แชร์

บทที่ 13 นางรองจะกินพระเอก

ผู้เขียน: หย่งเอ๋อร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-06 18:22:21

เปาอี้ส่วงถูกพาตัวกลับมายังจวนสกุลเปา โดยที่หมอที่เก่งที่สุดของแคว้นฮั่นถูกเรียกตัวมาเป็นการด่วน ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ข่าวว่าหลานชายได้รับบาดเจ็บก็รีบเดินทางมาที่เรือนใหญ่ เมื่อเห็นหน้าของหลานสะใภ้ก็ไม่รอช้าปรี่เข้ามาหาพร้อมเงื้อมมือหมายจะฟาดลงไปบนใบหน้าของนาง

หมั่บ!

"ฮูหยินผู้เฒ่าจะทำอะไรเจ้าคะ" สวีอี้ฝานถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ มือบางกำรอบข้อมือของฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้ได้ทันก่อนที่นางจะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มขาว

"สตรีกาลกินี แต่งกับหลานชายข้าได้ไม่ถึงเดือนก็สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้เสียแล้ว" ดวงตาสองข้างของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางเฉียบสั่นระริกไปมาบ่งบอกถึงความเสียใจอย่างสุดขีด

นางสูญเสียบุตรชายและสะใภ้ไปหนหนึ่งแล้ว หากนางต้องสูญเสียหลานชายสุดที่รักไปอีกคน นางจะอยู่ได้อย่างไร

"ลงชื่อในหนังสือหย่าซะ เจ้าไม่เหมาะกับตำแหน่งฮูหยินของสกุลเปาหรอก อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะทำให้หลานชายของข้าต้องเดือดร้อน"

"เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าลองคุยกับท่านพี่เองเถิดเจ้าค่ะ หากท่านแม่ทัพยอมหย่า ข้าก็จะลงชื่อในหนังสือหย่าให้" สวีอี้ฝานกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉย ดวงตาของจางเข่อซินวาวโรจ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 14 ถอนพิษ​ NC

    "ท่านพี่จะเขินไปไยเล่า มาเถิดเจ้าค่ะมาทำให้มันจบๆไปเถิด" สวีอี้ฝานกวักมือเรียก นางอยากทำเรื่องนี้ให้มันจบแต่โดยเร็วที่สุด ใช่ว่านางจะไม่อายที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าบุรุษเช่นนี้ เปาอี้ส่วงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหน้ากลับมา เอาเถิด... แม้จะไม่เคยลงมือปฏิบัติจริง แต่เขาก็เคยศึกษาตำรากามสูตรมาก่อนที่จะแต่งงาน อีกทั้งเรื่องแบบนี้เป็นไปตามสัญชาตญาณของการสืบพันธุ์อยู่แล้ว'คงไม่อยากเท่าใดกระมัง'ชายหนุ่มจัดการเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย แต่เขาก็ยังคงชักช้าไม่ทันใจของสวีอี้ฝานอยู่ดี ทันทีที่เสื้อตัวนอกหลุดออกไป หญิงสาวก็ช่วยปลดกางเกงของเขาออกจนเห็นบางอย่างดีดผึงออกมาทักทาย"หนอนน้อยของท่านพี่" สวีอี้ฝานเปล่งเสียงหัวเราะคิกคักพลางย่อกายนั่งลงจับจ้องความเป็นบุรุษเพศตาเป็นมันพร้อมใช้นิ้วจิ้มลงไปบริเวณส่วนลำใหญ่"หนอนน้อยที่ไหนกัน นี่คือมังกรยักษ์ต่างหาก" เปาอี้ส่วงกล่าวเสียงแหบห้าว คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเพราะความขัดใจเล็กน้อย หลังจากได้ยินสวีอี้ฝานเรียกอาวุธประจำกายว่าหนอนน้อย เขารู้สึกเสียเชิงชายอย่างมาก"จริงด้วยเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานเห็นด้วยกับวาจาของเขา หนอนน้อยอะไรจะใหญ่น่ากลัวถึงเพียง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 15 แขกพิเศษมาเยี่ยม

    เสียงหอบหายใจกระเส่าดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู เปาอี้ส่วงซบใบหน้าลงบนซอกคอขาว ในขณะที่สวีอี้ฝานเองก็หอบหายใจสะท้านด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน"ท่านพี่แผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง" หลังเสร็จสิ้นภารกิจรัก นางได้เอ่ยถามเขาด้วยใบหน้าเป็นกังวล เปาอี้ส่วงจึงหยัดกายขึ้นเผยให้เห็นผ้าปิดแผลสีขาวที่มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย"เลือดออกนี่" สวีอี้ฝานมองบาดแผลด้วยความตกใจ ทว่าคนตัวโตกลับโบกมือไปมาพลางเอ่ยว่า"ข้าไม่เป็นอะไรหรอก" สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายสบายอารมณ์ไม่มีความทุกข์ร้อนอันใด และไม่บ่งบอกว่ารู้สึกเจ็บแผลเลยแม้แต่น้อย"เราทำกันไปแล้ว ท่านพี่คงจะไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม วาจานั้นทำให้เปาอี้ส่วงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนที่คนตัวโตจะจู่โจมคนตัวเล็กกว่าอย่างรวดเร็ว"ข้าคงไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ข้ายังต้องการเจ้าอีก" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น ในขณะที่มือหนาเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มของนางไปด้วย สวีอี้ฝานทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน ฉะนั้นเขาอยากทำกับนางอีก ไม่อยากปล่อยนางออกจากอ้อมแขนแม้สักหนึ่งถ้วยชา"ท่านพี่บ้าไปแล้ว เดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก" "หากเจ้ากลัวข้าเจ็บ เจ้าก็เป็นฝ่ายทำให้ข้าสิ""ทะ...ทำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 16 เนื้อแท้ของแม่ดอกบัวขาว

    สวีอี้ฝานรู้สึกไม่พอใจวาจาของฮูหยินผู้เฒ่าเท่าใดนัก แม้จะอยากสวนกลับแต่ก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์นั้นไว้ในใจ เมื่อประเมินสถานการณ์คร่าวๆนางย่อมรู้ว่าตอนนี้ควรแสดงออกอย่างไร"ท่านย่า สวีอี้ฝานเป็นฮูหยินของข้า..." เปาอี้ส่วงเปิดปากหมายจะพูดบางคำ ทว่ามือหนาของเขากลับโดนมือเล็กของนางจับเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มหันมามองคนตัวเล็กที่เดินเข้ามายืนเคียงข้าง นางส่งยิ้มให้เขาบางๆพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ เขาจึงเงียบเสียงลง"เดิมทีข้าตั้งใจจะให้ท่านพี่มาพบท่านย่ากับแขกคนพิเศษตามลำพัง หากแต่ว่าท่านพี่เป็นคนบอกให้ข้ามาด้วย หากข้าทำให้ท่านย่าไม่พอใจ ข้าต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานกล่าวเสียงเครือ สีหน้าเศร้าสร้อยจนน่าสงสาร มือเล็กปล่อยมือหนาออกก่อนจะหมุนกายหันหลังทำท่าจะเดินจากไป ทว่ามือหนาของเปาอี้ส่วงกลับคว้าต้นแขนของนางเอาไว้เสียก่อน"สวีอี้ฝานเป็นฮูหยินของข้า นางอยู่ที่นี่ในฐานะเปาฮูหยิน เป็นเรื่องที่สมควรแล้วที่นางจะต้องออกมาต้อนรับแขกเหรื่อ" ชายหนุ่มกล่าวเสียงราบเรียบ คำพูดของเขาถือเป็นคำประกาศิต ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านแต่อย่างใดหยวนเสี่ยวหงเงยหน้าขึ้นมองไปยังเปาอี้ส่วงอย่างปวดใจ ท่าทางของเขาดูห่วงใยสวีอี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 17 สับสน

    ภายในห้องโถงรับแขกยามนี้มีเพียงเปาอี้ส่วงและฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ด้วยกันตามลำพัง หลังจากที่ไล่ทุกคนออกไปจากห้อง ในที่สุดเปาอี้ส่วงก็เป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน"ท่านย่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่หรือขอรับ""ทำอะไรงั้นหรือ หลานพูดเรื่องอะไรกัน" จางเข่อซินตีหน้าซื่อโยนคำถามกลับ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเปาอี้ส่วงหมายถึงเรื่องใดชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเคยคุยเรื่องบุตรสาวสกุลหยวนกับเขามานานแล้ว เขารู้ถึงความตั้งใจของนางดีว่าต้องการให้เขาแต่งงานกับหยวนเสี่ยวหง หากแต่ว่าหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นาง เขาไม่ได้รักชอบนาง "ท่านย่าหยุดยัดเยียดบุตรสาวสกุลหยวนให้ข้าเถิดขอรับ ท่านย่าก็ทราบว่ามันเป็นไปไม่ได้""เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้" ฮูหยินผู้เฒ่าสวนกลับทันควัน ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหากแต่เปาอี้ส่วงไม่ยอมรับเองต่างหาก"ข้าแต่งกับบุตรสาวสกุลสวีแล้ว จะแต่งกับหยวนเสี่ยวหงอีกได้อย่างไร""แต่งได้ก็ลงชื่อในหนังสือหย่าได้""แต่นั่นต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย""ย่าเคยคุยกับสวีอี้ฝานแล้ว นางบอกว่าหากเจ้ายินยอมลงชื่อในหนังสือหย่า นางก็พร้อมหย่ากับเจ้าเช่นกัน""..." วาจาของจางเข่อซินทำให้เปาอี้ส่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 18 โดนตัวร้ายก่อกวน

    "จะไปไหนหรือ" ชายหนุ่มถามพลางมองไปยังม้วนผ้าในมือของนางด้วยความสงสัย"ไปข้างนอกเจ้าค่ะ" สวีอี้ฝานตอบเสียงห้วน ทว่าไม่ได้หันมามองเขาแต่อย่างใด ท่าทางหมางเมินของนางทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเท่าใดนัก หากแต่ว่าเรื่องที่ทะเลาะกันวันนั้นยังคงติดอยู่ในใจ เขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรไปมากกว่านี้"พาองครักษ์ไปด้วย" เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน เกรงว่านางจะเป็นอันตรายอีก"ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ" นางกล่าวคำปฏิเสธ นางดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ใด"อวดดี" "ท่านพี่ว่าใครอวดดี" วาจานั้นทำให้สวีอี้ฝานหันขวับกลับมามองเขาในทันที เขาจะหาเรื่องทะเลาะกับนางอีกแล้วหรือ"ข้าพูดกับเจ้าก็ต้องว่าเจ้าน่ะสิ หรือเจ้าคิดว่าข้าว่าผู้ใดกัน" เปาอี้ส่วงยกยิ้มอย่างกวนๆ ยิ่งเห็นดวงหน้างามบูดบึ้งก็ยิ่งชอบใจ"นิสัยไม่ดี หากข้าอวดดี ท่านก็เป็นพวกคนพาล"เปาอี้ส่วงส่ายศีรษะไปมา จากนั้นจึงก้าวยาวๆเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง ก้มหน้าลงมาใกล้ สวีอี้ฝานเห็นเช่นนั้นจึงผงะก้าวถอยหลังหนี ทว่าคนตัวโตกลับคว้าเอวบางของนางเอาไว้และดึงเข้ามาหาตัว"จะให้องครักษ์ติดตามไปด้วยหรือจะให้ข้าตามไปเฝ้าเจ้า เลือกเอาเถิด""ก็ได้ๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 19 กลับจวนสกุลสวี

    ระหว่างทางไปที่จวนสกุลสวี หลิงหลิงเหลือบมองเจ้านายเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่พบกับหวางอ๋องที่ตลาด สีหน้าของฮูหยินก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมองอย่างชัดเจน "ฮูหยินเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ มีเรื่องทุกข์ใจอะไรหรือไม่ ระบายให้บ่าวฟังได้นะเจ้าคะ" หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดหลิงหลิงก็ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเปิดปากออกมาจนได้"ข้าแค่รู้สึกสับสนเล็กน้อย""ฮูหยินหมายถึงเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ"สวีอี้ฝานถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ยามนึกถึงหน้าหวางอ๋องคราใดก็รู้สึกผิดในใจทุกครั้ง ราวกับว่านางกำลังทอดทิ้งให้เขาต้องโดดเดี่ยว หรือนางควรบอกความจริงกับเขาดี แต่นางก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากมีอิสระได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในฐานะองครักษ์เงาที่ซ่อนกายอยู่ในเงามืดอีกต่อไปแล้ว"หากเจ้ามีความลับกับคนที่เจ้าเคยสนิทสนมด้วย เจ้าจะบอกความจริงเขาหรือไม่"หลิงหลิงได้ยินคำถาม นางจึงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า"บ่าวมองว่าคนทุกคนต่างล้วนมีความลับเป็นของตัวเอง เป็นไปไม่ได้ว่าเราจะเปิดเผยทุกเรื่องให้ผู้อื่นรู้ หากแต่ว่าความลับนั้นไม่ได้ทำร้ายใคร ก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องก็ได้เจ้าค่ะ"สวีอี้ฝานคิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 20 ไม่ยอมถูกทอดทิ้ง

    เปาอี้ส่วงกลับมาถึงจวนสกุลเปาในยามซวี (19.00 - 20.59 น.) เมื่อมาถึงพบว่าที่จวนเงียบผิดปกติที่หอนอนส่วนตัวของสวีอี้ฝานมืดสนิทไร้แสงตะเกียงจึงสอบถามกับพ่อบ้านหลิวได้ความว่าฮูหยินออกไปข้างนอกยังไม่กลับ คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็ก เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง เขาจึงเดินกลับออกไปหน้าประตูจวนสั่งให้บ่าวเตรียมม้าเพื่อที่จะออกไปตามหาสวีอี้ฝาน ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากก็เห็นอาชาตัวใหญ่กำลังตรงลิ่วมาทางนี้ ไม่นานทหารรักษาประตูต่างพากันวิ่งเข้ามารายงานว่าสวีชางหมิงมาขอพบเขา"สวีชางหมิงงั้นหรือ" ชายหนุ่มทวนคำเบาๆ นึกแปลกใจไม่น้อยที่น้องชายของสวีอี้ฝานต้องการพบเขา ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยมายุ่งเกี่ยวกับเขาเลยสักหนหนึ่ง"ให้เขาเข้ามา" หลังจากกล่าวคำอนุญาตไม่นานก็เห็นร่างสูงของสวีชางหมิงก้าวอาดๆเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า "ท่านแม่ทัพเปา" เขาขานเรียกคนตรงหน้าด้วยวาจาห่างเหิน ทว่ายังคงรักษามารยาทโดยการคารวะผู้อาวุโสกว่า "นั่นอะไรหรือ" เปาอี้ส่วงมองของในมือของสวีชางหมิง ทว่าเขาไม่พูดอะไรนอกจากยื่นมันมาให้เปาอี้ส่วง"หนังสือหย่า?""ท่านแม่ทัพทำความคุ้นเคยกับมันเสียสิ อีกไม่นานท่านคงได้ใช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 21 เค้นความจริง

    สองร่างกำยำในชุดสีดำเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางความมืดอย่างรวดเร็ว โดยที่ทหารยามที่พากันเดินกันขวักไขว่อยู่เบื้องล่างไม่ทันได้สังเกตเห็น เปาอี้ส่วงและหลูเผิงพุ่งไปยังสวนอุทยานลัดเลาะไปตามต้นใหญ่ไม้ อาศัยความมืดในยามค่ำคืนช่วยพลางสายตา จนกระทั่งมองเห็นประตูลับทางออกหลังจวนสกุลสวี ทว่ายังไม่ทันที่คนทั้งสองจะวิ่งไปถึงประตูกลับมีใครบางคนพุ่งเข้ามาขวางหน้าของพวกเขาเอาไว้เสียก่อน"เจ้าเป็นใคร" เปาอี้ส่วงถามเสียงเข้ม จดจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา คนผู้นี้สูงเพียงแค่อกเขา ร่างบางเล็กราวกับสตรี ทว่าแต่งกายเยี่ยงบุรุษสวมผ้าโพกศีรษะปิดบังใบหน้าเอาไว้"แล้วท่านล่ะเป็นใคร" เสียงของนางเล็กกระจิ๋วราวกับเสียงเด็ก แต่ดวงตากลมโตที่ลอดผ่านผ้าโพกศีรษะออกมาทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยนางมากเหลือเกินเปาอี้ส่วงหรี่ตาลงเล็กน้อย ในใจรู้สึกเป็นห่วงคนสกุลสวีที่มีคนแปลกหน้าบุกเข้ามาถึงในจวน"ออกไปจากที่นี่ หาไม่จะหาว่าข้าไม่เตือน"สตรีชุดดำแค่นยิ้มหยัน ก่อนจะเอ่ยว่า "ท่านต่างหากที่ต้องออกไปจากที่นี่"เปาอี้ส่วงขบกรามแน่นด้วยความโมโห สตรีผู้นี้พูดไม่รู้ความ แต่หากจะให้เขาโจมตีนางก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย เขาไม่นิยมชมชอบการทำร้ายสต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06

บทล่าสุด

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 2 ยั่วสามี

    หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 1 อยากกินของเปรี้ยว

    ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทส่งท้าย

    ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 34 จะกินเต้าหู้หรือกินข้า​

    "ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 33 แกล้งสามี

    ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 32 ช่วยสามี

    เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 31 ตัวร้ายสารภาพความในใจ

    "ในฐานะชายาของฝ่าบาทหรือเพคะ" หญิงสาวทวนคำของเขาอีกครั้งอย่างเหม่อลอยหวางจื่อชางเห็นเช่นนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้เอื้อมคว้ามือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้"ใช่ มู่ฝานที่ผ่านมาข้ารักเจ้ามาโดยตลอด หากแต่ข้าคิดว่าเจ้าเคียงข้างข้าเสมอมา ข้าคิดว่าจะบอกความในใจให้เจ้ารับรู้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ทว่าความตายกลับมาพรากเจ้าไปจากข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนที่ข้าเสียเจ้าไป ข้าเสียใจมากแค่ไหน ข้าไม่เป็นอันทำอะไรต้องไปพึ่งพวกพ่อมดหมอผีเพื่อให้พวกเขาพาวิญญาณเจ้ากลับมาอยู่กับข้าเช่นเดิม จนกระทั่งข้าได้พบหมอดูหญิงโดยบังเอิญ ในตอนที่นางบอกว่าเจ้ายังอยู่ ข้าดีใจมาก ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในร่างของบุตรสาวสกุลสวีหรือใครก็ตามข้ารับได้ทั้งนั้น อย่าจากข้าไปอีกเลยนะ" หวางจื่อชางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ตลอดชีวิตไม่เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน มีเพียงแค่มู่ฝานคนเดียวเท่านั้นที่เขาจะยอม"ไม่ได้เพคะ" สวีอี้ฝานรีบดึงมือกลับ จากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของเขา นางก็ซาบซึ้งใจอยู่หรอก หากแต่ว่าสำหรับนางแล้ว หวางจื่อชางเปรียบเสมือนเจ้านายและพี่ชายของนางเท่านั้น"ทำไมล่ะ เจ้ารังเกียจข้างั้นหรือ" หวางจื่อชางถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขารักนางมากปาน

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 30 โจรชั่วบุกหอนอน

    "ยัยแก่ปลิ้นปล้อน ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้าเลย รู้อย่างนี้คงไม่ทนเอาอกเอาใจยัยแก่บ้าอำนาจนิสัยร้ายกาจเช่นเจ้าหรอก เสียเวลาจริงๆ! กรี๊ดดดด! " หยวนเสี่ยวหงผุดลุกขึ้นพ่นวาจาหยาบคายเสร็จก็เดินกระแทกเท้าตึงตังออกไปด้วยความรวดเร็วจางเข่อซินยกมือขึ้นทาบอก อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ"หนิงเชาข้าอยากเป็นลมเหลือเกิน""ว้าย ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเป็นอะไรนะเจ้าคะ ใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ" หนิงเชารีบปรี่เข้ามาพลางใช้มือโบกแทนพัดให้ฮูหยินผู้เฒ่า"เจ้าได้ยินที่นางด่าข้าหรือไม่" ถามเสียงสั่น หยดน้ำตาตลออยู่ที่หน่วยตา ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่ศีรษะเป็นสีดำยันเปลี่ยนเป็นสีขาวยังไม่เคยโดนผู้ใดพ่นวาจาร้ายกาจใส่เช่นนี้มาก่อน"ได้ยินชัดเต็มสองหูเลยเจ้าค่ะ" หนิงเชาทำหน้าแหยยกมือขยี้หูไปมา เสียงกรีดร้องของหยวนเสี่ยวหงยังคงติดหูของนางไม่หาย น่ากลัวยิ่งนัก...ฮูหยินผู้เฒ่าหอบหายใจสะท้าน ความรู้สึกตกใจยังไม่จางหาย แต่ที่แน่ๆ นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าสกุลเปาของนางกับสกุลหยวนคงไม่มีวันมองหน้ากันติดอีกแล้วอย่างแน่นอนก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ ทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 29 ตัดสัมพันธ์​

    สวีอี้ฝานน้ำตารื้นรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก อีกทั้งยังรู้สึกโมโหตนเองอยู่หลายส่วน ก่อนที่จะแต่งงานกับเขานางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่มีวันปันใจให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ท่านเทพเคยบอกว่า ระหว่างนางรองกับพระเอกจะมีเรื่องให้บาดหมางกันจนถึงขั้นลงชื่อหย่า และพระเอกก็ได้แต่งงานกับนางเอกสุดท้ายพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสินะ คนที่เป็นเพียงแค่นางรองอย่างนางจะไปฝืนชะตาได้อย่างไรกัน"อุ๊บ" จู่ๆสวีอี้ฝานก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา หญิงสาวรีบคว้ากระโถนก่อนจะอาเจียนออกจนหมดไส้หมดพุง"หลิงหลิงทำอะไรอยู่ เห็นหรือไม่ว่าลูกข้าไม่สบาย รีบไปตามหมอเร็วเข้า" หลี่อ้ายซีรู้สึกตกใจไม่น้อย รีบปรี่เข้าไปลูบแผ่นหลังบางของบุตรสาวไปมาพลางหันมาเอ่ยกับหลิงหลิง"เอ่อ... เจ้าค่ะ" หลิงหลิงตอบรับพร้อมทำท่าจะวิ่งออกไป แต่สวีอี้ฝานกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน"ไม่ต้องให้หลิงหลิงไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรแค่รู้สึกเหม็นอาหารเท่านั้น"หลี่อ้ายซีเงียบไปเล็กน้อย พลันไม่นานก็เบิกตากว้างกล่าวละล่ำละลักด้วยความตกใจปนตื่นเต้น"นี่ลูกกำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะท่านแม่" สวีอี้ฝานแย้มยิ้มออกมาบางๆ ยกมือขึ้นวางทา

DMCA.com Protection Status