หลีเกอมาถึงสเตเดียมผู้จัดการของหลีหรานรออยู่ที่ทางเข้าแล้ว เธอส่งมอบกุญแจให้ผู้จัดการ แล้วเดินมายังที่นั่ง VVIP ที่หลีหรานจองไว้ ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีเพียงหนึ่งก้าวอัฒจันทร์ทั้งสเตเดียมเต็มไปด้วยป้ายไฟสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีด้อมเฉพาะของหลีหราน ชื่อบนสเตจของหลีหรานอย่างไซมอน ก็ถูกเขียนไว้บนอัฒจันทร์เหล่านั้นเช่นเดียวกันเมื่อไฟในฮอลล์หรี่ลง แฟนคลับก็เขย่าแท่งไฟฟลูออเรสเซนต์ เพียงครู่เดียวพวกมันก็กลายเป็นเหมือนมหาสมุทรสีฟ้าเสียงดนตรีอลังการเรียกความสนใจของหลีเกอ ท่ามกลางกลุ่มนักแดนเซอร์ เธอมองเห็นหลีหรานได้อย่างรวดเร็วเพลงที่มีจังหวะการร้องและสเต็ปการเต้นรำที่มีชีวิตชีวาเพิ่งจบลงหมาด ๆ หลีหรานหายใจหอบและยืนอยู่ตรงกลางเวทีโดยทำท่าทางค้างไว้ ในเวลานี้ สปอตไลท์มุ่งความสนใจไปที่เขา ดูเหมือนว่าเขาคือราชาแห่งโลกดนตรีตรงหน้าแฟน ๆ ต่างกรีดร้องด้วยความสุข กู่ร้องตะโกนเพื่อแสดงความรักภายในใจพวกเขา“ไซมอน! เรารักคุณ!”“ฉันจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากคุณ!”เมื่อหลีหรานเห็นหลีเกอ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าอันทรงเสน่ห์ของเขา เขาถูกกล้องจับภาพไว้และส่งขึ้นจอใหญ่ทันที แฟน ๆ ที่เป็นผู้หญิงจึงยิ่งคลั่งไค
“เสี่ยวเกอเกอ ออกรถเร็ว!”หลีเกอเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว ยานพาหนะสีเทาเงินจึงหายลับไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็วระหว่างทาง หลีหรานเลื่อนดูข่าวการค้นหาที่กำลังมาแรงบนโทรศัพท์มือถือ และโชว์ให้หลีเกอดูเป็นครั้งคราว“ดูสิ มีคนบอกว่าเธอเป็นคนรักวัยเด็กของฉันด้วยล่ะ”“มีนี่ด้วย บางคนบอกว่าเราเจอกันในประเทศ M และตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น”“อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ คนนี้บอกว่าเธอเป็นเจ้าสาวเด็กที่แม่ฉันซื้อตัวมา”หลีเกอส่ายหัวอย่างไร้คำพูด “ชาวเน็ตนี่ก็ช่างจินตนาการจริง ๆ”“ยังมีอีกนะ…”“อะไรอีก?”“บางคนเริ่มสาปเธอแล้ว...”หลีเกอแสดงสีหน้าดุร้ายต่อหลีหราน “ฉันจะฆ่าพี่ซะ!”รถสปอร์ตขับตรงไปข้างหน้าอย่างเรียบ ๆ ในเวลากลางคืนโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า รถบรรทุกขยะที่วิ่งสวนมาในอีกเลนหนึ่งกลับเปลี่ยนเลน หักหัวพุ่งมาที่รถสปอร์ตของหลีเกอความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเบรกเลยหลีเกอตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบหักพวงมาลัยเพื่อพยายามหลีกเลี่ยง แต่มันก็ยังสายเกินไปแสงสีขาวสว่างจ้าพุ่งขึ้นมาต่อหน้าต่อตา…ขนบนร่างกายของหลีเกอลุกชัน ความกลัวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแวบ
“ญาติครับ รบกวนรีบหน่อย! ผมต้องเข้าไปยืนยันสถานการณ์อีก”หมอพูดคำนี้กับฟู่ซิวเป่ยเขาเหลือบมองฮั่วจิ้นเฉิงแล้วส่ายหัวอย่างลับ ๆ ผู้ชายคนนี้ไม่ใส่ใจอะไรเลย ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเป็นแค่อดีตสามีของผู้ป่วยฮั่วจิ้นเฉิงเหลือบมองฟู่ซิวเป่ย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายยังรู้เรื่องส่วนตัวของเธออย่างกรุ๊ปเลือดดีกว่าเขาซะอีกหัวใจของเขาเกิดความขมขื่น ได้แต่กล้ำกลืนมันลงไปทั้งอย่างนั้น“ความสัมพันธ์ของพวกคุณเป็นยังไงกันแน่?”“ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องรู้” เสียงของฟู่ซิวเป่ยเย็นชา “ออกไปได้แล้ว”“ผมจะอยู่รอจนกว่าเธอจะตื่น” ฮั่วจิ้นเฉิงได้สติกลับมาเล็กน้อยฟู่ซิวเป่ยกดนิ้วยาวนวดระหว่างคิ้ว แสดงความเหนื่อยล้า “ต่อให้เธอตื่นมาก็คงไม่อยากเจอคุณหรอก”“ยังไงซะ ผมก็เคยเป็นสามีเก่า แต่ผมกลับไม่รู้เรื่องเธอดีเท่าคุณด้วยซ้ำ”“ดีที่ยังคิดได้”“คุณด้อยกว่าจริง ๆ นั่นแหละ”ดวงตาทั้งสองคนถูกล็อกเป้าหมายชัดเจนถึงการต่อสู้ ฟู่ซิวเป่ยเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่มีท่าทีเสียความมั่นใจเลย ฮั่วจิ้นเฉิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พูดเบา ๆ ว่า “หวังว่าเธอจะปลอดภัยดี”“ตราบใดที่ผมยังอยู่ตรงนี้ เธอจะต้องปลอดภัยดี” ฟู่ซิวเป่ยปฏิเสธที่จะยอมแพ
หลีเกอหุบรอยยิ้มแล้วเหลือบมองหลีหราน “เปล่านี่ ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”“อย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอกำลังพูดไม่ดีเกี่ยวกับฉันเชียว” เจินซินเตือนหลีหรานคนช่างพูดตอนนี้กลับปิดปากเงียบ พูดแค่ว่า “ฉันขอออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์หน่อย”นั่นแหละ เขาทำตัวห่างเหินทันทีที่เจินซินยืนอยู่ตรงหน้าเมื่อหลีหรานเปิดประตูและออกไป เขาเห็นฮั่วจิ้นเฉิงยืนอยู่ข้างนอกรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที ยืนกั้นประตูไว้แล้วขึ้นเสียงพูด “ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย”ฮั่วจิ้นเฉิงขอให้ผู้ช่วยของเขาส่งตะกร้าผลไม้ให้หลีหราน “ถ้าอย่างนั้นฝากของชิ้นนี้ไปให้เธอหน่อย”“เอากลับไปซะ!” หลีหรานโบกมือ “พวกเรา และเสี่ยวเกอ ไม่รับของจากคนไร้ประโยชน์แบบนาย”“เธอฟื้นแล้วเหรอ?”ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลี่หรานอย่างจริงจัง ชายที่หน้าตาดีเพียงผิวเผินตรงหน้าไม่ใช่รสนิยมของ หลีเกอแต่ถ้าเป็นฟู่ซิวเป่ย ปฏิกิริยาอาจจะตรงข้าม...ฮั่วจิ้นเฉิงอาจรู้สึกถึงวิกฤติ“เธอตื่นแล้ว แล้วก็สบายดีด้วย รู้แล้วก็ไปได้แล้ว” เสียงของเจินซินดังมาจากด้านหลัง เธอกับหลีหรานช่วยกันยืนขวางประตูไว้อย่างแน่นหนา“ถ้าอย่างนั้น ฝากดูแลเธอด้วย” ฮั่
หลีเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะ ฉันหายดีแล้ว”“เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์… ฉันเชื่อว่ากฎหมายบ้านเราไม่กล่าวหาคนผิด หรือปล่อยคนไม่ดีไป”นักข่าวถามถึงหลีหรานอีกครั้ง“มีข่าวลือในอินเตอร์เน็ตว่าไซมอนทิ้งงานทั้งหมดของเขาเพื่อมาอยู่ดูแลคุณในช่วงที่คุณประสบอุบัติเหตุครั้งนี้โดยเฉพาะ จริงไหมคะ?”“ช่วยเล่าอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับไซมอนหน่อยได้ไหม?”“พวกคุณกำลังจะมีข่าวดีกันในเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า?”หลีเกอยิ้มอ่อนใจ นักข่าวยังคงจำเรื่องนี้ได้ “ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไซมอนกับฉันในตอนนี้ค่ะ”เมื่อนักข่าวไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็เตรียมถอนไมค์ออกไปฮั่วจิ้นเฉิงยืนข้าง ๆ มองไปที่หลีเกอด้วยสีหน้าซับซ้อนและอธิบายไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ไม่มีความคืบหน้าอะไร’เขาต้องการถามเกี่ยวกับฟู่ซิวเป่ย อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไซมอนคนนั้นกับเธอคืออะไรเขาเองก็อยากรู้อยากเห็นไม่น้อยไปกว่าผู้สื่อข่าวอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำได้คือเฝ้าดูหลีเกอลากกระเป๋าเดินจากไปอย่างสง่างาม...ตกกลางคืนฮั่วจิ้นเฉิงกลับไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษ
สามทุ่มตรงหลีเกอและจู้หว่านอี้ปรากฏตัวที่แผนกต้อนรับนี่คือการรวมตัวของประธานบริษัทบันเทิงระดับแนวหน้า แน่นอนว่าบางคนก็ติดสอยห้อยตามมาในฐานะคนสนิทวันนี้หลีเกอสวมชุดเดรสผูกริบบิ้นอันหรูหรา ผ้าสีเขียวเข้มเรียบเนียนไม่มีริ้วรอยใด ๆ เลย เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้สวมเครื่องประดับใดๆ เผยให้เห็นแค่กระดูกไหปลาร้าลึกบุ๋มเรียบเนียนของเธอ แต่กลับทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความแพงอย่างยิ่งเธอสวยมากจนดึงดูดความสนใจจากทุกด้านทันทีที่เข้ามาทุกคนประหลาดใจที่หัวหน้าบรรณาธิการของสำนักข่าวบันเทิงโลกทรงพลังมาก สามารถเชิญแฟนสาวที่กำลังเป็นประเด็นของไซมอนให้ติดตามมาได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอิทธิพลของสำนักข่าวบันเทิงโลก จึงไม่มีใครกล้าออกมาก่อกวนพวกเธอง่าย ๆจู้หว่านอี้ยังคงมีทัศนคติทางสังคมที่เย็นชาเหมือนเดิม เมื่อคนอื่น ๆ เข้ามาทักทาย เธอจะตอบกลับด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ปล่อยให้หลีเกอก็ช่วยรับมือแทน“มีเธออยู่ที่นี่ทั้งคน ฉันรู้สึกเหมือนอดทนได้นานขึ้นในโอกาสแบบนี้ ปกติฉันแค่มางาน ถ่ายรูป แล้วก็ขอตัวกลับ”ริมฝีปากแดงเรื่อหลีเกอยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ฉันทำก็เพราะหวังว่าจะได้รับ
”เลดี้เฟิรสต์”ซ่งฮั่วนั่งลง ยื่นมือของเขาออกเพื่อเชิญหลีเกอหยิบกล่องลูกเต๋าแล้วเขย่ามันบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ วางมือเรียวบนฝาอย่างไม่เป็นทางการ ราวกับแค่เขย่าเล่นอย่างไรหลักการ ก่อนจะพูดว่า “เสร็จแล้ว”ซ่งฮั่วมองดูหลีเกอด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว ดูเหมือนเธอจะไม่ได้จริงจังกับมันเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกเต๋ากำลังเคลื่อนไหวหรือไม่ผู้เห็นเหตุการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังทำ มองหน้ากันด้วยความสับสนแค่นี้เองเหรอ?อย่างน้อยก็ควรเขย่าให้แรง ๆ กว่านี้ถึงจะสมกับเป็นศึกเดิมพันสิ!เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในนั้นมีลูกเต๋าอยู่กี่ลูกแล้วยังหวังว่าตัวเองจะชนะได้ยังไง?ตลกสิ้นดี!แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง แต่ซ่งฮั่วก็ไม่มีเจตนาที่จะอ่อนข้อให้ เขามุ่งมั่นที่จะรับข่าววงในเป็นสกู๊ปพิเศษจากผู้หญิงของไซมอนในวันนี้หลังจากเขย่าไม่กี่วินาที ซ่งฮั่วก็แสดงทักษะของเขาราวกับว่าเขากำลังเล่นกล ยืนขึ้นเหนือโต๊ะไพ่เล็กน้อย เขย่าจนตัวสั่นคลอนอยู่หลายนาที เมื่อทุกคนกำลังจะหมดแรงเพ่งสายตา เขาก็วางมันลงอย่างหนักบนโต๊ะเมื่อเปิดฝาออกพบว่าเป็นแต้มสี่และห้าเท่านั้นแหละเขาเป็นเหมือนเสือดาวปะทะกับมือใหม่ ย่อมเป็นผู้ชนะอ
ผู้พบเห็นต่างตกใจเฉียวเจิ้นสยงเป็นที่รู้จักในนามเทพเจ้าแห่งโลกการพนันปินเฉิง เพียงแต่เขาวางมือแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับซ่งฮั่วที่เพิ่งก้าวขาเข้ามาในวงการครึ่งหนึ่ง เขาถือเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงอย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เฒ่าซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการมากดดันหญิงสาวเช่นนี้ ผู้เฒ่าเฉียวออกจะเป็นอันธพาลมากไปหน่อยหลีเกอยักไหล่และพูดอย่างสบาย ๆ “แล้วถ้าคุณแพ้ล่ะ?”เฉียวเจิ้นสยงมาเสนอคำท้าเธอแบบนี้เหอะ!อยากจะเล่นงานฉันเหรอ? ให้ฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นมือที่สามเนี่ยนะ?ไร้สาระสิ้นดี“ฉันไม่มีทางแพ้!”เฉียวเจิ้นสยงเสียงสูง “บอกฉันสิว่าคุณยินดีเดิมพันหรือเปล่า?!”เขาใช้กำลังปราบปรามอีกฝ่าย แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล แต่คนธรรมดาก็ไม่กล้าพูดอะไร“ถ้าคุณแพ้ ให้เฉียวซีอวิ๋นมาคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและยอมรับความผิดพลาดของหล่อน ตบหน้าตัวเอง บอกว่าเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของฉันตั้งแต่แรก!”หลีเกอจ้องไปที่แหวนหยกสีขาวบนนิ้วหัวแม่มือของเฉียวเจิ้นสยงที่หมุนอยู่เป็นระยะ “แล้วก็… ขอแหวนหยกขาวของคุณให้ฉันเพื่อแทนคำขอโทษด้วย!”หัวใจของทุกคนจุกขึ้นมาอยู่ตรงลำคอนั่นค
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