ปลอบตนเองซ้ำไปซ้ำมาว่าถึงมือหมอแล้วเธอต้องปลอดภัย ทั้งที่ลึก ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักชายหนุ่มเหลือบมองคนที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องที่ช่อมาลีกำลังเข้ารับการรักษา เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแขนขวาแล้วหยดลงพื้นแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจมันเท่าไร พชรจึงเดินไปจับไหล่อีกข้างแล้วบีบเบา ๆ“ชื่อเขตใช่ไหมเรา พี่ว่าไปทำแผลก่อนดีกว่าไหม เลือดไหลใหญ่แล้วนะ” พชรมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มที่มีส่วนละม้ายกับพี่สาวอยู่มากอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เขารู้มาจากช่อมาลีว่ายังตามตัวของเขตไทไม่พบ แต่อยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็กลับโผล่มาเสียเอง ใจนึกอยากจะถามให้รู้เรื่องรู้ราวแต่ติดที่ว่าตัวเขายังเป็นคนนอกสำหรับครอบครัวนี้อยู่ จึงไม่สมควรไปก้าวก่าย“แต่ผมเป็นห่วงพี่มาลี พี่ผมจะเป็นอะไรไหม ถ้าผมไปทำแผลแล้วเกิดหมอเขาต้องการเลือดด่วนล่ะ” เขตไทบอกกับพชรด้วยสีหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงพี่สาวจนลืมอาการปวดที่บาดแผลของตนเองไปเสียสิ้น“ถึงมือหมอแล้วยังไงพี่สาวนายก็ต้องปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 20 บุคคลน่าสงสัย - 100%

    “จะเป็นสายจากโรงพักรึเปล่านะ” หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รู้สึกใจกระตุกแปลก ๆ กับสายที่โทร. เข้ามาเมื่อครู่ แล้วก็ให้เสียดายที่ไม่ได้กดรับ สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าสายเมื่อครู่น่าจะเป็นเขตไท น้องชายของเธอที่โทร. เข้ามา หรืออาจเป็นสายจากตำรวจที่ทำคดีของน้องชายเธออยู่หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ กะเอาไว้ว่าจะไปเอนหลังนอนบนเก้าอี้ยาวในห้องล็อกเกอร์สักหน่อย ก็พอดีกับที่มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังพอดีจึงหันไปตามเสียงเรียก“ม็อท คุณโอมให้ไปหาที่รถแน่ะ เห็นบอกว่าอยากไปกินบะหมี่อะไรเนี่ยแหละ เขารออยู่”“อ้าวงั้นหรือ ขอบคุณนะคะ” คราวแรกช่อมาลีนึกระแวงไม่น้อย แต่พออีกฝ่ายพูดถึงบะหมี่ที่เคยพาพชรไปกินด้วยกันแล้วจึงคิดว่าชายหนุ่มน่าจะเรียกหาอยู่จริง ๆ เพราะเรื่องนี้มีเพียงเธอกับเขาเท่านั้นที่รู้หญิงสาวรีบเดินออกไปทางประตูด้านหลังที่จะออกไปสู่ลานจอดรถสำหรับพนักงาน สายตาระแวดระวังสอดส่ายไปทั่วบริเวณ พอไม่เห็นว่ามีใครเดินตามมาจึงค่อยโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง จากนั้นจึงรีบก้าวเร็ว ๆ เพื่อไปให้ถึงรถยุโรปคันหรูที่จำได้ติดตา แสงไฟสปอร์ตไลต์ที่ส่องสว่างในบริเวณลานจอดรถนั้นช่ว

