ใช้เวลาขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมงจากที่พักทิมก็พาเธอมาถึงสกีรีสอร์์ทแห่งหนึ่ง จิรัสยามองตามความสูงของเทือกเขาแอลป์ขึ้นไปที่ด้านบนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนไปหมด
"คุณจะใส่ชุดนี้ไปเล่นสกีหรอคะ" จิรัสยาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทิมไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อื่นใดมา
"ผมไม่ได้จะมาเล่นสกีครับ แค่อยากพาคุณมานั่งเคเบิลคาร์ คุณพ่อคุณแม่เคยพาผมมาที่นี่สองสามครั้งตอนเด็ก ผมชอบมากแต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลยเพราะทุกคนต่างคนต่างก็ใช้ชีวิต"
"แล้วทำไมคุณถึงไม่มาเองคนเดียวล่ะคะ"
"ไม่ครับ ผมอยากรอ รอที่จะพาใครสักคนหนึ่งที่ผมอยากจะมาที่นี่ด้วย แต่ที่ผ่านมายังไม่มี"
"คุณจะบอกว่าคนๆนั้นคือฉันอย่างนั้นหรอคะ"
"แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ"
"แล้วถ้าฉันอยากจะบอกว่า ฉันกำลังคิด ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่มันก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่คุณใช้ตกเหยื่อล่ะคะ" ทิมขำพรืดออกมาเมื่อเห็นว่าจิรัสยาจริงจังในการกล่าวหาและพยายามยัดเยียดให้เขาเป็นคนเจ้าชู้เสียให้ได้
"ไม่เอาน่า เลิกพูดปรักปรำผมแล้วขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ ข้างบนสวยมากๆ ผมอยากให้คุณได้เห็น" ทิมมองมาที่เธออย่างยิ้มๆหลังจากส่ายหัวไปสองสามที เมื่อเห็นว่าจิรัสยาคอยแต่จะปรักปรำชี้ว่าเขาคือผู้ชายแบบนั้น
หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วทิมและจิรัสยาก็เดินตรงเข้าไปยังอาคารจำหน่ายตั๋ว เขาบอกให้เธอยืนรออยู่เเล้วเขาจะเดินเข้าไปซื้อเอง จิรัสยายืนมองเขาซื้อตั๋วอยู่พลางคิดไปด้วยว่าจู่ๆเธอไปเกี่ยวข้องและรู้จักกับไฮโซหนุ่มชื่อดังได้อย่างไรกัน ยิ่งรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้วแถมยังเป็นคนที่เธอควรจะหลีกให้ห่างแบบนี้ด้วยเธอก็ควรหลีกหนีไปให้ไกลสิ ไม่ใช่เขาชวนมาเที่ยวแบบนี้ก็ยังมา แต่ว่าเอาเถอะ ครั้งนี้คงจะถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายและเธอก็จะไม่ขอรู้จักกับเขาอีก ครั้งนี้เธอจะทำเพื่อถือว่าเป็นคำขอร้องของภาคินกับชนัญญา แล้วหลังจากนั้นระหว่างเธอและเขาก็ต่างคนต่างอยู่ต่างไป
"เรียบร้อยแล้ว เชิญครับ"
จิรัสยาเดินตามไปกับเขาเพื่อตรงไปยังเคเบิลคาร์ที่จอดอยู่ ด้านในไม่ใหญ่มากนัก เป็นห้องกระจกสี่เหลี่ยมรอบด้านและมีที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน สามารถนั่งได้สี่คน ทิมให้เธอนั่งฝั่งหนึ่งส่วนตัวเขาเองนั่งฝั่งตรงข้าม พอขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้วเคเบิลคาร์ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไต่ระดับขึ้นไปตามแนวเขา
ด้วยความสวยงามของเทือกเขา ทำเอาเธอเผลอมองดูรอบข้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ สีขาวๆของเหล่าหิมะนั้นปกคลุมไปหมดทั้งบนต้นไม้กิ่งไม้ สวยงามราวกับว่าอยู่ในดินแดนบนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปราณ
"สวยมั้ยครับ"
คงเพราะมัวแต่เพลิดเพลินมองแต่วิวทิวทัศน์รอบๆ จิรัสยาเลยไม่รู้ว่าเธอกำลังถูกเขาจ้องมองมาอยู่ บนริมฝีปากหยังยังคงมีรอยยิ้มประดับเอาไว้เมื่อเธอหันไปมองจนทำให้เธอรู้สึกประหม่าเขินขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
"สวยค่ะ" ริมฝีปากบางขยับตอบออกไปด้วยความสัตย์จริง ถึงแม้ว่าในชีวิตเธอจะเคยนั่งเคเบิลคาร์ไปบนเขาที่มีหิมะแบบนี้มาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกรับรู้ได้ถึงสวยงามตามธรรมชาติได้มากกว่า
"คุณคงได้มาเที่ยวที่แบบนี้บ่อย"
"ไม่หรอกค่ะ ครั้งสุดท้ายก็น่าจะเมื่อสามปีที่แล้ว"
"กับแฟน?"
"ค่ะ" จิรัสยานิ่งเงียบไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ
"แฟนเก่าฉันพาไปตอนที่เขาขอฉันเป็นแฟนครั้งแรก"
"โรแมนติกดีนะครับ"
"คงเป็นเพราะว่าพวกผู้ชายเจ้าชู้มักจะรู้ว่าทำแบบไหนที่สามารถละลายใจผู้หญิงได้มากกว่าล่ะมั้งคะ"
"คุณพูดเหมือนกับว่าแฟนเก่าคุณเป็นคนเจ้าชู้"
"ถ้าเขาไม่เจ้าชู้ จนแอบนอกใจฉันแล้วฉันจะเลิกกับเขาหรอคะ"
"นี่ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้"
"จริงๆเหตุผลมันไม่ได้พึ่งเกิดมาจากแฟนเก่าฉันหรอกค่ะ แต่มันลากยาวมาตั้งแต่พ่อของฉัน เขามีผู้หญิงคนใหม่ จนถึงขนาดแอบขโมยโฉนดที่ดินที่คุณยายยกให้เป็นเรือนหอของเขากับแม่ของฉันไปขายแล้วหอบเอาเงินไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เรื่องนี้ทำให้ฉันโกรธและไม่ยอมคุยกับพ่ออีกเลย"
"ก็มีเหตุผลดีนะครับที่คุณจะระแวง แต่ผมแค่อยากจะบอกว่าผู้ชายไม่ได้เหมือนกันทุกคนนี่ครับ ถ้าคุณจะเอาผมไปเหมารวม ผมว่าไม่แฟร์"
"คุณกำลังจะบอกว่าคุณแตกต่างหรอคะ" รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นมา
"ขนาดกับแฟนเก่าของฉันเขาอุตส่าห์อดทนตามจีบฉันมาตั้งสองปี ทำเอาฉันเชื่อสนิทใจ แล้วสุดท้ายก็หักหลังฉันนี่ไงล่ะคะ"
"ผมอยากเห็นหน้าแฟนเก่าคุณจริงๆเลยนะครับ ว่าเขาต้องโง่ขนาดไหนถึงได้ยอมปล่อยให้คุณหลุดมือไป แต่ก็ดีแล้ว ถ้าเขาไม่ปล่อยคุณมา ผมคงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้คุณเพราะคุณคงจะรักเขามาก" ทิมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับต้องการจะค้นหาอะไร ก่อนที่จู่ๆจะเกิดเสียงครืดและเคเบิลคาร์ก็กระตุกเหวี่ยงเล็กน้อย
"ว๊าย" จิรัสยาร้องออกมาด้วยความตกใจทันที พอมองออกไปภายนอกบรรยากาศเมื่อสักครู่ที่ดูจะเงียบสงบก็เริ่มเปลี่ยนไป ลมเริ่มพัดแรงจนรู้สึกถึงการสั่นไหวของเคเบิลคาร์ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
"ผมว่าเราคงกำลังจะเจอพายุ" สีหน้าของจิรัสยาแสดงออกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัดทุกครั้งที่เคเบิลคาร์โยกไหว จู่ๆทิมก็เดินย้ายฝั่งมานั่งฝั่งเดียวกันกับเธอ จิรัสยาหันมามองหน้าเขาหากแต่ว่าเธอก็ไม่ได้พูดคำใดออกมา
"ไม่ต้องกลัว ระบบที่นี่เขามีมาตรฐานพอ"
ยิ่งไต่ระดับขึ้นไปสูงขึ้น กำลังแรงลมก็ยิ่งมากขึ้น ความสั่นไหวของมันทำให้จิรัสยาเริ่มเวียนหัวขึ้นมาบ้างแล้ว จนบางครั้งถึงกับเซมากระทบไหล่ทิมและมือเผลอไปเกาะแขนเขาเอาไว้อย่างลืมตัว
"ขอโทษค่ะ"
"ใกล้จะถึงข้างบนแล้ว" ทิมบอกและหันไปสบตาเธอและแล้วมือใหญ่ก็ยกขึ้นมาโอบไหล่เธอเอาไว้ในจังหวะที่เคเบิลคาร์กระตุกอีกครั้งจนจิรัสยาเกือบหน้าคะมำไปข้างหน้า
"ว๊าย"
"เกาะแขนผมไว้"
จิรัสยาเงยหน้าขึ้นมองเขาในสถานะการณ์แบบนี้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรที่จู่ๆเขาก็ถือวิสาสะโอบไหล่เธอ เพราะถ้าหากว่าเป็นสถานะการณ์ปกติทิมคงจะมีหน้าหงายจากหมัดน้อยๆของเธอบ้าง แต่นาทีนี้ใจเธอก็มีหวิวๆเหมือนกันที่จู่ๆก็ขึ้นมาเจอกับพายุแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อกี้ด้านล่างสภาพอากาศยังคนละเรื่องกันเลย
ไม่นานเคเบิลคาร์ก็ขึ้นมาถึงจุดหมายที่บนเขา ทิมพาจิรัสยาเปิดประตูออกมาและพากันเดินตรงเข้าไปอาคารด้านใน พนักงานของที่นั่นรีบเดินออกมาพบเขาและเธอก่อนจะแจ้งว่าตอนนี้พายุกำลังมีพายุที่จู่ๆก็เกิดขึ้นอย่างไม่มีใครทราบและกำลังจะรุนแรงขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ทำให้ทางรีสอร์ทไม่สามารถที่จะให้บริการนำทั้งสองคนกลับลงไปด้านล่างภายในวันนี้ได้ จึงจะขอรับผิดด้วยการให้ทั้งสองพักค้างคืนที่นี่หนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้เช้าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วจึงจะสามารถพาทั้งสองกลับลงไปได้อีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของทั้งสองเอง
จิรัสยาพอได้ฟังก็มองหน้าทิมทันที หมายความคืนนี้เธอต้องค้างคืนกับเขาที่นี่อย่างนั้นหรอ ซวยแล้ว
เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่มีทางเลือกจิรัสยาจึงจำเป็นต้องอยู่ค้างคืนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งข่าวร้ายไปกว่านั้นก็คือ พนักงานแจ้งว่าเธอและเขาจำเป็นที่จะต้องพักห้องเดียวกัน เพราะห้องพักของที่นี่นั้นเต็มหมดแล้ว บ้าชะมัด นี่มันนิยายน้ำเน่าที่เธอเคยอ่านสมัยเรียนหรือเปล่านะ คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้"นี่คือกุญเเจห้องของคุณทั้งสอง กรุณาเดินไปจนสุดทางที่หมายเลขห้องนี้ ทางเราต้องขออภัยในความไม่สะดวกเป็นอย่างมาก" พนักงานบอกและยื่นคีย์การ์ดให้กับทิมในที่สุดจิรัสยาก็ต้องเดินตามเขาเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย ทิมพาเธอเดินเข้าไปด้านในจนสุดทางและคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องสุดท้ายเพราะเมื่อสักครู่เธอเดินผ่านมาหลายห้องแล้ว ฝ่ามือใหญ่กดทาบคีย์การ์ดไปกับประตูและมันก็เปิดออก เมื่อก้าวเท้าเข้าไปจิรัสยาก็แทบจะลืมตัวไปชั่วขณะ ด้านในเป็นห้องกระจกวิวหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแถมด้านหน้ายังเป็นวิวเทือกเขาแอลป์สูงตระหง่าตั้งอยู่อีกฝั่ง ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบว่าห้องๆนี้ตั้งอยู่ติดกับบนหน้าผา"นี่เขาให้เรานอนในห้องแบบนี้จริงๆหรอคะ" จิรัสยาถามขึ้นมาอย่างลืมตัว"ไม่ถูกใจคุณหรอครับ""ใ
ผ่านไปเป็นเวลากว่าสิบนาทีที่จิรัสยาต้องนอนเฉยๆอยู่ในอ้อมกอดของเขาแต่มันกลับให้ความรู้สึกยาวนานราวกับผ่านไปเป็นชั่วโมง เสียงหัวใจภายในของเธอนั้นเต้นโครมครามยิ่งกว่าสิ่งใดจะเทียบหากเขาได้ยินคงอาจจะหัวเราะเอาได้ เวลานี้เธอนอนขดขาตะแคงข้างโดยที่ด้านหลังมีทิมโอบกอดเอาไว้อยู่ตึกตักๆ เสียงของลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ซอกคอและใบหูเริ่มสร้างความร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย ในชีวิตเธอไม่เคยได้ลองทำอะไรแบบนี้มาก่อนแม้กระทั่งกับแฟนเก่าอย่าง ปัทมะ "เริ่มอุ่นขึ้นบ้างหรือยัง"ในขณะที่กำลังคิดเพลินๆก็มีเสียงกระซิบแผ่วเบาทำเอาจิรัสยาถึงกับสะดุ้งเรียกสติ ศรีษะทุยค่อยๆพยักหน้ารับเขาแทนคำตอบ"อยากอุ่นกว่านี้หรือเปล่า"จิรัสยาไม่ตอบ เธอเงียบและนิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาถามว่าจะยังคงมีวิธีไหนที่จะสามารถสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายของเธอและเขาได้มากขึ้นกว่านี้อีก ในขณะที่กำลังคิดตรึกตรองและยังไม่ทันได้ทราบถึงคำตอบ ร่างของเธอก็ถูกทิมพลิกกลับมาให้หันหน้ามาทางเชาจิรัสยาตกใจในทันที ดวงตากลมโตจ้องมองเขากลับอย่างระแวงสงสัย แต่ทิมก็ไม่ปล่อยให้เธอได้สงสัยนาน ใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประทับริมฝีทางลงไปที่ริมฝีปากเธอทันที
เมื่อเจอคำถามของทิมเข้าไป จิรัสยาก็ถึงกับได้สติ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงซุกซอกอยู่กับสองเต้าขาวอวบของเธอนั้นกำลังผลัดกันเชยชมสลับข้างไปมาราวกับว่ามันน่าลุ่มหลงนาทีนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน ร่างงามจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ทิมเงยหน้าขาวๆของเขาขึ้นมองสบตาเธออีกครั้งก่อนจะโน้มกลับเข้ามาใกล้ๆหมายจะจูบลงไปที่กลีบปากบางนั้นอีกหากแต่ว่าถูกเธอห้ามเอาไว้เสียก่อน"ฉันหายหนาวแล้วค่ะ คุณรีบรับโทรศัพท์สิคะเผื่อพนักงานโทรมา" ทิมยิ้มก่อนจะหันมามองริมฝีแสนหวานนั้นตาละห้อย แล้วจึงตัดใจผละลุกขึ้นจากเตียงไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงส่งเสียงร้องรออยู่จิรัสยาพอเห็นว่าทิมลุกขึ้นไปแล้วเธอจึงรีบก้มลงมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง ที่เวลานี้หลุดรุ่ยและถูกถลกขึ้นไปจนเกือบจะถึงคอ พอได้ก้มลงมองไปยังหน้าอกของตัวเองก็ได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อเวลานี้สองเต้าขาวอวบปรากฎริ้วรอยสีแดงเป็นจ้ำๆอยู่หลายจุด จิรัสยาทำเสียงจิปากด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปมองยังตัวต้นเหตุที่ก็เผอิญว่าหันกลับมองมาที่เธอพอดีทิมยิ้มราวกับรู้ว่าตนกำลังถูกเธอตำหนิ บ้าจริง มือเล็กรีบดึงเสื้อลงอย่างทันควันเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองมันอยู่ เกือบไ
พอขึ้นมาถึงจิรัสยาก็เอาแต่นั่งเงียบ เธอเลือกที่จะมองออกไปยังนอกหน้าต่างแทนที่จะหันกลับมาพูดคุยกับเขา "ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้"ไร้การตอบโต้และปฏิกิริยาใดๆ ทิมสังเกตุเห็นว่าที่ไหล่มีการขยับน้อยๆ เธอคงจะกำลังร้องไห้อยู่จึงได้ค่อยๆดึงให้คนตัวเล็กหันกลับมาซบลงบนหน้าอก และมันก็เป็นไปจริงดั่งที่เขาคาด ใบหน้างามถูกอาบไปด้วยน้ำตาจนชุ่ม เขาถือวิสาสะค่อยๆประครองใบหน้าเธอขึ้นแล้วค่อยใช้นิ้วเกลี่ยซับมัน"รักเขามากหรอ" จิรัสยาส่ายหน้าก่อนจะมองขึ้นสบตาเขา"ยังรักเขาอยู่หรอ" และเธอก็ส่ายหน้าอีก"ถ้าอย่างงั้นคุณร้องไห้ทำไมกันหึ บอกผมซิ" ใบหน้าหล่อขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประกบชิดริมฝีปากเธอเอาไว้แล้วค่อยๆขบเม้มเบาๆ จิรัสยายังคงอยู่เฉย ปล่อยให้ทิมพูดพร่ำอยู่คนเดียวอย่างนั้น เธอเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงไม่ผลักไสเขาออก เนิ่นนาน จนตัวเธอเองเริ่มที่จะหายใจไม่ทันเมื่อทิมเริ่มเปลี่ยนมาจูบเธอแบบหนักหน่วงขึ้น"กะว่าจะจูบให้ปากฉันช้ำไปเลยหรือไงคะ" จิรัสยาถามคนที่มัวแต่จูบเอาๆ เธอค้อนสับประเหลือกให้ไปหนึ่งทีเมื่อดูท่าทีว่าทิมยังจะไม่ยอมหยุดจูบนั้นลงง่ายๆจริงๆ จนทิมเองก็ขำ เคเบิ้ลคาร์ยัง
จิรัสยายังคงตั้งหน้าตั้งตาเลือกกระเป๋าต่อไปโดยไม่หันไปมอง เสียงของหญิงสาวที่มากับทิมยังคงพูดเจื้อยแจ้วดังเข้ามาในหูเป็นระยะๆ ทั้งๆที่สมองสั่งว่าอย่าไปสนใจ ระหว่างเธอกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่หางตาก็ยังมิวายแอบไปชำเลืองมอง เขายืนอยู่ตรงนั้น ในมือยังคงตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์และไม่ได้สนใจหรือรับรู้ว่ามีเธอยืนอยู่ตรงนี้เลย ทั้งๆที่เมื่อคืนก่อนเธอกับเขายังติดอยู่บนเทือกเขาด้วยกัน แถมตอนเมื่อเช้าเขายังส่งข้อความสวัสดีตอนเช้ามาหาเธออยู่เลย แต่ตอนนี้ทั้งๆที่ยืนห่างกันแค่นี้ ทิมกับไม่เคยรับรู้ว่ามีเธออยู่นี่สินะ ผู้ชายเจ้าชู้ ในเมื่อเธอก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไงแต่แล้วก็ยังจะอยากเอาตัวเองเข้าไปยุ่ง จิรัสยาแค่นหัวเราะออกมาเบาๆเพราะสมน้ำหน้าตัวเอง แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยเมื่อคืนก่อนเธอกับเขาก็ไม่ได้เลยเถิดจนถึงขั้นมีอะไรกัน ถึงแม้ว่ามันจะ 'เกือบ' ก็เถอะศรีษะทุยสวยสะบัดเบาๆเพื่อขับไล่ความคิดที่กำลังตีกันจนสับสนวุ่นวายทิ้งแล้วจึงคิดว่าหันกลับมาโฟกัสที่กระเป๋าใบข้างหน้าต่อไปจะดีกว่า ต่อจากนี้ไปเธอจะอยู่ให้ห่างไกลจากเขาและไม่มีทางยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเด็ดขาด"ห่างกันวันเดียว คุ
จิรัสยายังคงนั่งเฉยแถมตอนนี้ใจดวงน้อยทำเหมือนราวกับว่ามันกำลังเต้นรัว เธออยากหายตัวออกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน ไม่อยากจะเห็นไม่อยากรับรู้ ทั้งปัญหาจากคนเก่าแถมตอนนี้เธอก็ 'เกือบ' จะเผลอตัวไปยุ่งกับคนใหม่ปัทมะที่ตอนแรกมัวแต่สนใจเธอ พอได้เงยหน้าขึ้นไปมองว่าโต๊ะที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่คือใคร ใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกริ่มออกมาทันที"พี่บอกจีแล้วใช่มั้ย ว่าไม่มีใครรักจีได้เท่าพี่อีกแล้ว"จิรัสยาพอได้สติก็รีบดึงมือตัวเองกลับมา หากแต่ว่าปัทมะก็ยังคงจับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย"ปล่อยจีค่ะพี่ปาล์ม" ริมฝีปากบางค่อยๆเค้นเสียงออกมาราวกับว่าต้องการพูดให้เบาที่สุด เธอไม่อยากพูดเสียงดังไปมากกว่านี้เพราะเกรงว่ามันจะไปกระทบกับโสตประสาทของคนที่เธอไม่ต้องการอยากให้ได้ยินเข้า"จี พี่รักจีนะ ได้โปรดให้โอกาสพี่อีกครั้งเถอะนะครับ พี่รักจีนะ พี่ขาดจีไม่ได้จริงๆ พี่อยากให้พี่ทำอะไรพี่ยอมจีหมดทุกอย่าง ขอแค่ได้จีกลับคืนมาล" แม้ว่าจิรัสยาจะพยายามพูดเปล่งเสียงออกมาให้เบาที่สุดแล้วหากแต่ปัทมะกลับพูดจาฉาดฉานราวกับว่าต้องการให้มันดังกระทบไปเข้าหูของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของจิรัสยา ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือ ทิม"จีจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้
จิรัสยายังคงนอนนิ่งและหลับตาลง ภายในสมองต่างกำลังประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างเธอกับทิมตอนนี้คืออะไร เหตุใดเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาแบบเธอจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับไฮโซร้อยล้านพันล้านอย่างเขาด้วย ซึ่งเธอไม่อยาก เขากำลังจะทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวาย ด้วยอำนาจเงินเธอไม่มีทางรู้เลยว่าเขาสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง ขนาดเบอร์โทรของเธอจู่ๆเขาก็ยังไปสรรหามา แต่เรื่องนี้ก็ยังคงพอเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะไปถามมาจากภาคินหรือชนัญญาไวน์หมดขวดแล้ว นี่เธอดื่มเข้าไปเยอะขนาดนี้เลยเชียวหรือ จิรัสยาค่อยๆลุกขึ้นยืน ตอนนี้เธอแน่ใจว่าใช่ เธอกำลังเมา เรียวขางามค่อยๆก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำอย่างช้าแล้วจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพับอยู่บนชั้นซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาบิดลูกบิดประตู แล้วจึงก้าวเข้าไปภายในห้อง"นี่คุณ!"จิรัสยาร้องขึ้นมาเต็มเสียง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่เวลานี้บนเตียงนอนของเธอมีทิมนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ออก"คุณเข้ามาได้อย่างไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคุณทิม"ปมผ้าขนหนูถูกกระชับขึ้นมาจนแน่นก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆขยับถอยหลัง"ไม่ค
จิรัสยาพอได้ฟังคำถามจากทิมก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ มีอย่างที่ไหนกันที่จู่ๆคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาถามอะไรกันแบบนี้ ว่าทิมบ้าแล้วตัวเธอเองก็คงจะบ้ายิ่งกว่า ทั้งๆที่ตั้งปณิธานเอาไว้อย่างหนักแน่น ทั้งๆที่คอยปฏิญาณตนว่าชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ แต่ทำไปทำมาทำไมเธอกลับกำลังจะยิ่งถลำลึกเข้าไปทุกที"จี ผมอยากได้คุณ"สายตาของทิมสื่อความปรารถนาของเขาออกมาอย่างเด่นชัด เสียงแหบพร่ากระเส่าของเขาทำเอาเธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าอย่างไม่รู้ตัว จนในที่สุดเขาก็ขยับใกล้เข้ามา ปมผ้าขนหนูค่อยๆถูกเขากระตุกออกอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งใส่มันไปเมื่อสักครู่ จนกระทั่งเผยให้เห็นสองเต้าอวบอิ่มแสนงดงามที่ต่างก็ปรากฎอยู่ด้านหน้า ลิ้นอุ่นแฉะถูกเลียอยู่ที่ริมฝีปากหนา ทิมมองมันด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะก้มลงไปครอบครองมันด้วยริมฝีปากร้อนและมือแกร่งทันที ข้างหนึ่งบีบ ข้างหนึ่งลูบเลียเค้นคลึงจนจิรัสยาต้องเเอ่นหลังขึ้นด้วยความเสียวซ่าน"อ๊ะ คุณทิม ยะ..อย่าค่ะ"ฟังเสียที่ไหน คำร้องคัดค้านของเธอมันคงจะเบาเกินไป ทิมยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างคล่องแคล่วชำนาญ จากด้านบนค่อยๆเคลื่อนลงสู่ด้านล่า
"อ๊ะ ๆ อ๊า ไม่ไหวแล้วค่ะคุณทิม จีไม่ไหว"เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังกระทบกันจนสั่นผืนน้ำนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พอกลับมาจากกรุงเทพได้ ทิมก็เอาเรือออกแล้วนำมาจอดลอยไว้อยู่กลางทะเล วันๆไม่ทำอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่เรื่องอย่างว่า นี่สามวันมาแล้ว ทิมยังเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเธอโดยไม่คิดจะทำอย่างอื่น มิหนำซ้ำพ่อคนบ้ากามยังมาบังคับให้เธอทำมันไปกับเขาด้วย"ขย่มอีกสิครับยาหยี ขย่มผมแรงๆ""แต่จีเหนื่อยจนหมดแรงแล้วนะคะ วันนี้คุณเล่นให้จีขย่มมาตั้งแต่เช้า จนตรงนั้น..ของจี บานนน ไปหมดแล้วค่ะ""จี! พูดจาน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังไง ของจีออกจะทั้งนุ่มแล้วก็ยังฟิต บานเบินอะไรกันครับ""พูดจริงๆค่ะ คุณทิมหัดทำอย่างอื่นบ้างเถอะค่ะ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองรวยแล้วไม่ยอมทำอะไร คนบ้าอะไรมานอนจอดเรือข้ามคืนข้ามวันเพื่อมีเซ็กซ์""ก็ผมชอบบรรยากาศนี่ โรแมนติกดีออก ยิ่งได้'เอา'จีวันละสี่ห้ารอบแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยดีชะมัด""คุณกระชุ่มกระชวยอยู่คนเดียวน่ะสิคะ ส่วนจีจะ บานแล้วบานอีก""จี! หยุดพูดจาห่ามๆแบบนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าจีบอกว่าไหนๆจีก็บานแล้ว งั้นมานอนอ้าขาตรงนี้เร็ว ขอเสียบอีกรอบ เพราะว่าเมื่อกี้ผมยังไม่แตกเลย"
สรุปก็คือพราวฟ้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเธออีกเพราะว่าไม่สามารถทนเป็นเพื่อนกับใครก็ตามที่ได้หัวใจของทิมไปครองได้ เธอบอกว่าสำหรับเธอแล้วทิมคือเจ้าของหัวใจของเธอมานานและเป็นเพียงเขาคนเดียวมาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้และไม่เคยรู้ แม้จะรู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางที่ทิมจะหันมามองแต่เธอก็ไม่สามารถทำใจได้จริงๆกับความจริงที่ว่าทิมรักคนอื่น เธอขอให้จิรัสยาใช้ชีวิตกับทิมให้มีความสุขแต่ขอแค่อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีกเพราะเธอคงไม่สามารถทนเห็นภาพความเจ็บปวดนั้นได้ "เป็นอะไรครับหน้าเครียดเชียว"ทิมหันมาจับมือเธอเอาไว้หลังจากที่เครื่องบินลงจอดและตอนนี้เธอกับเขาก็นั่งอยู่บนรถตู้คันใหญ่มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเธอ "บ้านดารารัตน์" ซึ่งเวลานี้มีมารดาของเธออาศัยอยู่กับแม่บ้านคนสนิทอีกสองคนรถตู้สีดำคันใหญ่ค่อยจอดเรียบไปกับบริเวณริมรั้ว จิรัสยามองบ้านหลังนี้แล้วก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ ในที่สุดเธอก็ได้กลับมายังบ้านหลังนี้อีกครั้ง บ้านที่เธอเติบโตมาและได้วิ่งเล่นมาตั้งแต่ยังเด็ก"เข้าไปหาคุณแม่ของจีกันเถอะ ผมอยากเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกเขยจะแย่แล้ว""แน่ใจหรอคะว่าแม่จีจะอนุญาต""เชื่อมือผมสิ"จิรัสยาพาทิม
เช้านี้จิรัสยาลืมตาตื่นมาท่ามกลางเตียงสีขาวสะอาดตาขนาดหกฟุต เมื่อคืนหลังจากตกลงกับทิมในเรื่องของบทพิสูจน์รักแท้จนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เขาก็จัดการให้เธอมาพักที่ในส่วนนี้โดยมีข้อแม้ว่าระหว่างนี้เขาจะต้องไม่ฉวยโอกาสกับเธอโดยเด็ดขาดและเป็นอันว่าทิมเองก็ตกลงแค่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องอยู่ให้เขาพิสูจน์รักเเท้ที่นี่ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวลงจากเตียงค่อยๆ เสื้อผ้าข้าวของๆเธอถูกเก็บออกมาจากที่พักพนักงานตั้งแต่เมื่อวานด้วยฝีมือของเขา และยังกับชับกับเธออีกว่าให้อยู่เฉยๆที่นี่โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ระหว่างนี้เขายังคงจ่ายเงินเดือนให้เธอตามปกติ จิรัสยายืนมองตัวเองในกระจกก่อนจะเกาศรีษะแกรกๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่อยู่ๆจะมาบอกให้เธออยู่เฉยๆ คนเคยทำงานมาตลอด ถ้าขืนเป็นแบบนี้เธอคงได้เป็นบ้า"ตื่นแล้วหรอครับ ผมเตรียมอาหารเช้าให้จีเสร็จแล้ว ออกไปทานเลยมั้ย" ทิมเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กก่อนจะหอมจุ๊บลงไปที่บนหน้าผากหนึ่งทีจากนั้นจึงจูงมือเธออกไป ขณะที่กำลังถูกทิมประเคนป้อนนั่นป้อนนี่ให้ เสียงข้อความจากมือถือก็ดังขึ้น จิรัสยาจึงหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฎว่าคือข้อความจากชนัญญาที่แนบไฟล์ภาพมาด้วย'ไหนบอกว่าเกลียด อ๊ะๆยังไงน้า
ข้อมือน้อยๆยังคงถูกทิมดึงให้เดินตามหลังเขาไปติดๆจนมาถึงด้านข้างของโรงแรมทิมก็พาเธอขึ้นมานั่งบนรถของทางโรงแรมที่จอดรออยู่ ก่อนจะบอกให้คนขับมุ่งหน้าตรงไปยังวิลล่าส่วนตัวของเขา"ต่อไปนี้จีไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีกแล้วนะ""นี่คุณไล่จีออกหรอคะ" จิรัสยาหน้าเครียด"ใช่ ผมไล่จีออกจากการเป็นพนักงานของทางโรงแรม""ใจร้าย ไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ผู้หญิงของคุณเป็นคนมาหาเรื่องจีก่อนแท้ๆ แต่คุณกลับคิดว่าจีเป็นคนผิด นี่มันครั้งที่สองแล้วนะคะที่ผู้หญิงของคุณทำจีเดือดร้อนจนถึงกับต้องออกจากงาน" จิรัสยายังคงต่อว่าออกมาปาวๆยาวเหยียดอย่างอดไม่ได้ เธอทั้งโกรธ เสียใจและน้อยใจที่ชีวิตตั้งแต่เจอเขามามีแต่เรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นพอจังหวะที่รถจอดจิรัสยาก็เปิดประตูก้าวลงไปทันที ขาเรียวเดินตรงเข้ามาในวิลล่าหรูอย่างลืมตัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปราวกับว่าตัวเองนั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ดี"จี" ทิมเดินตามเข้ามาแล้วหยุดเรียก พอได้สติและเห็นว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนจิรัสยาก็ได้แต่อึกอัก"ขอโทษค่ะจีลืมตัวจนถือวิสาสะเดินเข้ามาในที่ส่วนตัวของคุณ" ใบหน้างามก้มลงน้อยๆและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา"ผมไม่ได้ว่าอะไร จีสามารถไปที่ไหนก
ช่วงนี้จิรัสยาทำงานแบบไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปหลังจากพาเธอกลับมาจากเกาะส่วนตัวแล้วจิรัสยาก็ไม่ได้เจอหน้าทิมอีกเลย มีแค่เพียงข้อความที่เขามักจะส่งมาหาเธออยู่เสมอๆ แต่นั่นก็ทำเอาจิรัสยาอดนอยด์ขึ้นมาไม่ได้ว่าเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่งที่ถูกทิมหลอกให้รักนึกแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง เกลียดดีนักพวกผู้ชายเจ้าชู้ แล้วในที่สุดเธอก็พลาดท่าเสียทีให้กับผู้ชายเจ้าชู้จนได้ ดั่งคำโบราณที่ว่า 'เกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น' ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ก็ยังพยายามปลอบใจตัวเองเอาไว้ ว่าถึงแม้ว่าหัวใจเธอกำลังรู้สึกไม่โอเค แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ได้สิ่งที่ต้องการกลับคืนมา บ้านดารารัตน์ถูกโอนให้เป็นชื่อของเธอเรียบร้อยแล้ว นั่นทำให้มารดาของเธอดีใจอย่างมากที่ได้มันกลับคืนมา "ในที่สุดแม่ก็ได้บ้านคืนมา จีหนูทำได้ยังไงกันลูก""จีทำได้ทุกอย่างเพื่อแม่ค่ะ ทุกอย่าง"ทิมหายหน้าหายตาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ และเมื่อวันสองวันมานี้ก็เริ่มมีข่าวลืออักษรย่อออกมาให้เห็นตามแหล่งหน้าสื่อออนไลน์ติดๆกัน'ท่าทางจะไม่ได้เห็นงานหมั้นระดับช้างเนื่องจาก ไฮโซ ท ปฏิเสธแอบสะบั้นรักว่
แม้ว่าเเวลาจะผ่านไปแล้วแต่จิรัสยายังคงนิ่งเงียบและหนักใจกับคำถามที่ทิมยังคงรอฟังคำตอบ หลังจากที่พาเธอเดินทัวร์จนเกือบจะทั่วฟาร์มแล้ว ตอนใกล้จะกลับจู่ๆทิมก็ถามคำถามที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขาออกมา เเละเธอยังไม่ได้ตอบจนกระทั่งเขาพาเดินกลับมาจนถึงที่พักทิมต้องการขอคบกับเธอ เขาบอกแบบนั้น แต่เขากำลังลืมอะไรหรือเปล่าว่าเขาว่าสถานะของเขาตอนนี้นั้นคือคนที่กำลังจะหมั้น "อ้าวนาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะเนี่ย ป้าไม่เห็นรู้เลย" หญิงสูงวัยอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นมาจากชานระเบียงร้องทักขึ้น"มาถึงเมื่อตอนสายๆนี่เองครับป้าจวน""จีครับ นี่ป้าจวนเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลที่นี่ แล้วก็เป็นภรรยาของลุงรงค์ที่จีไปเจอมาเมื่อสักครู่" จิรัสยายกมือขึ้นไหว้หญิงสูงวัยตรงหน้า ทำเอาหญิงสูงวัยยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน"อ้าวแล้วนี่คุณทิม พาใครมาด้วยล่ะคะเนี่ย""ผมพา 'ว่าที่' นายหญิงของที่นี่มาดูกิจการน่ะครับ" ทิมพูดยิ้มๆก่อนจะหันมามองเธออีกแล้ว"ว๊าย ตายแล้ว นี่นายกำลังจะมีนายหญิงแล้วจริงๆหรอคะเนี่ย โอ๊ยป้าจะเป็นลม" พอเห็นว่าหญิงสูงวัยตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาทาบจับที่หน้าอกคล้ายจะเป็นลม จิรัสยาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุ
หลังจากจัดการมื้อค่ำที่ค่อนข้างจะเป็นมื้อดึกเสียมากกว่าโดยฝีมือทิมเสร็จแล้ว เวลานี้ทั้งสองคนต่างนอนกอดอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันที่ดาดฟ้าของเรือ ท้องฟ้าคืนนี้โปร่งใส ดวงดาวต่างพร่างพราวส่องแสงระยิบระยับเป็นประกายอยู่เต็มท้องฟ้า"เมื่อกี้คุณบอกว่าอะไรนะคะ""ผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น""น้ำเน่าค่ะ ไม้นี้อาจจะใช้ได้ผลกับผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่กับจีค่ะ""ผมพูดจริงๆจี ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่ตอนเห็นคุณเปิดประตูรถก้าวลงมา จากนั้นผมก็กดลิฟท์เปิดค้างเอาไว้เพื่อรอคุณ""อ๋อ ที่แท้ก็เริ่มใช้กลยุทธ์กับจีตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรอคะ"ทิมขำกับประโยคที่จิรัสยาพูดออกมา นี่เขาคงจะเป็นเอามาก เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ดูน่ารักน่าใคร่ไปเสียหมด"แล้วผมก็มีเรื่องจะสารภาพว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นฝือมือของผมทั้งหมด จริงๆแล้วผมไม่ได้มีธุระอะไรที่นั่นหรอก ผมแค่อยากหาข้ออ้างบินไปกับคุณ ผมอยากทำความรู้จักคุณให้เร็วที่สุด""คุณทิม! นี่ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ อ่อฉันนึกออกแล้ว รวมถึงเรื่องที่ฉันต้องไปติดพายุหิมะอยู่บนยอดเขากับคุณนั่นก็ด้วยสินะคะ" จากดวงตากลมโตหวานหยอดย้อยเวลานี้เริ่มเปลี่ยนเป
หลังจากที่ไม่สามารถยืนมองภาพนั้นได้อีก ขายาวๆก็ก้าวขึ้นเตียงไปหาเรือนร่างยั่วยวนที่เวลานี้แอ่นอ้ารอคอยเขาอย่างเชิญชวน ทิมขยับใกล้เข้าไปหาและจับสองขางามนั้นให้ตั้งฉากขึ้นก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงโน้มลงไปยังจุดหมายที่หมายตาอยู่ ลิ้นร้อนๆถูกขยับปาดเลียไปที่ใจกลางเกสรอย่างนุ่มนวลก่อนจะร้อนแรงและบ้าคลั่งขึ้นมาเรื่อยๆจนจิรัสยาส่งเสียงครางระงม"อ๊ะ อ๊า คุณทิม อ๊า เสียวค่ะ"สะโพกน้อยบิดเร่าไปมา ในขณะที่ทิมเองก็ไม่ได้คิดจะผ่อนปรน ข้างบนดูด ข้างล่างแหย่ ทั้งลิ้นทั้งนิ้วต่างสร้างความสุขหรรษาให้จิรัสยาอย่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ เธอชอบมัน ทุกๆสัมผัสที่ทิมเสนอให้ ทิมยังคงดูดย้ำอยู่ตรงนั้น ยิ่งเขาสัมผัสบริเวณปุ่มเกสรมันกลับยิ่งสร้างเสียงร้องครวญครางของเธอให้ดังชัดเจนยิ่งขึ้นจนเธอแทบจะทนไม่ไหว "คุณทิมคะ ยะ..หยุดก่อนค่ะ""ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรอ""คือว่า..ฉันอยากเสร็จพร้อมคุณ"จิรัสยาอ้อมแอ้มตอบเพียงเบาๆ แต่คำตอบอีกประโยคของเธอกลับยิ่งทำให้ทิมยิ้มกว้างขึ้นไปอีก"ฉันชอบเวลาที่คุณเข้ามาอยู่แล้วเสร็จในตัวฉัน""งั้นคืนนี้ผมจะอยู่ในตัวจีทั้งคืนเลยดีมั้ย"เสียงดังครวญครางยังดังแข่งกันมาเป็นระยะๆ ผ่านไปร่วมเก
จิรัสยาเดินมาเข้างานตามปกติ เช้านี้อากาศสดใสแต่สมองและหัวใจยังเบลอๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดไปทางไหนก็มักจะต้องเห็นข่าวงานหมั้นยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า "อ้าวจี มาแต่เช้าเลยนะ""ค่ะพี่เอม""วันนี้สงสัยคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ เพราะยัยพราวลาป่วยน่ะ เหลือแค่พี่กับจีแค่สองคน""อ้าว นี่พี่พราวเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ""ไม่หรอก โรคทางใจน่ะ จีเห็นข่าวแล้วใช่มั้ยล่ะเรื่องที่คุณทิมกำลังจะหมั้น ยัยพราวเห็นแล้วรับไม่ได้ก็เลยเฮิร์ทหนัก""นี่พี่พราวเขาชอบคุณทิมขนาดนี้เลยหรอคะ""ยัยพราวน่ะมันหลงรักคุณทิมมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานที่นี่แรกๆแล้วล่ะ รักมาตลอดแต่ก็ไม่เคยสมหวังสักที อย่างว่าแหละนะพูดไปก็จะเหมือนนินทาเจ้านาย คุณทิมน่ะผู้หญิงรายล้อมรอบตัวขนาดนั้น เขาคงจะมาชายตาแลพนักงานต้อนรับธรรมดาๆอย่างยัยพราวหรอก นี่ขนาดพี่เตือนไปหลายรอบแล้วก็ยังไม่ฟัง"พนักงานต้อนรับธรรมดาๆ..เธอเองก็เป็นแค่นั้นเหมือนกัน แล้วมีหรือที่เขาจะหันมามองตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทิมหายสาบสูญไปราวกับไม่มีตัวตน นี่เขาคงไม่ได้กำลังผิดคำพูดเรื่องบ้านดารารัตน์ของเธอใช่มั้ย คิดไปจิรัสยาก็เริ่มกังวล แต่ถ้าถึงทิมจะไม่ยอมเอาบ้านดารารั