ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ในฐานะของ โอฟีเลีย แอเรียนา ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีเดรธแฟล็คในตอนจบ และช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตของฉันมันก็ไม่มีอะไรยากเย็นเกินกว่าที่ฉันคนนี้จะสามารถทำมันได้ จนมาพบเจอคาเซล..
โอฟีเลียจับไหล่ของคาเซลเอาไว้พร้อมกับดันตัวเขาออก เธอส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ผิด และเมื่อเขามองเห็นสายตาของเธอ แทนที่เขาจะสลดลง คาเซลกลับยกยิ้มขึ้นมาด้วยแววตาที่แสนเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธออีก คาเซลเพียงแค่ซบหน้าลงไปบนหน้าขาของโอฟีเลียอย่างเดียวเท่านั้น เขาออกแรงขบกัดบริเวณต้นขาของเธอเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว.. การกระทำของเขาทำให้โอฟีเลียสะดุ้งเล็กน้อยแต่มันก็ดีมากทีเดียวที่เขาไม่ได้มาทำให้เธอเสียสมาธิเหมือนกับช่วงแรก เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากของตัวเอง ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับงานที่ลิฟตันกำลังรายงาน “ลิฟตัน ไปสำรวจที่ดินตรงท่าเรือหน่อยสิว่ามีแปลงไหนที่จะขายหรือไม่ แล้วก็อย่าให้ทางเทอรันรู้เรื่องนี้ ข้าไม่อยากจะต่อสู้เรื่องราคากับทางนั้น มันน่าปวดหัวมากทีเดียว” ลิฟตันก้มหน้าลง “ทางเทอรันน่าจะไม่มากวนใจคุณหนูสักพักละมั้งครับ เพราะทางนั้นทุ่มเงินจำนวนมากในการซื่อที่ดินบนภูเขานี่” โอฟีเลียโบกมือไปมาเพื่อเป็นเชิงให้ทั้งเพนนีและลิฟตันออกไปจากห้องนี้ และเมื่อบานประตูห้องทำงานของโอฟีเลียปิดลงเธอก็ยกฝ่ามือขึ้นมาแล้วฟาดมันลงไปที่ใบหน้าของคาเซลแรงๆ สักที “เพี๊ยะ!!” “เจ้าคิดว่าตัวเองทำอะไรอยู่?” แรงจากฝ่ามือเล็กๆ นั้นไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดสักเท่าไหร่นัก ไม่แปลกหรอกที่เธอจะโกรธ หากไม่โกรธน่าจะแปลกกว่า โอฟีเลียดูท่าจะไร้ประสบการณ์เรื่องความรักมากพอสมควร หากว่าเขาทำให้เธอรักเขาได้ เรื่องราวต่างๆ น่าจะง่ายดายขึ้นเยอะเลย “ข้าแค่ทำไปตามที่หัวใจของข้าต้องการ..อย่าลืมสิครับว่าท่านดัชเชสสั่งให้ข้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของท่าน ข้าหลงใหลท่านแทบบ้า และความต้องการพวกนั้นก็หลั่งไหลออกมาจากหัวใจไม่หยุดหย่อน หากการทุบตีข้ามันทำให้ท่านสบายใจหรือว่ามีความสุขก็ทำมันอีกสิครับ..ข้ายอมเจ็บตัวได้ทั้งนั้นเพื่อให้ท่านมีความสุข” เมื่อเขากล่าวออกมาพร้อมกับจับมือเธอไปตีเบาๆ ที่แก้มของเขา โอฟีเลียก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก ตัวร้ายอย่างคาลอสถูกทำร้ายร่างกายมากเยอะมากๆ ในช่วงวัยที่เขาเป็นเด็ก เธอไม่อยากจะทำร้ายเขาซ้ำๆ ในแบบที่เขาเจอ แต่การกระทำของเขามันก็อดโมโหไม่ได้.. โอฟีเลียลุกขึ้นก่อนที่เธอจะนั่งลงบนพื้นเช่นเดียวกับเขา “คาเซล ข้าอยากให้ทุกอย่างระหว่างเรามันค่อยเป็นค่อยไป ข้าขอเวลาทำใจให้ชินในการอยู่ร่วมกันกับเจ้าก่อนจะได้ไหม แล้วเรื่องที่เจ้าทำเมื่อครู่มันเอาไว้สำหรับให้คนรัก..ทำกัน แน่นอนว่าเราทั้งคู่ยังไม่ได้เป็นคนรัก เพราะอย่างนั้นเจ้าทำเช่นนั้นกับข้าไม่ได้เข้าใจรึเปล่า” เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายกับเขาด้วยความใจเย็นอย่างถึงที่สุด “แต่ว่า..ข้ารักท่านนะครับ เช่นนั้นในเมื่อข้ารักท่านก็หมายความว่าข้าทำได้ใช่ไหม?” นี่เธอกำลังพูดคุยกับต้นเสาอยู่รึไง เขาถึงได้ไม่เข้าใจเธอเลยสักนิดเดียว โอฟีเลียไม่คิดว่าการล้างสมองของท่านแม่จะมีพลังที่ร้ายแรงมากขนาดนี้ “ทำไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งในยามที่มีผู้อื่นด้วยเจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เข้าใจไหม” ริมฝีปากของคาเซลยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “เช่นนั้นในยามนี้ที่มีแค่ท่านกับข้าอยู่ด้วยกันข้าทำได้สินะครับ..” ทำไม่ได้โว้ย!! เมื่อรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์โอฟีเลียก็เลยสั่งให้เขาอยู่ที่คฤหาสน์แอเรียนา เธอต้องเดินทางออกไปข้างนอกครู่หนึ่งเพื่อไปดูที่ดินแปลงใหญ่พอที่จะทำที่พักของนักเดินเรือ คาลอสมองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์แอเรียนาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ที่ดินบริเวณท่าเรือมันคือที่ดินของเขาทั้งหมด นั่นคือแผนการที่เขาวางเอาไว้ล่ะโอฟีเลีย เขารู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องขยายที่ดินตรงส่วนนั้นในอนาคตเพราะลำพังที่จอดเรือและโรงแรมเล็กๆ นั่นจะต้องไม่เพียงพอต่อการรับรองนักเดินเรืออย่างแน่นอน เมื่อเขาล่วงรู้ว่าเลดี้แอเรียนากำลังจะเปิดกิจการโรงแรมของนักเดินเรือ เขาก็คว้านซื้อที่ดินบริเวณท่าเรือจนหมด น่าเสียดายจังนะ ที่ครั้งนี้สตรีผู้นั้นจะต้องผิดหวังในการทำธุรกิจ นี่คือบทเรียนล่ะโอฟีเลีย บทเรียนที่กล้าจะหลอกลวงเขา “นายท่านครับ..” เสียงเรียกนั้นดังมาจากด้านล่าง คาลอสกระโดดลงจากระเบียงชั้นสองเพื่อไปหาเบนจามิน ผู้ช่วยของเขา “เรื่องที่ดินตรงภูเขา ข้าได้ลองขุดดูแล้วปรากฏว่าไม่ได้มีแร่ทองหรือว่าแร่เพชรอยู่เลย เหมือนว่าเราจะถูกเลดี้แอเรียนาหลอกแล้วครับ” คาลอสหัวเราะออกมาเบาๆ เรื่องนั้นเขารู้อยู่ก่อนหน้าแล้ว เงินลงทุนซื้อที่ดินตรงนั้นมากมายก็จริงอยู่ แต่มันไม่ได้สะเทือนคลังเงินทุนของเขาเลยแม้แต่น้อย “ในเมื่อมันไม่มีอะไรฝังอยู่ในดิน เช่นนั้นก็จะต้องทำให้ที่ดินมันมีมูลค่าเพิ่มจากของที่อยู่บนดินนั่นสิ สร้างข่าวลือหน่อยสิเบน..ส่งเงินจำนวนหนึ่งให้สำนักพิมพ์เพื่อให้เขาลงข่าวที่ดินของเรา” ที่ดินบนเขานั้น คาลอสตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะเอาไปทำอะไร เขาจะต้องขายมันให้ได้ราคาดีที่สุดในแบบที่เลดี้แอเรียนาได้ยินราคาแล้วนั่งไม่ติดเลยทีเดียว “แล้วก็หากมีผู้มาถามซื้อที่ดินแถวท่าเรือก็บอกไปว่า..ต่อให้จ่ายในราคาสิบเท่า เราก็ไม่ขายเข้าใจหรือไม่” เบนจามินก้มหน้าลงพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนยินดี “ครับนายท่าน แล้วท่านจะเล่นสนุกที่นี่อีกนานไหมครับ เรื่องการประชุมกลุ่มการค้า และเรื่องในตระกูลอัคราฟ..” “เรื่องพวกนั้นเจ้าก็จัดการไปก่อน ข้าจำเป็นจะต้องอยู่ล้วงความลับของเลดี้แอเรียนาผู้ลึกลับและแสนเฉลียวฉลาดผู้นั้นก่อน มีงานด่วนอันใดเจ้าก็รอคอยให้นางออกไปจากคฤหาสน์ก่อนค่อยเข้ามา อ่อ..แล้วก็สืบเรื่องของดัชเชสแอเรียนาให้ข้าด้วยหากเป็นไปได้ข้าอยากจะรู้เรื่องการหย่าของดัชเชสและอดีตดยุค..” เบนจามินก้มหน้าลงเพื่อกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินจากไป หางตาของคาลอสเหลือบไปเห็นรถม้าแสนหรูหราที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาในคฤหาสน์โทรมๆ ของแอเรียนา “ข้ามาหาเลดี้แอเรียนาครับ ท่านแกรนด์ดัชเชสวาเลเลียได้ไหว้วานให้ข้าเป็นคู่เต้นรำของเลดี้แอเรียนาในวันพิธีบรรลุนิติภาวะที่กำลังจะจัดขึ้น..” บารอนคอนเนอร์ ลีออน คาลอสมองเห็นใบหน้านั้นอยู่บ่อยๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ หมอนั่นมาทำอะไรที่นี่กันนะ?พ่อบ้านของคฤหาสน์แอเรียนารีบเดินออกไปต้อนรับบารอนแห่งคอนเนอร์ในทันที“คุณหนูออกไปข้างนอกครับท่านบารอน ส่วนท่านดัชเชสไม่อยู่ที่นี่ ข้าจะแจ้งเรื่องการมาเยือนของท่านบารอนให้คุณหนูทราบนะครับ”ลีออนรู้สึกเสียดายมากทีเดียว เขาอยากจะมาพบเจอกับโอฟีเลียตัวจริงที่ไม่ใช่โอฟีเลียในรูปวาดเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่เห็นภาพวาดที่แกรนด์ดัสเชสส่งมาให้ ยิ่งได้รู้ว่าโอฟีเลียดูแลคฤหาสน์แอเรียนาตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงคนเดียว มันยิ่งทำให้ลีออนประทับใจในความเก่งกาจของสตรีผู้นี้ เสียดายที่เขาและเธอไม่ได้พบเจอกัน เขารีบร้อนมาที่นี่เพราะได้รับจดหมายจากแกรนด์ดัชเชสเป็นข้าเองที่เสียมารยาท คราวหน้าข้าจะนัดวันล่วงหน้านะครับ ฝากจดหมายฉบับให้ไว้ให้เลดี้แอเรียนาด้วยนะครับ ครั้งหน้าข้าจะเดินทางมาที่นี่ในสภาพที่พร้อมมากกว่านี้”พ่อบ้านวัยชราก้มหน้าลง“ครับท่านบารอน คฤหาสน์แอเรียนายินดีต้อนรับท่านเสมอ”รถม้าที่ใหญ่โตและทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดี ได้วิ่งออกไปจากคฤหาสน์แอเรียนาคาลอสเดินเข้าไปหาพ่อบ้านด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“คุณชายท่านนั้นมาหาคุณหนูอย่างนั้นหรือครับ”พ่อบ้านวัยชราพยักหน้า“ปีนี้คุณหนูก็อายุ 18 แล้ว อีก
มันน่าหงุดหงิดเล็กน้อยตรงที่เธอไม่สามารถซื้อที่ดินตรงท่าเรือได้เหมือนกับที่ตั้งใจเอาไว้ในครั้งแรก โอฟีเลียไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความบาดหมางของเธอและกลุ่มการค้าเทอรันมันเริ่มมาจากตรงไหนกันแน่ อาจจะเริ่มมาจากที่เธอแย่งการประมูลที่ดิน ที่มีบ่อเกลือจากเขาไปก็ได้แน่นอนว่าบ่อเกลือบ่อนั้นมันสามารถทำเงินให้เธอได้อย่างมหาศาล แต่เทอรันเองก็รวยมากอยู่แล้วนี่ เขามีเงินมากกว่าเธออีกไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ครั้งอดีตหรือว่าในตอนนี้ เขามองมองข้ามเธอไปบ้างไม่ได้รึอย่างไรกัน ถึงได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์ขนาดนั้น“วันนี้ในยามที่คุณหนูเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ ท่านบารอนคอนเนอร์มาที่นี่ด้วยครับ ท่านบารอนกล่าวว่า แกรนด์ดัชเชสได้ไหว้วานให้ท่านบารอนเข้าร่วมงานเลี้ยงพิธีบรรลุนิติภาวะในฐานะคู่ควงของคุณหนู..”โอฟีเลียขมวดคิ้วในทันที อันที่จริงเธอไม่ได้อยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่เธอไม่อยากจะขัดใจพี่ชายและท่านป้าที่หวังดีแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหวังดีมากเกินจนล้ำเส้นของเธอไปมากทีเดียว เธอไม่ได้ต้องการคู่ควงอะไรแบบนั้นสักหน่อยและหากว่าท่านแม่รู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าท่านแม่จะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน“ปฏิเสธไ
เมื่อเขากล่าวคำที่ดูความหมายคลุมเครือเหล่านั้นออกมา มันทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเวลารอบๆ ตัวขอเรากำลังหมุนวนอย่างช้าๆใบหน้าของคาลอส เขามีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ดวงหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความเย็นชา และดวงตาที่ไม่จดจ่อกับสิ่งใดมากเป็นพิเศษ แต่ในยามนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับฉัน..แน่นอนว่าหากนี่คือสถานการณ์ที่เราพบเจอกันในวันและเวลาอื่น เธออาจจะประทับใจกับการเข้าหาอย่างตรงไปตรงมาของเขาแต่นี่ที่เขายึดติดกับเธอมันเป็นเพราะว่าเขาถูกท่านแม่ล้างสมอง ในวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างเปิดเผยออกมา ไม่เขาก็เธออาจจะต้องทนรับกับความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นมาจากการหลอกลวงในครั้งนี้ไม่ได้ เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอควรทำในยามนี้คือการเป็นเจ้านายที่ดีของเขา“คาเซล ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน เจ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักกับใคร แต่ข้าบอกได้เลยว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าเหมือนกันนะ ข้าคือสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน ข้าไม่มีความคิดที่จะใช้เจ้าเป็นเครื่องบำเรอความใคร่หรือว่าอะไรทั้งนั้น ข้าอยากให้เจ้าคิดว่าตัวเองคือแขกของที่นี่ และเจ้ามาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว..”มุมปากของคาลอสกดลึกเป็นรอยยิ้ม เขาและเธออยู่ในท่วงท่าที่อันตรา
“วะ..ว่าอย่างไรนะครับนายท่าน”เบนจามินเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพึ่งได้ยินเท่าไหร่นัก“เขียนจดหมายไปหาโอฟีเลีย บอกว่าเจ้าของกลุ่มการค้าเทอรันต้องการพูดคุยกับนางเรื่องการซื้อขายที่ดินบริเวณท่าเรือ”คราแรก..ในครั้งแรกเขาคิดว่านายท่านคงจะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์แอเรียนาเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับเข้าไปเล่นสนุกเพื่อทำลายเลดี้แอเรียนา ล้วงความลับออกมาแล้วจัดการทำลายนางให้ย่อยยับ แต่ยิ่งนับวันการกระทำของนายท่านก็ยิ่งเข้าขั้นความแปลกขึ้นไปทุกวัน“นายท่านต้องการจะขายที่ดินตรงนั้นหรือครับ ทั้งๆ ที่กว่าเราจะซื้อมาได้ก็แสนยากเย็น”คาลอสหยักยิ้มขึ้นมา และรอยยิ้มเช่นนั้นในความเข้าใจของเบนจามินมันคือรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยแผนการมากมายของนายท่าน“เจ้าทำตามที่ข้าสั่งไปเถิด..แล้วก็ทำเป็นตัวแทนของข้าให้เนียนๆ ด้วย”เพราะแบบนั้นเขาก็เลยมานั่งตรงนี้ด้วยความรู้สึกที่สุดแสนจะประหลาดใจ เจ้านายของเขาที่ปกติแล้วจะเป็นคนออกคำสั่งแต่ทว่าในวันนี้เจ้านายของเขากลับยืนอยู่อีกฝั่ง ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา“ยินดีต้อนรับนะครับเลดี้แอเรียนา ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว เรื่องความเก่งกาจและเรื่องของความ
โอฟีเลียมองสัญญาการแต่งงานในมือ ในใบสัญญาระบุถึงข้อเรียกร้องที่เธอสามารถเขียนลงไปได้ถึงสามข้อเลยทีเดียว“ทำไมคุณหนูถึงยังให้ความสนใจกับสัญญาการแต่งงานที่ไร้สาระนี่อีกล่ะคะ ทางเทอรันไม่ใช่ว่ากำลังดูถูกเราอย่างนั้นหรือ?”เพนนีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เรากำลังนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์แอเรียนาและคำถามนั้นมันทำให้คาลอสรู้สึกสนอกสนใจกับคำตอบของโอฟีเลียมากพอสมควร“ทางนั้นไม่ได้ดูถูกเราเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าไม่เห็นประโยชน์ที่ท่านเจ้าของกลุ่มการค้าเทอรันจะมาแต่งงานกับข้าเลย จริงอยู่ที่ข้าคือเลดี้แห่งตระกูลแอเรียนา แต่อำนาจของข้าและท่านแม่ในแวดวงของสังคมชนชั้นสูงนั้นแทบไม่มีเลย เรื่องฐานะ..เทอรันร่ำรวยกว่าข้ามากหลายเท่า เขาไม่รู้จักข้าเลยด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงได้ยื่นหนังสือสัญญาการแต่งงานนี้มาให้ข้ากันนะ?”คาลอสใช้แขนของเขาเท้าคางอยู่กับริมหน้าต่างของรถม้า เขาวางมือลงบนคางเพื่อให้ฝ่ามือของตัวเองปิดบังรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของเขาด้วย“ข้าคิดว่าเจ้าของกลุ่มการค้าจะต้องเคยเห็นหน้าของคุณหนูอย่างแน่นอน เขาน่าจะเป็นพวกตาแก่พุงพลุ้ยที่ชอบเด็กสาวที่งดงาม ไม่อย่างนั้นเข
โอฟีเลียไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เธอกำลังนั่งอยู่ในบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจะมีโจรคนหนึ่งยกอาหารมาให้เรา หลังจากนั้นเขาก็จะเดินออกไป ราวกับว่าเธอและคาเซลกำลังถูกขังอยู่ในบ้านไม้หลังนี้อย่างไม่มีทางออกสภาพของเขาดูน่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำแถมร่างกายของเขายังมีอุณหภูมิที่สูงมากยิ่งขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะเป็นไข้หากให้เดาที่โจรพวกนั้นยังไม่สังหารเราทั้งสองคนน่าจะมาจากพวกเขามีความหวังว่าจะได้เงินจากเพนนีที่หลบหนีออกไปในคราแรก เพราะแบบนั้นพวกเขาถึงได้ไว้ชีวิตเราสองคนเอาไว้เพื่อรอคอยค่าไถ่ที่จะได้รับมาเพนนีได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อีกทั้งในตำแหน่งที่เราถูกลอบทำร้ายยังห่างไกลจากบ้านคนมากทีเดียว นั่นทำให้ความหวังในการรอคอยเพนนีนั้นริบหรี่มากเหลือเกิน เธอรอคอยอยู่ที่นี่เฉยๆ ไม่ได้เพราะอย่างนั้นเธอจะต้องพาคาเซลหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนี้โอฟีเลียใช้หลังฝ่ามือแตะลงไปเบาๆ ที่หน้าผากของเขา คาเซลปรือตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยท่าทีเจ็บปวด“คุณหนูครับ ข้ามองเห็น..ในห้องน้ำ มีช่องเล็กๆ ที่เป็นช่องของไม้ที่ผุพัง คุณหนูหลบหนีออกไปทางนั้นเถอะครับ..”โอฟีเลียตกใจกับคำกล่าวของคาเซลไม่น
รุ่งเช้าเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว โอฟีเลียใช้ผ้าชุบน้ำเพื่อเช็ดหน้าของคาเซล ไข้ของเขาลดลงจากเมื่อคืนนี้เยอะมากทีเดียว จนดูเหมือนกับว่าเขาหายดีแล้ว“อ่า..เช้าแล้วอย่างนั้นหรือครับ?”เขาเอ่ยถามออกมาก่อนที่จะค่อยๆ ปรือตาขึ้นเพื่อที่จะได้มองหน้าของโอฟีเลียได้อย่างถนัด“เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?”คำถามของโอฟีเลียนั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เธอใช้หลังมือแตะลงที่หน้าผากของเขาซ้ำๆ เพื่อเป็นการวัดไข้“ครับ ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกดีมากกว่าเมื่อวานนี้เยอะเลย”เขาลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วสวมกอดเธอเอาไว้แน่นฉันไม่แน่ใจว่าอ้อมกอดนี้ของคาเซลมันมีความหมายแบบไหน แต่ฉันไม่ได้ผลักไสเขาออกไปเลย ฉันหลับตาลงช้าๆ เพื่อซึมซับไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา ใบหน้างามซบลงบนไหล่ของคาเซลเบาๆเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของโอฟีเลีย มุมปากของคาลอสก็ผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะว่าเธอฉลาด ในทุกการแสดงมันถึงจะต้องแนบเนียนและสมจริง เขาลงทุนถึงขนาดยอมโดนลูกน้องตัวเองกระทืบเพื่อให้ตัวเองมีสภาพปางตายเช่นนี้จะเรียกว่านี่คือโชคดีของเขาได้ไหมนะ เพราะว่าข้างกายของโอฟีเลียไม่เคยมีบุรุษหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวกับเธอมาก่อน และเพราะว่าไม่คุ้นเ
โอฟีเลียนั่งอยู่บนเตียงนอน เตาผิงถูกจุดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วด้วยฝีมือของคาเซล เขาเดินไปมาในบ้านแคบๆ หลังนี้ราวกับว่าตัวเขากำลังวุ่นไปหมด ในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อมองดูคาเซลกำลังทำอาหารง่ายๆ เท่าที่วัตถุดิบจะมีซุปมันฝรั่งและเนื้อตากแห้ง อาหารสุดแสนจะธรรมดาที่ทำให้โอฟีเลียแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อเธอได้กินมันเข้าไป อาหารมื้อแรกของวัน และเป็นอาหารที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา“เจ้าดู..คล่องแคล่วกับการทำอาหารมากเลยนะ”คาเซลยกยิ้มขึ้นมาจางๆ ที่มุมปาก เขาวางน้ำดื่มให้เธอก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเพื่อเช็ดคราบซุปที่ติดอยู่บนริมฝีปากคู่งามนั้นเบาๆ“ข้าจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่มันมีความทรงจำที่ผุดขึ้นมาราวกับเรื่องเล่า เหมือนกับว่าครั้งหนึ่งข้าเคยอยู่ผู้เดียวในสถานที่เช่นนี้ เคยใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวเพื่อหลบหนีจากผู้คน..”คำตอบของเขาทำเอาเธอรู้สึกจุกตื้อในอก ในวัยเด็กของคาลอสมันไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก เขาต้องหลบหนีนักฆ่าที่เคาน์เตสอัคราฟส่งมาเพื่อจัดการเขา..เด็กชายตัวน้อย ใช้สองเท้าของเขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อหลีกหนีคมดาบของนักฆ่ามากมายที
บอกตามตรงว่าโอฟีเลียมักจะรู้สึกสั่นไหวในทุกครั้งที่เธอกล่าวถึงเรื่องความทรงจำของเขาที่มันจะกลับคืนมา หรือว่าเธอกลัวว่าเขาจะทอดทิ้งเธอไปจริงๆ อย่างนั้นหรือ?ทำไมถึงคิดว่าเขาจะใจร้ายมากขนาดนั้นกัน..บอกตามตรงว่าเธอไม่มีทางรู้อย่างแน่นอนว่าในยามนี้เขารู้สึกเช่นไรกับเธอ คาลอสสาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยอยากได้ใครมากขนาดนี้มาก่อน สตรีใดก็เทียบไม่ได้กับโอฟีเลีย เทียบไม่ได้เลย..“ข้าต้องทำเช่นไรท่านถึงจะเชื่อว่าวาจาของข้านั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ข้าชอบท่านมากจริงๆ และไม่มีวันทอดทิ้งท่านไปต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม”เขาซบใบหน้าลงบนฝ่ามือของเธอด้วยท่าทางออดอ้อน ราวกับคาลอสกำลังบอกกล่าวโอฟีเลียด้วยทุกอย่างที่เขามีว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากก็ตาม แต่ทว่าความรู้สึกของโอฟีเลียมันแตกต่างกันเล็กน้อย เธอชอบเขา..ชอบมากในฐานะของคาเซล คราแรกที่เธอชอบเขาเพราะนิสัยที่ขยันเอาใจใส่เธอของเขา แต่ในช่วงเวลาต่อมาการที่เขาเข้ามาอยู่ในชีวิตของเธอมันทำให้เธอ..มีความสุข ทุกเรื่องเล็กน้อยของเธอมันคือเรื่องใหญ่สำหรับเขาเสมอ ช่วงเวลาที่ไร้ทางออกเมื่อหันหลังกลับไปมองเธอก็พบเจอคาเซลที่จะเดินเข้ามาจูงมือ
“ที่ดินตรงนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลย แล้วทำไมนายหน้าการขายที่ดินอย่างบารอนคอนเนอร์ถึงได้คิดจะมาเสนอขายที่ดินกับเรากันนะ..”คาลอสเอ่ยถามเบนจามินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาแวะมาที่นี่เพราะยังเหลือเวลาอีกนานมากทีเดียวกว่าจะถึงเวลากลับไปที่แอเรียนา“เรื่องนั้นข้าได้สืบดูชื่อเจ้าของที่ดินคนเก่าแล้วครับ นางให้การว่าที่ดินตรงนี้เป็นมรดกตกทอดมานานแล้ว จึงได้ให้นายหน้าการค้าที่ดินอย่างบารอนคอนเนอร์ช่วยขาย แล้วทางบารอนก็อยากจะฟังราคาจากเราว่าเราจะให้ราคาได้เท่าไหร่..เขาน่าจะได้ส่วนแบ่งค่านายหน้ามากพอสมควร”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจของคาลอสถึงได้คิดถึงชื่อของโอฟีเลียขึ้นมาทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย เขาคงจะคิดมากไปเองรึเปล่านะ“เช่นนั้นเจ้านัดบารอนวันไหนล่ะ ข้าอยากจะฟังรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายด้วย”“อีกสามวันข้างหน้าครับ..ว่าแต่นายท่านจะอยู่ที่แอเรียนาอีกนานมากแค่ไหนกันครับ ข้าทำงานแทนท่านมาหลายเดือนแล้วนะครับ..ข้าอยากมีวันพักผ่อนบ้าง อีกทั้งกับเรื่องบางเรื่องข้าตัดสินใจเองไม่ได้ก็ต้องรอคอยให้ท่านมาที่นี่ แล้วกว่าท่านจะมาบางทีลูกค้าของเราก็รอคอยไม่ไหวจนเขาไปที่อื่นกันหมด..นาย
เจมม่าร่ำไห้ออกมาเสียงดัง เสียงสะอึกสะอื้นของนางนั้นมันเหมือนกับว่านางกำลังจะขาดใจตรงนั้นจริงๆ ช่วงเวลาที่ผ่านนาง นางไม่สามารถนอนหลับได้อย่างมีความสุขเลยสักคืน มันทรมานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทุกครั้งที่หลับตาเหมือนกับว่านางถูกซาตานมาดึงรั้งวิญญาณของนางไป ความรู้สึกผิดและความละอายกอบกุมหัวใจของนางแน่น จนเจมม่ามองหน้าของจูเลียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำนางผิดต่อท่านดัชเชส ผิดต่อลูกสาวผู้ล้ำค่าของนาง..นางทำให้จูเลียนเป็นบุตรนอกสมรสที่ต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าผู้ใด..เพราะความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในความรักส่งผลให้ชีวิตของเจมม่าเป็นเช่นนี้“ข้าขอฝากท่านเซอร์ ขอโทษท่านดัชเชส ด้วยนะคะ..”เจมม่ากล่าวออกมาเสียงเบาบางราวกับลมหายใจของนางจะหมดลง นางล้มตัวนอนลงบนพื้นพร้อมกับมองหน้าของเซอร์เกรท“ท่านและข้าเราต่าง..เป็นคนสารเลว คำขอโทษของท่านข้าไม่ขอรับเอาไว้ เพราะมันไร้ความหมายเหลือเกิน..”เกรทหลับตาลงช้าๆ ความเจ็บปวดกำลังกอบกุมร่างกายของเขาเอาไว้เพราะฤทธิ์ของสารเสพติดที่ชะลอความเจ็บปวดนั้นกำลังจะหมดลง“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลยเจมม่า..เจ้าจะโกรธข้าก็ย่อมได้ ข้าจะขอชดใช้ให้เจ้าให้ชาติหน้าก็แล้วกันเพราะแบบนั้น..เจ
โอฟีเลียยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเองเบาๆ เธอกำลังนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังแอเรียนา ส่วนจูเลียนไม่ได้กลับมาด้วยเพราะองค์จักรพรรดิยืนกรานเสียงแข็งว่าพระองค์ต้องการให้จูเลียนอยู่กับพระองค์ที่พระราชวังเลยเธอไม่ได้พูดคุยกับท่านพ่อแม้แต่ครึ่งคำ เมื่อพูดคุยกับองค์จักรพรรดิเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาเซลก็พาเธอเดินมาขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังแอเรียนา ท่านพ่อยืนมองเธอราวกับว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูด แต่วันนี้เธอเหนื่อยมากเหลือเกิน เหนื่อยมากเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกบั่นทอนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะแบบนั้นเธอถึงได้เดินหนีขึ้นรถม้ามา..คาลอสยื่นมือมาปัดเส้นผมออกจากดวงตาของโอฟีเลียเพื่อให้เขามองเห็นหน้าของเธอได้ชัด เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะจับศีรษะของเธอให้เอนซบลงบนไหล่ของเขา เขาจุมพิตลงบนเรือนผมของเธอด้วยความทะนุถนอมและอ่อนโยนราวกับเขาหวาดกลัวว่าเธอจะแหลกสลายไปสายตาที่เคร่งขรึมของเขาถูกแทนที่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย“วันนี้ข้าทำซุปให้ท่านทานดีไหมครับ วันนี้เปลี่ยนเป็นซุปข้าวโพดบ้างดีว่าท่านน่าจะเบื่อซุบมันฝรั่งแล้ว..”เขายื่นนิ้วชี้ไปนวดหัวคิ้วที่กำลังขมว
“หัวหน้าของท่านชื่ออะไรหรือครับท่านเซอร์”ทหารที่ยืนอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาศีรษะแก้เขิน“ข้าไม่ใช่เซอร์อะไรหรอก เป็นแค่ทหาร ธรรมดาๆ เท่านั้น หัวหน้าของเราที่เดินไปกับคุณหนูของเจ้าเมื่อครู่ต่างหากที่เป็นท่านเซอร์ตัวจริง เซอร์บรูคลินน่ะ”คาลอสหัวเราะออกมาเบาๆ“อย่างนั้นเองสินะครับ ข้านึกว่าพี่ชายเป็นเซอร์ซะอีก ท่านดูภูมิฐานมากๆ ชุดเครื่องแบบก็เท่มากอีกด้วย”เมื่อได้รับคำชมทหารผู้นั้นก็ยืนหลังตรงในทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก“ฮะ..ฮ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”เมื่อได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว คาลอสก็เดินออกมาเพื่อเดินไปหาจูเลียนเซอร์บรูคลินอย่างนั้นสินะ คอยดูเถอะเขาจะสั่งให้เบนทำลายทุกธุรกิจที่หมอนั่นทำอยู่เลย กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องมือของโอฟีเลีย แถมยังมองนางด้วยสายตาน่ารังเกียจเช่นนั้นอีก“ท่านพี่จะกลับมาแล้วใช่ไหมคะ นางจะโกรธข้าไหม?”คาลอสถอนหายใจ“คราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้มากหน่อยสิ หากมีของที่อยากขายก็ไปขายที่กลุ่มการค้าเทอรัน ปัญหาจะได้ไม่มี คุณหนูก็จะไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาในสภาพตกใจเช่นนี้ด้วย”จูเลียนขบเม้มริมฝีปากเบาๆ พี่สาวของเธอยังไม่ด่าขนาดนี้เลยนะ แต่หมอนี่ขยันด่าเ
เมื่อได้ยินคำถามนั้นทหารที่รับผิดชอบต่อคดีนี้ก็ยินยอมส่งมอบตราสัญญาลักษณ์ให้กับเลดี้แอเรียนาเรือนผมสีแดงนั่นทำให้สตรีผู้นี้โดดเด่นมากกว่าใครที่เขาเคยพบเห็นความงดงามที่ไม่มีใครรู้จักภายใต้ชื่อของแอเรียนา ทหารคนอื่นในที่แห่งนี้ก็อยู่ในอาการเหม่อลอยเช่นเดียวกันกับเขาโอฟีเลียยื่นมือไปรับตรานั้นมาตรวจดู เธอไม่อยากจะคิดแบบนี้เท่าไหร่เพราะว่านี่มันไม่ได้เป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยายเลย คนรักของจูเลียนจะต้องเป็นองค์รัชทายาทซึ่งเป็นหลานขององค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ในความคิดของเธอมันไม่แปลกหรอกที่จูเลียนและองค์รัชทายาทจะพบเจอกัน เรื่องราวแสนโรแมนติก มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วในนิยายเรื่องนี้“ในเมื่อเจ้าบอกว่าชายผู้นั้นให้เจ้านำตรานี่มอบให้ทหารที่หน้าประตู พวกทหารก็จะพาเข้าไปพบเขาเพื่อรับรางวัลใช่หรือไม่”จูเลียนพยักหน้า“ข้ารู้ว่าข้าผิดที่เอามันไปขาย แต่เพราะว่าข้าไปไม่อยากไปที่พระราชวัง พี่คะ..ข้าผิดไปแล้วจริงๆ พี่อย่าโกรธข้าเลยนะคะ”คาลอสส่งผ้าเช็ดหน้าของเขาให้กับนักบุญหญิงจูเลียน“ตั้งสติก่อนเถอะครับ แล้วก็หากอยากรู้ว่าตรานี่เป็นของใครเราก็แค่เอาตรานี่เดินทางไปที่พระราชวัง ข้าหวังอย่างยิ่งว่าทห
ซิลเวสเตอร์ตกใจเล็กน้อยที่นักบุญหญิงผู้นี้สามารถรู้ปัญหาที่เขากำลังพบเจอเพียงแค่นางมองเห็นจากภายนอกเท่านั้น“อืม นี่เป็นปัญหาใหญ่หลวงของข้ามากทีเดียว ขนาดที่ว่าหมอที่เก่งกาจมากที่สุดยังรักษาไม่หายเลย มีคนแนะนำให้ข้าเดินทางมาที่นี่ ข้าก็เลยลองมาดู”จูเลียนพิงไม้กวาดเอาไว้ที่ม้านั่ง เธอเช็ดมือของตัวเองเข้ากับผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่ที่เอวก่อนจะจับมือของชายผู้นั้นเอาไว้ เขาน่าจะอายุ30กว่าๆ และที่มือของเขานิ้วหัวแม่มือก็ด้านจากการจับดาบเป็นเวลานานและทันทีที่นักบุญหญิงผู้นี้แตะมือของเธอลงบนร่างกายของเขา มันก็เหมือนกับมีสายลมอุ่นๆ จากฤดูร้อนพัดผ่านเขาไปในทันที เขารู้สึกได้เลยว่าความเหนื่อยล้ามากมายที่ตัวเองแบกมาทั้งหมดมันจางหายไปเป็นปลิดทิ้งนี่สามารถเรียกได้ว่าเขาพบเจอกับปาฏิหาริย์ได้ไหมนะ“พระเจ้าช่วย อาการเหนื่อยล้าของข้ามันจางหายไปหมด แค่เจ้าแตะมือคู่นั้นลงมา”จูเลียนส่งยิ้มให้เขา เธอรู้ดีว่าพลังของตัวเองมันมากมายแค่ไหนแต่เพื่อที่เธอจะได้ออกไปจากที่นี่เธอจึงปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด“ข้าจะขอบคุณท่านมากหากว่าท่านปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ”เธอกล่าวพร้อมกับแบมือออกไป“ค่ารักษาค่ะ อย่างที
เหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนช้าลงเมื่อ คาเซลกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นมาให้เธอได้รับฟัง มันคล้ายว่าถ้อยคำเหล่านั้นคือการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในนั้นเธออ้าปากออกเล็กน้อยเพื่อทานซุปมันฝรั่งที่เขาป้อน ก่อนจะดื่มน้ำชาร้อนๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา“หากในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ความทรงจำทั้งหมดของเจ้ากลับคืนมา แล้วเจ้ายังต้องการเป็นคาเซลของข้าอยู่ เราค่อยมาพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที..ข้าก็คือข้า..คาเซล ข้าคือโอฟีเลีย แอเรียนา ว่าที่ดัชเชสคนต่อไปของแอเรียนา หากเจ้าต้องการจะเป็นคาเซลของข้าต่อไปเจ้าจะต้องมาอยู่กับข้าเท่านั้น เพราะว่าข้าไม่มีวันละทิ้งแอเรียนาไปเพื่อเจ้าหรอกนะ..”ชีวิตจริงกับบทกวีนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่แอเรียนานั้นเป็นมากกว่าบ้าน แต่ที่นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ โอฟีเลียไม่มีวันยินยอมแต่งงานเพื่อไปใช้ชื่อตระกูลของคนอื่น เธอไม่อยากให้ตระกูลแอเรียนาจบลงที่เธอ..บางทีเธอก็คิดนะว่าหากท่านแม่ไม่ได้หย่ากับท่านพ่อ เธอจะมีชีวิตที่มันง่ายดายมากกว่านี้รึเปล่า อาจจะไม่ได้ต้องสนใจสายตาของผู้อื่นมากมายขนาดนั้นก็ได้..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็กล่าวโทษท่านแม่ไม่ลงเหมือนกัน สิ่งที่ท่า
ใบหน้างามของจูเลียนงอง้ำ เมื่อเธอนั่งรถม้ามากับผู้ช่วยของท่านพี่มากกว่าที่จะเป็นท่านพี่ของเธอชายผู้นี้กล่าวว่าเมื่อคืนท่านพี่ของเธอทำงานหนักจนตื่นเช้าไม่ไหว เขาจึงต้องมาส่งเธอที่วิหารแทนท่านพี่“ท่านอยากจะออกมาจากวิหารไหมครับ”คำถามนั้นส่งผลให้จูเลียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“หากให้ข้าตอบตามตรงข้าอยากจะออกมาจากที่นั่นค่ะ ข้าไม่ชอบที่ถูกนักบุญหญิงด้วยกันรังแก แล้วข้าก็ไม่ชอบที่ข้าไม่มีอิสระ เพียงแต่ข้ายังออกมาไม่ได้เพราะว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่นั่น..”คาลอสเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง กับบางคนก็มีชีวิตเพื่อทำลายชีวิตของผู้อื่นไปเรื่อยๆ จนกว่าตัวเองจะตายอย่างนั้นเองสินะ“เช่นนั้นก็รอคอยวันที่ท่านจะออกมาจากที่นั่นได้ ข้าจะมารับท่านเอง”ดวงตาของจูเลียนเปล่งประกายขึ้นมา“ท่านจะมาช่วยข้าอย่างนั้นหรือคะ ท่านพี่ให้ท่านมาช่วยข้าใช่ไหม อ๊ะ..ข้าหมายถึงเลดี้แอเรียนา”เด็กคนนี้ตรงไปตรงมามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก นางมองเห็นโอฟีเลียเป็นพี่สาว เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของนางสินะแต่โอฟีเลียคือภรรยาของเขาต่างหาก เขาไม่ยอมให้โอฟีเลียไปเป็นพี่สาวของใครหรอก ชีวิตของนางแค่เป็นภรรยาของเขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว