“พวกเธอไปเที่ยวที่คลับบ่อยหรือ”
ช่อมาลีแกล้งทำหน้าซื่อถามออกไป หนึ่งในนั้นทำหน้าเยาะราวกับว่าสิ่งที่เธอถามนั้นช่างโง่เง่าสิ้นดี แต่เธอก็ต้องทำเป็นไม่เห็น และไม่ใส่ใจกับคนพวกนี้
“พวกเราไปกันทุกอาทิตย์นั่นแหละ เธอคงยังไม่เคยไปสินะมาลี คลับซุสของคุณโอมน่ะมีแต่คนมีระดับ หรือพวกกระเป๋าหนัก เงินหนาเท่านั้นนะถึงจะเข้าไปได้”
เฉิ่มเชยอย่างช่อมาลีนี่น่ะหรือจะสะเออะเข้าไป ไม่รู้ว่าคุณโอมเมาหรือว่ามึนกันแน่ที่รับแม่นี่เข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมสักนิด!
พลอยต่อประโยคหลังในใจ สายตามองเหยียดไปยังเลขาฯ คนใหม่ของประธานบริษัทอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเสหลุบตาลงดูดน้ำในแก้ว
“ฉันไม่เคยไปเที่ยวหรอกที่แบบนั้น ฉันไม่ค่อยสันทัดเท่าไร”
ช่อมาลีตอบออกไป ก่อนจะทำทีเป็นมองไปที่หน้าร้านเพื่อดูว่าข้าวกล่องของตนได้หรือยังเพราะขี้เกียจจะเสวนากับสาว ๆ กลุ่มนี้เต็มทีแล้ว
“นี่มาลี ฉันถามอะไรหน่อยสิ คุณโอมเขาชอบผู้หญิงแบบไหนน่ะ เธอรู้บ้างรึเปล่า” เก๋ถามแทรกขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในหน้า แล้วตอบออกไปด้วยความมั่นใจเต็มที่
“ท่านประธานน่าจะชอบผู้หญิงที่ใจกล้านะคะ แบบพวกกล้าได้กล้าเสียน่ะค่ะ ยิ่งผู้หญิงที่เข้าหาก่อนนี่ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ เพราะเท่าที่สังเกตดู ท่านประธานดูจะถูกใจสาว ๆ พวกนี้เป็นพิเศษ อ้อ...ดูเหมือนยิ่งเซ็กซี่ก็ยิ่งชอบค่ะ”
ช่อมาลีแกล้งทำท่ากระซิบกระซาบเบา ๆ ราวกับเรื่องที่กำลังพูดอยู่เป็นความลับสุดยอด ก่อนจะเสริมความหนักแน่นในคำพูดของตนเองเข้าไปอีก ด้วยการเน้นย้ำประโยคเด็ดลงไป
“รู้แล้วก็อย่าไปบอกใครนะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาลีเอาเจ้านายมานินทา แต่เท่าที่มาลีเห็นมาตลอดห้าวัน เวลาออกไปข้างนอกกับท่านประธานน่ะ ท่านจะชอบมองแต่สาวเซ็กซี่แต่งตัวเก่ง ๆ เป็นพิเศษเลยค่ะ”
ระหว่างนั้นเด็กในร้านเอาข้าวกล่องของช่อมาลีเดินมาให้ที่โต๊ะพอดี หญิงสาวเลยถือโอกาสนี้บอกลากับคนในโต๊ะแล้วเดินออกจากร้านด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
ถ้าให้เดา สามสาวนั่นต้องแต่งตัวประชันกันสุดฤทธิ์ในวันจันทร์แน่นอน ไม่รู้เสียแล้วว่าท่านประธานพชรน่ะ เวลาทำงานก็คือทำงาน อีกทั้งอะไรที่เป็นหน้าเป็นตาของบริษัทนี่เขาจะเข้มงวดยิ่งกว่าอะไร
เธอจำได้ว่าเขาเคยเปรย ๆ ให้ฟังอยู่เสมอว่าพนักงานขาย หรือเซลล์ของที่นี่ต้องแต่งตัวให้ภูมิฐาน ดูดีมีระดับให้สมกับราคา และความหรูหราของรถ ไม่ใช่แต่งนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นโคโยตี้ตามผับตามบาร์
...สงสัยคืนนี้คงมีไก่วิ่งโร่เข้าไปให้สมภารจับกินถึงที่แน่นอน และที่สำคัญ งานนี้คงได้มีผีเสื้อราตรีถูกเด็ดปีกกันเป็นทิวแถว
ร่างระเหิดระหงในชุดกางเกงหนังเข้ารูปสีดำ ช่วงบนคลุมทับด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่ ด้านในใส่เสื้อกล้ามรัดรูปสีขาว กำลังนั่งให้ช่างทำผมเจ้าประจำฉีดสีผมให้เป็นสีแดง
ช่อมาลีนั่งมองตนเองในกระจก ยามเธอแต่งหน้าครบเครื่องแบบนี้ ถอดแว่นสายตาออกไปแล้วใส่คอนแทกเลนส์สีดำแทน ผมก็ฉีดจนเป็นสีแดงและดัดเป็นลอนสวย สลัดคราบของเลขานุการแสนเฉิ่มเชยจนไม่เห็นฝุ่น เธอลงทุนขนาดนี้ ถ้าท่านประธานจะจำได้ก็ให้มันรู้ไป
“อ่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ะ”
ช่างทำผมสาวประเภทสองยืนมองช่อมาลีผ่านทางกระจกเงาบานใหญ่ด้วยความชื่นชมปนอิจฉา ปกติใบหน้ายามไม่แต่งก็จัดว่าสวยเข้าทีดีอยู่แล้ว แม้จะดูจืดไปหน่อยก็ตาม แต่พอได้แต่งขึ้นมาก็สวยเสียจนอดมองตาค้างไม่ได้ ไม่รู้ว่ารอดปากเหยี่ยวปากกามาได้อย่างไรจนป่านนี้ ทั้งที่ทำงานกลางคืนแท้ ๆ
“เฮ้ย! ไอ้ม็อท เสร็จรึยังเนี่ย ช้าแล้วนะเว้ย”
ว่านลงจากรถตู้มาตามเพื่อนสาวที่นั่งทำผมอยู่ในร้านใต้ตึกที่พักของช่อมาลี ร้านเสริมสวยร้านนี้ตามปกติจะปิดประมาณสองทุ่ม แต่ถ้าเป็นวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะเปิดแง้มไว้เล็กน้อยเพื่อให้ช่อมาลีมาใช้บริการได้อยู่คนเดียวเพราะสนิทสนมกันพอสมควร
“เสร็จแล้วค่ะพ่อรูปหล่อ” ช่างแต่งหน้าทำผมหันไปตอบเพื่อนในวงของช่อมาลีพร้อมกับทำสายตาวิบวับใส่
“แหม...พี่กระแตเนี่ยนอกจากจะสวยแล้วยังตาถึงอีกนะเนี่ย”
ว่านพูดหยอกเย้ากับสาวเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง ซึ่งเขาไม่ได้พูดยอเฉย ๆ แต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เพราะสาวประเภทสองคนนี้ ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครรู้เลยว่าหล่อนเคยเป็นผู้ชายมาก่อน เพราะความสวยที่โดดเด่น สรีระก็เหมือนผู้หญิงแท้ ความสูงก็ไล่เลี่ยกับม็อทเลยทีเดียว ไม่เหมือนกะเทยบางคนที่สูงโย่งเก้งก้าง แถมรูปร่างก็มีแต่มัดกล้ามตามประสาผู้ชาย
“ไป ๆ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวต้องไปเตรียมตัวอีก ไปก่อนนะพี่กระแต”
ช่อมาลีหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ช่างทำผม คว้ากระเป๋าสะพายใบโตขึ้นคาดไหล่ ดันหลังเพื่อนให้เดินออกจากร้านไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอแล้วมุ่งหน้าไปยังคลับทันที
เมื่อมาถึงคลับ ช่อมาลีเข้าไปเก็บกระเป๋าในล็อกเกอร์สำหรับพนักงาน ก่อนจะเดินออกไปสมทบกับเพื่อนในวงที่ด้านหลังเวทีสำหรับเตรียมความพร้อม ร่างระหงเดินผ่านทางเดินสลัวด้วยไฟสีน้ำเงินเหมือนเดิม ครั้นเมื่อผ่านจุดเกิดเหตุที่เคยมีร่างไร้วิญญาณของใครคนหนึ่งในนั้นก็อดหันไปมองไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะมีแสงไฟสีส้มสลัว ๆ เพื่อมองเห็นภายในได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับเธอแล้วมันก็ยังดูวังเวงน่ากลัวอยู่ดี
และเพราะไม่ทันระวังกับพื้นต่างระดับตรงนี้ จึงส่งผลให้หญิงสาวต้องก้าวสะดุดเข้าจนได้ ช่อมาลีใจหายวาบเมื่อรู้ว่าร่างของตนเองกำลังจะล้มหัวเข่ากระแทกพื้น ถ้าไม่เพราะมีอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนเข้ามาโอบรัดไว้ที่รอบเอวเสียก่อน
ครั้นเมื่อเธอตั้งหลักได้จึงพยายามจะขืนกายออกจากวงแขนนั่น ทว่ามันกลับรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเสียงทุ้มคุ้นเคยที่กระซิบเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาอยู่ข้างหู เสียงนั้นใกล้เสียจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่เป่ารินรดเข้ามาพาให้ขนอ่อนลุกวูบวาบไปทั้งร่าง
“ระวังหน่อยนะครับ พื้นตรงนี้มันไม่เสมอกัน”
พูดจบ ชายหนุ่มก็แอบสูดดมความหอมที่รวยรินออกมาจากคนในอ้อมแขน อดแปลกใจไม่ได้ที่เธอไม่ใช้น้ำหอมเหมือนผู้หญิงทำงานกลางคืนทั่วไป และนั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบเสียเหลือเกิน เพราะมันหมายถึงว่ากลิ่นหอมที่เขารับรู้ได้ในขณะนี้คือความหอมจากกายหญิงสาวล้วน ๆ จนพานให้จินตนาการต่อว่าผิวเนื้อแท้ ๆ ของเธอจะหอมแบบเดียวกันนี้ทุกตารางนิ้วหรือเปล่า
ช่อมาลีพยายามระงับความตื่นเต้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ค่อย ๆ หันไปหาคนที่ดูเหมือนหวังดี แต่กลับกอดเอวของเธอเสียแน่นจนแผ่นหลังแนบสนิทไปกับแผงอกของเขา
“ขอบคุณมากค่ะบอส”
หญิงสาวหันไปมองสบตาแพรวพราวของเขาแล้วก็ใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยใบหน้าของเขาตอนนี้ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ...ใกล้เกินไปแล้ว!
“โอมครับ เรียกผมว่าโอมดีกว่า อย่าเรียกบอสเลย มันฟังดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร”
พชรจงใจพูดใกล้ ๆ ริมหูของหญิงสาว ลมหายใจของเขากำลังแผ่กระจายไปทั่วผิวเนื้อของเธอในบริเวณนั้นราวกับเขากำลังสัมผัสมันด้วยมือ
“เหมือนที่ผมเรียกคุณว่าม็อทเฉย ๆ นั่นแหละ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร ถ้าผมจะเรียกชื่อเล่นคุณเฉย ๆ ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้จัง ถ้าไม่รังเกียจ เลิกงานแล้วให้ผมไปส่งได้ไหมครับม็อท”
ประกายตาของเขาวาววามล้อแสงไฟ เขารู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นรู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงอะไร ทีนี้ก็รอแค่คำตอบจากเธอเท่านั้น และเขาค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าเขาจะต้องได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจกลับมาแน่นอน
หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ในยามที่เธอไม่ใช่ช่อมาลี เลขาฯ ส่วนตัวของเขา แต่กลับเป็นใครอีกคนหนึ่งที่เขาอาจจะกำลังคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ดูแค่สายตาก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไร ไหนจะฝ่ามือแสนร้ายกาจที่เริ่มเลื้อยต่ำลงไปยังสะโพกกลมกลึง แล้วหมุนวนเอื่อย ๆ เนิบช้าอย่างมีชั้นเชิง“ได้ค่ะ เรียกม็อทเฉย ๆ ก็ได้ แต่เรื่องไปส่งนั้นคงไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เพราะม็อทกลับกับเพื่อนในวงอยู่แล้ว”ช่อมาลีรีบพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ส่งผลให้มือกาวคู่นั้นหลุดออกจากสะโพกเธอไปด้วย หญิงสาวรีบยกมือขึ้นไหว้เขาเพื่อขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มให้ ทำเอาคนได้รับหัวใจกระตุกวูบตาคมกริบไม่อาจละไปจากดวงหน้าสวยบาดใจนั้นได้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงลอยเด่นอยู่ตรงหน้า มันทำให้เขาเผลอมองจนตาปรอย ยิ่งเห็นสายตากึ่งท้าทายกึ่งเชิญชวนที่เจ้าหล่อนมองมา พชรก็แทบอยากเอาตาข่ายมาดักจับผีเสื้อราตรีตัวนี้เอาไปไว้ดูเล่นบนเตียงเสียเดี๋ยวนั้นเธอมองเหมือนเขาไม่มีวันได้แอ้มเธอแน่ ๆ!“ไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรือครับ กลับกับเพื่อนในวงคงไม่สนุกเหมือนกลับกับผมหรอกนะ”พชรยิ้มกริ่มมอง
