ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาคิดว่าเฉียวเจิ้นสยงเป็นคนตรงไปตรงมามาตลอด ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนกลับกลอกอย่างนี้“พระเจ้าช่วย ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่แพ้ ถ้าเธอแพ้ คุณหลีคงถูกประนามอย่างไม่ยุติธรรม”“บังคับให้เมียหลวงยอมรับว่าตัวเองเป็นเมียน้อย ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“ถึงพวกเราจะเป็นผู้สื่อข่าวบันเทิง แต่เราไม่ได้เขียนข่าวมั่ว ๆ เกรงว่าผู้เฒ่าเฉียวจะชราภาพจนสับสนเลอะเลือนแล้ว!”“พูดเสียงดังให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา? ในเมื่อลมปากนั้นไม่ต่างจากการผายลมเลย!”เฉียวเจิ้นสยงโกรธมากจนเส้นเลือดปูดขึ้นจากขมับ คำพูดของคนรอบตัวก็ไม่เป็นที่น่าพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...“เอาไป!”เขาดึงแหวนออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี กำลังจะตบมันลงบนโต๊ะ แต่คิดว่าตัวเองทนทำรุนแรงกับมันไม่ไหว จึงค่อย ๆ หย่อนมันลงในกระเป๋าของหลีเกอน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยภัยคุกคาม “เธอต้องรักษามันให้ดี ฉันจะมาหาเธอภายในสองวันเพื่อขอมันคืน”"เราจะรอจนถึงตอนนั้น"หลีเกอเอียงศีรษะไปทางจู้หว่านอี้ หมายความว่าเธอต้องการออกไปจากที่นี่แล้ว“คุณหลี กรุณารอสักครู่ ผมจะช่วยคุณหาตู้เซฟเพื่อใส่แหวนวงนี้” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในจีนมุงรู
ในเวลานี้ เสียงคำรามของเครื่องยนต์รถสปอร์ตชั้นนำดังขึ้นในบรรดารถที่มีชื่อเสียงหลายคัน รถสปอร์ตสีน้ำเงินสีเรียบ ๆ ขับมาจอดอยู่ตรงหน้าหลีเกอและจู้หว่านอี้มือขวาของหลีหรานยังคงเข้าเฝือกอยู่ เขาลุกออกจากที่นั่งผู้โดยสาร “เสี่ยวเกอเกอ ฉันมาแล้ว!”หลีเกอมองเฝือกบนมือขวาของหลีหรานด้วยความกังวล “มือยังไม่ทันหายก็เพ่นพ่านไปทั่วซะแล้ว”คราวนี้เธอกลับประเทศอย่างลับ ๆ เพียงเพราะต้องการให้หลีหรานได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในประเทศ F แต่จู่ ๆ เขาก็ติดตามเธอมา“ฉันคิดถึงเธอน่ะสิ!”“บังเอิญฉันบาดเจ็บพอดี ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมฉันไม่กลับมาอยู่กับเธอซะเลยล่ะ?”หลีหรานเหลือบมองที่ฮั่วจิ้นเฉิง ตะโกนอย่างเย็นชาราวกับประกาศอธิปไตยของเขา โบกมือให้คนขับยื่นกุญแจให้หลีเกอ “วันนี้เธอขับเองก็แล้วกัน”“พี่ยังเชื่อใจฉันอยู่เหรอ?”หลีเกอมองไปที่กุญแจในมือของเขา ความลังเลแวบขึ้นมาในดวงตาไม่กี่คืนหลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายเป็นครั้งคราว ฝันว่าหลีหรานตายแล้ว ส่วนเธอก็จะไม่ได้เจอครอบครัวอีกทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเฉียวซีอวิ๋น!“เชื่อใจสิ” หลีหรานก้าวไปข้างหน้าและชนไหล่ของหลีเกอ
หลีเกอหยุดเดิน“ตบหน้าตัวเอง แล้วคุกเข่าขอโทษ คุณยังไม่ได้ทำสองสิ่งนี้เลย มาแหกปากตะโกนอะไร!”เฉียวซีอวิ๋นโกรธมาก “ฉันจะคุกเข่าให้ผู้หญิงแบบเธอได้ยังไง! บ้าไปแล้วเหรอ?”เธอทนไม่ได้กับใบหน้าที่ไร้ความแยแสและเย็นชาของหลีเกอเป็นที่สุด พร้อมกันนั้นก็เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ทำให้ตัวเองมีราคีไปซะ“ถ้าคุณไม่คุกเข่าก็ช่างเถอะ ถึงยังไงหลังเด็กคลอดคุณก็ต้องเข้าคุกอยู่แล้วนี่ ฉันมีเวลาเหลือเฟือที่จะรอให้คุณรับผลกรรมที่ตามมา” หลีเกอยิ้มมุมปาก“ต่อให้ตัวฉันจะเข้าคุก แต่ฉันก็ยังให้กำเนิดลูกของจิ้นเฉิงได้ ความสัมพันธ์ในฐานะพ่อแม่ของเราจะคงอยู่ตลอดไป” เฉียวซีอวิ๋นตะคอกอย่างเย็นชา “ใครจะไปเหมือนเธอที่แต่งงานมาตั้งหลายปี ดันไม่ออกไข่เลยสักฟอง!”ดวงตาของหลีเกอเปล่งประกายแสงเย็นครู่หนึ่ง นี่คือสเกลย้อนกลับที่เป็นจุดอ่อนของเธอนี่คือประโยคถากถางที่น่าอับอายที่สุดที่เธอได้ยินมาตลอดชีวิตการแต่งงานครั้งนั้น!หลีเกอไม่สามารถระงับความโกรธได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเธอคิดว่าเฉียวซีอวิ๋นจ้างคนไปทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เพื่อทำร้ายเธอ เธอก็ไม่สนใจอีกต่อไปว่าอีกฝ่ายจะมีอีกหนึ่งชีวิตในท้อง แสดงพลั
แม้จะรู้ว่าไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ แต่หลีเกอยังคงมองไปในทิศทางของเสียงโดยไม่รู้ตัวคนรู้จักเก่า ฮั่วจินเฉิงและเฉียวซีอวิ๋นเธอเริ่มสงสัยว่าปินเฉิงแคบเกินไปหรือเปล่าเฉียวซีอวิ๋นจับมือฮั่วจิ้นเฉิงเดินเข้าไปในร้าน ฉากที่ทั้งสองแสดงออกเหมือนคู่รัก ทำให้หัวใจของหลีเกอจมลงในทันที ความฝาดขมที่ไม่สามารถบรรยายได้โจมตีเธอ ช่วงเวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปในขณะนี้ฉันเพิ่งรู้ข่าวไม่นานว่าทั้งสองจะหมั้นกัน ตอนนี้พวกเขาก็กำลังมาเลือกแหวนแต่งงาน...ในช่วงสามปีของการแต่งงาน สิ่งเดียวที่ฮั่วจิ้นเฉิงมอบให้เธอคือแหวนแต่งงาน ในเวลานั้นเขาไม่ได้ใส่ใจจะวัดขนาดด้วยซ้ำ แต่เธอถ่อมตัวพอที่จะฉวยโอกาสในตอนที่ฮั่วจิ้นเฉิงหลับอยู่ วัดไซส์แหวนด้วยมืออย่างเงียบ ๆต่างจากตอนนี้ เขาปรากฏตัวที่ร้านขายเครื่องประดับเพื่อเลือกแหวนแต่งงานให้เฉียวซีอวิ๋นด้วยตัวเองหลีเกอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า!โดนอดีตโง่ ๆ ตบหน้า!ด้วยน้ำหนักอันหนักหน่วงบนไหล่ของเธอ หลีหรานเดินขึ้นมาจากข้างหลัง ถือแหวนเพชรสีน้ำเงินด้วยมือข้างที่พันผ้าพันแผลไว้อย่างยากลำบาก ถามเธอด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “รสนิยมฉันเป็นยังไงบ้าง?”หลีเกอฟื้นจากความคับข้องใจใ
“ในฐานะคู่หมั้นของลูกสาวตระกูลเฉียว?” ริมฝีปากสีแดงของหลีเกอแสยะขณะพูดทีละคำ “หรือในฐานะอดีตสามีของฉัน?”“ลองคิดดูเองว่าฐานะไหนของคุณที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะถาม”ฮั่วจิ้นเฉิงสะดุ้งเขาข้ามเส้นอีกแล้วคนในโลกที่มีคุณสมบัติพอจะถามน้อยที่สุดก็คือเขาเขามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนเพื่อเลือกแหวนแต่งงาน แล้วเขาเป็นใครถึงไปตั้งคำถามกับหลีเกอ?ฮั่วจิ้นเฉิงก้าวยาว ๆ กลับไปหาเฉียวซีอวิ๋น “ไปกันเถอะ”ดวงตาของเฉียวซีอวิ๋นเป็นประกายด้วยความสำเร็จ “แต่จิ้นเฉิง เรายังไม่ได้เลือกแหวนเลยนะ!”“ไว้ค่อยมาวันอื่น”เฉียวซีอวิ๋นเดินตามเขาไปทันที ร่างกายที่เล็กกระทัดรัดของเธอก้าวตามไปอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าแขนของฮั่วจิ้นเฉิง พูดเบา ๆ ว่า “รอด้วยสิ!”ทั้งสองคนจากไปอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของหลีเกอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาหลีหรานมองหลีเกออย่างระมัดระวัง “เธอยังเศร้าอยู่หรือเปล่า?”“ถ้าทำแบบนั้นอีก ฉันจะบอกพี่ใหญ่ว่าพี่รังแกฉัน!” หลีเกอขู่หลีหรานร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่ได้นะ พี่ใหญ่ของฉันขอให้ฉันช่วยดูแลเธอ ถ้าเธอเอาไปฟ้อง ฉันต้องโดนเขาสวดยับแน่ ๆ!”หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลีในห
“ไว้ผมจะอธิบายเรื่องนี้ให้บุคคลภายนอกเข้าใจอย่างชัดเจน”หลังจากที่ฮั่วจิ้นเฉิงพูดจบ เขาก็จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ปล่อยให้เฉียวเจิ้นสยงกระแทกถ้วยชาตามหลังประตูที่ปิดลงเขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรศัพท์ “นี่ ฉันมีเรื่องอยากให้นายทำ กำจัดนังนั่นซะ”“หลีเกอ...” ดวงตาสีเข้มของเฉียวเจิ้นสยงเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ฉันจะสอนบทเรียนให้แก แกจะไดัรับรู้ถึงอิทธิพลของตระกูลเฉียวในปินเฉิง”…หนึ่งสัปดาห์ต่อมาวันนัดหมายพูดคุยกับฉี่หังกรุ๊ปเกี่ยวกับการอัพเดตซอฟต์แวร์มาถึงหลีเกอและเจิ้งหลิ่วไปด้วยกันกรรมการคนอื่น ๆ ของฉี่หังกรุ๊ปก็จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มเติมทันทีที่เขาเข้าไปในห้องประชุม หลีเกอพบว่าบรรยากาศภายในเคร่งขรึม โดยซางรุ่ยและฮั่วจิ้นเฉิงนั่งเงียบ ๆเธอวางกระเป๋าลงแล้วถามว่า “คุณซาง ทำไมถึงได้ทำหน้าตาแบบนั้นกันล่ะคะ?”ซางรุ่ยไม่ได้พูด แต่ประสานมือลงบนโต๊ะเขาพูดกับหลินเยว่ว่า “สรุปสถานการณ์ให้คุณหลีฟังหน่อย”“คุณหลี ประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ไฟล์หลักที่เข้ารหัสของนาโนบอทจำนวนมากปรากฏบนดาร์กเว็บ ถึงแม้จะยังไม่มีใคร
ซางรุ่ยก็สงสัยเช่นเดียวกับหลินเยว่“คุณหลี แกล้งพูดให้ดีใจเล่นหรือเปล่าครับ? บางทีแฮกเกอร์อาจถอดรหัสมันได้แล้วในขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่”“ฉันบอกว่าไม่ ก็คือไม่สิคะ” หลีเกอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างมั่นใจ หันหน้าไปถามเจิ้งหลิ่วด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เขาใกล้จะมาถึงหรือยัง?”เจิ้งหลิ่วก้มหน้าลงแล้วตอบกลับ “น่าจะมาถึงที่นี่ภายในสิบนาทีครับ”หลีเกอยกริมฝีปากแดงเป็นรอยยิ้ม ดวงตาของเธอพลันเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ทุกคนคะ กรุณาตามฉันลงไปพบกับใครสักคนหนึ่งก่อน”ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมตกตะลึง คิดว่าหลีเกอกำลังล้อเล่นอยู่แน่ ๆ“นี่มันเวลาไหนกัน? จะให้ทุกคนลงไปรับคนอื่นเนี่ยนะ?”“เธอไม่เข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้หรือไง?”“ฉันไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!”หลีเกอไม่ได้จริงจังกับคำพูดเหล่านี้ ยืนขึ้นโดยเชิดหน้าผาก ทิ้งเพียงประโยคเดียวไว้ข้างหลัง “ถ้าไม่ลงไปก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”ฮั่วจิ้นเฉิงก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ผมจะไปกับคุณ”แม้ว่าซางรุ่ยจะไม่สบายใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองรายลงไปด้วยเจ้านายไปแล้วลูกน้องจะไม่ไปได้ยังไง? กรรมการคนอื่น ๆ ก็ลงไปพร้อมกันหลีเ
“ฉันพูดถูกไหมคะ ผู้อำนวยการหลิน?” หลีเกอมองไปที่หลินเยว่อย่างสนุกสนานพร้อมยิ้มเบา ๆจู่ ๆ หลินเยว่ก็ถูกเรียกชื่อ เธอยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ตามที่คุณหลีพูดเลยค่ะ”หลีเกอหมุนแหวนเพชรสีน้ำเงินบนนิ้ว ดวงตาคมกริบดุจลูกศร “ผู้อำนวยการหลิน ทำไมคุณถึงเข้ามาเป็นคนสุดท้ายคะ?”“ฉันเหรอ?” หลินเยว่ชี้ไปที่ตัวเอง “ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะสิ”“คุณหลีนี่ช่างสังเกตจริง ๆ เลยนะคะ ให้ความสนใจแม้กระทั่งตอนที่ฉันไปเข้าห้องน้ำด้วยเหรอ?”“เกรงว่ามันไม่ใช่แค่เข้าห้องน้ำธรรมดา ๆ น่ะสิคะ” หลีเกอรับข้อมูลจากมือของเจิ้งหลิ่ว แล้วโยนลงต่อหน้าหลินเยว่ “คุณไม่ได้เป็นคนกระจ่ายข่าวให้คนที่กำลังซื้อหุ้นฉี่หังกรุ๊ปหยุดชะงักทันทีหรอกเหรอ?”ซางรุ่ยหยิบมันขึ้นมาอ่านเพียงหน้าเดียว ก็เข้าใจทันทีว่าหลีเกอหมายถึงอะไรเห็นได้ชัดว่าเสียงในห้องเบาลง เผยให้เห็นความสงบก่อนเกิดพายุ “ผู้อำนวยการหลิน ช่วยอธิบายเรื่องนี้หน่อยได้ไหม”เอกสารมากมายอยู่ตรงหน้าหลินเยว่ แต่หลินเยว่กลับลดสายตาลงโดยไม่แม้แต่จะมองเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากก็สั่นระริก เหงื่อเย็นผุดขึ้นมาจากบนหลัง รู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