เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ภาพที่เห็นคือจิรัสยากำลังถูกปัทมะจับล็อกข้อมือเอาไว้บนเตียง สันกรามแกร่งถูกขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ ดวงตาคมมองจ้องมาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง
"เฮ้ย!มึงอีกแล้วหรอ นี่มึงมาที่นี่ได้ยังไงวะ" ปัทมะถามเสียงแข็งกร้าวด้วยความโมโหที่ถูกขัดจังหวะ
"ขอโทษที่ต้องมาขัดจังหวะ แต่คงต้องขอตัวพนักงานของผมกลับไปทำงานต่อ ผมจ้างเธอมาด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าพนักงานปกติถึงสองเท่า ดังนั้นเธอก็ควรที่จะทำงานให้กับผมอย่างคุ้มค่า และนี่ก็หมดเวลาพักแล้ว"
"นี่มึงหมายความว่ายังไงที่บอกว่าจีเป็นพนักงานของมึง จะบอกว่ามึงเป็นเจ้าของที่นี่งั้นสิ"
"ใช่ ผมเป็นเจ้าของที่นี่ และตอนนี้ผมต้องการตัวพนักงานของผมคืน ส่วนคุณถ้าอยากจะพักที่นี่ต่อหรือว่าต้องการค่าห้องคืนสามารถแจ้งได้ที่หน้าล็อบบี้เลย"
"มึงอย่ามาตลกกูไม่เชื่อ"
พอปัทมะทำท่าว่าจะตรงเข้ามาหา ที่ด้านหน้าประตูก็มีการ์ดของทางโรงแรมสองคนที่ยืนรออยู่เดินตรงสวนเข้ามาเช่นกันจนปัทมะต้องหยุดอยู่กับที่
จิรัสยาจ้องมองหน้าเขาราวกับแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ทิมอยู่ที่นี่ ตอนนี้ และเวลานี้ แถมเมื่อกี้เขายังมาช่วยเธอไว้ได้ทันอีก และก็ยังมีอะไรอีกนะ เขาบอกว่าเขาคือเจ้าของๆที่นี่ เป็นไปไม่ได้ ก็ในเมื่อชนัญญาบอกเองว่าโรงแรมแห่งนี้เป็นของภาคิน
ขายาวๆก้าวตรงไปหาจิรัสยาก่อนจะปัทมะให้ถอยหลบไป ข้อมือแกร่งตรงเข้าไปฉุดข้อมือน้อยๆแล้วออกแรงดึงให้เธอเดินตามเขาออกมา พอพ้นออกมาจากประตูห้องเสื้อผ้าหน้าผมก็ถูกจัดให้เข้าที่เข้าทางอย่างไวโดยฝีมือของเขาก่อนจะจูงมือเธอให้ก้าวตามเขาไปแบบติดๆ
ด้วยความสับสนและยังมึนงงไม่หาย จิรัสยาจึงได้แต่เดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายและไม่ได้ซักถามอะไรออกมา ภายในอกยังคงมีเสียงเต้นโครมครามทั้งกับเรื่องที่ปัทมะพึ่งทำและอีกเรื่องที่พึ่งจะได้รับรู้ว่าทิมนั้นคือเจ้าของที่นี่ ขายาวๆก้าวนำเธอไปอย่างเงียบๆ และตัวเธอเองก็เดินตามไปอย่างเงียบๆโดยที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะนำพาเธอไปที่ใด จนกระทั่งเริ่มหายตกใจและพอจะได้สติ
"คุณทิมคะ นี่คุณพูดจริงหรือเปล่าว่าคุณเป็นเจ้าของที่นี่ ฉันคิดว่ามันเป็นของพี่คินเสียอีก" จิรัสยาหยุดเดินตามจนทิมนั้นต้องหันกลับมา
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ของผมหกสิบ ภาคินสี่สิบ"พอได้รับฟังข้อมูลจากปากเขาเธอก็พอจะเดาอะไรๆได้ออก หมายความว่าทั้งเขาและภาคินแฟนหนุ่มของจิรัสยาเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมนี้ด้วยกัน และนี่มันก็คงเป็นอีกครั้งที่เธอถูกหลอก แม้ว่าจะเจ็บปวดภายในใจแต่จิรัสยาก็เก็บอาการนั้นไว้ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆแล้วเชิดหน้าถามออกไป
"แล้วนี่คุณกำลังจะพาฉันไปไหน"
"ก็พาออกไปจากที่นี่ไง หรือว่าคุณอยากจะอยู่ต่อกับแฟนเก่าคุณ" ว่าแล้วทิมก็เดินนำจิรัสยาออกไปจากบริเวณนี้เฉย ด้วยความตกใจว่าพอไม่มีทิมอยู่ตรงนี้ด้วยแล้ว เกิดปัทมะยังตามเธอมาแล้วเธอจะทำยังไง ไม่ต้องคิดมากจู่ๆแข้งขาก็อยากจะก้าวตามเขาไปอย่างฉับไว
ทิมพาเธอเดินไปตามทางเรื่อยๆสักพัก จนกระทั่งมาหยุดลงตรงหน้าพลูวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่ง เขาเดินนำเธอเดินเข้าไปด้านในโดยไม่ได้หันมาถามเธอสักนิดว่าอยากจะตามเขาเข้าไปด้วยหรือไม่
เมื่อมองไปรอบๆ วิลล่าแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตล์บาหลีแบบอาร์ตๆ ที่บริเวณทางเดินเข้าไปด้านหน้าคือสระว่ายน้ำส่วนตัวซึ่งมองตรงเข้าไปจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปถึงบนระเบียงชั้นสอง จากจุดที่เธอยืนสามารถมองเห็นได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง และตรงบานประตูทำด้วยกระจกที่สามารถเปิดรับลมได้รอบทิศทาง
