พชรนั่งมองออกไปนอกกระจกรถด้วยท่าทางเบื่อหน่าย มือจับพวงมาลัย นิ้วก็เคาะไปตามจังหวะเพลงที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่รถเข็นขายอาหารริมทางเท้าไปจนถึงคนกวาดขยะ เขาเบื่อสี่แยกนี้ที่สุด จะไม่ผ่านก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ถึงออฟฟิศ
พอรถเคลื่อนไปได้ประมาณสองช่วงตัวก็ติดแหงกอีกเหมือนเดิม พชรเอนหลังพิงเบาะ ละมือจากการจับพวงมาลัย ตาเหลือบไปเห็นรถประจำทางปรับอากาศที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่พอเขามองขึ้นไป มุมปากหยักก็ยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นสภาพงีบหลับแบบไม่สนใจใครของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนนั้น
จะไม่ให้เขาขำได้อย่างไร ในเมื่อเธอเล่นเอาแก้มของตนเองข้างหนึ่งแนบไปกับกระจกรถ หนำซ้ำยังหลับอ้าปากอีกต่างหาก ส่วนแว่นตาหนาเตอะก็ตกร่นมาอยู่ที่ปลายจมูก
“เป็นสาวเป็นแส้ ทำไปได้นะคนเรา สงสัยแอร์บนรถเมล์คงจะเย็นจนน่านอน”
พูดเสร็จตนเองก็หาวบ้าง พอดีกับที่รถเริ่มเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถไปก็ลุ้นจนตัวโก่งไปด้วยว่าตนจะสามารถพ้นสี่แยกนรกนี่ไปได้หรือไม่ พชรเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะ ๆ กะเอาไว้ว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อไร เขาจะสวมวิญญาณตีนผีให้ดู
“เยส! พ้นแล้วโว้ย”
พชรร้องออกมาอย่างสะใจ ส่องกระจกมองหลังก็เห็นรถประจำทางคันเมื่อครู่ยังคงติดไฟแดงต่อไป คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ เหลือเกิน เพราะเหตุนี้บริษัทของเขาจึงไม่มีนโยบายหักเงินเดือนพนักงานในกรณีที่มาทำงานสาย ก็ในเมื่อท้องถนนมันไม่พอให้รถวิ่งอย่างนี้จะไม่ติดก็เกินไปแล้ว
พชรเลี้ยวรถเข้ามาจอดในที่จอดรถประจำตัว ลงจากรถได้ก็เดินลิ่วเข้าไปในตึกโดยมีพนักงานในอาณัติทำความเคารพเขาเป็นระยะ ๆ ตลอดทางเดิน เมื่อถึงห้องทำงานของตนเอง เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน เห็นโน้ตสั้น ๆ จากแผนกบุคคลแปะเอาไว้ที่โต๊ะจึงหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายภายใน
“คุณมุกครับ คนที่จะมาสัมภาษณ์เขาจะมากี่โมง”
พอได้คำตอบจากปลายสายเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือก่อนที่จะต้องสัมภาษณ์เลขาฯ คนใหม่ พชรจึงเดินออกจากห้องทำงานแล้วลงไปยังร้านอาหารด้านล่างของตัวตึก
“คุณคะ...คุณ...ตื่นได้แล้วค่ะ รถเมล์สุดสายแล้วนะคะ”
เสียงแหลมบาดแก้วหูจากกระเป๋ารถประจำทางวัยสี่สิบกว่าดังทะลุเข้ามาในความฝันของหญิงสาวจนถึงกับสะดุ้งเฮือก ช่อมาลีขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ ก่อนจะหันไปมองเลิ่กลั่กรอบตัวแล้วรีบลุกขึ้นยืนทันที จนกระทั่งได้ยินเสียงเดิมพูดขึ้นมาอีกครั้ง จึงดึงสติกลับมาอยู่กับตัวได้
“รถเมล์สุดสายแล้วนะคะคุณ คุณจะลงที่ไหนคะ”
“สุดสาย! สุดสายแล้วหรือคะ ตายแล้ว ตาย ๆ ตายแน่ ๆ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ขอบคุณนะคะพี่”
ช่อมาลีหน้าตื่น ละล่ำละลักขอบคุณอีกฝ่ายแล้วพรวดพราดลงจากรถ พอลงมาได้ก็วิ่งหน้าตั้งออกจากอู่รถประจำทาง พลางสอดส่ายสายตามองหาวินรถจักรยานยนต์รับจ้างทันที
“นังมาลีเอ๊ย...มาสัมภาษณ์งานวันแรกก็สายเสียแล้ว บริษัทไหนเขาจะรับแกเข้าทำงานล่ะเนี่ย”
