หลีเกอก็โล่งใจเช่นกัน"เยี่ยมไปเลย!"จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สังเกตฮั่วจิ้นเฉิงบนเวที เขายืนหันหลังให้แสงไฟ หลีเกอมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่จากเสียงที่ได้ยินผ่านเครื่องขยายเสียงนั้นทั้งนุ่มนวลและมั่นใจเสี้ยววินาทีนั้นหลีเกอพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเขาฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวสุนทรพจน์นานถึงสิบห้านาที ซึ่งถือว่านานกว่าเวลาที่กำหนดไว้แต่เดิมไปมากแต่บรรดาผู้สื่อข่าวที่อยู่ด้านล่างกลับไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายหรือเซ็ง เพราะฮั่วจิ้นเฉิงพูดถึงแผนงานในอนาคตของฮั่วกรุ๊ป ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนในเมืองปินเฉิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นทุกคนดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจฟังฮั่วจิ้นเฉิงพูดอย่างจริงจัง"ผู้อำนวยการหู เกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมสุนทรพจน์ถึงนานเกินเวลาอย่างนี้" ผู้ช่วยกระซิบข้างหูเบา ๆผู้อำนวยการหูพอจะเข้าใจเช่นกันว่าฮั่วจิ้นเฉิงกำลังยืดเวลา แต่เขาไม่คิดว่าเวลาสิบกว่านาทีจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้"...ยังมีแผนสำรองอีกไหม" ผู้อำนวยการหูถามผู้ช่วยรีบตอบ "วางใจเลยครับ เราเตรียมพร้อมมาอย่างดี... งานแฟชั่นโชว์วันนี้จะต้องพังพินาศไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม..."เป็นไปตามคาดหลังจากฮั่วจิ้นเฉิงกล่าวสุนทร
"อาจจะดังไปทั่วโลกเลยก็ได้นะ""..."ผู้อำนวยการหูฟังผู้คนรอบข้างพูดคุยกันอย่างออกรส ส่วนใหญ่ชื่นชมแฟชั่นโชว์นี้เป็นเสียงเดียวกัน แต่สีหน้าของเขากลับมืดมนจนน่าเกลียดผู้ช่วยข้าง ๆ ถึงกับปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วก็กระซิบเบา ๆ ว่า "ผู้อำนวยการหูครับ ถึงยังไงชุดหลักของพวกเธอก็ขาดวิ่นไปแล้ว ถึงยังไงงานก็ต้องพัง..."ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ทันจะพูดจบนางแบบที่สวมชุดหลักก็ปรากฏตัวบนเวทีทันทีที่เธอปรากฏตัว บรรยากาศทั้งงานก็เงียบกริบ สายตาทุกคู่จ้องไปที่กลางเวที ชุดหลักที่หลีเกอเพิ่งแก้ทรงไปเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่จะเลือกใช้สีสันที่แหวกขนบและใช้สไตล์การตัดเย็บที่แปลกใหม่เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือมันมีความพิเศษมากทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้"ถ่ายเร็ว! สไตล์การตัดเย็บของชุดนี้มีมิติจริง ๆ เป็นชุดที่สวยที่สุดในค่ำคืนนี้เลย""ดีไซน์เนอร์คนนี้เก่งมาก! ถ่ายทอดสไตล์แปลกใหม่ออกมาได้อย่างสมบูรณ์""หลังจากจบงาน ฉันต้องไปขอสัมภาษณ์เธอให้ได้!""เธอสามารถออกแบบชุดที่มีความพิเศษขนาดนี้เชียว ทำให้วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมของเราดังไกลไปทั่วโลก ดีไซน์เนอร์คนนี้ต้องมีจิตใจรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม""เธอสมควรได้รับ
"อะไรนะ กี่เพ้าตัวเดียว ประมูลกันเป็นยี่สิบล้านเลยเหรอ!""พลิกความคิดของฉันเลยนะนี่ แต่คุ้มค่าที่ได้เห็นจริง ๆ!!!""..."หลีเกอไม่รู้เลยว่าขณะนี้ชาวเน็ตกำลังแตกตื่นด้วยเรื่องอะไรกัน เธอเดินไปตามทางเดินทอดยาวบนเวที ทุกก้าวเหยียบลงบนจุดเป๊ะ ๆ ทุกการเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความสง่างามของเธอผู้คนข้างล่างต่างก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งฮั่วจิ้นเฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอนนี้ดวงตาของเขาไม่สามารถเฉไฉมองไปเห็นสิ่งอื่นใดได้อีกแล้วสายตาของเขามีเพียงเธอคนเดียว!หลีเกอเดินจบรอบแล้ว เธอก็เดินลงจากเวที เท้าของเธออ่อนแรงลงทันที ตกลงไปอยู่ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง เป็นหลีหรานนั่นเองที่รับเธอไว้อย่างมั่นคง แล้วโอบเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนหลีเกอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "พี่สาม! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ???"หลีหรานปล่อยเธอออก ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "บอกแล้วไงว่ามีของขวัญจะให้ แต่เธอดันไม่ยอมมารับ ฉันเลยถือวิสาสะแกะริบบิ้นเอง แล้วตามมาหาเธอนี่ไง"หลีเกอเพิ่งจะเข้าใจของขวัญที่หลีหรานพูดถึงคือตัวเขาเอง!"ว้าว ขอบคุณนะคะพี่สาม! แต่ฉันต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน รอให้แฟชั่นโชว์จบเมื่
"ตรวจสอบแล้ว..."ฟู่ซิวเป่ยเดินออกมาจากความมืด แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลีเกอ "กล้องวงจรปิดทุกตัวในสถานที่จัดงานได้รับการเช็กย้อนหลังแล้ว พบเบาะแสบางอย่างจริง แต่ตอนนี้เห็นผู้กระทำแค่จากด้านหลัง ไม่เห็นหน้าตรง""ว่าไงนะ! มีคนจงใจทำให้งานพังจริง ๆ ด้วย!" เจี่ยงอีอีโกรธมาก"ถ้าเห็นแค่ด้านหลังจะตามตัวได้ไหมคะ?" หลีเกอถามฟู่ซิวเป่ยตบไหล่เธอเพื่อปลอบโยน"วางใจเถอะ! มันหนีไปไหนไม่รอดหรอก"หลีเกอจึงวางใจ"ช่วงนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันมามากพอแล้ว คืนนี้ผมจองห้องส่วนตัวไว้ ออกไปผ่อนคลายกันสักหน่อยเถอะ!"เมื่อฟู่ซิวเป่ยพูดจบ เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบ ๆ ก็ร้องเฮไปตาม ๆ กัน"เยี่ยมเลยค่ะ! ขอบคุณคุณหนูหลี!""ขอบคุณประธานฟู่!""..."แต่หลีเกอกลับหันไปจับมือหลีหราน "ไปกันเถอะ! คืนนี้ไปสนุกด้วยกันสิคะ?"หลีหรานยักไหล่แล้วตอบตกลง "ได้อยู่แล้ว!"แต่หลีเกอก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ!เธอโทรหาเจินซินเดี๋ยวนั้นเป็นไปตามคาดทันทีที่ได้ยินว่าหลีหรานกลับมา เจินซินก็รีบถามหาโลเคชั่นทันทีหนึ่งชั่วโมงต่อมาห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในห้องคาราโอเกะฮวนเถิง คนทั้งกลุ่มมาถึงกันครบแล้วเจินซินเห็นหล
หลีเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็ละสายตาจากไป"ไม่มีอะไรค่ะ""ยืนเฉยอยู่ทำไมเล่า รินให้เต็ม รินให้เต็มแก้ว..." เจี่ยงอีอีถือแก้วเบียร์แล้วรินแจกจ่าย บรรยากาศเริ่มครึกครื้นมาก"ดื่มกันอย่างเดียวก็ไม่มีอะไรสนุกน่ะสิ! งั้นมาเล่นอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า!" จู้หว่านอี้เสนอ สายตาของเธอวนเวียนอยู่ที่เจินซินและหลีหรานทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรกันเลยในฐานะเพื่อนสนิทของพวกเธอ สองสาวถือเป็นตัวชงชั้นดีที่สุดดังนั้น จู้หว่านอี้และเจี่ยงอีอีจึงสบตากันครู่หนึ่ง แล้วดึงหลีเกอและฟู่ซิวเป่ยให้มานั่งเล่นเกมด้วยกันหลีเกอถาม"เล่นเกมอะไรกันดี?"จู้หว่านอี้ม้วนริมฝีปาก แสดงให้เห็นรอยยิ้มจางๆ "ยังจะถามอีกเหรอ แน่นอนว่าเป็นเกม จริง หรือ ท้า สิ...""เย่! ดีเลย!"เจี่ยงอีอีตอบรับเป็นคนแรก ทุกคนจึงมานั่งล้อมวงกัน"ฉันจะบอกกฎก่อนนะ! ง่ายมาก เราจะหมุนขวดเหล้าขวดนี้ ปากขวดหันไปทางใคร คนนั้นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างพูดความจริง หรือรับคำท้า ห้ามโกง แต่คนที่แพ้ต้องดื่มนะ..."จู้หว่านอี้รีบเสริม "ไม่มีปัญหา! มาเริ่มกันเลย!..."พูดจบ จู้หว่านอี้ก็หมุนขวดแก้วเป็นคนแรก "ห้า สี่ ส
