งานเลี้ยงจบลงด้วยดี ระหว่างนี้ทุกคนต่างพากันทยอยกลับ ชนัญญาเมาแล้ว เธอพึ่งจะประครองเข้าไปส่งที่ห้องนอนของภาคินมาเมื่อสักครู่
"แล้วนี่จีกลับยังไง กลับเองหรอ ขับรถไหวหรือเปล่าให้คนขับรถของพี่ไปส่งได้นะ"ภาคินเสนอเมื่อเห็นว่าเธออยู่ช่วยเป็นคนสุดท้าย
"ไม่ดีกว่าค่ะ คอนโดจีแค่นี้เองพี่คินไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างจีดื่มไปแค่แก้วเดียวเอง แค่นี้สบายมาก"จิรัสยาบอกปัดไปอย่างง่ายๆเพราะไม่อยากลำบากคนอื่น ปล่อยให้ภาคินได้ดูแลชนัญญาเสียจะดีกว่า
"งั้นขับรถกลับดีๆล่ะ ถ้ากลับไม่ไหวก็บอกให้มันไปส่ง" ภาคินพูดจายิ้มๆ คืออะไร จิรัสยายังคงงงงวยกับสิ่งที่ภาคินพูดออกมาเมื่อสักครู่หากแต่พอจะเงยหน้าขึ้นไปถามเจ้าตัวก็ดันปิดประตูและโบกมือลาให้เธอไปเรียบร้อย
คืนนี้จิรัสยากลับเป็นคนสุดท้ายเนื่องจากว่าคอยดูแลความเรียบร้อยอะไรนิดๆหน่อยๆแถมยังต้องดูแลชนัญญาที่เมาพับหลับไปก่อนแล้วนั่นอีก พอเดินออกจากลิฟท์โดยสารมาก็เหลือเพียงแค่รถของเธอคันเดียวที่ยังจอดอยู่
มือเรียวสวยพยายามควานล้วงหากุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าแต่ล้วงจนทั่วและหายังไงก็ยังไม่พบจนเธอชักเริ่มจะหัวเสีย เธอจำได้ว่าเก็บกุญแจรถไว้ในกระเป๋าตลอดและเธอก็ไม่เคยได้ถอดกระเป๋าออกจากตัวไปที่ไหนแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่กุญแจรถของเธอจะหายไป
ขณะนี้เป็นเวลาเกือบตีสองกว่าๆ มือถือชื่อดังรุ่นใหม่ล่าสุดถูกหยิบออกมาและต่อสายขึ้นไปหาชนัญญาทันที เธอยืนรอฟังเสียงสัญญาอยู่หลายครั้งหากแต่ว่าก็ไม่มีใครตอบ จนเธอคิดว่าน่าจะต้องกลับขึ้นไปลองหาดูเอง แต่ขณะที่ขาเรียวยาวก้าวเท้าหันกลับไปก็พบว่ายังมีใครที่กำลังเดินสวนเธอออกมาอีกที เขาเดินตรงมาทางนี้ ตรงที่เธอยืนอยู่ และหยุดลง
เขาอีกแล้ว จิรัสยาไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าแบบไหน เพราะเมื่อกี้หลังจากเกิดเหตุการณ์แปลกๆตอนที่ภาคินกำลังจะเป่าเค้กนั้นก็ทำเอาเธอตกใจไปรอบหนึ่งแล้วๆนี่เขาก็ยังจะมาทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
"ยังไม่กลับหรอครับ ตีสองกว่าผมนึกว่าคุณจะกลับไปแล้วเสียอีก" ทิมกล่าวทักทายอีกรอบ
"ก็กำลังจะกลับค่ะ แต่ว่าพอดีกุญแจรถหาย ไม่รู้ว่าไปวางลืมไว้ที่ตรงไหน" ในเมื่อเขาถามและตัวเธอเองก็ไม่ได้นึกอยากที่จะพูดแต่ก็จำเป็นต้องตอบไปตามมารยาท
"นี่อย่าบอกนะว่าคุณกำลังจะขี้นไปหาบนห้องเจ้าคิน" คิ้วเข้มๆของทิมกระดกขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงตั้งคำถาม
"ก็..ใช่สิคะ เพราะไม่อย่างงั้นฉันจะกลับบ้านยังไงล่ะ" จิรัสยาพูดอย่างอึกอัก อันที่จริงเธอก็รู้ว่านี่มันดึกมากแล้ว แต่จะให้เธอทำอย่างไรในเมื่อเธอไม่มีกุญแจรถและเธอก็คิดว่ามันคงต้องอยู่ที่ห้องของภาคินแน่ๆ เพราะตั้งแต่ตอนที่เธอจอดรถแล้วเธอก็ตรงขึ้นไปข้างบนเลย ไม่ได้แวะที่ใดอีก จะมีก็แต่เพียงช่วงเวลาชั่วครู่ที่ถอดกระเป๋าออกตอนช่วยชนัญญาเตรียมเค้กมาให้ภาคินเท่านั้น
"แต่นี่มันดึกแล้วนะครับ และผมก็คิดว่าสองคนนั้นคงจะหลับกันหมดแล้ว ถ้าเกิดว่าคุณไม่กลัวผมจนเกินไป ผมสามารถไปส่งได้" เมื่อคำถามถูกตั้งขึ้นมา คนตอบก็มองหน้าคนถามอย่างลังเล จะเอายังไงดี อย่าลืมว่าเขาคือคนแปลกหน้านะและเธอเองก็พึ่งจะรู้จักเขาอย่างเป็นทางการก็วันนี้ เพราะปกติเธอก็แค่รู้จักเขาเพียงผ่านสื่อ
"คิดว่าไม่รบกวนคุณทิมดีกว่าค่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้เช้าฉันต้องใช้รถด้วย ยังไงคืนนี้ก็ต้องขับรถกลับค่ะ"
"ไม่รบกวนผม แต่จะไปรบกวนเจ้าคินกับฝ้ายแทนอย่างงั้นหรอครับ ผมว่าไอ้คินมันคงไม่มาเปิดประตูให้คุณหรอก เจ้านี่พอมันดื่มแล้วก็ขี้เซาจะตาย" เรื่องที่เขาพูดมานั้นอันที่จริงเธอเองก็พอจะรู้มาอยู่บ้าง จิรัสยาทำท่าครุ่นคริดอีกรอบ ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไงดี
"ให้ผมไปส่งแล้วคุณก็เก็บรถผมเอาไว้ใช้ พอเสร็จธุระแล้วค่อยขับมาคืน เดี๋ยวผมให้คนของผมขับไปคอยรับที่บ้านคุณเอง แล้วถ้าคุณกลัวหรือไม่ไว้ใจผมล่ะก็ สบายใจได้ครับ ผมเป็นใครคุณก็รู้อยู่ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำอะไร เชื่อใจผม" ทิมกล่าวออกมาท่าทางจริงจังราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แถมบนใบหน้าเขายังมีรอยยิ้มเท่ๆประดับอยู่ตรงมุมปาก จนจิรัสยาจ้องมองแล้วยังแอบใจสั่น
'หยุดเดี๋ยวนี้นะจี ผู้ชายคนนี้เป็นใครลืมไปแล้วหรือ' เธอด่าตัวเองเบาๆในใจ รู้ทั้งรู้อยู่ว่าผู้ชายตรงหน้านี้เป็นใครและอันตรายต่อหัวใจเพียงใดแต่ก๋มิวายเธอยังแอบเผลอไปชื่นชมถึงความงดงามที่ฟ้าประทานมาให้เขาอีกจนได้
ยิ่งไปกว่านั้นพอได้พูดคุยกันไปกันมา อยู่ๆจิรัสยาก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถหรูอย่างงงๆ ปกติรถยนต์ที่เธอใช้ขับก็เป็นรถนำเข้าราคาแพงพอตัว แต่รถของทิมคันนี้คงเป็นรถหรูที่มีวิ่งอยู่แค่ไม่กี่คันบนโลกเท่านั้น ทำไปทำมาเธอก็ยอมให้เขาพามาส่งจนได้ ไหนบอกว่าอยากอยู่ให้ไกลจากผู้ชายคนนี้ไง แล้วทำไมกลายเป็นว่ามันยิ่งใกล้ากว่าเดิมเข้าไปอีก
"พรุ่งนี้คุณทำงานใช่หรือเปล่า"
"ค่ะ มีบินตอนห้าทุ่ม" จิรัสยายังคงนั่งนิ่งตัวลีบติดประตูฝั่งตัวเอง เธอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปแม้แต่ฝั่งไหน พยายามนั่งเฉยๆ พอเขาถามคำเธอก็ตอบคำ
"หวังว่าเราคงได้เจอกันพรุ่งนี้นะครับ" รอยยิ้มเท่ๆยังคงปรากฎออกมาจากริมฝีปากทิมไม่หยุด แม้ว่าจะเคยตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าเกลียดผู้ชายเจ้าชู้เพียงใด แต่กับทิมยิ่งมองทำไมเขาถึงยิ่งดูดีมีเสน่ห์ หรือว่านี่จะคือเหตุผลจริงๆที่สาวๆต่างพากันหลงเสน่ห์เขา อย่าบอกนะว่านี่เธอกำลังจะโดนเขาตกเข้าอีกคน ไม่ได้นะ
"หมายความว่ายังไงคะ"
"ก็หมายความว่าคืนพรุ่งนี้ผมมีบินไปประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์พอดี แล้วคุณก็มีไฟล์ทบินไปที่นั่นเหมือนกันไม่ใช่หรอ"
"แต่ฉันยังไม่ได้บอกคุณเลยนะคะว่ามีไฟล์ทบินไปที่ไหน" จิรัสยาทำหน้าตกใจและงงมาก นี่เขารู้ได้ยังไงกัน
"ไม่ต้องตกใจหรอกว่าผมรู้ได้ยังไง ฝ้ายเป็นคนบอกผมเองเมื่อตอนหัวค่ำ" ทิมกล่าวออกมาพร้อมยิ้มและหันมาสบตาเพียงชั่วครู่ จิรัสยาพึ่งสังเกตเห็นว่าเขามีเขี้ยวแหลมเล็กด้วย ประหนึ่งพวกแดร็กคูลาแวมไพร์ ดูแล้วยิ่งสร้างให้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก
เขากลับไปแล้ว..จิรัสยาเอามือทาบไว้ที่หน้าอกและพ่นลมหายใจออกมาทางปากหลังจากก้าวเข้ามาอยู่ในห้องของตัวเองเสร็จ"ตกลงจะเอารถผมไว้ใช้หรือพรุ่งนี้จะให้คนรถของผมมารับคุณไปส่งที่ทำงานครับ""ขอโทษนะคะคุณทิม นี่คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าคะ เราไม่ได้รู้จักกัน จู่ๆจะเอารถราคาคันละตั้งหลายสิบล้านมาให้ฉันไว้ใช้ ฉันไม่เข้าใจค่ะ " "เรารู้จักกันแล้ว ฝ้ายพึ่งแนะนำไปตอนหัวค่ำ คุณลืมไปแล้วหรือเปล่า""ค่ะ ไม่ลืม แต่เราก็ไม่ได้รู้จักกันถึงขนาดที่ว่าคุณเอารถของคุณมาให้ฉันไว้ใช้ได้นะคะ""ไม่ต้องห่วงอีกหน่อยก็รู้จัก เพราะผมอยากรู้จัก คุณเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย" จิรัสยายังคงช็อคกับเหตุการ์ณนี้ไม่หายว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คืออะไร เขาคงไม่ได้จะกำลังสนใจเธออยู่หรอกใช่มั้ย ในเมื่อเขามีว่าที่คู่หมั้นแล้วนี่ บ้าชะมัด เธอต้องตั้งรับกับผู้ชายอันตรายคนนี้ไว้ให้ดีๆ จิรัสยารู้สึกว่าเขาอันตราย แม้ว่าภายนอกจะดูสุขุมนุ่มลึกเพียงใดแต่เธอเชื่อว่าเขาน่ะ 'ไฟ' ดีๆนี่เอง หากไม่อยากโดนแผดเผาก็จงพยายามอยู่ให้ไกลสรุปพรุ่งนี้ทิมสั่งให้คนของเขามารับเธอเเทนที่จะเอารถหรูมาจอดทิ้งไว้ที่คอนโด เนื่องจากว่าจิรัสยายืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่
หลังจากที่ทิมมาส่งเรียบร้อยจิรัสยาก็ตรงเข้าออฟฟิศเพื่อเตรียมตัวสำหรับเที่ยวบินในคืนนี้ หากแต่ระหว่างทางภายในใจก็ยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาขับรถมาส่งเธอที่คอนโดตั้งแต่เมื่อคืน หรือขับรถมารับเธอในตอนเย็นของวันนี้ ไหนจะเหล่าคำพูดแปลกๆของเขาอีกที่คอยรบกวนจิตใจเธออยู่ตลอด"ยังไม่รู้จักแต่ผมอยากรู้จัก""ถ้าผมยังไม่มีเจ้าของคุณจะอยากยุ่งกับผมหรือเปล่า""ผมอยากรู้จัก คุณเตรียมตัวไว้ได้เลย"ทุกๆประโยคเหล่านั้นยังคงดังขึ้นอยู่ภายในใจ เอาเข้าจริงๆถ้าเธอไม่หลงตัวเองจนเกินไป จากทุกๆประโยคเหล่านั้นจรัสยาก็พอที่จะสามารถรู้เองได้ว่าทิมหมายถึงอะไร เธอไม่ใช่เด็ก เธอใช้ชีวิตมาจนขนาดนี้แล้วและเธอก็สามารถมองมันออกจิรัสยายอมรับตรงนี้ว่าผู้ชายแบบทิมนั้นมีแรงดึงดูดได้มากจริงๆ แต่ยังไงเสียมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้กับเธอแน่ๆ เธอยังยืนยันคำเดิม เธอไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ ถ้าการที่เธอจะต้องมอบหัวใจให้ใครสักคน คนๆนั้นต้องแสดงให้เธอเห็นว่าเขาจะรักและมีเพียงแค่เธอไปคนเดียว คนอื่นอาจมองว่าความคิดเหล่านี้ของเธอนั้นมันโบราณล้าสมัย สมัยนี้ลองๆคบกันไปก่อน ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ก็แค่เลิกรา แต่สำหรับ
เวลาแปดโมงห้าสิบตามเวลาท้องถิ่น จิรัสยาแต่งตัวลงมาคอยที่ล็อบบี้ เพียงห้านาทีต่อจากนั้นก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเท่คุ้นตาราวกับนายแบบสวมแว่นกันแดดสีดำใส่กางเกงยีนต์สีเข้มตามด้วยแจ็คเก็ตหนังกันหนาวสีดำตัวแพงเดินตรงเข้ามาหาเธอวินาทีแรกที่หันมองไป เธอนึกไม่ถึงจริงๆว่าจะเป็นเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย ปกติสองสามครั้งที่เจอเขาตัวเป็นๆหรือไม่ก็ตามสื่อสังคมออนไลน์ทิมมักจะแต่งกายด้วยชุดสูทสุดเนี้ยบเสมอ ไม่น่าเชื่อว่าพอได้เห็นเขาในมุมนี้บ้างมันจะทำเอาเธอใจเต้นได้เหมือนกัน"อะแฮ่ม สวัสดีตอนเช้าครับ" ทิมกระแอมเพียงเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติของคนตรงหน้า เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วหากแต่ว่าเธอก็ยังคงมองเขาเฉย แถมยังอ้าปากค้างเอาไว้น้อยๆอีก นี่ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป เขาคงจะแอบคิดไปได้ว่าจิรัสยากำลังตกอยู่ในอาการอึ้งตะลึงในความหล่อของเขาอยู่แน่ๆ"สะ..สวัสดีค่ะ" น้ำเสียงตะกุกตะกักรีบตอบด้วยความตกใจออกไปในทันทีที่ถูกเขาจับได้ว่าเธอกำลังแอบมอง ลมหายใจถูกสูดเข้าไปลึกๆอีกครั้งก่อนที่เธอจะต้องพยายามรีบดึงสติกลับมาให้ไวและปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่ซึ่งจะว่าไปเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องธร
ใช้เวลาขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมงจากที่พักทิมก็พาเธอมาถึงสกีรีสอร์์ทแห่งหนึ่ง จิรัสยามองตามความสูงของเทือกเขาแอลป์ขึ้นไปที่ด้านบนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนไปหมด"คุณจะใส่ชุดนี้ไปเล่นสกีหรอคะ" จิรัสยาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทิมไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อื่นใดมา"ผมไม่ได้จะมาเล่นสกีครับ แค่อยากพาคุณมานั่งเคเบิลคาร์ คุณพ่อคุณแม่เคยพาผมมาที่นี่สองสามครั้งตอนเด็ก ผมชอบมากแต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลยเพราะทุกคนต่างคนต่างก็ใช้ชีวิต" "แล้วทำไมคุณถึงไม่มาเองคนเดียวล่ะคะ""ไม่ครับ ผมอยากรอ รอที่จะพาใครสักคนหนึ่งที่ผมอยากจะมาที่นี่ด้วย แต่ที่ผ่านมายังไม่มี""คุณจะบอกว่าคนๆนั้นคือฉันอย่างนั้นหรอคะ""แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ""แล้วถ้าฉันอยากจะบอกว่า ฉันกำลังคิด ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่มันก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่คุณใช้ตกเหยื่อล่ะคะ" ทิมขำพรืดออกมาเมื่อเห็นว่าจิรัสยาจริงจังในการกล่าวหาและพยายามยัดเยียดให้เขาเป็นคนเจ้าชู้เสียให้ได้"ไม่เอาน่า เลิกพูดปรักปรำผมแล้วขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ ข้างบนสวยมากๆ ผมอยากให้คุณได้เห็น" ทิมมองมาที่เธออย่างยิ้มๆหลังจากส่ายหัวไปสองสามที เมื่อเห็นว่าจิรัสยาคอยแต่จะปรักปรำช
เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่มีทางเลือกจิรัสยาจึงจำเป็นต้องอยู่ค้างคืนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งข่าวร้ายไปกว่านั้นก็คือ พนักงานแจ้งว่าเธอและเขาจำเป็นที่จะต้องพักห้องเดียวกัน เพราะห้องพักของที่นี่นั้นเต็มหมดแล้ว บ้าชะมัด นี่มันนิยายน้ำเน่าที่เธอเคยอ่านสมัยเรียนหรือเปล่านะ คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้"นี่คือกุญเเจห้องของคุณทั้งสอง กรุณาเดินไปจนสุดทางที่หมายเลขห้องนี้ ทางเราต้องขออภัยในความไม่สะดวกเป็นอย่างมาก" พนักงานบอกและยื่นคีย์การ์ดให้กับทิมในที่สุดจิรัสยาก็ต้องเดินตามเขาเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย ทิมพาเธอเดินเข้าไปด้านในจนสุดทางและคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องสุดท้ายเพราะเมื่อสักครู่เธอเดินผ่านมาหลายห้องแล้ว ฝ่ามือใหญ่กดทาบคีย์การ์ดไปกับประตูและมันก็เปิดออก เมื่อก้าวเท้าเข้าไปจิรัสยาก็แทบจะลืมตัวไปชั่วขณะ ด้านในเป็นห้องกระจกวิวหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแถมด้านหน้ายังเป็นวิวเทือกเขาแอลป์สูงตระหง่าตั้งอยู่อีกฝั่ง ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบว่าห้องๆนี้ตั้งอยู่ติดกับบนหน้าผา"นี่เขาให้เรานอนในห้องแบบนี้จริงๆหรอคะ" จิรัสยาถามขึ้นมาอย่างลืมตัว"ไม่ถูกใจคุณหรอครับ""ใ
ผ่านไปเป็นเวลากว่าสิบนาทีที่จิรัสยาต้องนอนเฉยๆอยู่ในอ้อมกอดของเขาแต่มันกลับให้ความรู้สึกยาวนานราวกับผ่านไปเป็นชั่วโมง เสียงหัวใจภายในของเธอนั้นเต้นโครมครามยิ่งกว่าสิ่งใดจะเทียบหากเขาได้ยินคงอาจจะหัวเราะเอาได้ เวลานี้เธอนอนขดขาตะแคงข้างโดยที่ด้านหลังมีทิมโอบกอดเอาไว้อยู่ตึกตักๆ เสียงของลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ซอกคอและใบหูเริ่มสร้างความร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย ในชีวิตเธอไม่เคยได้ลองทำอะไรแบบนี้มาก่อนแม้กระทั่งกับแฟนเก่าอย่าง ปัทมะ "เริ่มอุ่นขึ้นบ้างหรือยัง"ในขณะที่กำลังคิดเพลินๆก็มีเสียงกระซิบแผ่วเบาทำเอาจิรัสยาถึงกับสะดุ้งเรียกสติ ศรีษะทุยค่อยๆพยักหน้ารับเขาแทนคำตอบ"อยากอุ่นกว่านี้หรือเปล่า"จิรัสยาไม่ตอบ เธอเงียบและนิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาถามว่าจะยังคงมีวิธีไหนที่จะสามารถสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายของเธอและเขาได้มากขึ้นกว่านี้อีก ในขณะที่กำลังคิดตรึกตรองและยังไม่ทันได้ทราบถึงคำตอบ ร่างของเธอก็ถูกทิมพลิกกลับมาให้หันหน้ามาทางเชาจิรัสยาตกใจในทันที ดวงตากลมโตจ้องมองเขากลับอย่างระแวงสงสัย แต่ทิมก็ไม่ปล่อยให้เธอได้สงสัยนาน ใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประทับริมฝีทางลงไปที่ริมฝีปากเธอทันที
เมื่อเจอคำถามของทิมเข้าไป จิรัสยาก็ถึงกับได้สติ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงซุกซอกอยู่กับสองเต้าขาวอวบของเธอนั้นกำลังผลัดกันเชยชมสลับข้างไปมาราวกับว่ามันน่าลุ่มหลงนาทีนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน ร่างงามจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ทิมเงยหน้าขาวๆของเขาขึ้นมองสบตาเธออีกครั้งก่อนจะโน้มกลับเข้ามาใกล้ๆหมายจะจูบลงไปที่กลีบปากบางนั้นอีกหากแต่ว่าถูกเธอห้ามเอาไว้เสียก่อน"ฉันหายหนาวแล้วค่ะ คุณรีบรับโทรศัพท์สิคะเผื่อพนักงานโทรมา" ทิมยิ้มก่อนจะหันมามองริมฝีแสนหวานนั้นตาละห้อย แล้วจึงตัดใจผละลุกขึ้นจากเตียงไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงส่งเสียงร้องรออยู่จิรัสยาพอเห็นว่าทิมลุกขึ้นไปแล้วเธอจึงรีบก้มลงมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง ที่เวลานี้หลุดรุ่ยและถูกถลกขึ้นไปจนเกือบจะถึงคอ พอได้ก้มลงมองไปยังหน้าอกของตัวเองก็ได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อเวลานี้สองเต้าขาวอวบปรากฎริ้วรอยสีแดงเป็นจ้ำๆอยู่หลายจุด จิรัสยาทำเสียงจิปากด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปมองยังตัวต้นเหตุที่ก็เผอิญว่าหันกลับมองมาที่เธอพอดีทิมยิ้มราวกับรู้ว่าตนกำลังถูกเธอตำหนิ บ้าจริง มือเล็กรีบดึงเสื้อลงอย่างทันควันเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองมันอยู่ เกือบไ
พอขึ้นมาถึงจิรัสยาก็เอาแต่นั่งเงียบ เธอเลือกที่จะมองออกไปยังนอกหน้าต่างแทนที่จะหันกลับมาพูดคุยกับเขา "ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้"ไร้การตอบโต้และปฏิกิริยาใดๆ ทิมสังเกตุเห็นว่าที่ไหล่มีการขยับน้อยๆ เธอคงจะกำลังร้องไห้อยู่จึงได้ค่อยๆดึงให้คนตัวเล็กหันกลับมาซบลงบนหน้าอก และมันก็เป็นไปจริงดั่งที่เขาคาด ใบหน้างามถูกอาบไปด้วยน้ำตาจนชุ่ม เขาถือวิสาสะค่อยๆประครองใบหน้าเธอขึ้นแล้วค่อยใช้นิ้วเกลี่ยซับมัน"รักเขามากหรอ" จิรัสยาส่ายหน้าก่อนจะมองขึ้นสบตาเขา"ยังรักเขาอยู่หรอ" และเธอก็ส่ายหน้าอีก"ถ้าอย่างงั้นคุณร้องไห้ทำไมกันหึ บอกผมซิ" ใบหน้าหล่อขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประกบชิดริมฝีปากเธอเอาไว้แล้วค่อยๆขบเม้มเบาๆ จิรัสยายังคงอยู่เฉย ปล่อยให้ทิมพูดพร่ำอยู่คนเดียวอย่างนั้น เธอเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงไม่ผลักไสเขาออก เนิ่นนาน จนตัวเธอเองเริ่มที่จะหายใจไม่ทันเมื่อทิมเริ่มเปลี่ยนมาจูบเธอแบบหนักหน่วงขึ้น"กะว่าจะจูบให้ปากฉันช้ำไปเลยหรือไงคะ" จิรัสยาถามคนที่มัวแต่จูบเอาๆ เธอค้อนสับประเหลือกให้ไปหนึ่งทีเมื่อดูท่าทีว่าทิมยังจะไม่ยอมหยุดจูบนั้นลงง่ายๆจริงๆ จนทิมเองก็ขำ เคเบิ้ลคาร์ยัง
"อ๊ะ ๆ อ๊า ไม่ไหวแล้วค่ะคุณทิม จีไม่ไหว"เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังกระทบกันจนสั่นผืนน้ำนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พอกลับมาจากกรุงเทพได้ ทิมก็เอาเรือออกแล้วนำมาจอดลอยไว้อยู่กลางทะเล วันๆไม่ทำอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่เรื่องอย่างว่า นี่สามวันมาแล้ว ทิมยังเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเธอโดยไม่คิดจะทำอย่างอื่น มิหนำซ้ำพ่อคนบ้ากามยังมาบังคับให้เธอทำมันไปกับเขาด้วย"ขย่มอีกสิครับยาหยี ขย่มผมแรงๆ""แต่จีเหนื่อยจนหมดแรงแล้วนะคะ วันนี้คุณเล่นให้จีขย่มมาตั้งแต่เช้า จนตรงนั้น..ของจี บานนน ไปหมดแล้วค่ะ""จี! พูดจาน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังไง ของจีออกจะทั้งนุ่มแล้วก็ยังฟิต บานเบินอะไรกันครับ""พูดจริงๆค่ะ คุณทิมหัดทำอย่างอื่นบ้างเถอะค่ะ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองรวยแล้วไม่ยอมทำอะไร คนบ้าอะไรมานอนจอดเรือข้ามคืนข้ามวันเพื่อมีเซ็กซ์""ก็ผมชอบบรรยากาศนี่ โรแมนติกดีออก ยิ่งได้'เอา'จีวันละสี่ห้ารอบแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยดีชะมัด""คุณกระชุ่มกระชวยอยู่คนเดียวน่ะสิคะ ส่วนจีจะ บานแล้วบานอีก""จี! หยุดพูดจาห่ามๆแบบนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าจีบอกว่าไหนๆจีก็บานแล้ว งั้นมานอนอ้าขาตรงนี้เร็ว ขอเสียบอีกรอบ เพราะว่าเมื่อกี้ผมยังไม่แตกเลย"
