เสียงดนตรีร็อกที่ดังกระหึ่มอยู่ด้านในทำให้นักเที่ยวหลายคนที่เพิ่งก้าวขาลงจากรถรู้ทันทีว่าชั่วโมงแห่งความบันเทิงได้เริ่มขึ้นแล้ว
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผละจากรถของตนไปยังประตูอีกด้านของคลับซึ่งเป็นประตูเฉพาะสำหรับพนักงาน และผู้บริหารเท่านั้นถึงจะผ่านเข้าประตูบานนี้ได้
แสงไฟตามทางเดินในส่วนนี้ไม่สว่างมากนัก แต่ก็ยังสว่างกว่าบริเวณด้านนอกที่เป็นส่วนของแขกผู้มาหาความบันเทิง พนักงานทั้งชายหญิงต่างยกมือไหว้ทันทีที่เห็นชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่ เขาเพียงพยักหน้าให้เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของผู้บริหาร
ตั้งแต่เปิดคลับนี้มา พชรยอมรับว่าไม่ได้เข้ามาที่นี่บ่อยนัก หน้าที่การบริหารส่วนใหญ่เขายกให้ภีมพล ผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนเป็นคนดูแลทั้งหมด ส่วนเขาเองนั้น อาทิตย์หนึ่งถึงจะเข้ามาดูแลสักครั้ง
ชายหนุ่มผลักบานประตูกระจกทึบเข้าไปด้านใน เห็นร่างสองร่างกำลังนัวเนียกันอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในสภาพที่ฝ่ายหญิงเสื้อผ้าจะหลุดมิหลุดแหล่แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับแค่นยิ้มใส่เพื่อนรักที่มัวแต่คลุกวงในแม่สาวเนื้อนุ่มจนไม่รับรู้ถึงการมาของเขา
“อะแฮ่ม!”
พชรแกล้งกระแอมเสียงดังหวังจะให้เพื่อนกับแม่สาวทรงโตคนนั้นได้รู้ตัวเสียที แต่เพื่อนรักเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้ข้างหนึ่งแล้วก้มลงไปคลุกเคล้ากับอกอวบคู่นั้นต่อ ส่วนผู้หญิงก็ช่างกระไร นอกจากจะไม่อายแล้วยังหันมาชม้ายชายตาให้แล้วแกล้งร้องเสียงดังเมื่อถูกฟันคม ๆ ขบเข้าที่เนื้ออ่อนของยอดอก
“ถ้าแกจะเรียกฉันให้มาที่นี่เพียงแค่ให้มาเป็นกรรมการมวยคู่เอกระหว่างแกกับแม่สาวคนนี้ละก็ ฉันจะกลับล่ะ” พชรเปิดประตูออกอีกครั้ง คราวนี้คนที่จงใจยั่วเพื่อนถึงกับร้องเรียกเสียงหลง
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะ โธ่เอ๊ยจะรีบไปไหนนักหนา ทำอย่างกับมีเมียรออยู่ที่บ้านอย่างนั้นแหละ”
ภีมพลผละหน้าออกมาจากเต้าอวบ พลางตบสะโพกเจ้าหล่อนเป็นเชิงบอกให้ลุกขึ้นจากตักเขา หญิงสาวจึงต้องลุกขึ้นอย่างจำใจ ร่างอวบอิ่มเอามือล้วงเข้าไปจัดการกับเสื้อผ้าทั้งชั้นนอกชั้นในให้เข้าที่โดยไม่สนใจชายหนุ่มอีกคนที่ยืนหัวโด่อยู่เลยแม้แต่น้อย จนพชรต้องเป็นฝ่ายผินหน้าไปทางอื่นแทน
เมื่อจัดการติดตะขอเสื้อชั้นในเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวคนนั้นจึงก้มหน้าลงไปจุ๊บแก้มของภีมพลเสียงดังจ๊วบ แล้วเดินออกจากห้องไป ก่อนผละจากไป ภีมพลยังอุตส่าห์ฟาดเบา ๆ ไปที่ก้นงามงอนนั่นอย่างมันเขี้ยว
“เดี๋ยวค่อยมาต่อกันนะจ๊ะ”
