หน้าหลัก / โรแมนติก / เสน่หาผีเสื้อราตรี / บทที่ 7 เหยื่อรายที่สอง...สำส่อน - 25%

แชร์

บทที่ 7 เหยื่อรายที่สอง...สำส่อน - 25%

ผู้แต่ง: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-10 11:31:02

“กรี๊ดด!”

ช่อมาลีกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตระหนก หญิงสาวเผลอก้มหน้าลงซุกกับต้นแขนของพชรอย่างลืมตัวพลางหลับตาแน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง ร่างสั่นเทิ้มราวกับคนจับไข้

ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับยืนอึ้งตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า สาบานได้ว่าไม่เคยพบเจออะไรที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน แม้จะมองไม่ค่อยชัดนักเพราะเงารถบดบังอยู่ แต่ร่างโชกเลือดและผมยาว ๆ ที่ปิดหน้าปิดตา มีเพียงดวงตาเบิกโพลงค้างเติ่งที่เล็ดลอดออกมาระหว่างเส้นผม เพียงเท่านั้น เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าร่างตรงหน้าไร้ลมหายใจแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น!”

สารวัตรจุมพลวิ่งเข้ามาพร้อมกับภีมพลตรงที่พชรกับช่อมาลียืนอยู่ ภีมพลมองตามสายตาของเพื่อนแล้วเห็นศพตรงหน้าก็เบิกตาค้างด้วยความตกตะลึงทันทีเช่นกัน

พชรหลับตาลงพร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้ภาพติดตา แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ ราวกับปลุกปลอบและปกป้องอยู่ในที เขาหันไปมองผู้จัดการแมทที่กำลังช็อกนั่งนิ่งทำตาโตปากคอสั่นอยู่กับพื้น คงให้คำตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้แน่นอน จึงตัดสินใจตอบสารวัตรหนุ่มด้วยเสียงแผ่วสั่น

“ผมก็ไม่รู้ครับพี่ กำลังยืนคุยกับม็อทอยู่ สักพักก็ได้ยินเสียงแมทเขาร้องเสียงดัง พอหันไปมองก็เห็นเขาล้มลงนั่งกับพื้น ผมเลยวิ่งมาดู แล้วก็เจออย่างที่เห็นนี่แหละครับ”

“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย”

ภีมพลสบถออกมาอย่างหัวเสีย สองครั้งติด ๆ กันที่มีคนตายที่คลับของเขา นี่ไม่น่าจะใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว ชายหนุ่มทำใจกล้าเดินเข้าไปด้านหลังรถเพื่อต้องการดูศพใกล้ ๆ แล้วก็ต้องร้องเสียงดังออกมา

“เฮ้ย!” ภีมพลผงะถอยหลังออกมาจนชนเข้ากับสารวัตรหนุ่มที่เดินเข้าไปหาพอดี

“มีอะไรไอ้ภีม” จุมพลขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำพร้อมกับชี้ไปที่ตัวศพ

“นะ...แนนนี่ พี่พล...ผู้หญิงคนนี้คือแนนนี่!”

ภีมพลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความสงสารเห็นใจแล่นขึ้นมาจุกอยู่ตรงอกจนรู้สึกหายใจลำบาก ถึงแม้เธอจะเป็นแค่คู่นอนชั่วคราว แต่ความสนิทสนม เพราะเคยเจอหน้ากันบ่อย ๆ ก็ทำให้เขาอดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่มีคนรู้จักใกล้ตัวต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าสยดสยองอย่างนี้