สรุปก็คือพราวฟ้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเธออีกเพราะว่าไม่สามารถทนเป็นเพื่อนกับใครก็ตามที่ได้หัวใจของทิมไปครองได้ เธอบอกว่าสำหรับเธอแล้วทิมคือเจ้าของหัวใจของเธอมานานและเป็นเพียงเขาคนเดียวมาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้และไม่เคยรู้ แม้จะรู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางที่ทิมจะหันมามองแต่เธอก็ไม่สามารถทำใจได้จริงๆกับความจริงที่ว่าทิมรักคนอื่น เธอขอให้จิรัสยาใช้ชีวิตกับทิมให้มีความสุขแต่ขอแค่อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีกเพราะเธอคงไม่สามารถทนเห็นภาพความเจ็บปวดนั้นได้ "เป็นอะไรครับหน้าเครียดเชียว"ทิมหันมาจับมือเธอเอาไว้หลังจากที่เครื่องบินลงจอดและตอนนี้เธอกับเขาก็นั่งอยู่บนรถตู้คันใหญ่มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเธอ "บ้านดารารัตน์" ซึ่งเวลานี้มีมารดาของเธออาศัยอยู่กับแม่บ้านคนสนิทอีกสองคนรถตู้สีดำคันใหญ่ค่อยจอดเรียบไปกับบริเวณริมรั้ว จิรัสยามองบ้านหลังนี้แล้วก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ ในที่สุดเธอก็ได้กลับมายังบ้านหลังนี้อีกครั้ง บ้านที่เธอเติบโตมาและได้วิ่งเล่นมาตั้งแต่ยังเด็ก"เข้าไปหาคุณแม่ของจีกันเถอะ ผมอยากเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกเขยจะแย่แล้ว""แน่ใจหรอคะว่าแม่จีจะอนุญาต""เชื่อมือผมสิ"จิรัสยาพาทิม
เช้านี้จิรัสยาลืมตาตื่นมาท่ามกลางเตียงสีขาวสะอาดตาขนาดหกฟุต เมื่อคืนหลังจากตกลงกับทิมในเรื่องของบทพิสูจน์รักแท้จนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เขาก็จัดการให้เธอมาพักที่ในส่วนนี้โดยมีข้อแม้ว่าระหว่างนี้เขาจะต้องไม่ฉวยโอกาสกับเธอโดยเด็ดขาดและเป็นอันว่าทิมเองก็ตกลงแค่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องอยู่ให้เขาพิสูจน์รักเเท้ที่นี่ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวลงจากเตียงค่อยๆ เสื้อผ้าข้าวของๆเธอถูกเก็บออกมาจากที่พักพนักงานตั้งแต่เมื่อวานด้วยฝีมือของเขา และยังกับชับกับเธออีกว่าให้อยู่เฉยๆที่นี่โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ระหว่างนี้เขายังคงจ่ายเงินเดือนให้เธอตามปกติ จิรัสยายืนมองตัวเองในกระจกก่อนจะเกาศรีษะแกรกๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่อยู่ๆจะมาบอกให้เธออยู่เฉยๆ คนเคยทำงานมาตลอด ถ้าขืนเป็นแบบนี้เธอคงได้เป็นบ้า"ตื่นแล้วหรอครับ ผมเตรียมอาหารเช้าให้จีเสร็จแล้ว ออกไปทานเลยมั้ย" ทิมเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กก่อนจะหอมจุ๊บลงไปที่บนหน้าผากหนึ่งทีจากนั้นจึงจูงมือเธออกไป ขณะที่กำลังถูกทิมประเคนป้อนนั่นป้อนนี่ให้ เสียงข้อความจากมือถือก็ดังขึ้น จิรัสยาจึงหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฎว่าคือข้อความจากชนัญญาที่แนบไฟล์ภาพมาด้วย'ไหนบอกว่าเกลียด อ๊ะๆยังไงน้า
ข้อมือน้อยๆยังคงถูกทิมดึงให้เดินตามหลังเขาไปติดๆจนมาถึงด้านข้างของโรงแรมทิมก็พาเธอขึ้นมานั่งบนรถของทางโรงแรมที่จอดรออยู่ ก่อนจะบอกให้คนขับมุ่งหน้าตรงไปยังวิลล่าส่วนตัวของเขา"ต่อไปนี้จีไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีกแล้วนะ""นี่คุณไล่จีออกหรอคะ" จิรัสยาหน้าเครียด"ใช่ ผมไล่จีออกจากการเป็นพนักงานของทางโรงแรม""ใจร้าย ไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ผู้หญิงของคุณเป็นคนมาหาเรื่องจีก่อนแท้ๆ แต่คุณกลับคิดว่าจีเป็นคนผิด นี่มันครั้งที่สองแล้วนะคะที่ผู้หญิงของคุณทำจีเดือดร้อนจนถึงกับต้องออกจากงาน" จิรัสยายังคงต่อว่าออกมาปาวๆยาวเหยียดอย่างอดไม่ได้ เธอทั้งโกรธ เสียใจและน้อยใจที่ชีวิตตั้งแต่เจอเขามามีแต่เรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นพอจังหวะที่รถจอดจิรัสยาก็เปิดประตูก้าวลงไปทันที ขาเรียวเดินตรงเข้ามาในวิลล่าหรูอย่างลืมตัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปราวกับว่าตัวเองนั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ดี"จี" ทิมเดินตามเข้ามาแล้วหยุดเรียก พอได้สติและเห็นว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนจิรัสยาก็ได้แต่อึกอัก"ขอโทษค่ะจีลืมตัวจนถือวิสาสะเดินเข้ามาในที่ส่วนตัวของคุณ" ใบหน้างามก้มลงน้อยๆและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา"ผมไม่ได้ว่าอะไร จีสามารถไปที่ไหนก
