แม้จะรู้ว่าไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ แต่หลีเกอยังคงมองไปในทิศทางของเสียงโดยไม่รู้ตัวคนรู้จักเก่า ฮั่วจินเฉิงและเฉียวซีอวิ๋นเธอเริ่มสงสัยว่าปินเฉิงแคบเกินไปหรือเปล่าเฉียวซีอวิ๋นจับมือฮั่วจิ้นเฉิงเดินเข้าไปในร้าน ฉากที่ทั้งสองแสดงออกเหมือนคู่รัก ทำให้หัวใจของหลีเกอจมลงในทันที ความฝาดขมที่ไม่สามารถบรรยายได้โจมตีเธอ ช่วงเวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปในขณะนี้ฉันเพิ่งรู้ข่าวไม่นานว่าทั้งสองจะหมั้นกัน ตอนนี้พวกเขาก็กำลังมาเลือกแหวนแต่งงาน...ในช่วงสามปีของการแต่งงาน สิ่งเดียวที่ฮั่วจิ้นเฉิงมอบให้เธอคือแหวนแต่งงาน ในเวลานั้นเขาไม่ได้ใส่ใจจะวัดขนาดด้วยซ้ำ แต่เธอถ่อมตัวพอที่จะฉวยโอกาสในตอนที่ฮั่วจิ้นเฉิงหลับอยู่ วัดไซส์แหวนด้วยมืออย่างเงียบ ๆต่างจากตอนนี้ เขาปรากฏตัวที่ร้านขายเครื่องประดับเพื่อเลือกแหวนแต่งงานให้เฉียวซีอวิ๋นด้วยตัวเองหลีเกอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า!โดนอดีตโง่ ๆ ตบหน้า!ด้วยน้ำหนักอันหนักหน่วงบนไหล่ของเธอ หลีหรานเดินขึ้นมาจากข้างหลัง ถือแหวนเพชรสีน้ำเงินด้วยมือข้างที่พันผ้าพันแผลไว้อย่างยากลำบาก ถามเธอด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “รสนิยมฉันเป็นยังไงบ้าง?”หลีเกอฟื้นจากความคับข้องใจใ
“ในฐานะคู่หมั้นของลูกสาวตระกูลเฉียว?” ริมฝีปากสีแดงของหลีเกอแสยะขณะพูดทีละคำ “หรือในฐานะอดีตสามีของฉัน?”“ลองคิดดูเองว่าฐานะไหนของคุณที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะถาม”ฮั่วจิ้นเฉิงสะดุ้งเขาข้ามเส้นอีกแล้วคนในโลกที่มีคุณสมบัติพอจะถามน้อยที่สุดก็คือเขาเขามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนเพื่อเลือกแหวนแต่งงาน แล้วเขาเป็นใครถึงไปตั้งคำถามกับหลีเกอ?ฮั่วจิ้นเฉิงก้าวยาว ๆ กลับไปหาเฉียวซีอวิ๋น “ไปกันเถอะ”ดวงตาของเฉียวซีอวิ๋นเป็นประกายด้วยความสำเร็จ “แต่จิ้นเฉิง เรายังไม่ได้เลือกแหวนเลยนะ!”“ไว้ค่อยมาวันอื่น”เฉียวซีอวิ๋นเดินตามเขาไปทันที ร่างกายที่เล็กกระทัดรัดของเธอก้าวตามไปอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าแขนของฮั่วจิ้นเฉิง พูดเบา ๆ ว่า “รอด้วยสิ!”ทั้งสองคนจากไปอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของหลีเกอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาหลีหรานมองหลีเกออย่างระมัดระวัง “เธอยังเศร้าอยู่หรือเปล่า?”“ถ้าทำแบบนั้นอีก ฉันจะบอกพี่ใหญ่ว่าพี่รังแกฉัน!” หลีเกอขู่หลีหรานร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่ได้นะ พี่ใหญ่ของฉันขอให้ฉันช่วยดูแลเธอ ถ้าเธอเอาไปฟ้อง ฉันต้องโดนเขาสวดยับแน่ ๆ!”หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลีในห
“ไว้ผมจะอธิบายเรื่องนี้ให้บุคคลภายนอกเข้าใจอย่างชัดเจน”หลังจากที่ฮั่วจิ้นเฉิงพูดจบ เขาก็จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ปล่อยให้เฉียวเจิ้นสยงกระแทกถ้วยชาตามหลังประตูที่ปิดลงเขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรศัพท์ “นี่ ฉันมีเรื่องอยากให้นายทำ กำจัดนังนั่นซะ”“หลีเกอ...” ดวงตาสีเข้มของเฉียวเจิ้นสยงเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ฉันจะสอนบทเรียนให้แก แกจะไดัรับรู้ถึงอิทธิพลของตระกูลเฉียวในปินเฉิง”…หนึ่งสัปดาห์ต่อมาวันนัดหมายพูดคุยกับฉี่หังกรุ๊ปเกี่ยวกับการอัพเดตซอฟต์แวร์มาถึงหลีเกอและเจิ้งหลิ่วไปด้วยกันกรรมการคนอื่น ๆ ของฉี่หังกรุ๊ปก็จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติมทันทีที่เขาเข้าไปในห้องประชุม หลีเกอพบว่าบรรยากาศภายในเคร่งขรึม โดยซางรุ่ยและฮั่วจิ้นเฉิงนั่งเงียบ ๆเธอวางกระเป๋าลงแล้วถามว่า “คุณซาง ทำไมถึงได้ทำหน้าตาแบบนั้นกันล่ะคะ?”ซางรุ่ยไม่ได้พูด แต่ประสานมือลงบนโต๊ะเขาพูดกับหลินเยว่ว่า “สรุปสถานการณ์ให้คุณหลีฟังหน่อย”“คุณหลี ประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ไฟล์หลักที่เข้ารหัสของนาโนบอทจำนวนมากปรากฏบนดาร์กเว็บ ถึงแม้จะยังไม่มีใคร
ซางรุ่ยก็สงสัยเช่นเดียวกับหลินเยว่“คุณหลี แกล้งพูดให้ดีใจเล่นหรือเปล่าครับ? บางทีแฮกเกอร์อาจถอดรหัสมันได้แล้วในขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่”“ฉันบอกว่าไม่ ก็คือไม่สิคะ” หลีเกอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างมั่นใจ หันหน้าไปถามเจิ้งหลิ่วด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เขาใกล้จะมาถึงหรือยัง?”เจิ้งหลิ่วก้มหน้าลงแล้วตอบกลับ “น่าจะมาถึงที่นี่ภายในสิบนาทีครับ”หลีเกอยกริมฝีปากแดงเป็นรอยยิ้ม ดวงตาของเธอพลันเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ทุกคนคะ กรุณาตามฉันลงไปพบกับใครสักคนหนึ่งก่อน”ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมตกตะลึง คิดว่าหลีเกอกำลังล้อเล่นอยู่แน่ ๆ“นี่มันเวลาไหนกัน? จะให้ทุกคนลงไปรับคนอื่นเนี่ยนะ?”“เธอไม่เข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้หรือไง?”“ฉันไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!”หลีเกอไม่ได้จริงจังกับคำพูดเหล่านี้ ยืนขึ้นโดยเชิดหน้าผาก ทิ้งเพียงประโยคเดียวไว้ข้างหลัง “ถ้าไม่ลงไปก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ผมจะไปกับคุณ”แม้ว่าซางรุ่ยจะไม่สบายใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองรายลงไปด้วยเจ้านายไปแล้วลูกน้องจะไม่ไปได้ยังไง? กรรมการคนอื่น ๆ ก็ลงไปพร้อมกันหลีเ
“ฉันพูดถูกไหมคะ ผู้อำนวยการหลิน?” หลีเกอมองไปที่หลินเยว่อย่างสนุกสนานพร้อมยิ้มเบา ๆจู่ ๆ หลินเยว่ก็ถูกเรียกชื่อ เธอยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ตามที่คุณหลีพูดเลยค่ะ”หลีเกอหมุนแหวนเพชรสีน้ำเงินบนนิ้ว ดวงตาคมกริบดุจลูกศร “ผู้อำนวยการหลิน ทำไมคุณถึงเข้ามาเป็นคนสุดท้ายคะ?”“ฉันเหรอ?” หลินเยว่ชี้ไปที่ตัวเอง “ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะสิ”“คุณหลีนี่ช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะคะ ให้ความสนใจแม้กระทั่งตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำด้วยเหรอ?”“เกรงว่ามันไม่ใช่แค่เข้าห้องน้ำธรรมดา ๆ น่ะสิคะ” หลีเกอรับข้อมูลจากมือของเจิ้งหลิ่ว แล้วโยนลงต่อหน้าหลินเยว่ “คุณไม่ได้เป็นคนกระจ่ายข่าวให้คนที่กำลังซื้อหุ้นฉี่หังกรุ๊ปหยุดชะงักทันทีหรอกเหรอ?”ซางรุ่ยหยิบมันขึ้นมาอ่านเพียงหน้าเดียว ก็เข้าใจทันทีว่าหลีเกอหมายถึงอะไรเห็นได้ชัดว่าเสียงในห้องเบาลง เผยให้เห็นความสงบก่อนเกิดพายุ “ผู้อำนวยการหลิน ช่วยอธิบายเรื่องนี้หน่อยได้ไหม”เอกสารมากมายอยู่ตรงหน้าหลินเยว่ แต่หลินเยว่กลับลดสายตาลงโดยไม่แม้แต่จะมองเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากก็สั่นระริก เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาจากบนหลัง รู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น
“ดูแลตัวเองด้วย” ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา“วิกฤตของฉันได้รับการแก้ไขแล้ว ฉันจะยอมแพ้ต่อโลกแห่งมนุษยชาติไม่ได้” ซางรุ่ยยื่นขวดน้ำให้ฮั่วจิ้นเฉิง “แล้วคุณล่ะ? ได้ยินมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าคุณกำลังจะหมั้นนี่”“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”ฮั่วจิ้นเฉิงผลักขวดน้ำออก แล้วก้าวเดินออกไปด้วยขายาว ๆ…ระหว่างทางกลับจู่ ๆ หลีลั่วก็โพล่งขึ้นมา “คนที่พูดแทนเธอวันนี้คือฮั่วจิ้นเฉิงเหรอ?”หลีเกอโกรธเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ต่อให้เขาจะไม่พูดแทนฉัน เขาก็มีส่วนแบ่งในการทำเงินด้วยเหมือนกัน!”หลีลั่วพยักหน้า “ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่เลว เหมือนไม่มองหญิง ไม่เหมาะกับเธอ ฉะนั้นปล่อยเขาไปดีกว่า”อีกาจำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่เหนือหัวของหลีเกอ ปากของหลีลั่วนี่จริง ๆ เลย...“ใช่ พี่คนที่สองตอบตกลง เราก็เลยออกไป”ตอนที่เธอแต่งงานกับฮั่วจิ้นเฉิง พี่รองของเธออยู่ห่างข้ามไปอีกโพ้นทะเล ทั้งยังงานยุ่งเกินกว่าจะมาคัดกรองเองเพื่อพิสูจน์บุคลิกของน้องเขย เขาถึงกับแฮ็กคอมพิวเตอร์ของฮั่วจิ้นเฉิง เพื่อเจาะดูไฟล์ในเครื่งต่าง ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าฮั่วจิ้นเฉิงไม่มีคลิปหรือภาพเด็กหนุ่มด้วยซ้ำครั้งหน
ประตูรถเปิดออกพร้อมกับหลีเกอที่ลงจากรถ“บังเอิญเหลือเกิน ฉันไม่ได้ออกกำลังกล้ามเนื้อมานานแล้ว” เธอเหลือบมองคนตรงหน้า “เข้ามาพร้อมกันเลยไหม? หรือทีละคน?”ชายร่างกำยำกลุ่มนี้ถือมีดกระชับแน่น กระตือรือร้นที่จะลอง พวกเขาเหลือบมองชายคนหนึ่งที่หมดสติกองอยู่บนพื้นหญ้า จากนั้นมองเข้าไปในรถ พบว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น หัวใจหล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่มทันทีชายผู้มีรอยสักคาบบุหรี่ไว้ในปาก ผลักหัวลูกน้องของเขาออกไป เข้ามาหาหลีเกอ“อย่างที่เธอเห็น พวกเรามีกันหลายคน ส่งประแจให้คนฉลาดจะช่วยทำให้เธอรอดได้”หลีเกอเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ที่แท้พวกแกก็เป็นคนที่เฉียวเจิ้นสยงส่มาสินะ”“ถุย ทำไมถึงได้ปากมากแบบนี้วะ? ตกลงจะยอมดี ๆ ไหม?”หลีเกอรีบดึงบุหรี่ออกจากชายที่มีรอยสักอย่างรวดเร็ว กดก้นบุหรี่เข้าที่หน้าผากเตะส่งเขาไปด้านข้างสีหน้าของเธอเคร่งเครียด “คำพูดของนายน่ะน่ารำคาญยิ่งกว่า ฉันจะทุบนายก่อนคนแรก”“แม่งเอ๊ย กล้าต่อยฉันเรอะ!” ชายที่มีรอยสักลุกขึ้นจากพื้น คายฟันที่หลุดออกจากปากทิ้ง “จับตัวมันไว้!” ทุกคนเข้าไปล้อมรอบเธอ แต่เแล้วทุกคนก็แหกปากลั่นและถูกเตะกระเด็นไปไกลเวลาไม่ครบสิบนาทีดีด้วยซ้ำ พวก
ถ้าฉันไม่ถาม นายก็จะไม่บอกใช่ไหม?” เมื่อหลีหานเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด จึงสั่งให้หลีหรานจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้คลี่คลายเองหลีหรานถูกตำหนิจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ “ได้ยังไงเล่า จะปฏิเสธไม่กลับไปฉลองวันเกิดคุณปู่ได้ยังไง”หลีเกอหัวเราะเยาะ ตามที่คาดเอาไว้ ใครที่สามารถจัดการหลีหรานได้มีแค่พี่ชายคนโตและปู่ของเขาเท่านั้นเวลานี้หลีเจิ้งเฟยรู้สึกดีขึ้นมาก“จากนี้ไปช่วยโครงการนาโนบอตของเสี่ยวเกอด้วยล่ะ” หลีเจิ้งเฟยบอกกับหลีลั่ว“อา คุณปู่คะ คุณปู่ไม่ต้องกำชับพี่สองขนาดนั้นก็ได้ค่ะ พี่สองต้องทำออกมาได้ดีที่สุดอยู่แล้ว” หลีเกอกอดคอพี่ชายทั้งสองพลางเผยรอยยิ้มอันสดใสหลีลั่วตอบอย่างใจเย็น “แน่นอนครับ”เมื่อเห็นว่าตอนนี้หลีเกอมุ่งเป้าไปที่อาชีพของตัวเองมาก หลีเจิ้งเฟยก็รู้สึกโล่งใจ“ในเมื่อเรียบร้อยแล้ว คุณปู่พักผ่อนเถอะครับ” หลีหานโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วพูดจากนั้นครอบครัวใหญ่ก็วางสายวิดีโอคอลลง...ท่ามกลางห้องนั่งเล่น เฉียวเจิ้นสยงกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์เขากำลังรอฟังข่าวดีและถูนิ้วโป้งไปมาเป็นนิสัย ลำพังรู้สึกว่าแหวนหยกขาวยังไม่อยู่ตรงนี้เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ แต่เมื่อคิดว่าเขาจะ