เวลาแปดโมงห้าสิบตามเวลาท้องถิ่น จิรัสยาแต่งตัวลงมาคอยที่ล็อบบี้ เพียงห้านาทีต่อจากนั้นก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงเท่คุ้นตาราวกับนายแบบสวมแว่นกันแดดสีดำใส่กางเกงยีนต์สีเข้มตามด้วยแจ็คเก็ตหนังกันหนาวสีดำตัวแพงเดินตรงเข้ามาหาเธอ
วินาทีแรกที่หันมองไป เธอนึกไม่ถึงจริงๆว่าจะเป็นเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้เลย ปกติสองสามครั้งที่เจอเขาตัวเป็นๆหรือไม่ก็ตามสื่อสังคมออนไลน์ทิมมักจะแต่งกายด้วยชุดสูทสุดเนี้ยบเสมอ ไม่น่าเชื่อว่าพอได้เห็นเขาในมุมนี้บ้างมันจะทำเอาเธอใจเต้นได้เหมือนกัน
"อะแฮ่ม สวัสดีตอนเช้าครับ" ทิมกระแอมเพียงเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติของคนตรงหน้า เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วหากแต่ว่าเธอก็ยังคงมองเขาเฉย แถมยังอ้าปากค้างเอาไว้น้อยๆอีก นี่ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป เขาคงจะแอบคิดไปได้ว่าจิรัสยากำลังตกอยู่ในอาการอึ้งตะลึงในความหล่อของเขาอยู่แน่ๆ
"สะ..สวัสดีค่ะ" น้ำเสียงตะกุกตะกักรีบตอบด้วยความตกใจออกไปในทันทีที่ถูกเขาจับได้ว่าเธอกำลังแอบมอง ลมหายใจถูกสูดเข้าไปลึกๆอีกครั้งก่อนที่เธอจะต้องพยายามรีบดึงสติกลับมาให้ไวและปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่ซึ่งจะว่าไปเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดา การที่เราเห็นคนหน้าตาดี แต่งตัวดี แล้วเผลอมอง มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดเสียหน่อย เธอเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เวลาเห็นดารานายแบบหล่อๆก็อยากจะขอชื่นชมหน่อยเท่านั้น
"ไปกันเลยมั้ยครับ" ทิมเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนที่จิรัสยาจะพยักหน้าแล้วเดินตามเขาออกไปต้อยๆ
ที่บริเวณด้านหน้าของโรงแรม พอเดินออกไปไม่ไกลสายตาก็เหลือบไปเห็นว่ามีรถสปอร์ตสุดหรูราคาหลายสิบล้านจอดอยู่ เธอเองก็เป็นคนชอบรถสวยๆ ในใจก็ได้แต่คิดว่ามันสวยจัง ถ้าวันใดเธอมีวาสนาก็คงจะได้มีโอกาสได้ลองนั่งบ้าง แต่จิรัสยาก็ไม่ทันได้คิดว่าจะโอกาสมันจะเดินทางมาถึงไวขนาดนี้
"เชิญครับ" ขายาวๆก้าวไปเปิดประตูรถคันนั้นออกก่อนจะผายมือออกเพื่อเชิญให้เธอเข้าไปนั่ง จิรัสยามองหน้าเขาหนึ่งทีแต่ไม่ได้พูดว่าอะไร รูปร่างสมส่วนยอมเข้าไปนั่งลงในนั้นและปล่อยให้เขาปิดประตูให้ก่อนที่ทิมจะอ้อมมาทางฝั่งคนขับและขยับมาจะคาดเข็มขับนิรภัยให้กับเธออีกที
"เดี๋ยว..ฉันคาดเองได้ค่ะ" วินาทีที่ใบหน้าหล่อนั้นขยับเข้ามาใกล้ทำเอาหัวใจเธอแทบช็อค ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆเขาจะอยากขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงประจำตัวเขาลอยเข้ามาปะทะใบหน้าจนรู้สึกว่ามันร้อนวูบวาบ จิรัสยารีบห้ามเขาไว้ทันควันก่อนที่มันจะใกล้เข้ามากว่านี้อีก ส่วนคนต้นเหตุไม่ได้คิดเห็นอะไร ได้เพียงแต่มองแล้วก็อมยิ้มที่ริมฝีปากแล้วจึงหันไปทำหน้าที่ขับของตนเองต่อไป
"กลัวผมหรอ"
"คุณเป็นผู้ชาย ฉันเป็นผู้หญิง ระวังไว้ก็ดีไม่ใช่หรอคะ" เขายิ้มออกมาอีกรอบ ทำไมวันนี้เขายิ้มหลายครั้งจัง คิดว่ามีรอยยิ้มสวยๆนั้นไว้บริหารเสน่ห์หรืออย่างไร แต่มันจะไม่มีทางใช้ได้กับเธอหรอก
"ขอบคุณที่ยอมมาเป็นเพื่อนผม"
"ก็คุณเล่นให้พี่คินกับพี่ฝ้ายโทรมาขอร้องแกมบังคับฉันไม่ใช่หรอคะ" พอนึกถึงตรงนี้ได้น้ำเสียงหวานๆก็มีน้ำโหขึ้นมาทันที คนอะไรเผด็จการ ตัวเองทำเองไม่ได้ ยังจะอยากใช้คนอื่นให้ทำให้อีก
"ผมไม่ได้อยากบังคับคุณนะครับ แค่อยากจะขอร้องและก็แค่บอกถึงสิ่งที่ผมต้องการกับพวกนั้นไป ส่วนเขาจะทำได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง"
"โดยการให้ฉันเข้ามาอยู่ในเงื่อนไขพนันของคุณเนี่ยนะคะ" จิรัสยาเริ่มบ่นอุบอิบทั้งท่าทางและสีหน้าแสดงออกถึงการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่พูดตามตรง ผมชอบคุณ และคิดว่าถ้าผมไม่ใช้ไม้นี้คุณคงจะไม่ยอมมากับผมวันนี้แน่"
"ชอบฉัน?" จิรัสยาใช้นิ้วของตัวเองชี้มาที่หน้าอกราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อ
"ใช่ คุณนั่นแหละ" รอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ถูกโปรยมาให้เธออีกแล้ว ทิมยิ้มเท่จนเห็นเขี้ยวแหลมเล็กซึ่งจิรัสยารู้ดีว่ามันน่ามองอยู่เหมือนกันและมันมักจะไม่มีโอกาสมากนักที่จะได้เห็น ขนาดเธอเห็นเขาตามสื่ออยู่บ่อยๆเหมือนกันแต่ทิมก็มักจะทำหน้าตึงตลอด
"คุณทิมคะ ขอบอกตามตรงนะคะว่าคุณไม่ใช่สเป็คฉัน" จิรัสยาหยุดพูดไปจังหวะหนึ่งก่อนจะขยายต่อความยาวของประโยคเข้าไปอีกเมื่อทิมหันมามอง
"ฉันไม่ได้หมายถึงว่าคุณหน้าตาไม่ดีหรือว่าอะไรนะคะ แค่หมายถึงด้านอื่นๆ" จิรัสยาเริ่มพูดเสียงเบาลง
"ด้านอื่นๆของคุณคือ?"
"ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ค่ะ ยิ่งเป็นคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วฉันยิ่งไม่ยุ่ง คุณมีคู่หมั้นแล้ว แล้วถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดฉันคิดว่าคุณกำลังสนใจในตัวฉันอยู่ ตามประสาคนเจ้าชู้ ฉะนั้นถ้าคุณจะกรุณา เลิกยุ่งกับฉันเถอะนะคะ"คำหลังจิรัสยาหรี่เสียงให้เบาลงอีกจนทิมอดขำไม่ได้
"คุณเข้าใจไม่ผิดหรอก ผมชอบคุณจริงๆเมื่อกี้ก็บอกไปแล้ว แต่เรื่องผมเจ้าชู้หรือมีคู่หมั้นแล้วนั้นคงต้องขอแก้ตัวหน่อย ผมไม่รู้นะว่านิยามคำว่าเจ้าชู้ของคุณคืออะไร แต่เวลาคบใครผมคบทีละคนและที่สำคัญผมยังไม่ได้หมั้นครับ เรื่องนั้นยังอีกยาวไกลหรือแม้กระทั่งว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ อีกอย่างผมแค่บอกว่า ผมชอบคุณ แต่ไม่ได้บังคับเสียหน่อยว่าคุณต้องมาชอบผมกลับ ที่เหลือผมอยากลองพยายามดู" ทิมอธิบายทุกอย่างด้วยสีหน้าประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆโดยไม่ได้หันมา ขณะที่เขาพูดไปจิรัสยาก็แอบมองใบหน้าเขาไปด้วยอย่างลืมตัว ที่สันกรามมีไรหนวดเริ่มผุดขึ้นมาอยู่บางๆยิ่งช่วยส่งให้ใบหน้านั้นดูดีมากขึ้นไปอีก
"หรือบางครั้งการที่ผมคบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆอาจจะเป็นเพราะว่าผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจก็ได้นะ"
"คุณก็เลยคิดจะลากฉันเข้าไปเป็นหนึ่งในนั้นของคุณเนี่ยนะคะ ขอร้องเถอะค่ะ"
"กลัวหรอครับ" ทิมยิ้มและหันมามอง
"ไม่ได้กลัวค่ะ ฉันแค่ไม่อยากจะ..."