ช่วงนี้จิรัสยาทำงานแบบไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปหลังจากพาเธอกลับมาจากเกาะส่วนตัวแล้วจิรัสยาก็ไม่ได้เจอหน้าทิมอีกเลย มีแค่เพียงข้อความที่เขามักจะส่งมาหาเธออยู่เสมอๆ แต่นั่นก็ทำเอาจิรัสยาอดนอยด์ขึ้นมาไม่ได้ว่าเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่งที่ถูกทิมหลอกให้รักนึกแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง เกลียดดีนักพวกผู้ชายเจ้าชู้ แล้วในที่สุดเธอก็พลาดท่าเสียทีให้กับผู้ชายเจ้าชู้จนได้ ดั่งคำโบราณที่ว่า 'เกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น' ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ก็ยังพยายามปลอบใจตัวเองเอาไว้ ว่าถึงแม้ว่าหัวใจเธอกำลังรู้สึกไม่โอเค แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ได้สิ่งที่ต้องการกลับคืนมา บ้านดารารัตน์ถูกโอนให้เป็นชื่อของเธอเรียบร้อยแล้ว นั่นทำให้มารดาของเธอดีใจอย่างมากที่ได้มันกลับคืนมา "ในที่สุดแม่ก็ได้บ้านคืนมา จีหนูทำได้ยังไงกันลูก""จีทำได้ทุกอย่างเพื่อแม่ค่ะ ทุกอย่าง"ทิมหายหน้าหายตาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ และเมื่อวันสองวันมานี้ก็เริ่มมีข่าวลืออักษรย่อออกมาให้เห็นตามแหล่งหน้าสื่อออนไลน์ติดๆกัน'ท่าทางจะไม่ได้เห็นงานหมั้นระดับช้างเนื่องจาก ไฮโซ ท ปฏิเสธแอบสะบั้นรักว่
แม้ว่าเเวลาจะผ่านไปแล้วแต่จิรัสยายังคงนิ่งเงียบและหนักใจกับคำถามที่ทิมยังคงรอฟังคำตอบ หลังจากที่พาเธอเดินทัวร์จนเกือบจะทั่วฟาร์มแล้ว ตอนใกล้จะกลับจู่ๆทิมก็ถามคำถามที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขาออกมา เเละเธอยังไม่ได้ตอบจนกระทั่งเขาพาเดินกลับมาจนถึงที่พักทิมต้องการขอคบกับเธอ เขาบอกแบบนั้น แต่เขากำลังลืมอะไรหรือเปล่าว่าเขาว่าสถานะของเขาตอนนี้นั้นคือคนที่กำลังจะหมั้น "อ้าวนาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะเนี่ย ป้าไม่เห็นรู้เลย" หญิงสูงวัยอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นมาจากชานระเบียงร้องทักขึ้น"มาถึงเมื่อตอนสายๆนี่เองครับป้าจวน""จีครับ นี่ป้าจวนเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลที่นี่ แล้วก็เป็นภรรยาของลุงรงค์ที่จีไปเจอมาเมื่อสักครู่" จิรัสยายกมือขึ้นไหว้หญิงสูงวัยตรงหน้า ทำเอาหญิงสูงวัยยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน"อ้าวแล้วนี่คุณทิม พาใครมาด้วยล่ะคะเนี่ย""ผมพา 'ว่าที่' นายหญิงของที่นี่มาดูกิจการน่ะครับ" ทิมพูดยิ้มๆก่อนจะหันมามองเธออีกแล้ว"ว๊าย ตายแล้ว นี่นายกำลังจะมีนายหญิงแล้วจริงๆหรอคะเนี่ย โอ๊ยป้าจะเป็นลม" พอเห็นว่าหญิงสูงวัยตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาทาบจับที่หน้าอกคล้ายจะเป็นลม จิรัสยาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุ
หลังจากจัดการมื้อค่ำที่ค่อนข้างจะเป็นมื้อดึกเสียมากกว่าโดยฝีมือทิมเสร็จแล้ว เวลานี้ทั้งสองคนต่างนอนกอดอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันที่ดาดฟ้าของเรือ ท้องฟ้าคืนนี้โปร่งใส ดวงดาวต่างพร่างพราวส่องแสงระยิบระยับเป็นประกายอยู่เต็มท้องฟ้า"เมื่อกี้คุณบอกว่าอะไรนะคะ""ผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น""น้ำเน่าค่ะ ไม้นี้อาจจะใช้ได้ผลกับผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่กับจีค่ะ""ผมพูดจริงๆจี ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่ตอนเห็นคุณเปิดประตูรถก้าวลงมา จากนั้นผมก็กดลิฟท์เปิดค้างเอาไว้เพื่อรอคุณ""อ๋อ ที่แท้ก็เริ่มใช้กลยุทธ์กับจีตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรอคะ"ทิมขำกับประโยคที่จิรัสยาพูดออกมา นี่เขาคงจะเป็นเอามาก เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ดูน่ารักน่าใคร่ไปเสียหมด"แล้วผมก็มีเรื่องจะสารภาพว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นฝือมือของผมทั้งหมด จริงๆแล้วผมไม่ได้มีธุระอะไรที่นั่นหรอก ผมแค่อยากหาข้ออ้างบินไปกับคุณ ผมอยากทำความรู้จักคุณให้เร็วที่สุด""คุณทิม! นี่ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ อ่อฉันนึกออกแล้ว รวมถึงเรื่องที่ฉันต้องไปติดพายุหิมะอยู่บนยอดเขากับคุณนั่นก็ด้วยสินะคะ" จากดวงตากลมโตหวานหยอดย้อยเวลานี้เริ่มเปลี่ยนเป
หลังจากที่ไม่สามารถยืนมองภาพนั้นได้อีก ขายาวๆก็ก้าวขึ้นเตียงไปหาเรือนร่างยั่วยวนที่เวลานี้แอ่นอ้ารอคอยเขาอย่างเชิญชวน ทิมขยับใกล้เข้าไปหาและจับสองขางามนั้นให้ตั้งฉากขึ้นก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงโน้มลงไปยังจุดหมายที่หมายตาอยู่ ลิ้นร้อนๆถูกขยับปาดเลียไปที่ใจกลางเกสรอย่างนุ่มนวลก่อนจะร้อนแรงและบ้าคลั่งขึ้นมาเรื่อยๆจนจิรัสยาส่งเสียงครางระงม"อ๊ะ อ๊า คุณทิม อ๊า เสียวค่ะ"สะโพกน้อยบิดเร่าไปมา ในขณะที่ทิมเองก็ไม่ได้คิดจะผ่อนปรน ข้างบนดูด ข้างล่างแหย่ ทั้งลิ้นทั้งนิ้วต่างสร้างความสุขหรรษาให้จิรัสยาอย่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ เธอชอบมัน ทุกๆสัมผัสที่ทิมเสนอให้ ทิมยังคงดูดย้ำอยู่ตรงนั้น ยิ่งเขาสัมผัสบริเวณปุ่มเกสรมันกลับยิ่งสร้างเสียงร้องครวญครางของเธอให้ดังชัดเจนยิ่งขึ้นจนเธอแทบจะทนไม่ไหว "คุณทิมคะ ยะ..หยุดก่อนค่ะ""ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรอ""คือว่า..ฉันอยากเสร็จพร้อมคุณ"จิรัสยาอ้อมแอ้มตอบเพียงเบาๆ แต่คำตอบอีกประโยคของเธอกลับยิ่งทำให้ทิมยิ้มกว้างขึ้นไปอีก"ฉันชอบเวลาที่คุณเข้ามาอยู่แล้วเสร็จในตัวฉัน""งั้นคืนนี้ผมจะอยู่ในตัวจีทั้งคืนเลยดีมั้ย"เสียงดังครวญครางยังดังแข่งกันมาเป็นระยะๆ ผ่านไปร่วมเก
จิรัสยาเดินมาเข้างานตามปกติ เช้านี้อากาศสดใสแต่สมองและหัวใจยังเบลอๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดไปทางไหนก็มักจะต้องเห็นข่าวงานหมั้นยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า "อ้าวจี มาแต่เช้าเลยนะ""ค่ะพี่เอม""วันนี้สงสัยคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ เพราะยัยพราวลาป่วยน่ะ เหลือแค่พี่กับจีแค่สองคน""อ้าว นี่พี่พราวเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ""ไม่หรอก โรคทางใจน่ะ จีเห็นข่าวแล้วใช่มั้ยล่ะเรื่องที่คุณทิมกำลังจะหมั้น ยัยพราวเห็นแล้วรับไม่ได้ก็เลยเฮิร์ทหนัก""นี่พี่พราวเขาชอบคุณทิมขนาดนี้เลยหรอคะ""ยัยพราวน่ะมันหลงรักคุณทิมมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานที่นี่แรกๆแล้วล่ะ รักมาตลอดแต่ก็ไม่เคยสมหวังสักที อย่างว่าแหละนะพูดไปก็จะเหมือนนินทาเจ้านาย คุณทิมน่ะผู้หญิงรายล้อมรอบตัวขนาดนั้น เขาคงจะมาชายตาแลพนักงานต้อนรับธรรมดาๆอย่างยัยพราวหรอก นี่ขนาดพี่เตือนไปหลายรอบแล้วก็ยังไม่ฟัง"พนักงานต้อนรับธรรมดาๆ..เธอเองก็เป็นแค่นั้นเหมือนกัน แล้วมีหรือที่เขาจะหันมามองตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทิมหายสาบสูญไปราวกับไม่มีตัวตน นี่เขาคงไม่ได้กำลังผิดคำพูดเรื่องบ้านดารารัตน์ของเธอใช่มั้ย คิดไปจิรัสยาก็เริ่มกังวล แต่ถ้าถึงทิมจะไม่ยอมเอาบ้านดารารั