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 20 บุคคลน่าสงสัย - 70%

    เสียงสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ของชายหนุ่มขณะกำลังพูดชิดริมฝีปากอิ่ม เขาเอาหน้าผากแนบกับเธอแล้วระดมจูบย้ำ ๆ ที่เรียวปากนุ่มหอมชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทว่าหญิงสาวที่เหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝันดูเหมือนจะไม่รับรู้ถ้อยคำจากเขาเท่าไร นัยน์ตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้มดูล่องลอยกำลังปลุกแรงปรารถนาในกายเขาขึ้นอีกครั้ง“อย่าทำหน้าอย่างนี้ถ้าไม่อยากถูกผมลักพาตัวขึ้นไปข้างบน”เขาพูดไปในขณะที่ปากก็พร่ำจุมพิตไปทั่วหน้า หญิงสาวมองเขาที่เคลื่อนไหววนเวียนอยู่แถว ๆ ใบหน้าและซอกคอไม่ยอมหยุดจนต้องยกมือขึ้นจับหน้าเขาไว้“คุณโอมก็หยุดสิคะ อย่าแกล้งม็อท เดี๋ยวม็อทต้องขึ้นแสดงแล้ว”ให้ตายเถอะ เสียงของเธอหายไปไหนหมดนี่ เมื่อครู่สาบานได้ว่าเธอพยายามที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมมันถึงได้สั่นพร่าจนฟังเหมือนกระซิบมากกว่าอย่างนี้เล่า“คนที่โดนแกล้งคือผมมากกว่า คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้าเพราะต้องการคุณ รู้บ้างรึเปล่า” เขากดสะโพกเธอให้เข้ามาบดเบียดแก่นกายร้อนผ่าวอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันสิ่งที่ตนเองพูด“เดี๋ยวม็อทต้องไปแล้วค่ะคุณโอม” เธอดันอกกว้างของเขาให้ถอยห่างอย่างมีชั้นเชิง ปลายนิ้ว

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 20 บุคคลน่าสงสัย - 35%

    ช่อมาลีนั่งมองเพื่อนชายที่ยืนกอดอกจ้องไปทางบูธดีเจตาแทบไม่กะพริบด้วยความสงสัย ครั้นพอหันมองตามสายตาของคริสไป หญิงสาวก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ จึงหันไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน“ไอ้จิล เราตกข่าวอะไรไปรึเปล่าวะ” เวลาอยู่กับเพื่อน เธอมักจะพูดจาแบบนี้เสมอด้วยความเคยชิน เพราะเป็นเรื่องปกติระหว่างพวกเธออยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันมา“อืม...คริสมันกำลังตกอยู่ในห้วงรัก” จิลตอบเพื่อนยิ้ม ๆ พลางพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ในบูธดีเจช่อมาลีทำตาโตราวกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะปกติเห็นคริสควงแต่สาวเซ็กซี่ร้อนแรง แล้วนึกอย่างไรถึงได้มาลงเอยกับสาวใส ๆ แบบมิวได้“วู้...ไม่น่าเชื่อ” หญิงสาวได้แต่อุทานเบา ๆ ไม่ใช่ว่าดีเจมิวไม่สวย จากที่เห็นด้วยตา มิวจัดว่าหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเพราะเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ นัยน์ตากลมโต จมูกเล็ก ๆ แก้มป่อง ปากอิ่มสีสดจนเธอนึกอิจฉา รูปร่างก็กะทัดรัดดูน่าทะนุถนอม แต่ที่เธอแปลกใจก็เพราะไม่คิดว่าคริสจะมาแพ้ทางสาวสไตล์นี้เข้าจนได้“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ แ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 19 อย่ามาเข้าใกล้ผม - 100%

    ขาไปกลับระหว่างที่นี่กับที่คลับเขาก็ไม่ต้องห่วง เพราะเพื่อนในวงของเธอมารับส่งถึงที่อยู่แล้ว เขารู้ดี“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง”ช่อมาลียกมือไหว้ขอบคุณเขาแต่กลับไม่กล้าสบตาด้วย เมื่อครู่ตอนที่นั่งอยู่ในรถ เขาก็ดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ตลอดเวลา จะชักออกก็ไม่กล้าเพราะกลัวเขาโกรธ“อืม...ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวผมกลับแล้ว” ชายหนุ่มยืนเอาหลังพิงตัวรถ มือสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองอย่าง เพราะกลัวมันจะยืดยาวไปคว้าร่างของเธอมากอดไว้ช่อมาลีหมุนตัวเดินเข้าไปแตะคีย์การ์ดหน้าประตูเพื่อเข้าไปด้านใน อะพาร์ตเมนต์ หญิงสาวหันกลับมามองเขาอีกครั้งก็ยังเห็นเขายืนพิงรถมองอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั่งลิฟต์มาแล้วจึงก้าวเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มจึงขึ้นรถของตนเองแล้วขับออกไปทันทีเมื่อมาถึงห้อง ช่อมาลีคว้าตุ๊กตาตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟามากอดแน่น รอยยิ้มระบายเต็มวงหน้าทั้งปากทั้งตาอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เพราะเขาน่ารักอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงได้หักห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับเขาไม่ได้สักที แม้ไม่รู้ว่าการกระทำที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะเอ็นดูเธอในฐานะลูกน้อง หรืออะไรก็ตาม เ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 19 อย่ามาเข้าใกล้ผม - 70%

