ผัวะ!
ช่อมาลีฟาดกระเป๋าสะพายใส่หลังน้องชายไม่แรงนักเพราะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บ แต่แค่อยากให้รู้ว่าเธอเหลืออดแล้วจริง ๆ และเขตไทก็คงรู้ว่าพี่สาวกำลังโกรธมากจึงไม่คิดโต้เถียง หรือหลบเลี่ยงเวลาที่อีกฝ่ายฟาดลงมา
“ไอ้เขต! แกจะทำตัวให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ไม่สงสารตัวเองก็สงสารแม่บ้าง วัน ๆ เอาแต่ก่อเรื่องเดือดร้อนไม่ได้หยุดได้หย่อน อีกไม่กี่เดือนก็จะจบปวช. อยู่แล้ว หัดคิดเสียบ้างว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อ ไม่ใช่เอาแต่หาเรื่องมาให้”
เธอทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาอย่างอ่อนแรง ในขณะที่ช่อฟ้าตบที่แขนของบุตรชายเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้รีบเข้าห้องนอนไป
“ผมรู้น่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ พี่อย่าบ่นนักได้ไหม”
นอกจากจะไม่ทำตามที่มารดาบอกแล้ว เด็กหนุ่มยังเปิดปากเถียงพี่สาวพร้อมกับชักสีหน้ารำคาญเต็มทน
“จะไม่ให้ฉันบ่นได้ยังไง ฉันหมดกับแกไปตั้งเท่าไรแล้วหา! ไอ้เขต แกเคยคิดบ้างไหมว่าทุกวันนี้ฉันต้องทำงานงก ๆ เพื่อหาเงินมาเป็นค่าปรับ ค่าประกันตัวให้แกเนี่ย เดือนนี้ก็สามหมื่นเข้าไปแล้วนะ”
ช่อมาลีแหวขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของน้องชาย นึกอยากจะเข้าไปตบหน้าขาว ๆ นั่นสักที เผื่อเจ้าน้องชายตัวดีจะมีสติคิดได้บ้าง แต่ก็รู้ดีว่าเขตไทกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเลือดร้อน อารมณ์รุนแรง หากเธอลงไม้ลงมือกับน้องชาย เดี๋ยวจะพานได้เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่
“พอ ๆ พอกันได้แล้ว มาลีพอได้แล้วลูก อย่าไปว่าน้องมันเลยนะ เขตเข้าห้องไปได้แล้วลูก เร็วสิ!”
ช่อฟ้าเข้ามาห้ามทัพสองพี่น้อง ก่อนจะใช้มือดันหลังบุตรชายให้เดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้น เขตไทจึงเดินออกไปอย่างเสียไม่ได้
ช่อฟ้ามองตามหลังบุตรชายจนร่างผอมเก้งก้างของเขตไทผลุบหายเข้าไปในห้อง ตามมาด้วยการปิดประตูเสียงดังสนั่นบ้าน จึงหันมาทางบุตรสาวบ้าง เห็นช่อมาลีถอดแว่นสายตาวางไว้บนโต๊ะ พอดีกับที่หยาดน้ำตาร่วงพรูลงมาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“แม่...หนูจะไม่ไหวแล้วนะ เงินเก็บที่หนูมีอยู่ก็แทบหมดแล้ว มีติดบัญชีอยู่ไม่ถึงหมื่นเลยด้วยซ้ำ นี่ยังดีนะที่ได้งานใหม่ แล้วถ้าหนูตกงานขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าไอ้เขตมันเอาแต่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้อย่างนี้น่ะ”
ช่อมาลีพูดไปร้องไห้ไปจนคนเป็นแม่เห็นแล้วอดร้องไห้ตามไปด้วยไม่ได้ รู้ว่าบุตรสาวคนโตท้อแท้ และเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะลำพังแค่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่หน้าบ้านไปวัน ๆ รายได้ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน รวมไปถึงเงินรายวันที่ให้เขตไทติดตัวไปโรงเรียน โชคดีที่บ้านไม่ต้องเช่า และไม่มีหนี้สิน มิเช่นนั้นคงได้ลำบากกว่าที่เป็นอยู่นี้แน่
“น้องมันยังเด็ก เดี๋ยวสักวันมันก็คงคิดได้ แม่ก็ปรามมันแล้วไม่ใช่ว่าไม่ปราม แต่วัยรุ่นแถวบ้านเรามันก็มีแต่อย่างนี้ แล้วจะให้แม่ทำยังไงมาลีเอ๊ย พูดแล้วก็คิดถึงพ่อเอ็ง ถ้าพ่อเอ็งอยู่ เขตมันคงไม่เป็นอย่างนี้”
มือหยาบย่นของช่อฟ้ายกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างลวก ๆ ใจกระหวัดคิดไปถึงสามีผู้ล่วงลับ ไม่ต่างจากช่อมาลีที่กำลังคิดถึงบิดาผู้จากไป
ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังบานประตูที่เพิ่งปิดลงไป มีเขตไทยืนพิงประตูหลับตานิ่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ เพียงลำพัง เขาล้วงดึงสร้อยคอออกมาจากเสื้อเชิ้ตแล้วกำไว้ในมือแน่น สร้อยสแตนเลสนั้นห้อยพระไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านนั้นเป็นรูปชายวัยกลางคนในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศดูงามสง่า
เขตไทนั่งหลับตานิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปเรื่อย ๆ โดยไร้เสียงสะอื้น เขายึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เลือกแล้ว และไม่มีวันเปลี่ยนใจ ได้แต่หวังว่าพี่สาวกับมารดาจะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำสักวันหนึ่ง...ถ้าหากเขาไม่ตายไปเสียก่อน
ช่อมาลีเดินเอื่อยเฉื่อยมายืนรอลิฟต์ร่วมกับพนักงานคนอื่น ๆ หญิงสาวส่งยิ้มทักทายพนักงานหลายคนที่ยืนรอด้วยกันอย่างเป็นมิตร เพราะเริ่มรู้จักหน้าค่าตากันมาบ้างแล้วว่าเธอเป็นเลขานุการคนใหม่ของท่านประธานพชร
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ช่อมาลีวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องของผู้เป็นนาย เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปเอง หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าไปข้างในแล้วก็พบกับความว่างเปล่า จึงตัดสินใจปิดประตูไว้ตามเดิม
ระหว่างที่กำลังจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ใบหน้าของช่อมาลีก็ชนเข้ากับกำแพงแผงอกของใครบางคนเข้าอย่างจัง จนใบหน้าทั้งหน้าแทบจะฝังลงไปกับคอเสื้อของเขาคนนั้น
“เฮ้ย!”