“ยังมืดแปดด้านอยู่ พี่ให้คนคอยจับตาดูดีเจที่ชื่ออาร์มอยู่ตลอด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัย แถมยังระวังตัวมากกว่าเดิมด้วย”จุมพลนิ่งคิด เพราะดีเจหนุ่มคนนั้นระวังตัวแจ คนของเขาจึงไม่ได้จังหวะหาทางรวบตัวตอนขายยาแบบคาหนังคาเขาได้สักที คิดแล้วก็น่าเจ็บใจที่เจ้าตัวแสบนั่นรอดตัวไปได้ทุกครั้งราวกับมีคนคอยช่วยเหลืออยู่“ผมว่าบางทีอาร์มมันไม่น่าจะเกี่ยวกับการตายของผู้หญิงคนนั้นนะครับ” ภีมพลออกความเห็นบ้าง“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้ อีกอย่างสภาพศพมันโหดเหี้ยมเกินไป จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าเพราะเรื่องยาเสพติด แต่น่าจะเป็นการฆ่าเพราะแรงแค้น แรงโกรธเกลียดอะไรแบบนั้นมากกว่า”สารวัตรหนุ่มออกความเห็นอย่างคนที่เจอคดีมามากมาย การเขียนประจานลงบนตัวศพว่า “ร่าน” นั้นก็เครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าฆาตกรมีความแค้นกับผู้ตายอยู่มากพลันนั้นความคิดบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในหัว จุมพลเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงแล้วยื่นหน้ามาถามทันที“อาร์มมันมีแฟนไหม หรือคนที่กำลังคบกันอยู่น่ะ”พชรกับภีมพลหันมองหน้ากันทันที ข้อนี้พวกเขาก็ไม่รู้
เพื่อนสาวอีกคนชี้ไปยังโต๊ะของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ภีมพลเดินเข้าไปทักทายแล้วดูท่าว่าจะปักหลักอยู่ที่โต๊ะนั้นไม่ยอมไปไหน ทำเอาแนนนี่หน้าร้อนวูบด้วยความอับอายที่ถูกเพื่อนสาวทำท่าทางหัวเราะใส่ราวกับเยาะเย้ยตนไม่ใช่แค่สาว ๆ สองกลุ่มนี้เท่านั้นที่จับจ้องไปยังพชรกับสาวสวยไฮโซ แต่ร่างระหงที่กำลังพลิ้วไหวอยู่บนเวทีก็แอบชำเลืองมองไปยังสองร่างที่พะเน้าพะนอคลอเคลียกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกขอให้เป็นผู้หญิงสวย เขาก็สามารถสานสัมพันธ์กับพวกหล่อนได้ทุกคนเลยใช่ไหม เจ้านายของเธอช่างเป็นผู้ชายอันตรายของแท้เลยจริง ๆช่อมาลีไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าดวงตาคมปลาบของคนที่ตนเพิ่งปรามาสไปว่าเป็นผู้ชายอันตรายนั้น ตอนนี้เอาแต่จับจ้องอยู่แต่เรือนร่างเย้ายวนที่เคลื่อนไหวอยู่บนเวทีแทบไม่วางตา ถึงแม้ในอ้อมกอดของเขาจะมีสาวสวยอยู่แนบอก แต่เขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากความงดงามที่เริงร่าอยู่บนเวทีได้ ม็อทสามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัด ยิ่งพวกหนุ่ม ๆ ที่เขาลอบสังเกตปฏิกิริยาโดยรอบนั้นต่างจับจ้องกันตาแทบถลนไม่ต่างจากเขา นับว่าภีมพลคิดถูกจริง ๆ ที่ได้วงนี้มาเล่นให้คลับซุส“โอมคะ...อินเวียนหัวจังเล
หญิงสาวส่ายหน้ากับตนเองเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจว่าผู้ชายก็เป็นเสียอย่างนี้ ยิ่งทำงานกลางคืนด้วยแล้วยิ่งหลีกเลี่ยงเรื่องอย่างว่าไม่พ้น ดูอย่างเพื่อนในวงของเธอนั่นอย่างไร ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหนก็มีแต่หญิงสาวล้อมหน้าล้อมหลังโดยเฉพาะคริส พ่อหนุ่มลูกครึ่งเนื้อหอมที่มีแต่สาว ๆ รุมล้อมเมื่อลงจากเวทีเพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเจ้านายอย่างพชรจะแจกจ่ายน้ำใจให้กับสาวสวยทุกคนที่เข้าหา ในเมื่อเขาทั้งหล่อทั้งรวย บุคลิกก็ดูโดดเด่นจนเธอยังอดชื่นชมไม่ได้ เมื่อตอนที่อยู่ในสถานะของเลขานุการแล้วเดินตามเขาต้อย ๆ เธอรู้ได้ตั้งแต่วันที่สองของการทำงานแล้วว่าเขาฮอตมากแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็มีสายตาของสาว ๆ ชม้ายชายตามาให้จนเรี่ยราดไปหมดช่อมาลีล้วงหยิบเอาเศษกระดาษหลายใบที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงหนังขนาดพอดีตัวออกมาแล้วคลี่กางออกจนเต็มกำมือ มีทั้งนามบัตร ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ทั้งชื่อไอดีโปรแกรมสนทนาต่าง ๆ ถูกเขียนใส่กระดาษแล้วยัดฝากเด็กเสิร์ฟเอามาส่งให้ หญิงสาวมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะขยำกระดาษเหล่านั้นเป็นก้อนกลม แล้วโยนทิ้งถังขยะที่อยู่หน้าประตูไม่ว่าที่ไหน ผู้ชายก็เ
“กรี๊ดด!” ช่อมาลีกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตระหนก หญิงสาวเผลอก้มหน้าลงซุกกับต้นแขนของพชรอย่างลืมตัวพลางหลับตาแน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง ร่างสั่นเทิ้มราวกับคนจับไข้ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับยืนอึ้งตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า สาบานได้ว่าไม่เคยพบเจออะไรที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน แม้จะมองไม่ค่อยชัดนักเพราะเงารถบดบังอยู่ แต่ร่างโชกเลือดและผมยาว ๆ ที่ปิดหน้าปิดตา มีเพียงดวงตาเบิกโพลงค้างเติ่งที่เล็ดลอดออกมาระหว่างเส้นผม เพียงเท่านั้น เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าร่างตรงหน้าไร้ลมหายใจแล้ว“เกิดอะไรขึ้น!”สารวัตรจุมพลวิ่งเข้ามาพร้อมกับภีมพลตรงที่พชรกับช่อมาลียืนอยู่ ภีมพลมองตามสายตาของเพื่อนแล้วเห็นศพตรงหน้าก็เบิกตาค้างด้วยความตกตะลึงทันทีเช่นกันพชรหลับตาลงพร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้ภาพติดตา แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ ราวกับปลุกปลอบและปกป้องอยู่ในที เขาหันไปมองผู้จัดการแมทที่กำลังช็อกนั่งนิ่งทำตาโตปากคอสั่นอยู่กับพื้น คงให้คำตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้แน่นอน จึงตัดสินใจตอบสารวัตรหนุ่มด้วยเสียงแผ่วสั่น“ผมก็ไม่รู
“เอาล่ะครับ ผมขอเวลาพวกคุณครู่เดียวเท่านั้น ก่อนอื่นเนี่ย...ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเจอศพเป็นคนแรก” ตาคมกริบของสารวัตรตวัดมองไปที่พชร ช่อมาลี และผู้จัดการหนุ่มที่ยืนทำหน้าตาตื่นเมื่อเจอกับคำถาม“ผะ...ผมครับ ผมเจอคนแรก เพราะรถของผมจอดอยู่ใกล้กับ...เอ่อ...