“มันเป็นความผิดของคุณยาย!”หลี่ซูฉินกัดฟันพูดคำเหล่านี้ แล้วดึงฮั่วซินให้วิ่งหนีไปยังสถานที่ที่มีคนน้อยนักข่าวกลุ่มหนึ่งพยายามไล่ตามไป ช่วงเวลานั้นมีชีวิตชีวายิ่งกว่าช่วงแสดงโชว์เสียอีกนิทรรศการสิ้นสุดลงหลีเกอกลับมาที่หลังเวที วางสร้อย ‘น้ำตาแห่งมหาสมุทร’ ไว้ด้านข้างอย่างไม่ได้พิถีพิถันอะไรเจี่ยงอีอีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัวอีกห้องหนึ่งเธอกำลังนั่งดูรูปถ่ายสด ๆ ร้อน ๆ ที่เจี่ยงอีอีแชร์เข้าในแชทกลุ่มอีซินอีอี้ [เพื่อนสาว ดูสิ! พวกเราทุกคนสวยกันจังเลย]ซุ่ยเยว่ชอบร้องเพลง [มินิฮาร์ท]พี่สาวจู้แฮปปี้ [ถ้าฉันไม่ต้องไปทำงานต่างประเทศ ฉันแทบไม่อยากพลาดเลย ไหนมากอดหน่อยซิ]เจินรักคุณซิน [ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักในวันนี้! ตอนเย็นเราไปฉลองกันเถอะ]อีซินอีอี้ [วันนี้ฉันหัวเราะแทบตายจริง ๆ นะ ความมั่นหน้าของหลี่ซูฉินทำฉันหัวเราะจนน้ำตาเล็ดเลยล่ะ]ซุ่ยเยว่ชอบร้องเพลง [หล่อนยังเป็นปีศาจหน้าเลือดไม่เปลี่ยน]ขณะที่พวกเธอพูดคุยเกี่ยวกับสองแม่ลูกคู่นั้น ประตูด้านหลังก็ถูกผลักเปิดออก หลี่ซูฉินและฮั่วซินเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาด้วยความโกรธริมฝีปากของหลี่เกอโค้งเป็นรอยยิ้ม
“พี่ชาย เชื่อฉันนะ แม่กับฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะนังตัวซวย” ฮั่วซินกลัวว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะไม่เชื่อ ดังนั้นใบหน้าของเธอจึงแดงก่ำด้วยความวิตกกังวลหลี่ซูฉินกำลังจะลุกขึ้นและพูดต่อ แต่ดวงตากลับดับมืดลงไป เนื่องจากความตื่นเต้นเกินลิมิตที่ร่างกายรับไหว เป็นลมไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วหลีเกอคุ้นเคยกับกลอุบายนี้เมื่อนานมาแล้ว เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มประชดประชัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ใช่ ฉันทำแบบนั้นจริง ๆ”เธอไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับคนเหล่านี้มากเกินไป จึงหันหลังกลับเพื่อกลับไปที่เลานจ์ แต่ฮั่วจิ้นเฉิงปิดกั้นประตูไว้หลีเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อตีตัวออกห่าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลีกไป”ฮั่วจิ้นเฉิงมองไปที่หลี่ซูฉินและฮั่วซินที่เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ความสมดุลในใจของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง“จะยังโกรธกันอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน”ดวงตาของฮั่วจิ้นเฉิงหรี่ลงเล็กน้อย เสียงของเขาเรียบเรื่อยหลีเกอคิดว่านี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดที่เธอได้ยินในวันนี้ “ฉันโกรธอะไร?”“คุณไม่ได้โกรธแค้นพวกเขา เพราะอดีตอันเจ็บปวดที่ตัวเองเคยถูกรังแกสมัยอยู่ในตระกูลฮั่ว ถึงโจมตีพวกเขาหรอกเหรอ?”“
ฉีอวิ๋นเทียนแตกต่างจากพ่อหนุ่มจอมตื๊อก่อนหน้านี้ เพียงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ดูเหมือนว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าสินะ”หลีเกอพูดด้วยใบหน้าตรง “แน่นอน ฉันไม่ได้ร้องไห้”“ผมคิดว่าคุณจะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วซะอีก ผมเลยเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้สองผืนเป็นพิเศษ” ฉีอวิ๋นเทียนหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนหนึ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มในดวงตา “เป็นไง ผมใส่ใจใช่ไหมล่ะ”หลีเกอจำค่ำคืนบนดาดฟ้ากลางดูไบ ตอนที่เธอร้องไห้ต่อหน้า ‘ศัตรู’ ของตัวเองด้วยอารมณ์อ่อนไหวอย่างถึงที่สุด ซึ่งหาได้ยากตามวิสัยปกติ “ฉันไปทำแบบนั้นตอนไหน คุณคงจำคนผิดแล้ว"ฉีอวิ๋นเทียนไม่ได้โต้เถียงกับเธอ แต่พยักหน้า “ผมอาจจำผิดก็ได้”เขามองดูใบหน้าที่ไม่มีความสุขของหลีเกอ คิดว่าครั้งก่อนที่เธอร้องไห้อาจเป็นเพราะฮั่วจิ้นเฉิง...“อยากให้ผมไปทุบเขาสักป้าบไหม?” ฉีอวิ๋นเทียนมองเธอด้วยความจริงจังขณะถามคำถามนี้ ทำท่าทางเตรียมพร้อม “ผมพร้อมจะทำตามคำสั่งของคุณ”“นั่นเพื่อนคุณ คงแปลกดีที่คุณไม่เข้าข้างเขา” หลีเกอยักไหล่ราวกับไม่เชื่อฉีอวิ๋นเทียนตบหน้าอกของเขาอย่างแรง จนสำลักไอสองครั้ง “ที่ไหนกันล่ะ ผมน่ะเป็นผู้ส่งสารแห่งความยุติธรรม จะเข้าข้างเขาแค่เ
“ฉันไม่ว่างเลยน่ะสิคะ” หลีเกอยิ้มจ้าวเหิงและแม่ของหลีเกอมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นับตั้งแต่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต จ้าวเหิงและฟู่ลี่กั๋วก็คอยดูแลหลานสาวของพวกเขามาโดยตลอด จนกระทั่งหลีเกอบรรลุนิติภาวะตอนอายุสิบแปดปี จ้าวเหิงถึงยอมปล่อยและเริ่มออกเดินทางรอบโลกจ้าวเหิงทำหน้าที่เป็นแม่ทดแทนวัยเด็กของหลีเกอมาโดยตลอด และหลีเกอก็ถือว่าเธอเป็นญาติที่แท้จริงมานานแล้วหลีเกอมองไปรอบ ๆ ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับจ้าวเหิง “ป้าเหิงคะ ทำไมวันนี้ไม่เห็นลุงลี่เลย?”“ไปพูดถึงเขาทำไม!” จ้าวเหิงแสร้งทำเป็นโกรธ “อย่าไปพูดถึงเขาเลย”“โอ้” หลีเกอเม้มริมฝีปากและกลั้นยิ้มจ้าวเหิงและฟู่ลี่กั๋วเป็นคู่ชีวิตที่ไม่หวือหวา ตอนอยู่ด้วยกันพวกเขามักจะทะเลาะกันเสมอ แต่เมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มักจะห่วงใยกัน สมัยยังอายุไม่มาก พวกเขาเคยหย่าร้างกันด้วยความโกรธ แต่หลังจากนั้นฟู่ลี่กั๋วก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตอันขมขื่นด้วยการตามง้อภรรยาเขาถึงขั้นไม่แยแสธุรกิจอย่างติ่งลี่กรุ๊ป ส่งมอบโดยตรงให้กับฟู่ซิวเป่ยซึ่งอายุไม่ถึงสิบแปดปีด้วยซ้ำในเวลานั้น แล้วไล่ตามภรรยาของเขาไปทั่วโลก“ยัยหนู ฉั
เจอกันได้ทุกที่เลยสิน่า...“จิ้นเฉิง ฉันดีใจมากเลยนะคะที่คุณยอมมาหาฉันในครั้งนี้” เฉียวซีอวิ๋นพูดเบา ๆขณะที่เธอพูดแบบนี้ เธอต้องการจับมือของฮั่วจิ้นเฉิง แต่เขาหลีกเลี่ยงเธอโดยไม่เปิดโอกาสใด ๆ“ตรงนั้นมีคนรู้จักอยู่พอดี ขอผมไปคุยกับเขาหน่อย” ฮั่วจิ้นเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหินเดินไปหาใครคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชนเฉียวซีอวิ๋นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่เธอถูกส่งตัวมาอยู่ที่ประเทศ F ฮั่วจิ้นเฉิงไม่เคยโทรหาเธอเลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่เธออยากอยู่ใกล้กับฮั่วจิ้นเฉิงจะแย่แม้ที่เขายอมมาจะเพื่อลูกก็ตาม!เธอเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นหันกลับมา พบว่าหลีเกอยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ข้างกายเธอคือหญิงวัยกลางคนที่ยังคงสวยสมวัยมุมปากของเธอโค้งงอด้วยรอยยิ้ม จงใจแอ่นหน้าท้องให้ชัดเจนขึ้น แล้วค่อย ๆ เยื้องย้างเข้าไปหาหลีเกออย่างภาคภูมิใจ ราวกับตัวเองเป็นฮองเฮา“ทำไมเธอถึงได้ไปโผล่ทุกที่เลยนะ?”หลีเกอไม่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ “ฉันก็อยากจะถามคุณแบบนี้เหมือนกัน”เฉียวซีอวิ๋นกัดฟันแล้วพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่หลังหย่าเธอทำตัวโลดแล่นไปกับอิสระแทบตาย แต่ตอนนี้เธอกลับ
“ฉันบอกให้เธอขอโทษ!”“ไม่มีทาง!” เฉียวซีอวิ๋นไม่กลัวเลยสักนิด “ฉันเป็นคุณหนูมาจากตระกูลร่ำรวย เรื่องอะไรต้องขอโทษมนุษย์ป้าอย่างคุณด้วย?”“เผียะ!”จ้าวเหิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอรีบกระชากคอเสื้อของเฉียวซีอวิ๋นและตบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง“ไร้การศึกษา!”เฉียวซีอวิ๋นทำให้จ้าวเหิงโกรธมาก ถึงจะลงมือตบไปแล้ว เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจ และอยากตบซ้ำเป็นครั้งที่สองเสียเดี๋ยวนั้นหลีเกอยกนิ้วให้จ้าวเหิงเงียบ ๆ เดินเข้ามายืนข้างเธอแล้วพูดเสียงแผ่ว “ป้าเหิง พอแล้วค่ะ”“จะเป็นไรไป เวลาอีกแค่ไม่กี่นาที ทำไมป้าจะสะสางกับคนแบบนี้ไม่ได้?” จ้าวเหิงยิ้ม “ตราบใดที่ป้าเหิงอยู่ที่นี่ เธอแค่ยืนเฉย ๆ ก็พอ”เมื่อเห็นจ้าวเหิงปกป้องตนอย่างเต็มกำลังแบบนี้ หลีเกอก็รู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้งนี่คือญาติผู้ใหญ่ที่เธอนับถือเหมือนญาติแท้ ๆ ความจริงแล้วอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อเอาใจเธอเลย แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังเต็มใจที่จะยืนหยัดเพื่อเธอฝ่ามือนี้ทรงพลังมาก จนเฉียวซีอวิ๋นต้องจับเสาด้านข้างเอาไว้เพื่อให้สองเท้ายังสามารถยืนอย่างมั่นคงเสียงตบดึงดูดค
เฉียวซีอวิ๋นไม่เคยถูกเฉียวเว่ยดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าของเธอก็สูญเสียความสงบทันทีเธอไม่เต็มใจที่จะก้มศีรษะอันสูงส่งของเธอต่อหน้าคนนอก ไม่ต้องพูดถึงว่าคนนอกคนนั้นคือหลีเกอตอนนี้เธอไม่สามารถกลับไปที่ปินเฉิง แต่ต้องอยู่ในประเทศ F ก็เพราะผู้หญิงคนนี้ขณะที่เธอกำลังจะลงหลังจากเสือ เฉียวซีอวิ๋นก็เหลือบไปเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงกำลังเดินมาทางนี้เธอมีแผนในใจ เดินไปหาหลีเกอทีละก้าว ไม่หยุดจนร่างทั้งสองเกือบจะชนชิดกันหลีเกอเหลือบมองเฉียวซีอวิ๋นขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างระมัดระวัง “คิดจะทำอะไรน่ะ?”ดวงตาแวววาวของเฉียวซีอวิ๋นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ยิ้มอย่างเย็นชา “หลีเกอ เธอบังคับให้ฉันทำอย่างนี้เอง…”“กรี๊ด…”เธอกรีดร้องเสียงดังลั่น โถมตัวล้มไปข้างหลังจนชนแจกันด้านข้างขณะที่แจกันขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณครึ่งตัวคนล้มลงกับพื้น เฉียวซีอวิ๋นก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน ร่างของเธอกระแทกเสาและหมดสติไปหลีเกอมองภาพตรงหน้าอย่างเฉยเมย กิจวัตรที่คุ้นเคย เธอคุ้นชินกับมารยาของเฉียวซีอวิ๋นเสียแล้ว...ฮั่วจิ้นเฉิงก้าวไปข้างหน้า ช่วยเฉียวซีอวิ๋นให้ลุกขึ้น ดุเฉียวเว่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณอยู่ข้างเธอแท้ ๆ ท
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปจีนสักสองวัน หลังวันครบรอบการตายค่อยกลับมา”เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉียวหร่านและฮั่วเซียว พี่ชายคนโตของเขา ฮั่วจิ้นเฉิงจึงอดทนต่อเฉียวซีอวิ๋นเหนือสิ่งอื่นใดมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเฉียวซีอวิ๋นลูบท้องของเธอ สีหน้าของเข้มขึ้นและมืดมนมากกว่าเดิม สงสัยครั้งนี้เธอต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะได้กลับไปอยู่ในปินเฉิง เธอไม่ต้องการอยู่ในสถานที่ผีสิงแห่งนี้ต่อแม้แต่ครู่เดียวหลีเกอ นังตายยาก ฉันอยากรู้นักว่าแกจะให้ท่าผู้ชายของฉันยังไง…หลังจากที่หลีเกอไล่ตัวปัญหาออกไปได้แล้ว เธอก็อารมณ์ดี พูดคุยกับจ้าวเหิงเป็นเวลานานเกี่ยวกับประสบการณ์ระหว่างการเดินทางของเธอหลังจากงานทุกอย่างจบลง จ้าวเหิงก็โทรแจ้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ให้ปิดทำงาน โดยพนักงานอยู่ข้างในจะให้บริการเฉพาะเธอกับหลีเกอเท่านั้นหลีเกอล้มตัวนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ร้องขอความเมตตา “ป้าเหิงคะ สมแล้วที่คุณเป็นผู้หญิงที่เคยข้ามช่องแคบมะละกา ความแข็งแกร่งทางร่างกายของคุณน่าทึ่งมาก ฉันยอมใจเลย”จ้าวเหิงขอให้คนรับใช้วางถุงบรรจุสินค้าฟุ่มเฟือยที่ตัวเองซื้อ ส่งยิ้มให้ “ฉันไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