ผู้คนต่างพากันถอนหายใจ แต่ในใจกลับเหยียบย่ำหลีเกอลงไปจนจมดิน แถมยังไม่ลืมที่จะข่มขู่"คนแบบนี้ไม่สมควรเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเราเลย""ถ้าเจออีก ฉันจะสั่งสอนให้เข็ด""ทุกคนต้องช่วยกัน อย่าให้เมียน้อยอย่างแม่นั่นมีที่ยืน""..."เช้าวันรุ่งขึ้นซ่งเซียงเซียงก็ได้รับโทรศัพท์จากสายสืบ "พี่เซียงเซียง พวกเราสืบหาคนชื่อหลีเกอที่คุณให้สืบแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย"ซ่งเซียงเซียงไม่พอใจ "พวกไร้ประโยชน์! ประเทศ F ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นซะหน่อย แค่สืบหาคนคนหนึ่งยังหาไม่เจอ แล้วฉันจะเลี้ยงพวกแกไว้ทำมะเขืออะไร?!"สายสืบพูดอย่างระมัดระวัง "หรือจะมีใครปกปิดข้อมูลส่วนตัวของเธอไว้ พวกเราถึงได้หาเบาะแสอะไรไม่เจอเลย"ซ่งเซียงเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เชื่อว่าหลีเกอจะมีความสามารถขนาดนั้น"ฉันว่าพวกแกทำงานไม่ได้เรื่องเองมากกว่า ยังจะโยนความผิดให้คนอื่นอีก ต่อไปนี้ไม่ต้องทำงานร่วมกันแล้ว..."พูดจบก็กระแทกโทรศัพท์เข้ากับแป้นเสียงดัง "ปัง"ขณะนั้นเอง ซ่งฟู่ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าใจดี "เซียงเซียง หงุดหงิดอะไรตั้งแต่เช้าลูก?"ซ่งเซียงเซียงเม้มปาก "เปล่าค่ะ พ่อคะ! วันนี้มีงานประชุมทางธุรกิจ ฉันต้องใช้โอกาสนี้หาคำสั
"น้องสี่ ชุดราตรีชุดเป็นไงบ้าง?" หลีหรานหยิบชุดราตรีสุดหรูที่สไตล์การตัดเย็บค่อนข้างเรียบง่ายออกมาจากราวแขวนชุดหนึ่ง แล้วโบกไปมาตรงหน้าหลีเกอหลีลั่วที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ยอมแพ้ หยิบชุดราตรีที่ดูโดดเด่นมาชุดหนึ่ง "น้องสี่ ฉันว่าชุดนี้เข้ากับบุคลิกเธอดีนะ""พี่รอง ชุดของพี่มันดูเว่อร์เกินไปหน่อยไหม?"แต่หลีลั่วกลับโต้แย้ง "ชุดที่นายเลือกก็ดูเรียบเกินไปเหมือนกัน"ทั้งสองคนต่างก็ไม่ยอมกัน สุดท้ายก็โยนสิทธิ์การตัดสินใจให้หลีเกอ "น้องสี่ เธอว่าไง?"หลีเกอมองชุดราตรีทั้งสองชุดแล้วพูดว่า "พี่รอง พี่สาม! รสนิยมพวกพี่ดีทั้งคู่เลย ชุดราตรีที่เลือกก็สวยทั้งคู่เหมือนกัน แต่ว่า ฉันคิดไว้แล้วว่าวันนี้ควรจะแต่งตัวให้เรียบง่ายกว่านี้อีกหน่อย"พูดจบ หลีเกอก็หยิบชุดราตรีสีม่วงอ่อนหรูหราออกมาชุดหนึ่ง หลีหรานและหลีลั่วสบตากัน หลีหรานพูดว่า "เสมอกัน! พี่รอง เกมนี้ไม่นับ"หลีเกอมองคนทั้งสองที่กำลัง ‘แย่งกันเอาใจเธอ’ แล้วอดขำไม่ได้ เธอเดินไปข้างหน้า คล้องแขนของทั้งสองคนแล้วพูดว่า "พี่รอง พี่สาม! ขอบคุณพวกพี่มากเลยนะ""เด็กโง่ ขอบคงขอบคุณอะไรกัน ในบ้านหลังนี้ เธอจะเป็นเจ้าหญิงน้อยของพวกเราตลอดไป"หลีลั่
ซ่งเซียงเซียงมาถึงงานเลี้ยงตั้งนานแล้ว หลังจากที่เดินวนไปมา เธอก็หาที่นั่งพักผ่อน แต่เพียงไม่กี่วินาที สายตาก็เหลือบไปเห็นหลีเกอที่ประตูทางเข้าดวงตาของซ่งเซียงเซียงฉายแววตกใจ"หลีเกอ เธอมานี่ได้ยังไง?" ซ่งเซียงเซียงพูดขึ้น ลูกสมุนที่ติดตามเธอมาด้วยก็หันไปมองตามสายตาลูกสมุนก็รู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กันแต่พอคิดถึงภาพเมื่อวานที่เห็นหลีเกอนั่งรถสปอร์ตไปกับผู้ชายอีกคน ก็พูดจาเสียดสีว่า "คงมาเกาะกินในงานเลี้ยงหรอกมั้ง?"ซ่งเซียงเซียงเบ้ปาก รู้สึกว่าการที่หลีเกอมาปรากฏตัวที่นี่ทำให้เธอเสียเกียรติอย่างยิ่ง"งานแบบนี้ ใคร ๆ ก็มาได้สินะ"เมื่อลูกสมุนเห็นว่าเธอไม่พอใจ ก็คิดแผนขึ้นมา "เซียงเซียง งั้นพวกเราไปสั่งสอนเธอสักหน่อยดีไหม ให้เธอหลาบจำฐานะของตัวเองซะบ้าง"ซ่งเซียงเซียงไม่ได้พูดอะไร แต่การนิ่งเฉยก็เหมือนกับการอนุญาตเมื่อลูกสมุนเห็นดังนั้น ก็เดินตรงไปหาหลีเกอ"โอ้ เพื่อนร่วมรุ่นของเราเองนี่นา มาที่นี่ได้ยังไง มีบัตรเชิญหรือเปล่า หรือว่าแอบเข้ามาเกาะกินในงานเลี้ยง"คำพูดของเธอเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยหลีเกอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นลูกสมุนคนเดิมทำหน้าหยิ่งยโส กำลังมอ
ต่อหน้าทุกคน เธอแสดงท่าทีราวกับว่าตัวเองเป็นคนรักความยุติธรรมหลีเกอไม่มีเวลาสนใจเธอ พูดออกมาตรง ๆ ว่า "หลีกไป"ซ่งเซียงเซียงไม่คิดว่าหลีเกอจะกล้าพูดแบบนี้ มุมปากของเธอจึงปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย "หลีเกอ ทำผิดก็ต้องยอมรับ ผิดก็ต้องขอโทษ""เธอตบคนโดยไม่มีเหตุผล นั่นคือความผิดของเธอ ตอนนี้ยังไม่ยอมขอโทษอีก จะให้ฉันเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงานนี้มา แล้วไล่เธอออกไปถึงจะยอมหยุดหรือไง?"หลังจากที่ซ่งเซียงเซียงพูดจบ เธอก็ได้รับความเห็นใจจากคนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนที่ไม่รู้ความจริงส่วนใหญ่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างซ่งเซียงเซียง"ที่นี่ไม่ใช่ตลาดนะ อยากตบใครก็ตบ ย่ามใจเกินไปแล้ว""ขอโทษเถอะ อย่าทำให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้เลย""ใช่แล้ว คุณหนูซ่งกำลังให้โอกาสคุณอยู่นะ อย่าหยิ่งให้มาก""..."เมื่อได้ยินคำพูดของผู้คน ซ่งเซียงเซียงก็รู้สึกพึงพอใจมาก หันไปมองหลีเกอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก"ว่าไง จะขอโทษไหม!"หลีเกอก็โมโหเหมือนกัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้ "จะให้ฉันขอโทษได้ยังไง คนผิดก็ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองสิ"ลูกสมุนที่นอนอยู่บนพื้นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะ
"อย่าฟังเธอพูดพล่ามนะ นั่นเรื่องโกหกทั้งเพ"ลูกสมุนรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็วแต่ในเวลานั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็รีบเดินเข้ามา เดินตรงไปหาหลีเกอด้วยความเป็นห่วง "เทพธิดา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หลีเกอยักไหล่ด้วยความสบายใจ "ไม่เป็นไรค่ะ"แต่ฉีอวิ๋นเทียนได้ยินเสียงบันทึกอย่างชัดเจน จึงพูดต่อหน้าทุกคนว่า "คุณหลีเป็นแขกคนสำคัญที่ผมเชิญมา พวกคุณกล้าดียังไงถึงใส่ร้ายเธอ"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้คนรอบข้างก็เงียบลงและแยกย้ายกันไปอย่างเงียบเชียบซ่งเซียงเซียงถึงกับอึ้งเธอเห็นว่าฉีอวิ๋นเทียนปฏิบัติต่อหลีเกอด้วยความเอาใจใส่และปกป้องหลีเกอขนาดนี้ จึงอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้เธอกลอกตาไปมา แล้วก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม"คุณชายฉี ฉัน ซ่งเซียงเซียง จากบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริค ยินดีได้รู้จักคุณค่ะ..."ซ่งเซียงเซียงทำท่าประจบประแจงและแสดงความเป็นมิตร แต่ฉีอวิ๋นเทียนกลับไม่สนใจเธอเลย เขาหันไปมองลูกสมุนที่อยู่ข้าง ๆ"เมื่อกี้คุณเป็นคนใส่ร้ายคุณหลีใช่ไหม?"ลูกสมุนถึงกับอึ้ง ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ฉีอวิ๋นเทียนก็เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา "ไล่เธอออกจากงานให้ผมที"เจ้าหน้าที่รักษาคว
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