จากนั้นก็พูดต่อว่า "ถ้าอยากให้ฉันพูดความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก""แต่... คุณต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะส่งตัวฉันออกจากเมืองปินเฉิง และให้เงินฉันก้อนใหญ่พอที่จะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปถึงช่วงบั้นปลายของชีวิต""ได้"คำสั้น ๆ คำเดียว ทำให้เฉียวซีอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าฮั่วจิ้นเฉิงจะยอมทำเพื่อหลีเกอได้ถึงขนาดนี้"จิ้นเฉิง ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เราคงไม่ต้องลงเอยกันแบบนี้หรอก""ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว เฉียวซีอวิ๋น ความอดทนของผมมีจำกัด"แต่เฉียวซีอวิ๋นกลับส่ายหน้าไปมา "จิ้นเฉิง ฉันไม่ใช่คนโง่นะ! ฉันยังไม่บอกคุณตอนนี้หรอก ขืนบอกไป แล้วฉันจะออกนอกประเทศไปได้ยังไงล่ะ?""เว้นแต่... คุณจะพาฉันออกนอกประเทศด้วยตัวเอง หลังออกนอกประเทศไปแล้ว ฉันจะบอกความจริงกับคุณจนหมดเปลือกเลย..."ฮั่วจิ้นเฉิงไม่พูดอะไร เพียงจ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยาม "บนโลกใบนี้ ไม่มีใครขู่ฮั่วจิ้นเฉิงได้..."พูดจบเขาก็ไม่สนใจสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแตกตื่นของเฉียวซีอวิ๋น สั่งบอดี้การ์ดให้เข้ามา "พาตัวเธอไปหาตาวอิ่ง สองชั่วโมงมันมากเกินไป"เฉียวซีอวิ๋นเห็นว่าฮั่วจิ้นเฉิงจริงจังมากก็ตกใจจนพูดไม่ออก"อย่านะ จ
หลีเกอหลุบตาลง ไม่ได้ตอบกลับอะไรฮั่วจิ้นเฉิงพูดต่อ "ผมรู้ว่าเฉียวซีอวิ๋นทำร้ายคุณมาหลายอย่างเหลือเกิน แต่เรื่องเหล่านี้ ผมสาบานว่าเธอจะต้องได้รับโทษที่เธอสมควรได้รับ""ผมรู้ด้วยว่าคุณคงสงสัย ว่าทำไมผมถึงทำทุกวิถีทางเพื่อประกันตัวเธอออกมาจากคุก แต่จุดประสงค์ของผมก็เพื่อผลลัพธ์วันนี้ไม่ใช่เหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ หลีเกอก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮั่วจิ้นเฉิง "คุณฮั่ว ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกสิ่งที่คุณทำ แต่... มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว"ฮั่วจิ้นเฉิงตกใจ"ไม่สิ หลีเกอ ทำไมมันถึงไม่มีประโยชน์?"หลีเกอไม่ได้ตอบเขา แต่ในใจเธอรู้เหตุผลดีแม้ว่าเมื่อก่อนฮั่วจิ้นเฉิงกับเฉียวซีอวิ๋นไม่เคยมีสัมพันธ์เกินเลยกันก็จริง แต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยสร้างบาดแผลไว้ในใจเธอนั้นไม่สามารถเยียวยาได้อุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้น ทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของฮั่วจิ้นเฉิงอย่างถ่องแท้ และทำให้เธอตาสว่าง ไม่กลับไปหลงผิดซ้ำสองอีกดังนั้น...เธอจึงทิ้งคำพูดไว้เพียงว่า"คุณฮั่ว แตงโมเมื่อถูกบังคับให้กินไม่มีทางอร่อย บาดแผลจากความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่พูดแก้ตัวไม่กี่คำก็จะทำให้หายได้""ความสัมพันธ์ครั้งนั้น ฉันลืมมันไปหมดแล้
"คุณปู่รู้ว่าเธอจะกลับมา เลยสั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่เธอชอบไว้แล้ว"ใบหน้าของหลีเกอปรากฏรอยบุ๋มเล็ก ๆ "ว้าว ฉันโชคดีจังเลย!""เธอนี่รักการกินเหมือนเดิมเลยนะ" หลีลั่วพูดติดตลก สองพี่น้องคุยกันไปพลาง ก้าวขึ้นรถที่บ้านซึ่งจอดรอไว้ไปพลางคฤหาสน์ตระกูลหลีครอบคลุมพื้นที่หลายพันไร่ จากลานจอดเครื่องบิน หากจะขับรถตรงไปยังคฤหาสน์หลักต้องใช้เวลาสิบกว่านาทีเมื่อถึงบ้าน คนรับใช้ก็รออยู่ที่ประตูแล้ว เมื่อเห็นหลีเกอก็แสดงความเคารพอย่างที่สุด "คุณหนูใหญ่!"หลีเกอพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าไปนานครั้งเธอจะได้กลับบ้าน พี่น้องตระกูลหลีทั้งสามก็มารวมตัวกัน คุณปู่หลีมีความสุขมาก พูดคุยกับหลีเกออยู่นานตั้งแต่ก่อนเสิร์ฟอาหารจนอาหารหมดเกลี้ยงจนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่ม หลีเกอหาวติดต่อกันหลายครั้ง คุณปู่หลีจึงปล่อยเธอไป "เอาล่ะ หลานสาว! นั่งเครื่องบินมานานคงเหนื่อยแย่แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ...""พรุ่งนี้ตื่นมาอย่าลืมมาเล่นหมากรุกกับปู่ด้วยนะ"หลีเกอพยักหน้ารัว "ได้ค่ะ คุณปู่ ราตรีสวัสดิ์นะคะ!"หลีเกอลุกขึ้น เดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นบน เห็นพี่ชายทั้งสามต่างยืนพิงกำแพง ราวกับกำลังรอเธออยู่หลีหานพูดก่อน
รวมถึงขนาดตัวเธอด้วย ขนาดเสื้อผ้าพอดีตัวและเข้ากับบุคลิกของเธออย่างสมบูรณ์แบบ"พี่สาม รสนิยมของพี่นี่ดีเหมือนเดิมเลยนะ"เมื่อได้รับคำชม หลีหรานก็รู้สึกใจพองโต "แหงล่ะ ใครเป็นคนเลือกล่ะ"หลีเกอกลับพูดว่า "ว่าที่พี่สะใภ้สามนี่โชคดีจังเลยนะ!"หลีหรานรีบขัด "น้องสี่ พี่สะใภ้สามอะไรกัน แม้แต่แฟนฉันยังไม่มีเลย อย่ามาพูดมั่วซั่วนะ"หลีเกอหัวเราะคิกคัก "เป็นอะไรไป แค่นี้ก็เขินเหรอ?""ไม่ได้เขินโว้ย รีบไปกันเถอะ..."เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แฟนคลับจำได้บนถนน หลีหรานจึงปลอมตัวเล็กน้อย ขับรถสปอร์ตสุดเท่พาน้องสี่ของเขาออกไปพวกเขาไปที่ย่านการค้าซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในท้องถิ่น ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับการชอปปิ้งสินค้าหรูหราในท้องถิ่นย่านนี้มีทั้งอาหารและสินค้าแบรนด์เนมหรูหราครบครัน เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการเที่ยวเล่นในท้องถิ่นหลีเกอลงจากรถก่อน รอหลีหรานขับรถไปจอดที่โรงจอดรถด้านข้าง แต่ไม่นานเสียงทักทายของผู้หญิงก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว "หลีเกอ นั่นเธอเองเหรอ..."เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลีเกอก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว หันกลับไปก็เห็น 'คู่ปรับ' ตั้งแต่วัยเด็กจนโตของเธอ ซ่งเซียงเ
