“มะ..หมายความว่าอย่างไรกันคาเซล?”
โอฟีเลียเสียงสั่นเครือด้วยความประหม่าเขินอาย ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามคำถามกับเขาจบ ปลายนิ้วของคาเซลก็กดลงไปบนรอยแยกกลางกายของเธอเบาๆ เขากรีดปลายนิ้วลงไปโดยไร้ซึ่งความอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาเกินห้ามใจของเขาเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเธอเล็กน้อย “การมานั่งอธิบายมันเสียเวลาเพราะอย่างนั้นข้าทำให้ท่านดูเลยน่าจะดีกว่า..” เขาใช้มืออีกข้างแยกขาของเธอออกจากกันเล็กน้อย ใบหน้านั้นซบลงไปบนตักของโอฟีเลียอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ น่าเสียดายที่โอฟีเลียไม่ได้เห็นมัน เธอยกมือขึ้นมาจับเข้าที่ไหล่ของเขาพร้อมกับผลักเขาออกเบาๆ การยื้อกันไปมาของเธอกับเขานั้นเกิดขึ้นอยู่พักหนึ่งก่อนที่ประตูห้องทำงานของโอฟีเลียจะถูกเปิดเข้ามาโดยเพนนีและชายผู้หนึ่ง แน่นอนว่าเมื่อผู้มาใหม่ทั้งสองมองเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังซบใบหน้าลงบนตักของคุณหนูผู้เป็นเจ้านาย เพนนีก็พยายามลบอาการประหม่าของตัวเองออก เธอรับรู้เรื่องนี้มาจากพ่อบ้านว่าดัชเชส พาบุรุษผู้หนึ่งมาให้คุณหนู เขาจะเป็นทั้งทาสรับใช้และอัศวินเพื่อปกป้องคุณหนูของพวกเรา บอกตามตรงว่าในคราแรกเธอเป็นห่วงคุณหนูมากทีเดียวที่จะต้องอยู่กับบุรุษที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อพ่อบ้านบอกว่าชายผู้นี้ถูกท่านดัชเชสล้างสมองด้วยมนตร์ดำ และดูจากท่าทางที่เขาติดคุณหนูของเธอมากเหลือเกินในบางทีเขาอาจจะปลอดภัยต่อคุณหนูของเธอก็ได้ แก้มของโอฟีเลียแดงระเรื่อขึ้นมาราวกับลูกมะเขือเทศ คาเซลไม่ได้ดึงปลายนิ้วของเขาออกมาจากใต้กระโปรงของเธอ และจากมุมที่เขานั่งอยู่นี้ทำให้ทั้งเพนนีและลิฟตันมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไรเธอ เพราะมีโต๊ะทำงานขวางอยู่ พวกเขาทั้งสองคนมองเห็นแค่ว่าคาเซลกำลังนั่งอยู่บนพื้นแล้วซบใบหน้าของเขาลงบนตักของเธอเท่านั้นเอง “คุณหนูคะ เรื่องของที่ดินบริเวณภูเขาแมนนาดูเหมือนว่าเราจะช้ากว่าทางกลุ่มการค้าเทอรันไปหนึ่งก้าว เขาคว้านซื้อที่ดินบนภูเขาทั้งหมดโดยไม่หลงเหลือเอาไว้แม้แต่แปลงเดียว” เมื่อได้ยินเช่นนั้นโอฟีเลียก็หยักยิ้มขึ้นมาในทันที เธอลูบผมสีรัตติกาลของคาเซลเบาๆ “ดีมาก อันที่จริงที่ดินตรงนั้นเป็นแค่การสับขาหลอกเท่านั้นเอง ที่นั่นเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่แร่เพชร มีแค่ก้อนกรวดเท่านั้น ข้าเห็นว่ากลุ่มการค้าเทอรันในช่วงนี้มักจะชอบซื้อที่ดินตามเรา เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจงใจประกาศรับซื้อที่ดินบนภูเขาเพื่อให้เขาทุ่มเงินซื้อที่นั่นตัดหน้าเรา..แปลงที่ข้าอยากได้จริงๆ ไม่ใช่ที่ดินบนภูเขาสักหน่อย” ในยามนี้ทั้งเพนนีและลิฟตันต่างตบมือเสียงดังพร้อมกับชื่นชมความเก่งกาจของคุณหนูพวกเขา ตรงข้ามกับความรู้สึกของคาลอสอย่างสิ้นเชิง เขากำลังโกรธมากที่ถูกเธอหลอก กลุ่มการค้าเทอรันมันคือหนึ่งในกลุ่มการค้าของเขาเอง เขาเห็นคนของแอเรียนาเดินไปมาเพื่อถามไถ่เรื่องที่ดินบนภูเขาเพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าที่ดินบนนั้นจะต้องมีแร่ทองหรือไม่ก็แร่เพชรอย่างแน่นอน แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาถูกเธอต้มจนเปื่อย.. โอฟีเลีย สตรีร้ายกาจ! เขาควรจะทำเช่นไรกับเธอดีนะ!! “อ๊ะ..” โอฟีเลียส่งเสียงร้องครางออกมาจากลำคอเมื่อเรียวนิ้วของคาเซลดึงกางเกงซับในไปอีกข้างเพื่อให้เขาสัมผัสเธอได้โดยตรง และในยามนี้ปลายนิ้วที่กำลังสำรวจอย่างใคร่รู้ของเขามันกำลังขยับเสียดสีเบาๆ อยู่บนปุ่มเนื้อที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย “คุณหนูเป็นอะไรไหมคะ?” โอฟีเลียขบเม้มริมฝีปากเบาๆ เธออยากจะทุบหลังของคาเซลแรงๆ สักทีแต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ “ไม่เป็นไร ข้าแค่ดีใจมากไปหน่อยที่สามารถ..อืม..