ร่างอันน่าสยดสยองนอนหงายกึ่งเปลือยท่อนบนแผ่อยู่บนพื้นด้านหลังรถคันหนึ่ง ที่ลำคอมีร่องรอยของการถูกรัดอย่างแรงจนเป็นจ้ำห้อเลือด รอยนั้นลึกเข้าไปในเนื้อ ใบหน้าเขียวคล้ำ ดวงตาเบิกโพลง ลิ้นจุกปาก บ่งบอกสถานะก่อนตายได้ดีว่าทรมานแค่ไหน นิ้วมือทั้งสิบนิ้วถลอกปอกเปิกจนเห็นรอยเลือดอยู่ที่ปลายนิ้วทุกนิ้ว ทำให้รู้ทันทีว่าก่อนตาย หญิงสาวคงนอนอยู่บนพื้นแล้วกระเสือกกระสนดิ้นรนยื้อยุดชีวิตของตนเองอย่างสุดกำลัง

สารวัตรหนุ่มนั่งยอง ๆ ใกล้กับศพโดยมีภีมพลเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ ด้วย ทั้งสองหันหลังให้กับทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหน้ารถพลางกวาดตามองไปที่มือขวาของศพ มีคราบสีเขียวของอะไรบางอย่างครูดติดอยู่ที่มือนั้น จุมพลจึงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดไฟฉายเพื่อส่องดูให้ชัดกว่าเดิม

สารวัตรหนุ่มหยิบวัตถุสีเขียวขึ้นมาจากมือของศพแล้วเอามาส่องดูใกล้ ๆ ถึงได้รู้ว่ามันคือเศษใบไม้ จุมพลหันมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบว่ามีตรงไหนเลยที่มีต้นไม้ หรือต้นหญ้าอยู่จึงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

“แถวนี้มีต้นไม้ หรือหญ้าบ้างไหม” จุมพลเปิดปากถามขึ้นลอย ๆ ขณะที่สายตายังคงสำรวจร่างไร้วิญญาณตรงหน้า

“ตรงด้านหลังฝั่งนู้นครับพี่ ตรงนั้นมันจะเป็นที่ดูดบุหรี่ของพนักงาน มันจะเป็นลานหญ้าไม่กว้างเท่าไร”

พชรเป็นคนตอบคำถามนั้นพลางก้มลงมองคนหน้าซีดในอ้อมแขนด้วยความเป็นห่วง เขาลูบแขนช่อมาลีแล้วบีบเบา ๆ อย่างปลุกปลอบเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตัวสั่นเล็กน้อย

สารวัตรหนุ่มพยักหน้าแล้วก้มลงสำรวจต่อ ตั้งแต่ลำคอลงมาจนถึงช่วงท้องมีรอยกรีดเป็นทางยาวราวกับเป็นลูกศรชี้นำสายตา รอยกรีดนั้นลากยาวลงไปจนผลุบหายเข้าไปในชุดเดรสที่คลุมปกปิดช่วงหน้าท้องเอาไว้ น่าแปลกที่ชุดถูกกรีดขาดออกมาตลอดแนวยาว แต่คนร้ายกลับเอาชุดนั้นมาคลุมทับลำตัวช่วงล่างเอาไว้ราวกับจงใจบอกตำแหน่งของอะไรบางอย่าง จุมพลไม่รอช้า เขาจัดการเลิกเดรสที่ถูกกรีดนั้นให้แบะออกไปด้านข้าง แล้วก็ต้องผงะกับข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาเคมีสีน้ำเงินตรงท้องน้อย

...สำส่อน...

จุมพลนึกถึงเหตุฆาตกรรมคราวที่แล้วซึ่งมีปากกาเคมีเขียนประจานไว้ที่ตัวศพเหมือนกัน เพียงแต่ครั้งนี้ใช้คำที่ต่างออกไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฆาตกรน่าจะเป็นคนเดียวกันแน่นอน

หลังจากตรวจสอบสภาพศพคร่าว ๆ แล้ว สารวัตรจุมพลจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปศพเอาไว้ทุกมุม แล้วจัดการดึงชุดที่ถูกกรีดขาดมาคลุมร่างให้ศพเพื่อไม่ให้ดูอุจาดตาเกินไปนัก จากนั้นจึงโทร. เรียกตำรวจที่อยู่เวรช่วงนั้นมาที่คลับโดยด่วน เมื่อสั่งงานเสร็จแล้วเขาก็เพ่งมองไปที่สภาพของศพอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ

ฆาตกรรายนี้โหดเหี้ยมผิดมนุษย์...และที่สำคัญ มันเหยียบจมูกเขาถึงที่ แถมยังกล้าเอาศพมาไว้ตรงลานจอดรถของคลับทั้งที่มีความเสี่ยงสูงว่าจะมีคนมาพบ ถ้าให้เดา เขาว่าสถานที่ลงมือฆ่าจะต้องเป็นบริเวณที่พชรบอกว่าเป็นที่สูบบุหรี่ของพนักงานอย่างแน่นอน

“ขอผมแตะศพได้ไหมครับพี่พล ผมแค่...อยากจะปิดตาให้เขา”

ภีมพลพูดเสียงแผ่วพร้อมกับย่อตัวลงนั่งบนปลายเท้า พอจุมพลอนุญาต ชายหนุ่มจึงเอื้อมไปปิดดวงตาที่เบิกโพลงทั้งสองข้างให้ปิดสนิทลง

“คราวนี้ก็มีเขียนไว้อีกแล้ว”

ภีมพลเปรยขึ้นเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วถอยห่างออกมารวมกลุ่มกับคนอื่น ระหว่างนั้นว่านกับจิลสมาชิกในวงเดียวกับช่อมาลีเดินออกมาจากประตูด้านหลังของฝั่งพนักงานพอดี ทั้งสองคนทำหน้างุนงงเมื่อเห็นเจ้านายอยู่กันครบ และหนึ่งในนั้นก็โอบกอดนักร้องนำสาวของตนเองที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่

“เฮ้ย! ม็อทเป็นอะไรวะ”

ว่านปรี่เข้ามาหาเพื่อนทันทีเพราะคิดว่าเพื่อนสาวถูกเจ้านายบังคับลวนลามเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับที่ทำงานเก่า ทว่าพอมาถึงแล้วมองตามสายตาของทุกคนไปยังร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนพื้นก็ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“เหวอ! ใครวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นครับ”

ว่านหันไปถามผู้จัดการรูปหล่อที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป แต่ฝ่ายนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าซีดขาวไปมาราวกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น

“คริสล่ะจิล” ช่อมาลีผละออกจากพชรแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคนที่เดินเข้ามา จิลผงะไปเช่นกันเมื่อเห็นศพ ก่อนจะรีบหันมาตอบเพื่อน

“อ้าว...คริสมันไม่ได้อยู่กับแกหรือ นึกว่ามันเดินออกมาแล้วเสียอีก” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงใหญ่ของคนที่ถูกถามถึงก็เดินหิ้วกระเป๋ากีตาร์ออกมาจากประตูเดียวกันกับที่ว่านและจิลเพิ่งออกมา

“ผมรบกวนพวกคุณอย่าเพิ่งไปไหนนะครับ ขอผมคุยอะไรด้วยหน่อย”

สารวัตรจุมพลพูดขัดขึ้นเมื่อมองเห็นรถตำรวจ และรถของเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานที่ตนโทร. เรียกกำลังเลี้ยวเข้ามาจอดพอดี เขาเดินตรงไปหาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ลงจากรถมาแล้วพูดอะไรบางอย่าง พลางชี้ไปยังจุดที่บอกว่าเป็นโซนสำหรับสูบบุหรี่ของพนักงาน จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ประมาณสี่คนเดินหิ้วอุปกรณ์ไปยังจุดที่สารวัตรชี้บอก ส่วนที่เหลือก็กระจายกำลังกันค้นหาหลักฐานที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับรูปคดีโดยรอบ

สารวัตรหนุ่มเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาหันมองคนที่ยืนอยู่แล้วพยักหน้าให้ทุกคนเดินตามมาเพราะไม่อยากให้ไปรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคนเป็นอย่างดี และเมื่อทุกคนเดินมาไกลจากจุดเกิดเหตุพอสมควรแล้ว จุมพลก็เริ่มทำงานของตนทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 7 เหยื่อรายที่สอง...สำส่อน - 50%

    “เอาล่ะครับ ผมขอเวลาพวกคุณครู่เดียวเท่านั้น ก่อนอื่นเนี่ย...ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเจอศพเป็นคนแรก” ตาคมกริบของสารวัตรตวัดมองไปที่พชร ช่อมาลี และผู้จัดการหนุ่มที่ยืนทำหน้าตาตื่นเมื่อเจอกับคำถาม“ผะ...ผมครับ ผมเจอคนแรก เพราะรถของผมจอดอยู่ใกล้กับ...เอ่อ...กับเธอครับ” แมทหลบตาสารวัตรราวกับไม่ต้องการให้ถามอะไรต่อไปอีก แต่จากประสบการณ์การทำงานสอบสวน จุมพลรู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้จงใจปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ จึงรุกถามต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้คนถูกถามได้พักหายใจ“คุณมีอะไรจะบอกผมรึเปล่าคุณแมท”แมทสะดุ้งเฮือก เหลือบตาขึ้นมองหน้าสารวัตรหนุ่มแล้วก้มหน้ามองพื้นอีกครั้ง ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น สุดท้ายก็ตัดสินใจพูด“เมื่อช่วงประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ หลังจากที่ผมเอาเบียร์ขึ้นไปให้สารวัตร ตอนลงมาผมเจอกับแนนนี่พอดีครับ เธอบอกว่าจะขึ้นไปหาคุณโอมบนห้อง แต่ผมบอกเธอไปว่าคุณโอมไม่ได้สั่งเอาไว้ว่าให้เธอขึ้นไปหา อีกอย่างคือ...เพราะผมเห็นว่าคุณโอมพาผู้หญิงขึ้นไปพอดีเลยไม่อยากให้มีปัญหาน่ะครับ”ผู้จัดการหนุ่มพูดพลางเหลือบตามองเจ้านายที่ยืนทำหน้าอิหลักอิเหลื่อเอามือล้วงกระเป๋ากา

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 7 เหยื่อรายที่สอง...สำส่อน - 75%

    อดเสียใจไม่ได้ ถ้าหากเธอไม่รู้ไม่เห็นรอยบ้า ๆ นั่นยังจะดีเสียกว่า แม้ว่าเจ้าตัวพยายามจะปกปิดด้วยเสื้อแขนยาวแล้วก็ตาม แต่สายตาเจ้ากรรมของเธอก็ยังอุตส่าห์ไปเห็นเข้าจนได้ให้ตายเถอะ! เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคริสจะเป็นฆาตกร!เมื่อกลับมาถึงบ้าน ดีเจมิวก็เข้าห้องปิดประตูเงียบ หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า“ผมเตือนคุณแล้วนะว่าอย่ายุ่งเรื่องนี้” ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งตรงเข้ามากักตัวเธอไว้จนติดกับกำแพง พลางก้มหน้าลงมากระซิบลอดไรฟันจนแทบชิดใบหูของเธอ“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”มิวพยายามหลบหลีกใบหน้าคมสันที่ก้มลงมาจนแทบชิด กระซิบตอบเขากลับไปอย่างหัวเสีย โกรธที่เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเธอ ทั้งยังขู่เข็ญสารพัดให้เธอเลิกช่วยเหลือดีเจอาร์ม“อยากติดคุกหรือไง คราวก่อนผมอุตส่าห์พูดบอกคุณดี ๆ แล้วนะเพราะเห็นว่ากำลังถูกไอ้อาร์มมันหลอกใช้ นึกว่าจะสำนึกกลับตัวได้ทัน แล้วทำไมยังเห็นมาช่วยมันเก็บขอ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 7 เหยื่อรายที่สอง...สำส่อน - 100%

    จุมพลเหลือบตามองตัวเลขตรงที่เป็นวันที่และเวลาที่มุมล่างขวาทันทีเพื่อความแน่ใจ หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เอาแต่จ้องภาพทางหน้าจอทั้งสี่ช่องโดยไม่มีการพูดอะไรกันอีกเลย“กรอเร็วขึ้นอีกนิดได้ไหม” สารวัตรหนุ่มพูดขึ้นเมื่อมองดูแล้วทุกอย่างแทบไม่มีอะไรสะดุดสายตา แต่แล้วพอเขามองไปที่จอภาพจอหนึ่งเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้“เฮ้ย! เดี๋ยว! หยุดภาพตรงนี้ก่อนแล้วซูมเข้าไปใกล้ ๆ”เดชทำตามคำสั่งทันทีเมื่อเห็นตำรวจคนที่เจ้านายพามาชี้ไปยังจอภาพขวาบนซึ่งเป็นภาพที่มาจากกล้องตรงประตูที่ออกมาจากครัวที่หน้าจอบอกเวลาเที่ยงคืนหกนาที จากกล้องทางฝั่งห้องครัวปรากฏภาพของหญิงสาวคนหนึ่งเดินสูบบุหรี่ออกมาทางประตูด้านหลัง หล่อนยืนอยู่ไม่นานนักก็เดินตรงมาทางครัวแล้วก็ผลุบหายไปจากหน้าจอ ไม่ถึงห้าวินาทีถัดมาหญิงสาวก็เดินกลับออกมาขยี้ก้นบุหรี่ที่ถังขยะ แล้วก็เดินหายออกจากจอไปทางแท็งก์น้ำ“กล้องตรงนี้เห็นได้มากที่สุดก็คือแค่ตรงเก้าอี้พักสูบบุหรี่นี่น่ะหรือ ตรงแท็งก์น้ำมองไม่เห็นใช่ไหม” จุมพลถามพลางมองจ้องเข้าไปที่จอภาพ ซึ่งในภาพเห็นตรงส่วนของแท็งก์น้ำก็แค่ฐานของมันที่เลยจากพื้นดินมาประมาณ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 8 คำให้การของเหล่าผีเสื้อ - 20%

    วันต่อมา ภีมพลสั่งให้ผู้จัดการคลับไปจัดหาบริษัทที่รับติดตั้งกล้องวงจรปิด และต้องทำให้เสร็จภายในวันนั้นทันทีพชรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา สิบโมงแล้วทว่าเขากลับไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะมัวแต่จัดการเรื่องยุ่ง ๆ ทั้งหลายกับภีมพล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจนถึงเช้า เขารู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนัก นัยน์ตาเริ่มแห้งผากจนต้องกะพริบตาบ่อย ๆ เพราะคงอยากพักผ่อนเต็มที แต่สมองกลับตื่นตัวเต็มที่อยู่ตลอดเวลาเขาเอนตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวเอาศีรษะพิงกับพนักไว้ แล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อพักสายตาชั่วครู่ ในใจครุ่นคิดสงสัยอยู่เพียงลำพังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมสองคนนั้นถึงถูกฆ่าตาย และทำไมต้องเป็นที่นี่ จะมีอะไรเกี่ยวกับเขารึเปล่า เพราะผู้หญิงทั้งสองคนนั้นล้วนเป็นคนที่เขาเคยนอนด้วยทั้งสิ้น หรือมันจะเกี่ยวกับภีมพลกันแน่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พชรยกมือขึ้นคลึงขมับของตนเองเบา ๆ พลันนั้นคำพูดของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด‘โกโก้เย็น ๆ สักแก้วไหมคะท่านประธาน เวลาเครียดหรือปวดหัวเนี่ย เขาว่าดื่มโกโก้ หรือกินช็อกโกแลตสักแท่

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 8 คำให้การของเหล่าผีเสื้อ - 40%

    เขาเคยไปดูน้องชายแสดงสดตามผับอยู่หลายครั้ง ครั้งแรกที่เห็นนักร้องนำสาวของวง เขาก็ติดใจเธอขึ้นมาทันที พยายามถามกับน้องชายหลายครั้ง เพราะอยากได้เจ้าหล่อนมานอนแนบเนื้อสักคืนสองคืน ทว่าน้องชายตัวดีกลับมาขู่เขาไม่ให้ไปยุ่งกับเพื่อนสาวของตนเอง เขาจึงถูกกีดกันให้ห่างจากเธอตั้งแต่นั้นมาเพราะฝีมือของน้องชาย“ใครว่ายังไม่ตื่น! ขึ้นมาบนห้องเราเลยม็อท” เสียงดังมาจากด้านบนทำให้คนทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกันจิลยืนเกาะราวระเบียงอยู่ด้านบน หัวหูดูยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แต่แววตาคมกริบมองพี่ชายอย่างปราม ๆ อยู่ในทีจารุวรรธปล่อยมือจากช่อมาลี ทำให้หญิงสาวได้โอกาสรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนสองหนุ่มที่ยืนจ้องตากันอยู่ด้านนอกนั้นได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาแข่งกัน แต่ต่างกันที่ความรู้สึก“ผมบอกพี่หลายครั้งแล้วนะว่าอย่ามายุ่งกับเพื่อนผม”พูดจบร่างสูงโปร่งของคนที่อยู่ข้างบนก็ผลุบหายเข้าไปในห้อง ทิ้งให้ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียวข้างล่างที่พลาดโอกาสงามไปอีกจนได้ช่อมาลีวิ่งหน้าตั้งขึ้นบันไดหินอ่อนตรงดิ่งไปยังห้องของเพื่อนชาย มือหมุนลูกบิดประตูเปิดพรวดเข้า

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 8 คำให้การของเหล่าผีเสื้อ - 60%

    “คุณออกจากห้องล็อกเกอร์กี่ทุ่ม” จุมพลแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับอาการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้าตัวประหม่า และหวาดกลัวจนเกินไป เขาต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในตอนนี้มากกว่า“จำเวลาไม่ค่อยได้ค่ะ คงประมาณเกือบ ๆ เที่ยงคืนมั้งคะ”“ตอนออกจากห้องล็อกเกอร์คุณเจอใครบ้างไหม” พอเจอคำถามนี้เข้าไปหญิงสาวถึงกับแววตาไหววูบ ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“ไม่...ไม่เจอใครเลยค่ะ” มือที่เกาะกุมกันอยู่บนหน้าตักเริ่มบีบเข้าหากันแน่น และถูนิ้วโป้งไปมาอย่างลืมตัว“คุณแน่ใจนะ คิดให้ดี ๆ ก่อนตอบ” จุมพลเชื่อแน่ว่าดีเจสาวมีอะไรปิดบังอยู่แน่นอน แต่เธอกลับปิดปากเงียบไม่ยอมพูดออกมา เขาหันไปมองหน้ากับลูกน้องที่นั่งบันทึกคำให้การอยู่ข้าง ๆ อย่างมีความนัย“ไม่ได้เจอใครจริง ๆ ค่ะ ออกมาจากห้องล็อกเกอร์ก็เดินออกไปที่ฮอลล์เลย” มิวรวบรวมกำลังใจ ทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบตานายตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่ทั้งสามคน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อถูกถามเข้าประเด็นที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ลืมไป“ค

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 8 คำให้การของเหล่าผีเสื้อ - 80%