ส่งสาวเสร็จก็หันมามองเพื่อนรักที่ยืนกอดอกมองตามหญิงสาวคนนั้นไป เพราะเจ้าหล่อนขยิบตา แล้วทำปากจุ๊บให้พชรอย่างเชิญชวน
“สนใจหรือวะเพื่อน เอาไหมล่ะคืนนี้ฉันยกให้ เดี๋ยวฉันไปตกเอาใหม่ก็ได้ เพื่อน ๆ ในกลุ่มน้องเขาแต่ละคนอย่างเด็ดเลยเพื่อนเอ๊ย”
ภีมพลยักคิ้วให้เพื่อนรักอย่างรู้กัน เขากับพชรนั้น ไม่เคยต้องมาผิดใจกันเรื่องผู้หญิงอยู่แล้ว
“คิดดูก่อน คืนนี้เซ็งว่ะ งานที่บริษัทก็โคตรยุ่ง เลขาฯ คนเก่าจู่ ๆ ก็ลาออกกะทันหัน นี่สามวันแล้วที่ฉันต้องชงกาแฟกินเองเนี่ย ว่าแต่แกเรียกฉันมามีเรื่องอะไร” พชรทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาแล้วยกขาขึ้นมาพาดเหยียดยาวไปบนนั้น
“มีน่ะมีแน่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แล้วแกได้เลขาฯ ใหม่รึยัง ให้ฉันช่วยหาไหม” ภีมพลเดินมานั่งที่โซฟาอีกตัวพร้อมกับทำหน้ากรุ้มกริ่มเมื่อเสนอตัวช่วยเพื่อนเรื่องหาเลขาฯ คนใหม่
“ไม่ต้องเลย พรุ่งนี้ก็มีมาสัมภาษณ์แล้ว ขืนให้แกหาให้ฉันคงไม่ได้แค่เลขาฯ อีกอย่างฉันต้องการคนที่ทำงานจริง ๆ ไม่ใช่เก่งแต่เรื่องอย่างว่า”
พชรปัดมือไปมาพลางเบ้หน้าใส่เพื่อนรัก เพราะรู้ดีว่าเลขาฯ ที่เพื่อนจะหาให้นั้นถนัดทำงานอะไรเป็นหลัก
“แล้วคนเก่าทำไมลาออกกะทันหันล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าแก...”
“ไอ้บ้า! เขาลาออกไปดูแลพ่อที่ป่วยหนักอยู่ต่างจังหวัด อีกอย่างนะ คนอย่างฉันไม่นิยมกินไก่วัดเว้ย ไอ้ภีม”
พชรรีบขัดคอเพื่อนทันทีก่อนที่ภีมพลจะพูดจบ ขณะที่อีกฝ่ายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า
“ที่ฉันเรียกแกมาวันนี้เพราะอยากให้แกดูนักร้องวงใหม่ของคลับเรา แกรู้ไหมว่ากว่าฉันจะเอาวงนี้มาเล่นที่นี่ได้ เลือดตาแทบกระเด็น”
“วงอะไรวะ ดังขนาดนั้นเชียว”
พชรขมวดคิ้วมุ่นมองหุ้นส่วนที่เป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยความสงสัย เขาลงขันกับภีมพลเปิดคลับแห่งนี้ขึ้นมา แต่ยกหน้าที่การบริหารจัดการให้เพื่อนรักเสียส่วนใหญ่เพราะภีมพลนั้นลงหุ้นมากกว่า อีกทั้งตัวเขาเองก็มีบริษัทที่ต้องดูแลต่อจากครอบครัวด้วยจึงไม่มีเวลามาจัดการตรงนี้มากนัก
“บัตเตอร์ฟลาย ผีเสื้อแสนสวยอันโด่งดังไงเล่า”
ภีมพลดีดนิ้วเปาะอย่างถูกใจ เพราะวงดนตรีร็อกวงนี้จะเป็นตัวเรียกแขกให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากชื่อเสียงอันโด่งดังในฝีไม้ลายมือเรื่องการเล่นดนตรีอันหนักแน่น รวมไปถึงนักร้องสาวแสนเซ็กซี่ที่มีเสียงทรงพลัง และลีลาการเริงระบำราวกับผีเสื้อกลางคืนแสนสวย
“อ๋อ จำได้แล้ว ที่นายเคยติดต่อเอาไว้ตอนเราเปิดคลับใหม่ ๆ น่ะหรือ” พชรผงกศีรษะขึ้นลง
“ใช่ ตอนนี้เขาหมดสัญญาจากที่เก่าแล้วก็เลยติดต่อมาว่าเรายังสนใจให้เขามาเล่นที่นี่รึเปล่า ฉันก็เลยรีบตะครุบไว้ แต่อย่างว่าว่ะ ค่าตัวแพงใช่ย่อย แถมยังมาเล่นแค่ศุกร์เสาร์อาทิตย์อีกต่างหาก” ภีมพลหยิบบุหรี่ออกมาจากซองแล้วจุดสูบ
