ตาวอิ่งที่อยู่ด้านข้างพูดเบา ๆ ว่า "เฮียเปียว เราพักกันสักครู่ดีไหมครับ?"เฮียเปียวรีบโบกมือห้ามแล้วพูดว่า "ชมหมากรุกห้ามพูด ไม่รู้กฎข้อนี้เหรอ"ตาวอิ่งรีบปิดปากเงียบ แล้วเงยหน้าสังเกตสีหน้าหลีเกอเห็นได้ชัดว่าหลีเกอรักษาท่าทีสงบเสมอมา ไม่แสดงสีหน้าที่เกินความจำเป็นบนใบหน้า แม้ว่าเกมหมากรุกนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญในชีวิตเธอ แต่เธอกลับทำเหมือนไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อยตาวอิ่งยิ้มเยาะในใจ : เสแสร้งต่อไปเถอะ ดูซิว่าจะเสแสร้งได้นานแค่ไหน"เฮ้อ ไม่ได้ ไม่ได้ คุณกินปืนใหญ่ของผมได้ยังไง..." เฮียเปียวรีบพูดขึ้นเพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหวของหลีเกอ "ผมเดินผิด ขอเปลี่ยนตาเดินหน่อย..."เฮียเปียวพูดจบก็วางหมากของตัวเองกลับไปที่เดิม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ก็เพราะไอ้แซ่ตาวนี่คอยกวนประสาทอยู่ข้างหูผม ทำให้ความคิดของผมสับสน คุณหนูหลี ผมขอเปลี่ยนตาเดินได้ไหม?"หลีเกอไม่พูดอะไร แต่สีหน้าของเธอกลับพูดแทน ทำนองว่า "คุณคิดว่าไงล่ะ?"สีหน้าของเฮียเปียวย่ำแย่ลงทันที เขาเล่นหมากรุกมาหลายปีแล้ว แต่กลับจะหาเศษหาเลยเอาจากกลโกงง่าย ๆ แบบนี้ เลยกัดฟันพูดว่า "ก็ได้ กินก็กินไปเถอะ!"จากนั้นก็หยิบห
เมื่อคนรอบข้างเห็นเช่นนั้น ก็คุกเข่าลงทีละคน แล้วตะโกนพร้อมกันว่า“นายหญิง!"เมื่อตาวอิ่งเห็นฉากนี้ก็รู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่พี่น้องของเขากลับยอมรับหลีเกอเป็นนายอย่างง่ายดาย แล้วอีกหน่อยเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?"ไอ้แซ่ตาว ยังมัวยืนบื้ออยู่อีก รีบคุกเข่าลงสิ! ขอให้นายหญิงไว้ชีวิตซะ" เฮียเปียวตะคอกในใจของตาวอิ่งมีแต่ความไม่ยินยอม แต่ภายนอกทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมจำนนต่อโชคชะตา ลังเลอยู่นาน ก่อนจะก็คุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจหลีเกอก็ตกใจไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าเฮียเปียวจะเป็นคนเถรตรงอย่างนี้!พูดจริงทำจริง!ควรค่าแก่การได้รับความเคารพอย่างแท้จริง"ลุกขึ้นเถอะทุกคน"เมื่อเฮียเปียวได้ยินดังนั้น ก็เรียกลูกน้องให้ลุกขึ้นยืนตามจากนั้นก็ทำตัวเหมือนเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ก้าวเข้ามาหาเธอแล้วพูดว่า "นายหญิง ต่อไปนี้เราทุกคนจะติดตามคุณไปทุกที่ ความผิดของตาวอิ่งก่อนหน้านี้ คุณอยากจะจัดการยังไงก็ได้ เอาชีวิตหมา ๆ ของมันเพื่อชดใช้ก็ได้"หลีเกอกรีดนิ้วเล่นอีกแล้ว พูดเบา ๆ ว่า "ฉันไม่สนใจชีวิตเขาหรอก แต่ฉันอยากให้เขาช่วยทำธุระอะไรบางอย่างให้ฉันหน่อย"ตาวอิ่งรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้
หลีเกอพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "สบายใจได้เลยค่ะ พี่ซิวเป่ย ฉันจะไม่ทำอีก...""อืม ตอนนี้เฮียเปียวยินดีที่จะอยู่ใต้บังคับบัญชาของคุณแล้ว ต่อไปนี้การทำธุรกิจอะไรในเมืองปินเฉิงก็คงจะสะดวกราบรื่นมากขึ้น"หลีเกอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนสำหรับเธอแล้ว เธอก็แค่ได้ลูกน้องมาสวามิภักดิ์เพิ่มเท่านั้นแต่ใครจะรู้ว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้ได้ก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นในแวดวงมาเฟียใต้ดินของเมืองปินเฉิงอย่างมหาศาลเฉียวซีอวิ๋นไม่รู้เรื่องนี้เลยตอนนี้เธอนั่งแต่งตัวอยู่ในห้อง VIP ของโรงแรม หลังจากที่แต่งตัวอย่างสวยงาม มุมปากของเฉียวซีอวิ๋นก็ฉีกยิ้มเป็นรอยยิ้มหวานทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เฉียวซีอวิ๋นทำหน้าดีใจ รีบลุกขึ้นไปเปิดประตู "ที่รัก มาสักที..."ประตูเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของตาวอิ่ง แต่เขาแตกต่างจากเมื่อก่อน เพราะวันนี้เขาพาชายร่างใหญ่หลายคนเดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าของเฉียวซีอวิ๋นยังคงสงบ แล้วพูดว่า "พี่ตาว วันนี้ทำไมพาคนมาเยอะจังล่ะ?"สีหน้าของตาวอิ่งเคร่งขรึม ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่โบกมือ คนที่อยู่ข้างหลังจึงถอยออกไป ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาในห้องประตูห้องปิ
