หลีเกอหุบรอยยิ้มแล้วเหลือบมองหลีหราน “เปล่านี่ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”“อย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอกำลังพูดไม่ดีเกี่ยวกับฉันเชียว” เจินซินเตือนหลีหรานคนช่างพูดตอนนี้กลับปิดปากเงียบ พูดแค่ว่า “ฉันขอออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์หน่อย”นั่นแหละ เขาทำตัวห่างเหินทันทีที่เจินซินยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อหลีหรานเปิดประตูและออกไป เขาเห็นฮั่วจิ้นเฉิงยืนอยู่ข้างนอกรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที ยืนกั้นประตูไว้แล้วขึ้นเสียงพูด “ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย”ฮั่วจิ้นเฉิงขอให้ผู้ช่วยของเขาส่งตะกร้าผลไม้ให้หลีหราน “ถ้าอย่างนั้นฝากของชิ้นนี้ไปให้เธอหน่อย”“เอากลับไปซะ!” หลีหรานโบกมือ “พวกเรา และเสี่ยวเกอ ไม่รับของจากคนไร้ประโยชน์แบบนาย”“เธอฟื้นแล้วเหรอ?”ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลี่หรานอย่างจริงจัง ชายที่หน้าตาดีเพียงผิวเผินตรงหน้าไม่ใช่รสนิยมของ หลีเกอแต่ถ้าเป็นฟู่ซิวเป่ย ปฏิกิริยาอาจจะตรงข้าม...ฮั่วจิ้นเฉิงอาจรู้สึกถึงวิกฤติ“เธอตื่นแล้ว แล้วก็สบายดีด้วย รู้แล้วก็ไปได้แล้ว” เสียงของเจินซินดังมาจากด้านหลัง เธอกับหลีหรานช่วยกันยืนขวางประตูไว้อย่างแน่นหนา“ถ้าอย่างนั้น ฝากดูแลเธอด้วย” ฮั่
หลีเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะ ฉันหายดีแล้ว”“เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์… ฉันเชื่อว่ากฎหมายบ้านเราไม่กล่าวหาคนผิด หรือปล่อยคนไม่ดีไป”นักข่าวถามถึงหลีหรานอีกครั้ง“มีข่าวลือในอินเตอร์เน็ตว่าไซมอนทิ้งงานทั้งหมดของเขาเพื่อมาอยู่ดูแลคุณในช่วงที่คุณประสบอุบัติเหตุครั้งนี้โดยเฉพาะ จริงไหมคะ?”“ช่วยเล่าอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับไซมอนหน่อยได้ไหม?”“พวกคุณกำลังจะมีข่าวดีกันในเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า?”หลีเกอยิ้มอ่อนใจ นักข่าวยังคงจำเรื่องนี้ได้ “ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไซมอนกับฉันในตอนนี้ค่ะ”เมื่อนักข่าวไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็เตรียมถอนไมค์ออกไปฮั่วจิ้นเฉิงยืนข้าง ๆ มองไปที่หลีเกอด้วยสีหน้าซับซ้อนและอธิบายไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ไม่มีความคืบหน้าอะไร’เขาต้องการถามเกี่ยวกับฟู่ซิวเป่ย อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไซมอนคนนั้นกับเธอคืออะไรเขาเองก็อยากรู้อยากเห็นไม่น้อยไปกว่าผู้สื่อข่าวอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำได้คือเฝ้าดูหลีเกอลากกระเป๋าเดินจากไปอย่างสง่างาม...ตกกลางคืนฮั่วจิ้นเฉิงกลับไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษ
สามทุ่มตรงหลีเกอและจู้หว่านอี้ปรากฏตัวที่แผนกต้อนรับนี่คือการรวมตัวของประธานบริษัทบันเทิงระดับแนวหน้า แน่นอนว่าบางคนก็ติดสอยห้อยตามมาในฐานะคนสนิทวันนี้หลีเกอสวมชุดเดรสผูกริบบิ้นอันหรูหรา ผ้าสีเขียวเข้มเรียบเนียนไม่มีริ้วรอยใด ๆ เลย เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้สวมเครื่องประดับใดๆ เผยให้เห็นแค่กระดูกไหปลาร้าลึกบุ๋มเรียบเนียนของเธอ แต่กลับทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความแพงอย่างยิ่งเธอสวยมากจนดึงดูดความสนใจจากทุกด้านทันทีที่เข้ามาทุกคนประหลาดใจที่หัวหน้าบรรณาธิการของสำนักข่าวบันเทิงโลกทรงพลังมาก สามารถเชิญแฟนสาวที่กำลังเป็นประเด็นของไซมอนให้ติดตามมาได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอิทธิพลของสำนักข่าวบันเทิงโลก จึงไม่มีใครกล้าออกมาก่อกวนพวกเธอง่าย ๆจู้หว่านอี้ยังคงมีทัศนคติทางสังคมที่เย็นชาเหมือนเดิม เมื่อคนอื่น ๆ เข้ามาทักทาย เธอจะตอบกลับด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ปล่อยให้หลีเกอก็ช่วยรับมือแทน“มีเธออยู่ที่นี่ทั้งคน ฉันรู้สึกเหมือนอดทนได้นานขึ้นในโอกาสแบบนี้ ปกติฉันแค่มางาน ถ่ายรูป แล้วก็ขอตัวกลับ”ริมฝีปากแดงเรื่อหลีเกอยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ฉันทำก็เพราะหวังว่าจะได้รับ
”เลดี้เฟิรสต์”ซ่งฮั่วนั่งลง ยื่นมือของเขาออกเพื่อเชิญหลีเกอหยิบกล่องลูกเต๋าแล้วเขย่ามันบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ วางมือเรียวบนฝาอย่างไม่เป็นทางการ ราวกับแค่เขย่าเล่นอย่างไรหลักการ ก่อนจะพูดว่า “เสร็จแล้ว”ซ่งฮั่วมองดูหลีเกอด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว ดูเหมือนเธอจะไม่ได้จริงจังกับมันเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกเต๋ากำลังเคลื่อนไหวหรือไม่ผู้เห็นเหตุการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังทำ มองหน้ากันด้วยความสับสนแค่นี้เองเหรอ?อย่างน้อยก็ควรเขย่าให้แรง ๆ กว่านี้ถึงจะสมกับเป็นศึกเดิมพันสิ!เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในนั้นมีลูกเต๋าอยู่กี่ลูกแล้วยังหวังว่าตัวเองจะชนะได้ยังไง?ตลกสิ้นดี!แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง แต่ซ่งฮั่วก็ไม่มีเจตนาที่จะอ่อนข้อให้ เขามุ่งมั่นที่จะรับข่าววงในเป็นสกู๊ปพิเศษจากผู้หญิงของไซมอนในวันนี้หลังจากเขย่าไม่กี่วินาที ซ่งฮั่วก็แสดงทักษะของเขาราวกับว่าเขากำลังเล่นกล ยืนขึ้นเหนือโต๊ะไพ่เล็กน้อย เขย่าจนตัวสั่นคลอนอยู่หลายนาที เมื่อทุกคนกำลังจะหมดแรงเพ่งสายตา เขาก็วางมันลงอย่างหนักบนโต๊ะเมื่อเปิดฝาออกพบว่าเป็นแต้มสี่และห้าเท่านั้นแหละเขาเป็นเหมือนเสือดาวปะทะกับมือใหม่ ย่อมเป็นผู้ชนะอ
ผู้พบเห็นต่างตกใจเฉียวเจิ้นสยงเป็นที่รู้จักในนามเทพเจ้าแห่งโลกการพนันปินเฉิง เพียงแต่เขาวางมือแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับซ่งฮั่วที่เพิ่งก้าวขาเข้ามาในวงการครึ่งหนึ่ง เขาถือเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงอย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เฒ่าซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการมากดดันหญิงสาวเช่นนี้ ผู้เฒ่าเฉียวออกจะเป็นอันธพาลมากไปหน่อยหลีเกอยักไหล่และพูดอย่างสบาย ๆ “แล้วถ้าคุณแพ้ล่ะ?”เฉียวเจิ้นสยงมาเสนอคำท้าเธอแบบนี้เหอะ!อยากจะเล่นงานฉันเหรอ? ให้ฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นมือที่สามเนี่ยนะ?ไร้สาระสิ้นดี“ฉันไม่มีทางแพ้!”เฉียวเจิ้นสยงเสียงสูง “บอกฉันสิว่าคุณยินดีเดิมพันหรือเปล่า?!”เขาใช้กำลังปราบปรามอีกฝ่าย แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล แต่คนธรรมดาก็ไม่กล้าพูดอะไร“ถ้าคุณแพ้ ให้เฉียวซีอวิ๋นมาคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและยอมรับความผิดพลาดของหล่อน ตบหน้าตัวเอง บอกว่าเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของฉันตั้งแต่แรก!”หลีเกอจ้องไปที่แหวนหยกสีขาวบนนิ้วหัวแม่มือของเฉียวเจิ้นสยงที่หมุนอยู่เป็นระยะ “แล้วก็… ขอแหวนหยกขาวของคุณให้ฉันเพื่อแทนคำขอโทษด้วย!”หัวใจของทุกคนจุกขึ้นมาอยู่ตรงลำคอนั่นค
ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาคิดว่าเฉียวเจิ้นสยงเป็นคนตรงไปตรงมามาตลอด ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนกลับกลอกอย่างนี้“พระเจ้าช่วย ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่แพ้ ถ้าเธอแพ้ คุณหลีคงถูกประนามอย่างไม่ยุติธรรม”“บังคับให้เมียหลวงยอมรับว่าตัวเองเป็นเมียน้อย ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“ถึงพวกเราจะเป็นผู้สื่อข่าวบันเทิง แต่เราไม่ได้เขียนข่าวมั่ว ๆ เกรงว่าผู้เฒ่าเฉียวจะชราภาพจนสับสนเลอะเลือนแล้ว!”“พูดเสียงดังให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา? ในเมื่อลมปากนั้นไม่ต่างจากการผายลมเลย!”เฉียวเจิ้นสยงโกรธมากจนเส้นเลือดปูดขึ้นจากขมับ คำพูดของคนรอบตัวก็ไม่เป็นที่น่าพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...“เอาไป!”เขาดึงแหวนออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี กำลังจะตบมันลงบนโต๊ะ แต่คิดว่าตัวเองทนทำรุนแรงกับมันไม่ไหว จึงค่อย ๆ หย่อนมันลงในกระเป๋าของหลีเกอน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยภัยคุกคาม “เธอต้องรักษามันให้ดี ฉันจะมาหาเธอภายในสองวันเพื่อขอมันคืน”"เราจะรอจนถึงตอนนั้น"หลีเกอเอียงศีรษะไปทางจู้หว่านอี้ หมายความว่าเธอต้องการออกไปจากที่นี่แล้ว“คุณหลี กรุณารอสักครู่ ผมจะช่วยคุณหาตู้เซฟเพื่อใส่แหวนวงนี้” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในจีนมุงรู
ในเวลานี้ เสียงคำรามของเครื่องยนต์รถสปอร์ตชั้นนำดังขึ้นในบรรดารถที่มีชื่อเสียงหลายคัน รถสปอร์ตสีน้ำเงินสีเรียบ ๆ ขับมาจอดอยู่ตรงหน้าหลีเกอและจู้หว่านอี้มือขวาของหลีหรานยังคงเข้าเฝือกอยู่ เขาลุกออกจากที่นั่งผู้โดยสาร “เสี่ยวเกอเกอ ฉันมาแล้ว!”หลีเกอมองเฝือกบนมือขวาของหลีหรานด้วยความกังวล “มือยังไม่ทันหายก็เพ่นพ่านไปทั่วซะแล้ว”คราวนี้เธอกลับประเทศอย่างลับ ๆ เพียงเพราะต้องการให้หลีหรานได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในประเทศ F แต่จู่ ๆ เขาก็ติดตามเธอมา“ฉันคิดถึงเธอน่ะสิ!”“บังเอิญฉันบาดเจ็บพอดี ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมฉันไม่กลับมาอยู่กับเธอซะเลยล่ะ?”หลีหรานเหลือบมองที่ฮั่วจิ้นเฉิง ตะโกนอย่างเย็นชาราวกับประกาศอธิปไตยของเขา โบกมือให้คนขับยื่นกุญแจให้หลีเกอ “วันนี้เธอขับเองก็แล้วกัน”“พี่ยังเชื่อใจฉันอยู่เหรอ?”หลีเกอมองไปที่กุญแจในมือของเขา ความลังเลแวบขึ้นมาในดวงตาไม่กี่คืนหลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายเป็นครั้งคราว ฝันว่าหลีหรานตายแล้ว ส่วนเธอก็จะไม่ได้เจอครอบครัวอีกทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเฉียวซีอวิ๋น!“เชื่อใจสิ” หลีหรานก้าวไปข้างหน้าและชนไหล่ของหลีเกอ
หลีเกอหยุดเดิน“ตบหน้าตัวเอง แล้วคุกเข่าขอโทษ คุณยังไม่ได้ทำสองสิ่งนี้เลย มาแหกปากตะโกนอะไร!”เฉียวซีอวิ๋นโกรธมาก “ฉันจะคุกเข่าให้ผู้หญิงแบบเธอได้ยังไง! บ้าไปแล้วเหรอ?”เธอทนไม่ได้กับใบหน้าที่ไร้ความแยแสและเย็นชาของหลีเกอเป็นที่สุด พร้อมกันนั้นก็เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ทำให้ตัวเองมีราคีไปซะ“ถ้าคุณไม่คุกเข่าก็ช่างเถอะ ถึงยังไงหลังเด็กคลอดคุณก็ต้องเข้าคุกอยู่แล้วนี่ ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะรอให้คุณรับผลกรรมที่ตามมา” หลีเกอยิ้มมุมปาก“ต่อให้ตัวฉันจะเข้าคุก แต่ฉันก็ยังให้กำเนิดลูกของจิ้นเฉิงได้ ความสัมพันธ์ในฐานะพ่อแม่ของเราจะคงอยู่ตลอดไป” เฉียวซีอวิ๋นตะคอกอย่างเย็นชา “ใครจะไปเหมือนเธอที่แต่งงานมาตั้งหลายปี ดันไม่ออกไข่เลยสักฟอง!”ดวงตาของหลีเกอเปล่งประกายแสงเย็นครู่หนึ่ง นี่คือสเกลย้อนกลับที่เป็นจุดอ่อนของเธอนี่คือประโยคถากถางที่น่าอับอายที่สุดที่เธอได้ยินมาตลอดชีวิตการแต่งงานครั้งนั้น!หลีเกอไม่สามารถระงับความโกรธได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเธอคิดว่าเฉียวซีอวิ๋นจ้างคนไปทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เพื่อทำร้ายเธอ เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไปว่าอีกฝ่ายจะมีอีกหนึ่งชีวิตในท้อง แสดงพลั