ทิมเดินเข้าไปแล้วหากแต่จิรัสยายังคงหยุดยืนอยู่กับที่ เธอพึ่งจะผ่านเหตุการณ์ที่เกือบถูกผู้ชายอุ้มพามาทำมิดีมิร้ายมาสดๆร้อนๆ นี่ทิมยังจะพาเธอมาในที่แบบนี้อีกหรอ คิดแล้วเธอจึงคิดว่าควรจะหยุดยืนรออยู่ตรงนั้นแทนดีกว่า พอทิมหันกลับมาเห็นว่าเธอไม่ยอมเดินตามเข้าไป เขาจึงได้เดินย้อนกลับออกมาอีกรอบก่อนจะคว้าข้อมือเล็กนั่นทั้งจูงและกึ่งลากเข้าไปแทน
"คุณทิม ปล่อยฉันเถอะค่ะ"
"กลัวผมหรอ ไม่ต้องกลัวหรอกระดับผมไม่เคยปล้ำใครถ้าเขาคนนั้นไม่เต็มใจ คุณเองก็เคยอยู่กับผมสองต่อสองมาแล้วนี่ น่าจะรู้ได้แล้วนะว่าผมน่ะไว้ใจได้ขนาดไหน"
'เขาน่ะหรอไว้ใจได้ ตัวร้ายเลยล่ะไม่ว่า'
"ว่าไม่ได้หรอกค่ะ ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ขนาด.." จิรัสยาหยุดคำพูดไว้แค่นี้ก่อนจะนึกย้อนกลับไปถึงปัทมะที่เธออุตส่าห์ไว้เนื้อเชื่อใจมาโดยตลอดแต่ก็ไม่นึกเลยจริงๆว่าเขาจะทำเธอได้ลงคอ
"ขนาดแฟนเก่าคุณน่ะหรอ" ทิมต่อให้ "อย่าลืมสิว่าผมกับเขาน่ะคนละคนกัน"
"ว่าไม่ได้หรอกค่ะ"
"แต่ผมเป็นคนไปช่วยคุณออกมานะ ลืมไปหรือเปล่า"
"ฉันก็ไม่ได้ขอร้องนี่คะ" ด้วยความหมั่นไส้ จิรัสยาจึงต่อปากต่อคำไปแบบทันควัน เธอยังไม่ลืมหรอกนะว่าเพราะใครเธอจึงถูกไล่ออกจากงาน มิหนำซ้ำเขายังไม่เอ่ยถึงมันสักคำ รู้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเอง
"ยืนจ้องหน้าผมขนาดนี้ กำลังด่าอะไรผมในใจอยู่หรือเปล่า"
"ค่ะ" จิรัสยายอมรับออกไปตรงๆ
"เรื่อง?" ทิมเลิกคิ้วถาม
"เรื่องของฉันค่ะ"
'เรื่องของฉัน' นี่เธอกำลังด่าว่าเขาเข้าไปยุ่งเรื่องของเธอสินะ ทิมส่ายหัวหัวเราะออกมาเบาๆในขณะที่จิรัสยาพูดจบก็เดินตัวปลิวเข้าไปข้างในทันที และเมื่อเดินเข้าไปด้านในคนที่บอกว่าไม่กล้าเข้ามาในตอนแรกก็กลับมองสำรวจไปรอบๆด้วยความเพลิดเพลินจนลืมไปเลยว่ายังๅๅมีใครบางคนยืนจ้องมองอยู่
"ชอบมั้ยครับ"
"ถามทำไมคะ"
"ก็ถ้าเผื่อคุณชอบแล้วอยากจะมาพักอยู่ที่นี่"
"ตำแหน่งพนักงานต้อนรับอย่างฉันเนี่ยนะคะ"
"คุณก็ยอมเป็นให้มากกว่านั้นสิ"พอเขาพูดออกมาแบบนี้จิรัสยาก็ได้แต่กัดริมฝีปากและรู้ได้ทันทีว่าทิมคิดอะไร
"เสียใจด้วยนะคะ แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น"
"คุณรู้หรอว่าผมหมายถึงผู้หญิงประเภทไหน"
"ก็ประเภทที่ยอมนอนกับคุณง่ายๆเพื่อแลกกับความสะดวกสบายอะไรแบบนั้นล่ะมั้งคะ"
"ดูถูกความรู้สึกของผมจังเลยนะครับ"
"หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป"
"แล้ววันหนึ่งคุณจะได้รู้เอง ว่าการที่ผมบอกว่าให้คุณยอมเป็นมากกว่านั้น หมายถึงอะไร"
หลังจากต่อปากต่อคำกับทิมเสร็จแล้วจิรัสยาก็กลับมาทำงานตามปกติโดยที่เธอเห็นว่าปัทมะยังคงอยู่ที่นั่นและมีหญิงสาวคนอื่นแนบไว้ข้างกายไม่ห่าง ยิ่งพอได้มาเห็นปัทมะทำอะไรแบบนี้ จิรัสยากลับยิ่งรู้สึกว่าดีแล้วที่เลิกกับผู้ชายแบบนั้นมาได้ อย่างน้อยก็เสียแค่ใจแต่ไม่ได้เสียตัวพอปัดเรื่องของปัทมะทิ้งไปก็ยังมีเรื่องของทิมอีก ที่เธอพึ่งจะได้รับรู้มาว่าเขาคือผู้บริหารใหญ่ของที่นี่ ไปๆมาๆจากว่าที่เธอตั้งใจอยากหนีจากเขามา ดันกลายมาเป็นว่าเธอวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างเต็มๆ มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่เขาสามารถสั่งการอะไรก็ได้อีกต่างหาก"ปกติคุณทิมไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่หรอกจี เห็นเข้ามาทีเดือนหรือสองเดือนครั้งได้ พอมาก็จะพักผ่อนอยู่ที่พลูวิลล่าของเขาน่ะ จีถามทำไมหรอจ๊ะ" "อ๋อเปล่าหรอกค่ะพี่เอม พอดีจีพึ่งรู้มาว่านอกจากคุณภาคินแล้วก็ยังมีคุณทิมอีกคนที่เป็นเจ้าของที่นี่ด้วย จีจะได้รู้เอาไว้นะค่ะว่าตัวเองกำลังทำงานให้ใคร เจ้านายชื่ออะไรบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ปฏิบัติตัวถูก" พอเหมือนจะถูกสงสัย จิรัสบาก็รีบทำเป็นตอบออกไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร เพื่อปกปิดความสงสัยของเพื่อนร่วมงานไว้"อ๋
หลังจากที่ไปเรียนรู้งานไปทั้งหมดแล้ว พิศมัยก็พาจิรัสยาเดินมายังที่ๆหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ภายในเป็นห้องขนาดกระทัดรัด ด้านหน้าเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ แถมยังมีระเบียงที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อรับลมเย็นๆภายในห้องถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยหรู ของประดับตกแต่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ดูมีราคา ไม่รู้ว่ามันมีไว้สำหรับให้บริการแขกระดับวีไอพีหรือเปล่าแต่ที่รู้ๆราคาห้องพักแต่ละห้องของที่นี่ก็หกหลักด้วยกันทั้งนั้นพอเดินเข้ามาในห้อง พิศมัยจึงบอกให้เธอไปเตรียมตัวแล้วเดี๋ยวเธอต้องถูกทดสอบว่าสิ่งที่ไปเรียนรู้มานั้นเธอสามารถทำมันได้ดีแค่ไหน จิรัสยาเดินตรงเข้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ จัดการปูผ้าลงบนเตียง เตรียมสิ่งของจำพวกครีมและน้ำมันต่างๆมาเตรียมไว้ เธอทำตามแบบอย่างที่ไปเรียนรู้มาทุกอย่าง ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะยังรู้สึกงงงวยว่าการที่เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่หน้าล็อบบี้นั้นจำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยจริงๆหรือ"จีเตรียมตัวไปก่อนนะ เดี๋ยวเราจะเริ่มทดสอบกันเลย" พิศมัยหันมาบอกและเดินออกจากห้องไปทิ้งความสงสัยให้อยู่กับเธออย่างนั้นระหว่างที่กำลังเตรียมของไป ใจก็คิดเลยเถิดไปถึงใครบางคน คนที่เธอไม่ได้อ
ภายในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายบนท้องถนน รถสปอร์ตสีดำคันงามกำลังเลี้ยวเข้ามาจอดยังลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป้าหมายของจิรัสยาในค่ำคืนนี้ก็คือเพ้นเฮ้าส์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ยังชั้นบนสุดของที่นี่ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า มากกว่า500 ตารางวา ซึ่งตัวเธอเองก็เคยได้สัมผัสมันมาแล้วหลายครั้งหลายคราอยู่ว่ามันหรูหราเพียงใดลมหายใจถูกพ่นออกมาเฮือกใหญ่อยู่หลายรอบก่อนจะตัดสินใจหอบกล่องของขวัญออกมาจากเบาะหลัง ขาเรียวงามเดินก้าวตรงไปด้านหน้า ซึ่งมองจากตรงนี้จะเห็นว่ามีลิฟท์โดยสารที่อยู่เยื้องไปไม่ไกลบรรยากาศคืนนี้ค่อนข้างอบอ้าว จิรัสยาเลือกที่จะใส่มินิเดรสกำมะหยีสายเดี่ยวสีแดงเบอกันดี้ขนาดเข้ารูปกับรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดส้นเข็มสีดำ ซึ่งดูแล้วมันตัดกันดีกับสีผิวอันขาวผ่อง นั่นยิ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของเธอในคืนนี้ให้ออกมาในทางเซ็กซี่แต่เรียบหรูจิรัสยาเป็นคนที่มีรูปร่างดี เพราะปกติเธอชอบที่จะดูแลตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่มีวันหยุดไม่มีไฟลท์ที่ต้องไปบินเธอก็มักจะมีตัวเลือกอยู่แค่สองอย่าง คือ ถ้าไม่นอมจมอยู่กับที่นอนทั้งวันไปเลย เธอก็มักเลือกที่จะไปเข้ายิมเพื่อเรียกเหงื่อจากการ
หลังจากออกจากตรงนั้นได้ จิรัสยาก็รีบเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังไพรเวทลิฟท์ที่เห็นอยู่ด้านหน้า ไม่ไกลนักจากสายตา ลิฟท์นี้ที่มีไว้สำหรับใช้กับเพ้นเฮ้าส์หรูโดยเฉพาะ ชนัญญาเคยพาเธอมาแล้วหลายครั้ง แต่ในขณะที่ร่างบางกำลังยืนรอลิฟท์อยู่ก็ปรากฏว่าได้มีบุคคลผู้หนึ่งที่เธอพึ่งจะเดินจากมาหยกๆ และเธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่ใกล้มากเท่าไหร่นักเดินใกล้เข้ามายืนประกบเธออยู่ด้านหลังนี่เขาตามเธอมาทำไมกัน จิรัสยาหันกลับไปมองหน้าบุรุษหนุ่มตรงๆ เพราะก็รู้อยู่แล้วว่าลิฟท์โดยสารตัวนี้มีไว้สำหรับเพ้นเฮ้าส์ของภาคินแฟนหนุ่มของชนัญญาเพียงเท่านั้น แต่ในขณะที่จิรัสยากำลังได้แต่นึกสงสัย เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ได้ชิงพูดขึ้นมาคลายความสงสัยให้เธอได้เสียก่อน"กำลังจะไปงานวันเกิดของภาคินหรือเปล่าครับ" เขาถามเสียงเรียบหากแต่ก็ไม่ได้มองมาทางเธอ"คุณถามทำไมคะ" "ก็เพราะว่าเราอาจจะกำลังไปที่เดียวกัน ผมเห็นคุณหอบกล่องของขวัญมาด้วยเสียกล่องใหญ่ ถ้ากำลังจะไปที่เดียวกันผมสามารถช่วยคุณถือได้" ทิมเอ่ยบอกความหวังดีออกไป เวลานี้สายตาคมจ้องมองมายังดวงตากลมโตของเธอราวกับว่าต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง ซึ่งภายในสายตานั้นทำเอาจิรัสยารู้สึกร้อนวูบวาบรา
หลังจากที่ชนัญญาได้แนะนำจิรัสยาให้รู้จักกับเขาแล้วเธอก็ต้องรีบขอตัวเพื่อห่างออกมา ย้ำอีกครั้งว่าผู้ชายแบบทิมนั้นคือผู้ชายที่จิรัสยาอยากหลีกหนีให้ไกลที่สุด บรรยากาศภายในวันนี้เรียกได้ว่าพิเศษสุดๆ เพราะจากที่จิรัสยากวาดสายตามองไปรอบๆพื้นที่แล้วก็จะเห็นว่ามีผู้ที่มาร่วมฉลองวันเกิดให้กับภาคินวันนี้ราวยี่สิบกว่าคนเห็นจะได้ บางคนมาเดี่ยว บางคนก็มาคู่ ดูจากการแต่งตัวและเครื่องประดับของใช้แต่ละคนแล้วเรียกได้ว่าจิรัสยากำลังอยู่ท่ามกลางแวดวงไฮโซอย่างแท้ทรูตัวเธอปกติเกิดมาในครอบครัวที่ก็ไม่ได้จะขัดสนอะไร ตอนที่ผู้เป็นยายของเธอยังมีชีวิตอยู่ก็เรียกได้ว่าท่านเป็นเศรษฐีนีค้าขายที่ดินแพงๆคนหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นสิ่งของพวกนี้สำหรับจิรัสยาแล้วเธอจึงคุ้นเคยกับมันดี และเนื่องจากว่าเป็นคนที่ชอบแต่งตัวเวลาที่ไปทำงานต่างประเทศเธอก็มักจะมีโอกาสได้หอบหิ้วของสวยๆงามๆกลับมาด้วยเสมอในขณะที่กำลังจ้องมองผู้คนที่ต่างกำลังยืนพูดคุยจิบเครื่องดื่มกันอยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำของเพ้นเฮ้าส์หรูแห่งนี้อย่างออกรส สายตาของจิรัสยาก็กวาดไล่ไปจนมาหยุดอยู่ที่ทิมและภาคิน และเธอก็พบว่าเขาสองคนกำลังสนทนากันด้วยสีหน้ายิ้มๆและหันมองมา
งานเลี้ยงจบลงด้วยดี ระหว่างนี้ทุกคนต่างพากันทยอยกลับ ชนัญญาเมาแล้ว เธอพึ่งจะประครองเข้าไปส่งที่ห้องนอนของภาคินมาเมื่อสักครู่"แล้วนี่จีกลับยังไง กลับเองหรอ ขับรถไหวหรือเปล่าให้คนขับรถของพี่ไปส่งได้นะ"ภาคินเสนอเมื่อเห็นว่าเธออยู่ช่วยเป็นคนสุดท้าย"ไม่ดีกว่าค่ะ คอนโดจีแค่นี้เองพี่คินไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างจีดื่มไปแค่แก้วเดียวเอง แค่นี้สบายมาก"จิรัสยาบอกปัดไปอย่างง่ายๆเพราะไม่อยากลำบากคนอื่น ปล่อยให้ภาคินได้ดูแลชนัญญาเสียจะดีกว่า"งั้นขับรถกลับดีๆล่ะ ถ้ากลับไม่ไหวก็บอกให้มันไปส่ง" ภาคินพูดจายิ้มๆ คืออะไร จิรัสยายังคงงงงวยกับสิ่งที่ภาคินพูดออกมาเมื่อสักครู่หากแต่พอจะเงยหน้าขึ้นไปถามเจ้าตัวก็ดันปิดประตูและโบกมือลาให้เธอไปเรียบร้อยคืนนี้จิรัสยากลับเป็นคนสุดท้ายเนื่องจากว่าคอยดูแลความเรียบร้อยอะไรนิดๆหน่อยๆแถมยังต้องดูแลชนัญญาที่เมาพับหลับไปก่อนแล้วนั่นอีก พอเดินออกจากลิฟท์โดยสารมาก็เหลือเพียงแค่รถของเธอคันเดียวที่ยังจอดอยู่มือเรียวสวยพยายามควานล้วงหากุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าแต่ล้วงจนทั่วและหายังไงก็ยังไม่พบจนเธอชักเริ่มจะหัวเสีย เธอจำได้ว่าเก็บกุญแจรถไว้ในกระเป๋าตลอดและเธอก็ไม่เคยได้ถอดกระ
เขากลับไปแล้ว..จิรัสยาเอามือทาบไว้ที่หน้าอกและพ่นลมหายใจออกมาทางปากหลังจากก้าวเข้ามาอยู่ในห้องของตัวเองเสร็จ"ตกลงจะเอารถผมไว้ใช้หรือพรุ่งนี้จะให้คนรถของผมมารับคุณไปส่งที่ทำงานครับ""ขอโทษนะคะคุณทิม นี่คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่าคะ เราไม่ได้รู้จักกัน จู่ๆจะเอารถราคาคันละตั้งหลายสิบล้านมาให้ฉันไว้ใช้ ฉันไม่เข้าใจค่ะ " "เรารู้จักกันแล้ว ฝ้ายพึ่งแนะนำไปตอนหัวค่ำ คุณลืมไปแล้วหรือเปล่า""ค่ะ ไม่ลืม แต่เราก็ไม่ได้รู้จักกันถึงขนาดที่ว่าคุณเอารถของคุณมาให้ฉันไว้ใช้ได้นะคะ""ไม่ต้องห่วงอีกหน่อยก็รู้จัก เพราะผมอยากรู้จัก คุณเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย" จิรัสยายังคงช็อคกับเหตุการ์ณนี้ไม่หายว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คืออะไร เขาคงไม่ได้จะกำลังสนใจเธออยู่หรอกใช่มั้ย ในเมื่อเขามีว่าที่คู่หมั้นแล้วนี่ บ้าชะมัด เธอต้องตั้งรับกับผู้ชายอันตรายคนนี้ไว้ให้ดีๆ จิรัสยารู้สึกว่าเขาอันตราย แม้ว่าภายนอกจะดูสุขุมนุ่มลึกเพียงใดแต่เธอเชื่อว่าเขาน่ะ 'ไฟ' ดีๆนี่เอง หากไม่อยากโดนแผดเผาก็จงพยายามอยู่ให้ไกลสรุปพรุ่งนี้ทิมสั่งให้คนของเขามารับเธอเเทนที่จะเอารถหรูมาจอดทิ้งไว้ที่คอนโด เนื่องจากว่าจิรัสยายืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่
หลังจากที่ทิมมาส่งเรียบร้อยจิรัสยาก็ตรงเข้าออฟฟิศเพื่อเตรียมตัวสำหรับเที่ยวบินในคืนนี้ หากแต่ระหว่างทางภายในใจก็ยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาขับรถมาส่งเธอที่คอนโดตั้งแต่เมื่อคืน หรือขับรถมารับเธอในตอนเย็นของวันนี้ ไหนจะเหล่าคำพูดแปลกๆของเขาอีกที่คอยรบกวนจิตใจเธออยู่ตลอด"ยังไม่รู้จักแต่ผมอยากรู้จัก""ถ้าผมยังไม่มีเจ้าของคุณจะอยากยุ่งกับผมหรือเปล่า""ผมอยากรู้จัก คุณเตรียมตัวไว้ได้เลย"ทุกๆประโยคเหล่านั้นยังคงดังขึ้นอยู่ภายในใจ เอาเข้าจริงๆถ้าเธอไม่หลงตัวเองจนเกินไป จากทุกๆประโยคเหล่านั้นจรัสยาก็พอที่จะสามารถรู้เองได้ว่าทิมหมายถึงอะไร เธอไม่ใช่เด็ก เธอใช้ชีวิตมาจนขนาดนี้แล้วและเธอก็สามารถมองมันออกจิรัสยายอมรับตรงนี้ว่าผู้ชายแบบทิมนั้นมีแรงดึงดูดได้มากจริงๆ แต่ยังไงเสียมันก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้กับเธอแน่ๆ เธอยังยืนยันคำเดิม เธอไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ ถ้าการที่เธอจะต้องมอบหัวใจให้ใครสักคน คนๆนั้นต้องแสดงให้เธอเห็นว่าเขาจะรักและมีเพียงแค่เธอไปคนเดียว คนอื่นอาจมองว่าความคิดเหล่านี้ของเธอนั้นมันโบราณล้าสมัย สมัยนี้ลองๆคบกันไปก่อน ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ก็แค่เลิกรา แต่สำหรับ
หลังจากที่ไปเรียนรู้งานไปทั้งหมดแล้ว พิศมัยก็พาจิรัสยาเดินมายังที่ๆหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ภายในเป็นห้องขนาดกระทัดรัด ด้านหน้าเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ แถมยังมีระเบียงที่ถูกเปิดเอาไว้เพื่อรับลมเย็นๆภายในห้องถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยหรู ของประดับตกแต่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ดูมีราคา ไม่รู้ว่ามันมีไว้สำหรับให้บริการแขกระดับวีไอพีหรือเปล่าแต่ที่รู้ๆราคาห้องพักแต่ละห้องของที่นี่ก็หกหลักด้วยกันทั้งนั้นพอเดินเข้ามาในห้อง พิศมัยจึงบอกให้เธอไปเตรียมตัวแล้วเดี๋ยวเธอต้องถูกทดสอบว่าสิ่งที่ไปเรียนรู้มานั้นเธอสามารถทำมันได้ดีแค่ไหน จิรัสยาเดินตรงเข้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ จัดการปูผ้าลงบนเตียง เตรียมสิ่งของจำพวกครีมและน้ำมันต่างๆมาเตรียมไว้ เธอทำตามแบบอย่างที่ไปเรียนรู้มาทุกอย่าง ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะยังรู้สึกงงงวยว่าการที่เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่หน้าล็อบบี้นั้นจำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยจริงๆหรือ"จีเตรียมตัวไปก่อนนะ เดี๋ยวเราจะเริ่มทดสอบกันเลย" พิศมัยหันมาบอกและเดินออกจากห้องไปทิ้งความสงสัยให้อยู่กับเธออย่างนั้นระหว่างที่กำลังเตรียมของไป ใจก็คิดเลยเถิดไปถึงใครบางคน คนที่เธอไม่ได้อ
หลังจากต่อปากต่อคำกับทิมเสร็จแล้วจิรัสยาก็กลับมาทำงานตามปกติโดยที่เธอเห็นว่าปัทมะยังคงอยู่ที่นั่นและมีหญิงสาวคนอื่นแนบไว้ข้างกายไม่ห่าง ยิ่งพอได้มาเห็นปัทมะทำอะไรแบบนี้ จิรัสยากลับยิ่งรู้สึกว่าดีแล้วที่เลิกกับผู้ชายแบบนั้นมาได้ อย่างน้อยก็เสียแค่ใจแต่ไม่ได้เสียตัวพอปัดเรื่องของปัทมะทิ้งไปก็ยังมีเรื่องของทิมอีก ที่เธอพึ่งจะได้รับรู้มาว่าเขาคือผู้บริหารใหญ่ของที่นี่ ไปๆมาๆจากว่าที่เธอตั้งใจอยากหนีจากเขามา ดันกลายมาเป็นว่าเธอวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างเต็มๆ มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่เขาสามารถสั่งการอะไรก็ได้อีกต่างหาก"ปกติคุณทิมไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่หรอกจี เห็นเข้ามาทีเดือนหรือสองเดือนครั้งได้ พอมาก็จะพักผ่อนอยู่ที่พลูวิลล่าของเขาน่ะ จีถามทำไมหรอจ๊ะ" "อ๋อเปล่าหรอกค่ะพี่เอม พอดีจีพึ่งรู้มาว่านอกจากคุณภาคินแล้วก็ยังมีคุณทิมอีกคนที่เป็นเจ้าของที่นี่ด้วย จีจะได้รู้เอาไว้นะค่ะว่าตัวเองกำลังทำงานให้ใคร เจ้านายชื่ออะไรบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ปฏิบัติตัวถูก" พอเหมือนจะถูกสงสัย จิรัสบาก็รีบทำเป็นตอบออกไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร เพื่อปกปิดความสงสัยของเพื่อนร่วมงานไว้"อ๋
เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ภาพที่เห็นคือจิรัสยากำลังถูกปัทมะจับล็อกข้อมือเอาไว้บนเตียง สันกรามแกร่งถูกขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนด้วยความโกรธ ดวงตาคมมองจ้องมาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง"เฮ้ย!มึงอีกแล้วหรอ นี่มึงมาที่นี่ได้ยังไงวะ" ปัทมะถามเสียงแข็งกร้าวด้วยความโมโหที่ถูกขัดจังหวะ"ขอโทษที่ต้องมาขัดจังหวะ แต่คงต้องขอตัวพนักงานของผมกลับไปทำงานต่อ ผมจ้างเธอมาด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าพนักงานปกติถึงสองเท่า ดังนั้นเธอก็ควรที่จะทำงานให้กับผมอย่างคุ้มค่า และนี่ก็หมดเวลาพักแล้ว""นี่มึงหมายความว่ายังไงที่บอกว่าจีเป็นพนักงานของมึง จะบอกว่ามึงเป็นเจ้าของที่นี่งั้นสิ""ใช่ ผมเป็นเจ้าของที่นี่ และตอนนี้ผมต้องการตัวพนักงานของผมคืน ส่วนคุณถ้าอยากจะพักที่นี่ต่อหรือว่าต้องการค่าห้องคืนสามารถแจ้งได้ที่หน้าล็อบบี้เลย""มึงอย่ามาตลกกูไม่เชื่อ"พอปัทมะทำท่าว่าจะตรงเข้ามาหา ที่ด้านหน้าประตูก็มีการ์ดของทางโรงแรมสองคนที่ยืนรออยู่เดินตรงสวนเข้ามาเช่นกันจนปัทมะต้องหยุดอยู่กับที่จิรัสยาจ้องมองหน้าเขาราวกับแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน ทิมอยู่ที่นี่ ตอนนี้ และเวลานี
พอถึงเวลาพักจิรัสยาก็รีบเก็บข้าวของแล้วกะว่าจะแอบรีบแอบหลบไปพักสมองที่ไหนสักแห่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าคนที่ไม่อยากเห็น นี่อุตส่าห์ว่าหนีมาไกลขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรทำให้เธอถึงยังต้องกลับมาพบเจอกับคนที่ไม่อยากพบเจออีกขาเรียวงามรีบก้าวเดินอย่างฉับไว ค่อยๆลัดเลาะไปตามแนวหมู่ละแมกไม้ที่ถูกตกแต่งเอาไว้เป็นเพื่อใช้เป็นฉากม่านบังกั้นสายตาระหว่างโซนโรงแรมกับโซนสระว่ายน้ำจนในที่สุดเธอก็เดินมาโผล่ยังอีกส่วนหนึ่งของทางด้านหลังของโรงแรม และถึงแม้ว่าเธอจะพึ่งเริ่มทำงานที่นี่ แต่เธอก็พอจะรู้ๆอยู่บ้างว่าควรจะเข้าออกซอกไหนซอยไหน"รีบเดินมาขนาดนี้นี่ตั้งใจจะหลบหน้าพี่ใช่มั้ย"จู่ๆเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น จิรัสยาถอนหายใจหนึ่งทีแล้วจึงหันกลับไปมอง"พี่ปาล์ม ตามมาถูกได้ยังไงคะ""พี่มองดูจีอยู่ เห็นพอถึงเวลาพักแล้วจีรีบเดินมาทางนี้พี่ก็เลยรีบเดินตามมา"จิรัสยามองหน้าปัทมะด้วยความเต็มตาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้เคยเป็นคนที่เธอหลงมอบหัวใจให้ คิดว่าเขาจะคือคนที่แตกต่าง แต่เปล่าเลย เขากลับทรยศหักหลังความรักและหัวใจเธออย่างไม่มีชิ้นดี"พี่ปาล์มมีธุระอะไรจะคุยกับจีคะ""พี่คิดถึงจี"ปัทมะแทบจะพูด