“แกจะบ่นทำไมวะ อยากได้เขานักไม่ใช่หรือ ก็ไหนว่าได้วงนี้มาจะเรียกแขกได้อีกเพียบไงล่ะ”
พชรแค่นยิ้มใส่ เขายังจำได้ ตอนที่เพื่อนมาบ่นให้ฟังว่าติดต่อวงนี้มาเล่นที่นี่ แต่หัวหน้าวงบอกว่าคิวเต็มเพราะติดเล่นให้กับที่อื่นอยู่อีกสามที่
“อืม ใครจะเชื่อวะว่าวงดนตรีเล่นตามผับตามบาร์แบบนี้จะมีแฟนพันธุ์แท้กับเขาด้วย พวกเที่ยวกลางคืนแทบไม่มีใครไม่รู้จักบัตเตอร์ฟลาย แฟนตามยูทูบก็เพียบ” ภีมพลเอนกายพิงพนักโซฟา แหงนหน้าปล่อยควันสีเทาฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
“แต่ฉันว่าแปลกนะ ไม่มีค่ายใหญ่ ๆ ติดต่อเข้าสังกัดมั่งเลยหรือ ฉันว่าค่ายยักษ์ใหญ่พวกนี้ไม่น่าพลาดนะ”
“เออว่ะ ถ้าแกไม่พูดฉันก็นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย เฮ้ย! อย่าเพิ่งสงสัยอะไรเลย ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองกันดีกว่า”
เสียงกีตาร์ลีดของมือกีตาร์ที่โชว์ลีลาการอินโทรแรกเริ่ม เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มฮอลล์ทันที พชรนั่งอยู่ในมุมวีไอพีกับภีมพลยังรู้สึกทึ่งไม่น้อยที่วงนี้สามารถเรียกลูกค้าได้เยอะกว่าที่คาด ตาคมกริบมองไปด้านล่างซึ่งตอนนี้ทุกพื้นที่เต็มแน่นไปด้วยโต๊ะที่ตั้งเบียดเสียดกันมากกว่าปกติ เนื่องจากต้องเสริมโต๊ะขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จำนวนลูกค้าที่มาหาความสนุกสนานในค่ำคืนนี้ก็เยอะกว่าเดิมถึงสองเท่า
“สุดยอดเลยว่ะ ไม่อยากจะเชื่อ” พชรพูดเสียงดังแข่งกับดนตรีร็อกที่กำลังบรรเลง ภีมพลได้แต่หันมายักคิ้วให้อย่างภาคภูมิใจ
“รอดูทีเด็ดของวงก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มพยักพเยิดไปทางหน้าเวที พชรจึงหันไปตามที่เพื่อนแนะนำแล้วก็หัวใจกระตุกวาบเมื่อเห็นใบหน้าของนักร้องนำสาวสวย เขารู้สึกราวกับถูกดึงดูดให้มองแต่เธอเพียงคนเดียว ผู้หญิงคนนี้สวยไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้า ปาก คอ คิ้ว คาง ทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะเป็นที่สุด
สงสัยจะเป็นเพราะแสงไฟกับเมกอัป
พชรคิดในใจ แต่ถึงจะบอกกับตนเองอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าสวยเด่นของเธอได้ น้ำเสียงทรงพลังนั้นสะกดคนฟังได้อยู่หมัด สังเกตจากปฏิกิริยาของลูกค้าที่นั่งด้านล่างได้เป็นอย่างดี ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ผีเสื้อราตรีแสนสวยที่เริงร่าอยู่บนเวทีเป็นสายตาเดียว
