จิรัสยายังคงนั่งเฉยแถมตอนนี้ใจดวงน้อยทำเหมือนราวกับว่ามันกำลังเต้นรัว เธออยากหายตัวออกไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน ไม่อยากจะเห็นไม่อยากรับรู้ ทั้งปัญหาจากคนเก่าแถมตอนนี้เธอก็ 'เกือบ' จะเผลอตัวไปยุ่งกับคนใหม่ปัทมะที่ตอนแรกมัวแต่สนใจเธอ พอได้เงยหน้าขึ้นไปมองว่าโต๊ะที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่คือใคร ใบหน้าคมเข้มก็ยิ้มกริ่มออกมาทันที
"พี่บอกจีแล้วใช่มั้ย ว่าไม่มีใครรักจีได้เท่าพี่อีกแล้ว"จิรัสยาพอได้สติก็รีบดึงมือตัวเองกลับมา หากแต่ว่าปัทมะก็ยังคงจับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยจีค่ะพี่ปาล์ม" ริมฝีปากบางค่อยๆเค้นเสียงออกมาราวกับว่าต้องการพูดให้เบาที่สุด เธอไม่อยากพูดเสียงดังไปมากกว่านี้เพราะเกรงว่ามันจะไปกระทบกับโสตประสาทของคนที่เธอไม่ต้องการอยากให้ได้ยินเข้า
"จี พี่รักจีนะ ได้โปรดให้โอกาสพี่อีกครั้งเถอะนะครับ พี่รักจีนะ พี่ขาดจีไม่ได้จริงๆ พี่อยากให้พี่ทำอะไรพี่ยอมจีหมดทุกอย่าง ขอแค่ได้จีกลับคืนมาล" แม้ว่าจิรัสยาจะพยายามพูดเปล่งเสียงออกมาให้เบาที่สุดแล้วหากแต่ปัทมะกลับพูดจาฉาดฉานราวกับว่าต้องการให้มันดังกระทบไปเข้าหูของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของจิรัสยา ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือ ทิม
"จีจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ว่าเรื่องระหว่างเรามันจบลงไปแล้วและมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นมาอีก แล้วนับจากวันนี้ไปพี่ปาล์มก็ช่วยเลิกมายุ่งกับจีเสียที" พอเห็นว่าปัทมะเริ่มจะพูดไม่รู้เรื่องจิรัสยาก็เริ่มจะของขึ้นขี้นมาบ้าง
"ทำไมหรือว่าจริงๆแล้วที่จีไม่ยอมให้โอกาสพี่นั้นเป็นเพราะว่ามัน" จิรัสยารู้ดีว่าคำว่า 'มัน' ของปัทมะหมายถึงใคร เขาพูดพร้อมกับเพยิดหน้าและส่งสายตาไปทางที่ทิมนั่งอยู่ ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้เธอคิดว่ายังไงเสียเขาก็คงจะต้องได้ยิน
"ที่จีไม่ยอมให้โอกาสพี่มันก็เป็นเพราะว่าตัวพี่เองที่ทำให้จีหมดความเชื่อมั่น มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละค่ะ และถึงต่อให้เกี่ยว จีก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับมันเช่นกัน จากนี้ไปจะไม่มีใครมีอะไรสำคัญและมีความหมายสำหรับจีทั้งนั้น เข้าใจมั้ยคะ" คราวนี้จิรัสยาเน้นเสียงให้ดังฟังชัดขึ้นไปอีก พอพูดจบเธอก็ลุกขึ้นและเดินออกจากโต๊ะไป ปล่อยให้ปัทมะหงุดหงิดหัวเสียอยู่อย่างนั้น
จิรัสยาพอหลุดออกมาได้ก็รีบเดินกลับห้องตัวเองทันที โดยเธอได้โทรไปบอกเอกพงศ์ว่าจู่ๆก็เกิดปวดหัวขึ้นมากระทันหันและจะขอเดินกลับโรงแรมก่อน พอถึงห้องของโรงแรมก็จัดการอาบน้ำอาบท่าเพื่อขอสงบจิตสงบใจ
จิรัสยาเลือกที่จะพาตัวเองไปเเช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอุ่นเงียบๆ ปล่อยตัวปล่อยใจให้สมองได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำไมเธอต้องอาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ ทั้งเรื่องปัทมะ และ ของทิม
แก้วไวน์สีแดงมันวาวถูกยกขึ้นมาจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปากบาง เธอดื่มมันเข้าไปอึกใหญ่เป็นครั้งที่สองก่อนที่ร่างกายจะเริ่มเกิดอาการมึนๆขึ้นมาบ้างนิดหน่อยเนื่องจากวันนี้เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
ภาพความวุ่นวายต่างๆเริ่มประดังประเดเข้ามาในหัว รวมถึงเรื่องของเขา คนที่เธอบอกว่าอยากพาตัวเองไปอยู่ห่างให้ไกลที่สุด แต่เวลานี้เธอกลับกำลังคิดถึงเรื่องของเขา คิดแล้วจิรัสยาก็หัวเราะหึออกมาเบาๆราวกับว่าต้องการสมน้ำหน้าตัวเอง หรือมันจะเป็นดั่งคำโบราณที่ว่า เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นน่ะหรือ
สมองเริ่มเต้นปวดตึบ ที่ผ่านมาจิรัสยาคอยประกาศเอาไว้เสมอๆว่าตัวเธอนั้นเกลียดแสนเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ ถ้าเจอก็จะขออยู่ให้ห่างและไม่มีวันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาด แล้วเป็นไง ดูตอนนี้สิ แฟนเก่าเธอ ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกเธอตราหน้าเอาไว้ว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แล้วตอนนี้ก็ยังมาเจอทิมอีก คิดว่าคนนี้คงจะเป็นตัวพ่อเลยล่ะ เพราะว่าเธอเจอแค่เพียงสองสามครั้งก็เกือบจะ..เลยเถิดไปกับเขาเสียแล้ว
ยิ่งพอคิดมาถึงตรงนี้แก้วไวน์ขนาดใหญ่ก็ถูกสาดเข้ามาอีกจนหมดแล้วจนตัวเธอเริ่มรู้สึกว่าน้ำอุ่นๆในอ่างนั้นเริ่มจะเย็นขึ้นมาจนทำให้หนาวไปถึงกระดูก ในขณะที่ยังคงหยุดคิดเรื่องวุ่นวายนี้ไม่ได้ ระหว่างนั้นก็ดันมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขี้น
มือเรียวสวยหยิบมันขึ้นมาดู ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นเอกพงศ์โทรมาเม้าท์มอยเรื่องกระเป๋าที่ไปซื้อมาวันนี้ แต่ปรากฎว่าหมายเลขที่โทรมากลับไม่โชว์เบอร์ ด้วยความสงสัยว่าเป็นใครเธอจึงลองกดรับสายดู
"ฮัลโหล"
เสียงปลายสายยังคงเงียบและไม่มีการตอบรับ จิรัสยาก็เลยลองพูดกรอกเสียงลงไปอีกสองสามครั้ง ก่อนที่มันจะส่งสัญญาณดังขึ้นว่าให้เธอเปิดกล้อง ด้วยความอยากรู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร เธอจึงจิ้มไปยังปุ่มตอบรับในทันทีโดยที่ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองเองกำลังเปลือยเปล่าแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำอยู่
เมื่อสัญญาณเตือนว่ากล้องทั้งสองได้เชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว ใจดวงน้อยๆก็ต้องสั่นไหวอีกครั้ง เพราะภาพที่ปรากฎขึ้นมาในจอก็คือใบหน้าหล่อๆของทิมนั่นเอง
"ขอโทษ คุณอาบน้ำอยู่หรอผมไม่รู้จริงๆ เอาไว้ผมจะโทรมาใหม่ก็แล้วกัน" เมื่อเห็นว่าทิมกำลังทำท่าจะวาง จู่ๆเธอก็พลั้งปากถามออกไปราวกับต้องการรั้งให้เขาอยู่ต่อ
"คุณโทรมามีอะไร"
"พึ่งรู้ว่าคุณบล็อกการติดต่อจากผม ผมเลยต้องเลือกที่จะโทรมา แค่จะบอกว่าผมเป็นห่วงคุณเรื่องเมื่อตอนกลางวัน คุณโอเคหรือเปล่า"
"ห่วงฉัน? เรื่องอะไรกันคะ" จิรัสยาเเกล้งหัวเราะออกมาทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรน่าขำเลยแม้แต่น้อย คนอย่างเขาน่ะหรอจะมาเป็นห่วงอะไรเธอ ช่วยเอาเวลาไปเป็นห่วงแฟนตัวเองจะดีเสียกว่า คิดว่าการหยอดคำพูดพวกนี้จะทำให้เธอหลงกลเขาได้อีกอย่างนั้นหรอ
"ก็เรื่องแฟนเก่าที่เขามาก่อกวนคุณอีก" แสดงว่าทิมเห็นและรับรู้ว่าปัทมะเข้ามาก่อกวนเธอเมื่อตอนกลางวัน แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ยุ่งเพราะว่าเขามากับผู้หญิงของเขาสินะ คราวนี้คำตอบนี้ทำให้จิรัสยารู้เลยว่าตัวเองกำลังเจ็บแปลบ แต่กลับเลือกที่จะไม่ยอมรับมัน ใบหน้าสวยเลือกที่หันหนีและไม่ตอบแต่กลับยกแก้วไวน์ขึ้นมากรอกดื่มอีกรอบแทน
"นี่คุณดื่มหรอ รู้หรือเปล่าว่าทำแบบนี้มันอันตราย ถ้าอยากจะดื่มก็ลุกออกไปดื่มข้างนอก เดี๋ยวก็ได้ล้มหัวฟาดพื้นหรอก"
"หึ คุณพูดเหมือนคุณเป็นพ่อฉันเลยนะคะ ลืมไปหรือเปล่าคะว่าระหว่างคุณกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"ด้วยความที่เริ่มจะมึนๆเธอจึงเริ่มพูดจาประชดประชันเขาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"ผมว่าคุณกำลังเริ่มเมาแล้วนะจี อย่าพูดท้าทายผมแบบนี้ รู้หรือเปล่าว่าผมสามารถไปถึงตัวคุณได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที" พอทิมพูดจบจิรัสยาก็ขำออกมาแทบจะทันทีที่ได้ยินทิมพูดแบบนั้น มันจะไม่นิยายไปหน่อยหรอ นี่มันโลกแห่งความเป็นจริงนะ หรือเขาคิดว่าเขาเป็นใครกันที่นึกอยากจะทำอะไรก็ได้
"คุณคิดว่าคุณสามารถเข้ามาหาฉันถึงในโรงแรมที่ฉันพักอยู่นี้ได้ภายในเวลาเพียงแค่สิบห้านาทีอย่างนั้นจริงๆหรอคะคุณทิม ดีค่ะ ฟังแล้วน่าตื่นเต้นดี"
เพียงแค่นั้นสายวีดีโอคอลระหว่างเธอและทิมก็เป็นอันจบลง เขาวางไปแล้วคงจะเห็นว่าเธอน่ะเมาจนพูดไม่รู้เรื่องอย่างนั้นมากกว่าเลยขี้เกียจที่จะพูดด้วย
จิรัสยายังคงนอนนิ่งและหลับตาลง ภายในสมองต่างกำลังประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างเธอกับทิมตอนนี้คืออะไร เหตุใดเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาแบบเธอจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับไฮโซร้อยล้านพันล้านอย่างเขาด้วย ซึ่งเธอไม่อยาก เขากำลังจะทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวาย ด้วยอำนาจเงินเธอไม่มีทางรู้เลยว่าเขาสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง ขนาดเบอร์โทรของเธอจู่ๆเขาก็ยังไปสรรหามา แต่เรื่องนี้ก็ยังคงพอเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะไปถามมาจากภาคินหรือชนัญญาไวน์หมดขวดแล้ว นี่เธอดื่มเข้าไปเยอะขนาดนี้เลยเชียวหรือ จิรัสยาค่อยๆลุกขึ้นยืน ตอนนี้เธอแน่ใจว่าใช่ เธอกำลังเมา เรียวขางามค่อยๆก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำอย่างช้าแล้วจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพับอยู่บนชั้นซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาบิดลูกบิดประตู แล้วจึงก้าวเข้าไปภายในห้อง"นี่คุณ!"จิรัสยาร้องขึ้นมาเต็มเสียง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่เวลานี้บนเตียงนอนของเธอมีทิมนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ออก"คุณเข้ามาได้อย่างไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคุณทิม"ปมผ้าขนหนูถูกกระชับขึ้นมาจนแน่นก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆขยับถอยหลัง"ไม่ค
จิรัสยาพอได้ฟังคำถามจากทิมก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ มีอย่างที่ไหนกันที่จู่ๆคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาถามอะไรกันแบบนี้ ว่าทิมบ้าแล้วตัวเธอเองก็คงจะบ้ายิ่งกว่า ทั้งๆที่ตั้งปณิธานเอาไว้อย่างหนักแน่น ทั้งๆที่คอยปฏิญาณตนว่าชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ แต่ทำไปทำมาทำไมเธอกลับกำลังจะยิ่งถลำลึกเข้าไปทุกที"จี ผมอยากได้คุณ"สายตาของทิมสื่อความปรารถนาของเขาออกมาอย่างเด่นชัด เสียงแหบพร่ากระเส่าของเขาทำเอาเธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าอย่างไม่รู้ตัว จนในที่สุดเขาก็ขยับใกล้เข้ามา ปมผ้าขนหนูค่อยๆถูกเขากระตุกออกอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งใส่มันไปเมื่อสักครู่ จนกระทั่งเผยให้เห็นสองเต้าอวบอิ่มแสนงดงามที่ต่างก็ปรากฎอยู่ด้านหน้า ลิ้นอุ่นแฉะถูกเลียอยู่ที่ริมฝีปากหนา ทิมมองมันด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะก้มลงไปครอบครองมันด้วยริมฝีปากร้อนและมือแกร่งทันที ข้างหนึ่งบีบ ข้างหนึ่งลูบเลียเค้นคลึงจนจิรัสยาต้องเเอ่นหลังขึ้นด้วยความเสียวซ่าน"อ๊ะ คุณทิม ยะ..อย่าค่ะ"ฟังเสียที่ไหน คำร้องคัดค้านของเธอมันคงจะเบาเกินไป ทิมยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างคล่องแคล่วชำนาญ จากด้านบนค่อยๆเคลื่อนลงสู่ด้านล่า
จิรัสยาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เตรียมตัวลงไปหาเพื่อนๆตามเวลานัดหมายข้างล่าง เที่ยวบินกลับของเธอวันนี้คือเวลาบ่ายสองโมงสิบห้านาที ระหว่างรอนั้นพอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงใบหน้าขาวนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความอายขึ้นมาอีกจนได้เมื่อเวลาตีห้ากว่าๆเธอถูกทิมปลุกขึ้นมาเพื่อบอกว่าเขาต้องกลับออกไปแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครมาเห็นและเอาเธอไปต่อว่าได้ว่าเธอนั้นทำผิดกฏการปฏิบัติงาน โดยกฏของการทำงานมีอยู่ว่าห้ามไม่ให้พนักงานพาบุคคลภายนอกเข้ามาพักด้วยระหว่างที่ยังรอสแตนบายเพื่อปฏิบัติหน้าที่โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกตักเตือนและถูกพิจารณาชั่วโมงการทำงานก่อนจะไปทิมดึงเธอเข้ามาหอมและกอดแถมยังขอ 'มอนิ่งคิส' ก่อนไปหนึ่งที ซึ่งมันยาวนานและเนิ่นนานมากกว่าทิมจะยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระอีกครั้ง จิรัสยาคิดในใจว่าตกลงเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอและทิมมีอะไรเกินเลยกันไปแล้วจริงๆอย่างนั้นหรือ แต่ทำไมเธอถึงยังรู้สึกว่าร่างกายของเธอยังรู้สึกปกติสุขดีราวกับว่าไม่เคยมีการผ่านเรื่องราวใดๆมาก่อน ด้วยความสงสัยลังเลคงจะแสดงออกมาบนใบหน้าเธอ จึงได้ลองเปิดผ้าห่มดูแล้วทิมก็พูดขึ้นมาว่า"ทุกอย่างของคุณยังอย
หลังเสร็จจากเที่ยวบินไฟล์ทนี้จิรัสยาก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีโดยไม่ได้คิดสนใจใครอีก ในหัวของเธอตอนนี้มันกำลังตื้อไปหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินทำเอาจิรัสยารู้สึกว้าวุ่นและกระวนกระวายใจกับมันอย่างบอกไม่ถูกสายตาของผู้หญิงคนนั้นตอนที่มองมายังเธอราวกับว่ากำลังมีเรื่องเคียดแค้นอยู่ภายในใจ ก็คงจะใช่ อาจเพราะเจ้าตัวดันบังเอิญเดินกลับเข้ามาเห็นตอนที่เธอล้มเซลงไปนั่งอยู่ที่บนตักของว่าที่คู่หมั้นตัวเองสินะ มิหนำซ้ำก่อนออกจากเครื่องเจ้าหล่อนยังมองเหยียดและจิกสายตามองมาที่เธออย่างที่ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นมิตรไม่มีคำถามและไม่มีการอธิบาย จิรัสยาปล่อยผ่านให้มันทิ้งไว้อยู่อย่างนั้น หวังว่าวันหนึ่งก็คงจะเลือนรางจางหายไปเอง แม้ว่าจะพยายามปลอบใจตัวเองแล้ว แต่ภายในใจก็ยังคงมิวายว้าวุ่นอยู่อย่างนั้น จึงได้แต่พยายามเตือนตัวเองอีกครั้งว่าช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ทางที่ดีนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกเป็นอันขาด ผู้ชายที่ชื่อ ทิม เศวตตระกูล เธอจะขอหลีกหนีจากเขานับตั้งแต่วันนี้ไป ดีแค่ไหนแล้วที่มันยังไม่ทันได้เกิดเรื่องราวเกินเลยขึ้นระหว่างเขากับเธอศรีษะทุย
หลังจากที่เปิดสงครามขนาดย่อมๆไปกับหญิงสาวผู้ที่เธอไม่ได้รู้จักและไม่อยากที่จะรู้จัก แต่อยากเลือกที่จะโทรมาหาเรื่องเธอก่อน จิรัสยาก็ขอจัดให้แบบพอหอมปากหอมคอ อย่าคิดว่าจะโทรมาหาเรื่องเธอก่อนแบบนี้แล้วเธอจะยอม เพราะเรื่องนี้ถ้าจะโทษก็ควรจะไปโทษตัวฝ่ายชายมากกว่าที่ไม่รู้จักพอเอง ก็ในเมื่อทั้งๆที่ตัวเองมีเจ้าของอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับมายุ่งวุ่นวายกับเธอไม่หยุดจนเป็นสาเหตุให้เธอต้องถูกไล่ออกจากงานมาสดๆร้อนๆพอพูดถึงตัวต้นเหตุแล้วจิรัสยาก็อดที่จะเกิดความรู้สึกแปลกๆไม่ได้ เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าภายในใจกำลังรู้สึกปั่นป่วนกระวนกระวายจนอยากจะทึ้งหน้าใครเข้าสักคน ดูเอาเถอะ ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเธอมาขนาดนี้แต่เขากลับเงียบหายไป นี่เขาจะรับรู้บ้างหรือเปล่าว่ากำลังสร้างปัญหาให้กับชีวิตเธอขนาดไหน ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาสองสามที พอเดินเข้าไปส่องดูที่ช่องตาแมวก็เห็นว่าชนัญญายืนอยู่"พี่ฝ้ายมีอะไร""จี แกถูกให้ออกจากงานจริงๆหรอ เห็นหนูนาโทรมาบอกเมื่อกี้ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น" ชนัญญาเขย่าแขนจิรัสยาหน้าตาตื่นด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องคนสนิท"ก็ตามที่เจ้รู้มานั่นแหละ ส่วนส
พอถึงเวลาพักจิรัสยาก็รีบเก็บข้าวของแล้วกะว่าจะแอบรีบแอบหลบไปพักสมองที่ไหนสักแห่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าคนที่ไม่อยากเห็น นี่อุตส่าห์ว่าหนีมาไกลขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรทำให้เธอถึงยังต้องกลับมาพบเจอกับคนที่ไม่อยากพบเจออีกขาเรียวงามรีบก้าวเดินอย่างฉับไว ค่อยๆลัดเลาะไปตามแนวหมู่ละแมกไม้ที่ถูกตกแต่งเอาไว้เป็นเพื่อใช้เป็นฉากม่านบังกั้นสายตาระหว่างโซนโรงแรมกับโซนสระว่ายน้ำจนในที่สุดเธอก็เดินมาโผล่ยังอีกส่วนหนึ่งของทางด้านหลังของโรงแรม และถึงแม้ว่าเธอจะพึ่งเริ่มทำงานที่นี่ แต่เธอก็พอจะรู้ๆอยู่บ้างว่าควรจะเข้าออกซอกไหนซอยไหน"รีบเดินมาขนาดนี้นี่ตั้งใจจะหลบหน้าพี่ใช่มั้ย"จู่ๆเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น จิรัสยาถอนหายใจหนึ่งทีแล้วจึงหันกลับไปมอง"พี่ปาล์ม ตามมาถูกได้ยังไงคะ""พี่มองดูจีอยู่ เห็นพอถึงเวลาพักแล้วจีรีบเดินมาทางนี้พี่ก็เลยรีบเดินตามมา"จิรัสยามองหน้าปัทมะด้วยความเต็มตาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้เคยเป็นคนที่เธอหลงมอบหัวใจให้ คิดว่าเขาจะคือคนที่แตกต่าง แต่เปล่าเลย เขากลับทรยศหักหลังความรักและหัวใจเธออย่างไม่มีชิ้นดี"พี่ปาล์มมีธุระอะไรจะคุยกับจีคะ""พี่คิดถึงจี"ปัทมะแทบจะพูด
เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ภาพที่เห็นคือจิรัสยากำลังถูกปัทมะจับล็อกข้อมือเอาไว้บนเตียง สันกรามแกร่งถูกขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ ดวงตาคมมองจ้องมาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง"เฮ้ย!มึงอีกแล้วหรอ นี่มึงมาที่นี่ได้ยังไงวะ" ปัทมะถามเสียงแข็งกร้าวด้วยความโมโหที่ถูกขัดจังหวะ"ขอโทษที่ต้องมาขัดจังหวะ แต่คงต้องขอตัวพนักงานของผมกลับไปทำงานต่อ ผมจ้างเธอมาด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าพนักงานปกติถึงสองเท่า ดังนั้นเธอก็ควรที่จะทำงานให้กับผมอย่างคุ้มค่า และนี่ก็หมดเวลาพักแล้ว""นี่มึงหมายความว่ายังไงที่บอกว่าจีเป็นพนักงานของมึง จะบอกว่ามึงเป็นเจ้าของที่นี่งั้นสิ""ใช่ ผมเป็นเจ้าของที่นี่ และตอนนี้ผมต้องการตัวพนักงานของผมคืน ส่วนคุณถ้าอยากจะพักที่นี่ต่อหรือว่าต้องการค่าห้องคืนสามารถแจ้งได้ที่หน้าล็อบบี้เลย""มึงอย่ามาตลกกูไม่เชื่อ"พอปัทมะทำท่าว่าจะตรงเข้ามาหา ที่ด้านหน้าประตูก็มีการ์ดของทางโรงแรมสองคนที่ยืนรออยู่เดินตรงสวนเข้ามาเช่นกันจนปัทมะต้องหยุดอยู่กับที่จิรัสยาจ้องมองหน้าเขาราวกับแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ทิมอยู่ที่นี่ ตอนนี้ และเวลานี
หลังจากต่อปากต่อคำกับทิมเสร็จแล้วจิรัสยาก็กลับมาทำงานตามปกติโดยที่เธอเห็นว่าปัทมะยังคงอยู่ที่นั่นและมีหญิงสาวคนอื่นแนบไว้ข้างกายไม่ห่าง ยิ่งพอได้มาเห็นปัทมะทำอะไรแบบนี้ จิรัสยากลับยิ่งรู้สึกว่าดีแล้วที่เลิกกับผู้ชายแบบนั้นมาได้ อย่างน้อยก็เสียแค่ใจแต่ไม่ได้เสียตัวพอปัดเรื่องของปัทมะทิ้งไปก็ยังมีเรื่องของทิมอีก ที่เธอพึ่งจะได้รับรู้มาว่าเขาคือผู้บริหารใหญ่ของที่นี่ ไปๆมาๆจากว่าที่เธอตั้งใจอยากหนีจากเขามา ดันกลายมาเป็นว่าเธอวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างเต็มๆ มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่เขาสามารถสั่งการอะไรก็ได้อีกต่างหาก"ปกติคุณทิมไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่หรอกจี เห็นเข้ามาทีเดือนหรือสองเดือนครั้งได้ พอมาก็จะพักผ่อนอยู่ที่พลูวิลล่าของเขาน่ะ จีถามทำไมหรอจ๊ะ" "อ๋อเปล่าหรอกค่ะพี่เอม พอดีจีพึ่งรู้มาว่านอกจากคุณภาคินแล้วก็ยังมีคุณทิมอีกคนที่เป็นเจ้าของที่นี่ด้วย จีจะได้รู้เอาไว้นะค่ะว่าตัวเองกำลังทำงานให้ใคร เจ้านายชื่ออะไรบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ปฏิบัติตัวถูก" พอเหมือนจะถูกสงสัย จิรัสบาก็รีบทำเป็นตอบออกไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร เพื่อปกปิดความสงสัยของเพื่อนร่วมงานไว้"อ๋
หลังจากที่ไปเรียนรู้งานไปทั้งหมดแล้ว พิศมัยก็พาจิรัสยาเดินมายังที่ๆหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ภายในเป็นห้องขนาดกระทัดรัด ด้านหน้าเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ แถมยังมีระเบียงที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อรับลมเย็นๆภายในห้องถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยหรู ของประดับตกแต่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ดูมีราคา ไม่รู้ว่ามันมีไว้สำหรับให้บริการแขกระดับวีไอพีหรือเปล่าแต่ที่รู้ๆราคาห้องพักแต่ละห้องของที่นี่ก็หกหลักด้วยกันทั้งนั้นพอเดินเข้ามาในห้อง พิศมัยจึงบอกให้เธอไปเตรียมตัวแล้วเดี๋ยวเธอต้องถูกทดสอบว่าสิ่งที่ไปเรียนรู้มานั้นเธอสามารถทำมันได้ดีแค่ไหน จิรัสยาเดินตรงเข้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ จัดการปูผ้าลงบนเตียง เตรียมสิ่งของจำพวกครีมและน้ำมันต่างๆมาเตรียมไว้ เธอทำตามแบบอย่างที่ไปเรียนรู้มาทุกอย่าง ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะยังรู้สึกงงงวยว่าการที่เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่หน้าล็อบบี้นั้นจำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยจริงๆหรือ"จีเตรียมตัวไปก่อนนะ เดี๋ยวเราจะเริ่มทดสอบกันเลย" พิศมัยหันมาบอกและเดินออกจากห้องไปทิ้งความสงสัยให้อยู่กับเธออย่างนั้นระหว่างที่กำลังเตรียมของไป ใจก็คิดเลยเถิดไปถึงใครบางคน คนที่เธอไม่ได้อ
หลังจากต่อปากต่อคำกับทิมเสร็จแล้วจิรัสยาก็กลับมาทำงานตามปกติโดยที่เธอเห็นว่าปัทมะยังคงอยู่ที่นั่นและมีหญิงสาวคนอื่นแนบไว้ข้างกายไม่ห่าง ยิ่งพอได้มาเห็นปัทมะทำอะไรแบบนี้ จิรัสยากลับยิ่งรู้สึกว่าดีแล้วที่เลิกกับผู้ชายแบบนั้นมาได้ อย่างน้อยก็เสียแค่ใจแต่ไม่ได้เสียตัวพอปัดเรื่องของปัทมะทิ้งไปก็ยังมีเรื่องของทิมอีก ที่เธอพึ่งจะได้รับรู้มาว่าเขาคือผู้บริหารใหญ่ของที่นี่ ไปๆมาๆจากว่าที่เธอตั้งใจอยากหนีจากเขามา ดันกลายมาเป็นว่าเธอวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างเต็มๆ มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่เขาสามารถสั่งการอะไรก็ได้อีกต่างหาก"ปกติคุณทิมไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่หรอกจี เห็นเข้ามาทีเดือนหรือสองเดือนครั้งได้ พอมาก็จะพักผ่อนอยู่ที่พลูวิลล่าของเขาน่ะ จีถามทำไมหรอจ๊ะ" "อ๋อเปล่าหรอกค่ะพี่เอม พอดีจีพึ่งรู้มาว่านอกจากคุณภาคินแล้วก็ยังมีคุณทิมอีกคนที่เป็นเจ้าของที่นี่ด้วย จีจะได้รู้เอาไว้นะค่ะว่าตัวเองกำลังทำงานให้ใคร เจ้านายชื่ออะไรบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ปฏิบัติตัวถูก" พอเหมือนจะถูกสงสัย จิรัสบาก็รีบทำเป็นตอบออกไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร เพื่อปกปิดความสงสัยของเพื่อนร่วมงานไว้"อ๋
เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ภาพที่เห็นคือจิรัสยากำลังถูกปัทมะจับล็อกข้อมือเอาไว้บนเตียง สันกรามแกร่งถูกขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ ดวงตาคมมองจ้องมาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง"เฮ้ย!มึงอีกแล้วหรอ นี่มึงมาที่นี่ได้ยังไงวะ" ปัทมะถามเสียงแข็งกร้าวด้วยความโมโหที่ถูกขัดจังหวะ"ขอโทษที่ต้องมาขัดจังหวะ แต่คงต้องขอตัวพนักงานของผมกลับไปทำงานต่อ ผมจ้างเธอมาด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าพนักงานปกติถึงสองเท่า ดังนั้นเธอก็ควรที่จะทำงานให้กับผมอย่างคุ้มค่า และนี่ก็หมดเวลาพักแล้ว""นี่มึงหมายความว่ายังไงที่บอกว่าจีเป็นพนักงานของมึง จะบอกว่ามึงเป็นเจ้าของที่นี่งั้นสิ""ใช่ ผมเป็นเจ้าของที่นี่ และตอนนี้ผมต้องการตัวพนักงานของผมคืน ส่วนคุณถ้าอยากจะพักที่นี่ต่อหรือว่าต้องการค่าห้องคืนสามารถแจ้งได้ที่หน้าล็อบบี้เลย""มึงอย่ามาตลกกูไม่เชื่อ"พอปัทมะทำท่าว่าจะตรงเข้ามาหา ที่ด้านหน้าประตูก็มีการ์ดของทางโรงแรมสองคนที่ยืนรออยู่เดินตรงสวนเข้ามาเช่นกันจนปัทมะต้องหยุดอยู่กับที่จิรัสยาจ้องมองหน้าเขาราวกับแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ทิมอยู่ที่นี่ ตอนนี้ และเวลานี
พอถึงเวลาพักจิรัสยาก็รีบเก็บข้าวของแล้วกะว่าจะแอบรีบแอบหลบไปพักสมองที่ไหนสักแห่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าคนที่ไม่อยากเห็น นี่อุตส่าห์ว่าหนีมาไกลขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรทำให้เธอถึงยังต้องกลับมาพบเจอกับคนที่ไม่อยากพบเจออีกขาเรียวงามรีบก้าวเดินอย่างฉับไว ค่อยๆลัดเลาะไปตามแนวหมู่ละแมกไม้ที่ถูกตกแต่งเอาไว้เป็นเพื่อใช้เป็นฉากม่านบังกั้นสายตาระหว่างโซนโรงแรมกับโซนสระว่ายน้ำจนในที่สุดเธอก็เดินมาโผล่ยังอีกส่วนหนึ่งของทางด้านหลังของโรงแรม และถึงแม้ว่าเธอจะพึ่งเริ่มทำงานที่นี่ แต่เธอก็พอจะรู้ๆอยู่บ้างว่าควรจะเข้าออกซอกไหนซอยไหน"รีบเดินมาขนาดนี้นี่ตั้งใจจะหลบหน้าพี่ใช่มั้ย"จู่ๆเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น จิรัสยาถอนหายใจหนึ่งทีแล้วจึงหันกลับไปมอง"พี่ปาล์ม ตามมาถูกได้ยังไงคะ""พี่มองดูจีอยู่ เห็นพอถึงเวลาพักแล้วจีรีบเดินมาทางนี้พี่ก็เลยรีบเดินตามมา"จิรัสยามองหน้าปัทมะด้วยความเต็มตาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้เคยเป็นคนที่เธอหลงมอบหัวใจให้ คิดว่าเขาจะคือคนที่แตกต่าง แต่เปล่าเลย เขากลับทรยศหักหลังความรักและหัวใจเธออย่างไม่มีชิ้นดี"พี่ปาล์มมีธุระอะไรจะคุยกับจีคะ""พี่คิดถึงจี"ปัทมะแทบจะพูด
หลังจากที่เปิดสงครามขนาดย่อมๆไปกับหญิงสาวผู้ที่เธอไม่ได้รู้จักและไม่อยากที่จะรู้จัก แต่อยากเลือกที่จะโทรมาหาเรื่องเธอก่อน จิรัสยาก็ขอจัดให้แบบพอหอมปากหอมคอ อย่าคิดว่าจะโทรมาหาเรื่องเธอก่อนแบบนี้แล้วเธอจะยอม เพราะเรื่องนี้ถ้าจะโทษก็ควรจะไปโทษตัวฝ่ายชายมากกว่าที่ไม่รู้จักพอเอง ก็ในเมื่อทั้งๆที่ตัวเองมีเจ้าของอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับมายุ่งวุ่นวายกับเธอไม่หยุดจนเป็นสาเหตุให้เธอต้องถูกไล่ออกจากงานมาสดๆร้อนๆพอพูดถึงตัวต้นเหตุแล้วจิรัสยาก็อดที่จะเกิดความรู้สึกแปลกๆไม่ได้ เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าภายในใจกำลังรู้สึกปั่นป่วนกระวนกระวายจนอยากจะทึ้งหน้าใครเข้าสักคน ดูเอาเถอะ ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเธอมาขนาดนี้แต่เขากลับเงียบหายไป นี่เขาจะรับรู้บ้างหรือเปล่าว่ากำลังสร้างปัญหาให้กับชีวิตเธอขนาดไหน ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาสองสามที พอเดินเข้าไปส่องดูที่ช่องตาแมวก็เห็นว่าชนัญญายืนอยู่"พี่ฝ้ายมีอะไร""จี แกถูกให้ออกจากงานจริงๆหรอ เห็นหนูนาโทรมาบอกเมื่อกี้ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น" ชนัญญาเขย่าแขนจิรัสยาหน้าตาตื่นด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องคนสนิท"ก็ตามที่เจ้รู้มานั่นแหละ ส่วนส
หลังเสร็จจากเที่ยวบินไฟล์ทนี้จิรัสยาก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีโดยไม่ได้คิดสนใจใครอีก ในหัวของเธอตอนนี้มันกำลังตื้อไปหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินทำเอาจิรัสยารู้สึกว้าวุ่นและกระวนกระวายใจกับมันอย่างบอกไม่ถูกสายตาของผู้หญิงคนนั้นตอนที่มองมายังเธอราวกับว่ากำลังมีเรื่องเคียดแค้นอยู่ภายในใจ ก็คงจะใช่ อาจเพราะเจ้าตัวดันบังเอิญเดินกลับเข้ามาเห็นตอนที่เธอล้มเซลงไปนั่งอยู่ที่บนตักของว่าที่คู่หมั้นตัวเองสินะ มิหนำซ้ำก่อนออกจากเครื่องเจ้าหล่อนยังมองเหยียดและจิกสายตามองมาที่เธออย่างที่ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นมิตรไม่มีคำถามและไม่มีการอธิบาย จิรัสยาปล่อยผ่านให้มันทิ้งไว้อยู่อย่างนั้น หวังว่าวันหนึ่งก็คงจะเลือนรางจางหายไปเอง แม้ว่าจะพยายามปลอบใจตัวเองแล้ว แต่ภายในใจก็ยังคงมิวายว้าวุ่นอยู่อย่างนั้น จึงได้แต่พยายามเตือนตัวเองอีกครั้งว่าช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ทางที่ดีนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกเป็นอันขาด ผู้ชายที่ชื่อ ทิม เศวตตระกูล เธอจะขอหลีกหนีจากเขานับตั้งแต่วันนี้ไป ดีแค่ไหนแล้วที่มันยังไม่ทันได้เกิดเรื่องราวเกินเลยขึ้นระหว่างเขากับเธอศรีษะทุย
จิรัสยาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เตรียมตัวลงไปหาเพื่อนๆตามเวลานัดหมายข้างล่าง เที่ยวบินกลับของเธอวันนี้คือเวลาบ่ายสองโมงสิบห้านาที ระหว่างรอนั้นพอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงใบหน้าขาวนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความอายขึ้นมาอีกจนได้เมื่อเวลาตีห้ากว่าๆเธอถูกทิมปลุกขึ้นมาเพื่อบอกว่าเขาต้องกลับออกไปแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครมาเห็นและเอาเธอไปต่อว่าได้ว่าเธอนั้นทำผิดกฏการปฏิบัติงาน โดยกฏของการทำงานมีอยู่ว่าห้ามไม่ให้พนักงานพาบุคคลภายนอกเข้ามาพักด้วยระหว่างที่ยังรอสแตนบายเพื่อปฏิบัติหน้าที่โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกตักเตือนและถูกพิจารณาชั่วโมงการทำงานก่อนจะไปทิมดึงเธอเข้ามาหอมและกอดแถมยังขอ 'มอนิ่งคิส' ก่อนไปหนึ่งที ซึ่งมันยาวนานและเนิ่นนานมากกว่าทิมจะยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระอีกครั้ง จิรัสยาคิดในใจว่าตกลงเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอและทิมมีอะไรเกินเลยกันไปแล้วจริงๆอย่างนั้นหรือ แต่ทำไมเธอถึงยังรู้สึกว่าร่างกายของเธอยังรู้สึกปกติสุขดีราวกับว่าไม่เคยมีการผ่านเรื่องราวใดๆมาก่อน ด้วยความสงสัยลังเลคงจะแสดงออกมาบนใบหน้าเธอ จึงได้ลองเปิดผ้าห่มดูแล้วทิมก็พูดขึ้นมาว่า"ทุกอย่างของคุณยังอย
จิรัสยาพอได้ฟังคำถามจากทิมก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ มีอย่างที่ไหนกันที่จู่ๆคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาถามอะไรกันแบบนี้ ว่าทิมบ้าแล้วตัวเธอเองก็คงจะบ้ายิ่งกว่า ทั้งๆที่ตั้งปณิธานเอาไว้อย่างหนักแน่น ทั้งๆที่คอยปฏิญาณตนว่าชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ แต่ทำไปทำมาทำไมเธอกลับกำลังจะยิ่งถลำลึกเข้าไปทุกที"จี ผมอยากได้คุณ"สายตาของทิมสื่อความปรารถนาของเขาออกมาอย่างเด่นชัด เสียงแหบพร่ากระเส่าของเขาทำเอาเธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าอย่างไม่รู้ตัว จนในที่สุดเขาก็ขยับใกล้เข้ามา ปมผ้าขนหนูค่อยๆถูกเขากระตุกออกอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งใส่มันไปเมื่อสักครู่ จนกระทั่งเผยให้เห็นสองเต้าอวบอิ่มแสนงดงามที่ต่างก็ปรากฎอยู่ด้านหน้า ลิ้นอุ่นแฉะถูกเลียอยู่ที่ริมฝีปากหนา ทิมมองมันด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะก้มลงไปครอบครองมันด้วยริมฝีปากร้อนและมือแกร่งทันที ข้างหนึ่งบีบ ข้างหนึ่งลูบเลียเค้นคลึงจนจิรัสยาต้องเเอ่นหลังขึ้นด้วยความเสียวซ่าน"อ๊ะ คุณทิม ยะ..อย่าค่ะ"ฟังเสียที่ไหน คำร้องคัดค้านของเธอมันคงจะเบาเกินไป ทิมยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างคล่องแคล่วชำนาญ จากด้านบนค่อยๆเคลื่อนลงสู่ด้านล่า
จิรัสยายังคงนอนนิ่งและหลับตาลง ภายในสมองต่างกำลังประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างเธอกับทิมตอนนี้คืออะไร เหตุใดเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาแบบเธอจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับไฮโซร้อยล้านพันล้านอย่างเขาด้วย ซึ่งเธอไม่อยาก เขากำลังจะทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวาย ด้วยอำนาจเงินเธอไม่มีทางรู้เลยว่าเขาสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง ขนาดเบอร์โทรของเธอจู่ๆเขาก็ยังไปสรรหามา แต่เรื่องนี้ก็ยังคงพอเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะไปถามมาจากภาคินหรือชนัญญาไวน์หมดขวดแล้ว นี่เธอดื่มเข้าไปเยอะขนาดนี้เลยเชียวหรือ จิรัสยาค่อยๆลุกขึ้นยืน ตอนนี้เธอแน่ใจว่าใช่ เธอกำลังเมา เรียวขางามค่อยๆก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำอย่างช้าแล้วจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพับอยู่บนชั้นซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาบิดลูกบิดประตู แล้วจึงก้าวเข้าไปภายในห้อง"นี่คุณ!"จิรัสยาร้องขึ้นมาเต็มเสียง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่เวลานี้บนเตียงนอนของเธอมีทิมนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ออก"คุณเข้ามาได้อย่างไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคุณทิม"ปมผ้าขนหนูถูกกระชับขึ้นมาจนแน่นก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆขยับถอยหลัง"ไม่ค