หญิงสาวตกใจจนหลุดอุทานออกมาด้วยความเคยชิน รีบยกมือขึ้นมาเป็นปราการกั้นตนเองกับเขาไม่ให้สัมผัสโดนหน้าอกของเธอได้ ครั้นจะรีบผละออกมาก็ติดที่มือของใครคนนั้นกำลังเกาะกุมสะโพกกลมกลึงของเธออยู่อย่างหลวม ๆ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะถอยห่างออกไปแม้แต่น้อย
“มาแต่เช้าเชียวคุณช่อ ผมนึกว่าวันนี้คุณจะเข้าสายเสียอีก”
พชรเอ่ยทักทายขึ้นก่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พลางค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากสะโพกของเธอเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยืนได้มั่นคงแล้ว มุมปากเขาแย้มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น แต่นัยน์ตากลับแพรวพราวระยิบระยับจนคนมองนึกอยากจะเอานิ้วจิ้มลูกตาออกมาโยนเล่นเสียเหลือเกิน
“ดิฉันกลัวรถติดน่ะค่ะเลยออกมาแต่เช้ามืด ว่าแต่ท่านประธานก็มาเช้าเหมือนกันนะคะ”
ช่อมาลีรีบก้าวถอยหลังยืนห่างออกไปเป็นวา พลางยกมือขึ้นขยับกรอบแว่นให้เข้าที่เข้าทาง พยายามอย่างยิ่งที่จะปรับสีหน้าให้นิ่งเฉย
“ผมก็กลัวรถติดเหมือนกัน เบื่อสี่แยกนรกก่อนถึงออฟฟิศนี้น่ะ เลยต้องรีบบึ่งมาแต่เช้า” เขาตอบพร้อมกับเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง จากนั้นไปหยุดยืนพิงสะโพกไว้กับโต๊ะทำงาน แล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา
“คุณกินข้าวเช้ารึยัง”
“ยังค่ะ ว่าจะมาซื้อกินแถวหน้าตึกนี้เหมือนกัน”
“งั้นดีเลย ซื้อโจ๊กเผื่อผมด้วยนะ ใส่ทุกอย่าง ขอขิงเยอะหน่อย เอาปาท่องโก๋ด้วย เอาเงินนี่ไป คุณจะกินอะไรก็ซื้อมาละกัน เดี๋ยวมากินด้วยกันบนห้องนี่แหละ”
ชายหนุ่มล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วหยิบเอาธนบัตรใบละห้าร้อย และใบละร้อยออกมายื่นให้อย่างละใบ แต่ช่อมาลีหยิบไปแค่ใบละหนึ่งร้อยบาทใบเดียว
“ร้อยเดียวก็อยู่แล้วค่ะท่านประธาน จะเหลือเสียด้วยซ้ำ”
ช่อมาลีอมยิ้ม นึกขำเจ้านายตนเอง นี่เขาคงไม่เคยได้ย่างกรายลงไปเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ข้างล่างเลยกระมัง ถึงได้ไม่รู้ราคาอาหารหน้าตึกของตนเอง
“งั้นก็ตามใจ เร็วหน่อยล่ะ ผมหิว...”
