“ออยมีแฟนไหม หรือสามี หรือมีศัตรูอะไรที่ไหนรึเปล่า เช่นว่าไปแย่งแฟนใครเข้าจนแฟนเขาตามมาทำร้ายน่ะ”
“แฟนหรือสามีน่ะไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าอาจจะไปแย่งของใครเขามา อันนี้ก็คงมีบ้าง ก็แหม...คุณโอมก็น่าจะเข้าใจพวกเรานะคะ พวกเราไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับความสัมพันธ์แบบนั้นอยู่แล้ว ถูกใจใครก็จูงมือกันไปหาความสุขข้างนอก เอาเสร็จก็จบกัน เจอกันอีกครั้งก็เป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักกันไป เว้นเสียแต่ว่าผู้ชายคนนั้นเซ็กซ์เจ๋งจริงก็อาจจะมีรอบสองรอบสาม หรือทุกครั้งที่เจอหน้า แต่เสร็จแล้วก็คือจบ ไม่ได้คบกันจริง ๆ จัง ๆ” น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย
“แล้วมีใครที่เคยตามมาหึงหวงจนทะเลาะตบตีกันบ้างไหม”
ชายหนุ่มถามโดยพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุให้คนหนึ่งคนแค้นเคืองกันจนสามารถลุกขึ้นมาคร่าชีวิตของคนอื่นได้
“แทบไม่มีเลยค่ะคุณโอม อย่างที่บอกไปว่าพวกเราก็แค่สนุกกันบนเตียง แต่พอออกมาข้างนอกเราก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถ้าคนไหนมากับแฟนเราก็ไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าแฟนของพวกเขากลับไปก่อนก็ว่าไปอย่าง” หญิงสาวตอบเขาอย่างไม่แยแส ราวกับว่าเรื่องที่พวกเธอทำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
“แล้วมีคนคลั่งออยบ้างไหม เช่นว่าหลงหัวปักหัวปำน่ะ”
พชรหันมาจ้องหน้าแนนนี่ เห็นเธอทำท่าครุ่นคิดกับคำถามของเขาเมื่อครู่ ขณะที่แนนนี่นั้นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งลอยขึ้นมาในห้วงความคิด
“พอจะนึกออกแล้วค่ะ เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้เขาเคยคบหากับยายออยแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยนะ แต่ก็เลิกกันไปเป็นปีแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันคุยกันปกติ” หญิงสาวทำท่ายักไหล่เพราะเห็นว่าไม่น่าจะใช่คนที่ชายหนุ่มสงสัย แต่พชรกลับไม่คิดอย่างนั้น เขาถามขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น
“ใคร! แนนนี่”
พชรจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง ก่อนหันมองไปตามนิ้วเรียวยาวของเธอที่ชี้ลงไปยังบูธดีเจที่กำลังเปิดเพลงอยู่ด้านล่าง
“นั่นไงคะ เขาเป็นหนึ่งในทีมดีเจของคุณ ผู้ชายคนนั้นคืออาร์ม”
นายตำรวจหนุ่มนั่งอ่านรายงานจากตำรวจนอกเครื่องแบบที่เขาให้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคดีของหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายที่คลับของน้องชายว่าเกี่ยวข้องกับคดีที่เขากำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้หรือเปล่า เขารู้สึกว่าข้อมูลที่ได้รับมาจัดว่าน่าสนใจไม่น้อย เห็นทีเขาคงต้องไปเที่ยวที่คลับของน้องชายดูบ้างสักครั้ง
สารวัตรหนุ่มเอารายงานผลชันสูตรทางการแพทย์มาเทียบกับข้อมูลที่ได้รับจากลูกน้อง อ่านไปอ่านมาเริ่มรู้สึกว่าชักเข้าเค้าเข้าไปทุกทีว่าน่าจะเป็นคดีฆ่าตัดตอน ทว่าข้อมูลอีกหลายจุดที่ได้มาก็ขัดแย้งกันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องยาเสพติด ประเด็นการฆ่าเพราะเรื่องชู้สาวเขาก็ไม่อยากตัดไปเสียทีเดียวเพราะค่อนข้างเป็นไปได้ เนื่องจากผู้ตายเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์ ทั้งยังร้อนแรง และมีผู้ชายมากหน้าหลายตาที่วนเวียนเข้ามามีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าน้องชายตัวดีของเขา
มีร่องรอยการร่วมเพศก่อนตาย แต่ไม่ใช่การข่มขืน...
ข้อนี้ไม่แปลก เพราะพชรก็พูดออกมาเองว่าสนุกกับเจ้าหล่อนถึงสองชั่วโมงก่อนจะกลับบ้าน
ในเลือดมีสารเสพติดจำพวกเมตแอมเฟตามีนเป็นจำนวนมาก...
นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาไม่แปลกใจเท่าไร ทุกวันนี้นักเที่ยวส่วนใหญ่มักนิยมเสพยาไอซ์กันจนกลายเป็นเรื่องโก้หรูไปแล้ว
แต่ที่น่าแปลกคือทำไมกระเป๋าถือของผู้ตายถึงไม่ได้อยู่ข้างตัว แต่กลับไปพบในกองขยะในสภาพกระจัดกระจายเหมือนถูกรื้อค้นจนทั่วราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง เพราะมีคราบเลือดติดเต็มกระเป๋าด้านใน แต่กลับไม่มีลายนิ้วมือของบุคคลที่น่าสงสัยเลยนอกจากผู้ตาย และเพื่อนในกลุ่ม
ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือในกระเป๋าผู้ตายมียาไอซ์อยู่ในซองซิปล็อกขนาดเล็กซุกซ่อนอยู่ในตลับแป้ง ถ้าผู้หญิงคนนี้ถูกฆ่าเพราะเรื่องยา หรือโดนตัดตอนจริง ๆ ยาก็น่าจะหายไปด้วย แต่นี่ยายังอยู่ครบ อีกทั้งตลับแป้งไม่โดนสัมผัสจากคนร้ายอีกด้วยเพราะไม่มีคราบเลือดติด
“หรือคนร้ายจะไม่รู้เรื่องยาไอซ์อะไรนี่เลย แล้วจะรื้อกระเป๋าหาอะไร” สารวัตรหนุ่มนั่งขบคิดจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าใกล้ได้เวลาผับเลิกแล้ว จึงเดินไปพยักหน้าให้ลูกน้องเป็นอันรู้กันว่าได้เวลาทำงานกันอีกครั้ง
ทันทีที่เห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาในคลับแห่งนี้ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาดีที่ยืนประจำอยู่ตรงบูธดีเจก็รู้โดยสัญชาตญาณทันทีว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว ถึงแม้คนกลุ่มนั้นจะไม่ได้สวมเครื่องแบบของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่คนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานอย่างเขามองปราดเดียวก็รู้แล้ว
ชายหนุ่มล้วงหยิบอะไรบางอย่างใต้โต๊ะวางเครื่องเสียง เพียงแค่เขาดึงมันเล็กน้อย ถุงซิปล็อกทึบแสงก็หลุดติดมือมาทันที เขารีบรวบมันไว้ในอุ้งมือแล้วยัดใส่มือหญิงสาวที่ยืนเปิดเพลงอยู่ข้างกันโดยไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ก่อนจะหันไปพูดโดยไม่มีเสียง
“ฝากด้วยนะมิว”
หญิงสาวพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาร์ม เพื่อนชายที่เธอแอบหลงรักจะขอร้องให้ช่วยเอายาไปซ่อน ซึ่งเธอก็ยินยอมทำให้แต่โดยดีไม่มีปริปาก รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เคยคิดรัก แต่ไม่ว่าเขาจะใช้ให้ทำเรื่องเสี่ยงแค่ไหน เธอกลับยอมทำให้เขาได้ทุกอย่าง
มิวเดินกำถุงซิปล็อกขนาดเล็กไว้แน่น ตรงดิ่งไปยังห้องล็อกเกอร์สำหรับพนักงาน เหลียวมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงเอื้อมมือสอดเข้าไปตรงด้านหลังของตู้ล็อกเกอร์แล้วแปะถุงซิปล็อกไว้กับผนังด้านหลัง โชคดีที่กาวสองหน้ายังมีความเหนียวอยู่บ้าง มันจึงแปะติดเข้ากับพื้นผิวตรงนั้นได้อย่างง่ายดาย
หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าทุกการกระทำของตนนั้น ตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่แอบซุ่มดูอยู่เงียบ ๆ ตรงมุมมืดของห้องโดยใช้ตู้ล็อกเกอร์เป็นที่กำบัง ชายหนุ่มคนนั้นรอจนกระทั่งเห็นเธอเดินออกจากห้องเขาจึงเดินเข้าไปตรงบริเวณที่เธอเพิ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เมื่อครู่ จากนั้นจึงสอดแขนของตนเองเข้าไปแล้วดึงกลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่าง
เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นสิ่งของในมือ เขารู้แล้วว่าดีเจหนุ่มคนนั้นซ่อนของอย่างไร แต่เอาเถอะ คราวนี้เขาจะปล่อยให้รอดตัวไปก่อน คราวหน้าเขารับรองได้เลยว่าไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั่นต้องไม่รอดเงื้อมมือเขาแน่!
มิวเดินกลับเข้ามายืนประจำที่ของตนเคียงข้างชายหนุ่มที่ฝากของให้เอาไปซ่อนเมื่อครู่ อาร์มหันมามองหน้าหญิงสาวแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นเธอยิ้มตอบกลับมา ใบหน้าหล่อใสนั้นจึงยิ้มกว้าง ก้มลงไปกระซิบข้างหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาทำเอาหัวใจของสาวน้อยแทบละลาย
“ขอบใจนะมิว ถ้าไม่ได้มิว อาร์มก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร”
ชายหนุ่มทำทีเป็นมองสบกับนัยน์ตาคู่หวานที่เปิดเปลือยความรู้สึกของหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคิดกับเขาอย่างไร แต่เพราะมิวไม่ใช่สเปกของเขา เขาจึงไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเธอได้ อย่างไรเขาก็ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น
มิวนั้นถึงแม้จะทำงานกลางคืน ทว่าความอ่อนเดียงสา ความไร้จริตจะก้านที่เหล่าผีเสื้อราตรีควรจะมี เธอกลับไม่มีเลยแม้แต่อย่างเดียว ใบหน้าก็สวยใสน่ารักดี แต่เธอไม่เหมาะสมกับคนอย่างเขา เขาไม่ปรารถนาจะให้ผู้หญิงดี ๆ อย่างเธอต้องมาเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางไปกับเขาด้วย แค่ที่เขาหลอกใช้เธอทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้ว แต่ถ้าจะให้เขาหลอกว่ารัก หลอกคบหาเพื่อหวังเซ็กซ์จากเธอเล่น ๆ นั้น เขาทำไม่ลง
“อาร์มว่ามิวเตรียมตัวกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้อาร์มจัดการเอง”“ได้ยังไงล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย มิวไม่อยากเอาเปรียบอาร์มหรอกนะ”หญิงสาวยืนกรานที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอเห็นแล้วว่าใครเดินเข้ามาในผับบ้าง เพราะจำหน้าบางคนได้ตอนที่ให้ปากคำไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ดูท่าแล้วตำรวจน่าจะรู้อะไรบางอย่างถึงได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ทอดทิ้งให้อาร์มต้องอยู่เพียงลำพังแน่ เธอต้องอยู่ช่วยเขา เพราะมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นแน่นอน เธอรู้ดี!เมื่อได้เวลาผับเลิก นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก็กลับออกไปแล้ว แต่บางกลุ่มก็ยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเนื่องจากยังติดลมไม่อยากลุกไปไหน อาจจะเพราะด้วยน้ำสีอำพันที่ยังเหลืออยู่แค่ก้นขวด จึงหวังจะจัดการให้หมดแล้วค่อยแยกย้าย อีกทั้งในผับก็ยังคงเปิดเพลงช้าคลอไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเปิดไฟให้สว่างไสวขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยังคงเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่เลิกราจุมพลเดินเข้าไปที่บูธดีเจ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในนั้นด้วยความเป็นกันเอง ทว่าสายตาที่มองกลับคาดคั้น