สามารถหลอกกลุ่มการค้าเทอรันได้น่ะ” การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่มีความลังเลหรือว่าเกรงใจ มีเพียงความตั้งใจที่จะสำรวจทุกซอกทุกมุมให้ถึงส่วนที่ลึกที่สุด สาบานได้เลยว่าฉันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันทั้งอับอายและหัวใจเต้นแรงไปพร้อมๆ กันเมื่อส่วนนั้นถูกรุกล้ำต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ เมื่อได้ยินเสียงร้องครางในลำคอของโอฟีเลีย บนใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มร้ายขึ้นมา เขาเคลื่อนไหวเรียวนิ้วราวกับจะคลำหาจุดไวสัมผัสที่อยู่ด้านใน ให้ตายสิอยากเห็นชะมัดเลยว่าส่วนนั้นของเธอจะมีสีแบบไหน จะเป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนกับเรือนแก้มของเธอหรือว่าจะมีสีแดงเชอร์รี่ที่เหมือนกับสีของริมฝีปากเธอกันแน่ นิ้วของเขาลูบไล้อยู่ด้านนอกสักพักจนสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่เปียกชุ่ม คาลอสจึงค่อยๆ รุกคืบเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ เขากดแทรกเรียวนิ้วเข้าไปในโพรงเนื้ออ่อนนุ่มที่มันไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำเข้าไป “...!” โอฟีเลียกำมือแน่น เมื่อเธอสัมผัสผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ค่อยๆ กดแทรกเข้ามาในกาย เธอเหลือบมองใบหน้าของคาเซล เขากำลังซบบนหน้าขาของเธออย่างไม่มีทีท่าเผยพิรุจออกมา ส่วนเพนนีก็กำลังอ่านรายงานการประชุมของเมื่อวานนี้ นิ้วมือของอีกฝ่ายค่อยๆ เปิดร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน ขณะที่สะโพกชาวาบเมื่อเขาเริ่มขยับปลายนิ้วเคลื่อนเข้าสลับกับเคลื่อนออกเบาๆ “เพราะแบบนั้นท่านชายอาม่อนจึงได้สั่งให้ช่างมาวัดตัวของคุณหนูเพื่อที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงค่ะ ช่างน่าจะมาในวันพรุ่งนี้นะคะ ช่วงสาย ข้าตรวจดูตารางงานทั้งหมดของคุณหนูแล้ว คุณหนูไม่มีตารางงานที่ไหน” โอฟีเลียพยักหน้า เธอขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “วันนี้เอาแค่นี้ก่อนเถอะเพนนี” เพนนียกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าลิฟตัน “ค่ะ ต่อไปเป็นการรายงานของลิฟตันนะคะ” มือของโอฟีเลียบีบลงไปบนไหล่ของคาเซล เธอจิกปลายเล็บลงไปบนนั้นด้วยมือที่สั่นเทา สะโพกของเธอบิดไปมาทุกครั้งที่มือของเขาเคลื่อนไหว เธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย มันแปลกจนเหมือนกับเธอจะปลดเบาออกมา มันอึดอัดทรมานมากทีเดียว แต่ทว่ามันก็มีความสุขล้ำในแบบที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน “ที่ท่าเรือในยามนี้มีเรือสินค้าของจักรวรรดิอื่นๆ เดินทางเข้ามาดังที่คุณหนูคาดการณ์เอาไว้เลยครับ ธุรกิจการเช่าที่จอดเรือและโรงแรมที่พักของนักเดินเรือที่สร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนผลตอบรับดีมากๆ จนเราได้ทุนคืนตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดบริการ มีแขกหลายคนเลยทีเดียวที่เรียกร้องให้เราขยายห้องเพิ่มเพราะเรือสำเภาที่เดินทางมามักจะมีนักเดินเรือไม่ต่ำกว่า20คน..พวกเขาอยากได้ห้องพักที่เดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการทำงานด้วย..แล้วก็...” ปลายนิ้วถูกถอนออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับเสียงชุ่มน้ำ โอฟีเลียถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพราะดูเหมือนการทรมานของคาเซลจะจบแล้ว ทว่าเขากลับค่อยๆ เลิกกระโปรงของเธอสูงขึ้นเรื่อยๆ..ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ในฐานะของ โอฟีเลีย แอเรียนา ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีเดรธแฟล็คในตอนจบ และช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตของฉันมันก็ไม่มีอะไรยากเย็นเกินกว่าที่ฉันคนนี้จะสามารถทำมันได้ จนมาพบเจอคาเซล..โอฟีเลียจับไหล่ของคาเซลเอาไว้พร้อมกับดันตัวเขาออก เธอส่งสายตาไม่พอใจไปให้เขาราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ผิด และเมื่อเขามองเห็นสายตาของเธอ แทนที่เขาจะสลดลง คาเซลกลับยกยิ้มขึ้นมาด้วยแววตาที่แสนเจ้าเล่ห์เขาไม่ได้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธออีก คาเซลเพียงแค่ซบหน้าลงไปบนหน้าขาของโอฟีเลียอย่างเดียวเท่านั้น เขาออกแรงขบกัดบริเวณต้นขาของเธอเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว..การกระทำของเขาทำให้โอฟีเลียสะดุ้งเล็กน้อยแต่มันก็ดีมากทีเดียวที่เขาไม่ได้มาทำให้เธอเสียสมาธิเหมือนกับช่วงแรกเธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากของตัวเอง ก่อนจะกลับไปจดจ่อกับงานที่ลิฟตันกำลังรายงาน“ลิฟตัน ไปสำรวจที่ดินตรงท่าเรือหน่อยสิว่ามีแปลงไหนที่จะขายหรือไม่ แล้วก็อย่าให้ทางเทอรันรู้เรื่องนี้ ข้าไม่อยากจะต่อสู้เรื่องราคากับทางนั้น มันน่าปวดหัวมากทีเดียว”ลิฟตันก้มหน้าลง“ทางเทอรันน่าจะไม่มากวนใจคุณหนูสักพักละมั้งครับ เพราะทางนั้นทุ่มเงินจ
พ่อบ้านของคฤหาสน์แอเรียนารีบเดินออกไปต้อนรับบารอนแห่งคอนเนอร์ในทันที“คุณหนูออกไปข้างนอกครับท่านบารอน ส่วนท่านดัชเชสไม่อยู่ที่นี่ ข้าจะแจ้งเรื่องการมาเยือนของท่านบารอนให้คุณหนูทราบนะครับ”ลีออนรู้สึกเสียดายมากทีเดียว เขาอยากจะมาพบเจอกับโอฟีเลียตัวจริงที่ไม่ใช่โอฟีเลียในรูปวาดเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่เห็นภาพวาดที่แกรนด์ดัสเชสส่งมาให้ ยิ่งได้รู้ว่าโอฟีเลียดูแลคฤหาสน์แอเรียนาตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงคนเดียว มันยิ่งทำให้ลีออนประทับใจในความเก่งกาจของสตรีผู้นี้ เสียดายที่เขาและเธอไม่ได้พบเจอกัน เขารีบร้อนมาที่นี่เพราะได้รับจดหมายจากแกรนด์ดัชเชสเป็นข้าเองที่เสียมารยาท คราวหน้าข้าจะนัดวันล่วงหน้านะครับ ฝากจดหมายฉบับให้ไว้ให้เลดี้แอเรียนาด้วยนะครับ ครั้งหน้าข้าจะเดินทางมาที่นี่ในสภาพที่พร้อมมากกว่านี้”พ่อบ้านวัยชราก้มหน้าลง“ครับท่านบารอน คฤหาสน์แอเรียนายินดีต้อนรับท่านเสมอ”รถม้าที่ใหญ่โตและทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดี ได้วิ่งออกไปจากคฤหาสน์แอเรียนาคาลอสเดินเข้าไปหาพ่อบ้านด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม“คุณชายท่านนั้นมาหาคุณหนูอย่างนั้นหรือครับ”พ่อบ้านวัยชราพยักหน้า“ปีนี้คุณหนูก็อายุ 18 แล้ว อีก
มันน่าหงุดหงิดเล็กน้อยตรงที่เธอไม่สามารถซื้อที่ดินตรงท่าเรือได้เหมือนกับที่ตั้งใจเอาไว้ในครั้งแรก โอฟีเลียไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความบาดหมางของเธอและกลุ่มการค้าเทอรันมันเริ่มมาจากตรงไหนกันแน่ อาจจะเริ่มมาจากที่เธอแย่งการประมูลที่ดิน ที่มีบ่อเกลือจากเขาไปก็ได้แน่นอนว่าบ่อเกลือบ่อนั้นมันสามารถทำเงินให้เธอได้อย่างมหาศาล แต่เทอรันเองก็รวยมากอยู่แล้วนี่ เขามีเงินมากกว่าเธออีกไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ครั้งอดีตหรือว่าในตอนนี้ เขามองมองข้ามเธอไปบ้างไม่ได้รึอย่างไรกัน ถึงได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์ขนาดนั้น“วันนี้ในยามที่คุณหนูเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ ท่านบารอนคอนเนอร์มาที่นี่ด้วยครับ ท่านบารอนกล่าวว่า แกรนด์ดัชเชสได้ไหว้วานให้ท่านบารอนเข้าร่วมงานเลี้ยงพิธีบรรลุนิติภาวะในฐานะคู่ควงของคุณหนู..”โอฟีเลียขมวดคิ้วในทันที อันที่จริงเธอไม่ได้อยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่เธอไม่อยากจะขัดใจพี่ชายและท่านป้าที่หวังดีแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหวังดีมากเกินจนล้ำเส้นของเธอไปมากทีเดียว เธอไม่ได้ต้องการคู่ควงอะไรแบบนั้นสักหน่อยและหากว่าท่านแม่รู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าท่านแม่จะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน“ปฏิเสธไ
เมื่อเขากล่าวคำที่ดูความหมายคลุมเครือเหล่านั้นออกมา มันทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเวลารอบๆ ตัวขอเรากำลังหมุนวนอย่างช้าๆใบหน้าของคาลอส เขามีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ดวงหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความเย็นชา และดวงตาที่ไม่จดจ่อกับสิ่งใดมากเป็นพิเศษ แต่ในยามนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับฉัน..แน่นอนว่าหากนี่คือสถานการณ์ที่เราพบเจอกันในวันและเวลาอื่น เธออาจจะประทับใจกับการเข้าหาอย่างตรงไปตรงมาของเขาแต่นี่ที่เขายึดติดกับเธอมันเป็นเพราะว่าเขาถูกท่านแม่ล้างสมอง ในวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างเปิดเผยออกมา ไม่เขาก็เธออาจจะต้องทนรับกับความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นมาจากการหลอกลวงในครั้งนี้ไม่ได้ เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอควรทำในยามนี้คือการเป็นเจ้านายที่ดีของเขา“คาเซล ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน เจ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักกับใคร แต่ข้าบอกได้เลยว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าเหมือนกันนะ ข้าคือสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน ข้าไม่มีความคิดที่จะใช้เจ้าเป็นเครื่องบำเรอความใคร่หรือว่าอะไรทั้งนั้น ข้าอยากให้เจ้าคิดว่าตัวเองคือแขกของที่นี่ และเจ้ามาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว..”มุมปากของคาลอสกดลึกเป็นรอยยิ้ม เขาและเธออยู่ในท่วงท่าที่อันตรา
“วะ..ว่าอย่างไรนะครับนายท่าน”เบนจามินเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพึ่งได้ยินเท่าไหร่นัก“เขียนจดหมายไปหาโอฟีเลีย บอกว่าเจ้าของกลุ่มการค้าเทอรันต้องการพูดคุยกับนางเรื่องการซื้อขายที่ดินบริเวณท่าเรือ”คราแรก..ในครั้งแรกเขาคิดว่านายท่านคงจะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์แอเรียนาเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับเข้าไปเล่นสนุกเพื่อทำลายเลดี้แอเรียนา ล้วงความลับออกมาแล้วจัดการทำลายนางให้ย่อยยับ แต่ยิ่งนับวันการกระทำของนายท่านก็ยิ่งเข้าขั้นความแปลกขึ้นไปทุกวัน“นายท่านต้องการจะขายที่ดินตรงนั้นหรือครับ ทั้งๆ ที่กว่าเราจะซื้อมาได้ก็แสนยากเย็น”คาลอสหยักยิ้มขึ้นมา และรอยยิ้มเช่นนั้นในความเข้าใจของเบนจามินมันคือรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยแผนการมากมายของนายท่าน“เจ้าทำตามที่ข้าสั่งไปเถิด..แล้วก็ทำเป็นตัวแทนของข้าให้เนียนๆ ด้วย”เพราะแบบนั้นเขาก็เลยมานั่งตรงนี้ด้วยความรู้สึกที่สุดแสนจะประหลาดใจ เจ้านายของเขาที่ปกติแล้วจะเป็นคนออกคำสั่งแต่ทว่าในวันนี้เจ้านายของเขากลับยืนอยู่อีกฝั่ง ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา“ยินดีต้อนรับนะครับเลดี้แอเรียนา ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว เรื่องความเก่งกาจและเรื่องของความ
โอฟีเลียมองสัญญาการแต่งงานในมือ ในใบสัญญาระบุถึงข้อเรียกร้องที่เธอสามารถเขียนลงไปได้ถึงสามข้อเลยทีเดียว“ทำไมคุณหนูถึงยังให้ความสนใจกับสัญญาการแต่งงานที่ไร้สาระนี่อีกล่ะคะ ทางเทอรันไม่ใช่ว่ากำลังดูถูกเราอย่างนั้นหรือ?”เพนนีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เรากำลังนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์แอเรียนาและคำถามนั้นมันทำให้คาลอสรู้สึกสนอกสนใจกับคำตอบของโอฟีเลียมากพอสมควร“ทางนั้นไม่ได้ดูถูกเราเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าไม่เห็นประโยชน์ที่ท่านเจ้าของกลุ่มการค้าเทอรันจะมาแต่งงานกับข้าเลย จริงอยู่ที่ข้าคือเลดี้แห่งตระกูลแอเรียนา แต่อำนาจของข้าและท่านแม่ในแวดวงของสังคมชนชั้นสูงนั้นแทบไม่มีเลย เรื่องฐานะ..เทอรันร่ำรวยกว่าข้ามากหลายเท่า เขาไม่รู้จักข้าเลยด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงได้ยื่นหนังสือสัญญาการแต่งงานนี้มาให้ข้ากันนะ?”คาลอสใช้แขนของเขาเท้าคางอยู่กับริมหน้าต่างของรถม้า เขาวางมือลงบนคางเพื่อให้ฝ่ามือของตัวเองปิดบังรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของเขาด้วย“ข้าคิดว่าเจ้าของกลุ่มการค้าจะต้องเคยเห็นหน้าของคุณหนูอย่างแน่นอน เขาน่าจะเป็นพวกตาแก่พุงพลุ้ยที่ชอบเด็กสาวที่งดงาม ไม่อย่างนั้นเข
โอฟีเลียไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เธอกำลังนั่งอยู่ในบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจะมีโจรคนหนึ่งยกอาหารมาให้เรา หลังจากนั้นเขาก็จะเดินออกไป ราวกับว่าเธอและคาเซลกำลังถูกขังอยู่ในบ้านไม้หลังนี้อย่างไม่มีทางออกสภาพของเขาดูน่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำแถมร่างกายของเขายังมีอุณหภูมิที่สูงมากยิ่งขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะเป็นไข้หากให้เดาที่โจรพวกนั้นยังไม่สังหารเราทั้งสองคนน่าจะมาจากพวกเขามีความหวังว่าจะได้เงินจากเพนนีที่หลบหนีออกไปในคราแรก เพราะแบบนั้นพวกเขาถึงได้ไว้ชีวิตเราสองคนเอาไว้เพื่อรอคอยค่าไถ่ที่จะได้รับมาเพนนีได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อีกทั้งในตำแหน่งที่เราถูกลอบทำร้ายยังห่างไกลจากบ้านคนมากทีเดียว นั่นทำให้ความหวังในการรอคอยเพนนีนั้นริบหรี่มากเหลือเกิน เธอรอคอยอยู่ที่นี่เฉยๆ ไม่ได้เพราะอย่างนั้นเธอจะต้องพาคาเซลหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนี้โอฟีเลียใช้หลังฝ่ามือแตะลงไปเบาๆ ที่หน้าผากของเขา คาเซลปรือตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยท่าทีเจ็บปวด“คุณหนูครับ ข้ามองเห็น..ในห้องน้ำ มีช่องเล็กๆ ที่เป็นช่องของไม้ที่ผุพัง คุณหนูหลบหนีออกไปทางนั้นเถอะครับ..”โอฟีเลียตกใจกับคำกล่าวของคาเซลไม่น
รุ่งเช้าเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว โอฟีเลียใช้ผ้าชุบน้ำเพื่อเช็ดหน้าของคาเซล ไข้ของเขาลดลงจากเมื่อคืนนี้เยอะมากทีเดียว จนดูเหมือนกับว่าเขาหายดีแล้ว“อ่า..เช้าแล้วอย่างนั้นหรือครับ?”เขาเอ่ยถามออกมาก่อนที่จะค่อยๆ ปรือตาขึ้นเพื่อที่จะได้มองหน้าของโอฟีเลียได้อย่างถนัด“เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?”คำถามของโอฟีเลียนั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เธอใช้หลังมือแตะลงที่หน้าผากของเขาซ้ำๆ เพื่อเป็นการวัดไข้“ครับ ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกดีมากกว่าเมื่อวานนี้เยอะเลย”เขาลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วสวมกอดเธอเอาไว้แน่นฉันไม่แน่ใจว่าอ้อมกอดนี้ของคาเซลมันมีความหมายแบบไหน แต่ฉันไม่ได้ผลักไสเขาออกไปเลย ฉันหลับตาลงช้าๆ เพื่อซึมซับไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา ใบหน้างามซบลงบนไหล่ของคาเซลเบาๆเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของโอฟีเลีย มุมปากของคาลอสก็ผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะว่าเธอฉลาด ในทุกการแสดงมันถึงจะต้องแนบเนียนและสมจริง เขาลงทุนถึงขนาดยอมโดนลูกน้องตัวเองกระทืบเพื่อให้ตัวเองมีสภาพปางตายเช่นนี้จะเรียกว่านี่คือโชคดีของเขาได้ไหมนะ เพราะว่าข้างกายของโอฟีเลียไม่เคยมีบุรุษหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวกับเธอมาก่อน และเพราะว่าไม่คุ้นเ
บอกตามตรงว่าโอฟีเลียมักจะรู้สึกสั่นไหวในทุกครั้งที่เธอกล่าวถึงเรื่องความทรงจำของเขาที่มันจะกลับคืนมา หรือว่าเธอกลัวว่าเขาจะทอดทิ้งเธอไปจริงๆ อย่างนั้นหรือ?ทำไมถึงคิดว่าเขาจะใจร้ายมากขนาดนั้นกัน..บอกตามตรงว่าเธอไม่มีทางรู้อย่างแน่นอนว่าในยามนี้เขารู้สึกเช่นไรกับเธอ คาลอสสาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยอยากได้ใครมากขนาดนี้มาก่อน สตรีใดก็เทียบไม่ได้กับโอฟีเลีย เทียบไม่ได้เลย..“ข้าต้องทำเช่นไรท่านถึงจะเชื่อว่าวาจาของข้านั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ข้าชอบท่านมากจริงๆ และไม่มีวันทอดทิ้งท่านไปต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม”เขาซบใบหน้าลงบนฝ่ามือของเธอด้วยท่าทางออดอ้อน ราวกับคาลอสกำลังบอกกล่าวโอฟีเลียด้วยทุกอย่างที่เขามีว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากก็ตาม แต่ทว่าความรู้สึกของโอฟีเลียมันแตกต่างกันเล็กน้อย เธอชอบเขา..ชอบมากในฐานะของคาเซล คราแรกที่เธอชอบเขาเพราะนิสัยที่ขยันเอาใจใส่เธอของเขา แต่ในช่วงเวลาต่อมาการที่เขาเข้ามาอยู่ในชีวิตของเธอมันทำให้เธอ..มีความสุข ทุกเรื่องเล็กน้อยของเธอมันคือเรื่องใหญ่สำหรับเขาเสมอ ช่วงเวลาที่ไร้ทางออกเมื่อหันหลังกลับไปมองเธอก็พบเจอคาเซลที่จะเดินเข้ามาจูงมือ
“ที่ดินตรงนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลย แล้วทำไมนายหน้าการขายที่ดินอย่างบารอนคอนเนอร์ถึงได้คิดจะมาเสนอขายที่ดินกับเรากันนะ..”คาลอสเอ่ยถามเบนจามินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาแวะมาที่นี่เพราะยังเหลือเวลาอีกนานมากทีเดียวกว่าจะถึงเวลากลับไปที่แอเรียนา“เรื่องนั้นข้าได้สืบดูชื่อเจ้าของที่ดินคนเก่าแล้วครับ นางให้การว่าที่ดินตรงนี้เป็นมรดกตกทอดมานานแล้ว จึงได้ให้นายหน้าการค้าที่ดินอย่างบารอนคอนเนอร์ช่วยขาย แล้วทางบารอนก็อยากจะฟังราคาจากเราว่าเราจะให้ราคาได้เท่าไหร่..เขาน่าจะได้ส่วนแบ่งค่านายหน้ามากพอสมควร”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจของคาลอสถึงได้คิดถึงชื่อของโอฟีเลียขึ้นมาทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย เขาคงจะคิดมากไปเองรึเปล่านะ“เช่นนั้นเจ้านัดบารอนวันไหนล่ะ ข้าอยากจะฟังรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายด้วย”“อีกสามวันข้างหน้าครับ..ว่าแต่นายท่านจะอยู่ที่แอเรียนาอีกนานมากแค่ไหนกันครับ ข้าทำงานแทนท่านมาหลายเดือนแล้วนะครับ..ข้าอยากมีวันพักผ่อนบ้าง อีกทั้งกับเรื่องบางเรื่องข้าตัดสินใจเองไม่ได้ก็ต้องรอคอยให้ท่านมาที่นี่ แล้วกว่าท่านจะมาบางทีลูกค้าของเราก็รอคอยไม่ไหวจนเขาไปที่อื่นกันหมด..นาย
เจมม่าร่ำไห้ออกมาเสียงดัง เสียงสะอึกสะอื้นของนางนั้นมันเหมือนกับว่านางกำลังจะขาดใจตรงนั้นจริงๆ ช่วงเวลาที่ผ่านนาง นางไม่สามารถนอนหลับได้อย่างมีความสุขเลยสักคืน มันทรมานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทุกครั้งที่หลับตาเหมือนกับว่านางถูกซาตานมาดึงรั้งวิญญาณของนางไป ความรู้สึกผิดและความละอายกอบกุมหัวใจของนางแน่น จนเจมม่ามองหน้าของจูเลียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำนางผิดต่อท่านดัชเชส ผิดต่อลูกสาวผู้ล้ำค่าของนาง..นางทำให้จูเลียนเป็นบุตรนอกสมรสที่ต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าผู้ใด..เพราะความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในความรักส่งผลให้ชีวิตของเจมม่าเป็นเช่นนี้“ข้าขอฝากท่านเซอร์ ขอโทษท่านดัชเชส ด้วยนะคะ..”เจมม่ากล่าวออกมาเสียงเบาบางราวกับลมหายใจของนางจะหมดลง นางล้มตัวนอนลงบนพื้นพร้อมกับมองหน้าของเซอร์เกรท“ท่านและข้าเราต่าง..เป็นคนสารเลว คำขอโทษของท่านข้าไม่ขอรับเอาไว้ เพราะมันไร้ความหมายเหลือเกิน..”เกรทหลับตาลงช้าๆ ความเจ็บปวดกำลังกอบกุมร่างกายของเขาเอาไว้เพราะฤทธิ์ของสารเสพติดที่ชะลอความเจ็บปวดนั้นกำลังจะหมดลง“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลยเจมม่า..เจ้าจะโกรธข้าก็ย่อมได้ ข้าจะขอชดใช้ให้เจ้าให้ชาติหน้าก็แล้วกันเพราะแบบนั้น..เจ
โอฟีเลียยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเองเบาๆ เธอกำลังนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังแอเรียนา ส่วนจูเลียนไม่ได้กลับมาด้วยเพราะองค์จักรพรรดิยืนกรานเสียงแข็งว่าพระองค์ต้องการให้จูเลียนอยู่กับพระองค์ที่พระราชวังเลยเธอไม่ได้พูดคุยกับท่านพ่อแม้แต่ครึ่งคำ เมื่อพูดคุยกับองค์จักรพรรดิเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาเซลก็พาเธอเดินมาขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังแอเรียนา ท่านพ่อยืนมองเธอราวกับว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูด แต่วันนี้เธอเหนื่อยมากเหลือเกิน เหนื่อยมากเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกบั่นทอนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะแบบนั้นเธอถึงได้เดินหนีขึ้นรถม้ามา..คาลอสยื่นมือมาปัดเส้นผมออกจากดวงตาของโอฟีเลียเพื่อให้เขามองเห็นหน้าของเธอได้ชัด เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะจับศีรษะของเธอให้เอนซบลงบนไหล่ของเขา เขาจุมพิตลงบนเรือนผมของเธอด้วยความทะนุถนอมและอ่อนโยนราวกับเขาหวาดกลัวว่าเธอจะแหลกสลายไปสายตาที่เคร่งขรึมของเขาถูกแทนที่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย“วันนี้ข้าทำซุปให้ท่านทานดีไหมครับ วันนี้เปลี่ยนเป็นซุปข้าวโพดบ้างดีว่าท่านน่าจะเบื่อซุบมันฝรั่งแล้ว..”เขายื่นนิ้วชี้ไปนวดหัวคิ้วที่กำลังขมว
“หัวหน้าของท่านชื่ออะไรหรือครับท่านเซอร์”ทหารที่ยืนอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาศีรษะแก้เขิน“ข้าไม่ใช่เซอร์อะไรหรอก เป็นแค่ทหาร ธรรมดาๆ เท่านั้น หัวหน้าของเราที่เดินไปกับคุณหนูของเจ้าเมื่อครู่ต่างหากที่เป็นท่านเซอร์ตัวจริง เซอร์บรูคลินน่ะ”คาลอสหัวเราะออกมาเบาๆ“อย่างนั้นเองสินะครับ ข้านึกว่าพี่ชายเป็นเซอร์ซะอีก ท่านดูภูมิฐานมากๆ ชุดเครื่องแบบก็เท่มากอีกด้วย”เมื่อได้รับคำชมทหารผู้นั้นก็ยืนหลังตรงในทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก“ฮะ..ฮ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”เมื่อได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว คาลอสก็เดินออกมาเพื่อเดินไปหาจูเลียนเซอร์บรูคลินอย่างนั้นสินะ คอยดูเถอะเขาจะสั่งให้เบนทำลายทุกธุรกิจที่หมอนั่นทำอยู่เลย กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องมือของโอฟีเลีย แถมยังมองนางด้วยสายตาน่ารังเกียจเช่นนั้นอีก“ท่านพี่จะกลับมาแล้วใช่ไหมคะ นางจะโกรธข้าไหม?”คาลอสถอนหายใจ“คราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้มากหน่อยสิ หากมีของที่อยากขายก็ไปขายที่กลุ่มการค้าเทอรัน ปัญหาจะได้ไม่มี คุณหนูก็จะไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาในสภาพตกใจเช่นนี้ด้วย”จูเลียนขบเม้มริมฝีปากเบาๆ พี่สาวของเธอยังไม่ด่าขนาดนี้เลยนะ แต่หมอนี่ขยันด่าเ
เมื่อได้ยินคำถามนั้นทหารที่รับผิดชอบต่อคดีนี้ก็ยินยอมส่งมอบตราสัญญาลักษณ์ให้กับเลดี้แอเรียนาเรือนผมสีแดงนั่นทำให้สตรีผู้นี้โดดเด่นมากกว่าใครที่เขาเคยพบเห็นความงดงามที่ไม่มีใครรู้จักภายใต้ชื่อของแอเรียนา ทหารคนอื่นในที่แห่งนี้ก็อยู่ในอาการเหม่อลอยเช่นเดียวกันกับเขาโอฟีเลียยื่นมือไปรับตรานั้นมาตรวจดู เธอไม่อยากจะคิดแบบนี้เท่าไหร่เพราะว่านี่มันไม่ได้เป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยายเลย คนรักของจูเลียนจะต้องเป็นองค์รัชทายาทซึ่งเป็นหลานขององค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ในความคิดของเธอมันไม่แปลกหรอกที่จูเลียนและองค์รัชทายาทจะพบเจอกัน เรื่องราวแสนโรแมนติก มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วในนิยายเรื่องนี้“ในเมื่อเจ้าบอกว่าชายผู้นั้นให้เจ้านำตรานี่มอบให้ทหารที่หน้าประตู พวกทหารก็จะพาเข้าไปพบเขาเพื่อรับรางวัลใช่หรือไม่”จูเลียนพยักหน้า“ข้ารู้ว่าข้าผิดที่เอามันไปขาย แต่เพราะว่าข้าไปไม่อยากไปที่พระราชวัง พี่คะ..ข้าผิดไปแล้วจริงๆ พี่อย่าโกรธข้าเลยนะคะ”คาลอสส่งผ้าเช็ดหน้าของเขาให้กับนักบุญหญิงจูเลียน“ตั้งสติก่อนเถอะครับ แล้วก็หากอยากรู้ว่าตรานี่เป็นของใครเราก็แค่เอาตรานี่เดินทางไปที่พระราชวัง ข้าหวังอย่างยิ่งว่าทห
ซิลเวสเตอร์ตกใจเล็กน้อยที่นักบุญหญิงผู้นี้สามารถรู้ปัญหาที่เขากำลังพบเจอเพียงแค่นางมองเห็นจากภายนอกเท่านั้น“อืม นี่เป็นปัญหาใหญ่หลวงของข้ามากทีเดียว ขนาดที่ว่าหมอที่เก่งกาจมากที่สุดยังรักษาไม่หายเลย มีคนแนะนำให้ข้าเดินทางมาที่นี่ ข้าก็เลยลองมาดู”จูเลียนพิงไม้กวาดเอาไว้ที่ม้านั่ง เธอเช็ดมือของตัวเองเข้ากับผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่ที่เอวก่อนจะจับมือของชายผู้นั้นเอาไว้ เขาน่าจะอายุ30กว่าๆ และที่มือของเขานิ้วหัวแม่มือก็ด้านจากการจับดาบเป็นเวลานานและทันทีที่นักบุญหญิงผู้นี้แตะมือของเธอลงบนร่างกายของเขา มันก็เหมือนกับมีสายลมอุ่นๆ จากฤดูร้อนพัดผ่านเขาไปในทันที เขารู้สึกได้เลยว่าความเหนื่อยล้ามากมายที่ตัวเองแบกมาทั้งหมดมันจางหายไปเป็นปลิดทิ้งนี่สามารถเรียกได้ว่าเขาพบเจอกับปาฏิหาริย์ได้ไหมนะ“พระเจ้าช่วย อาการเหนื่อยล้าของข้ามันจางหายไปหมด แค่เจ้าแตะมือคู่นั้นลงมา”จูเลียนส่งยิ้มให้เขา เธอรู้ดีว่าพลังของตัวเองมันมากมายแค่ไหนแต่เพื่อที่เธอจะได้ออกไปจากที่นี่เธอจึงปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด“ข้าจะขอบคุณท่านมากหากว่าท่านปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ”เธอกล่าวพร้อมกับแบมือออกไป“ค่ารักษาค่ะ อย่างที
เหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนช้าลงเมื่อ คาเซลกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นมาให้เธอได้รับฟัง มันคล้ายว่าถ้อยคำเหล่านั้นคือการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในนั้นเธออ้าปากออกเล็กน้อยเพื่อทานซุปมันฝรั่งที่เขาป้อน ก่อนจะดื่มน้ำชาร้อนๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา“หากในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ความทรงจำทั้งหมดของเจ้ากลับคืนมา แล้วเจ้ายังต้องการเป็นคาเซลของข้าอยู่ เราค่อยมาพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที..ข้าก็คือข้า..คาเซล ข้าคือโอฟีเลีย แอเรียนา ว่าที่ดัชเชสคนต่อไปของแอเรียนา หากเจ้าต้องการจะเป็นคาเซลของข้าต่อไปเจ้าจะต้องมาอยู่กับข้าเท่านั้น เพราะว่าข้าไม่มีวันละทิ้งแอเรียนาไปเพื่อเจ้าหรอกนะ..”ชีวิตจริงกับบทกวีนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่แอเรียนานั้นเป็นมากกว่าบ้าน แต่ที่นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ โอฟีเลียไม่มีวันยินยอมแต่งงานเพื่อไปใช้ชื่อตระกูลของคนอื่น เธอไม่อยากให้ตระกูลแอเรียนาจบลงที่เธอ..บางทีเธอก็คิดนะว่าหากท่านแม่ไม่ได้หย่ากับท่านพ่อ เธอจะมีชีวิตที่มันง่ายดายมากกว่านี้รึเปล่า อาจจะไม่ได้ต้องสนใจสายตาของผู้อื่นมากมายขนาดนั้นก็ได้..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็กล่าวโทษท่านแม่ไม่ลงเหมือนกัน สิ่งที่ท่า
ใบหน้างามของจูเลียนงอง้ำ เมื่อเธอนั่งรถม้ามากับผู้ช่วยของท่านพี่มากกว่าที่จะเป็นท่านพี่ของเธอชายผู้นี้กล่าวว่าเมื่อคืนท่านพี่ของเธอทำงานหนักจนตื่นเช้าไม่ไหว เขาจึงต้องมาส่งเธอที่วิหารแทนท่านพี่“ท่านอยากจะออกมาจากวิหารไหมครับ”คำถามนั้นส่งผลให้จูเลียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“หากให้ข้าตอบตามตรงข้าอยากจะออกมาจากที่นั่นค่ะ ข้าไม่ชอบที่ถูกนักบุญหญิงด้วยกันรังแก แล้วข้าก็ไม่ชอบที่ข้าไม่มีอิสระ เพียงแต่ข้ายังออกมาไม่ได้เพราะว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่นั่น..”คาลอสเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง กับบางคนก็มีชีวิตเพื่อทำลายชีวิตของผู้อื่นไปเรื่อยๆ จนกว่าตัวเองจะตายอย่างนั้นเองสินะ“เช่นนั้นก็รอคอยวันที่ท่านจะออกมาจากที่นั่นได้ ข้าจะมารับท่านเอง”ดวงตาของจูเลียนเปล่งประกายขึ้นมา“ท่านจะมาช่วยข้าอย่างนั้นหรือคะ ท่านพี่ให้ท่านมาช่วยข้าใช่ไหม อ๊ะ..ข้าหมายถึงเลดี้แอเรียนา”เด็กคนนี้ตรงไปตรงมามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก นางมองเห็นโอฟีเลียเป็นพี่สาว เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของนางสินะแต่โอฟีเลียคือภรรยาของเขาต่างหาก เขาไม่ยอมให้โอฟีเลียไปเป็นพี่สาวของใครหรอก ชีวิตของนางแค่เป็นภรรยาของเขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว