หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ในยามที่เธอไม่ใช่ช่อมาลี เลขาฯ ส่วนตัวของเขา แต่กลับเป็นใครอีกคนหนึ่งที่เขาอาจจะกำลังคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ดูแค่สายตาก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไร ไหนจะฝ่ามือแสนร้ายกาจที่เริ่มเลื้อยต่ำลงไปยังสะโพกกลมกลึง แล้วหมุนวนเอื่อย ๆ เนิบช้าอย่างมีชั้นเชิง
“ได้ค่ะ เรียกม็อทเฉย ๆ ก็ได้ แต่เรื่องไปส่งนั้นคงไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เพราะม็อทกลับกับเพื่อนในวงอยู่แล้ว”
ช่อมาลีรีบพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ส่งผลให้มือกาวคู่นั้นหลุดออกจากสะโพกเธอไปด้วย หญิงสาวรีบยกมือขึ้นไหว้เขาเพื่อขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มให้ ทำเอาคนได้รับหัวใจกระตุกวูบ
ตาคมกริบไม่อาจละไปจากดวงหน้าสวยบาดใจนั้นได้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงลอยเด่นอยู่ตรงหน้า มันทำให้เขาเผลอมองจนตาปรอย ยิ่งเห็นสายตากึ่งท้าทายกึ่งเชิญชวนที่เจ้าหล่อนมองมา พชรก็แทบอยากเอาตาข่ายมาดักจับผีเสื้อราตรีตัวนี้เอาไปไว้ดูเล่นบนเตียงเสียเดี๋ยวนั้น
เธอมองเหมือนเขาไม่มีวันได้แอ้มเธอแน่ ๆ!
“ไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรือครับ กลับกับเพื่อนในวงคงไม่สนุกเหมือนกลับกับผมหรอกนะ”
พชรยิ้มกริ่มมองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย สองมือสอดเก็บเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงตามความเคยชิน
“แหม...อยากรู้จังว่าสนุกของคุณโอมน่ะแค่ไหน พอจะบอกม็อทคร่าว ๆ ได้ไหมคะ”
ช่อมาลียังคงต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่ลดละ ตอนอยู่ในสถานะเลขาฯ เธอไม่สามารถทำได้ พอมาอยู่ในสถานะนี้จึงขอเต็มทีเลยก็แล้วกัน
“ของแบบนี้มันบอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้หรอกครับ มันต้องแสดงออกด้วยการกระทำ แต่ผมบอกได้อย่างเดียวเลยว่า...แล้วคุณจะติดใจจนอยากกลับกับผมคนเดียว”
เสียงแผ่วพร่าของเขาที่ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบที่ข้างหูช่างฟังดูเซ็กซี่อย่างเหลือร้าย ราวกับเขากำลังร่ายมนตร์ให้เคลิบเคลิ้มเพียงแค่ได้ฟังเสียง จนหญิงสาวต้องจิกมือตนเองไว้เพื่อเตือนสติ
“แหม...กลัวจังเลยค่ะ” ช่อมาลียิ้มพรายเต็มวงหน้า ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป
“กลัวจะเป็นแค่ราคาคุย”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ทำเอาชายหนุ่มต้องเม้มปากแน่นเมื่อเจอเธอสบประมาท เขาโคลงศีรษะเล็กน้อยพลางจ้องสาวสวยตรงหน้าอย่างประเมินก่อนจะคลี่ยิ้มกว้าง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เจอผู้หญิงเล่นตัวแบบนี้
“แล้วแต่คุณจะคิดว่าผมจะมีแค่ราคาคุยรึเปล่า อย่างที่บอกนั่นแหละว่าไม่ลองกลับกับผมสักครั้งแล้วคุณจะรู้ได้ยังไง คิดเองเออเองน่ะมันไม่ดีหรอกนะครับคนสวย”
“นั่นน่ะสิคะ คิดเองเออเองน่ะมันไม่ดีหรอกนะคะคุณโอม”
ช่อมาลียืนจ้องหน้าเขายิ้ม ๆ ในขณะที่พชรนิ่งไปสักพักก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขามองเธอด้วยแววตาที่ยากจะอ่านออกก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ
“โอเค! ผมยอมแพ้”
เขาชักมือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยกขึ้นกางออกในลักษณะที่บอกว่ายอมแพ้จนหญิงสาวอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้ ที่ในที่สุดเธอก็สามารถต้อนเขาให้จนมุม
“ต้องขอบคุณคุณโอมมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณโอม ม็อทต้องล้มหัวเข่ากระแทกแน่เลย เดี๋ยวต้องขึ้นเวทีแล้วด้วย”
หญิงสาวกระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นชายหนุ่มเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ซึ่งเป็นท่าประจำของเขาที่เธอเริ่มเห็นจนชินตา เวลาที่เขากำลังผ่อนคลายหรืออารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรครับผมยินดีและเต็มใจ จริง ๆ แล้วถ้าม็อทร้องเพลงมาเหนื่อย ๆ ระหว่างที่นั่งพักเบรกเพื่อแสดงต่อในช่วงพีก ม็อทไปนอนเล่นที่ห้องพักของผมก่อนก็ได้นะ ชั้นบนน่ะ ผมไม่ว่าหรอก”
ชายหนุ่มยิ้มพรายเต็มวงหน้า นัยน์ตาพริบพราวจับจ้องอยู่แต่ดวงหน้าสดสวยของหญิงสาว อยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าร้องเพลงเสร็จ ไปร้องครวญครางต่อบนเตียงของเขาก็ได้ เขายินดีปรนนิบัตินวดเฟ้นให้เป็นพิเศษ ขอเพียงแค่เธอมานอนตัวอ่อนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างเขา
“ผมใจดีกับพนักงานของผมเสมอ เพราะผมถือว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
เขาขยับเข้าหาหญิงสาวมากขึ้นอีกนิด ขณะที่ช่อมาลีก็เตรียมตั้งรับว่าเขาจะทำอะไรต่อไป พลันนั้นมือของเขาก็ยกขึ้นมาจับผมของเธอขึ้นมาสูดดม โดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
“อย่าลืมนะครับ ห้องชั้นบนของผมยินดีต้อนรับเสมอ แล้วผมจะรอ”
เขากระซิบแผ่วพร่าที่ข้างหูอีกรอบ ก่อนจะแกล้งพ่นลมหายใจอุ่นร้อนเข้าไปในนั้น ช่อมาลีห่อไหล่เล็กน้อยเพราะความจั๊กจี้ แววตาที่ไม่ได้มีวี่แววของความเขินอายเลยแม้แต่น้อยนิดหลุบต่ำลง มุมปากอิ่มสีสดยกยิ้มขึ้นนิด ๆ ก่อนจะจับไหล่ของเขาเอาไว้เพียงเบา ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นอีกนิดเพื่อให้ริมฝีปากของตนอยู่ในระดับเดียวกับใบหูของเขาพอดี
“ขอบคุณนะคะสำหรับห้องพัก ม็อทขึ้นไปแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวผละออกห่างจากเขาเล็กน้อยจนทันได้เห็นแววตาวาววับของชายหนุ่มที่มองมา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่ปรารถนา แต่ก็ต้องยิ้มเก้อเมื่อฟังประโยคถัดมาจากเจ้าหล่อน
“เพื่อนในวงของม็อทต้องชอบ และดีใจแน่ ๆ เลยค่ะที่คุณโอมใจดี ยกห้องให้พวกเราได้พักผ่อนกันด้วย” ทันทีที่พูดจบร่างโปร่งระหงของนักร้องนำแสนสวยก็ผละออกไปทันที
พชรมองตามหลังของหญิงสาวที่เยื้องย่างไปจนกระทั่งร่างนั้นผลุบหายออกไปสู่ทางเดินพื้นพรมสีเทาที่สามารถออกไปยังด้านหลังเวทีได้โดยไม่ต้องผ่านบริเวณที่นักเที่ยวนั่งกันอยู่
ชายหนุ่มยังคงยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ถูกอกถูกใจไม่น้อยเมื่อเห็นผีเสื้อราตรีตัวนี้ท่าทางจะต้อนเข้ากรงได้ยากกว่าที่คิด...
แต่เอาเถอะ ยังอยู่ด้วยกันไปอีกนาน เขายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะหว่านตาข่ายดักจับเจ้าหล่อนเอามาเป็นเพื่อนเล่นบนเตียง เพราะฉะนั้นเขาไม่รีบอยู่แล้ว อยากจะรู้เหมือนกันว่าระหว่างพรานมือฉมังอย่างเขากับผีเสื้อแสนสวยอย่างเธอ ใครจะแน่กว่ากัน!