    “หิวสิถึงได้รีบกลับมานี่ไง นึกว่าคุณยังไม่กินเสียอีกจะได้กินด้วยกัน” พูดพลางเอื้อมมือไปถือจานกับถุงอาหารเสียเอง แต่ไม่ยอมถือแก้วโกโก้เย็นที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้า จากนั้นก็เดินนำเข้าไปในห้องทำงานเพื่อให้เลขาฯ สาวเดินตามเข้าไปแต่โดยดี“ดิฉันนึกว่าท่านประธานจะกินมาจากข้างนอกเสียอีก” ช่อมาลีเดินเข้าไปวางแก้วโกโก้บนโต๊ะตรงหน้าเขา“ไม่ล่ะ อยากกินข้าวกับคุณมากกว่า งานยุ่งไหมวันนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่แฝงความนัยในถ้อยประโยค ทำเอาคนฟังรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจ หญิงสาวจับกรอบแว่นตาให้เข้าที่ตอนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพราะไม่กล้าสบตาเขา ก่อนจะตอบคำถามไปแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง“ก็...ไม่เท่าไรค่ะ ทำไปเรื่อย ๆ”“งั้นก็ดีเลย มานั่งเป็นเพื่อนผมกินข้าวหน่อยสิ” พชรพูดพลางเลื่อนกองเอกสารตรงหน้าหญิงสาวย้ายเอาไปไว้อีกมุมโต๊ะเพื่ออำนวยความสะดวกเต็มที่ ช่อมาลีไม่อยากนั่งเพราะไม่อยากให้ตนเองหวั่นไหวไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่กล้าขัดจึงหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาแต่โดยดีหญิงสาวตวัดตามองเขาแล้วรีบหลุบตาลงต่ำ เพราะกลัวเขารู้ว่าเธอแอบมอง ในขณะที่คนถูกแอบมองกลับเงยหน้าขึ้น

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 19 อย่ามาเข้าใกล้ผม - 35%

    ช่วงปลายสัปดาห์ของการทำงาน ช่อมาลีเริ่มปรับตัวให้คุ้นกับการต้องนั่งรถทางไกลจากบ้านมารดามาที่ทำงานได้แล้ว แต่ขากลับนั้นจะเรียกว่าสะดวกสบายก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากสักเท่าไร เพราะพชรอาสาไปส่งทุกวันไม่เคยขาด จะปฏิเสธบ่อย ๆ ก็เกรงใจเขา อีกทั้งลึก ๆ แล้วเธอเองก็อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเขาบ้าง แม้จะแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามทีช่อมาลีเดินมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง ทว่าพอนั่งได้ไม่นาน แม่บ้านประจำตึกคนหนึ่งก็เดินเอากล่องพัสดุขนาดไม่ใหญ่นักมายื่นให้ หญิงสาวรับมาโดยไม่ได้คิดอะไร หน้ากล่องมีกระดาษพิมพ์ชื่อของเธอ และที่อยู่ของบริษัทนี้แปะเอาไว้ด้านหน้าแต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง พลันนั้นเธอนึกไปถึงเรื่องที่อารยา อดีตเลขาฯ ของพชรมาเล่าให้ฟังทันที ลางสังหรณ์แปลก ๆ เริ่มขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็ว หญิงสาวนั่งมองกล่องใบนั้นอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้กรรไกรตัดเชือกออกเธอทดลองเขย่ากล่องนั้นดูเบา ๆ เพื่อฟังเสียง ข้างในเหมือนมีวัตถุแข็ง ๆ บางอย่างไม่ใหญ่นักอยู่ในนั้นเพียงอย่างเดียว ช่อมาลีหยิบคัตเตอร์ขึ้นมาตัดกระดาษกาวที่แปะรอบตัวกล่องออก ช่วงที่กำลังจะเปิดฝากล่อง พชรก็เดินออกจากลิฟต์มาแล

DMCA.com Protection Status