พชรยืนยิ้มมองดูร่างระหงของเธอเดินออกจากห้องไปจนกระทั่งประตูปิดลง อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาบังคับจับเลขาฯ ของตนเองมาแต่งหน้าแต่งตัว จะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของลูกน้องเกินไปรึเปล่า แต่เขาก็อยากเห็นช่อมาลีในมุมอื่นดูบ้าง อยากจะรู้นักว่าถ้าเธอแต่งออกมาแล้วจะสวยบาดจิตบาดใจเหมือนนักร้องสาวพราวเสน่ห์คนนั้นหรือไม่
คิดถึงแม่ผีเสื้อราตรีแสนสวยนั่นทีไร เขาก็นึกไม่ออกสักทีว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะเข้าหาเธอได้โดยไม่ให้ดูเป็นการหว่านพืชหวังผลมากเกินไป
...อยากให้ถึงวันศุกร์เร็ว ๆ จัง
รอไม่นานนัก ช่อมาลีก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงอาหาร และชามสำหรับใส่โจ๊ก หญิงสาววางทั้งหมดลงบนโต๊ะตัวยาว จัดแจงแกะถุงโจ๊กแล้วเทใส่ชามให้เขา ตามด้วยจัดปาท่องโก๋ใส่จานใบเล็ก กลิ่นหอมฉุยของมันเรียกให้พชรลุกขึ้นเดินเข้ามาทันที ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งพร้อมกับหยิบปาท่องโก๋ใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“เดี๋ยวดิฉันออกไปเอากาแฟมาให้นะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้ หญิงสาวจึงเดินออกไปจากห้อง เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีแต่ชามของเขาแค่คนเดียว แต่ไม่มีของช่อมาลี เขาจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องแล้วตรงไปที่โต๊ะทำงานของเลขาฯ ส่วนตัวแล้วก็เป็นดังคาดเมื่อเห็นชามเปล่าวางไว้คู่กันกับถุงโจ๊กบนโต๊ะ พชรหยิบมันติดมือเดินกลับเข้าห้องไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ก็ในเมื่อวันนี้เขาตั้งใจจะมากินมื้อเช้ากับเธอ แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมานั่งกินอยู่คนเดียวในห้องกันเล่า“กาแฟได้แล้วค่ะ”ช่อมาลีเดินถือถาดใส่แก้วกาแฟเข้ามาในห้อง พอวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพชรแล้วถึงได้เห็นชามของตนเองวางอยู่ตรงข้ามกับที่นั่งของเขา“ผมแค่ไม่อยากนั่งกินคนเดียว อุตส่าห์ให้คุณไปซื้อมาให้ก็เพื่อจะมานั่งกินด้วยกัน คุณจะแยกไปกินคนเดียวหน้าห้องทำไมล่ะ รังเกียจผมหรือไงคุณช่อ” พชรแกล้งพูดเย้าหญิงสาว ทำเอาช่อมาลีส่ายหน้าหวือ“เปล่านะคะ ไม่ได้รังเกียจ ดิฉันก็แค่เกรงใจ นึกว่าท่านประธานอยากจะนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ”“ถ้าผมอยากนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ คงไม่มานั่งกินที่ออฟฟิศหรอกครับคุณช่อ”พชรผายมือเชื้อเชิญให้คนตรงหน้านั่ง ช่อมาลีจำต้องนั
“ทำไมคุณถึงไม่แจ้งตำรวจตั้งแต่ตอนแรกที่เจอศพ” สารวัตรหนุ่มถามพลางจ้องหน้าหล่อเหลาของหนุ่มลูกครึ่งอย่างค้นหา“คุณตำรวจน่าจะรู้ดีนะครับว่าพวกผมหรือไม่ว่าใครก็ตามไม่มีใครอยากยุ่งกับตำรวจเท่าไรนักหรอก โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ปิดเงียบกันทั้งนั้นแหละ และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าคนตายเป็นใคร คนฆ่าเป็นใคร แถมพวกผมยังมาร้องเพลงให้ที่นั่นเป็นวันแรก แต่ก็ต้องมายุ่งเกี่ยวกับตำรวจแล้ว ผมว่าสู้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเลยน่าจะดีกว่า”คริสตอบตามจริง คนทำงานกลางคืนอย่างพวกเขาทุกคน แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการข้องเกี่ยวกับตำรวจทั้งนั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามสารวัตรหนุ่มลอบถอนหายใจ ข้อนี้เขารู้ดี บางคนถ้าไม่ใช่เรื่องของตน ส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากยุ่งทั้งนั้น ยิ่งเรื่องฆาตกรรม หรือเรื่องที่มีคนตายยิ่งแล้วใหญ่ กว่าจะง้างปากแต่ละคนได้ เล่นเอาเหนื่อยหลังจากนั้นก็ทำการซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ และสภาพศพที่ทั้งสองคนพบเจอตอนแรกว่าจะตรงกันกับตอนที่ตำรวจไปเจอหรือไม่ ซึ่งคำตอบโดยส่วนใหญ่ คริสจะเป็นผู้ตอบเกือบทั้งหมดหลังจากที่ทั้งสี่คนทิ้งที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์เอาไว้แล้วก็เดิ
“พวกเธอไปเที่ยวที่คลับบ่อยหรือ”ช่อมาลีแกล้งทำหน้าซื่อถามออกไป หนึ่งในนั้นทำหน้าเยาะราวกับว่าสิ่งที่เธอถามนั้นช่างโง่เง่าสิ้นดี แต่เธอก็ต้องทำเป็นไม่เห็น และไม่ใส่ใจกับคนพวกนี้“พวกเราไปกันทุกอาทิตย์นั่นแหละ เธอคงยังไม่เคยไปสินะมาลี คลับซุสของคุณโอมน่ะมีแต่คนมีระดับ หรือพวกกระเป๋าหนัก เงินหนาเท่านั้นนะถึงจะเข้าไปได้”เฉิ่มเชยอย่างช่อมาลีนี่น่ะหรือจะสะเออะเข้าไป ไม่รู้ว่าคุณโอมเมาหรือว่ามึนกันแน่ที่รับแม่นี่เข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ ดูอย่างไรก็ไม่เหมาะสมสักนิด!พลอยต่อประโยคหลังในใจ สายตามองเหยียดไปยังเลขาฯ คนใหม่ของประธานบริษัทอย่างไม่ปิดบังก่อนจะเสหลุบตาลงดูดน้ำในแก้ว“ฉันไม่เคยไปเที่ยวหรอกที่แบบนั้น ฉันไม่ค่อยสันทัดเท่าไร”ช่อมาลีตอบออกไป ก่อนจะทำทีเป็นมองไปที่หน้าร้านเพื่อดูว่าข้าวกล่องของตนได้หรือยังเพราะขี้เกียจจะเสวนากับสาว ๆ กลุ่มนี้เต็มทีแล้ว“นี่มาลี ฉันถามอะไรหน่อยสิ คุณโอมเขาชอบผู้หญิงแบบไหนน่ะ เธอรู้บ้างรึเปล่า” เก๋ถามแทรกขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในหน้า แล้วตอบออกไปด้วยความมั่นใจเต็มที่“ท
หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ในยามที่เธอไม่ใช่ช่อมาลี เลขาฯ ส่วนตัวของเขา แต่กลับเป็นใครอีกคนหนึ่งที่เขาอาจจะกำลังคิดเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน ดูแค่สายตาก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไร ไหนจะฝ่ามือแสนร้ายกาจที่เริ่มเลื้อยต่ำลงไปยังสะโพกกลมกลึง แล้วหมุนวนเอื่อย ๆ เนิบช้าอย่างมีชั้นเชิง“ได้ค่ะ เรียกม็อทเฉย ๆ ก็ได้ แต่เรื่องไปส่งนั้นคงไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เพราะม็อทกลับกับเพื่อนในวงอยู่แล้ว”ช่อมาลีรีบพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ส่งผลให้มือกาวคู่นั้นหลุดออกจากสะโพกเธอไปด้วย หญิงสาวรีบยกมือขึ้นไหว้เขาเพื่อขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มให้ ทำเอาคนได้รับหัวใจกระตุกวูบตาคมกริบไม่อาจละไปจากดวงหน้าสวยบาดใจนั้นได้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงลอยเด่นอยู่ตรงหน้า มันทำให้เขาเผลอมองจนตาปรอย ยิ่งเห็นสายตากึ่งท้าทายกึ่งเชิญชวนที่เจ้าหล่อนมองมา พชรก็แทบอยากเอาตาข่ายมาดักจับผีเสื้อราตรีตัวนี้เอาไปไว้ดูเล่นบนเตียงเสียเดี๋ยวนั้นเธอมองเหมือนเขาไม่มีวันได้แอ้มเธอแน่ ๆ!“ไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรือครับ กลับกับเพื่อนในวงคงไม่สนุกเหมือนกลับกับผมหรอกนะ”พชรยิ้มกริ่มมอง
“ยังมืดแปดด้านอยู่ พี่ให้คนคอยจับตาดูดีเจที่ชื่ออาร์มอยู่ตลอด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัย แถมยังระวังตัวมากกว่าเดิมด้วย”จุมพลนิ่งคิด เพราะดีเจหนุ่มคนนั้นระวังตัวแจ คนของเขาจึงไม่ได้จังหวะหาทางรวบตัวตอนขายยาแบบคาหนังคาเขาได้สักที คิดแล้วก็น่าเจ็บใจที่เจ้าตัวแสบนั่นรอดตัวไปได้ทุกครั้งราวกับมีคนคอยช่วยเหลืออยู่“ผมว่าบางทีอาร์มมันไม่น่าจะเกี่ยวกับการตายของผู้หญิงคนนั้นนะครับ” ภีมพลออกความเห็นบ้าง“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้ อีกอย่างสภาพศพมันโหดเหี้ยมเกินไป จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าเพราะเรื่องยาเสพติด แต่น่าจะเป็นการฆ่าเพราะแรงแค้น แรงโกรธเกลียดอะไรแบบนั้นมากกว่า”สารวัตรหนุ่มออกความเห็นอย่างคนที่เจอคดีมามากมาย การเขียนประจานลงบนตัวศพว่า “ร่าน” นั้นก็เครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าฆาตกรมีความแค้นกับผู้ตายอยู่มากพลันนั้นความคิดบางอย่างผุดวาบขึ้นมาในหัว จุมพลเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงแล้วยื่นหน้ามาถามทันที“อาร์มมันมีแฟนไหม หรือคนที่กำลังคบกันอยู่น่ะ”พชรกับภีมพลหันมองหน้ากันทันที ข้อนี้พวกเขาก็ไม่รู้
เพื่อนสาวอีกคนชี้ไปยังโต๊ะของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่ภีมพลเดินเข้าไปทักทายแล้วดูท่าว่าจะปักหลักอยู่ที่โต๊ะนั้นไม่ยอมไปไหน ทำเอาแนนนี่หน้าร้อนวูบด้วยความอับอายที่ถูกเพื่อนสาวทำท่าทางหัวเราะใส่ราวกับเยาะเย้ยตนไม่ใช่แค่สาว ๆ สองกลุ่มนี้เท่านั้นที่จับจ้องไปยังพชรกับสาวสวยไฮโซ แต่ร่างระหงที่กำลังพลิ้วไหวอยู่บนเวทีก็แอบชำเลืองมองไปยังสองร่างที่พะเน้าพะนอคลอเคลียกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกขอให้เป็นผู้หญิงสวย เขาก็สามารถสานสัมพันธ์กับพวกหล่อนได้ทุกคนเลยใช่ไหม เจ้านายของเธอช่างเป็นผู้ชายอันตรายของแท้เลยจริง ๆช่อมาลีไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าดวงตาคมปลาบของคนที่ตนเพิ่งปรามาสไปว่าเป็นผู้ชายอันตรายนั้น ตอนนี้เอาแต่จับจ้องอยู่แต่เรือนร่างเย้ายวนที่เคลื่อนไหวอยู่บนเวทีแทบไม่วางตา ถึงแม้ในอ้อมกอดของเขาจะมีสาวสวยอยู่แนบอก แต่เขาก็ไม่อาจละสายตาไปจากความงดงามที่เริงร่าอยู่บนเวทีได้ ม็อทสามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัด ยิ่งพวกหนุ่ม ๆ ที่เขาลอบสังเกตปฏิกิริยาโดยรอบนั้นต่างจับจ้องกันตาแทบถลนไม่ต่างจากเขา นับว่าภีมพลคิดถูกจริง ๆ ที่ได้วงนี้มาเล่นให้คลับซุส“โอมคะ...อินเวียนหัวจังเล
หญิงสาวส่ายหน้ากับตนเองเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจว่าผู้ชายก็เป็นเสียอย่างนี้ ยิ่งทำงานกลางคืนด้วยแล้วยิ่งหลีกเลี่ยงเรื่องอย่างว่าไม่พ้น ดูอย่างเพื่อนในวงของเธอนั่นอย่างไร ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหนก็มีแต่หญิงสาวล้อมหน้าล้อมหลังโดยเฉพาะคริส พ่อหนุ่มลูกครึ่งเนื้อหอมที่มีแต่สาว ๆ รุมล้อมเมื่อลงจากเวทีเพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเจ้านายอย่างพชรจะแจกจ่ายน้ำใจให้กับสาวสวยทุกคนที่เข้าหา ในเมื่อเขาทั้งหล่อทั้งรวย บุคลิกก็ดูโดดเด่นจนเธอยังอดชื่นชมไม่ได้ เมื่อตอนที่อยู่ในสถานะของเลขานุการแล้วเดินตามเขาต้อย ๆ เธอรู้ได้ตั้งแต่วันที่สองของการทำงานแล้วว่าเขาฮอตมากแค่ไหน เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็มีสายตาของสาว ๆ ชม้ายชายตามาให้จนเรี่ยราดไปหมดช่อมาลีล้วงหยิบเอาเศษกระดาษหลายใบที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงหนังขนาดพอดีตัวออกมาแล้วคลี่กางออกจนเต็มกำมือ มีทั้งนามบัตร ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ทั้งชื่อไอดีโปรแกรมสนทนาต่าง ๆ ถูกเขียนใส่กระดาษแล้วยัดฝากเด็กเสิร์ฟเอามาส่งให้ หญิงสาวมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะขยำกระดาษเหล่านั้นเป็นก้อนกลม แล้วโยนทิ้งถังขยะที่อยู่หน้าประตูไม่ว่าที่ไหน ผู้ชายก็เ
“กรี๊ดด!” ช่อมาลีกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตระหนก หญิงสาวเผลอก้มหน้าลงซุกกับต้นแขนของพชรอย่างลืมตัวพลางหลับตาแน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง ร่างสั่นเทิ้มราวกับคนจับไข้ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับยืนอึ้งตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า สาบานได้ว่าไม่เคยพบเจออะไรที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน แม้จะมองไม่ค่อยชัดนักเพราะเงารถบดบังอยู่ แต่ร่างโชกเลือดและผมยาว ๆ ที่ปิดหน้าปิดตา มีเพียงดวงตาเบิกโพลงค้างเติ่งที่เล็ดลอดออกมาระหว่างเส้นผม เพียงเท่านั้น เขาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าร่างตรงหน้าไร้ลมหายใจแล้ว“เกิดอะไรขึ้น!”สารวัตรจุมพลวิ่งเข้ามาพร้อมกับภีมพลตรงที่พชรกับช่อมาลียืนอยู่ ภีมพลมองตามสายตาของเพื่อนแล้วเห็นศพตรงหน้าก็เบิกตาค้างด้วยความตกตะลึงทันทีเช่นกันพชรหลับตาลงพร้อมกับเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้ภาพติดตา แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ ราวกับปลุกปลอบและปกป้องอยู่ในที เขาหันไปมองผู้จัดการแมทที่กำลังช็อกนั่งนิ่งทำตาโตปากคอสั่นอยู่กับพื้น คงให้คำตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้แน่นอน จึงตัดสินใจตอบสารวัตรหนุ่มด้วยเสียงแผ่วสั่น“ผมก็ไม่รู
“ผมไล่คุณออก ผมไม่ให้คุณผ่านโปร คุณช่อมาลี!” พชรยืนจ้องคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสายตากรุ่นโกรธ ช่อมาลีพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่ถูกแทงบริเวณชายโครงส่วนคนที่ยืนทำหน้าโกรธพอเห็นหญิงสาวหน้าเบ้เพราะเจ็บแผลก็หลุดมาดเข้ม รีบปราดเข้าไปประคองทันที“จะลุกขึ้นมาทำไม เดี๋ยวแผลก็ฉีกหรอก ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวอย่างนี้นะ” ชายหนุ่มประคองร่างคนป่วยจนนั่งได้ จากนั้นก็กุลีกุจอเอาหมอนมาซ้อนไว้ที่หลังของหญิงสาว แล้วกดปุ่มปรับระดับหัวเตียงให้ยกขึ้น“ดิฉันขอทราบเหตุผลที่ท่านประธานจะไล่ดิฉันออกด้วยค่ะ”ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำเอ่อคลอ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้ เธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างนั้นหรือ ทั้งที่เธอก็พยายามทำงานให้เขาชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่องแท้ ๆ แล้วที่ผ่านมาทั้งหมดมันคืออะไร ที่เขาดีกับเธอเพราะเห็นเป็นแค่ลูกน้องอย่างนั้นหรือช่อมาลีมัวแต่คิดน้อยใจคนตรงหน้า จนลืมนึกไปว่าที่ตนต้องมานอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ก็เพราะเอาตนเองเป็นเหยื่อล่อฆาตกรในต
“วันนี้คุณต้องตื่นนะคนสวย ถ้าคุณไม่ตื่นผมก็จะนั่งเฝ้าคุณอยู่อย่างนี้จนกว่าคุณจะตื่นนั่นแหละ”พชรพูดกับคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ลากเก้าอี้ที่วางชิดกำแพงอีกด้านมานั่งอยู่ข้างเตียง เขาถือวิสาสะเลิกเสื้อของหญิงสาวขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็นบริเวณที่เป็นแผล สายตาทอประกายเจ็บปวดเมื่อเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาจากผ้าพชรคว้ามือของช่อมาลีขึ้นมาแตะริมฝีปากของตนเองลงไปเบา ๆ จากนั้นก็ประสานนิ้วมือของเขากับเธอเข้าไว้ด้วยกัน มีเพียงแรงกระเพื่อมจากอกเท่านั้นที่บอกเขาว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่ชายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นแทบไม่ขยับ จนกระทั่งร่างกายเริ่มฝืนความอ่อนล้าต่อไปไม่ไหว สุดท้ายใบหน้าเขาก็เอนซบลงไปบนเตียงของหญิงสาวแรงสะกิดที่ไหล่จากเบา ๆ ก็เริ่มจะหนักขึ้นมาเรื่อย ๆ จนพชรต้องสะดุ้งตื่น เขาไม่รู้ว่าตนหลับไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรของผู้กองชินกฤตกำลังพุ่งตรงมาที่เขาอย่างจงใจ ข้างกันกับนายตำรวจหนุ่มคือช่อฟ้า มารดาของช่อมาลีที่มองมาทางเขาอย่างเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน จนกระทั่งพชรก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง ถึงเพิ่งรู
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ โชคดีที่พามาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เนื่องจากว่าคนไข้เสียเลือดไปมาก ทางโรงพยาบาลก็เพิ่งให้เลือดไป ตอนนี้คงต้องให้พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูไปก่อนเพราะต้องคอยดูอาการเป็นระยะ ๆ และยังไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมนะครับ”แพทย์ผู้ทำการรักษากล่าวจบก็เดินจากไป คนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกโล่งใจไปตาม ๆ กันโดยเฉพาะเขตไทที่พอฟังจบก็เดินเข้ามาหาพชรแล้วยกมือไหว้อย่างขอบคุณ“พี่ครับ ผมต้องขอบคุณพี่มากที่ตอนนั้นพี่รีบพาพี่มาลีขึ้นรถมาโรงพยาบาล เพราะผมก็มัวแต่...” เขตไทพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบเสียงลงไปเพราะก้อนสะอื้นเริ่มขึ้นมาจุกที่คอ ตอนนั้นเขามัวแต่เล่นงานคนที่แทงพี่สาวจนลืมนึกไปว่าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล กลับกลายเป็นพชรที่มาถึงก็รีบช้อนตัวพี่สาวเขาอุ้มขึ้นรถมาทันที“ไม่เป็นไรหรอกคนกันเอง ขอแค่ให้ช่อมาลีเขาปลอดภัยก็พอแล้ว”พชรหันไปยิ้มให้พร้อมกับตบบ่าเด็กหนุ่มเบา ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก้อนหินหนัก ๆ ที่ถ่วงใจเขาก่อนหน้านี้ละลายหายไปหมดแล้ว“ขอบคุณมากครับคุณ...” ผู้กองชินกฤตเอ่ยขอบคุณพชร พลางยื่นมือออกมา พชรจึงยื่นมื
ทันทีที่ส่งตัวช่อมาลีถึงมือแพทย์ พชรก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดเรี่ยวแรง ในใจได้แต่ปลอบตนเองซ้ำไปซ้ำมาว่าถึงมือหมอแล้วเธอต้องปลอดภัย ทั้งที่ลึก ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักชายหนุ่มเหลือบมองคนที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องที่ช่อมาลีกำลังเข้ารับการรักษา เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแขนขวาแล้วหยดลงพื้นแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจมันเท่าไร พชรจึงเดินไปจับไหล่อีกข้างแล้วบีบเบา ๆ“ชื่อเขตใช่ไหมเรา พี่ว่าไปทำแผลก่อนดีกว่าไหม เลือดไหลใหญ่แล้วนะ” พชรมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มที่มีส่วนละม้ายกับพี่สาวอยู่มากอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เขารู้มาจากช่อมาลีว่ายังตามตัวของเขตไทไม่พบ แต่อยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็กลับโผล่มาเสียเอง ใจนึกอยากจะถามให้รู้เรื่องรู้ราวแต่ติดที่ว่าตัวเขายังเป็นคนนอกสำหรับครอบครัวนี้อยู่ จึงไม่สมควรไปก้าวก่าย“แต่ผมเป็นห่วงพี่มาลี พี่ผมจะเป็นอะไรไหม ถ้าผมไปทำแผลแล้วเกิดหมอเขาต้องการเลือดด่วนล่ะ” เขตไทบอกกับพชรด้วยสีหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงพี่สาวจนลืมอาการปวดที่บาดแผลของตนเองไปเสียสิ้น“ถึงมือหมอแล้วยังไงพี่สาวนายก็ต้องปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้
“จะเป็นสายจากโรงพักรึเปล่านะ” หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รู้สึกใจกระตุกแปลก ๆ กับสายที่โทร. เข้ามาเมื่อครู่ แล้วก็ให้เสียดายที่ไม่ได้กดรับ สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าสายเมื่อครู่น่าจะเป็นเขตไท น้องชายของเธอที่โทร. เข้ามา หรืออาจเป็นสายจากตำรวจที่ทำคดีของน้องชายเธออยู่หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ กะเอาไว้ว่าจะไปเอนหลังนอนบนเก้าอี้ยาวในห้องล็อกเกอร์สักหน่อย ก็พอดีกับที่มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังพอดีจึงหันไปตามเสียงเรียก“ม็อท คุณโอมให้ไปหาที่รถแน่ะ เห็นบอกว่าอยากไปกินบะหมี่อะไรเนี่ยแหละ เขารออยู่”“อ้าวงั้นหรือ ขอบคุณนะคะ” คราวแรกช่อมาลีนึกระแวงไม่น้อย แต่พออีกฝ่ายพูดถึงบะหมี่ที่เคยพาพชรไปกินด้วยกันแล้วจึงคิดว่าชายหนุ่มน่าจะเรียกหาอยู่จริง ๆ เพราะเรื่องนี้มีเพียงเธอกับเขาเท่านั้นที่รู้หญิงสาวรีบเดินออกไปทางประตูด้านหลังที่จะออกไปสู่ลานจอดรถสำหรับพนักงาน สายตาระแวดระวังสอดส่ายไปทั่วบริเวณ พอไม่เห็นว่ามีใครเดินตามมาจึงค่อยโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง จากนั้นจึงรีบก้าวเร็ว ๆ เพื่อไปให้ถึงรถยุโรปคันหรูที่จำได้ติดตา แสงไฟสปอร์ตไลต์ที่ส่องสว่างในบริเวณลานจอดรถนั้นช่ว
เสียงสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ของชายหนุ่มขณะกำลังพูดชิดริมฝีปากอิ่ม เขาเอาหน้าผากแนบกับเธอแล้วระดมจูบย้ำ ๆ ที่เรียวปากนุ่มหอมชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทว่าหญิงสาวที่เหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝันดูเหมือนจะไม่รับรู้ถ้อยคำจากเขาเท่าไร นัยน์ตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้มดูล่องลอยกำลังปลุกแรงปรารถนาในกายเขาขึ้นอีกครั้ง“อย่าทำหน้าอย่างนี้ถ้าไม่อยากถูกผมลักพาตัวขึ้นไปข้างบน”เขาพูดไปในขณะที่ปากก็พร่ำจุมพิตไปทั่วหน้า หญิงสาวมองเขาที่เคลื่อนไหววนเวียนอยู่แถว ๆ ใบหน้าและซอกคอไม่ยอมหยุดจนต้องยกมือขึ้นจับหน้าเขาไว้“คุณโอมก็หยุดสิคะ อย่าแกล้งม็อท เดี๋ยวม็อทต้องขึ้นแสดงแล้ว”ให้ตายเถอะ เสียงของเธอหายไปไหนหมดนี่ เมื่อครู่สาบานได้ว่าเธอพยายามที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมมันถึงได้สั่นพร่าจนฟังเหมือนกระซิบมากกว่าอย่างนี้เล่า“คนที่โดนแกล้งคือผมมากกว่า คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้าเพราะต้องการคุณ รู้บ้างรึเปล่า” เขากดสะโพกเธอให้เข้ามาบดเบียดแก่นกายร้อนผ่าวอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันสิ่งที่ตนเองพูด“เดี๋ยวม็อทต้องไปแล้วค่ะคุณโอม” เธอดันอกกว้างของเขาให้ถอยห่างอย่างมีชั้นเชิง ปลายนิ้ว