หลังจากที่เปิดสงครามขนาดย่อมๆไปกับหญิงสาวผู้ที่เธอไม่ได้รู้จักและไม่อยากที่จะรู้จัก แต่อยากเลือกที่จะโทรมาหาเรื่องเธอก่อน จิรัสยาก็ขอจัดให้แบบพอหอมปากหอมคอ อย่าคิดว่าจะโทรมาหาเรื่องเธอก่อนแบบนี้แล้วเธอจะยอม เพราะเรื่องนี้ถ้าจะโทษก็ควรจะไปโทษตัวฝ่ายชายมากกว่าที่ไม่รู้จักพอเอง ก็ในเมื่อทั้งๆที่ตัวเองมีเจ้าของอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับมายุ่งวุ่นวายกับเธอไม่หยุดจนเป็นสาเหตุให้เธอต้องถูกไล่ออกจากงานมาสดๆร้อนๆพอพูดถึงตัวต้นเหตุแล้วจิรัสยาก็อดที่จะเกิดความรู้สึกแปลกๆไม่ได้ เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าภายในใจกำลังรู้สึกปั่นป่วนกระวนกระวายจนอยากจะทึ้งหน้าใครเข้าสักคน ดูเอาเถอะ ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเธอมาขนาดนี้แต่เขากลับเงียบหายไป นี่เขาจะรับรู้บ้างหรือเปล่าว่ากำลังสร้างปัญหาให้กับชีวิตเธอขนาดไหน ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาสองสามที พอเดินเข้าไปส่องดูที่ช่องตาแมวก็เห็นว่าชนัญญายืนอยู่"พี่ฝ้ายมีอะไร""จี แกถูกให้ออกจากงานจริงๆหรอ เห็นหนูนาโทรมาบอกเมื่อกี้ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น" ชนัญญาเขย่าแขนจิรัสยาหน้าตาตื่นด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องคนสนิท"ก็ตามที่เจ้รู้มานั่นแหละ ส่วนส
หลังเสร็จจากเที่ยวบินไฟล์ทนี้จิรัสยาก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีโดยไม่ได้คิดสนใจใครอีก ในหัวของเธอตอนนี้มันกำลังตื้อไปหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินทำเอาจิรัสยารู้สึกว้าวุ่นและกระวนกระวายใจกับมันอย่างบอกไม่ถูกสายตาของผู้หญิงคนนั้นตอนที่มองมายังเธอราวกับว่ากำลังมีเรื่องเคียดแค้นอยู่ภายในใจ ก็คงจะใช่ อาจเพราะเจ้าตัวดันบังเอิญเดินกลับเข้ามาเห็นตอนที่เธอล้มเซลงไปนั่งอยู่ที่บนตักของว่าที่คู่หมั้นตัวเองสินะ มิหนำซ้ำก่อนออกจากเครื่องเจ้าหล่อนยังมองเหยียดและจิกสายตามองมาที่เธออย่างที่ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเป็นมิตรไม่มีคำถามและไม่มีการอธิบาย จิรัสยาปล่อยผ่านให้มันทิ้งไว้อยู่อย่างนั้น หวังว่าวันหนึ่งก็คงจะเลือนรางจางหายไปเอง แม้ว่าจะพยายามปลอบใจตัวเองแล้ว แต่ภายในใจก็ยังคงมิวายว้าวุ่นอยู่อย่างนั้น จึงได้แต่พยายามเตือนตัวเองอีกครั้งว่าช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ทางที่ดีนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกเป็นอันขาด ผู้ชายที่ชื่อ ทิม เศวตตระกูล เธอจะขอหลีกหนีจากเขานับตั้งแต่วันนี้ไป ดีแค่ไหนแล้วที่มันยังไม่ทันได้เกิดเรื่องราวเกินเลยขึ้นระหว่างเขากับเธอศรีษะทุย
จิรัสยาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เตรียมตัวลงไปหาเพื่อนๆตามเวลานัดหมายข้างล่าง เที่ยวบินกลับของเธอวันนี้คือเวลาบ่ายสองโมงสิบห้านาที ระหว่างรอนั้นพอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงใบหน้าขาวนวลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความอายขึ้นมาอีกจนได้เมื่อเวลาตีห้ากว่าๆเธอถูกทิมปลุกขึ้นมาเพื่อบอกว่าเขาต้องกลับออกไปแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครมาเห็นและเอาเธอไปต่อว่าได้ว่าเธอนั้นทำผิดกฏการปฏิบัติงาน โดยกฏของการทำงานมีอยู่ว่าห้ามไม่ให้พนักงานพาบุคคลภายนอกเข้ามาพักด้วยระหว่างที่ยังรอสแตนบายเพื่อปฏิบัติหน้าที่โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกตักเตือนและถูกพิจารณาชั่วโมงการทำงานก่อนจะไปทิมดึงเธอเข้ามาหอมและกอดแถมยังขอ 'มอนิ่งคิส' ก่อนไปหนึ่งที ซึ่งมันยาวนานและเนิ่นนานมากกว่าทิมจะยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระอีกครั้ง จิรัสยาคิดในใจว่าตกลงเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอและทิมมีอะไรเกินเลยกันไปแล้วจริงๆอย่างนั้นหรือ แต่ทำไมเธอถึงยังรู้สึกว่าร่างกายของเธอยังรู้สึกปกติสุขดีราวกับว่าไม่เคยมีการผ่านเรื่องราวใดๆมาก่อน ด้วยความสงสัยลังเลคงจะแสดงออกมาบนใบหน้าเธอ จึงได้ลองเปิดผ้าห่มดูแล้วทิมก็พูดขึ้นมาว่า"ทุกอย่างของคุณยังอย
จิรัสยาพอได้ฟังคำถามจากทิมก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ มีอย่างที่ไหนกันที่จู่ๆคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาถามอะไรกันแบบนี้ ว่าทิมบ้าแล้วตัวเธอเองก็คงจะบ้ายิ่งกว่า ทั้งๆที่ตั้งปณิธานเอาไว้อย่างหนักแน่น ทั้งๆที่คอยปฏิญาณตนว่าชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเจ้าชู้ แต่ทำไปทำมาทำไมเธอกลับกำลังจะยิ่งถลำลึกเข้าไปทุกที"จี ผมอยากได้คุณ"สายตาของทิมสื่อความปรารถนาของเขาออกมาอย่างเด่นชัด เสียงแหบพร่ากระเส่าของเขาทำเอาเธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าอย่างไม่รู้ตัว จนในที่สุดเขาก็ขยับใกล้เข้ามา ปมผ้าขนหนูค่อยๆถูกเขากระตุกออกอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งใส่มันไปเมื่อสักครู่ จนกระทั่งเผยให้เห็นสองเต้าอวบอิ่มแสนงดงามที่ต่างก็ปรากฎอยู่ด้านหน้า ลิ้นอุ่นแฉะถูกเลียอยู่ที่ริมฝีปากหนา ทิมมองมันด้วยสายตาหื่นกระหายก่อนจะก้มลงไปครอบครองมันด้วยริมฝีปากร้อนและมือแกร่งทันที ข้างหนึ่งบีบ ข้างหนึ่งลูบเลียเค้นคลึงจนจิรัสยาต้องเเอ่นหลังขึ้นด้วยความเสียวซ่าน"อ๊ะ คุณทิม ยะ..อย่าค่ะ"ฟังเสียที่ไหน คำร้องคัดค้านของเธอมันคงจะเบาเกินไป ทิมยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างคล่องแคล่วชำนาญ จากด้านบนค่อยๆเคลื่อนลงสู่ด้านล่า
จิรัสยายังคงนอนนิ่งและหลับตาลง ภายในสมองต่างกำลังประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างเธอกับทิมตอนนี้คืออะไร เหตุใดเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาแบบเธอจึงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับไฮโซร้อยล้านพันล้านอย่างเขาด้วย ซึ่งเธอไม่อยาก เขากำลังจะทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวาย ด้วยอำนาจเงินเธอไม่มีทางรู้เลยว่าเขาสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง ขนาดเบอร์โทรของเธอจู่ๆเขาก็ยังไปสรรหามา แต่เรื่องนี้ก็ยังคงพอเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะไปถามมาจากภาคินหรือชนัญญาไวน์หมดขวดแล้ว นี่เธอดื่มเข้าไปเยอะขนาดนี้เลยเชียวหรือ จิรัสยาค่อยๆลุกขึ้นยืน ตอนนี้เธอแน่ใจว่าใช่ เธอกำลังเมา เรียวขางามค่อยๆก้าวออกมาจากอ่างอาบน้ำอย่างช้าแล้วจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพับอยู่บนชั้นซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาบิดลูกบิดประตู แล้วจึงก้าวเข้าไปภายในห้อง"นี่คุณ!"จิรัสยาร้องขึ้นมาเต็มเสียง มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่เวลานี้บนเตียงนอนของเธอมีทิมนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยพร้อมด้วยสายตาที่มองมาอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ออก"คุณเข้ามาได้อย่างไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคุณทิม"ปมผ้าขนหนูถูกกระชับขึ้นมาจนแน่นก่อนที่ขาเรียวสวยจะค่อยๆขยับถอยหลัง"ไม่ค