    แน่นอน เขาไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรไปตอนนี้แน่ เพราะเขายังไม่ได้ลองลิ้มชิมรสผีเสื้อแสนสวยคนนี้เลยสักครั้ง เพราะมีเรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นเสียก่อน มิเช่นนั้นป่านนี้เขาคงได้เล่นไล่จับใครแพ้ถูกปรับจับถอดผ้ากับเธอบนเตียงไปแล้วช่อมาลีแค่นยิ้มออกมาเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากเขา อดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า แม้น้ำเสียงจะดูห่วงใย แต่สายตาที่มองมานั้นกลับไม่ใช่เลยสักนิด มันดูวาววามจนน่าเอานิ้วจิ้มให้บอดเสียมากกว่า“ฟังดูเหมือนเป็นห่วงเลยนะคะคุณโอม ม็อทนี่โชคดีจังที่มีเจ้านายใจดี” ช่อมาลีหันไปสบตาเขาอย่างท้าทาย“ผมยังใจดีได้กว่านี้อีกเยอะ ถ้าเพียงแต่คุณจะยอมรับน้ำใจจากผมบ้าง” พชรส่งสายตาสื่อความนัย เขารู้ว่าเธอเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเธอจะเล่นแง่ไปกับเขาอีกนานแค่ไหนเท่านั้นเอง“แหม...แค่นี้ม็อทก็ปลื้มจนไม่รู้จะปลื้มยังไงแล้วค่ะที่คุณโอมใจดีกับม็อทขนาดนี้ ถ้าขืนม็อทรับน้ำใจของคุณโอมขึ้นมาแล้วเกิด...ติดใจจนกลายเป็นถอนตัวไม่ขึ้น ใครจะรับผิดชอบล่ะคะ”ท้ายประโยคเสียงเริ่มผะแผ่วราวกระซิบ ช่อมาลียิ้มใส่ตาเขาแพรวพราว ก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่ต้อ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 8 คำให้การของเหล่าผีเสื้อ - 100%

    แต่มีคำให้การของเขาประโยคหนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือ หลังจากที่เขากลับเข้ามาจากการทิ้งขยะครั้งที่สอง เขาเห็นดีเจอาร์มเดินมาหยิบช้อนชาไปยื่นให้ผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นเหยื่อรายที่สองที่ถูกฆาตกรรมส่วนคำให้การของผู้ช่วยพ่อครัวคนที่สาม และพ่อครัวใหญ่ ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะทั้งคู่แทบไม่ได้ออกจากห้องครัวไปไหนนอกจากไปห้องน้ำเท่านั้น และยังบอกอีกด้วยว่าไม่พบเห็นใครเลยที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เนื่องจากเท่าที่จำได้ก็มีแต่พนักงานด้วยกันเองเท่านั้นที่เดินเข้าออกห้องครัวเมื่อคืนที่ผ่านมาคนต่อมาที่เข้ามาสอบปากคำคือผู้จัดการหนุ่ม ซึ่งทางตำรวจถือว่าเป็นพยานปากสำคัญที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากว่าเขาเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก หนำซ้ำศพยังอยู่ใกล้กับบริเวณที่จอดรถของเขาอีกด้วย“ช่วยเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนตั้งแต่ที่คุณเอาเครื่องดื่มขึ้นมาให้ผมเสร็จแล้วด้วยครับว่าหลังจากนั้นคุณไปไหน และทำอะไรต่อบ้าง ผมขอแบบละเอียดยิบเลยนะ” สารวัตรจุมพลยืดตัวขึ้น เอาศอกเท้าไว้กับหน้าขาเพื่อตั้งใจฟังเต็มที่“หลังจากเมื่อคืนที่ผมเอาเบียร์ขึ้นไปให้สารวัตรเสร็จ ผมก็เดินลงมาข้าง

บทล่าสุด

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   ตอนพิเศษ - 100%

    “ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   ตอนพิเศษ - 50%

    สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทส่งท้าย - 100%

    “ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทส่งท้าย - 70%

    “เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทส่งท้าย - 35%

    ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 24 แรงดึงดูด - 100%

    ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 24 แรงดึงดูด - 75%

    พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 24 แรงดึงดูด - 50%

    สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค

  • เสน่หาผีเสื้อราตรี   บทที่ 24 แรงดึงดูด - 25%

    “ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”

DMCA.com Protection Status