"อย่าเพิ่งไปสิ เพื่อนเก่า นานทีจะได้มาเจอกันแบบนี้ ต่อให้ชีวิตเธอไปไม่สวยก็ไม่เห็นต้องรู้สึกต่ำต้อยเกินไปหรอกน่า พวกเราไม่หัวเราะเยาะเธอหรอก..."ซ่งเซียงเซียงทำที 'เข้าอกเข้าใจ'"พูดแล้วก็บังเอิญจริง ๆ เลยนะ ฉันนัดเพื่อนร่วมชั้นเราไปกินข้าวกันพอดี เธอไปด้วยกันเลยไหมล่ะ เพราะดูแล้วเธอเองก็ไม่น่าจะได้เข้าไปเหยียบสถานที่หรูหราแบบนี้บ่อย ๆ ตามฉันไปเปิดหูเปิดตาก็ได้"หลีเกอหัวเราะใบหน้าฉายแววโกรธเล็กน้อย "ซ่งเซียงเซียง เธอจะหยุดได้หรือยัง?""สมัยเรียนก็ไม่เคยเรียนตามฉันทัน ตอนนี้ก็ยังทำตัวแบบนี้อีกเหรอ? เอาแต่โอ้อวดว่าตัวเองมีเงิน ระวังเถอะจะโดนเตะตกสวรรค์เข้าสักวัน"ซ่งเซียงเซียงไม่คิดว่าปากของหลีเกอจะยังร้ายกาจเหมือนเดิม เมื่อก่อนเธอไม่เคยได้เปรียบหลีเกอเลยสักครั้ง ตอนนี้ก็ยังเถียงชนะเธอไม่ได้เข้าไปใหญ่แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นความตั้งใจแน่วแน่ที่ทำให้เธอไม่ยอมปล่อยหลีเกอไปวันนี้จะต้องสอนบทเรียนให้หลีเกออย่างสาสม ให้เธอได้รู้ว่าระหว่างอีกฝ่ายกับตัวเองมีช่องว่างที่กว้างใหญ่แค่ไหนคนจนอย่างหลีเกอ สมควรอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอเท่านั้น"เพื่อนที่ว่าก็เรียนมาด้วยกันทั้งนั้น ไปกินข้าวด้
เมื่อพูดจบ ซ่งเซียงเซียงก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที เก็บกระเป๋าตัวเองกอดไว้กับอกโดยไม่รู้ตัว "หึ เธอก็แค่คนบ้านนอก ไม่รู้เรื่องอะไร ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแล้ว"แต่ลูกสมุนทั้งสองกลับมองหน้ากัน พวกเธอไม่เชื่อว่าซ่งเซียงเซียงจะถือกระเป๋าซึ่งเป็นรุ่นเก่าของปีที่แล้วแต่ไม่รู้ทำไม ซ่งเซียงเซียงกลับแสดงท่าทีเหมือนสิ่งที่หลีเกอพูดเป็นความจริงแต่ลูกสมุนก็ยังคงซื่อสัตย์ "เซียงเซียง เราอย่าไปสนใจเธอเลย เดี๋ยวเธอก็จะเห็นเองว่าระหว่างเธอกับพวกเรามีช่องว่างด้านฐานะที่แตกต่างกันแค่ไหน"สีหน้าของซ่งเซียงเซียงถึงได้ดีขึ้นหลีเกอหัวเราะในใจ เธอเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าพวกเธอจะเล่นกลอะไรอีกทางด้านหลีหรานพอจอดรถแล้วเดินออกมาจากโรงจอด กลับไม่เห็นหลีเกอ จึงรีบโทรหาเธอทันทีแต่หลีเกอกลับกดวางสายทันที แล้วส่งข้อความตอบกลับไปว่า "พี่สาม ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย เดี๋ยวติดต่อกลับนะ"หลีหรานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ตอบกลับไปว่า "โอเค"ซ่งเซียงเซียงพาหลีเกอไปที่ร้านอาหารหรูหราที่สุดในประเทศ F ที่นี่มีแต่ลูกค้าระดับสมาชิกเท่านั้นที่จะเข้าได้ ซึ่งผู้ที่สามารถสมัครสมาชิกและใช้บริการที่นี่ได้ ล้วนแล้วแต่
เพื่อนพวกนี้เคยติดสอยห้อยตามซ่งเซียงเซียงไปไหนมาไหน ส่วนใหญ่ก็มีนิสัยไม่ต่างไปจากซ่งเซียงเซียง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ดูถูกคนอย่างหลีเกอที่ฐานะต่ำต้อย แต่กลับอยากจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มของพวกเขาดังนั้น ยิ่งนานคำถามก็เริ่มไม่สุภาพ"หลีเกอ ช่วงนี้เธอทำงานที่ไหน รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่?""แต่งงานหรือยัง มีแฟนไหมเนี่ย?""ให้พวกเราช่วยแนะนำให้ไหม?""..."ซ่งเซียงเซียงพูดแทรกขึ้นมาทันที "พวกเธอถามอะไรแบบนี้กัน หลีเกอจะเหมือนพวกเราได้ยังไง พวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้บ้านรวยกันทั้งนั้น ไม่ต้องออกไปทำงานก็สามารถรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวได้อย่างสบาย ๆ""ตอนนี้หลีเกออาจจะทำงานพิเศษอยู่ก็ได้ พวกเธออย่าไปล้อเธอเลยนะ คนเรามีความจำเป็นที่แตกต่างกัน"ทุกคนหัวเราะคิกคัก แต่หลีเกอกลับหลุบตาลงเล็กน้อย ไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายแต่มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่สังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่หลีเกอสวมใส่นั้นดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าสั่งตัดรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์ชาแนล ราคาแพงมาก ไม่ได้วางจำหน่ายในช็อปทั่วไปแต่หลีเกอมีฐานะแบบนี้ จะมีปัญญาซื้อได้ยังไงจึงพูดออกไปโดยไม่คิด "หลีเกอ เธอไปซื้อเสื้อผ้าก๊อบมาจากไหนเหรอ ดู
หลีเกออุทาน "เหรอ""หนึ่งในนั้นก็รวมถึงไช่โหม่วโหม่ว อินฟลูดังคนหนึ่งด้วยใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกจับเพราะเลี่ยงภาษีและโดนปรับไปหลายร้อยล้านเลยนี่""เป็นแค่อินฟลูตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เลี่ยงภาษีเก่งขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีความสัมพันธ์กับนายทุนที่อยู่เบื้องหลังแน่ ๆ แต่ข่าวนี้ก็ออกจะดังอยู่นะ คนอื่นคงได้ยินผ่านหูกันหมด"จ้าวหมิงทนไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาอย่างมาก บริษัทเกือบจะล้มละลายเพราะเรื่องนี้ทีเดียวแต่หลีเกอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?หลีเกอไม่สนใจเขาอีกต่อไป หันไปมองลูกสมุนหมายเลข 1 ของซ่งเซียงเซียง "บ้านเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเล คงได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ ได้ยินมาว่าบ้านเธอไปกู้หนี้ยืมสินกันให้วุ่น ตอนนี้ใช้หนี้หมดหรือยัง?"สีหน้าของลูกสมุนหมายเลข 1 เปลี่ยนไปทันที จากนั้นหลีเกอก็หันไปมองลูกสมุนหมายเลข 2 "ได้ยินมาว่าครอบครัวเธอได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังฟื้นตัวไม่ได้ เป็นหนี้ธนาคารเยอะมาก เรื่องนี้จริงหรือเปล่า?"ลูกสมุนหมายเลข 2 ก็ตกใจเช่นกัน"เธอ... เธอ... เธอรู้ได้ยังไง"หลีเกอยักไหล่ ทำท่าท