ช่อมาลีจัดเตรียมเอกสารสำหรับเข้าประชุมในช่วงบ่ายโดยเตรียมไว้ให้ครบตามจำนวนของผู้ที่จะเข้าร่วมประชุมด้วย เธอถือโอกาสศึกษาระบบงานของบริษัทไม่ว่าจะเป็นรุ่น และแบบของรถอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากข้อมูลที่เขาวางกองไว้ให้เมื่อวานระหว่างที่เขาไม่อยู่ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากสำหรับการเริ่มต้นทำงานวันแรกประตูหน้าห้องถูกเปิดออกมาอย่างเร็วพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังย่ำมาทางที่หญิงสาวกำลังยืนเรียงเอกสารอยู่ ช่อมาลีหันหน้าไปมองผู้เข้ามาใหม่แล้วยกมือไหว้ ส่งยิ้มทักทายเจ้านายคนใหม่ของตนเองทันที“สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉันเตรียมเอกสารสำหรับเข้าประชุมตอนบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ท่านประธานมีอะไรจะใช้ให้ดิฉันไปทำอีกรึเปล่าคะ”ช่อมาลียืนตัวตรงประสานมือกันไว้ที่ด้านหน้า แล้วยิ้มนิด ๆ ขณะมองไปยังคนที่กำลังเดินมาที่โต๊ะสำหรับวางแฟ้มและเอกสารไว้บนนั้น“ขอกาแฟให้ผมแก้วหนึ่งแล้วกันครับคุณช่อ” พชรตอบพลางหยิบเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมาเปิดดูคร่าว ๆ“ช่อมาลีค่ะ ท่านประธานจะเรียกดิฉันว่ามาลีเฉย ๆ ก็ได้นะคะ”เธอแก้ไขชื่อเล่นของตนเองให้ถูกต้องเพื่อให
พชรยืนกอดอกเอาสะโพกพิงไว้กับโต๊ะทำงาน มองท่าทีประหม่าลนลานเดินออกจากห้องของเลขาฯ แล้วก็ให้นึกขำ ยิ่งเห็นใบหน้านั้นขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู เขาก็นึกอยากแกล้งจับมือเธอให้มาสัมผัสที่เนื้อแท้ตัวเป็น ๆ ของเขาเสียเลย อยากรู้นักว่าจะทำหน้าอย่างไรถ้าเจอเหตุการณ์นั้นสงสัยคงขอลาออกแทบไม่ทันเป็นแน่!ช่อมาลีเดินเข้ามาในแคนทีน เธอเหลียวซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงกำมือไว้แน่นทั้งสองข้าง ทำท่ากรี๊ดแบบไม่มีเสียงด้วยความอัดอั้น“อี๊...อีตาบ้า...หน้าไม่อาย หนอย...รู้จักช่อมาลีน้อยไปซะแล้ว”บ่นเขาลับหลังเสร็จก็หันมองหน้าหลังอีกครั้ง ถึงแม้ทั้งชั้นนี้จะมีแค่เธออยู่เพียงคนเดียวก็ตาม โต๊ะของเธอตั้งอยู่ด้านนอกหน้าห้องของท่านประธานหนุ่ม โชคดีที่ผนังห้องของเขาเป็นแบบทึบ ไม่ใช่กระจกที่สามารถมองออกมาเห็นภายนอกได้ มิเช่นนั้นเขาคงได้เห็นท่าทางประหลาดของเธอแน่เธอเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของพชร เขาจงใจยั่วให้เธอได้อาย ทำแบบนี้ถือเป็นการแกล้งกันชัด ๆ เห็นทีคงต้องประเมินผู้ชายคนนี้เสียใหม่ เขาไม่ใช่เจ้านายมาดนิ่งอย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก แต่เขาเป็นพรานล่าเนื้อ เป
“คุณช่อ เลิกงานคุณแล้วจะไปไหนต่อรึเปล่า ไปกินมื้อเย็นกับผมหน่อยสิ” พชรถอดเสื้อสูทเอามาพาดไว้กับท่อนแขน ปลดเนกไทออกจากคอ จากนั้นก็ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองเม็ดขณะหันไปพูดกับหญิงสาวที่เดินข้างกายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่ภายในใจนั้นกลับลุ้นอยู่ว่าเธอจะตอบรับหรือปฏิเสธ“เย็นนี้คงจะไม่ได้ค่ะท่านประธาน ดิฉันต้องกลับบ้านแม่น่ะค่ะ”ช่อมาลีหันมายิ้มแกน ๆ ให้เขา พชรจับความรู้สึกไม่สบายใจได้ในน้ำเสียงจึงไม่อยากตอแยคาดคั้นอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ควรก้าวก่าย“งั้นหรือ...อืม ไม่เป็นไร วันหน้ายังมี เดินทางปลอดภัยนะ”“ไม่ได้ไกลอะไรหรอกค่ะท่านประธาน แค่ปทุมธานีนี่เอง นั่งรถตู้ไปแค่สองชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ ถ้ารถไม่ติด” ช่อมาลีหันไปพูดกับเขา พชรจึงพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะพูดลาหญิงสาว“ถ้างั้นก็เจอกันพรุ่งนี้ครับ”ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงลานจอดรถที่ตนเองต้องลง ช่อมาลีจึงยกมือขึ้นไหว้ เธอมองตามแผ่นหลังกว้างในเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เดินห่างออกไปด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกช่อมาลีกลับไปห้อง
ผัวะ!ช่อมาลีฟาดกระเป๋าสะพายใส่หลังน้องชายไม่แรงนักเพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บ แต่แค่อยากให้รู้ว่าเธอเหลืออดแล้วจริง ๆ และเขตไทก็คงรู้ว่าพี่สาวกำลังโกรธมากจึงไม่คิดโต้เถียง หรือหลบเลี่ยงเวลาที่อีกฝ่ายฟาดลงมา“ไอ้เขต! แกจะทำตัวให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ไม่สงสารตัวเองก็สงสารแม่บ้าง วัน ๆ เอาแต่ก่อเรื่องเดือดร้อนไม่ได้หยุดได้หย่อน อีกไม่กี่เดือนก็จะจบปวช. อยู่แล้ว หัดคิดเสียบ้างว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อ ไม่ใช่เอาแต่หาเรื่องมาให้”เธอทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาอย่างอ่อนแรง ในขณะที่ช่อฟ้าตบที่แขนของบุตรชายเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้รีบเข้าห้องนอนไป“ผมรู้น่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ พี่อย่าบ่นนักได้ไหม”นอกจากจะไม่ทำตามที่มารดาบอกแล้ว เด็กหนุ่มยังเปิดปากเถียงพี่สาวพร้อมกับชักสีหน้ารำคาญเต็มทน“จะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไง ฉันหมดกับแกไปตั้งเท่าไรแล้วหา! ไอ้เขต แกเคยคิดบ้างไหมว่าทุกวันนี้ฉันต้องทำงานงก ๆ เพื่อหาเงินมาเป็นค่าปรับ ค่าประกันตัวให้แกเนี่ย เดือนนี้ก็สามหมื่นเข้าไปแล้วนะ”ช่อมาลีแหวขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นสี
ชายหนุ่มพยักหน้าให้ หญิงสาวจึงเดินออกไปจากห้อง เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีแต่ชามของเขาแค่คนเดียว แต่ไม่มีของช่อมาลี เขาจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องแล้วตรงไปที่โต๊ะทำงานของเลขาฯ ส่วนตัวแล้วก็เป็นดังคาดเมื่อเห็นชามเปล่าวางไว้คู่กันกับถุงโจ๊กบนโต๊ะ พชรหยิบมันติดมือเดินกลับเข้าห้องไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ก็ในเมื่อวันนี้เขาตั้งใจจะมากินมื้อเช้ากับเธอ แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมานั่งกินอยู่คนเดียวในห้องกันเล่า“กาแฟได้แล้วค่ะ”ช่อมาลีเดินถือถาดใส่แก้วกาแฟเข้ามาในห้อง พอวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพชรแล้วถึงได้เห็นชามของตนเองวางอยู่ตรงข้ามกับที่นั่งของเขา“ผมแค่ไม่อยากนั่งกินคนเดียว อุตส่าห์ให้คุณไปซื้อมาให้ก็เพื่อจะมานั่งกินด้วยกัน คุณจะแยกไปกินคนเดียวหน้าห้องทำไมล่ะ รังเกียจผมหรือไงคุณช่อ” พชรแกล้งพูดเย้าหญิงสาว ทำเอาช่อมาลีส่ายหน้าหวือ“เปล่านะคะ ไม่ได้รังเกียจ ดิฉันก็แค่เกรงใจ นึกว่าท่านประธานอยากจะนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ”“ถ้าผมอยากนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ คงไม่มานั่งกินที่ออฟฟิศหรอกครับคุณช่อ”พชรผายมือเชื้อเชิญให้คนตรงหน้านั่ง ช่อมาลีจำต้องนั
“ทำไมคุณถึงไม่แจ้งตำรวจตั้งแต่ตอนแรกที่เจอศพ” สารวัตรหนุ่มถามพลางจ้องหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งอย่างค้นหา“คุณตำรวจน่าจะรู้ดีนะครับว่าพวกผมหรือไม่ว่าใครก็ตามไม่มีใครอยากยุ่งกับตำรวจเท่าไรนักหรอก โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ปิดเงียบกันทั้งนั้นแหละ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าคนตายเป็นใคร คนฆ่าเป็นใคร แถมพวกผมยังมาร้องเพลงให้ที่นั่นเป็นวันแรก แต่ก็ต้องมายุ่งเกี่ยวกับตำรวจแล้ว ผมว่าสู้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเลยน่าจะดีกว่า”คริสตอบตามจริง คนทำงานกลางคืนอย่างพวกเขาทุกคน แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการข้องเกี่ยวกับตำรวจทั้งนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามสารวัตรหนุ่มลอบถอนหายใจ ข้อนี้เขารู้ดี บางคนถ้าไม่ใช่เรื่องของตน ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากยุ่งทั้งนั้น ยิ่งเรื่องฆาตกรรม หรือเรื่องที่มีคนตายยิ่งแล้วใหญ่ กว่าจะง้างปากแต่ละคนได้ เล่นเอาเหนื่อยหลังจากนั้นก็ทำการซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ และสภาพศพที่ทั้งสองคนพบเจอตอนแรกว่าจะตรงกันกับตอนที่ตำรวจไปเจอหรือไม่ ซึ่งคำตอบโดยส่วนใหญ่ คริสจะเป็นผู้ตอบเกือบทั้งหมดหลังจากที่ทั้งสี่คนทิ้งที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์เอาไว้แล้วก็เดิ
“พวกเธอไปเที่ยวที่คลับบ่อยหรือ”ช่อมาลีแกล้งทำหน้าซื่อถามออกไป หนึ่งในนั้นทำหน้าเยาะราวกับว่าสิ่งที่เธอถามนั้นช่างโง่เง่าสิ้นดี แต่เธอก็ต้องทำเป็นไม่เห็น และไม่ใส่ใจกับคนพวกนี้“พวกเราไปกันทุกอาทิตย์นั่นแหละ เธอคงยังไม่เคยไปสินะมาลี คลับซุสของคุณโอมน่ะมีแต่คนมีระดับ หรือพวกกระเป๋าหนัก เงินหนาเท่านั้นนะถึงจะเข้าไปได้”เฉิ่มเชยอย่างช่อมาลีนี่น่ะหรือจะสะเออะเข้าไป ไม่รู้ว่าคุณโอมเมาหรือว่ามึนกันแน่ที่รับแม่นี่เข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมสักนิด!พลอยต่อประโยคหลังในใจ สายตามองเหยียดไปยังเลขาฯ คนใหม่ของประธานบริษัทอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเสหลุบตาลงดูดน้ำในแก้ว“ฉันไม่เคยไปเที่ยวหรอกที่แบบนั้น ฉันไม่ค่อยสันทัดเท่าไร”ช่อมาลีตอบออกไป ก่อนจะทำทีเป็นมองไปที่หน้าร้านเพื่อดูว่าข้าวกล่องของตนได้หรือยังเพราะขี้เกียจจะเสวนากับสาว ๆ กลุ่มนี้เต็มทีแล้ว“นี่มาลี ฉันถามอะไรหน่อยสิ คุณโอมเขาชอบผู้หญิงแบบไหนน่ะ เธอรู้บ้างรึเปล่า” เก๋ถามแทรกขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในหน้า แล้วตอบออกไปด้วยความมั่นใจเต็มที่“ท
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”