ทว่า ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างก็พุ่งเข้าจู่โจมเขา พชรนึกไม่ออกว่าเขาเคยได้รับสัมผัสแบบนี้ และกลิ่นหอมอย่างนี้จากที่ไหนมาก่อน รู้เพียงแต่ว่าเขาเคยได้รับมาก่อนแน่ ๆ
ช่อมาลีเดินอมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้านิ่ง ๆ ติดจะเครียดขรึมของท่านประธานในตอนกลางวัน แต่เป็นบอสซึ่งหูตาแพรวพราวไม่ต่างอะไรกับนักล่าในตอนกลางคืน ก่อนผละออกมาเธอเห็นแววตาวิบวับของเขาแปรเปลี่ยนเป็นวาบขึ้นมาเหมือนเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงอะไรสักอย่าง เห็นแล้วรู้สึกสะใจนิด ๆ ที่ได้ตอกหน้ากลับไปเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง กลางวันก็ว่าร้ายเหมือนเสือนิ่งอยู่แล้ว แต่กลางคืนนี่เขาไม่ต่างอะไรกับเสือโหยเลย
พลันนั้น ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลเหมือนถูกใครกำลังจับจ้องอยู่ ทำให้ช่อมาลีหันไปมองรอบตัวทันที แต่บริเวณทางเดินคับแคบนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่อยู่ลำพังไม่มีใครอื่นอีก หญิงสาวเร่งก้าวเท้าเดินไปให้ถึงบริเวณด้านหลังเวทีเร็ว ๆ จนแทบกลายเป็นวิ่งเพราะสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง
ครั้นพอลับร่างของหญิงสาวไปแล้ว จึงปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่สุดทางเดินของอีกฝั่ง ตาคู่นั้นวาววับไปด้วยกระแสแห่งความเกลียดชัง และแรงโทสะที่มีต่อหญิงสาวที่วิ่งลับหายไปทางด้านหลังเวที มือทั้งสองกำแน่นจนร่างสั่นเทิ้ม ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยแรงโกรธเกลียดจนนึกอยากจะกำจัดผู้หญิงคนนั้นให้ตายตกไปตามคนก่อนหน้า
ร่างนั้นเดินหายลับไปทางบานประตูที่เปิดออกสู่โซนสำหรับนักเที่ยวจนกระทั่งปะปนไปกับบรรดาผีเสื้อราตรีทั้งหลาย โดยที่ไม่มีใครได้สังเกตเห็น หรือเอะใจอะไร เพราะในเวลานี้ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับการแสดงสดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว
พชรผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เจอภีมพลกำลังนั่งหารืออะไรบางอย่างอยู่กับสารวัตรจุมพลจึงยกมือขึ้นไหว้สารวัตรหนุ่ม ก่อนจะเดินไปนั่งใกล้กับเพื่อน
“มีอะไรคืบหน้าบ้างไหมครับพี่พล”
พชรเปิดปากถามพร้อมกับหยิบบุหรี่ออกมาคาบไว้ที่ปากแล้วจุดสูบ ขณะที่สารวัตรจุมพลได้แต่ส่ายหน้า เพราะข้อมูลที่ได้มากับเหตุการณ์แวดล้อมมันขัดแย้งกันไปหมด
“ยังมืดแปดด้านอยู่ พี่ให้คนคอยจับตาดูดีเจที่ชื่ออาร์มอยู่ตลอด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัย แถมยังระวังตัวมากกว่าเดิมด้วย”จุมพลนิ่งคิด เพราะดีเจหนุ่มคนนั้นระวังตัวแจ คนของเขาจึงไม่ได้จังหวะหาทางรวบตัวตอนขายยาแบบคาหนังคาเขาได้สักที คิดแล้วก็น่าเจ็บใจที่เจ้าตัวแสบนั่นรอดตัวไปได้ทุกครั้งราวกับมีคนคอยช่วยเหลืออยู่“ผมว่าบางทีอาร์มมันไม่น่าจะเกี่ยวกับการตายของผู้หญิงคนนั้นนะครับ” ภีมพลออกความเห็นบ้าง“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้ อีกอย่างสภาพศพมันโหดเหี้ยมเกินไป จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าเพราะเรื่องยาเสพติด แต่น่าจะเป็นการฆ่าเพราะแรงแค้น แรงโกรธเกลียดอะไรแบบนั้นมากกว่า”สารวัตรหนุ่มออกความเห็นอย่างคนที่เจอคดีมามากมาย การเขียนประจานลงบนตัวศพว่า “ร่าน” นั้นก็เครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าฆาตกรมีความแค้นกับผู้ตายอยู่มากพลันนั้นความคิดบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในหัว จุมพลเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงแล้วยื่นหน้ามาถามทันที“อาร์มมันมีแฟนไหม หรือคนที่กำลังคบกันอยู่น่ะ”พชรกับภีมพลหันมองหน้ากันทันที ข้อนี้พวกเขาก็ไม่รู้
เพื่อนสาวอีกคนชี้ไปยังโต๊ะของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ภีมพลเดินเข้าไปทักทายแล้วดูท่าว่าจะปักหลักอยู่ที่โต๊ะนั้นไม่ยอมไปไหน ทำเอาแนนนี่หน้าร้อนวูบด้วยความอับอายที่ถูกเพื่อนสาวทำท่าทางหัวเราะใส่ราวกับเยาะเย้ยตนไม่ใช่แค่สาว ๆ สองกลุ่มนี้เท่านั้นที่จับจ้องไปยังพชรกับสาวสวยไฮโซ แต่ร่างระหงที่กำลังพลิ้วไหวอยู่บนเวทีก็แอบชำเลืองมองไปยังสองร่างที่พะเน้าพะนอคลอเคลียกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกขอให้เป็นผู้หญิงสวย เขาก็สามารถสานสัมพันธ์กับพวกหล่อนได้ทุกคนเลยใช่ไหม เจ้านายของเธอช่างเป็นผู้ชายอันตรายของแท้เลยจริง ๆช่อมาลีไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าดวงตาคมปลาบของคนที่ตนเพิ่งปรามาสไปว่าเป็นผู้ชายอันตรายนั้น ตอนนี้เอาแต่จับจ้องอยู่แต่เรือนร่างเย้ายวนที่เคลื่อนไหวอยู่บนเวทีแทบไม่วางตา ถึงแม้ในอ้อมกอดของเขาจะมีสาวสวยอยู่แนบอก แต่เขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากความงดงามที่เริงร่าอยู่บนเวทีได้ ม็อทสามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัด ยิ่งพวกหนุ่ม ๆ ที่เขาลอบสังเกตปฏิกิริยาโดยรอบนั้นต่างจับจ้องกันตาแทบถลนไม่ต่างจากเขา นับว่าภีมพลคิดถูกจริง ๆ ที่ได้วงนี้มาเล่นให้คลับซุส“โอมคะ...อินเวียนหัวจังเล
หญิงสาวส่ายหน้ากับตนเองเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจว่าผู้ชายก็เป็นเสียอย่างนี้ ยิ่งทำงานกลางคืนด้วยแล้วยิ่งหลีกเลี่ยงเรื่องอย่างว่าไม่พ้น ดูอย่างเพื่อนในวงของเธอนั่นอย่างไร ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหนก็มีแต่หญิงสาวล้อมหน้าล้อมหลังโดยเฉพาะคริส พ่อหนุ่มลูกครึ่งเนื้อหอมที่มีแต่สาว ๆ รุมล้อมเมื่อลงจากเวทีเพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเจ้านายอย่างพชรจะแจกจ่ายน้ำใจให้กับสาวสวยทุกคนที่เข้าหา ในเมื่อเขาทั้งหล่อทั้งรวย บุคลิกก็ดูโดดเด่นจนเธอยังอดชื่นชมไม่ได้ เมื่อตอนที่อยู่ในสถานะของเลขานุการแล้วเดินตามเขาต้อย ๆ เธอรู้ได้ตั้งแต่วันที่สองของการทำงานแล้วว่าเขาฮอตมากแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็มีสายตาของสาว ๆ ชม้ายชายตามาให้จนเรี่ยราดไปหมดช่อมาลีล้วงหยิบเอาเศษกระดาษหลายใบที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงหนังขนาดพอดีตัวออกมาแล้วคลี่กางออกจนเต็มกำมือ มีทั้งนามบัตร ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ทั้งชื่อไอดีโปรแกรมสนทนาต่าง ๆ ถูกเขียนใส่กระดาษแล้วยัดฝากเด็กเสิร์ฟเอามาส่งให้ หญิงสาวมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะขยำกระดาษเหล่านั้นเป็นก้อนกลม แล้วโยนทิ้งถังขยะที่อยู่หน้าประตูไม่ว่าที่ไหน ผู้ชายก็เ
“กรี๊ดด!” ช่อมาลีกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตระหนก หญิงสาวเผลอก้มหน้าลงซุกกับต้นแขนของพชรอย่างลืมตัวพลางหลับตาแน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง ร่างสั่นเทิ้มราวกับคนจับไข้ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับยืนอึ้งตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า สาบานได้ว่าไม่เคยพบเจออะไรที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน แม้จะมองไม่ค่อยชัดนักเพราะเงารถบดบังอยู่ แต่ร่างโชกเลือดและผมยาว ๆ ที่ปิดหน้าปิดตา มีเพียงดวงตาเบิกโพลงค้างเติ่งที่เล็ดลอดออกมาระหว่างเส้นผม เพียงเท่านั้น เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าร่างตรงหน้าไร้ลมหายใจแล้ว“เกิดอะไรขึ้น!”สารวัตรจุมพลวิ่งเข้ามาพร้อมกับภีมพลตรงที่พชรกับช่อมาลียืนอยู่ ภีมพลมองตามสายตาของเพื่อนแล้วเห็นศพตรงหน้าก็เบิกตาค้างด้วยความตกตะลึงทันทีเช่นกันพชรหลับตาลงพร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้ภาพติดตา แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ ราวกับปลุกปลอบและปกป้องอยู่ในที เขาหันไปมองผู้จัดการแมทที่กำลังช็อกนั่งนิ่งทำตาโตปากคอสั่นอยู่กับพื้น คงให้คำตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้แน่นอน จึงตัดสินใจตอบสารวัตรหนุ่มด้วยเสียงแผ่วสั่น“ผมก็ไม่รู
“เอาล่ะครับ ผมขอเวลาพวกคุณครู่เดียวเท่านั้น ก่อนอื่นเนี่ย...ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเจอศพเป็นคนแรก” ตาคมกริบของสารวัตรตวัดมองไปที่พชร ช่อมาลี และผู้จัดการหนุ่มที่ยืนทำหน้าตาตื่นเมื่อเจอกับคำถาม“ผะ...ผมครับ ผมเจอคนแรก เพราะรถของผมจอดอยู่ใกล้กับ...เอ่อ...กับเธอครับ” แมทหลบตาสารวัตรราวกับไม่ต้องการให้ถามอะไรต่อไปอีก แต่จากประสบการณ์การทำงานสอบสวน จุมพลรู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้จงใจปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ จึงรุกถามต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้คนถูกถามได้พักหายใจ“คุณมีอะไรจะบอกผมรึเปล่าคุณแมท”แมทสะดุ้งเฮือก เหลือบตาขึ้นมองหน้าสารวัตรหนุ่มแล้วก้มหน้ามองพื้นอีกครั้ง ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น สุดท้ายก็ตัดสินใจพูด“เมื่อช่วงประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ หลังจากที่ผมเอาเบียร์ขึ้นไปให้สารวัตร ตอนลงมาผมเจอกับแนนนี่พอดีครับ เธอบอกว่าจะขึ้นไปหาคุณโอมบนห้อง แต่ผมบอกเธอไปว่าคุณโอมไม่ได้สั่งเอาไว้ว่าให้เธอขึ้นไปหา อีกอย่างคือ...เพราะผมเห็นว่าคุณโอมพาผู้หญิงขึ้นไปพอดีเลยไม่อยากให้มีปัญหาน่ะครับ”ผู้จัดการหนุ่มพูดพลางเหลือบตามองเจ้านายที่ยืนทำหน้าอิหลักอิเหลื่อเอามือล้วงกระเป๋ากา
อดเสียใจไม่ได้ ถ้าหากเธอไม่รู้ไม่เห็นรอยบ้า ๆ นั่นยังจะดีเสียกว่า แม้ว่าเจ้าตัวพยายามจะปกปิดด้วยเสื้อแขนยาวแล้วก็ตาม แต่สายตาเจ้ากรรมของเธอก็ยังอุตส่าห์ไปเห็นเข้าจนได้ให้ตายเถอะ! เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคริสจะเป็นฆาตกร!เมื่อกลับมาถึงบ้าน ดีเจมิวก็เข้าห้องปิดประตูเงียบ หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า“ผมเตือนคุณแล้วนะว่าอย่ายุ่งเรื่องนี้” ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งตรงเข้ามากักตัวเธอไว้จนติดกับกำแพง พลางก้มหน้าลงมากระซิบลอดไรฟันจนแทบชิดใบหูของเธอ“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”มิวพยายามหลบหลีกใบหน้าคมสันที่ก้มลงมาจนแทบชิด กระซิบตอบเขากลับไปอย่างหัวเสีย โกรธที่เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเธอ ทั้งยังขู่เข็ญสารพัดให้เธอเลิกช่วยเหลือดีเจอาร์ม“อยากติดคุกหรือไง คราวก่อนผมอุตส่าห์พูดบอกคุณดี ๆ แล้วนะเพราะเห็นว่ากำลังถูกไอ้อาร์มมันหลอกใช้ นึกว่าจะสำนึกกลับตัวได้ทัน แล้วทำไมยังเห็นมาช่วยมันเก็บขอ
จุมพลเหลือบตามองตัวเลขตรงที่เป็นวันที่และเวลาที่มุมล่างขวาทันทีเพื่อความแน่ใจ หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เอาแต่จ้องภาพทางหน้าจอทั้งสี่ช่องโดยไม่มีการพูดอะไรกันอีกเลย“กรอเร็วขึ้นอีกนิดได้ไหม” สารวัตรหนุ่มพูดขึ้นเมื่อมองดูแล้วทุกอย่างแทบไม่มีอะไรสะดุดสายตา แต่แล้วพอเขามองไปที่จอภาพจอหนึ่งเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้“เฮ้ย! เดี๋ยว! หยุดภาพตรงนี้ก่อนแล้วซูมเข้าไปใกล้ ๆ”เดชทำตามคำสั่งทันทีเมื่อเห็นตำรวจคนที่เจ้านายพามาชี้ไปยังจอภาพขวาบนซึ่งเป็นภาพที่มาจากกล้องตรงประตูที่ออกมาจากครัวที่หน้าจอบอกเวลาเที่ยงคืนหกนาที จากกล้องทางฝั่งห้องครัวปรากฏภาพของหญิงสาวคนหนึ่งเดินสูบบุหรี่ออกมาทางประตูด้านหลัง หล่อนยืนอยู่ไม่นานนักก็เดินตรงมาทางครัวแล้วก็ผลุบหายไปจากหน้าจอ ไม่ถึงห้าวินาทีถัดมาหญิงสาวก็เดินกลับออกมาขยี้ก้นบุหรี่ที่ถังขยะ แล้วก็เดินหายออกจากจอไปทางแท็งก์น้ำ“กล้องตรงนี้เห็นได้มากที่สุดก็คือแค่ตรงเก้าอี้พักสูบบุหรี่นี่น่ะหรือ ตรงแท็งก์น้ำมองไม่เห็นใช่ไหม” จุมพลถามพลางมองจ้องเข้าไปที่จอภาพ ซึ่งในภาพเห็นตรงส่วนของแท็งก์น้ำก็แค่ฐานของมันที่เลยจากพื้นดินมาประมาณ
วันต่อมา ภีมพลสั่งให้ผู้จัดการคลับไปจัดหาบริษัทที่รับติดตั้งกล้องวงจรปิด และต้องทำให้เสร็จภายในวันนั้นทันทีพชรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา สิบโมงแล้วทว่าเขากลับไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะมัวแต่จัดการเรื่องยุ่ง ๆ ทั้งหลายกับภีมพล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจนถึงเช้า เขารู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนัก นัยน์ตาเริ่มแห้งผากจนต้องกะพริบตาบ่อย ๆ เพราะคงอยากพักผ่อนเต็มที แต่สมองกลับตื่นตัวเต็มที่อยู่ตลอดเวลาเขาเอนตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวเอาศีรษะพิงกับพนักไว้ แล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตาชั่วครู่ ในใจครุ่นคิดสงสัยอยู่เพียงลำพังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมสองคนนั้นถึงถูกฆ่าตาย และทำไมต้องเป็นที่นี่ จะมีอะไรเกี่ยวกับเขารึเปล่า เพราะผู้หญิงทั้งสองคนนั้นล้วนเป็นคนที่เขาเคยนอนด้วยทั้งสิ้น หรือมันจะเกี่ยวกับภีมพลกันแน่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พชรยกมือขึ้นคลึงขมับของตนเองเบา ๆ พลันนั้นคำพูดของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด‘โกโก้เย็น ๆ สักแก้วไหมคะท่านประธาน เวลาเครียดหรือปวดหัวเนี่ย เขาว่าดื่มโกโก้ หรือกินช็อกโกแลตสักแท่
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”