“เอ่อ….พ่อกับแม่ และคุณลุงคุณป้าครับ เรื่องแบบนี้พวกเราควรจะถามไอ้เชนกับยัยอัยย์ก่อนดีไหมครับ ว่าพวกเขาอยากแต่งงานกันหรือเปล่า” เสียงของคชาเหมือนกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น อัยย์วารินทร์หันไปมองพี่ชายด้วยสายตาขอบคุณ
“อืม...นั่นสิ ตาเชน คิดเห็นอย่างไรถ้าพ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงานกับน้องอัยย์” ธมลวรรณเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง สายตาของเธอจ้องมองลูกชายอย่างตั้งใจ และรอคอยคำตอบที่เธอเชื่อว่าลูกชายจะไม่ขัดใจคนเป็นแม่อย่างเธอ
คเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชา ราวกับตั้งใจสื่อบางอย่าง ก่อนจะตอบแม่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แล้วแต่พ่อกับแม่เถอะครับ”
คำตอบนี้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่น้อย ส่วนอัยย์วารินทร์รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่เขาไม่ปฏิเสธ แต่สำหรับคเชนทร์แล้วเขารู้ดีว่า แม้จะปฏิเสธไป ก็ไม่มีประโยชน์ พ่อแม่ของเขายังไงก็จะบังคับให้เขาแต่งงานอยู่ดี เขาจึงเลือกที่จะยอมแต่งไปก่อน และค่อยทำให้เห็นว่า ชีวิตคู่ที่ถูกคลุมถุงชนนี้ไปกันไม่รอดจริง ๆ
เวลาผ่านไปหลายวัน ตั้งแต่วันนั้นที่อัยย์วารินทร์ตัดสินใจสารภาพรักกับคเชนทร์เธอก็ไม่เคยพบเจอกับความสุขที่แท้จริงอีกเลย ยิ่งสายตาที่คเชนทร์มองเธอในวันที่มากินข้าวที่บ้านของเธอพร้อมครอบครัวของเขานั้นช่างเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทั้งยังสีหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึกนั่นอีกและเหมือนกับว่าเขาจะคาดโทษเธอไว้ผ่านทางสายตาอีกด้วย และที่สำคัญ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้คเชนทร์ก็ไม่เคยมาให้อัยย์วารินทร์เห็นหน้าอีกเลย เรื่องแต่งงานเธอก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป
ใบหน้าอมทุกข์ของอัยย์วารินทร์ที่พยายามฝืนยิ้มเพื่อทำทีว่าตนเองมีความสุขนั้นไม่อาจปกปิดสายตาของผู้เป็นแม่ได้ ขณะที่หญิงสาวกำลังช่วยแม่เตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่นั้น พริมาก็สังเกตเห็นว่าลูกสาวเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูอัยย์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก? ทำไมช่วงนี้หนูเหม่อลอยบ่อยจัง”
อัยย์วารินทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบความจริงออกมา ความเครียดสะสมทำเอาเธอปวดหัวจนแทบจะระเบิดแล้ว
“แม่คะ... หนูเป็นกังวลเรื่องที่หนูกับพี่เชนต้องแต่งงานกันค่ะ หนูกลัวว่าจะทำให้พี่เชนลำบากใจ เพราะดูท่าทางแล้วเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับหนูเลยค่ะ เรื่องนี้แม่น่าจะปรึกษาหนูก่อนนะคะ” ปกติหญิงสาวไม่เคยต่อว่าแม่ของเธอแบบนี้ แต่เพราะความเครียดที่ก่อตัวในใจทำให้เธอเผลอพูดออกมา
พริมาหันไปมองลูกสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ไม่ถือสาที่ลูกสาวต่อว่าแต่อย่างใด
“จะกังวลไปทำไมล่ะลูก มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ หนูเองก็ชอบพี่เชนอยู่แล้ว ได้แต่งงานกับคนที่หนูชอบก็นับว่าเป็นเรื่องที่วิเศษมาก อีกอย่างครอบครัวของพี่เชนก็จองตัวหนูไว้ตั้งแต่เด็กแล้วนะ เขาตั้งใจให้ลูกแต่งงานกับลูกชายของเขา แม่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เลิกคิดมากได้แล้วนะ หนูอัยย์ของแม่”
อัยย์วารินทร์เม้มปากแน่น น้ำเสียงที่ออกมาเบาแต่เต็มไปด้วยความขมขื่น “แต่พี่เชนเขาไม่ได้ชอบหนูเลย... เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับหนูด้วยซ้ำ”
คำว่าไร้สาระที่เขาพูดใส่หน้าเธอวันนั้น เธอยังจำได้ขึ้นใจ“อยู่ ๆ กันไป เดี๋ยวก็รักกันเอง เชื่อแม่สิ” พริมาเอ่ยอย่างมั่นใจ แต่คำพูดนี้กลับยิ่งทำให้อัยย์วารินทร์รู้สึกกังวลหนักกว่าเดิม เธอมองไม่เห็นวันที่พี่เชนจะเปลี่ยนใจมารักเธอได้เลย และคงไม่มีวันนั้น
พริมาสังเกตเห็นสีหน้าของลูกสาวที่ยังคงวิตกกังวล จึงตัดสินใจอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมถึงความจำเป็นที่ทั้งสองครอบครัวต้องเกี่ยวดองกัน
“ลูกก็รู้ดีว่า ธุรกิจนำเข้าสินค้าหนีภาษีของเราไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน เราจำเป็นต้องพึ่งพาครอบครัวของพี่เชน อีกอย่าง ครอบครัวของเรากับครอบครัวของพี่เชนทำธุรกิจนำเข้าสินค้าที่ไม่ควรนำเข้าร่วมกันมานานแล้ว การแต่งงานระหว่างลูกกับพี่เชนจะช่วยเสริมอำนาจให้ครอบครัวของเราทั้งสองฝ่าย จะไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเราอีก และไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ธุรกิจของเราก็จะอยู่รอดอย่างปลอดภัย”
พริมาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“เชื่อแม่นะลูก ไม่ว่าจะอย่างไร ลูกก็ต้องแต่งงานกับพี่เชน นี่เป็นผลดีทั้งต่อตัวลูกเอง ต่อครอบครัวและต่อธุรกิจของเรา” พริมาพูดอย่างอ่อนโยน เธอเองก็รักลูกของเธอไม่น้อย และคิดว่ายังไงซะสิ่งที่เธอเลือกก็ต้องดีกับลูกสาวตัวน้อยของเธออยู่แล้ว ส่วนเรื่องธุรกิจนั่นจริงๆ ก็เพียงพูดให้มีน้ำหนักเท่านั้น ยังไงเสียหากเด็ก ๆ ทั้งสองไม่ได้แต่งงานกันจริง ทั้งสองครอบครัวก็ยังทำธุรกิจร่วมกันต่อไปได้
แต่พริมาไม่รู้เลยว่าการวางอนาคตให้ลูกจะเป็นการทำร้ายลูกสาวทางอ้อม
ส่วนอัยย์วารินทร์พอได้ยินแม่พูดก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิม ‘ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่แม่พูดจริง ๆ ฉันก็คงต้องแต่งงานกับพี่เชนสินะ... แต่พี่เชนคงไม่อยากแต่งกับฉันแน่ ๆ ถ้าเขาต้องแต่งงาน ก็คงฝืนใจเต็มทน แล้วแบบนี้ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี’ อัยย์วารินทร์ครุ่นคิดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
วันต่อมา
แถวชานเมืองใกล้กรุงเทพฯ โกดังขนาดใหญ่ที่ภายนอกดูเหมือนเป็นโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างธรรมดา แต่เบื้องหลังกลับเป็นสถานที่พักสินค้าผิดกฎหมาย ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเคร่งขรึม ยืนตรวจสินค้าล็อตล่าสุดด้วยความตั้งใจ ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ราวกับสายน้ำที่ไม่แยแสต่อสิ่งรอบข้าง
ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามารายงาน “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับคุณเชน”
คเชนทร์พยักหน้า “อืม...ดี ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เราก็กลับกันได้”
ร่างสูงก้าวเดินตรวจตราสิ่งต่าง ๆ รอบโกดังอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงสั่งให้เตรียมตัวกลับ เขาต้องรีบไปประชุมที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ งานหลายอย่างรออยู่ และเขาไม่สามารถปล่อยเวลาผ่านไปได้
“ครับนาย”
จากชานเมืองเข้ามาที่ตัวเมืองใช้เวลาเพียงไม่นาน เนื่องจากช่วงที่เดินทางรถไม่ติดมากนัก เมื่อกลับมาถึงที่บริษัท คเชนทร์ก็เดินไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของตัวเองเป็นอย่างแรก
ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป ดวงตาคู่คมก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีผิวขาวผ่องราวกับหิมะ ตัดกับเส้นผมดำขลับที่ดูโดดเด่น เธอนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องทำงานของเขา
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู หญิงสาวคนนั้นก็หันมามองเขา สายตาของเธอประสานกับสายตาของเขาพอดี ความเงียบปกคลุมในชั่วขณะ
"มาทำไม!" คเชนทร์เอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความไม่พอใจอัยย์วารินทร์ที่นั่งรออยู่ พอเห็นคเชนทร์มาถึงก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ความอ่อนโยนและใสซื่อในแววตาของเธอไม่สามารถทำลายก้อนน้ำแข็งที่เกาะอยู่ในใจของเขาได้ เมื่อเธอรู้สึกถึงความเฉยชาที่แผ่ออกมาจากร่างสูง หญิงสาวรีบหุบยิ้มลงทันที“สะ...สวัสดีค่ะพี่เชน” หญิงสาวเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาจากตรงไหน คำว่าสวัสดีจึงเป็นประโยคแรกที่หลุดออกมาแต่คำทักทายนั้นกลับไม่เข้าหูของคเชนทร์แม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเย็นชาและปราศจากอารมณ์ ทำให้อัยย์วารินทร์ที่พยายามยิ้มใจแป้ว รู้สึกห่อเหี่ยวไปหมดแต่ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธกลาย ๆ จากท่าทีเย็นชาของเขา แต่อัยย์วารินทร์ยังไม่ยอมแพ้ เธอลุกขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และเดินเข้าไปหาคเชนทร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ของเขาอัยย์วารินทร์พยายามหาทางทำให้คเชนทร์ยอมพูดกับเธอ จึงตัดสินใจทำท่าทีเหมือนเล่นสนุกแบบที่เคยทำกันเมื่อตอนเด็ก ๆ โดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฉีกยิ้มหวานออกมา หวังว่ามันจะทำให้คเชนทร์คลายความเย็นชาได้บ้าง และดูเหมือนมันจะได้ผล คเชนทร์ยอมพูดออกมาในที่สุดแต่สิ่งที่
"อะไรนะคะ" อัยย์วารินทร์อุทานด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ‘เมื่อวานพี่เชนยังพูดเหมือนโกรธเรามาก แล้วทำไมวันนี้ถึงยอมทำแบบนี้กันล่ะ’ ความคิดตีรวนในหัวด้วยความสับสนพี่เชนเป็นคนที่อ่านยากมาแต่ไหนแต่ไร เธอไม่เคยเดาทางเขาได้เลย แต่เรื่องคุ้มดีคุ้มร้าย ปากร้ายใส่เธอ เธอเองก็เพิ่งเห็นหลังจากที่มีเรื่องให้ต้องแต่งงานกันนี่แหละ"แม่คะ แต่ว่า…." หญิงสาวมองหน้าแม่พยายามจะพูด แต่แม่ของเธอก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้อธิบาย“ไม่มีแต่! เร็ว ๆ เลยลูก ลุกไปอาบน้ำเร็ว” พริมาไม่รอช้า จับไหล่ลูกสาวทั้งสองข้างแล้วดันเบา ๆ ให้เดินไปที่ห้องน้ำ ทำให้เธอจำต้องยอมทำตามแม่โดยดี แม้ในหัวของเธอจะเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบก็ตามในขณะที่เดินไปยังห้องน้ำ หัวใจของอัยย์เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคเชนทร์ถึงยอมทำตามแผนการแต่งงานในวันนี้ ทั้งที่เมื่อวานเขาแสดงท่าทีปั้นปึ่งเย็นชา ปากร้ายอีกต่างหากเมื่ออัยย์วารินทร์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอก็ลงมากินข้าวชั้นล่าง แต่กินไปได้สักพักเธอก็วางช้อนลงหลังจากกินไปได้ไม่กี่คำ ความกังวลทำให้เธอกลืนอาหารไม่ลง“อิ่มแล้วเหรอลูก” ปรินถามลูกสาวด้ว
พนักงานสังเกตเห็นใบหน้างดงามของว่าที่เจ้าสาวใบซีดลงทันทีที่ฝ่ายชายพูดจบ เธอก็เอะใจไม่น้อย และเพิ่งสังเกตท่าทางห่างเหินของฝ่ายชายแม้เธอจะไม่รู้เหตุผลที่ทั้งสองกำลังจะแต่งงานกัน แต่ก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่เพราะความรักแบบคู่แต่งงานทั่วไปแน่นอน เพราะตั้งแต่เข้าร้านมาว่าที่เจ้าบ่าวยังไม่มีรอยยิ้มสักครั้ง นอกจากคำพูดที่จำเป็นเท่านั้นและดูเหมือนว่าเจ้าบ่าวจะขยันทำร้ายจิตใจว่าที่เจ้าสาวเสียเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามรักษาบรรยากาศและรีบแนะนำต่ออย่างเป็นมืออาชีพ“มี After Party ไหมคะ เอ่อ... ถ้ามีด้วย ดิฉันแนะนำชุดเจ้าสาวแบบ Tea-Length ค่ะ ชุดนี้เป็นเดรสสั้นที่มีช่วงกระโปรงพลิ้วไหว มีเสน่ห์แบบวินเทจ ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดได้อย่างดีค่ะ”ร่างสูงพยักหน้าโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “มีด้วย พาเธอไปลองชุดได้เลย”“ได้ค่ะ” พนักงานพยายามยิ้มตอบด้วยความสุภาพ พร้อมกับพาว่าที่เจ้าสาวไปลองชุดอีกครั้งหลังจากที่เลือกชุดเจ้าสาวเสร็จ พนักงานก็หันมาแนะนำชุดเจ้าบ่าวต่อ ยังคงน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิมแม้จะรู้สึกอึดอัดกับว่าที่เจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาแต่ใบหน้าสงบนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ออก“ส่วนคุณผู้ชาย อยากได้ชุดเจ้าบ่าวแบบไหนด
"ไม่แล้วล่ะ แต่ว่าเธอคงต้องไปเอง พอดีฉันมีธุระต่อ คงไม่ได้ไปส่ง”เมื่อได้ฟังคำตอบจากร่างสูง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของอัยย์วารินทร์ เธอรู้สึกจุก จนแทบพูดไม่ออก สายตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวเริ่มจมดิ่งลงเรื่อย ๆ เธอฝืนยิ้มและตอบกลับด้วยเสียงสั่น ๆ"อ๋อ...ไม่เป็นไรค่ะ อัยย์ไปเองได้ พี่เชนก็ขับรถดี ๆ นะคะ" พูดจบเธอก็รีบเปิดประตูลงจากรถทันที พลางคิดในใจว่าเขาคงอยากให้เธอไปให้พ้นหน้าเสียทีกระมัง ทันทีที่ร่างเล็กลงจากรถ รถหรูก็เคลื่อนออกไปโดยเร็ว ไม่แยแสว่าเธอจะไปต่ออย่างไร ใบหน้าสวยของอัยย์วารินทน์ตอนนี้เต็มไปด้วยความขมขื่น จิตใจบอบช้ำเกินกว่าที่จะทนไหว หญิงสาวมองท้ายรถที่ขับออกไปไกล ด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงหัวใจ เป็นที่สุดในที่สุด วันที่หลายคนคาดหวังว่าจะเป็นวันที่มีความสุขก็มาถึงแขกเหรื่อเริ่มทยอยเดินเข้างาน ทุกคนต่างยิ้มแย้มมีความสุข เว้นแต่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเท่านั้นที่ดูเหมือนกล้ำกลืนฝืนทนเต็มที ทั้งคู่ออกมายืนต้อนรับแขกที่มาร่วมงานแต่งงาน โดยมีครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ด้วยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอัยย์วารินทร์มองใบหน้าคมเข้มของเจ้าบ่าวด้วยสายตาห
ในขณะที่อัยย์วารินทร์พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น เปลือกตาของคนเมาที่ปิดลงคล้ายคนจะหลับกลับค่อย ๆ เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตาฉ่ำวาวมองมาที่เธออย่างไม่กะพริบ สายตานั้นทำให้อัยย์วารินทร์รู้สึกถึงความร้อนรุ่มในอกที่เพิ่มขึ้น เธอพยายามดันตัวเองลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับถูกมือหนาของชายหนุ่มกดแผ่นหลังเอาไว้ ราวกับเขาจะไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน“พี่เชน... ปล่อยอัยย์เถอะค่ะ” อัยย์วารินทร์เอ่ยออกมาด้วยเสียงติดสั่น หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ เธอดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแต่ร่างแกร่งกลับยิ่งกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ดวงตาปรือปรอยคู่นั้นจ้องริมฝีปากบางแต่ดูอวบอิ่มอย่างหลงใหลแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก่อนที่ใบหน้าคมไร้หนวดเคราจะค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้จนเกือบสัมผัสใบหน้าสวย รู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็หลับตาลงโดยอัตโนมัติและสัมผัสถึงรสจูบนุ่มลึกแต่พอนึกถึงคำพูดในช่วงพิธีงานแต่งของฝ่ายชายได้ 'ผมแพ้ลิปสติก' ก็ทำให้ดวงตากลมโตเบิกโพลงในทันทีแม้ว่าเขาจะยังจูบอยู่ก็ตาม ลิ้นเรียวที่เกี่ยวพันจนฉ่ำแฉะเริ่มรุกเร้าไล่ต้อนและดูดดุนอย่างรุนแรง ทำเอาเธอได้สติ มือบางทุบอกไปแกร่งไปหลายทีก่อนที่เขาจะผละออก ดวงตาขุ่นเคืองของคนใต้ร่างจ้องม
ร่างเล็กพยายามร้องขอเพราะความเจ็บจี๊ดที่ซอกคอขาวเธอพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต มือบางยันอกแกร่งที่ตอนนี้กระดุมหลุดออกไปหลายเม็ด ฝ่ามือบางจึงสัมผัสกับแผ่นอกกว้างโดยตรง และเป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสเนื้อต่อเนื้อกับผู้ชายครั้งแรก ใบหน้าสวยของเธอจึงมีแต่ริ้วแดงที่ปรากฏออกมาจากใบหน้าที่ร้อนผ่าวในขณะที่ริมฝีปากเปียกชื้นของชายหนุ่มแนบลงบนลำคอซุกไซ้ไม่หยุดเธอ จากความเจ็บกลายเป็นความซ่านหวิวอย่างที่เธอไม่เคยพาลพบมาก่อนหญิงสาวพยายามเบี่ยงคอหนี แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่เธอเอียงคอหนีก็ทำให้เขากดจูบลงมาอย่างถนัดก่อนที่เขาจะตรึงใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยมืออุ่นข้างเดียวทำเธอไม่มีโอกาสหนีได้อีกริมฝีปากอุ่นร้อนหว่านพรมความร้อนไปตั้งแต่ซอกคอและกกหู คลอเคลียที่แก้มเนียนนุ่ม ก่อนจะเคลื่อนปลายจมูกกลับมาซุกไซ้ที่ซอกคออีกครั้ง พร้อมกับลมหายใจถี่กระชั้น ก่อนที่ฟันคมจะงับต้นคอเพรียวระหงไล่เรื่อยไปยังแอ่งชีพจร พ่นลมหายใจร้อนผ่าวคล้ายจะยั่วให้ทนไม่ไหว จากนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อนวลเนียนทั่วร่างกายของคนตัวเล็ก เสียงครางกระหึ่มอยู่ในลำคอบ่งบอกถึงความพอใจร่างนุ่มนิ่มทำให้ความต้องการที่มากขึ้นไปอีก
