ซางรุ่ยก็สงสัยเช่นเดียวกับหลินเยว่“คุณหลี แกล้งพูดให้ดีใจเล่นหรือเปล่าครับ? บางทีแฮกเกอร์อาจถอดรหัสมันได้แล้วในขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่”“ฉันบอกว่าไม่ ก็คือไม่สิคะ” หลีเกอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างมั่นใจ หันหน้าไปถามเจิ้งหลิ่วด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เขาใกล้จะมาถึงหรือยัง?”เจิ้งหลิ่วก้มหน้าลงแล้วตอบกลับ “น่าจะมาถึงที่นี่ภายในสิบนาทีครับ”หลีเกอยกริมฝีปากแดงเป็นรอยยิ้ม ดวงตาของเธอพลันเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ทุกคนคะ กรุณาตามฉันลงไปพบกับใครสักคนหนึ่งก่อน”ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมตกตะลึง คิดว่าหลีเกอกำลังล้อเล่นอยู่แน่ ๆ“นี่มันเวลาไหนกัน? จะให้ทุกคนลงไปรับคนอื่นเนี่ยนะ?”“เธอไม่เข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้หรือไง?”“ฉันไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!”หลีเกอไม่ได้จริงจังกับคำพูดเหล่านี้ ยืนขึ้นโดยเชิดหน้าผาก ทิ้งเพียงประโยคเดียวไว้ข้างหลัง “ถ้าไม่ลงไปก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ผมจะไปกับคุณ”แม้ว่าซางรุ่ยจะไม่สบายใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองรายลงไปด้วยเจ้านายไปแล้วลูกน้องจะไม่ไปได้ยังไง? กรรมการคนอื่น ๆ ก็ลงไปพร้อมกันหลีเ
“ฉันพูดถูกไหมคะ ผู้อำนวยการหลิน?” หลีเกอมองไปที่หลินเยว่อย่างสนุกสนานพร้อมยิ้มเบา ๆจู่ ๆ หลินเยว่ก็ถูกเรียกชื่อ เธอยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ตามที่คุณหลีพูดเลยค่ะ”หลีเกอหมุนแหวนเพชรสีน้ำเงินบนนิ้ว ดวงตาคมกริบดุจลูกศร “ผู้อำนวยการหลิน ทำไมคุณถึงเข้ามาเป็นคนสุดท้ายคะ?”“ฉันเหรอ?” หลินเยว่ชี้ไปที่ตัวเอง “ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะสิ”“คุณหลีนี่ช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะคะ ให้ความสนใจแม้กระทั่งตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำด้วยเหรอ?”“เกรงว่ามันไม่ใช่แค่เข้าห้องน้ำธรรมดา ๆ น่ะสิคะ” หลีเกอรับข้อมูลจากมือของเจิ้งหลิ่ว แล้วโยนลงต่อหน้าหลินเยว่ “คุณไม่ได้เป็นคนกระจ่ายข่าวให้คนที่กำลังซื้อหุ้นฉี่หังกรุ๊ปหยุดชะงักทันทีหรอกเหรอ?”ซางรุ่ยหยิบมันขึ้นมาอ่านเพียงหน้าเดียว ก็เข้าใจทันทีว่าหลีเกอหมายถึงอะไรเห็นได้ชัดว่าเสียงในห้องเบาลง เผยให้เห็นความสงบก่อนเกิดพายุ “ผู้อำนวยการหลิน ช่วยอธิบายเรื่องนี้หน่อยได้ไหม”เอกสารมากมายอยู่ตรงหน้าหลินเยว่ แต่หลินเยว่กลับลดสายตาลงโดยไม่แม้แต่จะมองเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากก็สั่นระริก เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาจากบนหลัง รู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น
“ดูแลตัวเองด้วย” ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา“วิกฤตของฉันได้รับการแก้ไขแล้ว ฉันจะยอมแพ้ต่อโลกแห่งมนุษยชาติไม่ได้” ซางรุ่ยยื่นขวดน้ำให้ฮั่วจิ้นเฉิง “แล้วคุณล่ะ? ได้ยินมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าคุณกำลังจะหมั้นนี่”“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”ฮั่วจิ้นเฉิงผลักขวดน้ำออก แล้วก้าวเดินออกไปด้วยขายาว ๆ…ระหว่างทางกลับจู่ ๆ หลีลั่วก็โพล่งขึ้นมา “คนที่พูดแทนเธอวันนี้คือฮั่วจิ้นเฉิงเหรอ?”หลีเกอโกรธเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ต่อให้เขาจะไม่พูดแทนฉัน เขาก็มีส่วนแบ่งในการทำเงินด้วยเหมือนกัน!”หลีลั่วพยักหน้า “ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่เลว เหมือนไม่มองหญิง ไม่เหมาะกับเธอ ฉะนั้นปล่อยเขาไปดีกว่า”อีกาจำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่เหนือหัวของหลีเกอ ปากของหลีลั่วนี่จริง ๆ เลย...“ใช่ พี่คนที่สองตอบตกลง เราก็เลยออกไป”ตอนที่เธอแต่งงานกับฮั่วจิ้นเฉิง พี่รองของเธออยู่ห่างข้ามไปอีกโพ้นทะเล ทั้งยังงานยุ่งเกินกว่าจะมาคัดกรองเองเพื่อพิสูจน์บุคลิกของน้องเขย เขาถึงกับแฮ็กคอมพิวเตอร์ของฮั่วจิ้นเฉิง เพื่อเจาะดูไฟล์ในเครื่งต่าง ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าฮั่วจิ้นเฉิงไม่มีคลิปหรือภาพเด็กหนุ่มด้วยซ้ำครั้งหน
ประตูรถเปิดออกพร้อมกับหลีเกอที่ลงจากรถ“บังเอิญเหลือเกิน ฉันไม่ได้ออกกำลังกล้ามเนื้อมานานแล้ว” เธอเหลือบมองคนตรงหน้า “เข้ามาพร้อมกันเลยไหม? หรือทีละคน?”ชายร่างกำยำกลุ่มนี้ถือมีดกระชับแน่น กระตือรือร้นที่จะลอง พวกเขาเหลือบมองชายคนหนึ่งที่หมดสติกองอยู่บนพื้นหญ้า จากนั้นมองเข้าไปในรถ พบว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น หัวใจหล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่มทันทีชายผู้มีรอยสักคาบบุหรี่ไว้ในปาก ผลักหัวลูกน้องของเขาออกไป เข้ามาหาหลีเกอ“อย่างที่เธอเห็น พวกเรามีกันหลายคน ส่งประแจให้คนฉลาดจะช่วยทำให้เธอรอดได้”หลีเกอเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ที่แท้พวกแกก็เป็นคนที่เฉียวเจิ้นสยงส่มาสินะ”“ถุย ทำไมถึงได้ปากมากแบบนี้วะ? ตกลงจะยอมดี ๆ ไหม?”หลีเกอรีบดึงบุหรี่ออกจากชายที่มีรอยสักอย่างรวดเร็ว กดก้นบุหรี่เข้าที่หน้าผากเตะส่งเขาไปด้านข้างสีหน้าของเธอเคร่งเครียด “คำพูดของนายน่ะน่ารำคาญยิ่งกว่า ฉันจะทุบนายก่อนคนแรก”“แม่งเอ๊ย กล้าต่อยฉันเรอะ!” ชายที่มีรอยสักลุกขึ้นจากพื้น คายฟันที่หลุดออกจากปากทิ้ง “จับตัวมันไว้!” ทุกคนเข้าไปล้อมรอบเธอ แต่เแล้วทุกคนก็แหกปากลั่นและถูกเตะกระเด็นไปไกลเวลาไม่ครบสิบนาทีดีด้วยซ้ำ พวก
ถ้าฉันไม่ถาม นายก็จะไม่บอกใช่ไหม?” เมื่อหลีหานเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด จึงสั่งให้หลีหรานจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้คลี่คลายเองหลีหรานถูกตำหนิจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ “ได้ยังไงเล่า จะปฏิเสธไม่กลับไปฉลองวันเกิดคุณปู่ได้ยังไง”หลีเกอหัวเราะเยาะ ตามที่คาดเอาไว้ ใครที่สามารถจัดการหลีหรานได้มีแค่พี่ชายคนโตและปู่ของเขาเท่านั้นเวลานี้หลีเจิ้งเฟยรู้สึกดีขึ้นมาก“จากนี้ไปช่วยโครงการนาโนบอตของเสี่ยวเกอด้วยล่ะ” หลีเจิ้งเฟยบอกกับหลีลั่ว“อา คุณปู่คะ คุณปู่ไม่ต้องกำชับพี่สองขนาดนั้นก็ได้ค่ะ พี่สองต้องทำออกมาได้ดีที่สุดอยู่แล้ว” หลีเกอกอดคอพี่ชายทั้งสองพลางเผยรอยยิ้มอันสดใสหลีลั่วตอบอย่างใจเย็น “แน่นอนครับ”เมื่อเห็นว่าตอนนี้หลีเกอมุ่งเป้าไปที่อาชีพของตัวเองมาก หลีเจิ้งเฟยก็รู้สึกโล่งใจ“ในเมื่อเรียบร้อยแล้ว คุณปู่พักผ่อนเถอะครับ” หลีหานโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วพูดจากนั้นครอบครัวใหญ่ก็วางสายวิดีโอคอลลง...ท่ามกลางห้องนั่งเล่น เฉียวเจิ้นสยงกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์เขากำลังรอฟังข่าวดีและถูนิ้วโป้งไปมาเป็นนิสัย ลำพังรู้สึกว่าแหวนหยกขาวยังไม่อยู่ตรงนี้เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ แต่เมื่อคิดว่าเขาจะ
“ฉันพูดถูกเหรอ?” เสียงเยาะเย้ยของหลีเกอดังตอบโต้กลับมาฝั่งฮั่วจิ้นเฉิงเองก็ไม่มีคำขอโทษเลย “คุณไม่สามารถรับมือเฉียวเจิ้นสยงได้รหรอก ตอนนี้ที่ผมมาเตือนก็เพื่อประโยชน์ของคุณเองแท้ ๆ”“เลิกทำตัวหน้าซื่อใจคดได้แล้วคุณ ถ้าเขาจะมาอะไรกับฉันก็ปล่อยไปเถอะ!”จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ถูกวางสาย ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปยังหน้าจอที่ค่อยๆ มืดดำลง พร้อมกับร่องรอยของความโกรธที่ถูกปฏิเสธปรากฏขึ้นในแววตาผู้หญิงงี่เง่า!มาดูกันว่าคุณจะแก้ปัญหายังไง!ผู้ช่วยที่เบาะหน้าของรถรายงานในเวลานี้ว่า “คุณฮั่ว มีข่าวจากผู้ช่วยหลานว่าโครงการในประเทศ F มีปัญหา และคุณต้องไปที่นั่นด้วยตนเองครับ”ฮั่วจิ้นเฉิงหลับตาและสงบอารมณ์ลง “อืม ไปจองเครื่องบินไฟลท์แรกสุดกันเถอะ”ธุรกิจในประเทศ F มีความสำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นผู้ช่วยหลานจึงถูกมอบหมายให้ดูแลสถานการณ์โดยรวมที่นั่นบริษัทมีงานยุ่งมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ เห็นได้ชัดว่ายุ่งกว่าตอนหลีเกออยู่ที่นี่มากจะดีกว่าถ้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ผ่านพ้นไป เมื่อเธอไม่เหลืออะไรแล้ว การขยายกิ่งต้นมะกอกให้กับหลีเกอกลับมาหาตระกูลฮั่วเพื่อทำงานให้เขาจะดูง่ายกว่ามาก...หลังจากหลีเกอวางสาย เธอหันกลับม
#“ไม่เป็นไร เวลานี้ฉันต้องมีกำลังใจมากกว่านี้ และอย่าให้โลกภายนอกคิดว่าฉันกลัว”อยากให้เธอยอมตามข่าวลืออย่างนั้นเหรอ?คำนี้ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเธออยู่แล้ว!หลีเกอถกผ้าห่มออกแล้วไปห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดอาคารตี้เซิ่งผู้สื่อข่าวทั่ววงการบันเทิงต่างรอคอยกันอยู่นานรถปอร์เช่สีแดงจอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาเจิ้งหลิ่วที่อยู่ในรถเตือนขึ้นว่า “คุณหลี ทำไมถึงไม่สวมแว่นกันแดดหรือใช้หมวกเพื่อปกปิดหน่อยล่ะครับ การที่คนเหล่านี้ถ่ายภาพดาราอย่างไร้ศีลธรรมจะส่งผลต่อชื่องเสียงคุณนะครับ”“ไม่จำเป็น” หลีเกอยิ้มอย่างสดใสและส่องกระจกรถระหว่างแต่งหน้า เธอพอใจกับความงามและความคมของเธอมากทีเดียว“เพียงเพื่อให้พวกเขารู้ว่ามันไม่มีผลกระทบอะไรต่อฉันเลย”เจิ้งหลิ่วลงจากรถอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งอยู่ด้านข้างก็พร้อมแล้ว โดยก่อกำแพงมนุษย์เพื่อสร้างเส้นทางเพื่อแยกนักข่าวที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเจิ้งหลิ่วเปิดประตูรถและต้อนรับหลีเกอลงจากรถเธอสวมชุดที่ประดับด้วยเพชรหรูหรา ร่างกายของเธอเปล่งประกายแวววาว ทั้งยังคงมีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ นักข่าวคิดว่าหลีเกอซึ่งเป็นศูนย์กลางของเรื่
[พี่สาวหลีฮวาเมา เรามาพบกันที่ประตูมหาวิทยาลัยปิงเฉิงโอเคไหม?]จากนั้นหลีเกอก็ชุกคิดได้ว่าเธอไม่เหมาะที่จะออกไปข้างนอกเร็วๆ นี้[เธออยู่ไหน ฉันจะส่งคนไปรับ]หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงใต้อาคารตี้เซิ่ง นักข่าวยังคงไม่จากไปไหน พวกเขาทั้งหมดเฝ้ารอให้หลีเกอปรากฏตัว และคิดว่าจะถ่ายรูปใหม่เวลานี้ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์คันหนึ่งหยุดลง และเด็กสาวสามคนที่มีสายตาสดใสก้าวลงจากรถนักข่าวตาแหลมจำหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าได้ทันทีว่าคือเซี่ยอีซิง ผู้ทำคะแนนสูงสุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปิงเฉิงในปีนี้เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลังเธอมีความโดดเด่นมากไม่แพ้กัน พวกเขาคือเฉิงเฉิงผู้ซึ่งทำคะแนนได้อันดับหนึ่งในสาขาวิทยาศาสตร์ และเจิ้งหรานผู้ชนะรางวัล New Concept Essay Awardพวกเขาทั้งหมดมีรอยแผลเป็นจาง ๆ จากการผ่าตัดที่ริมฝีปากบน ซึ่งเหลือจากการผ่าตัดในวัยเด็กที่มีปากแหว่งแต่กำเนิดเดือนมิถุนายนเป็นช่วงที่ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้รับการเผยแพร่ นอกจากเรื่องอื้อฉาวของคนเด่นคนดังแล้ว หัวข้อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังเป็นประเด็นร้อนในหมู่ชาวเน็ตอีกด้วยกล้องและไมโครโฟนหันมาที่เซี่ยอีซิงและคนอื่น ๆ“ก่อนอื่นเลย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