ไม่ว่าเฉียวซีอวิ๋นจะอ้อนวอนอย่างไร ตาวอิ่งก็ไม่สนใจสุดท้ายก็ผลักเธอออก "เข้ามา จับตัวเธอไปมัดไว้"ตาวอิ่งหันไปสั่งคนที่อยู่นอกประตูแต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาตาวอิ่งหน้านิ่วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เดินไปที่ประตูเพื่อเปิดประตู "ฉันสั่งให้พวกนายเข้ามาจับคน ไม่ได้ยินเหรอ..."ยังไม่ทันพูดจบ สายตาก็สบเข้ากับเจ้าของดวงตาลึกลับชายหนุ่มผู้มีรัศมีที่แข็งแกร่ง แผ่ออร่าความกดดันกระจายไปโดยรอบ"คุณฮั่ว มาที่นี่ได้ยังไง?"ฮั่วจิ้นเฉิงไม่ได้ตอบคำถามของเขา ก้าวขายาว ๆ เข้าไปในห้อง เมื่อเฉียวซีอวิ๋นเห็นฮั่วจิ้นเฉิง ก็เหมือนกับคว้าจับฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ด้วยเธอรีบวิ่งเข้าไปหา "จิ้นเฉิง คุณมาแล้ว ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย..."ฮั่วจิ้นเฉิงหยุดเดินกลอกตามองเธอจากหัวจรดเท้า ไม่มีแม้แต่ความสงสาร กลับมีแต่ความรังเกียจ"คุณฮั่ว คุณคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยเธอหรอกใช่ไหม?" คำถามของตาวอิ่งดังขึ้น เฉียวซีอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะแสดงความดีใจ"จิ้นเฉิง พาฉันออกไป พาฉันออกไปนะ ต่อไปนี้ฉันจะเชื่อฟังคุณมาก ๆ จะไม่ไปยุ่งกับหลีเกออีกแล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงหัวเราะเสียงเย็น ไม่มีแม้แต่ร่องรอ
จากนั้นก็พูดต่อว่า "ถ้าอยากให้ฉันพูดความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก""แต่... คุณต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะส่งตัวฉันออกจากเมืองปินเฉิง และให้เงินฉันก้อนใหญ่พอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปถึงช่วงบั้นปลายของชีวิต""ได้"คำสั้น ๆ คำเดียว ทำให้เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะยอมทำเพื่อหลีเกอได้ถึงขนาดนี้"จิ้นเฉิง ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เราคงไม่ต้องลงเอยกันแบบนี้หรอก""ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว เฉียวซีอวิ๋น ความอดทนของผมมีจำกัด"แต่เฉียวซีอวิ๋นกลับส่ายหน้าไปมา "จิ้นเฉิง ฉันไม่ใช่คนโง่นะ! ฉันยังไม่บอกคุณตอนนี้หรอก ขืนบอกไป แล้วฉันจะออกนอกประเทศไปได้ยังไงล่ะ?""เว้นแต่... คุณจะพาฉันออกนอกประเทศด้วยตัวเอง หลังออกนอกประเทศไปแล้ว ฉันจะบอกความจริงกับคุณจนหมดเปลือกเลย..."ฮั่วจิ้นเฉิงไม่พูดอะไร เพียงจ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม "บนโลกใบนี้ ไม่มีใครขู่ฮั่วจิ้นเฉิงได้..."พูดจบเขาก็ไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแตกตื่นของเฉียวซีอวิ๋น สั่งบอดี้การ์ดให้เข้ามา "พาตัวเธอไปหาตาวอิ่ง สองชั่วโมงมันมากเกินไป"เฉียวซีอวิ๋นเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงจริงจังมากก็ตกใจจนพูดไม่ออก"อย่านะ จ
หลีเกอหลุบตาลง ไม่ได้ตอบกลับอะไรฮั่วจิ้นเฉิงพูดต่อ "ผมรู้ว่าเฉียวซีอวิ๋นทำร้ายคุณมาหลายอย่างเหลือเกิน แต่เรื่องเหล่านี้ ผมสาบานว่าเธอจะต้องได้รับโทษที่เธอสมควรได้รับ""ผมรู้ด้วยว่าคุณคงสงสัย ว่าทำไมผมถึงทำทุกวิถีทางเพื่อประกันตัวเธอออกมาจากคุก แต่จุดประสงค์ของผมก็เพื่อผลลัพธ์วันนี้ไม่ใช่เหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ หลีเกอก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮั่วจิ้นเฉิง "คุณฮั่ว ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ แต่... มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงตกใจ"ไม่สิ หลีเกอ ทำไมมันถึงไม่มีประโยชน์?"หลีเกอไม่ได้ตอบเขา แต่ในใจเธอรู้เหตุผลดีแม้ว่าเมื่อก่อนฮั่วจิ้นเฉิงกับเฉียวซีอวิ๋นไม่เคยมีสัมพันธ์เกินเลยกันก็จริง แต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยสร้างบาดแผลไว้ในใจเธอนั้นไม่สามารถเยียวยาได้อุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้น ทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของฮั่วจิ้นเฉิงอย่างถ่องแท้ และทำให้เธอตาสว่าง ไม่กลับไปหลงผิดซ้ำสองอีกดังนั้น...เธอจึงทิ้งคำพูดไว้เพียงว่า"คุณฮั่ว แตงโมเมื่อถูกบังคับให้กินไม่มีทางอร่อย บาดแผลจากความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่พูดแก้ตัวไม่กี่คำก็จะทำให้หายได้""ความสัมพันธ์ครั้งนั้น ฉันลืมมันไปหมดแล้
"คุณปู่รู้ว่าเธอจะกลับมา เลยสั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่เธอชอบไว้แล้ว"ใบหน้าของหลีเกอปรากฏรอยบุ๋มเล็ก ๆ "ว้าว ฉันโชคดีจังเลย!""เธอนี่รักการกินเหมือนเดิมเลยนะ" หลีลั่วพูดติดตลก สองพี่น้องคุยกันไปพลาง ก้าวขึ้นรถที่บ้านซึ่งจอดรอไว้ไปพลางคฤหาสน์ตระกูลหลีครอบคลุมพื้นที่หลายพันไร่ จากลานจอดเครื่องบิน หากจะขับรถตรงไปยังคฤหาสน์หลักต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีเมื่อถึงบ้าน คนรับใช้ก็รออยู่ที่ประตูแล้ว เมื่อเห็นหลีเกอก็แสดงความเคารพอย่างที่สุด "คุณหนูใหญ่!"หลีเกอพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าไปนานครั้งเธอจะได้กลับบ้าน พี่น้องตระกูลหลีทั้งสามก็มารวมตัวกัน คุณปู่หลีมีความสุขมาก พูดคุยกับหลีเกออยู่นานตั้งแต่ก่อนเสิร์ฟอาหารจนอาหารหมดเกลี้ยงจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม หลีเกอหาวติดต่อกันหลายครั้ง คุณปู่หลีจึงปล่อยเธอไป "เอาล่ะ หลานสาว! นั่งเครื่องบินมานานคงเหนื่อยแย่แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ...""พรุ่งนี้ตื่นมาอย่าลืมมาเล่นหมากรุกกับปู่ด้วยนะ"หลีเกอพยักหน้ารัว "ได้ค่ะ คุณปู่ ราตรีสวัสดิ์นะคะ!"หลีเกอลุกขึ้น เดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นบน เห็นพี่ชายทั้งสามต่างยืนพิงกำแพง ราวกับกำลังรอเธออยู่หลีหานพูดก่อน
รวมถึงขนาดตัวเธอด้วย ขนาดเสื้อผ้าพอดีตัวและเข้ากับบุคลิกของเธออย่างสมบูรณ์แบบ"พี่สาม รสนิยมของพี่นี่ดีเหมือนเดิมเลยนะ"เมื่อได้รับคำชม หลีหรานก็รู้สึกใจพองโต "แหงล่ะ ใครเป็นคนเลือกล่ะ"หลีเกอกลับพูดว่า "ว่าที่พี่สะใภ้สามนี่โชคดีจังเลยนะ!"หลีหรานรีบขัด "น้องสี่ พี่สะใภ้สามอะไรกัน แม้แต่แฟนฉันยังไม่มีเลย อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ"หลีเกอหัวเราะคิกคัก "เป็นอะไรไป แค่นี้ก็เขินเหรอ?""ไม่ได้เขินโว้ย รีบไปกันเถอะ..."เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แฟนคลับจำได้บนถนน หลีหรานจึงปลอมตัวเล็กน้อย ขับรถสปอร์ตสุดเท่พาน้องสี่ของเขาออกไปพวกเขาไปที่ย่านการค้าซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในท้องถิ่น ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับการชอปปิ้งสินค้าหรูหราในท้องถิ่นย่านนี้มีทั้งอาหารและสินค้าแบรนด์เนมหรูหราครบครัน เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการเที่ยวเล่นในท้องถิ่นหลีเกอลงจากรถก่อน รอหลีหรานขับรถไปจอดที่โรงจอดรถด้านข้าง แต่ไม่นานเสียงทักทายของผู้หญิงก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว "หลีเกอ นั่นเธอเองเหรอ..."เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลีเกอก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว หันกลับไปก็เห็น 'คู่ปรับ' ตั้งแต่วัยเด็กจนโตของเธอ ซ่งเซียงเ