ร่างสูงลืมความตั้งใจที่จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดไปจนหมดสิ้น พลางคิดว่าถ้าได้เอ็นอุ่นเข้าไปซุกอยู่ด้านใน คงจะดีไม่น้อยแต่ความคับแน่นที่ตอดรัดนิ้วเรียวไม่หยุดทำให้เขาต้องเพิ่มความเสียวซ่านให้เธอมากขึ้น เพราะเอ็นอุ่นขนาดใหญ่ถ้าเข้าไปตอนนี้มีหวังเธอได้ร้องเป็นแน่"อื้อ..พี่เชน อัยย์เจ็บ" เสียงหวานร้องออกมาก่อนจะดันร่างแกร่งออกห่าง แต่เพราะแรงที่ไม่มีเหลือทำให้เธอได้แค่เพียงวางฝ่ามือตรงอกแกร่งของขาเท่านั้นสองมือของคเชนทร์เริ่มเล้าโลมอีกครั้งพร้อมกับริมฝีปากผ่าวร้อนที่ก้มลงจูบใกล้เนินสาว ก่อนจะไล่งับไปที่เรียวขาขาวที่ถูกจับพาดบ่ากว้าง"อืออ..อ๊ะ พี่เชน" อัยย์วารินทร์ครางเสียงหวานความคับแน่นของนิ้วที่รุกคืบเข้ามาครบทั้งสามทำเอาร่างเล็กแอ่นสะโพกส่ายร่อนอย่างเร่าร้อน ใบหน้าสวยส่ายไปมาหลุดลอยไปในห้วงสวาทอันซาบซ่าน นิ้วแกร่งเร่งระรัวสร้างความเสียวกระสันให้กับหญิงสาวจนเธอครวญครางฟังไม่ได้ศัพท์เขาเคลื่อนไหวเรียวนิ้วราวกับจะคลำหาจุดไวสัมผัสที่อยู่ข้างใน ปลายนิ้วขยับเป็นวงกลมจากนั้นจึงเพิ่มจำนวนเสียดสีตรงจุดเดิมย้ำ ๆ นิ้วที่สอดเข้ามายังส่วนที่หดเกร็งขยี้ซ้ำ ๆ ตรงจุดที่ไวต่อการกลั่นแกล้ง ทำให้ร่างเล็กส
ป่านนี้เขาก็คงออกไปทำงานอย่างที่เคย จะมาสนใจอะไรกับคนที่ไม่ต้องการ เรื่องเมื่อคืนเขาก็คงทำตามหน้าที่เท่านั้นหญิงสาวคิดอย่างเศร้าหมอง แต่ทว่าเสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้เธอหันไปมองด้วยความตกใจ เมื่อสิ่งที่เธอคิดไว้ไม่เป็นอย่างที่คิด ร่างเล็กพลิกกายหลับตาลงทันทีเพราะไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่ายแต่ก็เหมือนกับสวรรค์แกล้งเธอส่งเสียงจามออกมาอย่างห้ามไม่ได้“ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!” อัยย์จามออกมาติด ๆ กัน ทำให้เจ้าตัวไม่มีทางเลือก ต้องแกล้งทำเป็นเพิ่งตื่นนอน หญิงสาวขยับตัวไปมานิดหน่อยให้ดูเหมือนคนที่เพิ่งตื่น ก่อนจะพยายามดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนแต่แล้วจู่ ๆ ความเจ็บแปลบตรงท้องน้อยก็แล่นริ้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว"อ๊ะ!" เสียงร้องหลุดออกมาพร้อมกับใบหน้าที่นิ่วด้วยความเจ็บปวด ร่างเล็กสั่นสะท้าน หัวไหล่กระตุกด้วยความเจ็บแปลบตรงส่วนนั้น“ลุกไม่ไหวก็นอนต่อ”เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นก่อนจะหายไปพร้อมเสียงเดินไปอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นห้องแต่งตัว ท่าทางเย็นชาเหมือนอย่างเคยหญิงสาวเลือกที่จะไม่พูดอะไรกลับเพราะเขาก็ไม่ได้รอฟัง เธอค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ท้องน้อยยังคงทวีขึ้นทุกวินาที แต่เธอไม่กล
“พะ...พี่เชน พี่เชนพูดว่าอะไรนะคะ” อัยย์วารินทร์เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้นี้พี่เชนพูดว่า 'รัก' ออกมา...คำที่เธอเฝ้ารอมานาน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของเขาคเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอน "อัยย์...พี่รักอัยย์จริง ๆ พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับอัยย์ วันนี้พี่รู้แล้วว่าหัวใจของพี่มีแต่อัยย์ ให้อภัยคนโง่ ๆ อย่างพี่เถอะนะ”คำสารภาพที่เต็มไปด้วยความจริงใจของคเชนทร์ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองครอบครัว ทำให้อัยย์วารินทร์เริ่มมีสีหน้าที่อ่อนลง แววตาของเธอสั่นระริกด้วยความอ่อนไหว คำพูดของเขาทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวเริ่มอ่อนลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเคชนทร์เห็นความหวั่นไหวในดวงตาหญิงสาวความหวังเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ“น้องอัยย์คิดเห็นว่ายังไงลูก” พริมาถามขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นลูกสาวนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดต่อ“ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่กับพ่อและพี่คชาก็จะเคารพการตัดสินใจของหนู” ดวงตาเอื้ออาทรของแม่พริมาส่งผ่านความห่วงใย พร้อมคำพูดที่เปรียบดั่งน้ำเย็นชโลมใจ ช่วยให้อัยย์กล้าตัดสินใจตามความรู้สึกของตัวเองตอนนี้อัยย์วารินทร์จ
อัยย์วารินทร์ที่กลับขึ้นไปห้องนอนของตัวเองแล้ว แต่จิตใจยังว้าวุ่น พอได้ยินเสียงพี่ชายกับสามีทะเลาะกันเสียงดังอยู่นานสองนาน จนเธอทนไม่ไหวต้องลงมาห้ามในที่สุดคเชนทร์ที่เห็นหญิงสาวก็รีบปล่อยมือจากคอเสื้อของคชาทันที เขาปรี่เข้าไปหาอัยย์วารินทร์ด้วยสายตาละห้อย อารมณ์โกรธที่มีเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น“อัยย์….”“หยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” น้ำเสียงเย็นชาจากปากเล็ก ทำให้ร่างรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้าย ‘น้ำเสียงแบบนี้สินะ ที่เขาเคยใช้พูดทำร้ายจิตใจของอัยย์ในเมื่อก่อน’“อัยย์จะลงมาทำไมอีก กลับขึ้นไปเถอะ” คชาเดินเข้าไปหาน้องสาว ก่อนจะเอ่ยตำหนิเล็กน้อย“อัยย์ได้ยินว่ากำลังจะมีใครบางคนทำร้ายพี่คชา อัยย์ก็เลยทนไม่ได้ต้องรีบมาห้ามไว้ค่ะ” คำพูดที่ฟังดูห่างเหินจากปากของหญิงสาวยิ่งทำให้คเชนทร์รู้สึกเจ็บช้ำ แต่เขาไม่เคยคิดโกรธเธอเลย เพราะเขาเองที่เคยทำไม่ดีกับเธอก่อนคชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยียวน “น้องไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก ก็แค่คนพาล พี่ไม่กลัวหรอก”“ไอ้คชา!” เชนคำรามด้วยความโกรธ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงแหวก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อย่านะคะ” คำพูดเพียงสั้น ๆ ของเธอ แต่กลับมีอำนาจมากพอที่จะระงับอารม
คเชนทร์ตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียคนรักทำให้เขายิ่งพยายามแสดงความเป็นเจ้าของ คเชนทร์ดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแสดงความหวงแหนแต่ใครจะรู้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นกลับดิ้นขัดขืนอย่างไม่หยุด ทั้งยังกล่าวคำหักหน้าของเขาออกมาอีกด้วย“พี่เชน! ..ปล่อยนะ เราไม่ได้เป็น….สามีภรรยากันแล้วนะคะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้คเชนทร์ที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่แล้ว ยิ่งโกรธจัดจนควบคุมสติตัวเองไม่อยู่“ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเหรอ ทะเบียนสมรสก็ยังมี จะไม่ได้เป็นได้ยังไง!” เขาโพล่งออกมาทันควัน น้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาวาวโรจน์จ้องที่หญิงสาวอย่างไม่ลดละ ทั้งที่ก่อนมาเขาตั้งใจจะขอโทษเธอกับสิ่งที่เขาทำผิดไป แต่พอเห็นหญิงสาวคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่นทำให้เกิดหึงหวงออกมาโดยไม่รู้ตัวและเป็นครั้งแรกที่คเชนทร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ อัยย์วารินทร์มองหน้าคนที่กำลังอาละวาดด้วย ความไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เธอถอยให้เขาขนาดนี้แล้วเขายังจะตามมารังควานเธออีกทำไม หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น..“...แต่อีกไม่นานอัยย์กับพี่เชนก็ต้องหย่ากันแล้ว” อัยย์วารินทร์พูดด้วยน้ำเสียงติดนิ่ง แต่เธอ
“แม่ยอมรับว่าตอนแรกแม่อยากให้ลูกแต่งงานกับพี่เชนมาก เพราะแม่คิดว่าเขาจะดูแลลูกได้ดี แต่พ่อกับแม่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้ลูกของแม่เสียใจขนาดนี้ สิ่งที่ตาเชนทำกับหนู..พวกเรารับไม่ได้จริง ๆ” น้ำตาของคนเป็นแม่ไหลลงอย่างกลั้นไม่อยู่“แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษที่ไม่ฟังลูก ไม่ถามความรู้สึกของลูกให้ดี เอาแต่จะบีบบังคับลูกอย่างเดียว” น้ำเสียงของแม่สั่นเครือ ขณะที่เธอก้าวเข้ามากอดลูกสาวสุดที่รักไว้แน่น เพราะความเชื่อมั่นในใจตัวเองแท้ ๆ ที่ทำให้ลูก ทุกข์ระทมได้ถึงขนาดนี้ พริมาต่อว่าตัวเองอยู่ในใจเมื่อได้ยินดังนั้น คนเป็นลูกสาวก็ยิ่งหลั่งน้ำตาออกมา สองแม่ลูกพากันร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์ใจไม่ต่างกันอัยย์วารินทร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะคำว่าหย่าที่ได้ยินมันทำให้เธอจุกและเจ็บจนพูดไม่ออกและเมื่อเห็นแม่ของตัวเองร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจ น้ำตาของเธอก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างเล็กสะอึกสะอื้นไห้จนไหล่เล็กสะท้านอย่างน่าสงสารในตอนนี้ อัยย์วารินทร์รู้สึกสับสนไปหมด ทั้งรัก ทั้งเจ็บ และเห็นใจครอบครัวของตัวเอง ความคิดในหัวของเธอวุ่นวายไม่หยุดความรักที่เธอมีต่อคเชนทร์ ความเจ็บปวดที่ได้รับ และความรู้สึก
ในขณะที่คเชนทร์ประสบความยุ่งยากในใจอยู่นั้น อีกฟากหนึ่งของบ้านภรรยาก็เกิดความวุ่นวายใจไม่แพ้กัน หลังจากกลับจากกินข้าวนอกบ้าน คชาส่งอัยย์วารินทร์เข้าห้องนอนทันที เพราะตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะเจอหน้าพ่อแม่ เมื่อพาน้องสาวไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว คชาจึงเรียกพ่อกับแม่มารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ของบ้าน เพื่อหารือเรื่องปัญหาครอบครัว เมื่อหนึ่งคนมีปัญหา คนอื่นในครอบครัวก็ต้องช่วยกันหาทางออก“พ่อครับ แม่ครับ ผมมีเรื่องต้องขอคำปรึกษามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับยัยอัยย์.."“มีเรื่องอะไร..!” ทั้งสองคนถามขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งเครียดและท่าทีจริงจังของลูกชาย หัวใจของพ่อแม่เริ่มรู้สึกกังวล กลัวว่าสิ่งที่กำลังจะได้ยินเป็นเรื่องร้ายแรงคชาอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดออกไป แต่ด้วยความเป็นพี่ชาย หากเขายังทำไม่รู้ไม่เห็นแล้วปล่อยไป เขาคงเป็นพี่ชายที่แย่มาก ๆ และเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ อันที่จริงถ้ามันไม่รักน้องสาวเขา ๆ ก็ไม่ว่าอะไร แต่ในเมื่อคนเราแต่งงานกันแล้วแทนที่มันจะซื่อสัตย์ต่อภรรยาแต่มันกลับนอกใจ แบบนี้ไม่มีวันที่เขาจะยอมให้น้องสาวต้องไปทนทุกข์กับมั
เมื่อได้ยินอย่างนั้นจากพี่ชาย หญิงสาวที่ก้มหน้าอยู่ก็หันขวับไปมองอีกฝ่ายทันที เมื่อกี้พี่ชายเธอถามว่ายังไงนะ"พี่ถามว่าไอ้เชนมันนอกใจอัยย์ใช่มั้ย!" เสียงเข้มตอกย้ำคำถามอีกครั้งตอนแรกไอ้วรินคิดว่าหูเพี้ยน ที่ได้ยินพี่ชายถามเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่พอเห็นใบหน้าและท่าทางที่จริงจังของพี่ชายอัยย์วารินทร์ก็ถึงกับไปไม่ “พะ พี่คชา” เธอเริ่มอึกอักตอบไม่ถูก ใบหน้าฉงนด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าพี่ชายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ส่วนคชาก็ไม่ทำให้น้องได้สงสัยอีกต่อไปเขาสบตาน้องสาวก่อนจะตอบเสียงเรียบ“วันนี้พี่ไปหาไอ้เชนที่บริษัท แล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางสนิทสนมกับมันมาก และถ้าพี่จำไม่ผิด ผู้หญิงคนนั้นก็คือลิลลี่ แฟนเก่าของมัน”“ฟะ... แฟนเก่าเหรอคะ? ” อัยย์วารินทร์ถามเสียงสั่น ความจริงที่ได้ยินทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ลำคอตีบตันไปด้วยก้อนสะอื้นที่ไหลมาจุกอยู่ที่คอ‘ผู้หญิงคนนั้นคือแฟนเก่าที่พี่เชนรักมากอย่างนั้นเหรอ... แล้วฉันควรทำยังไง จะเอาอะไรไปสู้กับเขาได้ ตอนนั้นจำได้ว่าคุณลุงกับคุณป้าเคยพูดว่าพี่เชนถูกคนรักบอกเลิกไป โดยที่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงและตอนนั้นพี่เชนก็เสียศูนย์มากกว่าจะกลับมาตั้งหลักได้อีกครั
คำถามตรง ๆ ทำให้คเชนทร์ตอบไม่ถูก ราวกับคนที่มีความผิดติดตัว แม้พยายามแสร้งทำเป็นปกติ แต่ภายในใจกลับรู้สึกถึงความร้อนรนแต่ก็ต้องแสร้งปั้นหน้าทำเหมือนว่าทุกอย่างปกติดี ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองนั้นมีความลับซ่อนอยู่“ก็ดี”คชามองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย ก่อนจะถามซ้ำ “แน่ใจเหรอวะ”คเชนทร์รู้สึกว่าคำถามนี้เหมือนคมมีดที่จ่ออยู่ที่คอหอย สายตาแน่วแน่ของคชาดูเหมือนจะต้องการคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงหรือคำตอบเลี่ยง ๆ ร่างสูงรู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาทันที เขารีบหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม สายตาเหลือบมองไปทางพ่อของอัยย์วารินทร์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ แม้ท่าทางของพ่อภรรยาจะดูนิ่งเหมือนไม่ใส่ใจในบทสนทนาของลูกชาย แต่คเชนทร์รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวดูเปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูกเมื่อวางแก้วน้ำลง คเชนทร์กระแอมออกมาหนึ่งครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความไม่สบายใจ“แน่ใจสิ มีอะไรเหรอ ทำไมถึงถามแบบนี้?”“ไม่ได้มีอะไร ก็แค่อยากรู้ความสัมพันธ์ของน้องสาวกับเพื่อนรักเฉย ๆ ว่าราบรื่นดีไหมกับชีวิตหลังแต่งงาน”“พะ…พี่เชน” เสียงใสของอัยย์วารินทร์ทำให้บทสนทนาระหว่างคเชนทร์และคชาหยุดลงทันที ทั้งสองชายหนุ่มหันมองไปที่ต้นเสียงพร้อม ๆ กั
อัยย์วารินทร์ที่เห็นท่าทีเช่นนั้นจึงตัดสินใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน“พี่กันยาบอกความจริงอัยย์มาเถอะค่ะ ถือว่าสงสารอัยย์นะคะ”หลังจากคำพูดของภรรยาเจ้านาย กันยาก็พูดออกมาจนหมด ด้วยความเป็นผู้หญิงด้วยกันเธออดสงสารอัยย์วารินทร์ไม่ได้จริง ๆ ทั้งเรื่องที่คเชนทร์พา ลิลลี่ไปอยู่ที่คอนโดเดียวกันและเรื่องที่รับมาเป็นเลขาชั่วคราวทั้งที่งานที่นี่ก็ไม่ได้ล้นมืออะไร และยังเรื่องที่ลิลลี่ชอบไปป่าวประกาศว่าตนเองเป็นคนรักเก่าของเจ้านาย และสิ่งที่พูดมาเหล่านี้จะเป็นเพราะลิลลี่เป็นคนตามประกาศออกมาทั้งหมด หลังจากได้รับรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของเลขาส่วนตัวของคเชนทร์ อัยย์วารินทร์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมาต่อหน้า ร่างเล็กของเธอทรุดลงตรงหน้าพี่กันยาอย่างหมดเรี่ยวแรงกันยาเองก็ตกใจเธอรีบพาร่างเล็กของภรรยาเจ้านายมานั่งนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับยาดมที่จ่อปลายจมูก หากถามว่าทำไมกันยาที่เป็นเลขาได้เงินเดือนจากคเชนทร์ทำไมถึงยอมเล่า ก็เพราะความเป็นผู้หญิง และโดยเนื้อแท้กันยานั้นเกลียดการนอกใจเป็นที่สุด เธอโตมากับแม่เพราะพ่อเจ้าชู้นอกใจแม่ เธอเห็นแม่ร้องไห้ทุกคืน กว่าจะเลิกรากันได้ก็เจ็บช้ำน้ำใจมาเยอะแล้วดู
“นั่นมัน….”“เราไปร้านอื่นกันเถอะ” อัยย์วารินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ก่อนจะดึงแขนของแจนไว้แน่น แจนมองหน้าตัวเองอย่างไม่เข้าใจ พยายามคาดเดาว่าเพื่อนรักกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าอัยย์วารินทร์ไม่ต้องการอธิบายอะไรมากในตอนนี้เธอก็พยักหน้าแล้วเดินตามออกไปนอกร้านเมื่อเดินออกมาไกลจากร้านอาหารร้านนั้นแล้ว แจนก็อดไม่ไหว รีบคว้ามือเพื่อนให้หยุดเดิน“หยุดก่อนสิ” อัยย์วารินทร์หยุดเดินและหันกลับมามองหน้าเพื่อน พยายามฝืนยิ้มออกมาให้เพื่อนสบายใจ แต่ในใจทุกตรมขมขื่น“มีอะไรเหรอ” “ทำไมแกไม่เข้าไปหาพี่เชนล่ะ เขานั่งอยู่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ท่าทางดูสนิทสนมกันเกินไป” ดูไม่เหมือนเพื่อนไม่เหมือนคนรู้จักแต่มันเหมือนคนรักกันมากกว่า แต่นั่นแจนไม่ได้พูดออกไป เพียงแค่นี้เพื่อนของเธอก็เหมือนจะร้องไห้ออกมาแล้ว ถึงใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่เธอรู้ว่าเพื่อนพยายามทำให้เธอสบายใจ และดูสิ ยังจะมาพูดแก้ตัวให้อีก“ฉันกลัวว่าเขาจะกำลังคุยงานหรือธุระสำคัญอยู่ ก็เลยไม่อยากเข้าไปทัก มันจะเป็นการเสียมารยาทเอาได้”“ตามใจแกก็แล้วค่ะ สามีของแก ไม่ใช่สามีของฉัน” แจนพูดพร้อมกับทำแก้มพอง หงุดหงิดที่เพื่อน อ่อนแอยอมไปเสียทุ