มันน่าหงุดหงิดเล็กน้อยตรงที่เธอไม่สามารถซื้อที่ดินตรงท่าเรือได้เหมือนกับที่ตั้งใจเอาไว้ในครั้งแรก โอฟีเลียไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความบาดหมางของเธอและกลุ่มการค้าเทอรันมันเริ่มมาจากตรงไหนกันแน่ อาจจะเริ่มมาจากที่เธอแย่งการประมูลที่ดิน ที่มีบ่อเกลือจากเขาไปก็ได้
แน่นอนว่าบ่อเกลือบ่อนั้นมันสามารถทำเงินให้เธอได้อย่างมหาศาล แต่เทอรันเองก็รวยมากอยู่แล้วนี่ เขามีเงินมากกว่าเธออีกไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ครั้งอดีตหรือว่าในตอนนี้ เขามองมองข้ามเธอไปบ้างไม่ได้รึอย่างไรกัน ถึงได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์ขนาดนั้น “วันนี้ในยามที่คุณหนูเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ ท่านบารอนคอนเนอร์มาที่นี่ด้วยครับ ท่านบารอนกล่าวว่า แกรนด์ดัชเชสได้ไหว้วานให้ท่านบารอนเข้าร่วมงานเลี้ยงพิธีบรรลุนิติภาวะในฐานะคู่ควงของคุณหนู..” โอฟีเลียขมวดคิ้วในทันที อันที่จริงเธอไม่ได้อยากจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่เธอไม่อยากจะขัดใจพี่ชายและท่านป้าที่หวังดี แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหวังดีมากเกินจนล้ำเส้นของเธอไปมากทีเดียว เธอไม่ได้ต้องการคู่ควงอะไรแบบนั้นสักหน่อย และหากว่าท่านแม่รู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าท่านแม่จะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน “ปฏิเสธไปซะ..ข้าไม่ต้องคู่ควงหรืออะไรแบบนั้น” พ่อบ้านวัยชรายกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนหน้าผาก “ปฏิเสธไปแล้วครับ ท่านดัชเชสสั่งให้ข้าเขียนจดหมายปฏิเสธท่านบารอนไปเมื่อช่วงเย็นแล้วครับ” ฉันพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเพื่อมองหน้าพ่อบ้านด้วยความตกใจ “นี่ท่านแม่รู้เรื่องที่ข้าจะไปร่วมงานเลี้ยงอย่างนั้นหรือ? ให้ตายเถอะ แล้วท่านคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม” คำถามของคุณหนู พ่อบ้านเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบเช่นไรเหมือนกัน “อะไรแปลกๆ ที่คุณหนูว่า มันรวมไปถึงการที่ท่านดัชเชสสั่งให้คาเซลไปร่วมงานเลี้ยงในฐานะของคู่หมั้นคุณหนูด้วยรึเปล่าครับ..” โอฟีเลียอ้าปากออกมาด้วยความรู้สึกตกใจมากกว่าเก่า และยังไม่ทันที่เธอจะได้กล่าวคำใดออกมาท่านแม่ก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเธอพร้อมกับคาเซลที่เดินอยู่ด้านหลังท่านแม่ “เรื่องที่แม่ทำมันไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย แม่เป็นห่วงลูกก็ผิดอย่างนั้นหรือโอฟีเลีย” ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาสวมร่างของโอฟีเลีย ฉันมั่นใจในความเก่งกาจของตัวเองเป็นอย่างมาก เพียงแต่กับท่านแม่..ฉันไม่มีความกล้ามากพอที่จะขัดใจท่าน “ท่านแม่คะ ลูกรู้ดีว่าการเข้าร่วมงานเลี้ยงนั้นมันคือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในแวดวงสังคม และลูกไปที่นั่นเพราะลูกต้องการให้ทุกคนล่วงรู้ว่าลูกคือเลดี้แห่งแอเรียนา ลูกอยากจะลุยงานเรื่องการทำธุรกิจอย่างเต็มตัวหลังจากที่กลับมาจากงานเลี้ยง ไม่มีเรื่องแบบที่ท่านแม่ห่วงหรอกค่ะ ท่านวางใจได้เลยลูกจะไม่เต้นรำกับใครทั้งนั้น..” ดัชเชสเอวานส่ายหน้าเบาๆ “แม่รู้ดีว่าต่อให้ลูกตั้งใจเช่นนั้น แต่บุรุษเหล่านั้นจะฟังลูกที่ไหนกัน พาคาเซลไปด้วย เขาคือคนเดียวเท่านั้นที่แม่ไว้ใจให้อยู่เคียงข้างลูกสาวผู้แสนล้ำค่าของแม่” แม่คะ..แต่คนที่แม่มองว่าเขาเป็นคนดี เขาคือตัวร้ายที่ฆ่าคนได้แบบเลือดเย็นแถมยังมีความเจ้าเล่ห์แบบสุดๆ ไปเลยนะคะ โอฟีเลียยกยิ้มแห้งๆ ขึ้นมาที่มุมปาก “แต่ท่านแม่คะ..” “โอฟีเลีย ลูกไม่เชื่อแม่แล้วใช่ไหม ชีวิตของแม่ไม่เหลืออะไรแล้ว แม่เหลือเพียงแค่ลูกคนเดียวเท่านั้นนะ แม่ผ่านการเข้าร่วมสังคมชนชั้นสูงมาก่อน ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าทุกคนจะมองมาที่ลูกในสายตาแบบไหน แม่คือสตรีคนแรกของจักรวรรดิที่หย่ากับสามี อีกทั้งฐานะของแม่ในตอนที่หย่าคือดัชเชสด้วยนะ ไม่เคยมีเรื่องเช่นนั้นมาก่อนในจักรวรรดิ สายตาของชนชั้นสูงเหล่านั้นจะมองมาที่ลูกด้วยสายตาดูแคลน มันคือความผิดของแม่เองโอฟีเลีย เพราะอย่างนั้นเพื่อความสบายใจของแม่ พาคาเซลไปด้วยเถอะนะ เขาจะปกป้องลูกจากสายตาของคนพวกนั้นเอง” พอได้ยินคำกล่าวมากมายที่ท่านแม่กล่าวออกมา มันทำให้โอฟีเลียรู้สึกราวกับมีก้อนสะอื้นจุกอยู่ตรงคอ เธอส่งยิ้มให้กับท่านแม่..มันคือรอยยิ้มละมุนละไมชวนให้หัวใจอบอุ่น “ลูกทราบแล้วค่ะท่านแม่ ลูกจะไปร่วมงานเลี้ยงกับคาเซลเอง ส่วนท่านแม่ช่วงนี้อยากไปเที่ยวที่ไหนไหมคะ เรือสำเภาของเรากำลังจะเดินทางออกไปส่งสินค้า หากท่านแม่อยากจะไปนั่งเรือเล่นเพื่อชมบรรยากาศของทะเล ลูกจะได้ให้คนของเราจัดเตรียมห้องพักเอาไว้” แววตาของดัชเชสเบิกกว้างด้วยความยินดี “คราวนี้จะไปที่ไหนกันโอฟีเลีย เดินทางไปทางใต้รึเปล่า” โอฟีเลียพยักหน้า “ไปทางใต้ของจักรวรรดิค่ะ เรือจะจอดอยู่ที่แดนใต้ประมาณ 15 วันแล้วถึงจะเดินทางกลับมา” “ไปสิโอฟีเลีย แม่ชอบดินแดนทางใต้มากที่สุดเลย ที่นั่นมีดอกไม้งามมากมาย แล้วเนื้อย่างที่นั่นก็อร่อยมากๆ ..” ดัชเชสพูดถึงเรื่องเมืองทางใต้อีกยาวเหยียด ดัชเชสเล่าไปตบมือและหัวเราะไปราวกับเด็กๆ คาลอสได้แต่ยืนมองโอฟีเลียที่กำลังยิ้มด้วยความสุขในยามที่มารดาของนางเล่าเรื่องการเดินทางให้ฟัง เขาเคยได้รับรายงานมาว่าดัชเชสไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก เพราะผลกระทบจากเรื่องราวในอดีต สตรีที่เคยงดงามมากที่สุดในจักรวรรดิ กลับยื่นหนังสือเพื่อหย่ากับสามี นางคิดมาตลอดว่าสามีไม่รักนาง แต่ในความเป็นจริงมันเลวร้ายมากกว่านั้นเพราะดยุคใช่แค่ไม่รัก แต่ยังลักลอบเป็นชู้กับคนรักเก่า หัวใจของสตรีผู้หนึ่งมันเลยแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นี่คือเหตุผลว่าทำไมโอฟีเลียไม่กล้าขัดใจมารดาของนางเลย และมันถูกต้องที่สุดแล้วที่เขาเข้าทางท่านดัชเชส หลังจากที่ท่านดัชเชสออกไป คาลอสก็เดินเข้าไปหาโอฟีเลียที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เขานั่งลงที่พื้นเหมือนกับทุกครั้งแล้วซบใบหน้าลงบนตักของเธอ “คาเซล..ข้าหวังอย่างยิ่งว่านี่จะไม่ใช่ฝีมือของเจ้าใช่ไหม?” เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองสบตากับเจ้าของดวงตาสีอำพัน “ท่านกำลังกล่าวหาข้าเรื่องใดกันครับ ข้ารอท่านอยู่ที่นี่ตามคำสั่ง ข้าคิดถึงท่านแทบบ้าในช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่..” โอฟีเลียหรี่ตาลงอย่างจับผิด แต่เธอมองไม่เห็นสิ่งใดบนใบหน้าของเขาเลยนอกจากรอยยิ้มที่เป็นมิตร เธอคงจะกังวลมากเกินไปหน่อย คาลอสถูกล้างสมองอยู่นี่ และตอนนี้เขาคือคาเซลผู้ใสซื่อ “เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะนอนแล้ว..” เขาส่งยิ้มให้เธอแต่กลับไม่ยินยอมลุกไปไหน “ท่านดัชเชสสั่งให้ข้าอยู่กับคุณหนูตลอดเวลาเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นในยามที่ท่านตื่นหรือยามนอน ข้าจะต้องปกป้องและคุ้มครองท่านให้ปลอดภัย..” โอฟีเลียมองหน้าเขาอีกครั้ง หากจะมีใครที่มาทำร้ายเธอในยามนี้ล่ะก็ คนผู้นั้นก็คือคาเซลผู้นี้นี่แหละ “ข้าไม่ได้ต้องการ..” เขาลุกขึ้นก่อนจะจับเข้าที่ไหล่ของเธอเพื่อให้โอฟีเลียเอนหลังพิงโซฟา คาลอสกางขาของเธอออกแล้วแทรกตัวเข้าไปใกล้เธอเพื่อไม่ให้มีช่องว่างระหว่างเราแม้แต่นิดเดียว “แต่ข้าต้องการนะครับคุณหนู.. ต้องการมากทีเดียว”เมื่อเขากล่าวคำที่ดูความหมายคลุมเครือเหล่านั้นออกมา มันทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าเวลารอบๆ ตัวขอเรากำลังหมุนวนอย่างช้าๆใบหน้าของคาลอส เขามีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ดวงหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความเย็นชา และดวงตาที่ไม่จดจ่อกับสิ่งใดมากเป็นพิเศษ แต่ในยามนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับฉัน..แน่นอนว่าหากนี่คือสถานการณ์ที่เราพบเจอกันในวันและเวลาอื่น เธออาจจะประทับใจกับการเข้าหาอย่างตรงไปตรงมาของเขาแต่นี่ที่เขายึดติดกับเธอมันเป็นเพราะว่าเขาถูกท่านแม่ล้างสมอง ในวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างเปิดเผยออกมา ไม่เขาก็เธออาจจะต้องทนรับกับความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นมาจากการหลอกลวงในครั้งนี้ไม่ได้ เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอควรทำในยามนี้คือการเป็นเจ้านายที่ดีของเขา“คาเซล ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน เจ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักกับใคร แต่ข้าบอกได้เลยว่าที่นี่คือบ้านของเจ้าเหมือนกันนะ ข้าคือสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน ข้าไม่มีความคิดที่จะใช้เจ้าเป็นเครื่องบำเรอความใคร่หรือว่าอะไรทั้งนั้น ข้าอยากให้เจ้าคิดว่าตัวเองคือแขกของที่นี่ และเจ้ามาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว..”มุมปากของคาลอสกดลึกเป็นรอยยิ้ม เขาและเธออยู่ในท่วงท่าที่อันตรา
“วะ..ว่าอย่างไรนะครับนายท่าน”เบนจามินเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพึ่งได้ยินเท่าไหร่นัก“เขียนจดหมายไปหาโอฟีเลีย บอกว่าเจ้าของกลุ่มการค้าเทอรันต้องการพูดคุยกับนางเรื่องการซื้อขายที่ดินบริเวณท่าเรือ”คราแรก..ในครั้งแรกเขาคิดว่านายท่านคงจะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์แอเรียนาเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับเข้าไปเล่นสนุกเพื่อทำลายเลดี้แอเรียนา ล้วงความลับออกมาแล้วจัดการทำลายนางให้ย่อยยับ แต่ยิ่งนับวันการกระทำของนายท่านก็ยิ่งเข้าขั้นความแปลกขึ้นไปทุกวัน“นายท่านต้องการจะขายที่ดินตรงนั้นหรือครับ ทั้งๆ ที่กว่าเราจะซื้อมาได้ก็แสนยากเย็น”คาลอสหยักยิ้มขึ้นมา และรอยยิ้มเช่นนั้นในความเข้าใจของเบนจามินมันคือรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยแผนการมากมายของนายท่าน“เจ้าทำตามที่ข้าสั่งไปเถิด..แล้วก็ทำเป็นตัวแทนของข้าให้เนียนๆ ด้วย”เพราะแบบนั้นเขาก็เลยมานั่งตรงนี้ด้วยความรู้สึกที่สุดแสนจะประหลาดใจ เจ้านายของเขาที่ปกติแล้วจะเป็นคนออกคำสั่งแต่ทว่าในวันนี้เจ้านายของเขากลับยืนอยู่อีกฝั่ง ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา“ยินดีต้อนรับนะครับเลดี้แอเรียนา ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว เรื่องความเก่งกาจและเรื่องของความ
โอฟีเลียมองสัญญาการแต่งงานในมือ ในใบสัญญาระบุถึงข้อเรียกร้องที่เธอสามารถเขียนลงไปได้ถึงสามข้อเลยทีเดียว“ทำไมคุณหนูถึงยังให้ความสนใจกับสัญญาการแต่งงานที่ไร้สาระนี่อีกล่ะคะ ทางเทอรันไม่ใช่ว่ากำลังดูถูกเราอย่างนั้นหรือ?”เพนนีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เรากำลังนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์แอเรียนาและคำถามนั้นมันทำให้คาลอสรู้สึกสนอกสนใจกับคำตอบของโอฟีเลียมากพอสมควร“ทางนั้นไม่ได้ดูถูกเราเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าไม่เห็นประโยชน์ที่ท่านเจ้าของกลุ่มการค้าเทอรันจะมาแต่งงานกับข้าเลย จริงอยู่ที่ข้าคือเลดี้แห่งตระกูลแอเรียนา แต่อำนาจของข้าและท่านแม่ในแวดวงของสังคมชนชั้นสูงนั้นแทบไม่มีเลย เรื่องฐานะ..เทอรันร่ำรวยกว่าข้ามากหลายเท่า เขาไม่รู้จักข้าเลยด้วยซ้ำแล้วทำไมถึงได้ยื่นหนังสือสัญญาการแต่งงานนี้มาให้ข้ากันนะ?”คาลอสใช้แขนของเขาเท้าคางอยู่กับริมหน้าต่างของรถม้า เขาวางมือลงบนคางเพื่อให้ฝ่ามือของตัวเองปิดบังรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของเขาด้วย“ข้าคิดว่าเจ้าของกลุ่มการค้าจะต้องเคยเห็นหน้าของคุณหนูอย่างแน่นอน เขาน่าจะเป็นพวกตาแก่พุงพลุ้ยที่ชอบเด็กสาวที่งดงาม ไม่อย่างนั้นเข
โอฟีเลียไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เธอกำลังนั่งอยู่ในบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจะมีโจรคนหนึ่งยกอาหารมาให้เรา หลังจากนั้นเขาก็จะเดินออกไป ราวกับว่าเธอและคาเซลกำลังถูกขังอยู่ในบ้านไม้หลังนี้อย่างไม่มีทางออกสภาพของเขาดูน่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำแถมร่างกายของเขายังมีอุณหภูมิที่สูงมากยิ่งขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะเป็นไข้หากให้เดาที่โจรพวกนั้นยังไม่สังหารเราทั้งสองคนน่าจะมาจากพวกเขามีความหวังว่าจะได้เงินจากเพนนีที่หลบหนีออกไปในคราแรก เพราะแบบนั้นพวกเขาถึงได้ไว้ชีวิตเราสองคนเอาไว้เพื่อรอคอยค่าไถ่ที่จะได้รับมาเพนนีได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อีกทั้งในตำแหน่งที่เราถูกลอบทำร้ายยังห่างไกลจากบ้านคนมากทีเดียว นั่นทำให้ความหวังในการรอคอยเพนนีนั้นริบหรี่มากเหลือเกิน เธอรอคอยอยู่ที่นี่เฉยๆ ไม่ได้เพราะอย่างนั้นเธอจะต้องพาคาเซลหลบหนีออกไปจากบ้านหลังนี้โอฟีเลียใช้หลังฝ่ามือแตะลงไปเบาๆ ที่หน้าผากของเขา คาเซลปรือตาขึ้นมามองหน้าเธอด้วยท่าทีเจ็บปวด“คุณหนูครับ ข้ามองเห็น..ในห้องน้ำ มีช่องเล็กๆ ที่เป็นช่องของไม้ที่ผุพัง คุณหนูหลบหนีออกไปทางนั้นเถอะครับ..”โอฟีเลียตกใจกับคำกล่าวของคาเซลไม่น
รุ่งเช้าเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว โอฟีเลียใช้ผ้าชุบน้ำเพื่อเช็ดหน้าของคาเซล ไข้ของเขาลดลงจากเมื่อคืนนี้เยอะมากทีเดียว จนดูเหมือนกับว่าเขาหายดีแล้ว“อ่า..เช้าแล้วอย่างนั้นหรือครับ?”เขาเอ่ยถามออกมาก่อนที่จะค่อยๆ ปรือตาขึ้นเพื่อที่จะได้มองหน้าของโอฟีเลียได้อย่างถนัด“เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?”คำถามของโอฟีเลียนั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง เธอใช้หลังมือแตะลงที่หน้าผากของเขาซ้ำๆ เพื่อเป็นการวัดไข้“ครับ ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกดีมากกว่าเมื่อวานนี้เยอะเลย”เขาลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วสวมกอดเธอเอาไว้แน่นฉันไม่แน่ใจว่าอ้อมกอดนี้ของคาเซลมันมีความหมายแบบไหน แต่ฉันไม่ได้ผลักไสเขาออกไปเลย ฉันหลับตาลงช้าๆ เพื่อซึมซับไออุ่นจากอ้อมแขนของเขา ใบหน้างามซบลงบนไหล่ของคาเซลเบาๆเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของโอฟีเลีย มุมปากของคาลอสก็ผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะว่าเธอฉลาด ในทุกการแสดงมันถึงจะต้องแนบเนียนและสมจริง เขาลงทุนถึงขนาดยอมโดนลูกน้องตัวเองกระทืบเพื่อให้ตัวเองมีสภาพปางตายเช่นนี้จะเรียกว่านี่คือโชคดีของเขาได้ไหมนะ เพราะว่าข้างกายของโอฟีเลียไม่เคยมีบุรุษหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวกับเธอมาก่อน และเพราะว่าไม่คุ้นเ
โอฟีเลียนั่งอยู่บนเตียงนอน เตาผิงถูกจุดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วด้วยฝีมือของคาเซล เขาเดินไปมาในบ้านแคบๆ หลังนี้ราวกับว่าตัวเขากำลังวุ่นไปหมด ในขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อมองดูคาเซลกำลังทำอาหารง่ายๆ เท่าที่วัตถุดิบจะมีซุปมันฝรั่งและเนื้อตากแห้ง อาหารสุดแสนจะธรรมดาที่ทำให้โอฟีเลียแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อเธอได้กินมันเข้าไป อาหารมื้อแรกของวัน และเป็นอาหารที่อร่อยมากที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา“เจ้าดู..คล่องแคล่วกับการทำอาหารมากเลยนะ”คาเซลยกยิ้มขึ้นมาจางๆ ที่มุมปาก เขาวางน้ำดื่มให้เธอก่อนจะนั่งลงข้างๆ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเพื่อเช็ดคราบซุปที่ติดอยู่บนริมฝีปากคู่งามนั้นเบาๆ“ข้าจำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่มันมีความทรงจำที่ผุดขึ้นมาราวกับเรื่องเล่า เหมือนกับว่าครั้งหนึ่งข้าเคยอยู่ผู้เดียวในสถานที่เช่นนี้ เคยใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวเพื่อหลบหนีจากผู้คน..”คำตอบของเขาทำเอาเธอรู้สึกจุกตื้อในอก ในวัยเด็กของคาลอสมันไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก เขาต้องหลบหนีนักฆ่าที่เคาน์เตสอัคราฟส่งมาเพื่อจัดการเขา..เด็กชายตัวน้อย ใช้สองเท้าของเขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อหลีกหนีคมดาบของนักฆ่ามากมายที
ความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นอยู่ในใจพวกนี้มันไม่สมควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันไม่ควรปล่อยให้หัวใจล่องลอยไปตามความอ่อนโยนของเขาตั้งแต่แรกเลย เพราะไม่อย่างนั้นการที่เขายื่นข้อเสนอมาเพื่อให้ฉันเลือก ฉันคงจะสามารถเลือกผลักไสเขาออกไป แทนที่จะทิ้งมีดในมือแล้วเลือกที่จะโอบกอดเขาเอาไว้แทน มีดในมือของโอฟีเลียร่วงหล่นไปอยู่บนพื้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอยกมือขึ้นแล้วโอบกอดคาเซลเอาไว้แน่น “คาเซล..” ชื่อปลอมๆ ของเขาถูกเรียกด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหวของเธอ และนั่นทำให้คาลอสล่วงรู้ได้ในทันทีว่าในใจของโอฟีเลีย เขามีน้ำหนักมากพอสมควร นั่นทำให้การลงทุนลงแรงเจ็บปวดตัวของเขามันได้ผลอย่างดีทีเดียว โอฟีเลียเป็นสตรีที่เก่งกาจเรื่องการหาเงินแต่ว่านางไม่ได้เก่งกาจเรื่องการต้านทานความรู้สึกของสั่นไหวของตัวเอง เขายกมือขึ้นมากุมใบหน้างามนั้นเอาไว้ในฝ่ามือด้วยความทะนุถนอม แสงเดียวที่เรามีคือแสงไฟจากเตาผิงที่กำลังลุกไหม้ เขายกยิ้มขึ้นมาก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าหาเธอ “สาบานได้เลยว่าข้าจะไม่มีวันเสียใจอย่างแน่นอนครับ” ตรงกันข้ามกับความเสียใจ คาลอสคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถลืมเลือนค่ำคืนแสนหวานคืนนี้ไปจากความทรงจำ
เนื้อตัวของเธอชาวาบด้วยความสุขสมจากการได้ปลดปล่อย ดวงตาคู่งามปรือปรอย เธอมั่นใจว่าตัวเองในยามนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเท่าไหร่นัก คาลอสแสยะยิ้มออกมาเมื่อด้านในของเธอตอดรัดเรียวนิ้วของเขาแรงๆ มันเป็นสัญญาณแสนสวยงามที่บ่งบอกว่าโอฟีเลียเสร็จสมออกมาแล้ว และนางกำลังเพลิดเพลินอยู่กับความรู้สึกหอมหวานหลังจากที่อะดินารีนกำลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย “มีความสุขมากเลยใช่ไหม แต่เดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่าการใช้นิ้ว..รับรองได้เลยว่าเจ้าจะรู้สึกดีมากกว่านี้หลายเท่าทีเดียว” เขาดันใต้ข้อพับเข่าของเธอสูงถึงเนินอก มือใหญ่รวบดันใต้ขา เท้าของเธอชี้เพดาน ท่าทางอล่างฉ่างน่าอายเหลือใจ โอฟีเลียหันหน้าไปมองทางอื่นเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา การมองหน้าเขาไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นักเพราะยิ่งเธอมองหน้าเขา หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น คาลอสจ้องมองอยู่ที่ร่องรักสีหวาน เขาถอดกางเกงตัวเองออกมาก่อนจะจับแก่นกายแข็งตึงราวกับท่อนไม้ ที่บอกเล่าความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดีว่าเขาต้องการเธอมากแค่ไหน เขาจับส่วนหัวปลายบวมแดงไปตีกระทบปากทางสวาท ลากไล้ไปจนทั่วปากทาง จนส่วนปลายบวมแดงถูกเคลือบด้วยของเหลวใสที
บอกตามตรงว่าโอฟีเลียมักจะรู้สึกสั่นไหวในทุกครั้งที่เธอกล่าวถึงเรื่องความทรงจำของเขาที่มันจะกลับคืนมา หรือว่าเธอกลัวว่าเขาจะทอดทิ้งเธอไปจริงๆ อย่างนั้นหรือ?ทำไมถึงคิดว่าเขาจะใจร้ายมากขนาดนั้นกัน..บอกตามตรงว่าเธอไม่มีทางรู้อย่างแน่นอนว่าในยามนี้เขารู้สึกเช่นไรกับเธอ คาลอสสาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยอยากได้ใครมากขนาดนี้มาก่อน สตรีใดก็เทียบไม่ได้กับโอฟีเลีย เทียบไม่ได้เลย..“ข้าต้องทำเช่นไรท่านถึงจะเชื่อว่าวาจาของข้านั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ข้าชอบท่านมากจริงๆ และไม่มีวันทอดทิ้งท่านไปต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม”เขาซบใบหน้าลงบนฝ่ามือของเธอด้วยท่าทางออดอ้อน ราวกับคาลอสกำลังบอกกล่าวโอฟีเลียด้วยทุกอย่างที่เขามีว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากก็ตาม แต่ทว่าความรู้สึกของโอฟีเลียมันแตกต่างกันเล็กน้อย เธอชอบเขา..ชอบมากในฐานะของคาเซล คราแรกที่เธอชอบเขาเพราะนิสัยที่ขยันเอาใจใส่เธอของเขา แต่ในช่วงเวลาต่อมาการที่เขาเข้ามาอยู่ในชีวิตของเธอมันทำให้เธอ..มีความสุข ทุกเรื่องเล็กน้อยของเธอมันคือเรื่องใหญ่สำหรับเขาเสมอ ช่วงเวลาที่ไร้ทางออกเมื่อหันหลังกลับไปมองเธอก็พบเจอคาเซลที่จะเดินเข้ามาจูงมือ
“ที่ดินตรงนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลย แล้วทำไมนายหน้าการขายที่ดินอย่างบารอนคอนเนอร์ถึงได้คิดจะมาเสนอขายที่ดินกับเรากันนะ..”คาลอสเอ่ยถามเบนจามินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาแวะมาที่นี่เพราะยังเหลือเวลาอีกนานมากทีเดียวกว่าจะถึงเวลากลับไปที่แอเรียนา“เรื่องนั้นข้าได้สืบดูชื่อเจ้าของที่ดินคนเก่าแล้วครับ นางให้การว่าที่ดินตรงนี้เป็นมรดกตกทอดมานานแล้ว จึงได้ให้นายหน้าการค้าที่ดินอย่างบารอนคอนเนอร์ช่วยขาย แล้วทางบารอนก็อยากจะฟังราคาจากเราว่าเราจะให้ราคาได้เท่าไหร่..เขาน่าจะได้ส่วนแบ่งค่านายหน้ามากพอสมควร”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในใจของคาลอสถึงได้คิดถึงชื่อของโอฟีเลียขึ้นมาทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวข้องกันเลย เขาคงจะคิดมากไปเองรึเปล่านะ“เช่นนั้นเจ้านัดบารอนวันไหนล่ะ ข้าอยากจะฟังรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายด้วย”“อีกสามวันข้างหน้าครับ..ว่าแต่นายท่านจะอยู่ที่แอเรียนาอีกนานมากแค่ไหนกันครับ ข้าทำงานแทนท่านมาหลายเดือนแล้วนะครับ..ข้าอยากมีวันพักผ่อนบ้าง อีกทั้งกับเรื่องบางเรื่องข้าตัดสินใจเองไม่ได้ก็ต้องรอคอยให้ท่านมาที่นี่ แล้วกว่าท่านจะมาบางทีลูกค้าของเราก็รอคอยไม่ไหวจนเขาไปที่อื่นกันหมด..นาย
เจมม่าร่ำไห้ออกมาเสียงดัง เสียงสะอึกสะอื้นของนางนั้นมันเหมือนกับว่านางกำลังจะขาดใจตรงนั้นจริงๆ ช่วงเวลาที่ผ่านนาง นางไม่สามารถนอนหลับได้อย่างมีความสุขเลยสักคืน มันทรมานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทุกครั้งที่หลับตาเหมือนกับว่านางถูกซาตานมาดึงรั้งวิญญาณของนางไป ความรู้สึกผิดและความละอายกอบกุมหัวใจของนางแน่น จนเจมม่ามองหน้าของจูเลียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำนางผิดต่อท่านดัชเชส ผิดต่อลูกสาวผู้ล้ำค่าของนาง..นางทำให้จูเลียนเป็นบุตรนอกสมรสที่ต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าผู้ใด..เพราะความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในความรักส่งผลให้ชีวิตของเจมม่าเป็นเช่นนี้“ข้าขอฝากท่านเซอร์ ขอโทษท่านดัชเชส ด้วยนะคะ..”เจมม่ากล่าวออกมาเสียงเบาบางราวกับลมหายใจของนางจะหมดลง นางล้มตัวนอนลงบนพื้นพร้อมกับมองหน้าของเซอร์เกรท“ท่านและข้าเราต่าง..เป็นคนสารเลว คำขอโทษของท่านข้าไม่ขอรับเอาไว้ เพราะมันไร้ความหมายเหลือเกิน..”เกรทหลับตาลงช้าๆ ความเจ็บปวดกำลังกอบกุมร่างกายของเขาเอาไว้เพราะฤทธิ์ของสารเสพติดที่ชะลอความเจ็บปวดนั้นกำลังจะหมดลง“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลยเจมม่า..เจ้าจะโกรธข้าก็ย่อมได้ ข้าจะขอชดใช้ให้เจ้าให้ชาติหน้าก็แล้วกันเพราะแบบนั้น..เจ
โอฟีเลียยกมือขึ้นมานวดขมับของตัวเองเบาๆ เธอกำลังนั่งอยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังแอเรียนา ส่วนจูเลียนไม่ได้กลับมาด้วยเพราะองค์จักรพรรดิยืนกรานเสียงแข็งว่าพระองค์ต้องการให้จูเลียนอยู่กับพระองค์ที่พระราชวังเลยเธอไม่ได้พูดคุยกับท่านพ่อแม้แต่ครึ่งคำ เมื่อพูดคุยกับองค์จักรพรรดิเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาเซลก็พาเธอเดินมาขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางกลับไปยังแอเรียนา ท่านพ่อยืนมองเธอราวกับว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูด แต่วันนี้เธอเหนื่อยมากเหลือเกิน เหนื่อยมากเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกบั่นทอนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะแบบนั้นเธอถึงได้เดินหนีขึ้นรถม้ามา..คาลอสยื่นมือมาปัดเส้นผมออกจากดวงตาของโอฟีเลียเพื่อให้เขามองเห็นหน้าของเธอได้ชัด เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะจับศีรษะของเธอให้เอนซบลงบนไหล่ของเขา เขาจุมพิตลงบนเรือนผมของเธอด้วยความทะนุถนอมและอ่อนโยนราวกับเขาหวาดกลัวว่าเธอจะแหลกสลายไปสายตาที่เคร่งขรึมของเขาถูกแทนที่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย“วันนี้ข้าทำซุปให้ท่านทานดีไหมครับ วันนี้เปลี่ยนเป็นซุปข้าวโพดบ้างดีว่าท่านน่าจะเบื่อซุบมันฝรั่งแล้ว..”เขายื่นนิ้วชี้ไปนวดหัวคิ้วที่กำลังขมว
“หัวหน้าของท่านชื่ออะไรหรือครับท่านเซอร์”ทหารที่ยืนอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาศีรษะแก้เขิน“ข้าไม่ใช่เซอร์อะไรหรอก เป็นแค่ทหาร ธรรมดาๆ เท่านั้น หัวหน้าของเราที่เดินไปกับคุณหนูของเจ้าเมื่อครู่ต่างหากที่เป็นท่านเซอร์ตัวจริง เซอร์บรูคลินน่ะ”คาลอสหัวเราะออกมาเบาๆ“อย่างนั้นเองสินะครับ ข้านึกว่าพี่ชายเป็นเซอร์ซะอีก ท่านดูภูมิฐานมากๆ ชุดเครื่องแบบก็เท่มากอีกด้วย”เมื่อได้รับคำชมทหารผู้นั้นก็ยืนหลังตรงในทันทีพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก“ฮะ..ฮ่า ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”เมื่อได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว คาลอสก็เดินออกมาเพื่อเดินไปหาจูเลียนเซอร์บรูคลินอย่างนั้นสินะ คอยดูเถอะเขาจะสั่งให้เบนทำลายทุกธุรกิจที่หมอนั่นทำอยู่เลย กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องมือของโอฟีเลีย แถมยังมองนางด้วยสายตาน่ารังเกียจเช่นนั้นอีก“ท่านพี่จะกลับมาแล้วใช่ไหมคะ นางจะโกรธข้าไหม?”คาลอสถอนหายใจ“คราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้มากหน่อยสิ หากมีของที่อยากขายก็ไปขายที่กลุ่มการค้าเทอรัน ปัญหาจะได้ไม่มี คุณหนูก็จะไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาในสภาพตกใจเช่นนี้ด้วย”จูเลียนขบเม้มริมฝีปากเบาๆ พี่สาวของเธอยังไม่ด่าขนาดนี้เลยนะ แต่หมอนี่ขยันด่าเ
เมื่อได้ยินคำถามนั้นทหารที่รับผิดชอบต่อคดีนี้ก็ยินยอมส่งมอบตราสัญญาลักษณ์ให้กับเลดี้แอเรียนาเรือนผมสีแดงนั่นทำให้สตรีผู้นี้โดดเด่นมากกว่าใครที่เขาเคยพบเห็นความงดงามที่ไม่มีใครรู้จักภายใต้ชื่อของแอเรียนา ทหารคนอื่นในที่แห่งนี้ก็อยู่ในอาการเหม่อลอยเช่นเดียวกันกับเขาโอฟีเลียยื่นมือไปรับตรานั้นมาตรวจดู เธอไม่อยากจะคิดแบบนี้เท่าไหร่เพราะว่านี่มันไม่ได้เป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยายเลย คนรักของจูเลียนจะต้องเป็นองค์รัชทายาทซึ่งเป็นหลานขององค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ในความคิดของเธอมันไม่แปลกหรอกที่จูเลียนและองค์รัชทายาทจะพบเจอกัน เรื่องราวแสนโรแมนติก มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วในนิยายเรื่องนี้“ในเมื่อเจ้าบอกว่าชายผู้นั้นให้เจ้านำตรานี่มอบให้ทหารที่หน้าประตู พวกทหารก็จะพาเข้าไปพบเขาเพื่อรับรางวัลใช่หรือไม่”จูเลียนพยักหน้า“ข้ารู้ว่าข้าผิดที่เอามันไปขาย แต่เพราะว่าข้าไปไม่อยากไปที่พระราชวัง พี่คะ..ข้าผิดไปแล้วจริงๆ พี่อย่าโกรธข้าเลยนะคะ”คาลอสส่งผ้าเช็ดหน้าของเขาให้กับนักบุญหญิงจูเลียน“ตั้งสติก่อนเถอะครับ แล้วก็หากอยากรู้ว่าตรานี่เป็นของใครเราก็แค่เอาตรานี่เดินทางไปที่พระราชวัง ข้าหวังอย่างยิ่งว่าทห
ซิลเวสเตอร์ตกใจเล็กน้อยที่นักบุญหญิงผู้นี้สามารถรู้ปัญหาที่เขากำลังพบเจอเพียงแค่นางมองเห็นจากภายนอกเท่านั้น“อืม นี่เป็นปัญหาใหญ่หลวงของข้ามากทีเดียว ขนาดที่ว่าหมอที่เก่งกาจมากที่สุดยังรักษาไม่หายเลย มีคนแนะนำให้ข้าเดินทางมาที่นี่ ข้าก็เลยลองมาดู”จูเลียนพิงไม้กวาดเอาไว้ที่ม้านั่ง เธอเช็ดมือของตัวเองเข้ากับผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่ที่เอวก่อนจะจับมือของชายผู้นั้นเอาไว้ เขาน่าจะอายุ30กว่าๆ และที่มือของเขานิ้วหัวแม่มือก็ด้านจากการจับดาบเป็นเวลานานและทันทีที่นักบุญหญิงผู้นี้แตะมือของเธอลงบนร่างกายของเขา มันก็เหมือนกับมีสายลมอุ่นๆ จากฤดูร้อนพัดผ่านเขาไปในทันที เขารู้สึกได้เลยว่าความเหนื่อยล้ามากมายที่ตัวเองแบกมาทั้งหมดมันจางหายไปเป็นปลิดทิ้งนี่สามารถเรียกได้ว่าเขาพบเจอกับปาฏิหาริย์ได้ไหมนะ“พระเจ้าช่วย อาการเหนื่อยล้าของข้ามันจางหายไปหมด แค่เจ้าแตะมือคู่นั้นลงมา”จูเลียนส่งยิ้มให้เขา เธอรู้ดีว่าพลังของตัวเองมันมากมายแค่ไหนแต่เพื่อที่เธอจะได้ออกไปจากที่นี่เธอจึงปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด“ข้าจะขอบคุณท่านมากหากว่าท่านปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ”เธอกล่าวพร้อมกับแบมือออกไป“ค่ารักษาค่ะ อย่างที
เหมือนว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนช้าลงเมื่อ คาเซลกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นมาให้เธอได้รับฟัง มันคล้ายว่าถ้อยคำเหล่านั้นคือการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในนั้นเธออ้าปากออกเล็กน้อยเพื่อทานซุปมันฝรั่งที่เขาป้อน ก่อนจะดื่มน้ำชาร้อนๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา“หากในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ความทรงจำทั้งหมดของเจ้ากลับคืนมา แล้วเจ้ายังต้องการเป็นคาเซลของข้าอยู่ เราค่อยมาพูดคุยเรื่องนี้กันอีกที..ข้าก็คือข้า..คาเซล ข้าคือโอฟีเลีย แอเรียนา ว่าที่ดัชเชสคนต่อไปของแอเรียนา หากเจ้าต้องการจะเป็นคาเซลของข้าต่อไปเจ้าจะต้องมาอยู่กับข้าเท่านั้น เพราะว่าข้าไม่มีวันละทิ้งแอเรียนาไปเพื่อเจ้าหรอกนะ..”ชีวิตจริงกับบทกวีนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่แอเรียนานั้นเป็นมากกว่าบ้าน แต่ที่นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ โอฟีเลียไม่มีวันยินยอมแต่งงานเพื่อไปใช้ชื่อตระกูลของคนอื่น เธอไม่อยากให้ตระกูลแอเรียนาจบลงที่เธอ..บางทีเธอก็คิดนะว่าหากท่านแม่ไม่ได้หย่ากับท่านพ่อ เธอจะมีชีวิตที่มันง่ายดายมากกว่านี้รึเปล่า อาจจะไม่ได้ต้องสนใจสายตาของผู้อื่นมากมายขนาดนั้นก็ได้..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็กล่าวโทษท่านแม่ไม่ลงเหมือนกัน สิ่งที่ท่า
ใบหน้างามของจูเลียนงอง้ำ เมื่อเธอนั่งรถม้ามากับผู้ช่วยของท่านพี่มากกว่าที่จะเป็นท่านพี่ของเธอชายผู้นี้กล่าวว่าเมื่อคืนท่านพี่ของเธอทำงานหนักจนตื่นเช้าไม่ไหว เขาจึงต้องมาส่งเธอที่วิหารแทนท่านพี่“ท่านอยากจะออกมาจากวิหารไหมครับ”คำถามนั้นส่งผลให้จูเลียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“หากให้ข้าตอบตามตรงข้าอยากจะออกมาจากที่นั่นค่ะ ข้าไม่ชอบที่ถูกนักบุญหญิงด้วยกันรังแก แล้วข้าก็ไม่ชอบที่ข้าไม่มีอิสระ เพียงแต่ข้ายังออกมาไม่ได้เพราะว่าท่านแม่ของข้าอยู่ที่นั่น..”คาลอสเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง กับบางคนก็มีชีวิตเพื่อทำลายชีวิตของผู้อื่นไปเรื่อยๆ จนกว่าตัวเองจะตายอย่างนั้นเองสินะ“เช่นนั้นก็รอคอยวันที่ท่านจะออกมาจากที่นั่นได้ ข้าจะมารับท่านเอง”ดวงตาของจูเลียนเปล่งประกายขึ้นมา“ท่านจะมาช่วยข้าอย่างนั้นหรือคะ ท่านพี่ให้ท่านมาช่วยข้าใช่ไหม อ๊ะ..ข้าหมายถึงเลดี้แอเรียนา”เด็กคนนี้ตรงไปตรงมามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก นางมองเห็นโอฟีเลียเป็นพี่สาว เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของนางสินะแต่โอฟีเลียคือภรรยาของเขาต่างหาก เขาไม่ยอมให้โอฟีเลียไปเป็นพี่สาวของใครหรอก ชีวิตของนางแค่เป็นภรรยาของเขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว