จากนั้นก็พูดต่อว่า "ถ้าอยากให้ฉันพูดความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก""แต่... คุณต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะส่งตัวฉันออกจากเมืองปินเฉิง และให้เงินฉันก้อนใหญ่พอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปถึงช่วงบั้นปลายของชีวิต""ได้"คำสั้น ๆ คำเดียว ทำให้เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะยอมทำเพื่อหลีเกอได้ถึงขนาดนี้"จิ้นเฉิง ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เราคงไม่ต้องลงเอยกันแบบนี้หรอก""ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว เฉียวซีอวิ๋น ความอดทนของผมมีจำกัด"แต่เฉียวซีอวิ๋นกลับส่ายหน้าไปมา "จิ้นเฉิง ฉันไม่ใช่คนโง่นะ! ฉันยังไม่บอกคุณตอนนี้หรอก ขืนบอกไป แล้วฉันจะออกนอกประเทศไปได้ยังไงล่ะ?""เว้นแต่... คุณจะพาฉันออกนอกประเทศด้วยตัวเอง หลังออกนอกประเทศไปแล้ว ฉันจะบอกความจริงกับคุณจนหมดเปลือกเลย..."ฮั่วจิ้นเฉิงไม่พูดอะไร เพียงจ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม "บนโลกใบนี้ ไม่มีใครขู่ฮั่วจิ้นเฉิงได้..."พูดจบเขาก็ไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแตกตื่นของเฉียวซีอวิ๋น สั่งบอดี้การ์ดให้เข้ามา "พาตัวเธอไปหาตาวอิ่ง สองชั่วโมงมันมากเกินไป"เฉียวซีอวิ๋นเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงจริงจังมากก็ตกใจจนพูดไม่ออก"อย่านะ จ
หลีเกอหลุบตาลง ไม่ได้ตอบกลับอะไรฮั่วจิ้นเฉิงพูดต่อ "ผมรู้ว่าเฉียวซีอวิ๋นทำร้ายคุณมาหลายอย่างเหลือเกิน แต่เรื่องเหล่านี้ ผมสาบานว่าเธอจะต้องได้รับโทษที่เธอสมควรได้รับ""ผมรู้ด้วยว่าคุณคงสงสัย ว่าทำไมผมถึงทำทุกวิถีทางเพื่อประกันตัวเธอออกมาจากคุก แต่จุดประสงค์ของผมก็เพื่อผลลัพธ์วันนี้ไม่ใช่เหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ หลีเกอก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮั่วจิ้นเฉิง "คุณฮั่ว ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ แต่... มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงตกใจ"ไม่สิ หลีเกอ ทำไมมันถึงไม่มีประโยชน์?"หลีเกอไม่ได้ตอบเขา แต่ในใจเธอรู้เหตุผลดีแม้ว่าเมื่อก่อนฮั่วจิ้นเฉิงกับเฉียวซีอวิ๋นไม่เคยมีสัมพันธ์เกินเลยกันก็จริง แต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยสร้างบาดแผลไว้ในใจเธอนั้นไม่สามารถเยียวยาได้อุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้น ทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของฮั่วจิ้นเฉิงอย่างถ่องแท้ และทำให้เธอตาสว่าง ไม่กลับไปหลงผิดซ้ำสองอีกดังนั้น...เธอจึงทิ้งคำพูดไว้เพียงว่า"คุณฮั่ว แตงโมเมื่อถูกบังคับให้กินไม่มีทางอร่อย บาดแผลจากความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่พูดแก้ตัวไม่กี่คำก็จะทำให้หายได้""ความสัมพันธ์ครั้งนั้น ฉันลืมมันไปหมดแล้
"คุณปู่รู้ว่าเธอจะกลับมา เลยสั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่เธอชอบไว้แล้ว"ใบหน้าของหลีเกอปรากฏรอยบุ๋มเล็ก ๆ "ว้าว ฉันโชคดีจังเลย!""เธอนี่รักการกินเหมือนเดิมเลยนะ" หลีลั่วพูดติดตลก สองพี่น้องคุยกันไปพลาง ก้าวขึ้นรถที่บ้านซึ่งจอดรอไว้ไปพลางคฤหาสน์ตระกูลหลีครอบคลุมพื้นที่หลายพันไร่ จากลานจอดเครื่องบิน หากจะขับรถตรงไปยังคฤหาสน์หลักต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีเมื่อถึงบ้าน คนรับใช้ก็รออยู่ที่ประตูแล้ว เมื่อเห็นหลีเกอก็แสดงความเคารพอย่างที่สุด "คุณหนูใหญ่!"หลีเกอพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าไปนานครั้งเธอจะได้กลับบ้าน พี่น้องตระกูลหลีทั้งสามก็มารวมตัวกัน คุณปู่หลีมีความสุขมาก พูดคุยกับหลีเกออยู่นานตั้งแต่ก่อนเสิร์ฟอาหารจนอาหารหมดเกลี้ยงจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม หลีเกอหาวติดต่อกันหลายครั้ง คุณปู่หลีจึงปล่อยเธอไป "เอาล่ะ หลานสาว! นั่งเครื่องบินมานานคงเหนื่อยแย่แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ...""พรุ่งนี้ตื่นมาอย่าลืมมาเล่นหมากรุกกับปู่ด้วยนะ"หลีเกอพยักหน้ารัว "ได้ค่ะ คุณปู่ ราตรีสวัสดิ์นะคะ!"หลีเกอลุกขึ้น เดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นบน เห็นพี่ชายทั้งสามต่างยืนพิงกำแพง ราวกับกำลังรอเธออยู่หลีหานพูดก่อน
