เฉียวซีอวิ๋นไม่เคยถูกเฉียวเว่ยดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าของเธอก็สูญเสียความสงบทันทีเธอไม่เต็มใจที่จะก้มศีรษะอันสูงส่งของเธอต่อหน้าคนนอก ไม่ต้องพูดถึงว่าคนนอกคนนั้นคือหลีเกอตอนนี้เธอไม่สามารถกลับไปที่ปินเฉิง แต่ต้องอยู่ในประเทศ F ก็เพราะผู้หญิงคนนี้ขณะที่เธอกำลังจะลงหลังจากเสือ เฉียวซีอวิ๋นก็เหลือบไปเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงกำลังเดินมาทางนี้เธอมีแผนในใจ เดินไปหาหลีเกอทีละก้าว ไม่หยุดจนร่างทั้งสองเกือบจะชนชิดกันหลีเกอเหลือบมองเฉียวซีอวิ๋นขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างระมัดระวัง “คิดจะทำอะไรน่ะ?”ดวงตาแวววาวของเฉียวซีอวิ๋นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ยิ้มอย่างเย็นชา “หลีเกอ เธอบังคับให้ฉันทำอย่างนี้เอง…”“กรี๊ด…”เธอกรีดร้องเสียงดังลั่น โถมตัวล้มไปข้างหลังจนชนแจกันด้านข้างขณะที่แจกันขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณครึ่งตัวคนล้มลงกับพื้น เฉียวซีอวิ๋นก็ล้มลงกับพื้นเช่นกัน ร่างของเธอกระแทกเสาและหมดสติไปหลีเกอมองภาพตรงหน้าอย่างเฉยเมย กิจวัตรที่คุ้นเคย เธอคุ้นชินกับมารยาของเฉียวซีอวิ๋นเสียแล้ว...ฮั่วจิ้นเฉิงก้าวไปข้างหน้า ช่วยเฉียวซีอวิ๋นให้ลุกขึ้น ดุเฉียวเว่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณอยู่ข้างเธอแท้ ๆ ท
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปจีนสักสองวัน หลังวันครบรอบการตายค่อยกลับมา”เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉียวหร่านและฮั่วเซียว พี่ชายคนโตของเขา ฮั่วจิ้นเฉิงจึงอดทนต่อเฉียวซีอวิ๋นเหนือสิ่งอื่นใดมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเฉียวซีอวิ๋นลูบท้องของเธอ สีหน้าของเข้มขึ้นและมืดมนมากกว่าเดิม สงสัยครั้งนี้เธอต้องพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะได้กลับไปอยู่ในปินเฉิง เธอไม่ต้องการอยู่ในสถานที่ผีสิงแห่งนี้ต่อแม้แต่ครู่เดียวหลีเกอ นังตายยาก ฉันอยากรู้นักว่าแกจะให้ท่าผู้ชายของฉันยังไง…หลังจากที่หลีเกอไล่ตัวปัญหาออกไปได้แล้ว เธอก็อารมณ์ดี พูดคุยกับจ้าวเหิงเป็นเวลานานเกี่ยวกับประสบการณ์ระหว่างการเดินทางของเธอหลังจากงานทุกอย่างจบลง จ้าวเหิงก็โทรแจ้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ให้ปิดทำงาน โดยพนักงานอยู่ข้างในจะให้บริการเฉพาะเธอกับหลีเกอเท่านั้นหลีเกอล้มตัวนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า ร้องขอความเมตตา “ป้าเหิงคะ สมแล้วที่คุณเป็นผู้หญิงที่เคยข้ามช่องแคบมะละกา ความแข็งแกร่งทางร่างกายของคุณน่าทึ่งมาก ฉันยอมใจเลย”จ้าวเหิงขอให้คนรับใช้วางถุงบรรจุสินค้าฟุ่มเฟือยที่ตัวเองซื้อ ส่งยิ้มให้ “ฉันไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้
หลีเกอมาถึงสเตเดียมผู้จัดการของหลีหรานรออยู่ที่ทางเข้าแล้ว เธอส่งมอบกุญแจให้ผู้จัดการ แล้วเดินมายังที่นั่ง VVIP ที่หลีหรานจองไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีเพียงหนึ่งก้าวอัฒจันทร์ทั้งสเตเดียมเต็มไปด้วยป้ายไฟสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีด้อมเฉพาะของหลีหราน ชื่อบนสเตจของหลีหรานอย่างไซมอน ก็ถูกเขียนไว้บนอัฒจันทร์เหล่านั้นเช่นเดียวกันเมื่อไฟในฮอลล์หรี่ลง แฟนคลับก็เขย่าแท่งไฟฟลูออเรสเซนต์ เพียงครู่เดียวพวกมันก็กลายเป็นเหมือนมหาสมุทรสีฟ้าเสียงดนตรีอลังการเรียกความสนใจของหลีเกอ ท่ามกลางกลุ่มนักแดนเซอร์ เธอมองเห็นหลีหรานได้อย่างรวดเร็วเพลงที่มีจังหวะการร้องและสเต็ปการเต้นรำที่มีชีวิตชีวาเพิ่งจบลงหมาด ๆ หลีหรานหายใจหอบและยืนอยู่ตรงกลางเวทีโดยทำท่าทางค้างไว้ ในเวลานี้ สปอตไลท์มุ่งความสนใจไปที่เขา ดูเหมือนว่าเขาคือราชาแห่งโลกดนตรีตรงหน้าแฟน ๆ ต่างกรีดร้องด้วยความสุข กู่ร้องตะโกนเพื่อแสดงความรักภายในใจพวกเขา“ไซมอน! เรารักคุณ!”“ฉันจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากคุณ!”เมื่อหลีหรานเห็นหลีเกอ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของเขา เขาถูกกล้องจับภาพไว้และส่งขึ้นจอใหญ่ทันที แฟน ๆ ที่เป็นผู้หญิงจึงยิ่งคลั่งไค
“เสี่ยวเกอเกอ ออกรถเร็ว!”หลีเกอเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว ยานพาหนะสีเทาเงินจึงหายลับไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็วระหว่างทาง หลีหรานเลื่อนดูข่าวการค้นหาที่กำลังมาแรงบนโทรศัพท์มือถือ และโชว์ให้หลีเกอดูเป็นครั้งคราว“ดูสิ มีคนบอกว่าเธอเป็นคนรักวัยเด็กของฉันด้วยล่ะ”“มีนี่ด้วย บางคนบอกว่าเราเจอกันในประเทศ M และตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น”“อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ คนนี้บอกว่าเธอเป็นเจ้าสาวเด็กที่แม่ฉันซื้อตัวมา”หลีเกอส่ายหัวอย่างไร้คำพูด “ชาวเน็ตนี่ก็ช่างจินตนาการจริง ๆ”“ยังมีอีกนะ…”“อะไรอีก?”“บางคนเริ่มสาปเธอแล้ว...”หลีเกอแสดงสีหน้าดุร้ายต่อหลีหราน “ฉันจะฆ่าพี่ซะ!”รถสปอร์ตขับตรงไปข้างหน้าอย่างเรียบ ๆ ในเวลากลางคืนโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า รถบรรทุกขยะที่วิ่งสวนมาในอีกเลนหนึ่งกลับเปลี่ยนเลน หักหัวพุ่งมาที่รถสปอร์ตของหลีเกอความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเบรกเลยหลีเกอตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบหักพวงมาลัยเพื่อพยายามหลีกเลี่ยง แต่มันก็ยังสายเกินไปแสงสีขาวสว่างจ้าพุ่งขึ้นมาต่อหน้าต่อตา…ขนบนร่างกายของหลีเกอลุกชัน ความกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแวบ
“ญาติครับ รบกวนรีบหน่อย! ผมต้องเข้าไปยืนยันสถานการณ์อีก”หมอพูดคำนี้กับฟู่ซิวเป่ยเขาเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงแล้วส่ายหัวอย่างลับ ๆ ผู้ชายคนนี้ไม่ใส่ใจอะไรเลย ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเป็นแค่อดีตสามีของผู้ป่วยฮั่วจิ้นเฉิงเหลือบมองฟู่ซิวเป่ย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายยังรู้เรื่องส่วนตัวของเธออย่างกรุ๊ปเลือดดีกว่าเขาซะอีกหัวใจของเขาเกิดความขมขื่น ได้แต่กล้ำกลืนมันลงไปทั้งอย่างนั้น“ความสัมพันธ์ของพวกคุณเป็นยังไงกันแน่?”“ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องรู้” เสียงของฟู่ซิวเป่ยเย็นชา “ออกไปได้แล้ว”“ผมจะอยู่รอจนกว่าเธอจะตื่น” ฮั่วจิ้นเฉิงได้สติกลับมาเล็กน้อยฟู่ซิวเป่ยกดนิ้วยาวนวดระหว่างคิ้ว แสดงความเหนื่อยล้า “ต่อให้เธอตื่นมาก็คงไม่อยากเจอคุณหรอก”“ยังไงซะ ผมก็เคยเป็นสามีเก่า แต่ผมกลับไม่รู้เรื่องเธอดีเท่าคุณด้วยซ้ำ”“ดีที่ยังคิดได้”“คุณด้อยกว่าจริง ๆ นั่นแหละ”ดวงตาทั้งสองคนถูกล็อกเป้าหมายชัดเจนถึงการต่อสู้ ฟู่ซิวเป่ยเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่มีท่าทีเสียความมั่นใจเลย ฮั่วจิ้นเฉิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พูดเบา ๆ ว่า “หวังว่าเธอจะปลอดภัยดี”“ตราบใดที่ผมยังอยู่ตรงนี้ เธอจะต้องปลอดภัยดี” ฟู่ซิวเป่ยปฏิเสธที่จะยอมแพ
หลีเกอหุบรอยยิ้มแล้วเหลือบมองหลีหราน “เปล่านี่ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”“อย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอกำลังพูดไม่ดีเกี่ยวกับฉันเชียว” เจินซินเตือนหลีหรานคนช่างพูดตอนนี้กลับปิดปากเงียบ พูดแค่ว่า “ฉันขอออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์หน่อย”นั่นแหละ เขาทำตัวห่างเหินทันทีที่เจินซินยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อหลีหรานเปิดประตูและออกไป เขาเห็นฮั่วจิ้นเฉิงยืนอยู่ข้างนอกรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที ยืนกั้นประตูไว้แล้วขึ้นเสียงพูด “ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย”ฮั่วจิ้นเฉิงขอให้ผู้ช่วยของเขาส่งตะกร้าผลไม้ให้หลีหราน “ถ้าอย่างนั้นฝากของชิ้นนี้ไปให้เธอหน่อย”“เอากลับไปซะ!” หลีหรานโบกมือ “พวกเรา และเสี่ยวเกอ ไม่รับของจากคนไร้ประโยชน์แบบนาย”“เธอฟื้นแล้วเหรอ?”ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลี่หรานอย่างจริงจัง ชายที่หน้าตาดีเพียงผิวเผินตรงหน้าไม่ใช่รสนิยมของ หลีเกอแต่ถ้าเป็นฟู่ซิวเป่ย ปฏิกิริยาอาจจะตรงข้าม...ฮั่วจิ้นเฉิงอาจรู้สึกถึงวิกฤติ“เธอตื่นแล้ว แล้วก็สบายดีด้วย รู้แล้วก็ไปได้แล้ว” เสียงของเจินซินดังมาจากด้านหลัง เธอกับหลีหรานช่วยกันยืนขวางประตูไว้อย่างแน่นหนา“ถ้าอย่างนั้น ฝากดูแลเธอด้วย” ฮั่
หลีเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะ ฉันหายดีแล้ว”“เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์… ฉันเชื่อว่ากฎหมายบ้านเราไม่กล่าวหาคนผิด หรือปล่อยคนไม่ดีไป”นักข่าวถามถึงหลีหรานอีกครั้ง“มีข่าวลือในอินเตอร์เน็ตว่าไซมอนทิ้งงานทั้งหมดของเขาเพื่อมาอยู่ดูแลคุณในช่วงที่คุณประสบอุบัติเหตุครั้งนี้โดยเฉพาะ จริงไหมคะ?”“ช่วยเล่าอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับไซมอนหน่อยได้ไหม?”“พวกคุณกำลังจะมีข่าวดีกันในเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า?”หลีเกอยิ้มอ่อนใจ นักข่าวยังคงจำเรื่องนี้ได้ “ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไซมอนกับฉันในตอนนี้ค่ะ”เมื่อนักข่าวไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็เตรียมถอนไมค์ออกไปฮั่วจิ้นเฉิงยืนข้าง ๆ มองไปที่หลีเกอด้วยสีหน้าซับซ้อนและอธิบายไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ไม่มีความคืบหน้าอะไร’เขาต้องการถามเกี่ยวกับฟู่ซิวเป่ย อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไซมอนคนนั้นกับเธอคืออะไรเขาเองก็อยากรู้อยากเห็นไม่น้อยไปกว่าผู้สื่อข่าวอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำได้คือเฝ้าดูหลีเกอลากกระเป๋าเดินจากไปอย่างสง่างาม...ตกกลางคืนฮั่วจิ้นเฉิงกลับไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษ
สามทุ่มตรงหลีเกอและจู้หว่านอี้ปรากฏตัวที่แผนกต้อนรับนี่คือการรวมตัวของประธานบริษัทบันเทิงระดับแนวหน้า แน่นอนว่าบางคนก็ติดสอยห้อยตามมาในฐานะคนสนิทวันนี้หลีเกอสวมชุดเดรสผูกริบบิ้นอันหรูหรา ผ้าสีเขียวเข้มเรียบเนียนไม่มีริ้วรอยใด ๆ เลย เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้สวมเครื่องประดับใดๆ เผยให้เห็นแค่กระดูกไหปลาร้าลึกบุ๋มเรียบเนียนของเธอ แต่กลับทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความแพงอย่างยิ่งเธอสวยมากจนดึงดูดความสนใจจากทุกด้านทันทีที่เข้ามาทุกคนประหลาดใจที่หัวหน้าบรรณาธิการของสำนักข่าวบันเทิงโลกทรงพลังมาก สามารถเชิญแฟนสาวที่กำลังเป็นประเด็นของไซมอนให้ติดตามมาได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอิทธิพลของสำนักข่าวบันเทิงโลก จึงไม่มีใครกล้าออกมาก่อกวนพวกเธอง่าย ๆจู้หว่านอี้ยังคงมีทัศนคติทางสังคมที่เย็นชาเหมือนเดิม เมื่อคนอื่น ๆ เข้ามาทักทาย เธอจะตอบกลับด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ปล่อยให้หลีเกอก็ช่วยรับมือแทน“มีเธออยู่ที่นี่ทั้งคน ฉันรู้สึกเหมือนอดทนได้นานขึ้นในโอกาสแบบนี้ ปกติฉันแค่มางาน ถ่ายรูป แล้วก็ขอตัวกลับ”ริมฝีปากแดงเรื่อหลีเกอยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ฉันทำก็เพราะหวังว่าจะได้รับ