ช่อมาลีบ่นพึมพำกับตนเองขณะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่ เพราะหลังจากที่ได้รู้ว่าน้ำเหนียว ๆ ที่ไปเหยียบมาเมื่อคืนนั้นคือเลือด ก็ทำให้เธอแทบนอนไม่หลับเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อคืนได้ตกลงกับเพื่อนร่วมวงเอาไว้ด้วยว่าจะรูดซิปปากกันให้สนิท ไม่พูดถึงเรื่องนั้นจนกว่าตำรวจจะเรียกไปสอบปากคำ ซึ่งคริสคาดการณ์เอาไว้ว่าอย่างไรเสียก็ต้องถูกเรียกตัวไปทุกคน
ส่วนรองเท้าคู่นั้นน่ะหรือ เธอเอาไปทิ้งที่ถังขยะรวมข้างแฟลตไปแล้วเรียบร้อย
“พี่คะพี่ ไปอาคารยูซีทาวเวอร์ค่ะ ขอแบบด่วน ๆ เลยนะพี่ ซิ่งได้ยิ่งดีเพราะหนูสายแล้ว”
หญิงสาวกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ รับเอาหมวกกันน็อกจากคนขับมาใส่ เธอดูเวลาแล้วก็อยากจะร้องไห้เพราะเลยเวลานัดมาร่วมครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว
สิบห้านาทีต่อมา หญิงสาวร่างสูงโปร่งใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง ผมยาวสีดำสนิทมัดเป็นหางม้ารวบตึงในชุดกระโปรงสอบเข้ารูปสีดำเสมอเข่า เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้วก็มานั่งใจเต้นเป็นรัวกลองอยู่ที่แผนกบุคคล ระหว่างที่รอพนักงานเอาเอกสารการสมัครงานมาให้กรอก
สายตาตำหนิอย่างไม่ปิดบังของพนักงานที่เอาเอกสารมาให้ ทำเอาช่อมาลีรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ราวกับจะจับไข้ จนต้องรีบก้มหน้าก้มตากรอกข้อมูลลงไปในเอกสาร ทำทีเป็นมองไม่เห็นสายตาเชือดเฉือนจากคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล
“กรอกเสร็จแล้วเรียกได้เลยนะคะ”
พนักงานคนเดิมบอก หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นรับคำ แล้วก้มหน้ากรอกประวัติของตนเองต่อไป ทั้งที่ในใจเริ่มรู้ชะตากรรมแล้วว่าคงไม่ได้งานนี้แน่นอน
หลังจากยื่นเอกสารที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่อมาลีจึงนั่งรอ ไม่นานนัก พนักงานคนเดิมก็เดินมาเรียกช่อมาลีให้เดินตามเข้าไปด้านใน
พนักงานคนนั้นพาหญิงสาวมาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งพอเห็นป้ายเหล็กสีทองที่ประกาศตำแหน่งของคนที่นั่งอยู่ในห้อง ช่อมาลีถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
พนักงานคนนั้นเคาะประตูห้องสามทีก่อนเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน ช่อมาลีจึงก้าวเดินตาม มือขยับแว่นตาให้เข้าที่ตามความเคยชินแล้วลอบมองสำรวจด้านในห้องของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานกรรมการของบริษัทแห่งนี้
“ท่านประธานคะ คนที่จะสัมภาษณ์มาถึงแล้วค่ะ”
มุกรวี หัวหน้าฝ่ายบุคคลแจ้งกับผู้ที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะอย่างขะมักเขม้น ตอนนั้นเองที่ช่อมาลีหันหน้ามามองผู้ที่มีอำนาจตัดสินชะตาว่าเธอจะได้งานที่นี่หรือไม่ด้วยท่าทีที่สำรวมที่สุด ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น หญิงสาวก็แทบผงะจนเผลอตัวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ กระเป๋าสะพายที่เอามาถือไว้ในมือร่วงหล่นลงสู่พื้นพรม แถมพ่วงมาด้วยสายตาดุ ๆ จากหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ตวัดหันมามองแทบจะทันที