"ถึงแล้วครับ"
ใช้เวลาขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมงจากที่พักทิมก็พาเธอมาถึงสกีรีสอร์์ทแห่งหนึ่ง จิรัสยามองตามความสูงของเทือกเขาแอลป์ขึ้นไปที่ด้านบนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนไปหมด"คุณจะใส่ชุดนี้ไปเล่นสกีหรอคะ" จิรัสยาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทิมไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อื่นใดมา"ผมไม่ได้จะมาเล่นสกีครับ แค่อยากพาคุณมานั่งเคเบิลคาร์ คุณพ่อคุณแม่เคยพาผมมาที่นี่สองสามครั้งตอนเด็ก ผมชอบมากแต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลยเพราะทุกคนต่างคนต่างก็ใช้ชีวิต" "แล้วทำไมคุณถึงไม่มาเองคนเดียวล่ะคะ""ไม่ครับ ผมอยากรอ รอที่จะพาใครสักคนหนึ่งที่ผมอยากจะมาที่นี่ด้วย แต่ที่ผ่านมายังไม่มี""คุณจะบอกว่าคนๆนั้นคือฉันอย่างนั้นหรอคะ""แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะครับ""แล้วถ้าฉันอยากจะบอกว่า ฉันกำลังคิด ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่มันก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่คุณใช้ตกเหยื่อล่ะคะ" ทิมขำพรืดออกมาเมื่อเห็นว่าจิรัสยาจริงจังในการกล่าวหาและพยายามยัดเยียดให้เขาเป็นคนเจ้าชู้เสียให้ได้"ไม่เอาน่า เลิกพูดปรักปรำผมแล้วขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ ข้างบนสวยมากๆ ผมอยากให้คุณได้เห็น" ทิมมองมาที่เธออย่างยิ้มๆหลังจากส่ายหัวไปสองสามที เมื่อเห็นว่าจิรัสยาคอยแต่จะปรักปรำช
เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่มีทางเลือกจิรัสยาจึงจำเป็นต้องอยู่ค้างคืนที่นี่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งข่าวร้ายไปกว่านั้นก็คือ พนักงานแจ้งว่าเธอและเขาจำเป็นที่จะต้องพักห้องเดียวกัน เพราะห้องพักของที่นี่นั้นเต็มหมดแล้ว บ้าชะมัด นี่มันนิยายน้ำเน่าที่เธอเคยอ่านสมัยเรียนหรือเปล่านะ คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้"นี่คือกุญเเจห้องของคุณทั้งสอง กรุณาเดินไปจนสุดทางที่หมายเลขห้องนี้ ทางเราต้องขออภัยในความไม่สะดวกเป็นอย่างมาก" พนักงานบอกและยื่นคีย์การ์ดให้กับทิมในที่สุดจิรัสยาก็ต้องเดินตามเขาเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย ทิมพาเธอเดินเข้าไปด้านในจนสุดทางและคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องสุดท้ายเพราะเมื่อสักครู่เธอเดินผ่านมาหลายห้องแล้ว ฝ่ามือใหญ่กดทาบคีย์การ์ดไปกับประตูและมันก็เปิดออก เมื่อก้าวเท้าเข้าไปจิรัสยาก็แทบจะลืมตัวไปชั่วขณะ ด้านในเป็นห้องกระจกวิวหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแถมด้านหน้ายังเป็นวิวเทือกเขาแอลป์สูงตระหง่าตั้งอยู่อีกฝั่ง ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็พบว่าห้องๆนี้ตั้งอยู่ติดกับบนหน้าผา"นี่เขาให้เรานอนในห้องแบบนี้จริงๆหรอคะ" จิรัสยาถามขึ้นมาอย่างลืมตัว"ไม่ถูกใจคุณหรอครับ""ใ
ผ่านไปเป็นเวลากว่าสิบนาทีที่จิรัสยาต้องนอนเฉยๆอยู่ในอ้อมกอดของเขาแต่มันกลับให้ความรู้สึกยาวนานราวกับผ่านไปเป็นชั่วโมง เสียงหัวใจภายในของเธอนั้นเต้นโครมครามยิ่งกว่าสิ่งใดจะเทียบหากเขาได้ยินคงอาจจะหัวเราะเอาได้ เวลานี้เธอนอนขดขาตะแคงข้างโดยที่ด้านหลังมีทิมโอบกอดเอาไว้อยู่ตึกตักๆ เสียงของลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ที่ซอกคอและใบหูเริ่มสร้างความร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย ในชีวิตเธอไม่เคยได้ลองทำอะไรแบบนี้มาก่อนแม้กระทั่งกับแฟนเก่าอย่าง ปัทมะ "เริ่มอุ่นขึ้นบ้างหรือยัง"ในขณะที่กำลังคิดเพลินๆก็มีเสียงกระซิบแผ่วเบาทำเอาจิรัสยาถึงกับสะดุ้งเรียกสติ ศรีษะทุยค่อยๆพยักหน้ารับเขาแทนคำตอบ"อยากอุ่นกว่านี้หรือเปล่า"จิรัสยาไม่ตอบ เธอเงียบและนิ่งคิดถึงสิ่งที่เขาถามว่าจะยังคงมีวิธีไหนที่จะสามารถสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายของเธอและเขาได้มากขึ้นกว่านี้อีก ในขณะที่กำลังคิดตรึกตรองและยังไม่ทันได้ทราบถึงคำตอบ ร่างของเธอก็ถูกทิมพลิกกลับมาให้หันหน้ามาทางเชาจิรัสยาตกใจในทันที ดวงตากลมโตจ้องมองเขากลับอย่างระแวงสงสัย แต่ทิมก็ไม่ปล่อยให้เธอได้สงสัยนาน ใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประทับริมฝีทางลงไปที่ริมฝีปากเธอทันที
เมื่อเจอคำถามของทิมเข้าไป จิรัสยาก็ถึงกับได้สติ ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงซุกซอกอยู่กับสองเต้าขาวอวบของเธอนั้นกำลังผลัดกันเชยชมสลับข้างไปมาราวกับว่ามันน่าลุ่มหลงนาทีนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน ร่างงามจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ทิมเงยหน้าขาวๆของเขาขึ้นมองสบตาเธออีกครั้งก่อนจะโน้มกลับเข้ามาใกล้ๆหมายจะจูบลงไปที่กลีบปากบางนั้นอีกหากแต่ว่าถูกเธอห้ามเอาไว้เสียก่อน"ฉันหายหนาวแล้วค่ะ คุณรีบรับโทรศัพท์สิคะเผื่อพนักงานโทรมา" ทิมยิ้มก่อนจะหันมามองริมฝีแสนหวานนั้นตาละห้อย แล้วจึงตัดใจผละลุกขึ้นจากเตียงไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงส่งเสียงร้องรออยู่จิรัสยาพอเห็นว่าทิมลุกขึ้นไปแล้วเธอจึงรีบก้มลงมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง ที่เวลานี้หลุดรุ่ยและถูกถลกขึ้นไปจนเกือบจะถึงคอ พอได้ก้มลงมองไปยังหน้าอกของตัวเองก็ได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อเวลานี้สองเต้าขาวอวบปรากฎริ้วรอยสีแดงเป็นจ้ำๆอยู่หลายจุด จิรัสยาทำเสียงจิปากด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปมองยังตัวต้นเหตุที่ก็เผอิญว่าหันกลับมองมาที่เธอพอดีทิมยิ้มราวกับรู้ว่าตนกำลังถูกเธอตำหนิ บ้าจริง มือเล็กรีบดึงเสื้อลงอย่างทันควันเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองมันอยู่ เกือบไ
พอขึ้นมาถึงจิรัสยาก็เอาแต่นั่งเงียบ เธอเลือกที่จะมองออกไปยังนอกหน้าต่างแทนที่จะหันกลับมาพูดคุยกับเขา "ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้"ไร้การตอบโต้และปฏิกิริยาใดๆ ทิมสังเกตุเห็นว่าที่ไหล่มีการขยับน้อยๆ เธอคงจะกำลังร้องไห้อยู่จึงได้ค่อยๆดึงให้คนตัวเล็กหันกลับมาซบลงบนหน้าอก และมันก็เป็นไปจริงดั่งที่เขาคาด ใบหน้างามถูกอาบไปด้วยน้ำตาจนชุ่ม เขาถือวิสาสะค่อยๆประครองใบหน้าเธอขึ้นแล้วค่อยใช้นิ้วเกลี่ยซับมัน"รักเขามากหรอ" จิรัสยาส่ายหน้าก่อนจะมองขึ้นสบตาเขา"ยังรักเขาอยู่หรอ" และเธอก็ส่ายหน้าอีก"ถ้าอย่างงั้นคุณร้องไห้ทำไมกันหึ บอกผมซิ" ใบหน้าหล่อขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะประกบชิดริมฝีปากเธอเอาไว้แล้วค่อยๆขบเม้มเบาๆ จิรัสยายังคงอยู่เฉย ปล่อยให้ทิมพูดพร่ำอยู่คนเดียวอย่างนั้น เธอเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงไม่ผลักไสเขาออก เนิ่นนาน จนตัวเธอเองเริ่มที่จะหายใจไม่ทันเมื่อทิมเริ่มเปลี่ยนมาจูบเธอแบบหนักหน่วงขึ้น"กะว่าจะจูบให้ปากฉันช้ำไปเลยหรือไงคะ" จิรัสยาถามคนที่มัวแต่จูบเอาๆ เธอค้อนสับประเหลือกให้ไปหนึ่งทีเมื่อดูท่าทีว่าทิมยังจะไม่ยอมหยุดจูบนั้นลงง่ายๆจริงๆ จนทิมเองก็ขำ เคเบิ้ลคาร์ยัง
จิรัสยายังคงตั้งหน้าตั้งตาเลือกกระเป๋าต่อไปโดยไม่หันไปมอง เสียงของหญิงสาวที่มากับทิมยังคงพูดเจื้อยแจ้วดังเข้ามาในหูเป็นระยะๆ ทั้งๆที่สมองสั่งว่าอย่าไปสนใจ ระหว่างเธอกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่หางตาก็ยังมิวายแอบไปชำเลืองมอง เขายืนอยู่ตรงนั้น ในมือยังคงตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์และไม่ได้สนใจหรือรับรู้ว่ามีเธอยืนอยู่ตรงนี้เลย ทั้งๆที่เมื่อคืนก่อนเธอกับเขายังติดอยู่บนเทือกเขาด้วยกัน แถมตอนเมื่อเช้าเขายังส่งข้อความสวัสดีตอนเช้ามาหาเธออยู่เลย แต่ตอนนี้ทั้งๆที่ยืนห่างกันแค่นี้ ทิมกับไม่เคยรับรู้ว่ามีเธออยู่นี่สินะ ผู้ชายเจ้าชู้ ในเมื่อเธอก็รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไงแต่แล้วก็ยังจะอยากเอาตัวเองเข้าไปยุ่ง จิรัสยาแค่นหัวเราะออกมาเบาๆเพราะสมน้ำหน้าตัวเอง แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยเมื่อคืนก่อนเธอกับเขาก็ไม่ได้เลยเถิดจนถึงขั้นมีอะไรกัน ถึงแม้ว่ามันจะ 'เกือบ' ก็เถอะศรีษะทุยสวยสะบัดเบาๆเพื่อขับไล่ความคิดที่กำลังตีกันจนสับสนวุ่นวายทิ้งแล้วจึงคิดว่าหันกลับมาโฟกัสที่กระเป๋าใบข้างหน้าต่อไปจะดีกว่า ต่อจากนี้ไปเธอจะอยู่ให้ห่างไกลจากเขาและไม่มีทางยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเด็ดขาด"ห่างกันวันเดียว คุ
จิรัสยายังคงนั่งเฉยแถมตอนนี้ใจดวงน้อยทำเหมือนราวกับว่ามันกำลังเต้นรัว เธออยากหายตัวออกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน ไม่อยากจะเห็นไม่อยากรับรู้ ทั้งปัญหาจากคนเก่าแถมตอนนี้เธอก็ 'เกือบ' จะเผลอตัวไปยุ่งกับคนใหม่ปัทมะที่ตอนแรกมัวแต่สนใจเธอ พอได้เงยหน้าขึ้นไปมองว่าโต๊ะที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่คือใคร ใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกริ่มออกมาทันที"พี่บอกจีแล้วใช่มั้ย ว่าไม่มีใครรักจีได้เท่าพี่อีกแล้ว"จิรัสยาพอได้สติก็รีบดึงมือตัวเองกลับมา หากแต่ว่าปัทมะก็ยังคงจับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย"ปล่อยจีค่ะพี่ปาล์ม" ริมฝีปากบางค่อยๆเค้นเสียงออกมาราวกับว่าต้องการพูดให้เบาที่สุด เธอไม่อยากพูดเสียงดังไปมากกว่านี้เพราะเกรงว่ามันจะไปกระทบกับโสตประสาทของคนที่เธอไม่ต้องการอยากให้ได้ยินเข้า"จี พี่รักจีนะ ได้โปรดให้โอกาสพี่อีกครั้งเถอะนะครับ พี่รักจีนะ พี่ขาดจีไม่ได้จริงๆ พี่อยากให้พี่ทำอะไรพี่ยอมจีหมดทุกอย่าง ขอแค่ได้จีกลับคืนมาล" แม้ว่าจิรัสยาจะพยายามพูดเปล่งเสียงออกมาให้เบาที่สุดแล้วหากแต่ปัทมะกลับพูดจาฉาดฉานราวกับว่าต้องการให้มันดังกระทบไปเข้าหูของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของจิรัสยา ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือ ทิม"จีจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้
จิรัสยายังคงนอนนิ่งและหลับตาลง ภายในสมองต่างกำลังประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างเธอกับทิมตอนนี้คืออะไร เหตุใดเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาแบบเธอจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับไฮโซร้อยล้านพันล้านอย่างเขาด้วย ซึ่งเธอไม่อยาก เขากำลังจะทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวาย ด้วยอำนาจเงินเธอไม่มีทางรู้เลยว่าเขาสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง ขนาดเบอร์โทรของเธอจู่ๆเขาก็ยังไปสรรหามา แต่เรื่องนี้ก็ยังคงพอเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะไปถามมาจากภาคินหรือชนัญญาไวน์หมดขวดแล้ว นี่เธอดื่มเข้าไปเยอะขนาดนี้เลยเชียวหรือ จิรัสยาค่อยๆลุกขึ้นยืน ตอนนี้เธอแน่ใจว่าใช่ เธอกำลังเมา เรียวขางามค่อยๆก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำอย่างช้าแล้วจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพับอยู่บนชั้นซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาบิดลูกบิดประตู แล้วจึงก้าวเข้าไปภายในห้อง"นี่คุณ!"จิรัสยาร้องขึ้นมาเต็มเสียง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่เวลานี้บนเตียงนอนของเธอมีทิมนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ออก"คุณเข้ามาได้อย่างไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคุณทิม"ปมผ้าขนหนูถูกกระชับขึ้นมาจนแน่นก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆขยับถอยหลัง"ไม่ค
"อ๊ะ ๆ อ๊า ไม่ไหวแล้วค่ะคุณทิม จีไม่ไหว"เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังกระทบกันจนสั่นผืนน้ำนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พอกลับมาจากกรุงเทพได้ ทิมก็เอาเรือออกแล้วนำมาจอดลอยไว้อยู่กลางทะเล วันๆไม่ทำอะไร ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่เรื่องอย่างว่า นี่สามวันมาแล้ว ทิมยังเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเธอโดยไม่คิดจะทำอย่างอื่น มิหนำซ้ำพ่อคนบ้ากามยังมาบังคับให้เธอทำมันไปกับเขาด้วย"ขย่มอีกสิครับยาหยี ขย่มผมแรงๆ""แต่จีเหนื่อยจนหมดแรงแล้วนะคะ วันนี้คุณเล่นให้จีขย่มมาตั้งแต่เช้า จนตรงนั้น..ของจี บานนน ไปหมดแล้วค่ะ""จี! พูดจาน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังไง ของจีออกจะทั้งนุ่มแล้วก็ยังฟิต บานเบินอะไรกันครับ""พูดจริงๆค่ะ คุณทิมหัดทำอย่างอื่นบ้างเถอะค่ะ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองรวยแล้วไม่ยอมทำอะไร คนบ้าอะไรมานอนจอดเรือข้ามคืนข้ามวันเพื่อมีเซ็กซ์""ก็ผมชอบบรรยากาศนี่ โรแมนติกดีออก ยิ่งได้'เอา'จีวันละสี่ห้ารอบแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยดีชะมัด""คุณกระชุ่มกระชวยอยู่คนเดียวน่ะสิคะ ส่วนจีจะ บานแล้วบานอีก""จี! หยุดพูดจาห่ามๆแบบนี้เดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าจีบอกว่าไหนๆจีก็บานแล้ว งั้นมานอนอ้าขาตรงนี้เร็ว ขอเสียบอีกรอบ เพราะว่าเมื่อกี้ผมยังไม่แตกเลย"
สรุปก็คือพราวฟ้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเธออีกเพราะว่าไม่สามารถทนเป็นเพื่อนกับใครก็ตามที่ได้หัวใจของทิมไปครองได้ เธอบอกว่าสำหรับเธอแล้วทิมคือเจ้าของหัวใจของเธอมานานและเป็นเพียงเขาคนเดียวมาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้และไม่เคยรู้ แม้จะรู้ตัวเองดีว่าไม่มีทางที่ทิมจะหันมามองแต่เธอก็ไม่สามารถทำใจได้จริงๆกับความจริงที่ว่าทิมรักคนอื่น เธอขอให้จิรัสยาใช้ชีวิตกับทิมให้มีความสุขแต่ขอแค่อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเธออีกเพราะเธอคงไม่สามารถทนเห็นภาพความเจ็บปวดนั้นได้ "เป็นอะไรครับหน้าเครียดเชียว"ทิมหันมาจับมือเธอเอาไว้หลังจากที่เครื่องบินลงจอดและตอนนี้เธอกับเขาก็นั่งอยู่บนรถตู้คันใหญ่มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเธอ "บ้านดารารัตน์" ซึ่งเวลานี้มีมารดาของเธออาศัยอยู่กับแม่บ้านคนสนิทอีกสองคนรถตู้สีดำคันใหญ่ค่อยจอดเรียบไปกับบริเวณริมรั้ว จิรัสยามองบ้านหลังนี้แล้วก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ ในที่สุดเธอก็ได้กลับมายังบ้านหลังนี้อีกครั้ง บ้านที่เธอเติบโตมาและได้วิ่งเล่นมาตั้งแต่ยังเด็ก"เข้าไปหาคุณแม่ของจีกันเถอะ ผมอยากเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกเขยจะแย่แล้ว""แน่ใจหรอคะว่าแม่จีจะอนุญาต""เชื่อมือผมสิ"จิรัสยาพาทิม
เช้านี้จิรัสยาลืมตาตื่นมาท่ามกลางเตียงสีขาวสะอาดตาขนาดหกฟุต เมื่อคืนหลังจากตกลงกับทิมในเรื่องของบทพิสูจน์รักแท้จนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เขาก็จัดการให้เธอมาพักที่ในส่วนนี้โดยมีข้อแม้ว่าระหว่างนี้เขาจะต้องไม่ฉวยโอกาสกับเธอโดยเด็ดขาดและเป็นอันว่าทิมเองก็ตกลงแค่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องอยู่ให้เขาพิสูจน์รักเเท้ที่นี่ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวลงจากเตียงค่อยๆ เสื้อผ้าข้าวของๆเธอถูกเก็บออกมาจากที่พักพนักงานตั้งแต่เมื่อวานด้วยฝีมือของเขา และยังกับชับกับเธออีกว่าให้อยู่เฉยๆที่นี่โดยที่ไม่ต้องทำอะไร ระหว่างนี้เขายังคงจ่ายเงินเดือนให้เธอตามปกติ จิรัสยายืนมองตัวเองในกระจกก่อนจะเกาศรีษะแกรกๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่อยู่ๆจะมาบอกให้เธออยู่เฉยๆ คนเคยทำงานมาตลอด ถ้าขืนเป็นแบบนี้เธอคงได้เป็นบ้า"ตื่นแล้วหรอครับ ผมเตรียมอาหารเช้าให้จีเสร็จแล้ว ออกไปทานเลยมั้ย" ทิมเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กก่อนจะหอมจุ๊บลงไปที่บนหน้าผากหนึ่งทีจากนั้นจึงจูงมือเธออกไป ขณะที่กำลังถูกทิมประเคนป้อนนั่นป้อนนี่ให้ เสียงข้อความจากมือถือก็ดังขึ้น จิรัสยาจึงหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฎว่าคือข้อความจากชนัญญาที่แนบไฟล์ภาพมาด้วย'ไหนบอกว่าเกลียด อ๊ะๆยังไงน้า
ข้อมือน้อยๆยังคงถูกทิมดึงให้เดินตามหลังเขาไปติดๆจนมาถึงด้านข้างของโรงแรมทิมก็พาเธอขึ้นมานั่งบนรถของทางโรงแรมที่จอดรออยู่ ก่อนจะบอกให้คนขับมุ่งหน้าตรงไปยังวิลล่าส่วนตัวของเขา"ต่อไปนี้จีไม่ต้องไปทำงานที่นั่นอีกแล้วนะ""นี่คุณไล่จีออกหรอคะ" จิรัสยาหน้าเครียด"ใช่ ผมไล่จีออกจากการเป็นพนักงานของทางโรงแรม""ใจร้าย ไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่ผู้หญิงของคุณเป็นคนมาหาเรื่องจีก่อนแท้ๆ แต่คุณกลับคิดว่าจีเป็นคนผิด นี่มันครั้งที่สองแล้วนะคะที่ผู้หญิงของคุณทำจีเดือดร้อนจนถึงกับต้องออกจากงาน" จิรัสยายังคงต่อว่าออกมาปาวๆยาวเหยียดอย่างอดไม่ได้ เธอทั้งโกรธ เสียใจและน้อยใจที่ชีวิตตั้งแต่เจอเขามามีแต่เรื่องวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นพอจังหวะที่รถจอดจิรัสยาก็เปิดประตูก้าวลงไปทันที ขาเรียวเดินตรงเข้ามาในวิลล่าหรูอย่างลืมตัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปราวกับว่าตัวเองนั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ดี"จี" ทิมเดินตามเข้ามาแล้วหยุดเรียก พอได้สติและเห็นว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนจิรัสยาก็ได้แต่อึกอัก"ขอโทษค่ะจีลืมตัวจนถือวิสาสะเดินเข้ามาในที่ส่วนตัวของคุณ" ใบหน้างามก้มลงน้อยๆและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา"ผมไม่ได้ว่าอะไร จีสามารถไปที่ไหนก
ช่วงนี้จิรัสยาทำงานแบบไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าไหร่หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปหลังจากพาเธอกลับมาจากเกาะส่วนตัวแล้วจิรัสยาก็ไม่ได้เจอหน้าทิมอีกเลย มีแค่เพียงข้อความที่เขามักจะส่งมาหาเธออยู่เสมอๆ แต่นั่นก็ทำเอาจิรัสยาอดนอยด์ขึ้นมาไม่ได้ว่าเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงหน้าโง่คนหนึ่งที่ถูกทิมหลอกให้รักนึกแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง เกลียดดีนักพวกผู้ชายเจ้าชู้ แล้วในที่สุดเธอก็พลาดท่าเสียทีให้กับผู้ชายเจ้าชู้จนได้ ดั่งคำโบราณที่ว่า 'เกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น' ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ก็ยังพยายามปลอบใจตัวเองเอาไว้ ว่าถึงแม้ว่าหัวใจเธอกำลังรู้สึกไม่โอเค แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็ได้สิ่งที่ต้องการกลับคืนมา บ้านดารารัตน์ถูกโอนให้เป็นชื่อของเธอเรียบร้อยแล้ว นั่นทำให้มารดาของเธอดีใจอย่างมากที่ได้มันกลับคืนมา "ในที่สุดแม่ก็ได้บ้านคืนมา จีหนูทำได้ยังไงกันลูก""จีทำได้ทุกอย่างเพื่อแม่ค่ะ ทุกอย่าง"ทิมหายหน้าหายตาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ และเมื่อวันสองวันมานี้ก็เริ่มมีข่าวลืออักษรย่อออกมาให้เห็นตามแหล่งหน้าสื่อออนไลน์ติดๆกัน'ท่าทางจะไม่ได้เห็นงานหมั้นระดับช้างเนื่องจาก ไฮโซ ท ปฏิเสธแอบสะบั้นรักว่
แม้ว่าเเวลาจะผ่านไปแล้วแต่จิรัสยายังคงนิ่งเงียบและหนักใจกับคำถามที่ทิมยังคงรอฟังคำตอบ หลังจากที่พาเธอเดินทัวร์จนเกือบจะทั่วฟาร์มแล้ว ตอนใกล้จะกลับจู่ๆทิมก็ถามคำถามที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเขาออกมา เเละเธอยังไม่ได้ตอบจนกระทั่งเขาพาเดินกลับมาจนถึงที่พักทิมต้องการขอคบกับเธอ เขาบอกแบบนั้น แต่เขากำลังลืมอะไรหรือเปล่าว่าเขาว่าสถานะของเขาตอนนี้นั้นคือคนที่กำลังจะหมั้น "อ้าวนาย มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะเนี่ย ป้าไม่เห็นรู้เลย" หญิงสูงวัยอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นมาจากชานระเบียงร้องทักขึ้น"มาถึงเมื่อตอนสายๆนี่เองครับป้าจวน""จีครับ นี่ป้าจวนเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลที่นี่ แล้วก็เป็นภรรยาของลุงรงค์ที่จีไปเจอมาเมื่อสักครู่" จิรัสยายกมือขึ้นไหว้หญิงสูงวัยตรงหน้า ทำเอาหญิงสูงวัยยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน"อ้าวแล้วนี่คุณทิม พาใครมาด้วยล่ะคะเนี่ย""ผมพา 'ว่าที่' นายหญิงของที่นี่มาดูกิจการน่ะครับ" ทิมพูดยิ้มๆก่อนจะหันมามองเธออีกแล้ว"ว๊าย ตายแล้ว นี่นายกำลังจะมีนายหญิงแล้วจริงๆหรอคะเนี่ย โอ๊ยป้าจะเป็นลม" พอเห็นว่าหญิงสูงวัยตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาทาบจับที่หน้าอกคล้ายจะเป็นลม จิรัสยาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุ
หลังจากจัดการมื้อค่ำที่ค่อนข้างจะเป็นมื้อดึกเสียมากกว่าโดยฝีมือทิมเสร็จแล้ว เวลานี้ทั้งสองคนต่างนอนกอดอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันที่ดาดฟ้าของเรือ ท้องฟ้าคืนนี้โปร่งใส ดวงดาวต่างพร่างพราวส่องแสงระยิบระยับเป็นประกายอยู่เต็มท้องฟ้า"เมื่อกี้คุณบอกว่าอะไรนะคะ""ผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น""น้ำเน่าค่ะ ไม้นี้อาจจะใช้ได้ผลกับผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่กับจีค่ะ""ผมพูดจริงๆจี ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่ตอนเห็นคุณเปิดประตูรถก้าวลงมา จากนั้นผมก็กดลิฟท์เปิดค้างเอาไว้เพื่อรอคุณ""อ๋อ ที่แท้ก็เริ่มใช้กลยุทธ์กับจีตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรอคะ"ทิมขำกับประโยคที่จิรัสยาพูดออกมา นี่เขาคงจะเป็นเอามาก เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ดูน่ารักน่าใคร่ไปเสียหมด"แล้วผมก็มีเรื่องจะสารภาพว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นฝือมือของผมทั้งหมด จริงๆแล้วผมไม่ได้มีธุระอะไรที่นั่นหรอก ผมแค่อยากหาข้ออ้างบินไปกับคุณ ผมอยากทำความรู้จักคุณให้เร็วที่สุด""คุณทิม! นี่ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ อ่อฉันนึกออกแล้ว รวมถึงเรื่องที่ฉันต้องไปติดพายุหิมะอยู่บนยอดเขากับคุณนั่นก็ด้วยสินะคะ" จากดวงตากลมโตหวานหยอดย้อยเวลานี้เริ่มเปลี่ยนเป
หลังจากที่ไม่สามารถยืนมองภาพนั้นได้อีก ขายาวๆก็ก้าวขึ้นเตียงไปหาเรือนร่างยั่วยวนที่เวลานี้แอ่นอ้ารอคอยเขาอย่างเชิญชวน ทิมขยับใกล้เข้าไปหาและจับสองขางามนั้นให้ตั้งฉากขึ้นก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงโน้มลงไปยังจุดหมายที่หมายตาอยู่ ลิ้นร้อนๆถูกขยับปาดเลียไปที่ใจกลางเกสรอย่างนุ่มนวลก่อนจะร้อนแรงและบ้าคลั่งขึ้นมาเรื่อยๆจนจิรัสยาส่งเสียงครางระงม"อ๊ะ อ๊า คุณทิม อ๊า เสียวค่ะ"สะโพกน้อยบิดเร่าไปมา ในขณะที่ทิมเองก็ไม่ได้คิดจะผ่อนปรน ข้างบนดูด ข้างล่างแหย่ ทั้งลิ้นทั้งนิ้วต่างสร้างความสุขหรรษาให้จิรัสยาอย่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ เธอชอบมัน ทุกๆสัมผัสที่ทิมเสนอให้ ทิมยังคงดูดย้ำอยู่ตรงนั้น ยิ่งเขาสัมผัสบริเวณปุ่มเกสรมันกลับยิ่งสร้างเสียงร้องครวญครางของเธอให้ดังชัดเจนยิ่งขึ้นจนเธอแทบจะทนไม่ไหว "คุณทิมคะ ยะ..หยุดก่อนค่ะ""ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรอ""คือว่า..ฉันอยากเสร็จพร้อมคุณ"จิรัสยาอ้อมแอ้มตอบเพียงเบาๆ แต่คำตอบอีกประโยคของเธอกลับยิ่งทำให้ทิมยิ้มกว้างขึ้นไปอีก"ฉันชอบเวลาที่คุณเข้ามาอยู่แล้วเสร็จในตัวฉัน""งั้นคืนนี้ผมจะอยู่ในตัวจีทั้งคืนเลยดีมั้ย"เสียงดังครวญครางยังดังแข่งกันมาเป็นระยะๆ ผ่านไปร่วมเก
จิรัสยาเดินมาเข้างานตามปกติ เช้านี้อากาศสดใสแต่สมองและหัวใจยังเบลอๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะเปิดไปทางไหนก็มักจะต้องเห็นข่าวงานหมั้นยักษ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า "อ้าวจี มาแต่เช้าเลยนะ""ค่ะพี่เอม""วันนี้สงสัยคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ เพราะยัยพราวลาป่วยน่ะ เหลือแค่พี่กับจีแค่สองคน""อ้าว นี่พี่พราวเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ""ไม่หรอก โรคทางใจน่ะ จีเห็นข่าวแล้วใช่มั้ยล่ะเรื่องที่คุณทิมกำลังจะหมั้น ยัยพราวเห็นแล้วรับไม่ได้ก็เลยเฮิร์ทหนัก""นี่พี่พราวเขาชอบคุณทิมขนาดนี้เลยหรอคะ""ยัยพราวน่ะมันหลงรักคุณทิมมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานที่นี่แรกๆแล้วล่ะ รักมาตลอดแต่ก็ไม่เคยสมหวังสักที อย่างว่าแหละนะพูดไปก็จะเหมือนนินทาเจ้านาย คุณทิมน่ะผู้หญิงรายล้อมรอบตัวขนาดนั้น เขาคงจะมาชายตาแลพนักงานต้อนรับธรรมดาๆอย่างยัยพราวหรอก นี่ขนาดพี่เตือนไปหลายรอบแล้วก็ยังไม่ฟัง"พนักงานต้อนรับธรรมดาๆ..เธอเองก็เป็นแค่นั้นเหมือนกัน แล้วมีหรือที่เขาจะหันมามองตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ ทิมหายสาบสูญไปราวกับไม่มีตัวตน นี่เขาคงไม่ได้กำลังผิดคำพูดเรื่องบ้านดารารัตน์ของเธอใช่มั้ย คิดไปจิรัสยาก็เริ่มกังวล แต่ถ้าถึงทิมจะไม่ยอมเอาบ้านดารารั