กับเธอครับ” แมทหลบตาสารวัตรราวกับไม่ต้องการให้ถามอะไรต่อไปอีก แต่จากประสบการณ์การทำงานสอบสวน จุมพลรู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้จงใจปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ จึงรุกถามต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้คนถูกถามได้พักหายใจ“คุณมีอะไรจะบอกผมรึเปล่าคุณแมท”แมทสะดุ้งเฮือก เหลือบตาขึ้นมองหน้าสารวัตรหนุ่มแล้วก้มหน้ามองพื้นอีกครั้ง ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น สุดท้ายก็ตัดสินใจพูด“เมื่อช่วงประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ หลังจากที่ผมเอาเบียร์ขึ้นไปให้สารวัตร ตอนลงมาผมเจอกับแนนนี่พอดีครับ เธอบอกว่าจะขึ้นไปหาคุณโอมบนห้อง แต่ผมบอกเธอไปว่าคุณโอมไม่ได้สั่งเอาไว้ว่าให้เธอขึ้นไปหา อีกอย่างคือ...เพราะผมเห็นว่าคุณโอมพาผู้หญิงขึ้นไปพอดีเลยไม่อยากให้มีปัญหาน่ะครับ”ผู้จัดการหนุ่มพูดพลางเหลือบตามองเจ้านายที่ยืนทำหน้าอิหลักอิเหลื่อเอามือล้วงกระเป๋ากา
อดเสียใจไม่ได้ ถ้าหากเธอไม่รู้ไม่เห็นรอยบ้า ๆ นั่นยังจะดีเสียกว่า แม้ว่าเจ้าตัวพยายามจะปกปิดด้วยเสื้อแขนยาวแล้วก็ตาม แต่สายตาเจ้ากรรมของเธอก็ยังอุตส่าห์ไปเห็นเข้าจนได้ให้ตายเถอะ! เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคริสจะเป็นฆาตกร!เมื่อกลับมาถึงบ้าน ดีเจมิวก็เข้าห้องปิดประตูเงียบ หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า“ผมเตือนคุณแล้วนะว่าอย่ายุ่งเรื่องนี้” ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งตรงเข้ามากักตัวเธอไว้จนติดกับกำแพง พลางก้มหน้าลงมากระซิบลอดไรฟันจนแทบชิดใบหูของเธอ“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”มิวพยายามหลบหลีกใบหน้าคมสันที่ก้มลงมาจนแทบชิด กระซิบตอบเขากลับไปอย่างหัวเสีย โกรธที่เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเธอ ทั้งยังขู่เข็ญสารพัดให้เธอเลิกช่วยเหลือดีเจอาร์ม“อยากติดคุกหรือไง คราวก่อนผมอุตส่าห์พูดบอกคุณดี ๆ แล้วนะเพราะเห็นว่ากำลังถูกไอ้อาร์มมันหลอกใช้ นึกว่าจะสำนึกกลับตัวได้ทัน แล้วทำไมยังเห็นมาช่วยมันเก็บขอ
จุมพลเหลือบตามองตัวเลขตรงที่เป็นวันที่และเวลาที่มุมล่างขวาทันทีเพื่อความแน่ใจ หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เอาแต่จ้องภาพทางหน้าจอทั้งสี่ช่องโดยไม่มีการพูดอะไรกันอีกเลย“กรอเร็วขึ้นอีกนิดได้ไหม” สารวัตรหนุ่มพูดขึ้นเมื่อมองดูแล้วทุกอย่างแทบไม่มีอะไรสะดุดสายตา แต่แล้วพอเขามองไปที่จอภาพจอหนึ่งเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้“เฮ้ย! เดี๋ยว! หยุดภาพตรงนี้ก่อนแล้วซูมเข้าไปใกล้ ๆ”เดชทำตามคำสั่งทันทีเมื่อเห็นตำรวจคนที่เจ้านายพามาชี้ไปยังจอภาพขวาบนซึ่งเป็นภาพที่มาจากกล้องตรงประตูที่ออกมาจากครัวที่หน้าจอบอกเวลาเที่ยงคืนหกนาที จากกล้องทางฝั่งห้องครัวปรากฏภาพของหญิงสาวคนหนึ่งเดินสูบบุหรี่ออกมาทางประตูด้านหลัง หล่อนยืนอยู่ไม่นานนักก็เดินตรงมาทางครัวแล้วก็ผลุบหายไปจากหน้าจอ ไม่ถึงห้าวินาทีถัดมาหญิงสาวก็เดินกลับออกมาขยี้ก้นบุหรี่ที่ถังขยะ แล้วก็เดินหายออกจากจอไปทางแท็งก์น้ำ“กล้องตรงนี้เห็นได้มากที่สุดก็คือแค่ตรงเก้าอี้พักสูบบุหรี่นี่น่ะหรือ ตรงแท็งก์น้ำมองไม่เห็นใช่ไหม” จุมพลถามพลางมองจ้องเข้าไปที่จอภาพ ซึ่งในภาพเห็นตรงส่วนของแท็งก์น้ำก็แค่ฐานของมันที่เลยจากพื้นดินมาประมาณ
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”