จางเข่อซินพาสวีอี้ฝานนั่งรถม้าเข้ามาที่ท่าเรืออันเป็นสถานที่สำคัญในการซื้อขายสินค้าที่มาจากต่างถิ่น ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจมาที่นี่เพราะต้องการของขวัญที่แปลกใหม่ หากไปซื้อที่ตลาดส่วนมากจะเป็นสินค้าดาษดื่นที่พบเห็นได้ทั่วไป ทว่าอันที่จริงแล้วฮูหยินผู้เฒ่าได้หาของขวัญไว้ถวายซือฮองเฮาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ที่บอกให้บุตรสาวสกุลสวีพามาซื้อของเพราะต้องการหาเรื่องกลั่นแกล้งนางเท่านั้นสวีอี้ฝานเห็นว่าตลอดทางมาถึงท่าเรือ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดจาอะไรกับนางเลยสักคำ นางเอาแต่นั่งเชิดหน้าหันออกไปมองนอกหน้าต่างราวกับชังน้ำหน้านางเสียเต็มประดา สวีอี้ฝานเห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดที่จะเซ้าซี้อะไร เพียงแต่อดเป็นห่วงไม่ได้กว่าจะมาถึงท่าเรือเกรงว่านางจะปวดคอเสียก่อนรถม้าของจวนสกุลเปาวิ่งเข้ามาจอดอยู่ที่ท่าเรือขนสินค้า สวีอี้ฝานรอจนกระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าก้าวลงจากรถม้า จากนั้นนางจึงเดินตามไป ทว่าเพียงแค่เท้าแตะพื้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อหันไปมองทางต้นเสียงแลเห็นร่างบอบบางในชุดสีม่วงอ่อนตัวยาวกรอมเท้ากำลังเดินเข้ามาหา"ท่านย่าเจ้าขา" หยวนเสี่ยวหงกล่าวทักทายหญิงชราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะมองเล
"ข้ากับเจียถงไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันหรอก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ข้ารู้ว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน" ดวงตาคู่งามจดจ้องไปยังคนตรงหน้า หยวนเสี่ยวหงลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แต่กระนั้นยังคงพยายามเก็บซ่อนสีหน้าของตนเอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกจับได้"ฮูหยินหมายความว่าอย่างไร""เรื่องนี้คุณหนูหยวนรู้ดีอยู่แก่ใจ"สตรีหงส์สองคนสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกปวดศีรษะอย่างมาก ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมรับว่าตนเป็นผู้กระทำ แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน"ตกลงข้าจะรู้หรือไม่ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่""ข้ายืนยันคำเดิมว่าเจียถงจะทำร้ายข้า ฮูหยินผู้เฒ่าลองไตร่ตรองดูดีๆ เถิด หากข้าคิดจะทำร้ายเจียถงจริงๆ ชั้นวางของจะเอียงมาด้านของฝั่งตรงข้ามของเจียถงได้อย่างไร มันจะต้องเอียงไปทางเจียถงสิเจ้าคะ แต่นี่มันเอียงมาทางฝั่งที่ข้ายืนอยู่ ฉะนั้นแล้วมันถูกผลักมาจากทางฝั่งที่เจียถงยืนอยู่ต่างหาก"จางเข่อซินหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่กล่าววาจาใดอีก เอาแต่มองอย่างใช้ความคิด หากไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างหยวนเสี่ยวหงจนเกินไป นางพบว่าสิ่งที่สวีอี้ฝานกล่าวมานั้นถูกต้องทุกประการหา
"หิว" ดวงตาคมทอประกายวิบวับยามที่ตอบ กลับจากงานมาเหนื่อยๆ ได้เห็นหน้าของนางทำให้ความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ในตอนแรกสลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง"ข้าจะให้บ่าวเตรียมของว่างให้นะเจ้าคะ""ข้าไม่ได้หมายความถึงอาหาร แต่ข้าหมายความถึงเจ้า" จบประโยคเขาจัดการรวบเอวบางมาไว้ในอ้อมแขน ผลักคนตัวเล็กเบาๆให้นางเอนหลังลงบนเตียง โดยมีเขาคร่อมทับอยู่ทางด้านบนดวงตาสองคู่มองประสานกันอย่างลึกซึ้ง สวีอี้ฝานไล้มือไปตามกรอบหน้าคม หลับตาพริ้มรอรับจุมพิตแสนหวานที่เขามอบให้ หญิงสาวเผยอปากออกจากกันเล็กน้อย ลิ้นเล็กของนางดูดดึงลิ้นร้อนของเขาตอบ เปาอี้ส่วงถึงกับครางฮือในลำคอ จากจุมพิตที่ไม่ประสาในวันนั้นกลายเป็นจุมพิตอันร้อนแรงในวันนี้มือหนาลูบไล้ไปทั่วกายสาว จัดการเปลื้องอาภรณ์ของนางออกเผยให้เห็นเรือนกายเย้ายวนราวกับประติมากรรมชั้นเลิศ "คนลามก คิดถึงแต่เรื่องใต้สะดือ""อยากให้ข้าลามกกับเจ้าเพียงคนเดียวหรือให้ข้าลามกกับผู้อื่น"สวีอี้ฝานชะงักไปเล็กน้อย มุมปากบางแค่นยิ้มหยัน นางผลักคนตัวโตออกเดินไปหยิบกริชเงินขึ้นมาพลางมองไปยังส่วนแข็งขืนกลางกายของเขา"แล้วแต่ท่านพี่สิเจ้าคะ ท่านพี่จะลามกกับคนอื่นก็ได้ แต่ข้าไม่รับประกันคว
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามก็ถึงเวลามอบของขวัญให้ซือฮองเฮา บรรดาขุนนางแต่ละตระกูลต่างพากันทยอยเข้าไปมอบของขวัญให้ ของขวัญที่ซือฮองเฮาได้รับส่วนมากล้วนเป็นของขวัญที่มีราคาแพง ทว่าสำหรับซือฮองเฮาแล้วของพวกนี้ดาษดื่นและธรรมดาสำหรับนาง จนกระทั่งถึงคราวคนสกุลเปาเข้าไป ซือฮองเฮามองไปยังของขวัญในมือของสวีอี้ฝานและรับมา"นี่คืออะไรหรือ""ฝ่าบาททรงลองเปิดดูด้วยพระองค์ดีกว่าเพคะ" สวีอี้ฝานยิ้มอย่างอ่อนโยน ซือฮองเฮาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเปิดห่อผ้าออกนางก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากบางแต้มชาดจะคลี่ยิ้มกว้าง"ของขวัญของเจ้าล้ำค่าถูกใจยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นตัวอักษรที่งดงามเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต" นางเอ่ยพลางหันไปสบตากับสวีอี้ฝาน มือบางลูบไปยังผืนผ้าที่มีอักษรปราณีตงดงามขีดเขียนอยู่บนนั้นด้วยความดีใจ"ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่ฝ่าบาททรงชอบ""ฮูหยินผู้เฒ่าหลานสะใภ้ของท่านฉลาดเฉลียวยิ่งนัก นับว่าเป็นโชคดีของสกุลเปาแล้วที่ได้เพชรเม็ดงามไปครอบครอง" ซือฮองเฮาหันไปเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จางเข่อซินจึงแย้มยิ้มตอบพลางรับคำเบาๆอย่างกระอักกระอ่วนใจ เดิมทีนางคิดว่าสวีอี
"ท่านแม่ทัพเปาเหตุใดถึงพูดกับข้าเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพราะข้ารักท่านนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ต้องการแทนที่ของบุตรสาวสกุลสวี ข้าแค่ต้องการได้อยู่เคียงข้างท่าน ถึงแม้จะเป็นเพียงฮูหยินรองข้าก็ยินยอมเจ้าค่ะ" หยวนเสี่ยวหงถลาเข้ามาใกล้ จับมือของเขาขึ้นมาแนบแก้ม ส่งสายตาวิงวอนขอความรักเปาอี้ส่วงรีบดึงมือกลับมองคนตรงหน้าด้วยแววตารังเกียจ เดิมทีเขาคิดกับนางเพียงแค่น้องสาว แต่เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เขาไม่อยากรู้จักนางอีกต่อไป"ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินรอง อนุภรรยาหรือบ่าวบำเรอข้าก็ไม่รับทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือผู้ใดก็ตามเพราะชีวิตนี้ของข้าขอมีฝานฝานคนเดียวเท่านั้น" กล่าวจบก็ก้าวอาดๆเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด เขาเสียเวลากับนางมากพอแล้ว ป่านนี้สวีอี้ฝานคงรู้ว่าเขาหายไปเป็นแน่หยวนเสี่ยวหงน้ำตาไหลพราก ท่านแม่ทัพเปาปฏิเสธความรักของนางไม่พอ อีกทั้งยังด่านางจนไม่เหลือชิ้นดี นางไม่เคยรู้สึกไร้ค่าถึงเพียงนี้มาก่อน หญิงสาวคิดพลางอ้าปากกรีดร้องออกมาอย่างอดไม่ได้"กรี๊ดดดดดดด!""คุณหนูเจ้าขา เงียบก่อนเจ้าค่ะเดี๋ยวมีใครมาได้ยินเข้าจะไม่งามนะเจ้าคะ" เจียถงรีบวิ่งออกมาเอ่ยปากเตือนเจ้านายสาว ทว่าหยวนเ
"ท่านพี่" สวีอี้ฝานหันขวับไปมองคนที่เป็นต้นเหตุ เปาอี้ส่วงหายใจสะท้านขึ้นลงด้วยความกรุ่นโกรธ ภายในดวงตาวาวโรจน์ดั่งมีเพลิงสุมอยู่ภายใน"ฝานฝานเป็นอะไรหรือไม่" เขารีบปรี่เข้ามาหานาง กอดคนตัวเล็กไว้แนบอก เมื่อเห็นนางส่ายศีรษะไปมาเบาๆ จึงค่อยๆ ผละออกมือหนากำหมัดแน่นเข้าหากัน เขาคว้ากระบี่ออกมาจากฝัก กระชับมือให้แน่นขึ้นพลางก้าวเข้าไปหาคนที่นอนสลบอยู่หมายจะจัดการให้สมกับที่มันกล้าทำร้ายสวีอี้ฝาน"ท่านพี่อย่าเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานรีบวิ่งเข้าไปขวาง"เพราะเหตุใด" เขาถามด้วยความไม่เข้าใจ ทว่าสวีอี้ฝานยังไม่ทันได้ตอบ ก็ปรากฏชายร่างสูงในชุดดำขึ้น คนผู้นั้นตรงเข้ามาหาฉางชินที่นอนสลบอยู่"ขอบใจมากนะมู่ฝาน" เขาเอ่ยพึมพำเสียงแผ่วแต่กระนั้นก็ดังพอที่จะทำให้สวีอี้ฝานได้ยิน นางตัวแข็งค้างไปด้วยความตกตะลึง พลางหมุนกายหันไปมองคนผู้นั้น"หวางอ๋อง" หญิงสาวขานเรียกชื่อของเขาเบาๆ แม้จะเห็นเพียงแค่ดวงตา แต่สวีอี้ฝานก็จำเขาได้ หวางอ๋องสบตากับนางเล็กน้อย จากนั้นจึงพาฉางชินหนีไป"หลูเผิงตามไปจับตัวพวกมันมาให้ได้ หากจับเป็นไม่ได้ก็จับตายมันเสีย" เขากล่าวเสียงเหี้ยม หลูเผิงตอบรับคำและทำท่าจะติดตามไปแต่สวีอี้ฝานกลับรั
สวีอี้ฝานน้ำตารื้นรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกโมโหตนเองอยู่หลายส่วน ก่อนที่จะแต่งงานกับเขานางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่มีวันปันใจให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านเทพเคยบอกว่า ระหว่างนางรองกับพระเอกจะมีเรื่องให้บาดหมางกันจนถึงขั้นลงชื่อหย่า และพระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกสุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสินะ คนที่เป็นเพียงแค่นางรองอย่างนางจะไปฝืนชะตาได้อย่างไรกัน"อุ๊บ" จู่ๆสวีอี้ฝานก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง"หลิงหลิงทำอะไรอยู่ เห็นหรือไม่ว่าลูกข้าไม่สบาย รีบไปตามหมอเร็วเข้า" หลี่อ้ายซีรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบปรี่เข้าไปลูบแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปมาพลางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิง"เอ่อ... เจ้าค่ะ" หลิงหลิงตอบรับพร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่สวีอี้ฝานกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน"ไม่ต้องให้หลิงหลิงไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกเหม็นอาหารเท่านั้น"หลี่อ้ายซีเงียบไปเล็กน้อย พลันไม่นานก็เบิกตากว้างกล่าวละล่ำละลักด้วยความตกใจปนตื่นเต้น"นี่ลูกกำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะท่านแม่" สวีอี้ฝานแย้มยิ้มออกมาบางๆ ยกมือขึ้นวางทา
"ยัยแก่ปลิ้นปล้อน ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้าเลย รู้อย่างนี้คงไม่ทนเอาอกเอาใจยัยแก่บ้าอำนาจนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้าหรอก เสียเวลาจริงๆ! กรี๊ดดดด! " หยวนเสี่ยวหงผุดลุกขึ้นพ่นวาจาหยาบคายเสร็จก็เดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปด้วยความรวดเร็วจางเข่อซินยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ"หนิงเชาข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน""ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ" หนิงเชารีบปรี่เข้ามาพลางใช้มือโบกแทนพัดให้ฮูหยินผู้เฒ่า"เจ้าได้ยินที่นางด่าข้าหรือไม่" ถามเสียงสั่น หยดน้ำตาตลออยู่ที่หน่วยตา ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่ศีรษะเป็นสีดำยันเปลี่ยนเป็นสีขาวยังไม่เคยโดนผู้ใดพ่นวาจาร้ายกาจใส่เช่นนี้มาก่อน"ได้ยินชัดเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาทำหน้าแหยยกมือขยี้หูไปมา เสียงกรีดร้องของหยวนเสี่ยวหงยังคงติดหูของนางไม่หาย น่ากลัวยิ่งนัก...ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจสะท้าน ความรู้สึกตกใจยังไม่จางหาย แต่ที่แน่ๆ นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสกุลเปาของนางกับสกุลหยวนคงไม่มีวันมองหน้ากันติดอีกแล้วอย่างแน่นอนก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภ
หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห
ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก
ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ
"ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้
ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า
เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา
"ในฐานะชายาของฝ่าบาทหรือเพคะ" หญิงสาวทวนคำของเขาอีกครั้งอย่างเหม่อลอยหวางจื่อชางเห็นเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้เอื้อมคว้ามือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้"ใช่ มู่ฝานที่ผ่านมาข้ารักเจ้ามาโดยตลอด หากแต่ข้าคิดว่าเจ้าเคียงข้างข้าเสมอมา ข้าคิดว่าจะบอกความในใจให้เจ้ารับรู้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ทว่าความตายกลับมาพรากเจ้าไปจากข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนที่ข้าเสียเจ้าไป ข้าเสียใจมากแค่ไหน ข้าไม่เป็นอันทำอะไรต้องไปพึ่งพวกพ่อมดหมอผีเพื่อให้พวกเขาพาวิญญาณเจ้ากลับมาอยู่กับข้าเช่นเดิม จนกระทั่งข้าได้พบหมอดูหญิงโดยบังเอิญ ในตอนที่นางบอกว่าเจ้ายังอยู่ ข้าดีใจมาก ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของบุตรสาวสกุลสวีหรือใครก็ตามข้ารับได้ทั้งนั้น อย่าจากข้าไปอีกเลยนะ" หวางจื่อชางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ตลอดชีวิตไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน มีเพียงแค่มู่ฝานคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะยอม"ไม่ได้เพคะ" สวีอี้ฝานรีบดึงมือกลับ จากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา นางก็ซาบซึ้งใจอยู่หรอก หากแต่ว่าสำหรับนางแล้ว หวางจื่อชางเปรียบเสมือนเจ้านายและพี่ชายของนางเท่านั้น"ทำไมล่ะ เจ้ารังเกียจข้างั้นหรือ" หวางจื่อชางถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขารักนางมากปาน
"ยัยแก่ปลิ้นปล้อน ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้าเลย รู้อย่างนี้คงไม่ทนเอาอกเอาใจยัยแก่บ้าอำนาจนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้าหรอก เสียเวลาจริงๆ! กรี๊ดดดด! " หยวนเสี่ยวหงผุดลุกขึ้นพ่นวาจาหยาบคายเสร็จก็เดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปด้วยความรวดเร็วจางเข่อซินยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ"หนิงเชาข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน""ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ" หนิงเชารีบปรี่เข้ามาพลางใช้มือโบกแทนพัดให้ฮูหยินผู้เฒ่า"เจ้าได้ยินที่นางด่าข้าหรือไม่" ถามเสียงสั่น หยดน้ำตาตลออยู่ที่หน่วยตา ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่ศีรษะเป็นสีดำยันเปลี่ยนเป็นสีขาวยังไม่เคยโดนผู้ใดพ่นวาจาร้ายกาจใส่เช่นนี้มาก่อน"ได้ยินชัดเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาทำหน้าแหยยกมือขยี้หูไปมา เสียงกรีดร้องของหยวนเสี่ยวหงยังคงติดหูของนางไม่หาย น่ากลัวยิ่งนัก...ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจสะท้าน ความรู้สึกตกใจยังไม่จางหาย แต่ที่แน่ๆ นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสกุลเปาของนางกับสกุลหยวนคงไม่มีวันมองหน้ากันติดอีกแล้วอย่างแน่นอนก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภ
สวีอี้ฝานน้ำตารื้นรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกโมโหตนเองอยู่หลายส่วน ก่อนที่จะแต่งงานกับเขานางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่มีวันปันใจให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านเทพเคยบอกว่า ระหว่างนางรองกับพระเอกจะมีเรื่องให้บาดหมางกันจนถึงขั้นลงชื่อหย่า และพระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกสุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสินะ คนที่เป็นเพียงแค่นางรองอย่างนางจะไปฝืนชะตาได้อย่างไรกัน"อุ๊บ" จู่ๆสวีอี้ฝานก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง"หลิงหลิงทำอะไรอยู่ เห็นหรือไม่ว่าลูกข้าไม่สบาย รีบไปตามหมอเร็วเข้า" หลี่อ้ายซีรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบปรี่เข้าไปลูบแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปมาพลางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิง"เอ่อ... เจ้าค่ะ" หลิงหลิงตอบรับพร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่สวีอี้ฝานกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน"ไม่ต้องให้หลิงหลิงไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกเหม็นอาหารเท่านั้น"หลี่อ้ายซีเงียบไปเล็กน้อย พลันไม่นานก็เบิกตากว้างกล่าวละล่ำละลักด้วยความตกใจปนตื่นเต้น"นี่ลูกกำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะท่านแม่" สวีอี้ฝานแย้มยิ้มออกมาบางๆ ยกมือขึ้นวางทา