Share

บทที่ 5 หญิงงามไร้ประโยชน์

last update Last Updated: 2024-12-06 18:21:07

หลังจากที่หยางฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการประทานสมรสพระราชทานให้เปาอี้ส่วงและสวีอี้ฝาน ชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้นในงานมงคลที่กำลังจะมาถึงอีกในไม่ช้านี้ ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงบ่าวสาวคู่นี้ว่า

'เสียดายเจ้าบ่าวยิ่งนัก'

ด้วยตัวเจ้าบ่าวเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฮั่น ผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ อีกทั้งยังหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพเซียน แม้จะสูญเสียการมองเห็นไปจากการรบทัพจับศึกเมื่อสองปีก่อน แต่ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาลดน้อยลงเลย ทุกอย่างล้วนดูดีไปเสียหมด ติดอยู่อย่างเดียวคือเจ้าสาว แม้นางจะเป็นสตรีที่มาจากชาติตระกูลสูงส่ง หน้าตางดงามไม่เป็นสองรองผู้ใด ทว่ากลับทำตัวไร้ประโยชน์ วันๆ เอาแต่แต่งตัวทาเครื่องประทินโฉมเดินกรีดกรายไปมา ทำให้ไม่ค่อยมีผู้ใดอยากคบค้าสมาคมด้วยเท่าใดนัก

สวีอี้ฝานหาได้สนใจคำวิจารณ์จากผู้อื่นไม่ หลังจากที่สวีชางหมิงน้องชายนำเรื่องนี้มาเล่าให้นางฟัง นางได้แต่ส่งเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน ก็แล้วจะทำไมกันเล่า มีเงินซะอย่าง ท่านพ่อท่านแม่ของนางยังไม่บ่นสักคำ แล้วคนพูดเป็นผู้ใดกัน เหตุใดนางจะต้องใส่ใจด้วยล่ะ

เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดงานมงคลก็มาถึง ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวของสวีอี้ฝานมุ่งหน้าตรงไปยังจวนสกุลเปา ท่ามกลางคำยินดีรวมถึงคำวิจารณ์จากชาวเมืองสลับปะปนกันไป อีกทั้งยังมีสายตาริษยาของบรรดาสตรีในเมืองหลวงอีก

ผู้ใดได้ได้แต่งงานกับท่านแม่ทัพใหญ่เปาอี้ส่วงแห่งแคว้นฮั่นก็นับว่ามีวาสนามากแล้ว

ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวถูกตกแต่งอย่างงดงามกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวไปยังจวนสกุลเปา ทว่าในใจของสวีอี้ฝานกลับเฉยชา นางไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการแต่งงานในครั้งนี้เท่าใดนัก ท่านแม่ทัพเปาพูดถูก การแต่งงานก็เป็นเพียงหน้าที่หนึ่งที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้นางกับเขาก็เท่านั้น

"ถึงจวนสกุลเปาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงสาวใช้ดังขึ้นจากภายนอก หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูจวนหลังหนึ่ง ร่างบางในชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลก้าวลงจากเกี้ยว หยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู สวีอี้ฝานเงยหน้าขึ้นมองจวนหลังใหญ่ ดูเหมือนว่าจวนสกุลเปาจะใหญ่โตกว่าจวนสกุลสวีหลายเท่าตัว ไม่นับรวมกับบริเวณสวนอุทยานโดยรอบ

คิดถึงท่านพ่อท่านแม่จัง ครั้นพอนึกมาถึงตรงนี้ก็อดใจหายไม่ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆที่นางได้ใช้ชีวิตอยู่ที่จวนสกุลสวี แต่นางก็รู้สึกผูกพันธ์กับที่นั่นไปเสียแล้ว

หยดน้ำตารื้นอยู่ที่หน่วยตา มือบางจึงยกขึ้นปาดมันออกจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางร้องไห้ สวีอี้ฝานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ตนมีอารมณ์อ่อนไหวเพียงเพราะคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่สกุลสวี

"เข้าไปข้างในเถิดเจ้าค่ะ" เสียงสาวใช้ดังกระตุ้นขึ้นอีกหนเมื่อเห็นว่านางยังคงนิ่งเฉย

สวีอี้ฝานสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปข้างในอย่างมั่นคง บรรยากาศรอบกายถูกตกแต่งด้วยสีแดงมงคลและดอกตู้เจวียนงดงามราวกับเทพนิยายในความฝัน

ดวงตากลมโตมองผ่านผ้าคลุมหน้าแลเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าแท่นพิธี หากเดาไม่ผิดเขาคงเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของนางกระมัง เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่นางไม่เจอเขา แต่เขากลับยังคงหล่อเหลาองอาจเช่นเดิม ร่างบางของสวีอี้ฝานถูกพามายืนเคียงข้างเปาอี้ส่วง จากนั้นพิธีการต่างๆจึงได้เริ่มขึ้น

สวีอี้ฝานทำทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ทว่าในใจสุดแสนจะเบื่อหน่าย ภาวนาขอให้เสร็จสิ้นพิธีแต่โดยเร็ว ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเปาอี้ส่วง หลายคราที่เขาลอบเห็นนางยกมือขึ้นปิดปากหาว บางครั้งก็ได้ยินเสียงระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เขาจึงส่ายศีรษะไปมาเบาๆดเวยความเอือมระอา คิดว่านางไม่อยากแต่งงานกับเขาเพียงผู้เดียวหรือ เขาเองก็หาได้อยากแต่งงานเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการประกาศสมรสพระราชทานมาให้ เขาคงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นหรอก

"ส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ"

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยาม พิธีการต่างๆก็ได้เสร็จสิ้นลง ในใจของสวีอี้ฝานส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี จากนี้นางจะได้มีเวลากลับไปพักผ่อนเสียที

สวีอี้ฝานเดินตามสาวใช้ไปที่ห้องหอตามลำพัง เหตุเพราะเปาอี้ส่วงต้องอยู่ต้อนรับแขกเหรื่อเสียก่อน ทันทีที่ประตูปิดลง นางจึงรีบกระโดดขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงทันที มือบางถลกผ้าคลุมหน้าให้เปิดออกเหตุเพราะอึดอัดเต็มที เกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่มไปมาด้วยความสุขใจ จนกระทั่งความง่วงงุนมาเยือน เปลือกตาบางจึงค่อยๆปิดสนิทลง

เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดเข้ามาเยือน เป็นเวลาที่เปาอี้ส่วงเดินกลับมาที่ห้องหอ ก่อนจากมาเขาได้กำชับเสียงหนักแน่น ไม่ให้มีการก่อกวนห้องหอ เขาไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น กว่าจะผ่านพ้นพิธีการต่างๆมาได้ก็เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว

แอ๊ด!

เสียงบานประตูถูกผลักให้เปิดออก ขายาวก้าวเดินเข้าไปข้างใน ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด แสงจากตะเกียงที่ส่องให้ความสว่างไสวทำให้มองเห็นร่างบางที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้าง

ลมหายใจของนางผ่อนเข้าออกบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท เปาอี้ส่วงคิดว่าวันนี้เจ้าสาวของเขาคงจะเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย ชายหนุ่มสาวเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ชะโงกหน้าไปมองคนที่นอนหลับอย่างสบายอารมณ์อย่างพินิจพิเคราะห์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองนางในระยะประชิดเต็มสองตา ทำให้เขาได้รู้ว่าเจ้าสาวของเขางดงามสมคำร่ำลือจริงๆ

ทว่า งดงามแล้วอย่างไรเล่า... กิตติศัพท์ของสวีอี้ฝาน ใครๆต่างก็รู้ดีว่านางมีดีแค่เป็นสตรีหน้าตางดงาม เกิดในชาติตระกูลสูงส่งก็เท่านั้น

"หญิงงามไร้ประโยชน์" กล่าวอย่างเย้ยหยัน หารู้ไม่ว่าวาจาของตนนั้นทำให้ใครบางคนที่นอนหลับอยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกรุ่นโกรธ

ไร้ประโยชน์งั้นหรือ ได้! หากเขาคิดว่านางเป็นคนเช่นนั้น นางก็จะเป็นให้จริงๆ

"ฮ้าวววว" หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้น แสร้งยกมือขึ้นปิดปากหาวเสียงดัง เปาอี้ส่วงจึงรีบผละจากคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว เขาแกล้งยืนนิ่ง ดวงตาทอดมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย

"อ้าว สามี อุ๊ย ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเจ้าคะ" หญิงสาวแสร้งทำท่าตกใจ พลางเบะปากใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะดึงผ้าคลุมหน้าให้ปิดลงเช่นเดิม

เปาอี้ส่วงไม่ตอบคำถาม แต่กลับย่างเท้าเดินเข้ามาใกล้ มือหนาจับชายผ้าคลุมหน้าพร้อมตวัดเปิดออกอย่างแม่นยำ ทว่าสายตาของเขาไม่ได้จับจ้องมองนางแต่อย่างใด ก่อนจะหมุนกายหันหลัง ยื่นมือไปข้างหน้าทำท่าควานหาโต๊ะกลมที่วางสุรามงคลเอาไว้

"รีบดื่มสุรามงคลกันเถิด จะได้ทำให้พิธีเข้าหอไร้สาระนี่จบสิ้นไปเสียที"

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ทว่าคำพูดของเขานั้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับทำตาโต ดวงหน้างามซีดเผือดลงไปทันที ท่านแม่ทัพเปาหมายความว่าจะร่วมเตียงกับนางในค่ำคืนนี้เลยหรือ

บ้าไปแล้ว! นางยังไม่พร้อมเสียหน่อย...

สวีอี้ฝานคิดในใจ นิ่งไปชั่วครู่พยายามขบคิดหาหนทางรอด

"เงียบไปไย ไม่พอใจงั้นหรือ" ชายหนุ่มแอบชำเลืองมาไปยังนาง เห็นใบหน้างามซีดเผือดเขาจึงลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ

"ท่านพี่เข้ามาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ" หญิงสาวปรี่เข้าไปหา พาคนตัวโตไปนั่งบนเก้าอี้ใช้มือบีบนวดไปที่ไหล่หนาอย่างเอาใจ

"ทำอะไรของเจ้า" ถามด้วยความไม่พอใจ พลางปัดมือเล็กออกด้วยความรำคาญ

"ข้าก็บีบนวดให้ท่านพี่คลายเหนื่อยอย่างไรล่ะเจ้าคะ"

"ไม่ต้อง ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเอาอกเอาใจข้า แต่ข้าต้องการเข้าหอกับเจ้า"

สองแก้มขาวเปล่งสีแดงระเรื่อราวกับผลมะเขือเทศสุกหลังจากได้ยินวาจาห่ามๆของเขา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงยามนี้ ไม่เคยมีครั้งใดที่โดนบุรุษเกี้ยวมาก่อน

สวีอี้ฝานกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้การแล้ว เห็นทีคืนนี้ต้องใช้ไม้ตาย หญิงสาวล้วงมือเข้าไปภายใต้แขนเสื้อตัวยาวหยิบห่อยาขึ้นมา ก่อนจะเทผงสีขาวลงไปในป้านสุรามงคล

คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอด สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นางไม่อยากเข้าหอกับเขาจนถึงกับต้องวางยากันเชียวหรือ

"ท่านพี่เจ้าขา มาเถิดเจ้าค่ะ มาดื่มสุรามงคลด้วยกัน" สวีอี้ฝานยกจอกสุราใส่มือให้เขา พลางสอดแขนของนางเข้าหาแขนของเขา เปาอี้ส่วงชำเลืองมองจอกสุราในมือเล็กน้อย

'เอาเถิด เขาจะทำให้นางตายใจก่อนก็แล้วกัน'

สวีอี้ฝานยกยิ้มด้วยความพึงพอใจมองคนข้างกายที่ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรีบเทสุราในจอกของตนทิ้งไป ทำทีเป็นว่านางดื่มสุราหมดแล้วเช่นกัน

ได้สามีเป็นแม่ทัพตาบอดก็มีข้อดีเช่นกัน นางไม่ต้องวางแผนมากมายให้ปวดหัว เพราะไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็ไม่มีวันรับรู้สิ่งที่นางทำ เหตุเพราะเขามองไม่เห็นอย่างไรเล่า สวีอี้ฝานคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

ร่างบางหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามของคนตัวโต รอคอยเวลาที่ยานอนหลับออกฤทธิ์อย่างใจเย็น เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา คนตรงหน้าก็แสดงอาการง่วงงุนออกมาให้เห็น ก่อนที่เปาอี้ส่วงจะล้มฟุบลงบนโต๊ะกลมเสียงดังตึง

"ท่านแม่ทัพ ท่านหลับแล้วหรือ" สวีอี้ฝานปรี่เข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างกาย ใช้นิ้วสะกิดหัวไหล่หนาเบาๆ ทว่าคนตัวโตกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคู่คมปิดสนิทเช่นเดิม เมื่อมั่นใจว่าเปาอี้ส่วงนอนหลับสนิทไปแล้ว หญิงสาวจึงใช้แขนของเขาคล้องไปที่ต้นคอของนางพาคนตัวโตไปนอนอยู่บนเตียงกว้างอย่างทุลักทุเล กว่าจะส่งเปาอี้ส่วงขึ้นเตียงได้สำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไม่น้อย

"เฮ้อออ" สวีอี้ฝานล้มตัวลงนอนข้างกายเขา ทรวงอกหอบสะท้านขึ้นลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผ่านพ้นเงื้อมมือเขาไปได้หนึ่งวัน แต่วันต่อๆไปนางจะทำเช่นไรดี คงจะใช้มุขยานอนหลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวคิดด้วยความกลัดกลุ้มใจ นางต้องกระทำการให้แยบยลที่สุด หาไม่เช่นนั้นคงถูกเขาจับได้เป็นแน่

Related chapters

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 6 คารวะฮูหยินผู้เฒ่า

    เมื่อคืนสวีอี้ฝานนอนหลับสนิทตลอดคืนคงเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการถูกเคี่ยวกรำที่งานแต่งงานเมื่อวาน อีกทั้งยังรู้สึกวางใจที่เห็นเปาอี้ส่วงโดนฤทธิ์ยานอนหลับของนางจึงมั่นใจว่าเขาคงไม่ตื่นขึ้นมาทำมิดีมิร้ายนางได้แน่"ฮูหยินเจ้าขา ตื่นเถิดเจ้าค่ะ" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู ปลุกให้คนที่นอนหลับใหลค่อยๆรู้สึกตัวตื่น "หลิงหลิง เหตุใดถึงมาปลุกข้าแต่เช้าเช่นนี้เล่า ข้าขอนอนต่ออีกหน่อยเถิดนะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ดวงตากวางยังคงปิดสนิทเช่นเดิม หญิงสาวพลิกกายหันหลังให้หลิงหลิงด้วยความรำคาญ ไม่ว่านางจะตื่นเวลาไหน ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่ตำหนินางหรอก"นอนต่อไม่ได้นะเจ้าคะฮูหยิน วันนี้ต้องไปเคารพฮูหยินผู้เฒ่าท่านย่าของท่านแม่ทัพเปาอี้ส่วงนะเจ้าคะ" หลิงหลิงที่ติดตามมารับใช้สวีอี้ฝานที่จวนสกุลเปากล่าวเตือนสติ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะทำให้คนที่นอนอยู่ถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่ายามนี้นางไม่ได้อยู่ที่จวนสกุลสวีอีกต่อไปแล้ว"แย่แล้ว! หลิงหลิงไยเจ้าไม่ปลุกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า""หามิได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพสั่งว่าห้ามรบกวนเวลานอนของฮูหยิน" หลิงหลิงก้มหน้าลงต่ำเอ่ยเสียงเบา หน้าเสียเ

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 7 ร้ายกับคนที่สมควรร้าย

    ระหว่างทางเดินกลับเรือนใหญ่ จู่ๆ สายฝนก็กระหน่ำโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า หากยังดีที่เรือนเล็กกับเรือนใหญ่มีระเบียงที่ทอดยาวเชื่อมเรือนทั้งสองหลังเอาไว้ด้วยกันทำให้เปาอี้ส่วงและสวีอี้ฝานไม่ต้องลุยฝนกลับเรือน"ท่านพี่" ชายเสื้อของคนตัวโตถูกดึงกระตุกเบาๆ จากคนที่เดินตามหลัง เปาอี้ส่วงจึงหยุดเดินหันกลับมาหาคนที่เป็นต้นเหตุ"ท่านย่าเป็นคนเข้มงวด หากยังไม่ชินจะรู้สึกว่าเป็นคนดุ เจ้าอย่าได้ถือสานางเลย" เปาอี้ส่วงคิดว่าสวีอี้ฝานเป็นกังวลเกี่ยวกับฮูหยินผู้เฒ่า เขาจึงอธิบายให้นางเข้าใจ"เรื่องนั้นข้าไม่สนใจหรอกเจ้าค่ะ อย่างไรเสียก็แยกเรือนกันอยู่ๆ แล้ว" หญิงสาวโบกไม้โบกมือไปมา ไม่ได้มีท่าทีทุกข์อันใดแม้แต่น้อย"แล้วเจ้ามีปัญหาอะไรกัน" ชายหนุ่มถามด้วยความไม่เข้าใจ พลันสีหน้าของนางก็ค่อยๆ เจื่อนลง"ท่านพี่บอกว่าคืนนี้จะอุ่นเตียงกับข้านั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ"คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นางไม่ได้เป็นกังวลเรื่องฮูหยินผู้เฒ่า แต่กลับเป็นกังวลเรื่องอุ่นเตียงกับเขางั้นหรือ"ไยถึงถามเช่นนั้น" เปาอี้ส่วงยกมือขึ้นกอดอก ถามเสียงเข้ม"ก็ถ้าหากท่านพี่จะร่วมรักกับข้าวันไหน ท่านพี่ก็ต้องบอกข้าล่วงหน้าสิเ

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 8 บุกหอหมื่นบุปผา

    เช้าวันใหม่เวียนมาถึงแล้ว เปาอี้ส่วงหายไปทั้งคืนและไม่ได้กลับมาที่จวนสกุลเปา จวบจนถึงเวลาเช้าสวีอี้ฝานตื่นนอนเขาก็ยังคงไม่กลับมารวมถึงหลูเผิงเองก็หายไปด้วยเเช่นกัน 'นี่มันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว' สวีอี้ฝานคิดในใจ เรื่องที่ฮ่องเต้ทรงเรียกประชุมด่วนคงไม่พ้นเรื่องแผนการลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ของพวกจอมโจรชุดดำอย่างแน่นอนจอมโจรชุดดำ เป็นกลุ่มโจรที่สร้างตัวขึ้นเพื่อเตรียมการก่อกบฏ พวกมันต้องการที่จะยึดอำนาจของหวางฮ่องเต้ เมื่อหลายเดือนก่อนหวางจื่อชางอ๋องเคยแอบปลอมตัวเข้าไปสืบและเกือบได้รู้ถึงแหล่งที่ซ่อนของมัน โดยให้องครักษ์เงาทั้งสองคนคือมู่ฝานและฉางชินแอบติดตามไปอย่างลับๆ ทว่าเปาอี้ส่วงกลับนำทัพเข้าไปโจมตีพวกมันเสียก่อนระหว่างนั้นเหตุการณ์โกลาหลวุ่นวาย เหตุเพราะกลุ่มคนทั้งสองต่างแต่งกายด้วยชุดสีดำสนิทเหมือนกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร และในตอนนั้นเองที่เปาอี้ส่วงไปยืนแทนที่ของหวางจื่อชางอ๋องตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ เศษดินและเศษฝุ่นตลบอบอวลจนมองไม่เห็นสิ่งใดทำให้มู่ฝานคิดว่าท่านอ๋องกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงรีบเข้าไปช่วย กว่าจะรู้ตัวว่านางช่วยผิดคนก็สายไปเสียแล้วเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น สว

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 9 จับพิรุธคนโกหก

    "โอ๊ย พี่สาวข้าเจ็บนะขอรับ" เสียงร้องโอดโอยของสวีชางหมิงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มือหนาของเขาพยายามแกะมือคนเป็นพี่ออกจากใบหู ทว่ามือเล็กของสวีอี้ฝานเกาะหนึบราวกับตีนตุ๊กแก ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถดึงมือของนางออกได้เลย"เป็นเด็กเป็นเล็กริอ่านเข้าหอนางโลม หนำซ้ำยังกล้าไปทะเลาะเบาะแว้งกับพวกนักเลงหัวโจกเพราะแย่งสตรีคนเดียวกัน ข้าไม่ดึงหูเจ้าขาดไปก็ดีแค่ไหนแล้ว" สวีอี้ฝานกล่าวเสียงดุ สวีชางหมิงเพิ่งจะอายุสิบห้าหนาว อายุห่างกับนางสองปี ท่านพ่อท่านแม่อุตส่าห์ส่งให้ไปเรียนที่สำนักศึกษาแต่กลับหนีออกมาเที่ยวหอนางโลมหากยังดีที่เกาถังฉลาดพอ เขาเลือกที่จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากนางที่จวนสกุลเปา เพราะถ้าหากเขาวิ่งกลับไปที่จวนสกุลสวีและท่านพ่อกับท่านแม่รู้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน"ข้าผิดไปแล้ว พี่สาวอภัยให้ข้าด้วยเถิด โอ๊ยย" ท้ายประโยคเขาร้องเสียงดัง เมื่อสวีอี้ฝานใช้มือบิดหูของเขาอย่างแรง หยดน้ำตาไหลปริ่มคลออยู่ที่หน่วยตา อีกไม่นานหูของเขาคงได้หลุดติดมือของพี่สาวออกมาจริงๆแน่สวีอี้ฝานถอนหายใจออกมาแรงๆหนหนึ่ง ก่อนจะดึงมือกลับ ปล่อยใบหูของสวีชางหมิงให้เป็นอิสระ ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจ

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 10 สงสัยว่าพระเอกมีชู้

    "จะ เจ้าเหตุใดถึงแต่งกายเช่นนี้เล่า" เปาอี้ส่วงไม่ได้ตกใจที่นางจับได้ว่าเขาโกหก แต่เขาสนใจร่างกายกึ่งเปลือยของนางมากกว่าสวีอี้ฝานแค่นเสียงหึออกมาในลำคอ ก่อนจะรวบชุดคลุมขึ้นมาห่อหุ้มกายเอาไว้เช่นเดิม หากนางไม่ทำเช่นนี้เขาคงไม่มีวันยอมรับสินะ ท่านแม่ทัพเปาเป็นพวกบ้ากามชัดๆ"ข้าไม่รู้ว่าท่านโกหกทุกคนไปเพื่อเหตุใด แต่ข้าหรือฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนในครอบครัวของท่านแท้ๆแต่ท่านกลับไม่ไว้ใจ ท่านมันเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ" สวีอี้ฝานตำหนิออกไปตามตรง ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นที่ตกใจ แต่ถ้าหากฮูหยินผู้เฒ่ารู้ก็คงจะเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียวเปาอี้ส่วงขบกรามแน่นจนเห็นสันนูนเด่นชัด ตั้งแต่ฮูหยินผู้เฒ่าจวบจนถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเขาในยามที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ยังไม่เคยตำหนิเขามาก่อน ทว่านางกล้าดีอย่างไรถึงได้เอ่ยปากตำหนิเขาเช่นนี้"ข้ามีเหตุผลของข้า""เหตุผลอะไรหรือเจ้าคะ" นางถามกลับทันควัน แต่งเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่ควรมีความลับต่อกันและกันสิ หากเป็นเรื่องสำคัญนางจะได้ช่วยส่งเสริมเขาอย่างไรเล่า"เจ้าเป็นฮูหยินของข้าก็ทำหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องราวต่างๆภายในจวนให้ดีเถิด เรื่องอื่นให้เป็นหน้าที่ของข้าก

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 11 นางรองมีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน

    "ข้าเป็นฮูหยินของที่นี่ เป็นภรรยาลำดับที่หนึ่งของท่านแม่ทัพ หน้าที่ดูแลจวนและทุกคนเป็นหน้าที่ของข้า หากผู้ใดไม่คิดหวั่นเกรงข้าๆไม่ว่า แต่อย่าทำกิริยาต่ำๆ เช่นนี้ หากพวกเจ้าไม่ชอบข้าๆไม่สน แต่ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่จงเคารพข้าในฐานะฮูหยินใหญ่ หาไม่ข้าจะไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้น" สวีอี้ฝานกล่าวเสียงกร้าว กวาดตามองไปยังสาวใช้ทุกคนที่ยืนอยู่ บรรดาเหล่าสาวใช้ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว ก่อนสายตาของสวีอี้ฝานจะมาหยุดอยู่ที่หนิงเชา"เข้าใจหรือไม่""เข้าใจเจ้าค่ะ" เสียงเหล่าสาวใช้ดังประสานเสียงกัน ไม่มีผู้ใดกล้าเพิกเฉยต่อคำถามนั้นเพราะไม่มีใครอยากมีปัญหากับฮูหยินใหญ่"ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่า แต่อย่างไรเสียก็เป็นแค่บ่าว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบหน้าข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ชอบหน้าเจ้าเช่นกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองไปเถิด อย่ามาก้าวก่ายหาเรื่องกัน เพราะคนอย่างข้าไม่ยอมถูกรังแกฝ่ายเดียวแน่"น้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแข็งกระด้าง ผสานกับท่าทางเอาจริงเอาจังของสวีอี้ฝานทำให้หนิงเชาไม่กล้าปริปากเอ่ยวาจาใดอีก สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือหาหนทางรอด นางจึงยอมขานรับคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ส

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 12 ตัวร้ายตามมาช่วย

    สวีอี้ฝานก้มหลบคมดาบที่ฟาดฟันมายังตนด้วยความว่องไว นางใช้วิทยายุทธจัดการกับอีกสามคนที่เหลือจนล้มไปกองกับพื้น ก่อนจะหันไปคว้ามือบางของหลิงหลิงให้วิ่งตามตนไปสองร่างวิ่งลัดเลาะเข้าไปในป่าไผ่ แม้นางจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ แต่กลุ่มโจรชุดดำมีมากกว่านาง สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการหนีเท่านั้น แต่ทว่าพวกโจรชุดดำก็ไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆ พวกมันวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละเช่นกัน"หลิงหลิง ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากข้านับถึงสามเมื่อไหร่เจ้าจงรีบก้มตัวลงทันทีเข้าใจหรือไม่""หะ ฮูหยินว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""หนึ่ง""... ""สอง""ฮูหยิน บ่าวยังไม่พร้อมเจ้าค่ะ" "สาม""กรี๊ดดดด" หลิงหลิวกรีดร้องเสียงดังด้วยความหวาดกลัว แต่กระนั้นก็รีบก้มลงตามที่เจ้านายบอก นางสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แล่นผ่านศีรษะนางไปอย่างฉิวเฉียดฉั่บ! ฟิ้ว!สวีอี้ฝานดึงกริชเงินเล่มเล็กออกมาจากใต้แขนเสื้อตัวยาวพร้อมปาไปทางด้านหลังอย่างแม่นยำ กริชสีเงินกระทบกับลำต้นไม้ใหญ่ก่อนจะกระเด็นไปทางชายชุดดำทั้งสามคนจนพวกมันต้องรีบพากันหาทางหลบ บ้างก็โดนปลายกริชเงินเล่นงานจนได้เลือดตุ้บ! "โอ๊ย" หลิงหลิงร้องออกมาเสียงดังก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นเพราะสะด

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 13 นางรองจะกินพระเอก

    เปาอี้ส่วงถูกพาตัวกลับมายังจวนสกุลเปา โดยที่หมอที่เก่งที่สุดของแคว้นฮั่นถูกเรียกตัวมาเป็นการด่วน ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ข่าวว่าหลานชายได้รับบาดเจ็บก็รีบเดินทางมาที่เรือนใหญ่ เมื่อเห็นหน้าของหลานสะใภ้ก็ไม่รอช้าปรี่เข้ามาหาพร้อมเงื้อมมือหมายจะฟาดลงไปบนใบหน้าของนางหมั่บ!"ฮูหยินผู้เฒ่าจะทำอะไรเจ้าคะ" สวีอี้ฝานถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ มือบางกำรอบข้อมือของฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ได้ทันก่อนที่นางจะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มขาว"สตรีกาลกินี แต่งกับหลานชายข้าได้ไม่ถึงเดือนก็สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้เสียแล้ว" ดวงตาสองข้างของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางเฉียบสั่นระริกไปมาบ่งบอกถึงความเสียใจอย่างสุดขีดนางสูญเสียบุตรชายและสะใภ้ไปหนหนึ่งแล้ว หากนางต้องสูญเสียหลานชายสุดที่รักไปอีกคน นางจะอยู่ได้อย่างไร"ลงชื่อในหนังสือหย่าซะ เจ้าไม่เหมาะกับตำแหน่งฮูหยินของสกุลเปาหรอก อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะทำให้หลานชายของข้าต้องเดือดร้อน""เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าลองคุยกับท่านพี่เองเถิดเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพยอมหย่า ข้าก็จะลงชื่อในหนังสือหย่าให้" สวีอี้ฝานกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉย ดวงตาของจางเข่อซินวาวโรจ

    Last Updated : 2024-12-06

Latest chapter

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 2 ยั่วสามี

    หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 1 อยากกินของเปรี้ยว

    ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทส่งท้าย

    ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 34 จะกินเต้าหู้หรือกินข้า​

    "ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 33 แกล้งสามี

    ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 32 ช่วยสามี

    เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 31 ตัวร้ายสารภาพความในใจ

    "ในฐานะชายาของฝ่าบาทหรือเพคะ" หญิงสาวทวนคำของเขาอีกครั้งอย่างเหม่อลอยหวางจื่อชางเห็นเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้เอื้อมคว้ามือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้"ใช่ มู่ฝานที่ผ่านมาข้ารักเจ้ามาโดยตลอด หากแต่ข้าคิดว่าเจ้าเคียงข้างข้าเสมอมา ข้าคิดว่าจะบอกความในใจให้เจ้ารับรู้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ทว่าความตายกลับมาพรากเจ้าไปจากข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนที่ข้าเสียเจ้าไป ข้าเสียใจมากแค่ไหน ข้าไม่เป็นอันทำอะไรต้องไปพึ่งพวกพ่อมดหมอผีเพื่อให้พวกเขาพาวิญญาณเจ้ากลับมาอยู่กับข้าเช่นเดิม จนกระทั่งข้าได้พบหมอดูหญิงโดยบังเอิญ ในตอนที่นางบอกว่าเจ้ายังอยู่ ข้าดีใจมาก ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของบุตรสาวสกุลสวีหรือใครก็ตามข้ารับได้ทั้งนั้น อย่าจากข้าไปอีกเลยนะ" หวางจื่อชางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ตลอดชีวิตไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน มีเพียงแค่มู่ฝานคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะยอม"ไม่ได้เพคะ" สวีอี้ฝานรีบดึงมือกลับ จากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา นางก็ซาบซึ้งใจอยู่หรอก หากแต่ว่าสำหรับนางแล้ว หวางจื่อชางเปรียบเสมือนเจ้านายและพี่ชายของนางเท่านั้น"ทำไมล่ะ เจ้ารังเกียจข้างั้นหรือ" หวางจื่อชางถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขารักนางมากปาน

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 30 โจรชั่วบุกหอนอน

    "ยัยแก่ปลิ้นปล้อน ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้าเลย รู้อย่างนี้คงไม่ทนเอาอกเอาใจยัยแก่บ้าอำนาจนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้าหรอก เสียเวลาจริงๆ! กรี๊ดดดด! " หยวนเสี่ยวหงผุดลุกขึ้นพ่นวาจาหยาบคายเสร็จก็เดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปด้วยความรวดเร็วจางเข่อซินยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ"หนิงเชาข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน""ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ" หนิงเชารีบปรี่เข้ามาพลางใช้มือโบกแทนพัดให้ฮูหยินผู้เฒ่า"เจ้าได้ยินที่นางด่าข้าหรือไม่" ถามเสียงสั่น หยดน้ำตาตลออยู่ที่หน่วยตา ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่ศีรษะเป็นสีดำยันเปลี่ยนเป็นสีขาวยังไม่เคยโดนผู้ใดพ่นวาจาร้ายกาจใส่เช่นนี้มาก่อน"ได้ยินชัดเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาทำหน้าแหยยกมือขยี้หูไปมา เสียงกรีดร้องของหยวนเสี่ยวหงยังคงติดหูของนางไม่หาย น่ากลัวยิ่งนัก...ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจสะท้าน ความรู้สึกตกใจยังไม่จางหาย แต่ที่แน่ๆ นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสกุลเปาของนางกับสกุลหยวนคงไม่มีวันมองหน้ากันติดอีกแล้วอย่างแน่นอนก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 29 ตัดสัมพันธ์​

    สวีอี้ฝานน้ำตารื้นรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกโมโหตนเองอยู่หลายส่วน ก่อนที่จะแต่งงานกับเขานางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่มีวันปันใจให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านเทพเคยบอกว่า ระหว่างนางรองกับพระเอกจะมีเรื่องให้บาดหมางกันจนถึงขั้นลงชื่อหย่า และพระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกสุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสินะ คนที่เป็นเพียงแค่นางรองอย่างนางจะไปฝืนชะตาได้อย่างไรกัน"อุ๊บ" จู่ๆสวีอี้ฝานก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง"หลิงหลิงทำอะไรอยู่ เห็นหรือไม่ว่าลูกข้าไม่สบาย รีบไปตามหมอเร็วเข้า" หลี่อ้ายซีรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบปรี่เข้าไปลูบแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปมาพลางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิง"เอ่อ... เจ้าค่ะ" หลิงหลิงตอบรับพร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่สวีอี้ฝานกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน"ไม่ต้องให้หลิงหลิงไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกเหม็นอาหารเท่านั้น"หลี่อ้ายซีเงียบไปเล็กน้อย พลันไม่นานก็เบิกตากว้างกล่าวละล่ำละลักด้วยความตกใจปนตื่นเต้น"นี่ลูกกำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะท่านแม่" สวีอี้ฝานแย้มยิ้มออกมาบางๆ ยกมือขึ้นวางทา

DMCA.com Protection Status