Share

บทที่ 15 แขกพิเศษมาเยี่ยม

last update Last Updated: 2024-12-06 18:22:36

เสียงหอบหายใจกระเส่าดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู เปาอี้ส่วงซบใบหน้าลงบนซอกคอขาว ในขณะที่สวีอี้ฝานเองก็หอบหายใจสะท้านด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน

"ท่านพี่แผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง" หลังเสร็จสิ้นภารกิจรัก นางได้เอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าเป็นกังวล เปาอี้ส่วงจึงหยัดกายขึ้นเผยให้เห็นผ้าปิดแผลสีขาวที่มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

"เลือดออกนี่" สวีอี้ฝานมองบาดแผลด้วยความตกใจ ทว่าคนตัวโตกลับโบกมือไปมาพลางเอ่ยว่า

"ข้าไม่เป็นอะไรหรอก" สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายสบายอารมณ์ไม่มีความทุกข์ร้อนอันใด และไม่บ่งบอกว่ารู้สึกเจ็บแผลเลยแม้แต่น้อย

"เราทำกันไปแล้ว ท่านพี่คงจะไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม วาจานั้นทำให้เปาอี้ส่วงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่คนตัวโตจะจู่โจมคนตัวเล็กกว่าอย่างรวดเร็ว

"ข้าคงไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ข้ายังต้องการเจ้าอีก" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น ในขณะที่มือหนาเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มของนางไปด้วย สวีอี้ฝานทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน ฉะนั้นเขาอยากทำกับนางอีก ไม่อยากปล่อยนางออกจากอ้อมแขนแม้สักหนึ่งถ้วยชา

"ท่านพี่บ้าไปแล้ว เดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก"

"หากเจ้ากลัวข้าเจ็บ เจ้าก็เป็นฝ่ายทำให้ข้าสิ"

"ทะ...ทำ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 16 เนื้อแท้ของแม่ดอกบัวขาว

    สวีอี้ฝานรู้สึกไม่พอใจวาจาของฮูหยินผู้เฒ่าเท่าใดนัก แม้จะอยากสวนกลับแต่ก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์นั้นไว้ในใจ เมื่อประเมินสถานการณ์คร่าวๆนางย่อมรู้ว่าตอนนี้ควรแสดงออกอย่างไร"ท่านย่า สวีอี้ฝานเป็นฮูหยินของข้า..." เปาอี้ส่วงเปิดปากหมายจะพูดบางคำ ทว่ามือหนาของเขากลับโดนมือเล็กของนางจับเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มหันมามองคนตัวเล็กที่เดินเข้ามายืนเคียงข้าง นางส่งยิ้มให้เขาบางๆพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ เขาจึงเงียบเสียงลง"เดิมทีข้าตั้งใจจะให้ท่านพี่มาพบท่านย่ากับแขกคนพิเศษตามลำพัง หากแต่ว่าท่านพี่เป็นคนบอกให้ข้ามาด้วย หากข้าทำให้ท่านย่าไม่พอใจ ข้าต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานกล่าวเสียงเครือ สีหน้าเศร้าสร้อยจนน่าสงสาร มือเล็กปล่อยมือหนาออกก่อนจะหมุนกายหันหลังทำท่าจะเดินจากไป ทว่ามือหนาของเปาอี้ส่วงกลับคว้าต้นแขนของนางเอาไว้เสียก่อน"สวีอี้ฝานเป็นฮูหยินของข้า นางอยู่ที่นี่ในฐานะเปาฮูหยิน เป็นเรื่องที่สมควรแล้วที่นางจะต้องออกมาต้อนรับแขกเหรื่อ" ชายหนุ่มกล่าวเสียงราบเรียบ คำพูดของเขาถือเป็นคำประกาศิต ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านแต่อย่างใดหยวนเสี่ยวหงเงยหน้าขึ้นมองไปยังเปาอี้ส่วงอย่างปวดใจ ท่าทางของเขาดูห่วงใยสวีอี้

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 17 สับสน

    ภายในห้องโถงรับแขกยามนี้มีเพียงเปาอี้ส่วงและฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ด้วยกันตามลำพัง หลังจากที่ไล่ทุกคนออกไปจากห้อง ในที่สุดเปาอี้ส่วงก็เป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน"ท่านย่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่หรือขอรับ""ทำอะไรงั้นหรือ หลานพูดเรื่องอะไรกัน" จางเข่อซินตีหน้าซื่อโยนคำถามกลับ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเปาอี้ส่วงหมายถึงเรื่องใดชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเคยคุยเรื่องบุตรสาวสกุลหยวนกับเขามานานแล้ว เขารู้ถึงความตั้งใจของนางดีว่าต้องการให้เขาแต่งงานกับหยวนเสี่ยวหง หากแต่ว่าหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นาง เขาไม่ได้รักชอบนาง "ท่านย่าหยุดยัดเยียดบุตรสาวสกุลหยวนให้ข้าเถิดขอรับ ท่านย่าก็ทราบว่ามันเป็นไปไม่ได้""เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้" ฮูหยินผู้เฒ่าสวนกลับทันควัน ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหากแต่เปาอี้ส่วงไม่ยอมรับเองต่างหาก"ข้าแต่งกับบุตรสาวสกุลสวีแล้ว จะแต่งกับหยวนเสี่ยวหงอีกได้อย่างไร""แต่งได้ก็ลงชื่อในหนังสือหย่าได้""แต่นั่นต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย""ย่าเคยคุยกับสวีอี้ฝานแล้ว นางบอกว่าหากเจ้ายินยอมลงชื่อในหนังสือหย่า นางก็พร้อมหย่ากับเจ้าเช่นกัน""..." วาจาของจางเข่อซินทำให้เปาอี้ส่

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 18 โดนตัวร้ายก่อกวน

    "จะไปไหนหรือ" ชายหนุ่มถามพลางมองไปยังม้วนผ้าในมือของนางด้วยความสงสัย"ไปข้างนอกเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานตอบเสียงห้วน ทว่าไม่ได้หันมามองเขาแต่อย่างใด ท่าทางหมางเมินของนางทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเท่าใดนัก หากแต่ว่าเรื่องที่ทะเลาะกันวันนั้นยังคงติดอยู่ในใจ เขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรไปมากกว่านี้"พาองครักษ์ไปด้วย" เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน เกรงว่านางจะเป็นอันตรายอีก"ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ" นางกล่าวคำปฏิเสธ นางดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใด"อวดดี" "ท่านพี่ว่าใครอวดดี" วาจานั้นทำให้สวีอี้ฝานหันขวับกลับมามองเขาในทันที เขาจะหาเรื่องทะเลาะกับนางอีกแล้วหรือ"ข้าพูดกับเจ้าก็ต้องว่าเจ้าน่ะสิ หรือเจ้าคิดว่าข้าว่าผู้ใดกัน" เปาอี้ส่วงยกยิ้มอย่างกวนๆ ยิ่งเห็นดวงหน้างามบูดบึ้งก็ยิ่งชอบใจ"นิสัยไม่ดี หากข้าอวดดี ท่านก็เป็นพวกคนพาล"เปาอี้ส่วงส่ายศีรษะไปมา จากนั้นจึงก้าวยาวๆเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง ก้มหน้าลงมาใกล้ สวีอี้ฝานเห็นเช่นนั้นจึงผงะก้าวถอยหลังหนี ทว่าคนตัวโตกลับคว้าเอวบางของนางเอาไว้และดึงเข้ามาหาตัว"จะให้องครักษ์ติดตามไปด้วยหรือจะให้ข้าตามไปเฝ้าเจ้า เลือกเอาเถิด""ก็ได้ๆ

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 19 กลับจวนสกุลสวี

    ระหว่างทางไปที่จวนสกุลสวี หลิงหลิงเหลือบมองเจ้านายเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่พบกับหวางอ๋องที่ตลาด สีหน้าของฮูหยินก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมองอย่างชัดเจน "ฮูหยินเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ มีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรือไม่ ระบายให้บ่าวฟังได้นะเจ้าคะ" หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดหลิงหลิงก็ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเปิดปากออกมาจนได้"ข้าแค่รู้สึกสับสนเล็กน้อย""ฮูหยินหมายถึงเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ"สวีอี้ฝานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ยามนึกถึงหน้าหวางอ๋องคราใดก็รู้สึกผิดในใจทุกครั้ง ราวกับว่านางกำลังทอดทิ้งให้เขาต้องโดดเดี่ยว หรือนางควรบอกความจริงกับเขาดี แต่นางก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากมีอิสระได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในฐานะองครักษ์เงาที่ซ่อนกายอยู่ในเงามืดอีกต่อไปแล้ว"หากเจ้ามีความลับกับคนที่เจ้าเคยสนิทสนมด้วย เจ้าจะบอกความจริงเขาหรือไม่"หลิงหลิงได้ยินคำถาม นางจึงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า"บ่าวมองว่าคนทุกคนต่างล้วนมีความลับเป็นของตัวเอง เป็นไปไม่ได้ว่าเราจะเปิดเผยทุกเรื่องให้ผู้อื่นรู้ หากแต่ว่าความลับนั้นไม่ได้ทำร้ายใคร ก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องก็ได้เจ้าค่ะ"สวีอี้ฝานคิ

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 20 ไม่ยอมถูกทอดทิ้ง

    เปาอี้ส่วงกลับมาถึงจวนสกุลเปาในยามซวี (19.00 - 20.59 น.) เมื่อมาถึงพบว่าที่จวนเงียบผิดปกติที่หอนอนส่วนตัวของสวีอี้ฝานมืดสนิทไร้แสงตะเกียงจึงสอบถามกับพ่อบ้านหลิวได้ความว่าฮูหยินออกไปข้างนอกยังไม่กลับ คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็ก เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง เขาจึงเดินกลับออกไปหน้าประตูจวนสั่งให้บ่าวเตรียมม้าเพื่อที่จะออกไปตามหาสวีอี้ฝาน ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากก็เห็นอาชาตัวใหญ่กำลังตรงลิ่วมาทางนี้ ไม่นานทหารรักษาประตูต่างพากันวิ่งเข้ามารายงานว่าสวีชางหมิงมาขอพบเขา"สวีชางหมิงงั้นหรือ" ชายหนุ่มทวนคำเบาๆ นึกแปลกใจไม่น้อยที่น้องชายของสวีอี้ฝานต้องการพบเขา ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับเขาเลยสักหนหนึ่ง"ให้เขาเข้ามา" หลังจากกล่าวคำอนุญาตไม่นานก็เห็นร่างสูงของสวีชางหมิงก้าวอาดๆเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า "ท่านแม่ทัพเปา" เขาขานเรียกคนตรงหน้าด้วยวาจาห่างเหิน ทว่ายังคงรักษามารยาทโดยการคารวะผู้อาวุโสกว่า "นั่นอะไรหรือ" เปาอี้ส่วงมองของในมือของสวีชางหมิง ทว่าเขาไม่พูดอะไรนอกจากยื่นมันมาให้เปาอี้ส่วง"หนังสือหย่า?""ท่านแม่ทัพทำความคุ้นเคยกับมันเสียสิ อีกไม่นานท่านคงได้ใช

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 21 เค้นความจริง

    สองร่างกำยำในชุดสีดำเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางความมืดอย่างรวดเร็ว โดยที่ทหารยามที่พากันเดินกันขวักไขว่อยู่เบื้องล่างไม่ทันได้สังเกตเห็น เปาอี้ส่วงและหลูเผิงพุ่งไปยังสวนอุทยานลัดเลาะไปตามต้นใหญ่ไม้ อาศัยความมืดในยามค่ำคืนช่วยพลางสายตา จนกระทั่งมองเห็นประตูลับทางออกหลังจวนสกุลสวี ทว่ายังไม่ทันที่คนทั้งสองจะวิ่งไปถึงประตูกลับมีใครบางคนพุ่งเข้ามาขวางหน้าของพวกเขาเอาไว้เสียก่อน"เจ้าเป็นใคร" เปาอี้ส่วงถามเสียงเข้ม จดจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา คนผู้นี้สูงเพียงแค่อกเขา ร่างบางเล็กราวกับสตรี ทว่าแต่งกายเยี่ยงบุรุษสวมผ้าโพกศีรษะปิดบังใบหน้าเอาไว้"แล้วท่านล่ะเป็นใคร" เสียงของนางเล็กกระจิ๋วราวกับเสียงเด็ก แต่ดวงตากลมโตที่ลอดผ่านผ้าโพกศีรษะออกมาทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยนางมากเหลือเกินเปาอี้ส่วงหรี่ตาลงเล็กน้อย ในใจรู้สึกเป็นห่วงคนสกุลสวีที่มีคนแปลกหน้าบุกเข้ามาถึงในจวน"ออกไปจากที่นี่ หาไม่จะหาว่าข้าไม่เตือน"สตรีชุดดำแค่นยิ้มหยัน ก่อนจะเอ่ยว่า "ท่านต่างหากที่ต้องออกไปจากที่นี่"เปาอี้ส่วงขบกรามแน่นด้วยความโมโห สตรีผู้นี้พูดไม่รู้ความ แต่หากจะให้เขาโจมตีนางก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย เขาไม่นิยมชมชอบการทำร้ายสต

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 22 เล่นงานผิดคน

    "ฝานฝาน อันที่จริงข้าไม่ได้ตาบอดตั้งแต่แรก""..." สวีอี้ฝานนั่งนิ่ง ปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อย ในชั่วอึดใจเดียวนางจึงเอ่ยถามว่า"ท่านพี่โกหกทุกคนมาโดยตลอดหรือเจ้าคะ"เปาอี้ส่วงผงกศีรษะรับเบาๆ หวนนึกไปถึงเมื่อสองปีก่อนในครั้งที่เขาต้องไปออกศึกใหญ่ ยามนั้นเขาบาดเจ็บกลับมาจริงๆ ศีรษะของเขาได้รับการกระทบกระเทือนเป็นผลมาจากการต่อสู้ในสนามรบจนกระทบมาถึงดวงตาทำให้มันมืดบอดไปชั่วขณะ แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานมันก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมทว่าในตอนนั้นยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าดวงตาของเขากลับมาเป็นปกติแล้วมีเพียงหลูเผิงเท่านั้นที่รู้ เปาอี้ส่วงคิดว่าหากเขาแสร้งทำเป็นคนตาบอดต่อไปจะทำให้เขาสามารถจัดการเรื่องจอมโจรชุดดำที่เริ่มออกอาละวาดได้ง่ายขึ้น หลังจบศึกใหญ่ ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง เขาจึงปล่อยข่าวว่าตนตาบอด จากนั้นเขากับหลูเผิงก็แอบสืบเรื่องจอมโจรชุดดำอย่างลับๆ เมื่อได้เบาะแส เขากับหลูเผิงจะแอบไปที่ค่ายลับของพวกมัน โดยใช้เวลาในช่วงค่ำคืนเพื่ออำพรางสายตาและแอบจัดการพวกมันอย่างเงียบๆ โดยการทำลายเสบียงและทำลายคลังอาวุธของพวกมันเมื่อมีโอกาสข้อดีของการแกล้งทำตัวเป็นคนตาบอดคือกลุ่มจอมโจรชุดดำไม่ได้สงส

    Last Updated : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 23 ตลบหลังแม่ดอกบัวขาว

    จางเข่อซินพาสวีอี้ฝานนั่งรถม้าเข้ามาที่ท่าเรืออันเป็นสถานที่สำคัญในการซื้อขายสินค้าที่มาจากต่างถิ่น ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจมาที่นี่เพราะต้องการของขวัญที่แปลกใหม่ หากไปซื้อที่ตลาดส่วนมากจะเป็นสินค้าดาษดื่นที่พบเห็นได้ทั่วไป ทว่าอันที่จริงแล้วฮูหยินผู้เฒ่าได้หาของขวัญไว้ถวายซือฮองเฮาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ที่บอกให้บุตรสาวสกุลสวีพามาซื้อของเพราะต้องการหาเรื่องกลั่นแกล้งนางเท่านั้นสวีอี้ฝานเห็นว่าตลอดทางมาถึงท่าเรือ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดจาอะไรกับนางเลยสักคำ นางเอาแต่นั่งเชิดหน้าหันออกไปมองนอกหน้าต่างราวกับชังน้ำหน้านางเสียเต็มประดา สวีอี้ฝานเห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้อะไร เพียงแต่อดเป็นห่วงไม่ได้กว่าจะมาถึงท่าเรือเกรงว่านางจะปวดคอเสียก่อนรถม้าของจวนสกุลเปาวิ่งเข้ามาจอดอยู่ที่ท่าเรือขนสินค้า สวีอี้ฝานรอจนกระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าก้าวลงจากรถม้า จากนั้นนางจึงเดินตามไป ทว่าเพียงแค่เท้าแตะพื้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อหันไปมองทางต้นเสียงแลเห็นร่างบอบบางในชุดสีม่วงอ่อนตัวยาวกรอมเท้ากำลังเดินเข้ามาหา"ท่านย่าเจ้าขา" หยวนเสี่ยวหงกล่าวทักทายหญิงชราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะมองเล

    Last Updated : 2024-12-06

Latest chapter

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 2 ยั่วสามี

    หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 1 อยากกินของเปรี้ยว

    ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทส่งท้าย

    ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 34 จะกินเต้าหู้หรือกินข้า​

    "ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 33 แกล้งสามี

    ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 32 ช่วยสามี

    เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 31 ตัวร้ายสารภาพความในใจ

    "ในฐานะชายาของฝ่าบาทหรือเพคะ" หญิงสาวทวนคำของเขาอีกครั้งอย่างเหม่อลอยหวางจื่อชางเห็นเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้เอื้อมคว้ามือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้"ใช่ มู่ฝานที่ผ่านมาข้ารักเจ้ามาโดยตลอด หากแต่ข้าคิดว่าเจ้าเคียงข้างข้าเสมอมา ข้าคิดว่าจะบอกความในใจให้เจ้ารับรู้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ทว่าความตายกลับมาพรากเจ้าไปจากข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนที่ข้าเสียเจ้าไป ข้าเสียใจมากแค่ไหน ข้าไม่เป็นอันทำอะไรต้องไปพึ่งพวกพ่อมดหมอผีเพื่อให้พวกเขาพาวิญญาณเจ้ากลับมาอยู่กับข้าเช่นเดิม จนกระทั่งข้าได้พบหมอดูหญิงโดยบังเอิญ ในตอนที่นางบอกว่าเจ้ายังอยู่ ข้าดีใจมาก ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของบุตรสาวสกุลสวีหรือใครก็ตามข้ารับได้ทั้งนั้น อย่าจากข้าไปอีกเลยนะ" หวางจื่อชางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ตลอดชีวิตไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน มีเพียงแค่มู่ฝานคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะยอม"ไม่ได้เพคะ" สวีอี้ฝานรีบดึงมือกลับ จากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา นางก็ซาบซึ้งใจอยู่หรอก หากแต่ว่าสำหรับนางแล้ว หวางจื่อชางเปรียบเสมือนเจ้านายและพี่ชายของนางเท่านั้น"ทำไมล่ะ เจ้ารังเกียจข้างั้นหรือ" หวางจื่อชางถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขารักนางมากปาน

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 30 โจรชั่วบุกหอนอน

    "ยัยแก่ปลิ้นปล้อน ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้าเลย รู้อย่างนี้คงไม่ทนเอาอกเอาใจยัยแก่บ้าอำนาจนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้าหรอก เสียเวลาจริงๆ! กรี๊ดดดด! " หยวนเสี่ยวหงผุดลุกขึ้นพ่นวาจาหยาบคายเสร็จก็เดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปด้วยความรวดเร็วจางเข่อซินยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ"หนิงเชาข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน""ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ" หนิงเชารีบปรี่เข้ามาพลางใช้มือโบกแทนพัดให้ฮูหยินผู้เฒ่า"เจ้าได้ยินที่นางด่าข้าหรือไม่" ถามเสียงสั่น หยดน้ำตาตลออยู่ที่หน่วยตา ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่ศีรษะเป็นสีดำยันเปลี่ยนเป็นสีขาวยังไม่เคยโดนผู้ใดพ่นวาจาร้ายกาจใส่เช่นนี้มาก่อน"ได้ยินชัดเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาทำหน้าแหยยกมือขยี้หูไปมา เสียงกรีดร้องของหยวนเสี่ยวหงยังคงติดหูของนางไม่หาย น่ากลัวยิ่งนัก...ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจสะท้าน ความรู้สึกตกใจยังไม่จางหาย แต่ที่แน่ๆ นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสกุลเปาของนางกับสกุลหยวนคงไม่มีวันมองหน้ากันติดอีกแล้วอย่างแน่นอนก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 29 ตัดสัมพันธ์​

    สวีอี้ฝานน้ำตารื้นรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกโมโหตนเองอยู่หลายส่วน ก่อนที่จะแต่งงานกับเขานางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่มีวันปันใจให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านเทพเคยบอกว่า ระหว่างนางรองกับพระเอกจะมีเรื่องให้บาดหมางกันจนถึงขั้นลงชื่อหย่า และพระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกสุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสินะ คนที่เป็นเพียงแค่นางรองอย่างนางจะไปฝืนชะตาได้อย่างไรกัน"อุ๊บ" จู่ๆสวีอี้ฝานก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง"หลิงหลิงทำอะไรอยู่ เห็นหรือไม่ว่าลูกข้าไม่สบาย รีบไปตามหมอเร็วเข้า" หลี่อ้ายซีรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบปรี่เข้าไปลูบแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปมาพลางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิง"เอ่อ... เจ้าค่ะ" หลิงหลิงตอบรับพร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่สวีอี้ฝานกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน"ไม่ต้องให้หลิงหลิงไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกเหม็นอาหารเท่านั้น"หลี่อ้ายซีเงียบไปเล็กน้อย พลันไม่นานก็เบิกตากว้างกล่าวละล่ำละลักด้วยความตกใจปนตื่นเต้น"นี่ลูกกำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะท่านแม่" สวีอี้ฝานแย้มยิ้มออกมาบางๆ ยกมือขึ้นวางทา

DMCA.com Protection Status