“ฉันพูดถูกไหมคะ ผู้อำนวยการหลิน?” หลีเกอมองไปที่หลินเยว่อย่างสนุกสนานพร้อมยิ้มเบา ๆจู่ ๆ หลินเยว่ก็ถูกเรียกชื่อ เธอยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ตามที่คุณหลีพูดเลยค่ะ”หลีเกอหมุนแหวนเพชรสีน้ำเงินบนนิ้ว ดวงตาคมกริบดุจลูกศร “ผู้อำนวยการหลิน ทำไมคุณถึงเข้ามาเป็นคนสุดท้ายคะ?”“ฉันเหรอ?” หลินเยว่ชี้ไปที่ตัวเอง “ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะสิ”“คุณหลีนี่ช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะคะ ให้ความสนใจแม้กระทั่งตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำด้วยเหรอ?”“เกรงว่ามันไม่ใช่แค่เข้าห้องน้ำธรรมดา ๆ น่ะสิคะ” หลีเกอรับข้อมูลจากมือของเจิ้งหลิ่ว แล้วโยนลงต่อหน้าหลินเยว่ “คุณไม่ได้เป็นคนกระจ่ายข่าวให้คนที่กำลังซื้อหุ้นฉี่หังกรุ๊ปหยุดชะงักทันทีหรอกเหรอ?”ซางรุ่ยหยิบมันขึ้นมาอ่านเพียงหน้าเดียว ก็เข้าใจทันทีว่าหลีเกอหมายถึงอะไรเห็นได้ชัดว่าเสียงในห้องเบาลง เผยให้เห็นความสงบก่อนเกิดพายุ “ผู้อำนวยการหลิน ช่วยอธิบายเรื่องนี้หน่อยได้ไหม”เอกสารมากมายอยู่ตรงหน้าหลินเยว่ แต่หลินเยว่กลับลดสายตาลงโดยไม่แม้แต่จะมองเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากก็สั่นระริก เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาจากบนหลัง รู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น
“ดูแลตัวเองด้วย” ฮั่วจิ้นเฉิงขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา“วิกฤตของฉันได้รับการแก้ไขแล้ว ฉันจะยอมแพ้ต่อโลกแห่งมนุษยชาติไม่ได้” ซางรุ่ยยื่นขวดน้ำให้ฮั่วจิ้นเฉิง “แล้วคุณล่ะ? ได้ยินมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าคุณกำลังจะหมั้นนี่”“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”ฮั่วจิ้นเฉิงผลักขวดน้ำออก แล้วก้าวเดินออกไปด้วยขายาว ๆ…ระหว่างทางกลับจู่ ๆ หลีลั่วก็โพล่งขึ้นมา “คนที่พูดแทนเธอวันนี้คือฮั่วจิ้นเฉิงเหรอ?”หลีเกอโกรธเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ต่อให้เขาจะไม่พูดแทนฉัน เขาก็มีส่วนแบ่งในการทำเงินด้วยเหมือนกัน!”หลีลั่วพยักหน้า “ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่เลว เหมือนไม่มองหญิง ไม่เหมาะกับเธอ ฉะนั้นปล่อยเขาไปดีกว่า”อีกาจำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่เหนือหัวของหลีเกอ ปากของหลีลั่วนี่จริง ๆ เลย...“ใช่ พี่คนที่สองตอบตกลง เราก็เลยออกไป”ตอนที่เธอแต่งงานกับฮั่วจิ้นเฉิง พี่รองของเธออยู่ห่างข้ามไปอีกโพ้นทะเล ทั้งยังงานยุ่งเกินกว่าจะมาคัดกรองเองเพื่อพิสูจน์บุคลิกของน้องเขย เขาถึงกับแฮ็กคอมพิวเตอร์ของฮั่วจิ้นเฉิง เพื่อเจาะดูไฟล์ในเครื่งต่าง ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าฮั่วจิ้นเฉิงไม่มีคลิปหรือภาพเด็กหนุ่มด้วยซ้ำครั้งหน
ประตูรถเปิดออกพร้อมกับหลีเกอที่ลงจากรถ“บังเอิญเหลือเกิน ฉันไม่ได้ออกกำลังกล้ามเนื้อมานานแล้ว” เธอเหลือบมองคนตรงหน้า “เข้ามาพร้อมกันเลยไหม? หรือทีละคน?”ชายร่างกำยำกลุ่มนี้ถือมีดกระชับแน่น กระตือรือร้นที่จะลอง พวกเขาเหลือบมองชายคนหนึ่งที่หมดสติกองอยู่บนพื้นหญ้า จากนั้นมองเข้าไปในรถ พบว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น หัวใจหล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่มทันทีชายผู้มีรอยสักคาบบุหรี่ไว้ในปาก ผลักหัวลูกน้องของเขาออกไป เข้ามาหาหลีเกอ“อย่างที่เธอเห็น พวกเรามีกันหลายคน ส่งประแจให้คนฉลาดจะช่วยทำให้เธอรอดได้”หลีเกอเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ที่แท้พวกแกก็เป็นคนที่เฉียวเจิ้นสยงส่มาสินะ”“ถุย ทำไมถึงได้ปากมากแบบนี้วะ? ตกลงจะยอมดี ๆ ไหม?”หลีเกอรีบดึงบุหรี่ออกจากชายที่มีรอยสักอย่างรวดเร็ว กดก้นบุหรี่เข้าที่หน้าผากเตะส่งเขาไปด้านข้างสีหน้าของเธอเคร่งเครียด “คำพูดของนายน่ะน่ารำคาญยิ่งกว่า ฉันจะทุบนายก่อนคนแรก”“แม่งเอ๊ย กล้าต่อยฉันเรอะ!” ชายที่มีรอยสักลุกขึ้นจากพื้น คายฟันที่หลุดออกจากปากทิ้ง “จับตัวมันไว้!” ทุกคนเข้าไปล้อมรอบเธอ แต่เแล้วทุกคนก็แหกปากลั่นและถูกเตะกระเด็นไปไกลเวลาไม่ครบสิบนาทีดีด้วยซ้ำ พวก
ถ้าฉันไม่ถาม นายก็จะไม่บอกใช่ไหม?” เมื่อหลีหานเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด จึงสั่งให้หลีหรานจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้คลี่คลายเองหลีหรานถูกตำหนิจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ “ได้ยังไงเล่า จะปฏิเสธไม่กลับไปฉลองวันเกิดคุณปู่ได้ยังไง”หลีเกอหัวเราะเยาะ ตามที่คาดเอาไว้ ใครที่สามารถจัดการหลีหรานได้มีแค่พี่ชายคนโตและปู่ของเขาเท่านั้นเวลานี้หลีเจิ้งเฟยรู้สึกดีขึ้นมาก“จากนี้ไปช่วยโครงการนาโนบอตของเสี่ยวเกอด้วยล่ะ” หลีเจิ้งเฟยบอกกับหลีลั่ว“อา คุณปู่คะ คุณปู่ไม่ต้องกำชับพี่สองขนาดนั้นก็ได้ค่ะ พี่สองต้องทำออกมาได้ดีที่สุดอยู่แล้ว” หลีเกอกอดคอพี่ชายทั้งสองพลางเผยรอยยิ้มอันสดใสหลีลั่วตอบอย่างใจเย็น “แน่นอนครับ”เมื่อเห็นว่าตอนนี้หลีเกอมุ่งเป้าไปที่อาชีพของตัวเองมาก หลีเจิ้งเฟยก็รู้สึกโล่งใจ“ในเมื่อเรียบร้อยแล้ว คุณปู่พักผ่อนเถอะครับ” หลีหานโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วพูดจากนั้นครอบครัวใหญ่ก็วางสายวิดีโอคอลลง...ท่ามกลางห้องนั่งเล่น เฉียวเจิ้นสยงกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์เขากำลังรอฟังข่าวดีและถูนิ้วโป้งไปมาเป็นนิสัย ลำพังรู้สึกว่าแหวนหยกขาวยังไม่อยู่ตรงนี้เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ แต่เมื่อคิดว่าเขาจะ
“ฉันพูดถูกเหรอ?” เสียงเยาะเย้ยของหลีเกอดังตอบโต้กลับมาฝั่งฮั่วจิ้นเฉิงเองก็ไม่มีคำขอโทษเลย “คุณไม่สามารถรับมือเฉียวเจิ้นสยงได้รหรอก ตอนนี้ที่ผมมาเตือนก็เพื่อประโยชน์ของคุณเองแท้ ๆ”“เลิกทำตัวหน้าซื่อใจคดได้แล้วคุณ ถ้าเขาจะมาอะไรกับฉันก็ปล่อยไปเถอะ!”จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ถูกวางสาย ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปยังหน้าจอที่ค่อยๆ มืดดำลง พร้อมกับร่องรอยของความโกรธที่ถูกปฏิเสธปรากฏขึ้นในแววตาผู้หญิงงี่เง่า!มาดูกันว่าคุณจะแก้ปัญหายังไง!ผู้ช่วยที่เบาะหน้าของรถรายงานในเวลานี้ว่า “คุณฮั่ว มีข่าวจากผู้ช่วยหลานว่าโครงการในประเทศ F มีปัญหา และคุณต้องไปที่นั่นด้วยตนเองครับ”ฮั่วจิ้นเฉิงหลับตาและสงบอารมณ์ลง “อืม ไปจองเครื่องบินไฟลท์แรกสุดกันเถอะ”ธุรกิจในประเทศ F มีความสำคัญมากเช่นกัน ดังนั้นผู้ช่วยหลานจึงถูกมอบหมายให้ดูแลสถานการณ์โดยรวมที่นั่นบริษัทมีงานยุ่งมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ เห็นได้ชัดว่ายุ่งกว่าตอนหลีเกออยู่ที่นี่มากจะดีกว่าถ้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ผ่านพ้นไป เมื่อเธอไม่เหลืออะไรแล้ว การขยายกิ่งต้นมะกอกให้กับหลีเกอกลับมาหาตระกูลฮั่วเพื่อทำงานให้เขาจะดูง่ายกว่ามาก...หลังจากหลีเกอวางสาย เธอหันกลับม
#“ไม่เป็นไร เวลานี้ฉันต้องมีกำลังใจมากกว่านี้ และอย่าให้โลกภายนอกคิดว่าฉันกลัว”อยากให้เธอยอมตามข่าวลืออย่างนั้นเหรอ?คำนี้ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของเธออยู่แล้ว!หลีเกอถกผ้าห่มออกแล้วไปห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดอาคารตี้เซิ่งผู้สื่อข่าวทั่ววงการบันเทิงต่างรอคอยกันอยู่นานรถปอร์เช่สีแดงจอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาเจิ้งหลิ่วที่อยู่ในรถเตือนขึ้นว่า “คุณหลี ทำไมถึงไม่สวมแว่นกันแดดหรือใช้หมวกเพื่อปกปิดหน่อยล่ะครับ การที่คนเหล่านี้ถ่ายภาพดาราอย่างไร้ศีลธรรมจะส่งผลต่อชื่องเสียงคุณนะครับ”“ไม่จำเป็น” หลีเกอยิ้มอย่างสดใสและส่องกระจกรถระหว่างแต่งหน้า เธอพอใจกับความงามและความคมของเธอมากทีเดียว“เพียงเพื่อให้พวกเขารู้ว่ามันไม่มีผลกระทบอะไรต่อฉันเลย”เจิ้งหลิ่วลงจากรถอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งอยู่ด้านข้างก็พร้อมแล้ว โดยก่อกำแพงมนุษย์เพื่อสร้างเส้นทางเพื่อแยกนักข่าวที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเจิ้งหลิ่วเปิดประตูรถและต้อนรับหลีเกอลงจากรถเธอสวมชุดที่ประดับด้วยเพชรหรูหรา ร่างกายของเธอเปล่งประกายแวววาว ทั้งยังคงมีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ นักข่าวคิดว่าหลีเกอซึ่งเป็นศูนย์กลางของเรื่
[พี่สาวหลีฮวาเมา เรามาพบกันที่ประตูมหาวิทยาลัยปิงเฉิงโอเคไหม?]จากนั้นหลีเกอก็ชุกคิดได้ว่าเธอไม่เหมาะที่จะออกไปข้างนอกเร็วๆ นี้[เธออยู่ไหน ฉันจะส่งคนไปรับ]หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงใต้อาคารตี้เซิ่ง นักข่าวยังคงไม่จากไปไหน พวกเขาทั้งหมดเฝ้ารอให้หลีเกอปรากฏตัว และคิดว่าจะถ่ายรูปใหม่เวลานี้ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์คันหนึ่งหยุดลง และเด็กสาวสามคนที่มีสายตาสดใสก้าวลงจากรถนักข่าวตาแหลมจำหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าได้ทันทีว่าคือเซี่ยอีซิง ผู้ทำคะแนนสูงสุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปิงเฉิงในปีนี้เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลังเธอมีความโดดเด่นมากไม่แพ้กัน พวกเขาคือเฉิงเฉิงผู้ซึ่งทำคะแนนได้อันดับหนึ่งในสาขาวิทยาศาสตร์ และเจิ้งหรานผู้ชนะรางวัล New Concept Essay Awardพวกเขาทั้งหมดมีรอยแผลเป็นจาง ๆ จากการผ่าตัดที่ริมฝีปากบน ซึ่งเหลือจากการผ่าตัดในวัยเด็กที่มีปากแหว่งแต่กำเนิดเดือนมิถุนายนเป็นช่วงที่ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้รับการเผยแพร่ นอกจากเรื่องอื้อฉาวของคนเด่นคนดังแล้ว หัวข้อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังเป็นประเด็นร้อนในหมู่ชาวเน็ตอีกด้วยกล้องและไมโครโฟนหันมาที่เซี่ยอีซิงและคนอื่น ๆ“ก่อนอื่นเลย
หลีเกออมยิ้มเล็กน้อย “ใช่ เธอคนนั้นคือฉันเอง”“มากล่าวหาพี่สาวของเราแบบนี้ได้ยังไง! ฉันจะลงไปบอกความจริงพวกเขาเอง!” เจิ้งหรานนั้นเป็นคนใจร้อนที่สุดในสามคนนี้อย่างเห็นได้ชัด“ฉันก็จะไปเหมือนกัน!”“ฉันด้วย!”“ไม่ต้องหรอก คนที่บริสุทธิ์มีความใสสะอาดในตัวเองเสมอ” เมื่อหลีเกอเห็นท่าทีที่พวกเขาปกป้องเธอ รอยยิ้มก็เผยออกมา “ตราบใดคนที่ฉันห่วงใยไม่เห็นฉันแบบนั้น”หลีเกอถามคำถามอื่นอีกมากมายเช่น พวกเขาต้องการอะไรบ้างหลังจากลงทะเบียนเข้ามหาวิทาลัย แต่เธอสามารถบอกพวกเขาได้ว่าเธอโอนค่าครองชีพไว้ในบัตรของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจเธอเกินไปเธอนั้นขอไม่เปิดเผยตัวตนอย่างพี่สาวหลีหัวเมาของพวกเขา ก่อนจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยเพื่อส่งเด็กทั้งสามออกจากโรงรถชั้นใต้ดินหลังจากส่งเด็กทั้งสามกลับไปแล้ว ฉีอวิ๋นเทียนก็โทรเข้ามาเขาเดินทางไปทำธุรกิจบ่อยครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับมอบหมายมาจากหลีเกอ ท้ายที่สุดแล้วเขารู้สึกผิดในใจและยินดีที่จะทำงานให้อันดับแรกเขาวิจารณ์สื่อทางโทรศัพท์ว่าสร้างพฤติกรรมที่มุ่งร้าย ก่อนปลอบใจหลีเกอและบอกเธอว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน