"อาจจะดังไปทั่วโลกเลยก็ได้นะ""..."ผู้อำนวยการหูฟังผู้คนรอบข้างพูดคุยกันอย่างออกรส ส่วนใหญ่ชื่นชมแฟชั่นโชว์นี้เป็นเสียงเดียวกัน แต่สีหน้าของเขากลับมืดมนจนน่าเกลียดผู้ช่วยข้าง ๆ ถึงกับปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วก็กระซิบเบา ๆ ว่า "ผู้อำนวยการหูครับ ถึงยังไงชุดหลักของพวกเธอก็ขาดวิ่นไปแล้ว ถึงยังไงงานก็ต้องพัง..."ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ทันจะพูดจบนางแบบที่สวมชุดหลักก็ปรากฏตัวบนเวทีทันทีที่เธอปรากฏตัว บรรยากาศทั้งงานก็เงียบกริบ สายตาทุกคู่จ้องไปที่กลางเวที ชุดหลักที่หลีเกอเพิ่งแก้ทรงไปเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่จะเลือกใช้สีสันที่แหวกขนบและใช้สไตล์การตัดเย็บที่แปลกใหม่เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือมันมีความพิเศษมากทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้"ถ่ายเร็ว! สไตล์การตัดเย็บของชุดนี้มีมิติจริง ๆ เป็นชุดที่สวยที่สุดในค่ำคืนนี้เลย""ดีไซน์เนอร์คนนี้เก่งมาก! ถ่ายทอดสไตล์แปลกใหม่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์""หลังจากจบงาน ฉันต้องไปขอสัมภาษณ์เธอให้ได้!""เธอสามารถออกแบบชุดที่มีความพิเศษขนาดนี้เชียว ทำให้วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมของเราดังไกลไปทั่วโลก ดีไซน์เนอร์คนนี้ต้องมีจิตใจรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม""เธอสมควรได้รับ
"อะไรนะ กี่เพ้าตัวเดียว ประมูลกันเป็นยี่สิบล้านเลยเหรอ!""พลิกความคิดของฉันเลยนะนี่ แต่คุ้มค่าที่ได้เห็นจริง ๆ!!!""..."หลีเกอไม่รู้เลยว่าขณะนี้ชาวเน็ตกำลังแตกตื่นด้วยเรื่องอะไรกัน เธอเดินไปตามทางเดินทอดยาวบนเวที ทุกก้าวเหยียบลงบนจุดเป๊ะ ๆ ทุกการเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความสง่างามของเธอผู้คนข้างล่างต่างก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอนนี้ดวงตาของเขาไม่สามารถเฉไฉมองไปเห็นสิ่งอื่นใดได้อีกแล้วสายตาของเขามีเพียงเธอคนเดียว!หลีเกอเดินจบรอบแล้ว เธอก็เดินลงจากเวที เท้าของเธออ่อนแรงลงทันที ตกลงไปอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง เป็นหลีหรานนั่นเองที่รับเธอไว้อย่างมั่นคง แล้วโอบเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนหลีเกอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "พี่สาม! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ???"หลีหรานปล่อยเธอออก ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "บอกแล้วไงว่ามีของขวัญจะให้ แต่เธอดันไม่ยอมมารับ ฉันเลยถือวิสาสะแกะริบบิ้นเอง แล้วตามมาหาเธอนี่ไง"หลีเกอเพิ่งจะเข้าใจของขวัญที่หลีหรานพูดถึงคือตัวเขาเอง!"ว้าว ขอบคุณนะคะพี่สาม! แต่ฉันต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน รอให้แฟชั่นโชว์จบเมื่
"ตรวจสอบแล้ว..."ฟู่ซิวเป่ยเดินออกมาจากความมืด แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลีเกอ "กล้องวงจรปิดทุกตัวในสถานที่จัดงานได้รับการเช็กย้อนหลังแล้ว พบเบาะแสบางอย่างจริง แต่ตอนนี้เห็นผู้กระทำแค่จากด้านหลัง ไม่เห็นหน้าตรง""ว่าไงนะ! มีคนจงใจทำให้งานพังจริง ๆ ด้วย!" เจี่ยงอีอีโกรธมาก"ถ้าเห็นแค่ด้านหลังจะตามตัวได้ไหมคะ?" หลีเกอถามฟู่ซิวเป่ยตบไหล่เธอเพื่อปลอบโยน"วางใจเถอะ! มันหนีไปไหนไม่รอดหรอก"หลีเกอจึงวางใจ"ช่วงนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันมามากพอแล้ว คืนนี้ผมจองห้องส่วนตัวไว้ ออกไปผ่อนคลายกันสักหน่อยเถอะ!"เมื่อฟู่ซิวเป่ยพูดจบ เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบ ๆ ก็ร้องเฮไปตาม ๆ กัน"เยี่ยมเลยค่ะ! ขอบคุณคุณหนูหลี!""ขอบคุณประธานฟู่!""..."แต่หลีเกอกลับหันไปจับมือหลีหราน "ไปกันเถอะ! คืนนี้ไปสนุกด้วยกันสิคะ?"หลีหรานยักไหล่แล้วตอบตกลง "ได้อยู่แล้ว!"แต่หลีเกอก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ!เธอโทรหาเจินซินเดี๋ยวนั้นเป็นไปตามคาดทันทีที่ได้ยินว่าหลีหรานกลับมา เจินซินก็รีบถามหาโลเคชั่นทันทีหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในห้องคาราโอเกะฮวนเถิง คนทั้งกลุ่มมาถึงกันครบแล้วเจินซินเห็นหล
หลีเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ละสายตาจากไป"ไม่มีอะไรค่ะ""ยืนเฉยอยู่ทำไมเล่า รินให้เต็ม รินให้เต็มแก้ว..." เจี่ยงอีอีถือแก้วเบียร์แล้วรินแจกจ่าย บรรยากาศเริ่มครึกครื้นมาก"ดื่มกันอย่างเดียวก็ไม่มีอะไรสนุกน่ะสิ! งั้นมาเล่นอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า!" จู้หว่านอี้เสนอ สายตาของเธอวนเวียนอยู่ที่เจินซินและหลีหรานทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรกันเลยในฐานะเพื่อนสนิทของพวกเธอ สองสาวถือเป็นตัวชงชั้นดีที่สุดดังนั้น จู้หว่านอี้และเจี่ยงอีอีจึงสบตากันครู่หนึ่ง แล้วดึงหลีเกอและฟู่ซิวเป่ยให้มานั่งเล่นเกมด้วยกันหลีเกอถาม"เล่นเกมอะไรกันดี?"จู้หว่านอี้ม้วนริมฝีปาก แสดงให้เห็นรอยยิ้มจางๆ "ยังจะถามอีกเหรอ แน่นอนว่าเป็นเกม จริง หรือ ท้า สิ...""เย่! ดีเลย!"เจี่ยงอีอีตอบรับเป็นคนแรก ทุกคนจึงมานั่งล้อมวงกัน"ฉันจะบอกกฎก่อนนะ! ง่ายมาก เราจะหมุนขวดเหล้าขวดนี้ ปากขวดหันไปทางใคร คนนั้นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างพูดความจริง หรือรับคำท้า ห้ามโกง แต่คนที่แพ้ต้องดื่มนะ..."จู้หว่านอี้รีบเสริม "ไม่มีปัญหา! มาเริ่มกันเลย!..."พูดจบ จู้หว่านอี้ก็หมุนขวดแก้วเป็นคนแรก "ห้า สี่ ส
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ของหวานมาแล้วค่ะ…”พนักงานเสิร์ฟเดินมาวางของหวานตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นอะไรหลังจากที่พนักงานเสิร์ฟเดินออกไป อีกฝ่ายก็จัดการล็อกประตูห้องเอาไว้กู้หว่านชิงถอดกุญแจออกจากเบ้า สีหน้ามืดมัวหลีเกอ แกไม่ให้ฉันมีชีวิตที่ดี ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องตายกันไปข้าง...กู้หว่านชิงไปหยิบน้ำมันมาจากที่ไหนสักแห่งสาดน้ำมันไปทั่วประตูห้องและทางเดินของร้านคาราโอเกะโดยไม่ลังเลหลังจากที่ราดน้ำมันเสร็จ เธอก็หยิบไฟแช็กขึ้นมาแล้วโยนไปตรงน้ำมันทันทีภายในพริบตาไฟก็ลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็วกู้หว่านชิงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหลีเกอ หลีเกอ วันนี้คือวันตายของแก!“กรี๊ด... ไฟไหม้... ไฟไหม้แล้ว…” พนักงานที่เดินผ่านมาเป็นคนแรกที่เห็นไฟไหม้ จึงรีบกดสัญญาณเตือนภัย!ชั่วพริบตาโถงทางเดินเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย... ไฟไหม้... ทุกคนวิ่งหนีไปเร็ว”ในห้องส่วนตัวฟู่ซิวเป่ยเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว “แย่แล้ว ไฟไหม้”พูดจบก็ดึงหลีเกอไปที่ประตูโดยไม่ลังเล!ทุกคนต่างก็ตกใจ รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู“อะไรกันเนี่ย ประตูเปิดไม่ออก”
แต่เจินซินกลับสำลักไออย่างรุนแรงและส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม พูดอย่างยากลำบาก“หลีหราน จริง ๆ ฉันอยากบอกนายมานานแล้วว่า ฉัน... ฉันชอบนายมานานแล้ว นานมาก ๆ แล้วด้วย…”แต่หลีหรานกลับไม่ได้ยินคำพูดของเธอเห็นว่าเธอทรมานมาก จึงกอดเธอไว้ตลอดเวลาพูดแค่ว่า “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตอนนี้ออกซิเจนน้อยลงเรื่อย ๆ ถ้าพูดต่อไปจะยิ่งหายใจไม่ออก”แต่เจินซินก็ไม่สนใจเธอกลับรู้สึกว่าความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ...แม้ว่าจะไอรุนแรงจนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่เธอก็ยังคงกอดหลีหรานไว้แน่นแม้ว่าจะเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิต เธอก็ยังอยากอยู่กับเขาทุกคนต่างก็น้ำตาคลอเบ้าบรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข กลับตกอยู่ในสภาวะเฉียดใกล้ความตาย...เวลานี้ฟู่ซิวเป่ยเห็นถังดับเพลิงบนผนังด้านนอก เขาไม่ลังเลเลยที่จะถอดเสื้อผ้าออก แล้วชุบน้ำคลุมหัวตัวเองไว้แล้ววิ่งออกไป“พี่ซิวเป่ย…”เนื้อตัวฟู่ซิวเป่ยถูกไฟเผาไหม้แต่เขาก็รีบหยิบถังดับเพลิงบนผนังลงมาอย่างรวดเร็ว เปิดฝาแล้วฉีดไปทางต้นเพลิง “หลีเกอ รีบออกมา… ทุกคนรีบออกมาเร็ว…”พร้อมกับเสียงของเขาทุกคนก็รีบวิ่งไปยังทางออกจนกระทั่งวินาทีสุดท้
สายตาของหลีหานมองด้วยความเครียดแล้วพูดว่า “หลีเกอ คราวนี้เธอทำให้ทุกคนตกใจแทบแย่”“โดยเฉพาะคุณปู่ ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”หลีเกอหันไปมองหลีเจิ้งเฟยด้วยความรู้สึกผิด “คุณปู่ ขอโทษนะคะ”หลีเจิ้งเฟยจับมือเธอไว้ “เด็กคนนี้ ขอโทษปู่ทำไมกัน! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนี้ จะว่าบาดเจ็บสาหัสก็ว่าได้ โชคดีที่พ่อหนุ่มตระกูลฟู่ไม่กลัวตาย เข้าไปช่วยเธอออกมาจากกองเพลิง…”เมื่อพูดถึงฟู่ซิวเป่ยหลีเกอมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นร่างของเขา จึงถามว่า “คุณปู่ พี่ซิวเป่ยอยู่ไหนคะ?”หลีหานกับหลีหรานที่ยืนอยู่ด้านหลังสบตากัน สุดท้ายหลีหานก็พูดว่า “วางใจได้ ฟู่ซิวเป่ยไม่เป็นอะไร! แค่แขนกับหลังมีแผลไฟไหม้นิดหน่อย ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยข้าง ๆ คุณป้าเฝ้าเขาอยู่น่ะ”หลีเกอทนนอนนิ่งไม่ไหวอีกต่อไปรีบลุกขึ้น “พี่ว่าไงนะ พี่ซิวเป่ยได้รับบาดเจ็บเหรอ?”พูดถึงเรื่องนี้หลีหรานก็รู้สึกผิดมาก ตอนนั้นเขามัวปกป้องเจินซิน แต่ไม่ได้ปกป้องหลีเกอ จึงถูกคุณปู่และบรรดาพี่ ๆ ตำหนิอย่างรุนแรงคราวนี้ต้องขอบคุณฟู่ซิวเป่ยเขาคือผู้มีพระคุณที่แท้จริงของตระกูลหลี“อย่าห่วงเลย หมอฝีมือดีที่สุดในโลกกำลังรั
“งั้นก็ดีเลย แล่เนื้อเถือหนังเป็นชิ้นยังน้อยเกินไป เรื่องนี้ฝากพวกเธอจัดการแทนด้วย”ตระกูลหลีและตระกูลฟู่ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยบทสรุปสุดท้ายของกู้หว่านชิงนั้นพอจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้วภายในห้องที่ทั้งมืดและอับชื้นมือและเท้าของกู้หว่านชิงถูกมัดติดกันหมดอย่างแน่นหนา สองตาก็ถูกผ้าดำผืนหนึ่งคาดปิดไว้ ปากถูกยัดด้วยถุงเท้าเหม็นเน่า ทำให้พูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้...ในเวลานี้ประตูห้องมืดถูกเปิดออก เสียงฝีเท้าเดินตรงเข้ามาหา กู้หว่านชิงรู้สึกว่ามีคนเข้ามา ก็พยายามดิ้นรนร่างกายอย่างไม่หยุดหย่อน ปากส่งเสียงอู้อี้ราวกับจะขอร้องคนที่เข้ามาหลีเกอยืนอยู่ที่นั่น มองเธอจากมุมสูงด้วยสายตาเย็นยะเยือก สุดท้ายก็พูดว่า “...ฉันเอง หลีเกอ”เมื่อเสียงดังขึ้นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของกู้หว่านชิงก็หยุดชะงักลงทันทีเธอหันไปทางหลีเกอ แต่มองไม่เห็นอะไรเลยหลีเกอเอื้อมมือไปแกะผ้าดำออก ทันใดนั้นดวงตาของกู้หว่านชิงก็เต็มไปด้วยความลนลานหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดหลีเกอหัวเราะเยาะ“กลัวเป็นด้วยเหรอ ตอนวางเพลิงไม่เห็นจะกลัวเลย”กู้หว่านชิงส่ายหัวรัว ๆเพราะความกลัว ดวงตาคู่นั้นจึงเจิ่ง