ช่อมาลีนั่งมองเพื่อนชายที่ยืนกอดอกจ้องไปทางบูธดีเจตาแทบไม่กะพริบด้วยความสงสัย ครั้นพอหันมองตามสายตาของคริสไป หญิงสาวก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ จึงหันไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน“ไอ้จิล เราตกข่าวอะไรไปรึเปล่าวะ” เวลาอยู่กับเพื่อน เธอมักจะพูดจาแบบนี้เสมอด้วยความเคยชิน เพราะเป็นเรื่องปกติระหว่างพวกเธออยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันมา“อืม...คริสมันกำลังตกอยู่ในห้วงรัก” จิลตอบเพื่อนยิ้ม ๆ พลางพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ในบูธดีเจช่อมาลีทำตาโตราวกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะปกติเห็นคริสควงแต่สาวเซ็กซี่ร้อนแรง แล้วนึกอย่างไรถึงได้มาลงเอยกับสาวใส ๆ แบบมิวได้“วู้...ไม่น่าเชื่อ” หญิงสาวได้แต่อุทานเบา ๆ ไม่ใช่ว่าดีเจมิวไม่สวย จากที่เห็นด้วยตา มิวจัดว่าหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเพราะเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ นัยน์ตากลมโต จมูกเล็ก ๆ แก้มป่อง ปากอิ่มสีสดจนเธอนึกอิจฉา รูปร่างก็กะทัดรัดดูน่าทะนุถนอม แต่ที่เธอแปลกใจก็เพราะไม่คิดว่าคริสจะมาแพ้ทางสาวสไตล์นี้เข้าจนได้“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ แ
ขาไปกลับระหว่างที่นี่กับที่คลับเขาก็ไม่ต้องห่วง เพราะเพื่อนในวงของเธอมารับส่งถึงที่อยู่แล้ว เขารู้ดี“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง”ช่อมาลียกมือไหว้ขอบคุณเขาแต่กลับไม่กล้าสบตาด้วย เมื่อครู่ตอนที่นั่งอยู่ในรถ เขาก็ดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ตลอดเวลา จะชักออกก็ไม่กล้าเพราะกลัวเขาโกรธ“อืม...ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวผมกลับแล้ว” ชายหนุ่มยืนเอาหลังพิงตัวรถ มือสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองอย่าง เพราะกลัวมันจะยืดยาวไปคว้าร่างของเธอมากอดไว้ช่อมาลีหมุนตัวเดินเข้าไปแตะคีย์การ์ดหน้าประตูเพื่อเข้าไปด้านใน อะพาร์ตเมนต์ หญิงสาวหันกลับมามองเขาอีกครั้งก็ยังเห็นเขายืนพิงรถมองอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั่งลิฟต์มาแล้วจึงก้าวเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มจึงขึ้นรถของตนเองแล้วขับออกไปทันทีเมื่อมาถึงห้อง ช่อมาลีคว้าตุ๊กตาตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟามากอดแน่น รอยยิ้มระบายเต็มวงหน้าทั้งปากทั้งตาอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เพราะเขาน่ารักอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงได้หักห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับเขาไม่ได้สักที แม้ไม่รู้ว่าการกระทำที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะเอ็นดูเธอในฐานะลูกน้อง หรืออะไรก็ตาม เ
“หิวสิถึงได้รีบกลับมานี่ไง นึกว่าคุณยังไม่กินเสียอีกจะได้กินด้วยกัน” พูดพลางเอื้อมมือไปถือจานกับถุงอาหารเสียเอง แต่ไม่ยอมถือแก้วโกโก้เย็นที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้า จากนั้นก็เดินนำเข้าไปในห้องทำงานเพื่อให้เลขาฯ สาวเดินตามเข้าไปแต่โดยดี“ดิฉันนึกว่าท่านประธานจะกินมาจากข้างนอกเสียอีก” ช่อมาลีเดินเข้าไปวางแก้วโกโก้บนโต๊ะตรงหน้าเขา“ไม่ล่ะ อยากกินข้าวกับคุณมากกว่า งานยุ่งไหมวันนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่แฝงความนัยในถ้อยประโยค ทำเอาคนฟังรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจ หญิงสาวจับกรอบแว่นตาให้เข้าที่ตอนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพราะไม่กล้าสบตาเขา ก่อนจะตอบคำถามไปแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง“ก็...ไม่เท่าไรค่ะ ทำไปเรื่อย ๆ”“งั้นก็ดีเลย มานั่งเป็นเพื่อนผมกินข้าวหน่อยสิ” พชรพูดพลางเลื่อนกองเอกสารตรงหน้าหญิงสาวย้ายเอาไปไว้อีกมุมโต๊ะเพื่ออำนวยความสะดวกเต็มที่ ช่อมาลีไม่อยากนั่งเพราะไม่อยากให้ตนเองหวั่นไหวไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่กล้าขัดจึงหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาแต่โดยดีหญิงสาวตวัดตามองเขาแล้วรีบหลุบตาลงต่ำ เพราะกลัวเขารู้ว่าเธอแอบมอง ในขณะที่คนถูกแอบมองกลับเงยหน้าขึ้น