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ของหวานมาแล้วค่ะ…”พนักงานเสิร์ฟเดินมาวางของหวานตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นอะไรหลังจากที่พนักงานเสิร์ฟเดินออกไป อีกฝ่ายก็จัดการล็อกประตูห้องเอาไว้กู้หว่านชิงถอดกุญแจออกจากเบ้า สีหน้ามืดมัวหลีเกอ แกไม่ให้ฉันมีชีวิตที่ดี ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องตายกันไปข้าง...กู้หว่านชิงไปหยิบน้ำมันมาจากที่ไหนสักแห่งสาดน้ำมันไปทั่วประตูห้องและทางเดินของร้านคาราโอเกะโดยไม่ลังเลหลังจากที่ราดน้ำมันเสร็จ เธอก็หยิบไฟแช็กขึ้นมาแล้วโยนไปตรงน้ำมันทันทีภายในพริบตาไฟก็ลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็วกู้หว่านชิงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหลีเกอ หลีเกอ วันนี้คือวันตายของแก!“กรี๊ด... ไฟไหม้... ไฟไหม้แล้ว…” พนักงานที่เดินผ่านมาเป็นคนแรกที่เห็นไฟไหม้ จึงรีบกดสัญญาณเตือนภัย!ชั่วพริบตาโถงทางเดินเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย... ไฟไหม้... ทุกคนวิ่งหนีไปเร็ว”ในห้องส่วนตัวฟู่ซิวเป่ยเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว “แย่แล้ว ไฟไหม้”พูดจบก็ดึงหลีเกอไปที่ประตูโดยไม่ลังเล!ทุกคนต่างก็ตกใจ รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู“อะไรกันเนี่ย ประตูเปิดไม่ออก”
แต่เจินซินกลับสำลักไออย่างรุนแรงและส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม พูดอย่างยากลำบาก“หลีหราน จริง ๆ ฉันอยากบอกนายมานานแล้วว่า ฉัน... ฉันชอบนายมานานแล้ว นานมาก ๆ แล้วด้วย…”แต่หลีหรานกลับไม่ได้ยินคำพูดของเธอเห็นว่าเธอทรมานมาก จึงกอดเธอไว้ตลอดเวลาพูดแค่ว่า “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตอนนี้ออกซิเจนน้อยลงเรื่อย ๆ ถ้าพูดต่อไปจะยิ่งหายใจไม่ออก”แต่เจินซินก็ไม่สนใจเธอกลับรู้สึกว่าความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ...แม้ว่าจะไอรุนแรงจนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่เธอก็ยังคงกอดหลีหรานไว้แน่นแม้ว่าจะเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิต เธอก็ยังอยากอยู่กับเขาทุกคนต่างก็น้ำตาคลอเบ้าบรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข กลับตกอยู่ในสภาวะเฉียดใกล้ความตาย...เวลานี้ฟู่ซิวเป่ยเห็นถังดับเพลิงบนผนังด้านนอก เขาไม่ลังเลเลยที่จะถอดเสื้อผ้าออก แล้วชุบน้ำคลุมหัวตัวเองไว้แล้ววิ่งออกไป“พี่ซิวเป่ย…”เนื้อตัวฟู่ซิวเป่ยถูกไฟเผาไหม้แต่เขาก็รีบหยิบถังดับเพลิงบนผนังลงมาอย่างรวดเร็ว เปิดฝาแล้วฉีดไปทางต้นเพลิง “หลีเกอ รีบออกมา… ทุกคนรีบออกมาเร็ว…”พร้อมกับเสียงของเขาทุกคนก็รีบวิ่งไปยังทางออกจนกระทั่งวินาทีสุดท้
สายตาของหลีหานมองด้วยความเครียดแล้วพูดว่า “หลีเกอ คราวนี้เธอทำให้ทุกคนตกใจแทบแย่”“โดยเฉพาะคุณปู่ ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”หลีเกอหันไปมองหลีเจิ้งเฟยด้วยความรู้สึกผิด “คุณปู่ ขอโทษนะคะ”หลีเจิ้งเฟยจับมือเธอไว้ “เด็กคนนี้ ขอโทษปู่ทำไมกัน! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนี้ จะว่าบาดเจ็บสาหัสก็ว่าได้ โชคดีที่พ่อหนุ่มตระกูลฟู่ไม่กลัวตาย เข้าไปช่วยเธอออกมาจากกองเพลิง…”เมื่อพูดถึงฟู่ซิวเป่ยหลีเกอมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นร่างของเขา จึงถามว่า “คุณปู่ พี่ซิวเป่ยอยู่ไหนคะ?”หลีหานกับหลีหรานที่ยืนอยู่ด้านหลังสบตากัน สุดท้ายหลีหานก็พูดว่า “วางใจได้ ฟู่ซิวเป่ยไม่เป็นอะไร! แค่แขนกับหลังมีแผลไฟไหม้นิดหน่อย ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยข้าง ๆ คุณป้าเฝ้าเขาอยู่น่ะ”หลีเกอทนนอนนิ่งไม่ไหวอีกต่อไปรีบลุกขึ้น “พี่ว่าไงนะ พี่ซิวเป่ยได้รับบาดเจ็บเหรอ?”พูดถึงเรื่องนี้หลีหรานก็รู้สึกผิดมาก ตอนนั้นเขามัวปกป้องเจินซิน แต่ไม่ได้ปกป้องหลีเกอ จึงถูกคุณปู่และบรรดาพี่ ๆ ตำหนิอย่างรุนแรงคราวนี้ต้องขอบคุณฟู่ซิวเป่ยเขาคือผู้มีพระคุณที่แท้จริงของตระกูลหลี“อย่าห่วงเลย หมอฝีมือดีที่สุดในโลกกำลังรั
เมื่อได้ยินเช่นนั้นร่างกายของผู้หญิงกลุ่มนี้ก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเธอเคยลิ้มรสความโหดเหี้ยมของแส้มาก่อนในเวลานี้ เฉวียนเย๋ หัวหน้ากลุ่มก็เดินออกมาดวงตาไร้ความรู้สึกจ้องมองหลีเกอ "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้… ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็หนีออกมาได้แล้ว"หลีเกอมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงไร้ความอบอุ่น"ปล่อยเราไป ไม่งั้นฉันจะถล่มที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง"ชายคนนั้นกลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก แล้วก็ตบมือ เดินเข้ามาหาหลีเกอต้องยอมรับว่าหลีเกอมีเครื่องหน้าที่สวยมาก แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมสมบุกสมบันแบบนี้ แต่ก็ยังคงมีความสวยที่แตกต่างออกไป นางฟ้านางสวรรค์แบบนี้ ถ้าพาไปขายในตลาดมืดคงจะได้ราคาดีไม่น้อยแต่ก็เท่านั้นแหละ สวยก็ส่วนสวย แต่กลับเป็นกุหลาบมีหนาม"ปล่อยพวกเธอไปเหรอ ฝันไปเถอะ"พูดจบ เขาก็โบกมือให้บอดี้การ์ดสองสามคนเดินเข้าไปแต่ในเวลานี้ลูกน้องอีกคนก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "พี่เฉวียน ไม่ดีแล้ว บาร์ของเราถูกปิดล้อมแล้ว"สีหน้าของพี่เฉวียนเปลี่ยนไปทันที ตะโกนด้วยความโกรธ “ได้ยังไงวะ?!""คำสั่งของตระกูลหลี ตระกูลหลีมหาเศรษฐีครับ"พี่เฉวียนคว้าค
"จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะถูกส่งตัวออกไปแล้ว… จะไม่มีวันได้เจอครอบครัวอีกแล้วใช่ไหม?""ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากตาย ใครก็ได้ช่วยเราที""..."พูดจบก็มีเสียงสะอื้นดังระงมหลีเกอเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าท่ามกลางสังคมที่เจริญแล้วเช่นนี้ จะยังมีเรื่องราวมืดดำแบบนี้ซุกซ่อนอยู่สายตาของเธอเหลือบมองไปตามเสียงสะอื้นแต่ในวินาทีถัดมา เธอกลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างมาก ซึ่งขัดกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหญิงสาวดังกล่าวดูอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่กลับมีความเยือกเย็นและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับจ้องมองหลีเกอราวกับต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ไม่พูดอะไรผ่านไปครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "คุณจะช่วยเราออกไปได้จริง ๆ เหรอ?"หลีเกอตอบอย่างมั่นใจ "เชื่อฉันสิ เราต้องออกไปได้แน่นอน"ประโยคนี้เปรียบเสมือนผู้ไถ่บาปที่ทำให้บรรดาหญิงสาวมีความหวัง แต่ในวินาทีถัดมา หญิงสาวก็เห็นว่าหลีเกอถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ความหวังที่เพิ่งผุดขึ้นดับวูบลงไปหลีเกอลดสายตาลง