รวมถึงขนาดตัวเธอด้วย ขนาดเสื้อผ้าพอดีตัวและเข้ากับบุคลิกของเธออย่างสมบูรณ์แบบ"พี่สาม รสนิยมของพี่นี่ดีเหมือนเดิมเลยนะ"เมื่อได้รับคำชม หลีหรานก็รู้สึกใจพองโต "แหงล่ะ ใครเป็นคนเลือกล่ะ"หลีเกอกลับพูดว่า "ว่าที่พี่สะใภ้สามนี่โชคดีจังเลยนะ!"หลีหรานรีบขัด "น้องสี่ พี่สะใภ้สามอะไรกัน แม้แต่แฟนฉันยังไม่มีเลย อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ"หลีเกอหัวเราะคิกคัก "เป็นอะไรไป แค่นี้ก็เขินเหรอ?""ไม่ได้เขินโว้ย รีบไปกันเถอะ..."เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แฟนคลับจำได้บนถนน หลีหรานจึงปลอมตัวเล็กน้อย ขับรถสปอร์ตสุดเท่พาน้องสี่ของเขาออกไปพวกเขาไปที่ย่านการค้าซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในท้องถิ่น ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับการชอปปิ้งสินค้าหรูหราในท้องถิ่นย่านนี้มีทั้งอาหารและสินค้าแบรนด์เนมหรูหราครบครัน เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการเที่ยวเล่นในท้องถิ่นหลีเกอลงจากรถก่อน รอหลีหรานขับรถไปจอดที่โรงจอดรถด้านข้าง แต่ไม่นานเสียงทักทายของผู้หญิงก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว "หลีเกอ นั่นเธอเองเหรอ..."เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลีเกอก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว หันกลับไปก็เห็น 'คู่ปรับ' ตั้งแต่วัยเด็กจนโตของเธอ ซ่งเซียงเ
"อย่าเพิ่งไปสิ เพื่อนเก่า นานทีจะได้มาเจอกันแบบนี้ ต่อให้ชีวิตเธอไปไม่สวยก็ไม่เห็นต้องรู้สึกต่ำต้อยเกินไปหรอกน่า พวกเราไม่หัวเราะเยาะเธอหรอก..."ซ่งเซียงเซียงทำที 'เข้าอกเข้าใจ'"พูดแล้วก็บังเอิญจริง ๆ เลยนะ ฉันนัดเพื่อนร่วมชั้นเราไปกินข้าวกันพอดี เธอไปด้วยกันเลยไหมล่ะ เพราะดูแล้วเธอเองก็ไม่น่าจะได้เข้าไปเหยียบสถานที่หรูหราแบบนี้บ่อย ๆ ตามฉันไปเปิดหูเปิดตาก็ได้"หลีเกอหัวเราะใบหน้าฉายแววโกรธเล็กน้อย "ซ่งเซียงเซียง เธอจะหยุดได้หรือยัง?""สมัยเรียนก็ไม่เคยเรียนตามฉันทัน ตอนนี้ก็ยังทำตัวแบบนี้อีกเหรอ? เอาแต่โอ้อวดว่าตัวเองมีเงิน ระวังเถอะจะโดนเตะตกสวรรค์เข้าสักวัน"ซ่งเซียงเซียงไม่คิดว่าปากของหลีเกอจะยังร้ายกาจเหมือนเดิม เมื่อก่อนเธอไม่เคยได้เปรียบหลีเกอเลยสักครั้ง ตอนนี้ก็ยังเถียงชนะเธอไม่ได้เข้าไปใหญ่แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นความตั้งใจแน่วแน่ที่ทำให้เธอไม่ยอมปล่อยหลีเกอไปวันนี้จะต้องสอนบทเรียนให้หลีเกออย่างสาสม ให้เธอได้รู้ว่าระหว่างอีกฝ่ายกับตัวเองมีช่องว่างที่กว้างใหญ่แค่ไหนคนจนอย่างหลีเกอ สมควรอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอเท่านั้น"เพื่อนที่ว่าก็เรียนมาด้วยกันทั้งนั้น ไปกินข้าวด้
เมื่อพูดจบ ซ่งเซียงเซียงก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที เก็บกระเป๋าตัวเองกอดไว้กับอกโดยไม่รู้ตัว "หึ เธอก็แค่คนบ้านนอก ไม่รู้เรื่องอะไร ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแล้ว"แต่ลูกสมุนทั้งสองกลับมองหน้ากัน พวกเธอไม่เชื่อว่าซ่งเซียงเซียงจะถือกระเป๋าซึ่งเป็นรุ่นเก่าของปีที่แล้วแต่ไม่รู้ทำไม ซ่งเซียงเซียงกลับแสดงท่าทีเหมือนสิ่งที่หลีเกอพูดเป็นความจริงแต่ลูกสมุนก็ยังคงซื่อสัตย์ "เซียงเซียง เราอย่าไปสนใจเธอเลย เดี๋ยวเธอก็จะเห็นเองว่าระหว่างเธอกับพวกเรามีช่องว่างด้านฐานะที่แตกต่างกันแค่ไหน"สีหน้าของซ่งเซียงเซียงถึงได้ดีขึ้นหลีเกอหัวเราะในใจ เธอเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าพวกเธอจะเล่นกลอะไรอีกทางด้านหลีหรานพอจอดรถแล้วเดินออกมาจากโรงจอด กลับไม่เห็นหลีเกอ จึงรีบโทรหาเธอทันทีแต่หลีเกอกลับกดวางสายทันที แล้วส่งข้อความตอบกลับไปว่า "พี่สาม ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย เดี๋ยวติดต่อกลับนะ"หลีหรานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ตอบกลับไปว่า "โอเค"ซ่งเซียงเซียงพาหลีเกอไปที่ร้านอาหารหรูหราที่สุดในประเทศ F ที่นี่มีแต่ลูกค้าระดับสมาชิกเท่านั้นที่จะเข้าได้ ซึ่งผู้ที่สามารถสมัครสมาชิกและใช้บริการที่นี่ได้ ล้วนแล้วแต่
เพื่อนพวกนี้เคยติดสอยห้อยตามซ่งเซียงเซียงไปไหนมาไหน ส่วนใหญ่ก็มีนิสัยไม่ต่างไปจากซ่งเซียงเซียง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ดูถูกคนอย่างหลีเกอที่ฐานะต่ำต้อย แต่กลับอยากจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มของพวกเขาดังนั้น ยิ่งนานคำถามก็เริ่มไม่สุภาพ"หลีเกอ ช่วงนี้เธอทำงานที่ไหน รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่?""แต่งงานหรือยัง มีแฟนไหมเนี่ย?""ให้พวกเราช่วยแนะนำให้ไหม?""..."ซ่งเซียงเซียงพูดแทรกขึ้นมาทันที "พวกเธอถามอะไรแบบนี้กัน หลีเกอจะเหมือนพวกเราได้ยังไง พวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้บ้านรวยกันทั้งนั้น ไม่ต้องออกไปทำงานก็สามารถรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวได้อย่างสบาย ๆ""ตอนนี้หลีเกออาจจะทำงานพิเศษอยู่ก็ได้ พวกเธออย่าไปล้อเธอเลยนะ คนเรามีความจำเป็นที่แตกต่างกัน"ทุกคนหัวเราะคิกคัก แต่หลีเกอกลับหลุบตาลงเล็กน้อย ไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายแต่มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่สังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่หลีเกอสวมใส่นั้นดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าสั่งตัดรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์ชาแนล ราคาแพงมาก ไม่ได้วางจำหน่ายในช็อปทั่วไปแต่หลีเกอมีฐานะแบบนี้ จะมีปัญญาซื้อได้ยังไงจึงพูดออกไปโดยไม่คิด "หลีเกอ เธอไปซื้อเสื้อผ้าก๊อบมาจากไหนเหรอ ดู
หลีเกออุทาน "เหรอ""หนึ่งในนั้นก็รวมถึงไช่โหม่วโหม่ว อินฟลูดังคนหนึ่งด้วยใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกจับเพราะเลี่ยงภาษีและโดนปรับไปหลายร้อยล้านเลยนี่""เป็นแค่อินฟลูตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เลี่ยงภาษีเก่งขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีความสัมพันธ์กับนายทุนที่อยู่เบื้องหลังแน่ ๆ แต่ข่าวนี้ก็ออกจะดังอยู่นะ คนอื่นคงได้ยินผ่านหูกันหมด"จ้าวหมิงทนไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาอย่างมาก บริษัทเกือบจะล้มละลายเพราะเรื่องนี้ทีเดียวแต่หลีเกอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?หลีเกอไม่สนใจเขาอีกต่อไป หันไปมองลูกสมุนหมายเลข 1 ของซ่งเซียงเซียง "บ้านเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเล คงได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ ได้ยินมาว่าบ้านเธอไปกู้หนี้ยืมสินกันให้วุ่น ตอนนี้ใช้หนี้หมดหรือยัง?"สีหน้าของลูกสมุนหมายเลข 1 เปลี่ยนไปทันที จากนั้นหลีเกอก็หันไปมองลูกสมุนหมายเลข 2 "ได้ยินมาว่าครอบครัวเธอได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังฟื้นตัวไม่ได้ เป็นหนี้ธนาคารเยอะมาก เรื่องนี้จริงหรือเปล่า?"ลูกสมุนหมายเลข 2 ก็ตกใจเช่นกัน"เธอ... เธอ... เธอรู้ได้ยังไง"หลีเกอยักไหล่ ทำท่าท
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