“ไงวะเพื่อน ถึงกับนะจังงังไปเลยหรือ จะบอกอะไรให้นะ ดูบนเวทีว่าสวยแล้วดูใกล้ ๆ ยิ่งกว่านี้อีก ความรู้สึกแกจะเหมือนกับว่าโดนเล่นของใส่เลยล่ะ นี่ถ้ามาบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์นะ ฉันจะไม่แปลกใจเลย”ภีมพลพูดในสิ่งที่ตนคิด แต่คนฟังอย่างพชรถึงกับส่ายหน้าให้กับความช่างคิดของเพื่อน“น้อย ๆ หน่อย เวอร์ไปแล้ว” ชายหนุ่มปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเรื่องที่ภีมพลพูดเป็นเรื่องน่าขบขันเสียเต็มประดา ทั้งที่ในใจเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนเสียแล้ว...ใช่ ผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์ไม่ต่างอะไรกับแม่มดเลย ร้ายชะมัด!พชรกำลังบังคับตนเองไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไป แต่ไม่รู้ทำไมขาของเขาต้องกระดิกตลอดเวลา เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะนั่งนิ่ง ๆ ให้สมกับเป็นผู้บริหารของที่นี่ ที่ผับชื่อดังแห่งนี้ แต่พอเผลอตัวทีไรขาของเขาก็จะกระดิกไปเองโดยอัตโนมัติภีมพลต้องแอบกลั้นยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนรัก แต่ก็ไม่อยากล้อเลียนให้อีกฝ่ายว้ากใส่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพชรกำลังตื่นเต้นที่จะได้พูดคุยใกล้ชิดกับวงดนตรีวงใหม่ของที่นี่ แต่ดันทำปากแข็งว่าไม่สนใจ...เอาเถอะ แล้วเขาจะคอยดูตอนเผชิญหน้าเสียงออดจากหน้าประตูทำให้พชรหลุดอาการยิ่งกว่าเดิมเพราะเ
รอไม่นานนัก ออดในห้องก็ดังขึ้นตามมาด้วยร่างสะโอดสะองของหญิงสาวสองคนเดินนวยนาดเข้ามา โดยมีผู้จัดการหนุ่มหล่อปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่“คุยธุระกันเสร็จแล้วหรือคะ ถึงเรียกหาแนนนี่ได้น่ะ”หญิงสาวคนเดิมที่พชรเห็นนัวเนียกับภีมพลเมื่อตอนเปิดประตูเข้ามาเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน เจ้าหล่อนพาร่างอันอวบอัดเข้าไปเบียดกระแซะกับภีมพลจนแทบจะนั่งเกยกัน“แหม...ไม่กล้าคุยนานหรอกจ้ะ กลัวว่าถ้าคุยนานแล้วจะมีหนุ่ม ๆ มาโฉบสาวสวยของผมไปก่อนน่ะสิ ขืนมีใครโฉบไปคืนนี้ได้นอนแห้งเหี่ยวหัวโตแน่เลย” ภีมพลออเซาะหญิงสาว มือก็ลูบไล้ไปตามต้นขาขาวเนียนของแนนนี่ไปด้วย ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสูงขึ้น จนผลุบหายเข้าไปในเดรสสีดำ“น้องออยครับ เพื่อนพี่เขาอยากรู้จักน้องออยม้ากมาก พี่วานน้องออยนั่งคุยเป็นเพื่อนไอ้โอมเพื่อนพี่หน่อยนะครับ พี่กลัวมันจะเหงาน่ะ เวลาที่พี่ไป...”ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้มือทำอะไรภายใต้เดรสสีดำตัวนั้น แต่ฟังจากเสียงครางที่ไม่เบานักของหญิงสาวที่เบียดอยู่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก ส่วนหญิงสาวที่ถูกฝากฝังถึงกับยิ้มยั่วใส่อีกฝ่ายทันที“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ภีม เดี๋ยวน้องออยจัดให้”สาวสวยหันไปขยิบตาให้พชร ก่อนจะเข้าไปนั่งเบียดกับชาย
“อุ๊ย! ที่ไหนคะเนี่ย”ช่อมาลีสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของพชรอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร หญิงสาวดันตัวเองไปข้างหลังจนแทบจะจมไปกับเบาะ มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างคนเพิ่งตื่นนอน“พารากอน” พชรตอบ ก่อนจะขยับตัวกลับไปพิงเบาะตามเดิม“หืม...พารากอน ท่านประธานมาที่นี่ทำไมคะ หรือว่าหิวข้าว”ช่อมาลีพยายามหันเหความสนใจของเขาให้ละไปจากการมองสำรวจใบหน้าของเธอ แค่เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว“ก็...เดินเล่น กินข้าว แล้วก็...หาหนังสนุก ๆ ดูสักเรื่อง ไปกันเถอะ!”พูดจบเขาก็ปลดล็อกรถแล้วก้าวขาออกไปทันที ทำให้ช่อมาลีต้องรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวตามลงไป ทว่ามือก็ยังไม่วายหยิบแฟ้มงานติดมาด้วย“จะเอามาทำไมเล่าคุณช่อ เอาไว้ในรถนั่นแหละ จะถือทำไมให้เมื่อย”พชรเดินมาดึงแฟ้มไปจากมือของหญิงสาวแล้วเปิดประตูรถด้านหลังโยนแฟ้มงานเข้าไปวางแหมะอยู่บนเบาะ จากนั้นกึ่งจูงกึ่งลากเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้า“เอ่อ...ท่านประธานคะ ไม่ต้องจูงก็ได้ค่ะ ดิฉันเดินเองได้”ช่อมาลีละล่ำละลักบอกเขาพลางออกแรงยื้อข้อมือของตนเองไม่แรงนัก ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้วขึ้น
พชรนั่งมองออกไปนอกกระจกรถด้วยท่าทางเบื่อหน่าย มือจับพวงมาลัย นิ้วก็เคาะไปตามจังหวะเพลงที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่รถเข็นขายอาหารริมทางเท้าไปจนถึงคนกวาดขยะ เขาเบื่อสี่แยกนี้ที่สุด จะไม่ผ่านก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ถึงออฟฟิศพอรถเคลื่อนไปได้ประมาณสองช่วงตัวก็ติดแหงกอีกเหมือนเดิม พชรเอนหลังพิงเบาะ ละมือจากการจับพวงมาลัย ตาเหลือบไปเห็นรถประจำทางปรับอากาศที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่พอเขามองขึ้นไป มุมปากหยักก็ยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นสภาพงีบหลับแบบไม่สนใจใครของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนนั้นจะไม่ให้เขาขำได้อย่างไร ในเมื่อเธอเล่นเอาแก้มของตนเองข้างหนึ่งแนบไปกับกระจกรถ หนำซ้ำยังหลับอ้าปากอีกต่างหาก ส่วนแว่นตาหนาเตอะก็ตกร่นมาอยู่ที่ปลายจมูก“เป็นสาวเป็นแส้ ทำไปได้นะคนเรา สงสัยแอร์บนรถเมล์คงจะเย็นจนน่านอน”พูดเสร็จตนเองก็หาวบ้าง พอดีกับที่รถเริ่มเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถไปก็ลุ้นจนตัวโก่งไปด้วยว่าตนจะสามารถพ้นสี่แยกนรกนี่ไปได้หรือไม่ พชรเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะ ๆ กะเอาไว้ว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อไร เขาจะส
ผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง การสัมภาษณ์ ซักถามประวัติการทำงาน และรายละเอียดขอบข่ายความรับผิดชอบก็ถูกถ่ายทอดให้ช่อมาลีฟังจนหมด เขาหยิบหนังสือแนะนำบริษัทยื่นส่งไปให้หญิงสาว ช่อมาลีรับมาแล้วลองเปิดดูเนื้อหาข้างในคร่าว ๆ ระหว่างนั้นพชรจึงลอบมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ปาก คอ คิ้ว คางจัดว่าพอเหมาะพอเจาะหากไม่มีแว่นสายตาหนาเตอะบดบังความสวยงาม ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ใบหน้าไร้สีสันแต่กลับไม่ได้ดูจืดชืดจนไม่น่ามองครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ช่อมาลีเหมือนพวกคงแก่เรียนทั่วไป แต่พอได้มองใกล้ ๆ เขายอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้จัดว่าสวยใช้ได้ รูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วน ถ้าจับมาแต่งตัวแต่งหน้าสักหน่อยรับรองได้เลยว่าหนุ่ม ๆ ที่บริษัทนี้คงได้มองตามกันเป็นแถวว่าแต่...เขาเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนกันนะพลันนั้นใบหน้าสวยสะดุดใจของนักร้องนำสาวสวยที่ทำให้เขาแทบหมดลมหายใจไปดื้อ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้มีบางอย่างที่เหมือนกันสายตาของชายหนุ่มมองจ้องอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ช่อมาลียกมือขึ้นดันกรอบแว่นแล้วเสมองไป
ช่อมาลีไม่กล้ามองภาพที่เกิดเหตุเต็มตานัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง และร่างนั้นหมดลมหายใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนัยน์ตาของหล่อนเบิกโพลงเหลือกขึ้นไปด้านบน ที่คอมีรอยปาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดล้นทะลักออกมาจากบาดแผลจนไหลออกมายังบริเวณทางเดินด้านนอก เธอไม่รู้ว่าศพมีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่กล้ามองอีกต่อไป แค่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ติดตาเสียจนทำเอาเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้มีแต่คริสที่ใช้ไฟฉายส่องกราดไปทั่วบริเวณราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง ทั้งยังทำท่าเหมือนจะเข้าไปดูที่ศพใกล้ ๆ ดีที่เธอดึงเสื้อเขาไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน จากนั้นจึงพากันเดินออกมาที่ลานจอดรถเหมือนเดิม โดยตกลงกันเอาไว้ว่า ถ้าหากวันรุ่งขึ้นยังไม่มีใครเจอศพ คริสจะเป็นคนแจ้งตำรวจด้วยตนเอง และจะเป็นคนบอกกับตำรวจว่าเขากับเธอเป็นคนพบศพโดยทำทีเป็นว่าเขาเข้ามาหากุญแจบ้านที่ทำหล่นหายซึ่งเธอก็เข้ามาเป็นเพื่อน แล้วบังเอิญมาพบศพเข้าพอดีและถ้าตำรวจเรียกตัวไปสอบถาม หรือสอบปากคำก็ให้บอกทุกอย่างไปตามความจริง เพราะเธอดันไปเหยียบรอยเลือดเข้า ซึ่งถ้าหากตรวจสอบขึ้นมา ตำรวจต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นรอยรองเท้าของเธอ หากเธอไม่พูดไปตา