ชายในห้องเดินออกมาหลังจากนั้น เมื่อเห็นหลีเกอก็ตาเป็นประกาย "โอ้โห นี่มันของดีจากไหนกัน..."บางคนจำหลีเกอได้ว่าเป็นคนที่เข้ามาพร้อมกับฉีอวิ๋นเทียน จึงกระซิบบอกชายคนนั้นว่า "พี่เฉวียน คนนี้เป็นแขกที่คุณชายฉีพามาครับ"เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อฉีอวิ๋นเทียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วก็เดินเข้ามาหาหลีเกอ "เมื่อกี้เธอเห็นอะไร ได้ยินอะไรบ้าง?"หลีเกอจ้องเขม็งมองเขา ไม่มีแววความกลัวในดวงตา "พวกคุณทำธุรกิจอย่างเปิดเผย แต่ที่ไหนได้ กลับมีธุรกิจมืดอีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ผู้หญิงในห้องนั้น พวกคุณลักพาตัวมาใช่ไหม?"ชายคนนั้นยิ้ม แววตาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม "ดูเหมือนวันนี้เธอคงไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว...แต่ก็ดี ของดีแบบเธอน่ะหายาก"พูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องเดินเข้ามาหลีเกอหัวเราะเยาะ "อยากจับฉัน ก็ลองดูสิว่าพวกนายมีปัญญาหรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ชายร่างกำยำหลายคนก็กรูเข้ามา หลีเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือสวนกลับอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เตะตัดขาของคู่ต่อสู้ทุกการออกแรงไม่มีความลังเลเลย เตะจนคู่ต่อสู้ถอยหลังไปหลายก้าวชายที่ถูกเรียกว่าพี่เฉวียนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที "ดูเหมือนตั้งใจมาหาเรื่องสินะ"พูดจบ
ฉีอวิ๋นเทียนพยักหน้ารัวเร็ว "แหงสิ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ""แต่ฉันสังหรณ์ใจว่าคุณน่าจะได้เจอกับเนื้อคู่ของคุณเร็ว ๆ นี้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอวิ๋นเทียนก็ตกใจ "เทพธิดา ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"หลีเกอขมวดคิ้ว "ทำไม ไม่เชื่อเหรอ?""ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ในโลกนี้ นอกจากคุณแล้ว หายากมากที่จะมีใครทำให้หัวใจผมสั่นไหวอีก"ฉีอวิ๋นเทียนพูดจบก็ถอนหายใจ "แต่เมื่อเทียบกับตัวผมแล้ว ความสุขของเทพธิดาสำคัญกว่า..."เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ตัดสินใจลาออกจากตี้เซิ่งโดยไม่ลังเล เพื่อให้เธอมีความสุขส่วนความสุขของตัวเขาเองนั้นไม่สำคัญเลย"คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณก็อยู่ร่วมด้วยสิ"หลีเกอเพิ่งจะปฏิเสธ ฉีอวิ๋นเทียนกลับทำหน้าตาอ้อนวอน "เทพธิดา มาเถอะนะ ไม่งั้นปู่ผมไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ ๆ เลย..."หลีเกอหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกว่าฉีอวิ๋นเทียนผู้ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย กลับมีลาสบอสที่ทำให้เขากลัวหัวหดนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดี ในที่สุดเธอก็ตอบตกลง "ได้"ฉีอวิ๋นเทียนดีใจมาก "ตกลงตามนั้นนะ ไว้เจอกันตอนเย็น"...ตกเย็นหลีเกอเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองสบาย ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน สถานที่ที่ฉีอวิ๋นเทียนจั
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายคนนั้น นิ้วของซ่งเซียงเซียงก็จิกเข้าไปในเนื้ออย่างเงียบ ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอาซะเลยในเวลานี้ ซ่งฟู่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เดินตรงมาหาซ่งเซียงเซียงได้ยินเสียงตบดัง ‘เผียะ’ ซ่งเซียงเซียงเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ปากก็พูดด้วยความน้อยใจ "พ่อ ตบฉันทำไมคะ!"ซ่งฟู่โกรธมากเมื่อครู่หลี่หานได้ส่งคนมาเตือนเขาแล้ว ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะซ่งเซียงเซียงพยายามกลั่นแกล้งหลีเกอ"ซ่งเซียงเซียง แกนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ก่อนมาฉันเคยเตือนแกว่ายังไง? กล้าดียังไงถึงกล้าไปยุ่งกับคุณหนูหลี!"ซ่งเซียงเซียงปิดหน้าไม่น่าเชื่อว่าพ่อที่รักเธออย่างสุดหัวใจ กลับลงมือตบหน้าเธอต่อหน้าคนอื่นเพราะหลีเกอคนเดียวเธอหลุบตาลง ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโทษทุกอย่างว่าเป็นความผิดของหลีเกอซ่งฟู่จ้องเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดขีด แล้วพูดต่อว่า "ถ้าแกทำให้คุณหนูหลีขุ่นเคือง บริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคของเราต้องล่มสลายแน่ รู้ตัวไหมว่าแกทำอะไรลงไป!"ซ่งเซียงเซียงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรซ่งฟู่เห็นว่าเธอยังไม่สำนึก จึงพูดตรง ๆ "อย่ามาทำให้ฉันขายหน้าอยู่ที่นี่ รีบกลับไปเดี๋ยวน
ในทันใดนั้นเอง หลีเกอก็เริ่มบอกเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การบริหารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วคำพูดของเธอทั้งแฝงอารมณ์ขันและดึงดูดความสนใจ ไม่โอ้อวดมากเกินไปและไม่ถ่อมตัวจนน่ารำคาญ จับจุดได้อย่างเหมาะเจาะการอธิบายง่าย ๆ สิบนาที ทุกคนในที่นั้นกลับพร้อมใจกันตั้งใจฟัง จนกระทั่งจบลง ห้องประชุมก็เงียบไปหลายวินาที ก่อนที่จะปรบมือกันอย่างกึกก้อง"คุณหนูหลีเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริง ๆ!""มีหลักแนวคิดที่ชัดเจน ผ่อนคลายและเข้มงวดในเวลาเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอบริหารตี้เซิ่งให้เจริญรุ่งเรืองได้""คุณหนูหลีเป็นคนที่เราควรเรียนรู้เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ! ถึงเธอจะยังอายุน้อย แต่แนวคิดทางธุรกิจของเธอก็มมมีความเป็นปัจเจกสูงมาก""ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณหนูหลี จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยล่ะสำหรับพวกเรา!""..."เมื่อได้ยินเสียงสรรเสริญรอบข้าง ซ่งเซียงเซียงก็อึ้งงันไปเดิมทีเธอต้องการหาทางโจมตีหลีเกอแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เธอโด่งดังในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้!เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?"เดี๋ยวก่อน..."ซ่งเซียงเซียงส่งเสียงเรียกหลีเกอที่กำลังจะลงจากเวทีไว้ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งน
เธอเดินหลังตรงไปที่หลังเวทีไม่นานนัก พิธีเปิดการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็เริ่มขึ้น พิธีกรยืนอยู่บนเวทีแล้วกล่าวเปิดงานอย่างคล่องแคล่วในไม่ช้า บรรยากาศของการประชุมสุดยอดทางธุรกิจก็ถึงจุดพีคของงาน"ผมเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นสุดยอดของสุดยอดในแวดวงธุรกิจของเรา ตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิม เราจะสุ่มเลือกผู้โชคดีขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์การบริหารธุรกิจ"เมื่อพิธีกรพูดจบซ่งเซียงเซียงก็เดินออกมาจากหลังเวที หันไปมองหลีเกอด้วยสีหน้ามืดมนในใจก็คิดอะไรบางอย่างหลังจากนั้น เธอก็เดินไปหาคุณนายผู้ร่ำรวยกลุ่มนั้น แล้วก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย "เดี๋ยวรอดูได้เลย มีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นแน่"คุณนายผู้ร่ำรวยไม่เข้าใจว่าซ่งเซียงเซียงกำลังคิดจะทำอะไร จึงเตือนว่า "คุณหนูซ่ง อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า"ซ่งเซียงเซียงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสโดยไม่พูดอะไรในใจคิดว่าต้องทำให้หลีเกออับอายขายหน้าให้ได้แต่ในเวลานี้ พิธีกรบนเวทีกลับหันไปมองหลีเกอที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน"วันนี้เรามีบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลมากท่านหนึ่งมาร่วมงานของเรา นั่นก็คือประธานบริษัทตี้เซิ่ง คุณหนูหลีเกอ ทางเราขอเชิญคุณหนูหลีเกอขึ้นมาแ
หลีเกอจ้องเขม็งมองเธอ ซ่งเซียงเซียงรู้สึกผิดจึงหดคอลงตีงูต้องตีที่หัวหลีเกอรู้ว่าซ่งเซียงเซียงกังวลสิ่งใดมากที่สุดดังนั้น เธอจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา"ถึงเวลาที่สมควรแก่การปฏิรูปบริษัทเหม่ยห่าวอิเล็กทริคแล้ว งานประชุมสุดยอดทางธุรกิจครั้งนี้ เธอถอนตัวไปเถอะ"เมื่อได้ยินแบบนั้นซ่งเซียงเซียงก็ร้อนรนขึ้นมาจริง ๆ"ไม่ได้"เธอโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ถ้าเธอถอนตัวออกจากการประชุมทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทก็จะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล"หลีเกอ ฉันจะยอมทำตามที่เธอต้องการทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้ ฉันให้ไม่ได้จริง ๆ"หลีเกอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตอนนี้ถ้าถอนตัวไปซะเราก็ยังพอจะประนีประนอมกันได้ แต่ถ้าไม่ยอม เมื่อถึงเวลาที่ต้องถูกบีบให้ถอนตัว คราวนี้เหม่ยห่าวอิเล็กทริคจะถึงคราวพินาศของจริง"ซ่งเซียงเซียงรู้สึกเข่าอ่อนความกลัวจากภายในจู่โจมทั่วทั้งร่าง ไม่คิดเลยว่าหลีเกอจะมีความคิดและกลยุทธ์ที่เฉียบคมแบบนี้ในเวลานี้เธอเสียใจจนแทบจะกลั้นใจตาย แต่ก็ยังพยายามต่อรอง "หลีเกอ เหม่ยห่าวอิเล็กทริคเป็นความหวังของครอบครัวเรา อย่าทำลายมันเลยนะ""ฉ
"คุณหนูหลี ผมทำธุรกิจส่งออก หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกับคุณในอนาคตนะครับ""บริษัทของเราส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ฉันหวังว่าคุณหลีจะให้คำแนะนำแก่ฉันในอนาคต""..."เมื่อเผชิญกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของผู้คน หลีเกอก็ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่วางตนโอ้อวดและไม่ดูถูกใคร จึงได้รับความชื่นชมจากผู้คนจำนวนมากแม้แต่นักธุรกิจหลายรายก็เสนอความร่วมมือกับหลีเกอโดยตรง หลีเกอก็ใช้โอกาสนี้กอบโกยคำสั่งซื้อจำนวนมากให้กับบริษัทตี้เซิ่งซ่งเซียงเซียงก็เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ตลอดโลกทัศน์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่หลีหานแนะนำตัวตนของหลีเกอเธอรู้สึกมึนงงไปหมดเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงสมัยเรียน เธอกับเพื่อน ๆ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม และพูดจาไม่ดีใส่หลีเกอสารพัดคิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียใจจนแทบขาดใจทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรที่ดีขนาดนี้อยู่ใกล้ตัว แต่เธอกลับทำลายมันไปเอง"เซียงเซียง มัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?""พ่อไม่ได้กำชับให้ลูกไปทำความรู้จักกับคุณหนูหลีหรอกเหรอ เพื่อจะได้หาคำสั่งซื้อเพิ่ม แล้วทำอะไรอยู่?"ซ่งฟู่ดึงซ่งเซียงเซียงมาตำหนิเบา ๆซ่งเซียงเซียงยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อตัวเองอย่างแ