"จะ เจ้าเหตุใดถึงแต่งกายเช่นนี้เล่า" เปาอี้ส่วงไม่ได้ตกใจที่นางจับได้ว่าเขาโกหก แต่เขาสนใจร่างกายกึ่งเปลือยของนางมากกว่า
สวีอี้ฝานแค่นเสียงหึออกมาในลำคอ ก่อนจะรวบชุดคลุมขึ้นมาห่อหุ้มกายเอาไว้เช่นเดิม หากนางไม่ทำเช่นนี้เขาคงไม่มีวันยอมรับสินะ ท่านแม่ทัพเปาเป็นพวกบ้ากามชัดๆ "ข้าไม่รู้ว่าท่านโกหกทุกคนไปเพื่อเหตุใด แต่ข้าหรือฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนในครอบครัวของท่านแท้ๆแต่ท่านกลับไม่ไว้ใจ ท่านมันเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ" สวีอี้ฝานตำหนิออกไปตามตรง ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นที่ตกใจ แต่ถ้าหากฮูหยินผู้เฒ่ารู้ก็คงจะเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว เปาอี้ส่วงขบกรามแน่นจนเห็นสันนูนเด่นชัด ตั้งแต่ฮูหยินผู้เฒ่าจวบจนถึงท่านพ่อและท่านแม่ของเขาในยามที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ยังไม่เคยตำหนิเขามาก่อน ทว่านางกล้าดีอย่างไรถึงได้เอ่ยปากตำหนิเขาเช่นนี้ "ข้ามีเหตุผลของข้า" "เหตุผลอะไรหรือเจ้าคะ" นางถามกลับทันควัน แต่งเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่ควรมีความลับต่อกันและกันสิ หากเป็นเรื่องสำคัญนางจะได้ช่วยส่งเสริมเขาอย่างไรเล่า "เจ้าเป็นฮูหยินของข้าก็ทำหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องราวต่างๆภายในจวนให้ดีเถิด เรื่องอื่นให้เป็นหน้าที่ของข้าก็พอแล้ว" หัวคิ้วเรียวย่นเข้าหากันด้วยความไม่พอใจนัก แม้จะรู้ว่าที่เขาพูดมานั้นเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดี แต่สำหรับนาง แม้จะเกิดเป็นสตรีแต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรุษ สิ่งใดที่บุรุษทำได้ สตรีอย่างนางก็ทำได้เช่นกัน "หากท่านพี่ต้องการเช่นนั้นก็ย่อมได้ ท่านพี่อยากทำอะไรก็ตามใจเถิด ข้าไปล่ะ" สวีอี้ฝานเอ่ยตัดบท เพราะรู้ว่าดึงดันไปเปาอี้ส่วงก็คงไม่ยอมบอกนางง่ายๆ ช่างเถิด... เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา เพราะอย่างไรเสีย หากเขากับนางเอกหยวนเสี่ยวหงรักใคร่กันแล้ว สักวันหนึ่งนางก็จะกลายเป็นคนนอกอยู่ดี หญิงสาวหมุนกายหันหลังทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แต่มือบางกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน สวีอี้ฝานจึงหมุนกายหันหน้ากลับมาตามสัญชาตญาณ ตวัดฝ่ามือลงไปบนสันจมูกของเขาอย่างรวดเร็ว "โอะ!" ชายหนุ่มผงะไปทางด้านหลังด้วยความตกใจเล็กน้อย มองร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง ในขณะที่สวี้ฝานเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เป็นเพราะในยามที่ยังอยู่ในฐานะองครักษ์เงาของหวางจื่อชางอ๋อง นางต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาทำให้นิสัยเดิมๆติดมาแม้จะมาอยู่ในร่างใหม่แล้วก็ตาม "เจ้าทำร้ายข้า!" เปาอี้ส่วงกล่าวเสียงกร้าว มือหนายกมือขึ้นบีบจมูกเพราะตอนนี้โลหิตสีแดงไหลซึมออกมามากกว่าเดิมเสียอีก "ท่านพี่ เลือด!" สวีอี้ฝานรีบควานหาผ้าเช็ดหน้า เดินเข้าไปหมายจะช่วยประคบให้ แต่เปาอี้ส่วงกลับคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนและผลักให้นางนอนลงบนเตียงโดยมีเขาทาบทับอยู่ด้านบน "ท่านพี่จะทำอะไรข้า" "ข้าจะเข้าหอกับเจ้า" ดวงตาคมกวาดมองไปทั้งกายสาวที่บัดนี้เสื้อคลุมของนางเปิดอ้าออกเผยให้เห็นเรือนกายแสนเย้ายวนในชุดผ้าน้อยชิ้น "คนบ้ากาม" นางทำหน้ายุ่ง แม้จะไม่พอใจเท่าใดนัก แต่ก่อนแต่งงานก็ทำใจมาบ้างแล้วว่าอย่างไรเสียสักวันหนึ่งเขาก็ต้องร่วมรักกับนาง เรื่องบนเตียงนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำคัญคนเป็นสามีภรรยาอยู่แล้ว นางงดงามออกปานนี้ หากเขาไม่จับนางกิน เขาคงเป็นพวกตายด้านแล้วล่ะ! เปาอี้ส่วงไม่เห็นคนใต้ร่างทักท้วงอันใดก็ยิ่งได้ใจ มือหนากระชากเสื้อคลุมตัวนอกออกอย่างใจร้อนเผยให้เห็นทรวงอกอิ่มที่มีตู้โตวสีขาวห่อหุ้มเอาไว้ ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงไปหมายจะซุกไซ้ความนุ่มหยุ่นให้หนำใจ ทว่ายังไม่ทันที่ปลายจมูกจะได้สัมผัสกับเนินเนื้อขาวอวบ ของเหลวหนืดข้นสีแดงก็หยดแมะลงไปเสียก่อน 'บัดซบ! เขาจะเข้าหอกับนางแต่เลือดกำเดากลับไหลออกมาไม่หยุด' "ท่านพี่หยุดเลือดที่จมูกของท่านก่อนดีกว่าหรือไม่" เสียงหวานๆดังขึ้นขัดจังหวะ สวีอี้ฝานมองโลหิตสีแดงที่ไหลออกมาจากปลายจมูกของเขาอย่างระอา เห็นแบบนี้แล้วนางไม่มีอารมณ์พิศวาสร่วมกับเขาหรอกนะ เปาอี้ส่วงถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด สุดท้ายจึงยอมตัดใจผละออกจากร่างบางแสนเย้ายวนของนาง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องส่งเสียงเรียกหลูเผิงให้มาประคบจมูกให้ หนิงเชาเดินไปตามระเบียงที่ทอดยาวไปถึงเรือนเล็ก ก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง ไม่นานประตูก็ถูกผลักให้เปิดออก หญิงวัยกลางคนจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปข้างในด้วยความรวดเร็ว "เป็นอย่างไรบ้าง ส่วงเอ๋อร์หลานชายของข้าเอ่ยปากตำหนิบุตรสาวสกุลสวีหรือไม่" ทันทีที่เห็นหน้าบ่าวรับใช้คนสนิท จางเข่อซินรีบยิงคำถามใส่ทันที นางหมายถึงเรื่องเฉียวเฉียวกับเพ่ยหลิน เนื่องด้วยยังไม่รู้ว่ายามนี้เปาอี้ส่วงสั่งลงโทษสาวใช้สองคนนั้นแล้ว แต่เมื่อเห็นหนิงเชาส่ายศีรษะไปมา สีหน้าของนางก็ปรากฏความผิดหวังขึ้นมา "บ่าวไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพตำหนิบุตรสาวสกุลสวีหรือไม่ แต่สิ่งที่บ่าวเห็นร้ายแรงกว่านั้นหลายเท่าเลยเจ้าค่ะ" "ร้ายแรงกว่างั้นหรือ? เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน" ฮูหยินผู้เฒ่าเผลอตัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความสงสัย "เจ้าค่ะ บ่าวเห็นท่านแม่ทัพกับบุตรสาวสกุลสวีหายเข้าไปในห้องหอ ครู่ใหญ่ก็เห็นท่านแม่ทัพเดินออกมา ใบหน้าอาบชุ่มไปด้วยเลือด บ่าวคิดว่าท่านแม่ทัพต้องโดนบุตรสาวสกุลสวีทำร้ายมาแน่ๆเจ้าค่ะ" "ตายจริง!" ฮูหยินผู้เฒ่ายกมือขึ้นมาบอก อุทานเสียงสูงด้วยความตกใจ นางมีหลานชายเพียงคนเดียว ประคบประหงมเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ไม่เคยแม้สักครั้งที่คิดจะทำร้ายด่าทอหรือทุบตี แต่สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน กล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายหลานชายสุดที่รักของนางได้ "น่าสงสารท่านแม่ทัพเหลือเกินเจ้าค่ะ บุตรสาวสกุลสวีนั่นก็เหลือเกิน บ่าวไม่เคยเห็นภรรยาบ้านไหนทำร้ายสามีตนเองจนเลือดตกยางออกขนาดนั้นเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาเห็นท่าทางกรุ่นโกรธของฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจแทนไม่น้อย หารู้ไม่ว่าคำพูดของนางกลับยิ่งทำให้เพลิงโทสะของจางเข่อซินโหมกระหน่ำมากขึ้นกว่าเดิม "ไม่ได้การแล้ว เห็นทีว่าข้าต้องทำอะไรสักอย่าง" "ฮูหยินผู้เฒ่ามีแผนอันใดหรือเจ้าคะ" หนิงเชายื่นหน้าเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น จางเข่อซินโคลงศีรษะไปมาเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด ก่อนที่ปากบางแต้มชาดสีแดงสดจะค่อยๆแย้มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เช้าวันใหม่ สวีอี้ฝานตื่นนอนด้วยความสดชื่น เป็นวันที่สามแล้วที่นางได้นอนหลับเต็มอิ่ม หลังจากหนีมานอนที่หอนอนส่วนตัวที่เปาอี้ส่วงยกให้ ตลอดทั้งคืนเปาอี้ส่วงไม่ได้มาวอแวกวนใจของนางอีก สวีอี้ฝานจึงคิดว่าเขาคงรู้สึกเสียหน้าเรื่องเมื่อวานกระมัง 'สมน้ำหน้า' หญิงสาวคิดในใจพลางยิ้มเยาะ แต่เมื่อเดินออกมาจากหอนอนเห็นพ่อบ้านหลิวเดินเข้ามาหาจึงเอ่ยปากถามหาคนเป็นสามี "ท่านแม่ทัพออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับมาขอรับ" นางร้องอ้าวออกมาเบาๆ ที่แท้แล้วเขาก็ไม่อยู่ที่จวนเองหรอกหรือ หญิงสาวคิดด้วยความสงสัย ระยะหลังมานี้เปาอี้ส่วงหายไปจากจวนในตอนกลางคืน หากไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็ต้องแอบไปหาใครบางคนเป็นแน่ เขาทำตัวลับๆล่อๆเช่นนี้ทำให้นางอดคิดไม่ได้จริงๆว่า... ท่านแม่ทัพเปามีชู้เป็นแน่! มือบางยกขึ้นปิดปาก ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะหึๆออกมาในลำคอ ตามกฎของแคว้นฮั่น หากผู้ใดได้รับสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ คนทั้งสองจะลงชื่อหย่าจากกันได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจด้วยกัน ไม่ใช่เป็นเพราะความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น หากเปาอี้ส่วงคบชู้จริงๆก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี นางจะได้หาเรื่องขอหย่ากับเขาเสียเลย จากนั้นเขาจะไปพบเจอกับนางเอกหยวนเสี่ยวหงหรือจะทำอะไรก็ช่างเขา แต่นางขอแค่ให้ได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่จวนสกุลสวีเช่นเดิมก็เพียงพอแล้ว "เปาฮูหยิน" ในขณะที่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ สวีอี้ฝานก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปมองจึงพบว่าเป็นสาวใช้คนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่านั่นเอง "เดือนหน้าจะมีงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพครบสี่สิบพรรษาของซือฮองเฮา ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งว่าให้ฮูหยินไปหาของขวัญที่เหมาะสมที่จะถวายให้ซือฮองเฮามาให้นางดู" ขณะที่พูดหนิงเชาก็เชิดหน้าขึ้นไปด้วย พร้อมสบตากับคนตรงหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง พอพูดจบก็หมุนกายทำท่าจะเดินจากไป ท่าทางของนางทำให้สวีอี้ฝานรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อยเลยทีเดียว "เดี๋ยว" หนิงเชาชะงักฝีเท้าอยู่กับที่ หันกลับมาตามเสียงเรียก แต่ยังคงท่าทีหยิ่งผยองเช่นเดิม เพราะรู้ว่าตนมีฮูหยินผู้เฒ่าคอยหนุนหลังอยู่จึงไม่เกรงกลัวบุตรสาวสกุลสวี "เหตุใดเจ้าถึงพูดกับข้าอย่างไม่มีหางเสียง" "หึ ฮูหยินเพิ่งมาอยู่ไม่นานคงจะยังไม่รู้ว่าบ่าวก็เป็นของบ่าวเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว" "อ้อ เข้าใจแล้ว ที่จวนสกุลเปาคงไม่เคร่งครัดเรื่องมารยาทสินะ" หนิงเชาหน้าตึงไปเล็กน้อย ส่งสายตามองไปยังสวีอี้ฝานอย่างไม่พอใจนัก รู้สึกอับอายไม่น้อยที่โดนตำหนิต่อหน้าทุกคนเช่นนี้"ข้าเป็นฮูหยินของที่นี่ เป็นภรรยาลำดับที่หนึ่งของท่านแม่ทัพ หน้าที่ดูแลจวนและทุกคนเป็นหน้าที่ของข้า หากผู้ใดไม่คิดหวั่นเกรงข้าๆไม่ว่า แต่อย่าทำกิริยาต่ำๆ เช่นนี้ หากพวกเจ้าไม่ชอบข้าๆไม่สน แต่ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่จงเคารพข้าในฐานะฮูหยินใหญ่ หาไม่ข้าจะไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้น" สวีอี้ฝานกล่าวเสียงกร้าว กวาดตามองไปยังสาวใช้ทุกคนที่ยืนอยู่ บรรดาเหล่าสาวใช้ต่างพากันก้มหน้าหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว ก่อนสายตาของสวีอี้ฝานจะมาหยุดอยู่ที่หนิงเชา"เข้าใจหรือไม่""เข้าใจเจ้าค่ะ" เสียงเหล่าสาวใช้ดังประสานเสียงกัน ไม่มีผู้ใดกล้าเพิกเฉยต่อคำถามนั้นเพราะไม่มีใครอยากมีปัญหากับฮูหยินใหญ่"ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่า แต่อย่างไรเสียก็เป็นแค่บ่าว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบหน้าข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ชอบหน้าเจ้าเช่นกัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองไปเถิด อย่ามาก้าวก่ายหาเรื่องกัน เพราะคนอย่างข้าไม่ยอมถูกรังแกฝ่ายเดียวแน่"น้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแข็งกระด้าง ผสานกับท่าทางเอาจริงเอาจังของสวีอี้ฝานทำให้หนิงเชาไม่กล้าปริปากเอ่ยวาจาใดอีก สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือหาหนทางรอด นางจึงยอมขานรับคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ส
สวีอี้ฝานก้มหลบคมดาบที่ฟาดฟันมายังตนด้วยความว่องไว นางใช้วิทยายุทธจัดการกับอีกสามคนที่เหลือจนล้มไปกองกับพื้น ก่อนจะหันไปคว้ามือบางของหลิงหลิงให้วิ่งตามตนไปสองร่างวิ่งลัดเลาะเข้าไปในป่าไผ่ แม้นางจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ แต่กลุ่มโจรชุดดำมีมากกว่านาง สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการหนีเท่านั้น แต่ทว่าพวกโจรชุดดำก็ไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆ พวกมันวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละเช่นกัน"หลิงหลิง ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากข้านับถึงสามเมื่อไหร่เจ้าจงรีบก้มตัวลงทันทีเข้าใจหรือไม่""หะ ฮูหยินว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""หนึ่ง""... ""สอง""ฮูหยิน บ่าวยังไม่พร้อมเจ้าค่ะ" "สาม""กรี๊ดดดด" หลิงหลิวกรีดร้องเสียงดังด้วยความหวาดกลัว แต่กระนั้นก็รีบก้มลงตามที่เจ้านายบอก นางสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แล่นผ่านศีรษะนางไปอย่างฉิวเฉียดฉั่บ! ฟิ้ว!สวีอี้ฝานดึงกริชเงินเล่มเล็กออกมาจากใต้แขนเสื้อตัวยาวพร้อมปาไปทางด้านหลังอย่างแม่นยำ กริชสีเงินกระทบกับลำต้นไม้ใหญ่ก่อนจะกระเด็นไปทางชายชุดดำทั้งสามคนจนพวกมันต้องรีบพากันหาทางหลบ บ้างก็โดนปลายกริชเงินเล่นงานจนได้เลือดตุ้บ! "โอ๊ย" หลิงหลิงร้องออกมาเสียงดังก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นเพราะสะด
เปาอี้ส่วงถูกพาตัวกลับมายังจวนสกุลเปา โดยที่หมอที่เก่งที่สุดของแคว้นฮั่นถูกเรียกตัวมาเป็นการด่วน ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ข่าวว่าหลานชายได้รับบาดเจ็บก็รีบเดินทางมาที่เรือนใหญ่ เมื่อเห็นหน้าของหลานสะใภ้ก็ไม่รอช้าปรี่เข้ามาหาพร้อมเงื้อมมือหมายจะฟาดลงไปบนใบหน้าของนางหมั่บ!"ฮูหยินผู้เฒ่าจะทำอะไรเจ้าคะ" สวีอี้ฝานถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ มือบางกำรอบข้อมือของฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ได้ทันก่อนที่นางจะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มขาว"สตรีกาลกินี แต่งกับหลานชายข้าได้ไม่ถึงเดือนก็สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้เสียแล้ว" ดวงตาสองข้างของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางเฉียบสั่นระริกไปมาบ่งบอกถึงความเสียใจอย่างสุดขีดนางสูญเสียบุตรชายและสะใภ้ไปหนหนึ่งแล้ว หากนางต้องสูญเสียหลานชายสุดที่รักไปอีกคน นางจะอยู่ได้อย่างไร"ลงชื่อในหนังสือหย่าซะ เจ้าไม่เหมาะกับตำแหน่งฮูหยินของสกุลเปาหรอก อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะทำให้หลานชายของข้าต้องเดือดร้อน""เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าลองคุยกับท่านพี่เองเถิดเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพยอมหย่า ข้าก็จะลงชื่อในหนังสือหย่าให้" สวีอี้ฝานกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉย ดวงตาของจางเข่อซินวาวโรจ
"ท่านพี่จะเขินไปไยเล่า มาเถิดเจ้าค่ะมาทำให้มันจบๆไปเถิด" สวีอี้ฝานกวักมือเรียก นางอยากทำเรื่องนี้ให้มันจบแต่โดยเร็วที่สุด ใช่ว่านางจะไม่อายที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าบุรุษเช่นนี้ เปาอี้ส่วงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหน้ากลับมา เอาเถิด... แม้จะไม่เคยลงมือปฏิบัติจริง แต่เขาก็เคยศึกษาตำรากามสูตรมาก่อนที่จะแต่งงาน อีกทั้งเรื่องแบบนี้เป็นไปตามสัญชาตญาณของการสืบพันธุ์อยู่แล้ว'คงไม่อยากเท่าใดกระมัง'ชายหนุ่มจัดการเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย แต่เขาก็ยังคงชักช้าไม่ทันใจของสวีอี้ฝานอยู่ดี ทันทีที่เสื้อตัวนอกหลุดออกไป หญิงสาวก็ช่วยปลดกางเกงของเขาออกจนเห็นบางอย่างดีดผึงออกมาทักทาย"หนอนน้อยของท่านพี่" สวีอี้ฝานเปล่งเสียงหัวเราะคิกคักพลางย่อกายนั่งลงจับจ้องความเป็นบุรุษเพศตาเป็นมันพร้อมใช้นิ้วจิ้มลงไปบริเวณส่วนลำใหญ่"หนอนน้อยที่ไหนกัน นี่คือมังกรยักษ์ต่างหาก" เปาอี้ส่วงกล่าวเสียงแหบห้าว คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเพราะความขัดใจเล็กน้อย หลังจากได้ยินสวีอี้ฝานเรียกอาวุธประจำกายว่าหนอนน้อย เขารู้สึกเสียเชิงชายอย่างมาก"จริงด้วยเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานเห็นด้วยกับวาจาของเขา หนอนน้อยอะไรจะใหญ่น่ากลัวถึงเพียง
เสียงหอบหายใจกระเส่าดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู เปาอี้ส่วงซบใบหน้าลงบนซอกคอขาว ในขณะที่สวีอี้ฝานเองก็หอบหายใจสะท้านด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน"ท่านพี่แผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง" หลังเสร็จสิ้นภารกิจรัก นางได้เอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าเป็นกังวล เปาอี้ส่วงจึงหยัดกายขึ้นเผยให้เห็นผ้าปิดแผลสีขาวที่มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย"เลือดออกนี่" สวีอี้ฝานมองบาดแผลด้วยความตกใจ ทว่าคนตัวโตกลับโบกมือไปมาพลางเอ่ยว่า"ข้าไม่เป็นอะไรหรอก" สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายสบายอารมณ์ไม่มีความทุกข์ร้อนอันใด และไม่บ่งบอกว่ารู้สึกเจ็บแผลเลยแม้แต่น้อย"เราทำกันไปแล้ว ท่านพี่คงจะไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม วาจานั้นทำให้เปาอี้ส่วงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่คนตัวโตจะจู่โจมคนตัวเล็กกว่าอย่างรวดเร็ว"ข้าคงไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ข้ายังต้องการเจ้าอีก" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น ในขณะที่มือหนาเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มของนางไปด้วย สวีอี้ฝานทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน ฉะนั้นเขาอยากทำกับนางอีก ไม่อยากปล่อยนางออกจากอ้อมแขนแม้สักหนึ่งถ้วยชา"ท่านพี่บ้าไปแล้ว เดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก" "หากเจ้ากลัวข้าเจ็บ เจ้าก็เป็นฝ่ายทำให้ข้าสิ""ทะ...ทำ
สวีอี้ฝานรู้สึกไม่พอใจวาจาของฮูหยินผู้เฒ่าเท่าใดนัก แม้จะอยากสวนกลับแต่ก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์นั้นไว้ในใจ เมื่อประเมินสถานการณ์คร่าวๆนางย่อมรู้ว่าตอนนี้ควรแสดงออกอย่างไร"ท่านย่า สวีอี้ฝานเป็นฮูหยินของข้า..." เปาอี้ส่วงเปิดปากหมายจะพูดบางคำ ทว่ามือหนาของเขากลับโดนมือเล็กของนางจับเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มหันมามองคนตัวเล็กที่เดินเข้ามายืนเคียงข้าง นางส่งยิ้มให้เขาบางๆพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ เขาจึงเงียบเสียงลง"เดิมทีข้าตั้งใจจะให้ท่านพี่มาพบท่านย่ากับแขกคนพิเศษตามลำพัง หากแต่ว่าท่านพี่เป็นคนบอกให้ข้ามาด้วย หากข้าทำให้ท่านย่าไม่พอใจ ข้าต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานกล่าวเสียงเครือ สีหน้าเศร้าสร้อยจนน่าสงสาร มือเล็กปล่อยมือหนาออกก่อนจะหมุนกายหันหลังทำท่าจะเดินจากไป ทว่ามือหนาของเปาอี้ส่วงกลับคว้าต้นแขนของนางเอาไว้เสียก่อน"สวีอี้ฝานเป็นฮูหยินของข้า นางอยู่ที่นี่ในฐานะเปาฮูหยิน เป็นเรื่องที่สมควรแล้วที่นางจะต้องออกมาต้อนรับแขกเหรื่อ" ชายหนุ่มกล่าวเสียงราบเรียบ คำพูดของเขาถือเป็นคำประกาศิต ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านแต่อย่างใดหยวนเสี่ยวหงเงยหน้าขึ้นมองไปยังเปาอี้ส่วงอย่างปวดใจ ท่าทางของเขาดูห่วงใยสวีอี้
ภายในห้องโถงรับแขกยามนี้มีเพียงเปาอี้ส่วงและฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ด้วยกันตามลำพัง หลังจากที่ไล่ทุกคนออกไปจากห้อง ในที่สุดเปาอี้ส่วงก็เป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน"ท่านย่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่หรือขอรับ""ทำอะไรงั้นหรือ หลานพูดเรื่องอะไรกัน" จางเข่อซินตีหน้าซื่อโยนคำถามกลับ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเปาอี้ส่วงหมายถึงเรื่องใดชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเคยคุยเรื่องบุตรสาวสกุลหยวนกับเขามานานแล้ว เขารู้ถึงความตั้งใจของนางดีว่าต้องการให้เขาแต่งงานกับหยวนเสี่ยวหง หากแต่ว่าหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นาง เขาไม่ได้รักชอบนาง "ท่านย่าหยุดยัดเยียดบุตรสาวสกุลหยวนให้ข้าเถิดขอรับ ท่านย่าก็ทราบว่ามันเป็นไปไม่ได้""เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้" ฮูหยินผู้เฒ่าสวนกลับทันควัน ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหากแต่เปาอี้ส่วงไม่ยอมรับเองต่างหาก"ข้าแต่งกับบุตรสาวสกุลสวีแล้ว จะแต่งกับหยวนเสี่ยวหงอีกได้อย่างไร""แต่งได้ก็ลงชื่อในหนังสือหย่าได้""แต่นั่นต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย""ย่าเคยคุยกับสวีอี้ฝานแล้ว นางบอกว่าหากเจ้ายินยอมลงชื่อในหนังสือหย่า นางก็พร้อมหย่ากับเจ้าเช่นกัน""..." วาจาของจางเข่อซินทำให้เปาอี้ส่
"จะไปไหนหรือ" ชายหนุ่มถามพลางมองไปยังม้วนผ้าในมือของนางด้วยความสงสัย"ไปข้างนอกเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานตอบเสียงห้วน ทว่าไม่ได้หันมามองเขาแต่อย่างใด ท่าทางหมางเมินของนางทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเท่าใดนัก หากแต่ว่าเรื่องที่ทะเลาะกันวันนั้นยังคงติดอยู่ในใจ เขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรไปมากกว่านี้"พาองครักษ์ไปด้วย" เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน เกรงว่านางจะเป็นอันตรายอีก"ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ" นางกล่าวคำปฏิเสธ นางดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใด"อวดดี" "ท่านพี่ว่าใครอวดดี" วาจานั้นทำให้สวีอี้ฝานหันขวับกลับมามองเขาในทันที เขาจะหาเรื่องทะเลาะกับนางอีกแล้วหรือ"ข้าพูดกับเจ้าก็ต้องว่าเจ้าน่ะสิ หรือเจ้าคิดว่าข้าว่าผู้ใดกัน" เปาอี้ส่วงยกยิ้มอย่างกวนๆ ยิ่งเห็นดวงหน้างามบูดบึ้งก็ยิ่งชอบใจ"นิสัยไม่ดี หากข้าอวดดี ท่านก็เป็นพวกคนพาล"เปาอี้ส่วงส่ายศีรษะไปมา จากนั้นจึงก้าวยาวๆเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง ก้มหน้าลงมาใกล้ สวีอี้ฝานเห็นเช่นนั้นจึงผงะก้าวถอยหลังหนี ทว่าคนตัวโตกลับคว้าเอวบางของนางเอาไว้และดึงเข้ามาหาตัว"จะให้องครักษ์ติดตามไปด้วยหรือจะให้ข้าตามไปเฝ้าเจ้า เลือกเอาเถิด""ก็ได้ๆ
หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห
ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก
ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ
"ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้
ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า
เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา
"ในฐานะชายาของฝ่าบาทหรือเพคะ" หญิงสาวทวนคำของเขาอีกครั้งอย่างเหม่อลอยหวางจื่อชางเห็นเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้เอื้อมคว้ามือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้"ใช่ มู่ฝานที่ผ่านมาข้ารักเจ้ามาโดยตลอด หากแต่ข้าคิดว่าเจ้าเคียงข้างข้าเสมอมา ข้าคิดว่าจะบอกความในใจให้เจ้ารับรู้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ทว่าความตายกลับมาพรากเจ้าไปจากข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนที่ข้าเสียเจ้าไป ข้าเสียใจมากแค่ไหน ข้าไม่เป็นอันทำอะไรต้องไปพึ่งพวกพ่อมดหมอผีเพื่อให้พวกเขาพาวิญญาณเจ้ากลับมาอยู่กับข้าเช่นเดิม จนกระทั่งข้าได้พบหมอดูหญิงโดยบังเอิญ ในตอนที่นางบอกว่าเจ้ายังอยู่ ข้าดีใจมาก ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของบุตรสาวสกุลสวีหรือใครก็ตามข้ารับได้ทั้งนั้น อย่าจากข้าไปอีกเลยนะ" หวางจื่อชางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ตลอดชีวิตไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน มีเพียงแค่มู่ฝานคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะยอม"ไม่ได้เพคะ" สวีอี้ฝานรีบดึงมือกลับ จากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา นางก็ซาบซึ้งใจอยู่หรอก หากแต่ว่าสำหรับนางแล้ว หวางจื่อชางเปรียบเสมือนเจ้านายและพี่ชายของนางเท่านั้น"ทำไมล่ะ เจ้ารังเกียจข้างั้นหรือ" หวางจื่อชางถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขารักนางมากปาน
"ยัยแก่ปลิ้นปล้อน ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้าเลย รู้อย่างนี้คงไม่ทนเอาอกเอาใจยัยแก่บ้าอำนาจนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้าหรอก เสียเวลาจริงๆ! กรี๊ดดดด! " หยวนเสี่ยวหงผุดลุกขึ้นพ่นวาจาหยาบคายเสร็จก็เดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปด้วยความรวดเร็วจางเข่อซินยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ"หนิงเชาข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน""ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ" หนิงเชารีบปรี่เข้ามาพลางใช้มือโบกแทนพัดให้ฮูหยินผู้เฒ่า"เจ้าได้ยินที่นางด่าข้าหรือไม่" ถามเสียงสั่น หยดน้ำตาตลออยู่ที่หน่วยตา ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่ศีรษะเป็นสีดำยันเปลี่ยนเป็นสีขาวยังไม่เคยโดนผู้ใดพ่นวาจาร้ายกาจใส่เช่นนี้มาก่อน"ได้ยินชัดเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาทำหน้าแหยยกมือขยี้หูไปมา เสียงกรีดร้องของหยวนเสี่ยวหงยังคงติดหูของนางไม่หาย น่ากลัวยิ่งนัก...ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจสะท้าน ความรู้สึกตกใจยังไม่จางหาย แต่ที่แน่ๆ นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสกุลเปาของนางกับสกุลหยวนคงไม่มีวันมองหน้ากันติดอีกแล้วอย่างแน่นอนก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภ
สวีอี้ฝานน้ำตารื้นรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกโมโหตนเองอยู่หลายส่วน ก่อนที่จะแต่งงานกับเขานางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่มีวันปันใจให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านเทพเคยบอกว่า ระหว่างนางรองกับพระเอกจะมีเรื่องให้บาดหมางกันจนถึงขั้นลงชื่อหย่า และพระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกสุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสินะ คนที่เป็นเพียงแค่นางรองอย่างนางจะไปฝืนชะตาได้อย่างไรกัน"อุ๊บ" จู่ๆสวีอี้ฝานก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง"หลิงหลิงทำอะไรอยู่ เห็นหรือไม่ว่าลูกข้าไม่สบาย รีบไปตามหมอเร็วเข้า" หลี่อ้ายซีรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบปรี่เข้าไปลูบแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปมาพลางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิง"เอ่อ... เจ้าค่ะ" หลิงหลิงตอบรับพร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่สวีอี้ฝานกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน"ไม่ต้องให้หลิงหลิงไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกเหม็นอาหารเท่านั้น"หลี่อ้ายซีเงียบไปเล็กน้อย พลันไม่นานก็เบิกตากว้างกล่าวละล่ำละลักด้วยความตกใจปนตื่นเต้น"นี่ลูกกำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะท่านแม่" สวีอี้ฝานแย้มยิ้มออกมาบางๆ ยกมือขึ้นวางทา