“จิ้นเฉิง?”เฉียวซีหยุนไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเพียงแต่รู้สึกว่าการดำรงอยู่ของหลีเกอนั้นขัดหูขัดตาเธอหน่อย ๆ “ให้เลขาหลีรีบไปเถอะ?! พ่อกับแม่ยังรออยู่ให้ฉันกลับบ้านไปพร้อมคุณนะ เราไม่ได้เจอกันมานาน พวกเขาคิดถึงคุณมากเลย”น้ำเสียงอันอ่อนโยนทำให้ฮั่วจิ้นเฉิงดึงสติตัวเองกลับมาได้ตระกูลฮั่วเกิดรู้สึกละอายใจกับตระกูลเฉียว ดังนั้นด้วยเหตุนี้ เขาจึงควรไปเยี่ยมตระกูลเฉียวเสียหน่อยแต่เมื่อมองดูหลีเกอ ก็ไม่พบความผิดปกติในสีหน้าเพราะคำพูดเหล่านี้เลยดูเหมือนว่าทุกเรื่องของเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแล้วหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และสีหน้าที่เย็นชาของเขามีความสับสน“ของอยู่ตรงนั้น”หลี่เกอมองปลายคางของชายหนุ่มที่บุ้ยไปทางหนึ่งและเห็นบัตรประชาชนของเธอตกอยู่ใต้ตู้กดน้ำ ราวกับว่าถูกเขาโยนทิ้ง“ขอบคุณค่ะ” เธอระงับความขมขื่นในใจแล้วเดินไปหยิบบัตรประชาชนทันทีจากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไปโดยไม่ลังเลใจด้านหลังเธอนั้นดูเหมือนจะมีสายตาเฉียบคมและเย็นชาติดตามไปด้วยนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของท่านประธาน ทุกสายตาในบริเวณสำ
ในบ้านเดิม คนรับใช้รออยู่นานแล้ว หลังจากรับเสื้อคลุมของฮั่วจิ้นเฉิงมา ก็ตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็น เฉียวซีอวิ๋นอยู่ด้านหลังฮั่วจิ้นเฉิง“คุณเฉียว ดิฉันเตรียมห้องของคุณไว้ให้แล้ว ขึ้นไปตามทางเดินนี้ได้เลยนะคะ”เฉียวซีอวิ๋นที่ติดตามฮั่วจิ้นเฉิงและกำลังจะขึ้นบันไดของบ้านเดิม หยุดมองด้วยความเหลือเชื่อ “ฉันกับจิ้นเฉิงไม่ได้นอนด้วยกันเหรอ?”เนื่องจากฮั่วจิ้นเฉิงตกลงให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเดิม ก็น่าจะแปลว่าเขายอมรับว่าจะแต่งงานกับเธอในอนาคตสิการอยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะคำพูดของเธอ ฮั่วจิ้นเฉิงจึงขมวดคิ้ว“เอ่อ…” แม่บ้านเผยไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้เนื่องจากกลัวว่าหลีเกอจะทิ้งร่องรอยไว้ในบ้าน คุณผู้หญิงจึงสั่งให้เธอทำความสะอาดห้องรับรองเป็นพิเศษ“ผมยังมีทำงานต้องทำ คุณไปนอนก่อนได้เลย”ฮั่วจิ้นเฉิงเหลือบมองเฉียวซีอวิ๋นพลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส และส่งสายตาเป็นสัญญาณ“แต่ว่า…”แต่เฉียวซีอวิ๋นก็พยายามรบเร้าเพราะไม่พอใจ หลังจากได้รับคำสั่งของฮั่วจิ้นเฉิงแม่บ้านเผยก็มาขวางเธอและพูดว่า “คุณเฉียว โปรดมากับดิฉันด้วยค่ะ”ประตูลิฟต์ของบ้านเดิมปิดลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เย็นชาอย่
ในห้องสวีทหรูหราของอาคารสไตล์ยุโรป หลีเกอตื่นขึ้น เฟอร์นิเจอร์โดยรอบเหมือนกับตอนที่เธอจากไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนเธอหันกลับไปและเห็นชามซุปร้อน ๆ วางอยู่ข้างหมอน และมีเสื้อผ้าผู้หญิงสวย ๆ หลายชุดอยู่บนเตียงให้เธอเลือกจมูกของเธอรู้สึกเจ็บอย่างอธิบายไม่ได้นี่คือการรักษาที่เธอไม่เคยได้รับในปินเฉิง“หลังจากรู้เรื่องเครื่องบินตก คุณปู่ก็เป็นกังวลมาก ท่านโทรหาเธอแต่ติดต่อไม่ได้ จนมีอาการหัวใจวายและยังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”ด้วยเสียงฝีเท้าที่มั่นคง ชายร่างสูงในชุดดำก็ปรากฏตัวในห้องนอนของเธอ ด้วยความกล้าหาญและมีออร่าอยู่ไม่น้อยนี่คือหลีหานพี่ชายคนโตที่พาเธอกลับจากปินเฉิงมาที่ดูไบผู้ถือหางเสือคนปัจจุบันของตระกูลหลีผู้ยิ่งใหญ่มักจะเก็บอารมณ์ของเขาไว้เป็นความลับเสมอเมื่อได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับปู่ของเธอ หลีเกอก็กังวลมากจนแทบจะร้องไห้และลุกจากเตียง “พี่! คุณปู่ท่าน…”“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก เธอไปนอนเถอะ”หลีหานคว้ามือของเธอพลางขวางทางเธอไว้ “ดูสิ ตอนนี้เธอดูเป็นยังไง เธอกล้าจะไปเจอท่านในสภาพนี้เหรอ? เธอยังจำคำสัญญาเดิมของเธอได้ไหม?!”เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ หลีเกอก็หยุดชะงักแน่นอนว
“นี่ฉันเป็นคนสุดท้ายที่รู้ว่าเธอกลับบ้านเหรอเนี่ย? เธอไม่สนใจพี่ชายคนนี้แล้วใช่ไหม?! ฉันอุตส่าห์เสียเวลาคิดถึงเธอมาตั้งหลายปี!”เมื่อเธอได้ยินเสียงนี้ ก็รู้ว่านั่นคือหลีหราน พี่ชายคนที่สามของเธออย่างไรก็ตาม หลีหรานไม่ใช่พี่ชายทางสายเลือด เขาถูกทิ้งตั้งแต่แรกเกิด จากนั้นตระกูลหลีก็รับอุปถัมภ์ไว้หลีเกอไม่เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร “พี่นั่งก่อนสักพักเถอะ อย่ารบกวนฉันเลย”ผ่านมาสามวันแล้ว แต่เธอยังจัดการเอกสารทั้งหมดที่เลขาของหลีหานมอบให้ไม่เสร็จเธอต้องรับโทรศัพท์เกือบร้อยสายจากกลุ่มความร่วมมือทั่วโลกในหนึ่งวัน หัวของเธอแทบจะหมุนเป็นลูกข่างหลีหรานไม่สนใจท่าทีของเธอและนั่งบนโซฟา “พี่ใหญ่ใจร้ายกับเธอมากเลย เขาโยนเอกสารมาให้เธอตั้งมากมาย นี่เป็นการฝึกให้เธอเป็นทายาทชัด ๆ ถ้าเธอไม่เหนื่อยก็เป็นยอดคนแล้ว เธอหนีไปดูคอนเสิร์ตของฉันดีกว่า ถือซะว่าไปพักผ่อนหย่อนใจ”“ฉันไม่ไป”หลีเกอพูดขณะเก็บข้าวของว่า “ฉันยังไม่ลืมนะว่าครั้งล่าสุดที่ฉันไปคอนเสิร์ตของพี่ บรรดาแฟนคลับ คิดว่าฉันเป็นแฟนพี่ ถ้าพี่ใหญ่มาไม่ทัน ฉันก็คงโดนเอาไข่ทุบหัวแตกจนต้องไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลแล้ว”“...เธอจำเรื่องนี้ได้!”ทันใ
หลานหนีกัดฟันกดหมายเลขอีกสองสามหมายเลข ล้วนแล้วแต่สายไม่ว่างเมื่อเขาโทรไปครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็รับสายจากโทรศัพท์มือถือของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย“คุณนี่โทรมาไม่เลิกเลยนะหลานหนี บอกฮั่วจิ้นเฉิงด้วยว่าเขาพลาดนิทรรศการนี้ไปแล้ว”หลี่เกอพูดอย่างไม่อดทน และอีกฝ่ายก็เงียบไปอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นานก็มีคำสองคำสั้น ๆ ออกมาว่า “ผมเอง”เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลีเกอก็ใจหายฮั่วจิ้นเฉิงไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้เลย “ฮั่วกรุ๊ปได้เพิ่มส่วนแบ่งเงินทุนจากสามร้อยล้านเป็นห้าร้อย ล้าน มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมในนิทรรศการนี้หรือยัง?”ในขณะนี้ หลีเกอกำลังนั่งอยู่ในซุปเปอร์คาร์ของหลีหรานแล้ว “ฮั่วจิ้นเฉิง คุณคิดว่านี่สนุกมากไหม?”เมื่อครู่เห็นเธอยุ่งมาก หลีหรานก็ยืนกรานที่จะลากเธอไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนในดูไบให้ได้ เธอทนไม่ไหว จึงต้องขึ้นรถมากับเขา“ถ้าห้าร้อยล้านไม่พอก็หนึ่งพันล้าน ถ้ายังไม่ได้ ผมจะรายงานต่อหอการค้าโลก ให้พวกเขารับผิดชอบในการตัดสินใจ พวกคุณไม่ใช่ผู้จัดงานเพียงคนเดียว”“คุณ…”หลีเกอพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลีหราน ที่เป็นคนขับรถก็เริ่มใจร้อนและคว้าโ
“นี่ไง!”เฉียวซีอวิ๋นยื่นมือออกมา เผยให้เห็นแหวนที่มีดีไซน์เรียบง่าย แต่มีแสงวาววับอันเป็นเอกลักษณ์วางอยู่บนฝ่ามือของเธอทันทีที่ฮั่วจิ้นเฉิงเห็นแหวน เขาก็จำได้ว่านี่เป็น 'ของขวัญ' ชิ้นเดียวที่เขามอบให้กับหลีเกอ ในช่วงสามปีของการแต่งงานหยิบมันมาจากมือของเฉียวซีอวิ๋น พลางใช้นิ้วหัวแม่มือถูด้านในของแหวนด้านในสลักอักษรย่อว่า 'H&L' ไว้ด้วยเขายังคงจำได้ว่าตอนที่หลีเกอขอให้เขาช่วยสวมแหวน เขาพูดว่า ‘เอาไว้ทีหลัง’ อย่างไม่แยแสแต่เธอยังคงสวมมันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามปีและไม่เคยถอดเลยสักครั้งเฉียวซีอวิ๋นเห็นฮั่วจิ้นเฉิงถือแหวนด้วยความสับสน เธอก็ไม่พอใจ แต่ยังคงรักษารอยยิ้มที่ดีไว้ “ของสำคัญขนาดนี้แต่คุณหลีก็ดันทิ้งไว้ซะได้ จิ้นเฉิง จะเอาแหวนวงนี้คืนให้คุณเลขา หรือว่าจะ…”“จะไปทำอะไรให้เธออีก?” หลี่ซูฉินพูดด้วยความโกรธทันทีหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ผู้หญิงคนนี้มักจะแสร้งทำเป็นอ่อนโยนและเชื่อฟัง แต่พอนานวันเข้าเธอก็เสแสร้งไม่ไหว สุดท้ายก็ทำตามใจตัวเอง ไม่เห็นหัวใคร ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้!”“ใช่เลย! ตอนที่เธอมาที่บ้านของเราครั้งแรก ฉันก็คิดว่าเธอไม่ธรรมดา!” ฮั่วซินพูดเสริมอีกสองสามประ
ภายในห้องโดยสารเฟิร์สคลาสของเครื่องบินฮั่วจิ้นเฉิงหยิบแหวนสองวงนั้นที่เขาเอ่ยปากให้ ‘โยนทิ้ง’ ออกมาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเลือกแหวนวงที่หนากว่าสวมลงบนนิ้วมือ เขาไม่เคยลองสวมมาก่อนและไม่คาดคิดว่าขนาดจะพอดีราวกับวัดมาอย่างไรอย่างนั้นแต่ช่วงตลอดสามปีมานี้เขาปฏิเสธที่จะสวมแหวนแต่งงาน โดยใช้เรื่องงานมาอ้างเสมอหากเป็นคู่สามีภรรยาทั่วไปคงต้องทะเลาะกันแน่นอนทว่าหลี่เกอกลับไม่โวยวาย ทั้งยังโอนอ่อนตามและมีเหตุผล คอยตามใจเขาสารพัดแต่เขาไม่คาดคิดว่าสามปีต่อมา หลังหย่ากัน เธอจะจากไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่ต้องการกระทั่งแหวนแต่งงานด้วยซ้ำฮั่วจิ้นเฉิงหมุนแหวนเงียบ ๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นอ่อนโยนว่าง่าย เด็ดขาดมุทะลุเธอเป็นแบบไหนกันแน่………เครื่องบินเดินทางมาถึงดูไบฮั่วจิ้นเฉิงตรงไปชั้นบนสุดของตึกระฟ้าตระกูลฉี ซึ่งเป็นห้องทำงานของซีอีโอฉีอวิ๋นเทียนหรี่ตาดอกท้ออันงดงามลงมองบนคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง แล้วหยิบข้อเสนอโครงการมาตรวจตราให้มั่นใจอีกรอบ จากนั้นก็วางเอกสารลงพลางกล่าวอย่างจริงจัง “เพื่อน ฉันดูแล้วนะ ฮั่วกรุ๊ปของนายตรงตามเงื่อนไขการเข้าร่วมแน่นอน”คิ้วเข้มของฉั่วจิ้นเฉิงกระตุกเป็นทาง
“แต่งงานเพื่อธุรกิจ ขอแค่ไม่ก้าวก่ายกัน แต่งไปก็ไม่ผิดอะไร” ฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวตามตรง“มันก็จริง แต่ฉันทำไม่ได้”“ภรรยาในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นผู้หญิงสวยสะดุดตาที่ทำให้หลงรักตั้งแต่แรกเห็น เธอจะต้องสวยไร้ที่ติมีสเน่ห์ควบคู่ไปกับการมีทัศนคติที่ดี ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ”ฉีอวิ๋นเทียนโบกมือ “นายไม่ใช่ฉัน นายไม่เข้าใจหรอก”เมื่อเห็นกริยานี้ของเพื่อนซี้ ฮั่วจิ้นเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับมาคุยเรื่องงานนิทรรศการต่อ“แล้วเรื่องนี้แก้ไขได้ไหม?”ฉีอวิ๋นเทียนตบหน้าอก “ตระกูลฉีร่วมจัดนิทรรศการกับบริษัทตี้จิงในครั้งนี้ ฉันจะโทรคุยกับเขาเอง หลีหานต้องรักษาหน้าฉันแน่”ขณะเขาพูดก็หยิบมือถือกดหมายเลขโทรออกแต่ทว่าเสียงรอสายดังสิบกว่าวินาทีแล้วก็ยังไม่มีคนรับ ฉีอวิ๋นเทียนไม่เชื่อพลางกดโทรใหม่อีกรอบคราวนี้…อีกฝ่ายตัดสายตรง ๆ ชัดเจนว่าไม่อยากเสวนาเพียงใดหลังถูกตัดสายโทรศัพท์ ใบหน้าหน้าฉีอวิ๋นเทียนก็เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในใจรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่งไม่บ่อยนักที่เพื่อนสนิทจะขอให้ตนช่วยทำธุระ แต่ตกปากรับคำแล้วกลับต้องมาเสียหน้าเขาลูบจมูกอยู่สักพัก รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง “เขายุ่งอยู่ล่ะม