“นี่คุณ...กระเป๋าหล่นแล้ว” สิ้นเสียงของมุกรวี ช่อมาลีก็รีบก้มลงเก็บกระเป๋าสะพายของตนขึ้นมาถือในมืออีกครั้ง
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะท่านประธาน”
ร่างผอมของผู้จัดการแผนกวัยสามสิบปลายหันไปพูดกับชายหนุ่มเจ้าของห้องก่อนจะเดินออกไป ก่อนไปไม่วายหันมาทำตาดุใส่ช่อมาลีราวกับคุณครูดุเด็กนักเรียน
“เชิญนั่งครับ”
ช่อมาลีที่กำลังมองตามหลังของคนที่พามาส่งสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่มจากหลังโต๊ะทำงาน หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา ในใจนึกหวั่นว่าเจ้านายภาคกลางคืนของเธอจะจำเธอได้หรือไม่ ยิ่งเห็นเขามองมา ทั้งยังขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนทำท่านึกอะไรบางอย่าง ช่อมาลีก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ
“เอ๊ะ! นี่คุณ...”
พชรพูดเพียงแค่นั้นก็ไม่ได้พูดต่อ เขาจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนหลับบนรถประจำทางในแบบที่เรียกว่าหมดสภาพ ไม่ต้องเดาเลยว่าที่เธอมาสัมภาษณ์งานสายคงเพราะนอนหลับเพลินจนลืมลงป้ายรถเมล์หน้าตึกเป็นแน่
“อืม...ช่างเถอะ คุณมาสายไปสี่สิบนาทีนะ ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” เขารู้อยู่เต็มอกว่าเธอมาสายเพราะอะไร แต่เขาอยากฟังว่าเธอจะแก้ตัวอย่างไรมากกว่า
“ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ คือว่า...ดิฉันนั่งรถเลยป้ายเพราะไม่ค่อยรู้เส้นทาง กว่าจะรู้ว่าเลยมาไกลแล้วก็ตอนที่รถเมล์เข้าไปจอดที่อู่นั่นแหละค่ะ” หญิงสาวยอมตอบออกไปตามความจริง แต่ละเว้นเรื่องที่หลับบนรถเอาไว้
พชรพยักหน้าช้า ๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย นับว่ายังดีที่เธอไม่ได้โกหก เธอแค่บอกความจริงไม่หมดเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มเปิดแฟ้มประวัติของหญิงสาวแล้วเริ่มต้นทำการสัมภาษณ์ ท่ามกลางความโล่งใจของช่อมาลีที่เริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาจำไม่ได้แน่นอน
ผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง การสัมภาษณ์ ซักถามประวัติการทำงาน และรายละเอียดขอบข่ายความรับผิดชอบก็ถูกถ่ายทอดให้ช่อมาลีฟังจนหมด เขาหยิบหนังสือแนะนำบริษัทยื่นส่งไปให้หญิงสาว ช่อมาลีรับมาแล้วลองเปิดดูเนื้อหาข้างในคร่าว ๆ ระหว่างนั้นพชรจึงลอบมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ปาก คอ คิ้ว คางจัดว่าพอเหมาะพอเจาะหากไม่มีแว่นสายตาหนาเตอะบดบังความสวยงาม ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ใบหน้าไร้สีสันแต่กลับไม่ได้ดูจืดชืดจนไม่น่ามองครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ช่อมาลีเหมือนพวกคงแก่เรียนทั่วไป แต่พอได้มองใกล้ ๆ เขายอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้จัดว่าสวยใช้ได้ รูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วน ถ้าจับมาแต่งตัวแต่งหน้าสักหน่อยรับรองได้เลยว่าหนุ่ม ๆ ที่บริษัทนี้คงได้มองตามกันเป็นแถวว่าแต่...เขาเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนกันนะพลันนั้นใบหน้าสวยสะดุดใจของนักร้องนำสาวสวยที่ทำให้เขาแทบหมดลมหายใจไปดื้อ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้มีบางอย่างที่เหมือนกันสายตาของชายหนุ่มมองจ้องอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ช่อมาลียกมือขึ้นดันกรอบแว่นแล้วเสมองไป
ช่อมาลีไม่กล้ามองภาพที่เกิดเหตุเต็มตานัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง และร่างนั้นหมดลมหายใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนัยน์ตาของหล่อนเบิกโพลงเหลือกขึ้นไปด้านบน ที่คอมีรอยปาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดล้นทะลักออกมาจากบาดแผลจนไหลออกมายังบริเวณทางเดินด้านนอก เธอไม่รู้ว่าศพมีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่กล้ามองอีกต่อไป แค่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ติดตาเสียจนทำเอาเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้มีแต่คริสที่ใช้ไฟฉายส่องกราดไปทั่วบริเวณราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง ทั้งยังทำท่าเหมือนจะเข้าไปดูที่ศพใกล้ ๆ ดีที่เธอดึงเสื้อเขาไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน จากนั้นจึงพากันเดินออกมาที่ลานจอดรถเหมือนเดิม โดยตกลงกันเอาไว้ว่า ถ้าหากวันรุ่งขึ้นยังไม่มีใครเจอศพ คริสจะเป็นคนแจ้งตำรวจด้วยตนเอง และจะเป็นคนบอกกับตำรวจว่าเขากับเธอเป็นคนพบศพโดยทำทีเป็นว่าเขาเข้ามาหากุญแจบ้านที่ทำหล่นหายซึ่งเธอก็เข้ามาเป็นเพื่อน แล้วบังเอิญมาพบศพเข้าพอดีและถ้าตำรวจเรียกตัวไปสอบถาม หรือสอบปากคำก็ให้บอกทุกอย่างไปตามความจริง เพราะเธอดันไปเหยียบรอยเลือดเข้า ซึ่งถ้าหากตรวจสอบขึ้นมา ตำรวจต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นรอยรองเท้าของเธอ หากเธอไม่พูดไปตา
พชรมองผ่านกระจกลงไปยังฟลอร์เต้นรำด้านล่าง นักเที่ยวแต่ละคนช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์น่าสยดสยองแค่ไหน นับว่าการใช้เงินปิดปากตำรวจบางนาย และนักข่าวจมูกไวทั้งหลายได้ผลดีเกินคาดโชคดีที่คลับแห่งนี้ค่อนข้างมีระดับ จำกัดเฉพาะลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้นถึงจะเข้ามาเที่ยวหาความสำราญได้เพราะราคาค่าเมมเบอร์ที่แพงระยับต่อหัว คนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จึงเป็นพวกกระเป๋าหนัก หรือพวกมีอันจะกินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักธุรกิจดัง ๆ ไฮโซ เซเลบ หรือแม้แต่พวกคนในวงการบันเทิงก็มักยินดีจ่ายเพื่อยกระดับความโก้หรูให้ตัวเองคืนนี้เขาต้องมาอยู่ดูแลคลับแทนภีมพล เพราะรายนั้นมีปัญหาเรื่องธุรกิจอีกอย่างที่ต้องรีบไปจัดการ ใครจะเชื่อว่าหนุ่มเจ้าสำราญอย่างภีมพล เพื่อนรักของเขาคนนี้จะเป็นถึงเจ้าของบริษัทเครื่องบินให้เช่าเหมาลำ ทั้งยังมีโกดัง และคลังสินค้าขนาดใหญ่ให้เช่าอีกด้วย ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนมาถึงรุ่นของภีมพลพชรหันไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนกดออดอยู่ด้านนอก เขาตะโกนอนุญาตคนที่ยืนรออยู่นอกห้อง จากนั้นจึงเดิ
“ออยมีแฟนไหม หรือสามี หรือมีศัตรูอะไรที่ไหนรึเปล่า เช่นว่าไปแย่งแฟนใครเข้าจนแฟนเขาตามมาทำร้ายน่ะ”“แฟนหรือสามีน่ะไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าอาจจะไปแย่งของใครเขามา อันนี้ก็คงมีบ้าง ก็แหม...คุณโอมก็น่าจะเข้าใจพวกเรานะคะ พวกเราไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับความสัมพันธ์แบบนั้นอยู่แล้ว ถูกใจใครก็จูงมือกันไปหาความสุขข้างนอก เอาเสร็จก็จบกัน เจอกันอีกครั้งก็เป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักกันไป เว้นเสียแต่ว่าผู้ชายคนนั้นเซ็กซ์เจ๋งจริงก็อาจจะมีรอบสองรอบสาม หรือทุกครั้งที่เจอหน้า แต่เสร็จแล้วก็คือจบ ไม่ได้คบกันจริง ๆ จัง ๆ” น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูไม่ยี่หระกับเรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย“แล้วมีใครที่เคยตามมาหึงหวงจนทะเลาะตบตีกันบ้างไหม”ชายหนุ่มถามโดยพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุให้คนหนึ่งคนแค้นเคืองกันจนสามารถลุกขึ้นมาคร่าชีวิตของคนอื่นได้“แทบไม่มีเลยค่ะคุณโอม อย่างที่บอกไปว่าพวกเราก็แค่สนุกกันบนเตียง แต่พอออกมาข้างนอกเราก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถ้าคนไหนมากับแฟนเราก็ไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าแฟนของพวกเขากลับไปก่อนก็ว่าไปอย่าง” หญิงสาวตอบเขาอย่างไม่แยแส ราวกับว่าเรื่องที่พวกเธอทำนั้
“อาร์มว่ามิวเตรียมตัวกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้อาร์มจัดการเอง”“ได้ยังไงล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย มิวไม่อยากเอาเปรียบอาร์มหรอกนะ”หญิงสาวยืนกรานที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอเห็นแล้วว่าใครเดินเข้ามาในผับบ้าง เพราะจำหน้าบางคนได้ตอนที่ให้ปากคำไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ดูท่าแล้วตำรวจน่าจะรู้อะไรบางอย่างถึงได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ทอดทิ้งให้อาร์มต้องอยู่เพียงลำพังแน่ เธอต้องอยู่ช่วยเขา เพราะมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นแน่นอน เธอรู้ดี!เมื่อได้เวลาผับเลิก นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก็กลับออกไปแล้ว แต่บางกลุ่มก็ยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเนื่องจากยังติดลมไม่อยากลุกไปไหน อาจจะเพราะด้วยน้ำสีอำพันที่ยังเหลืออยู่แค่ก้นขวด จึงหวังจะจัดการให้หมดแล้วค่อยแยกย้าย อีกทั้งในผับก็ยังคงเปิดเพลงช้าคลอไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเปิดไฟให้สว่างไสวขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยังคงเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่เลิกราจุมพลเดินเข้าไปที่บูธดีเจ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในนั้นด้วยความเป็นกันเอง ทว่าสายตาที่มองกลับคาดคั้น
ช่อมาลีจัดเตรียมเอกสารสำหรับเข้าประชุมในช่วงบ่ายโดยเตรียมไว้ให้ครบตามจำนวนของผู้ที่จะเข้าร่วมประชุมด้วย เธอถือโอกาสศึกษาระบบงานของบริษัทไม่ว่าจะเป็นรุ่น และแบบของรถอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากข้อมูลที่เขาวางกองไว้ให้เมื่อวานระหว่างที่เขาไม่อยู่ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากสำหรับการเริ่มต้นทำงานวันแรกประตูหน้าห้องถูกเปิดออกมาอย่างเร็วพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังย่ำมาทางที่หญิงสาวกำลังยืนเรียงเอกสารอยู่ ช่อมาลีหันหน้าไปมองผู้เข้ามาใหม่แล้วยกมือไหว้ ส่งยิ้มทักทายเจ้านายคนใหม่ของตนเองทันที“สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉันเตรียมเอกสารสำหรับเข้าประชุมตอนบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ท่านประธานมีอะไรจะใช้ให้ดิฉันไปทำอีกรึเปล่าคะ”ช่อมาลียืนตัวตรงประสานมือกันไว้ที่ด้านหน้า แล้วยิ้มนิด ๆ ขณะมองไปยังคนที่กำลังเดินมาที่โต๊ะสำหรับวางแฟ้มและเอกสารไว้บนนั้น“ขอกาแฟให้ผมแก้วหนึ่งแล้วกันครับคุณช่อ” พชรตอบพลางหยิบเอกสารชุดหนึ่งขึ้นมาเปิดดูคร่าว ๆ“ช่อมาลีค่ะ ท่านประธานจะเรียกดิฉันว่ามาลีเฉย ๆ ก็ได้นะคะ”เธอแก้ไขชื่อเล่นของตนเองให้ถูกต้องเพื่อให
พชรยืนกอดอกเอาสะโพกพิงไว้กับโต๊ะทำงาน มองท่าทีประหม่าลนลานเดินออกจากห้องของเลขาฯ แล้วก็ให้นึกขำ ยิ่งเห็นใบหน้านั้นขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู เขาก็นึกอยากแกล้งจับมือเธอให้มาสัมผัสที่เนื้อแท้ตัวเป็น ๆ ของเขาเสียเลย อยากรู้นักว่าจะทำหน้าอย่างไรถ้าเจอเหตุการณ์นั้นสงสัยคงขอลาออกแทบไม่ทันเป็นแน่!ช่อมาลีเดินเข้ามาในแคนทีน เธอเหลียวซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงกำมือไว้แน่นทั้งสองข้าง ทำท่ากรี๊ดแบบไม่มีเสียงด้วยความอัดอั้น“อี๊...อีตาบ้า...หน้าไม่อาย หนอย...รู้จักช่อมาลีน้อยไปซะแล้ว”บ่นเขาลับหลังเสร็จก็หันมองหน้าหลังอีกครั้ง ถึงแม้ทั้งชั้นนี้จะมีแค่เธออยู่เพียงคนเดียวก็ตาม โต๊ะของเธอตั้งอยู่ด้านนอกหน้าห้องของท่านประธานหนุ่ม โชคดีที่ผนังห้องของเขาเป็นแบบทึบ ไม่ใช่กระจกที่สามารถมองออกมาเห็นภายนอกได้ มิเช่นนั้นเขาคงได้เห็นท่าทางประหลาดของเธอแน่เธอเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของพชร เขาจงใจยั่วให้เธอได้อาย ทำแบบนี้ถือเป็นการแกล้งกันชัด ๆ เห็นทีคงต้องประเมินผู้ชายคนนี้เสียใหม่ เขาไม่ใช่เจ้านายมาดนิ่งอย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก แต่เขาเป็นพรานล่าเนื้อ เป
“คุณช่อ เลิกงานคุณแล้วจะไปไหนต่อรึเปล่า ไปกินมื้อเย็นกับผมหน่อยสิ” พชรถอดเสื้อสูทเอามาพาดไว้กับท่อนแขน ปลดเนกไทออกจากคอ จากนั้นก็ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองเม็ดขณะหันไปพูดกับหญิงสาวที่เดินข้างกายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่ภายในใจนั้นกลับลุ้นอยู่ว่าเธอจะตอบรับหรือปฏิเสธ“เย็นนี้คงจะไม่ได้ค่ะท่านประธาน ดิฉันต้องกลับบ้านแม่น่ะค่ะ”ช่อมาลีหันมายิ้มแกน ๆ ให้เขา พชรจับความรู้สึกไม่สบายใจได้ในน้ำเสียงจึงไม่อยากตอแยคาดคั้นอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ควรก้าวก่าย“งั้นหรือ...อืม ไม่เป็นไร วันหน้ายังมี เดินทางปลอดภัยนะ”“ไม่ได้ไกลอะไรหรอกค่ะท่านประธาน แค่ปทุมธานีนี่เอง นั่งรถตู้ไปแค่สองชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ ถ้ารถไม่ติด” ช่อมาลีหันไปพูดกับเขา พชรจึงพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะพูดลาหญิงสาว“ถ้างั้นก็เจอกันพรุ่งนี้ครับ”ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงลานจอดรถที่ตนเองต้องลง ช่อมาลีจึงยกมือขึ้นไหว้ เธอมองตามแผ่นหลังกว้างในเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เดินห่างออกไปด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกช่อมาลีกลับไปห้อง
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”