Share

บทที่ 7 ต่อปากต่อคำ

last update Last Updated: 2025-04-05 15:37:11

ภายในงานเลี้ยงผู้คนต่างกินดื่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังร่วมกันอวยพรให้เซวียนชินอ๋องอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เซวียนชินอ๋องรู้สึกมีหน้ามีตาเป็นอย่างมาก 

มู่หลานเฟินที่สลัดเซวียนซานหลางออกมาได้แล้วก็กลับมาหาเซวียนเจ๋อ นางไม่มีสหายเป็นสตรีสักคน ทำได้เพียงตัวติดกันอยู่กับเซวียนเจ๋อญาติผู้พี่สองคน ต่างคนต่างรินสุราให้กัน เซวียนเจ๋อนั้นคออ่อน ดื่มไปเพียงไม่กี่จอกก็เมาเสียแล้ว นางจึงสั่งให้คนพาเขากลับไปพักที่เรือนนอนเสีย ส่วนตนก็นั่งมองสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อย

ตั้งแต่ทะเลาะกันครั้งนั้นอวี้หลิงป้ามหาภัยก็ไม่บังคับอะไรนางอีก แม้จะด่าทอนางและเซวียนเจ๋ออยู่บ้าง แต่ดูเหมือนจะลารามือไปบ้างแล้ว

"เจ้าดูสิ คนเราน่ะ ไม่มีสหายคบหาก็เป็นเช่นนี้ละ ต้องนั่งโดดเดี่ยว เล่นกับก้อนหินใบหญ้า ช่างน่าสงสารยิ่งนัก"

อยู่ๆก็มีเสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมา มู่หลานเฟินเงยหน้าไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเหล่าสตรีน้อยที่มาร่วมงาน หนึ่งในนั้นมีสวีเมิ่งเหยารวมอยู่ด้วย

สวีเมิ่งเหยายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย

"พวกเจ้าจะเอ่ยวาจาเช่นนี้ไปทำไมกัน นางน่ะน่าเห็นใจออก นอกจากจะไม่มีคนคบหาแล้ว ฐานะยังต่ำต้อย ตระกูลคหบดีน่ะเทียบไม่ได้กับตระกูลขุนนางอย่างพวกเราหรอก แต่บิดาข้าเคยสอนข้าว่า คนเราไม่ควรแบ่งแยกสูงต่ำ ควรมองกันที่จิตใจ"

“สวีเมิ่งเหยาเจ้าช่างใจกว้างโดยแท้”

สตรีอีกคนที่อยู่ในกลุ่มคุณหนูผู้สูงศักดิ์เอ่ยยกยอสวีเมิ่งเหยาจนนางตัวลอย

มู่หลานเฟินเมื่อได้ฟังก็เบ้ปากคราหนึ่ง สวีเมิ่งเหยาเป็นพวกซ่อนเข็มไว้ในผ้าแพร ภายนอกดูอ่อนโยนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่ภายในกลับซ่อนความอำมหิตเอาไว้

สตรีน้อยอีกคนหันมามองมู่หลานเฟิน ก่อนจะเอ่ย

"จริงอยู่ที่ว่าคนเราไม่แบ่งสูงต่ำ แต่ควรจะเจียมตน ไม่ใช่วันๆคิดใฝ่สูงแต่จะอาจเอื้อมตำแหน่งชายาซื่อจื่อ ช่างไม่เจียมตนเสียจริง"

สวีเมิ่งเหยายกยิ้มมุมปาก นางต้องการให้สตรีน้อยเหล่านี้เอ่ยวาจาเหน็บแนมมู่หลานเฟินจนนางเกิดโทสะและระเบิดอารมณ์ด้วยการตบตีคนออกมา ยิ่งมู่หลานเฟินทำตัวขายหน้าต่อหน้าเซวียนซานหลางมากเท่าใด เขาก็จะเกลียดนางมากขึ้นเท่านั้น สวีเมิ่งเหยาต้องการบ่มเพาะความเกลียดชังในใจของเซวียนซานหลางที่มีต่อมู่หลานเฟินให้มากขึ้น เพียงเท่านี้นางก็จะวางใจได้แล้วว่าสตรีนางนี้จะไม่มีวันยั่วยวนบุรุษที่นางมีใจรักใคร่ได้สำเร็จ

มู่หลานเฟินมีหรือจะมองไม่ออกว่าสวีเมิ่งเหยาคิดจะทำสิ่ง นางผ่านโลกมามากมาย ผ่านการใช้ชีวิตมาหลายภพหลายชาติ ได้พบเจอผู้คนมามากมาย ชาติแรกก็เคยอยู่ในวังหลวง พบเจอเหล่าสตรีพูดจาเหน็บแนมทำร้ายกันมาไม่น้อย แผนการปัญญาอ่อนเช่นนี้มีหรือนางจะคาดเดาไม่ออก หากเป็นมู่หลานเฟินคนเก่ายามนี้คงลุกขึ้นวิ่งไล่ตบคนแล้ว

แต่ไม่ใช่กับนาง

หญิงสาวยกจอกสุราขึ้นดื่มทำเป็นไม่ได้ยินวาจาเน่าหนอนที่เหล่าสตรีน้อยปากมากพวกนั้นพูดจาทิ่มแทงเสียดสี สตรีว่างงานพวกนี้ก็แค่อิจฉาที่นางได้อยู่ร่วมจวนกับเซวียนซานหลางจึงมาหาเรื่องนาง

  สวีเมิ่งเหยาที่เห็นว่ามู่หลานเฟินทำเป็นไม่สนใจตน ก็หันไปส่งสายตาให้เหล่าสหาย สตรีน้อยที่มาจากตระกูลอวิ๋นพยักหน้าให้สวีเมิ่งเหยา ก่อนจะเอ่ยกับมู่หลานเฟิน

"มู่หลานเฟิน เจ้านั่งคนเดียวไม่เหงาหรือ ไปนั่งกับพวกเราดีหรือไม่ โอะ ไม่เป็นไรนะ ใครไม่คบเจ้าข้ายินดีลดตัวมาคบกับเจ้าก็ได้"

"ใช่ๆ พวกเรายินดีลดตัวไปคบหาเจ้าได้ ขอเพียงเจ้าไม่สร้างปัญหาก็พอแล้ว"

สตรีน้อยน่ารำคาญยังคงพล่ามไม่หยุด มู่หลานเฟินละสายตาจากสุราตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าไปมองพวกนาง และยิ้มตาหยี

"ข้าว่าพวกเจ้านี่คงจะชมละครในโรงน้ำชามากเกินไปกระมัง วาจาจึงสำบัดสำนวนเหมือนพวกนางร้ายในโรงละครอันใดเทือกนั้น ขออภัยด้วยนะ ข้าไม่ได้รู้สึกรู้สาอันใดกับวาจาเน่าเหม็นของพวกเจ้าหรอก อีกอย่าง ข้ามีหลายอย่างต้องทำไม่มีเวลาไปแย่งชิงหรือไล่ตามบุรุษเช่นพวกเจ้า ขอเตือนอีกหน เอาเวลาที่มาเหน็บแนมผู้อื่นไปดูแลตนเองดีกว่า เจ้าน่ะ ใช้สายตามองเหยียดคนอื่นจนตาดำจะไหลมากองรวมกันแล้วไม่สิ ตาเขแล้ว! ส่วนเจ้าน่ะชอบเอ่ยวาจาเหน็บแนมคนจนปากเริ่มจะเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ตายสิ เจ้าก็ด้วย สวีเมิ่งเหยา เจ้าคงรีบออกจากบ้านมาเพื่อมายั่วยวนบุรุษที่ตนหลงใหลสินะ จึงลืมส่องกระจก เจ้าพอกแป้งหนาเกินไป ผิวหน้าไปอีกทางผิวคอไปอีกทางเช่นนี้บุรุษที่ใดจะตกหลุมรักเจ้ากัน ให้ตายเถอะ นางเอกโรงงิ้วยังแต่งหน้างามกว่าเจ้าอีก"

มู่หลานเฟินเอ่ยวาจาตอกกลับพวกนางพร้อมกับชี้หน้าเรียงตัวอย่างไม่เกรงกลัว สตรีน้อยหน้าบางเมื่อได้อย่างนั้นก็เริ่มลนลาน ถึงขนาดหันไปถามกันเองว่าตาดำของนางไหลมารวมกันจนเขอย่างที่มู่หลานเฟินบอกจริงหรือไม่

แม้แต่สวีเมิ่งเหยายังเสียความมั่นใจ นางถึงกับหันไปถามสาวใช้ข้างกายว่าหน้ากับคอนางพอกแป้งไม่เท่ากันอย่างที่มู่หลานเฟินกล่าวหาจริงหรือไม่

มู่หลานเฟินยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย

"ที่พวกเจ้ามาหาเรื่องข้าก็เพราะว่าเซวียนซานหลาง แม้ข้าจะต่ำต้อยแต่กลับได้อยู่ร่วมจวนกับเขา ได้เห็นหน้าเขาทุกวันแต่พวกเจ้ากลับไม่มีโอกาสนั้น ใช่หรือไม่ ปัญญาอ่อน ไสหัวของพวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่อยากเสียเวลามาทะเลาะด้วย ไร้สาระสิ้นดี ชีวิตข้าไม่ได้เกิดมาเพื่อตามจับบุรุษให้เปลืองเวลาชีวิตหรอกนะ ไปไป ชิ่วชิ่ว"

สวีเมิ่งเหยากำมือแน่น นอกจากจะหาเรื่องมู่หลานเฟินไม่สำเร็จแล้ว นางยังขายหน้าแทนแล้วยังลากเหล่าสหายมาขายหน้าด้วย

เมื่อไม่อาจทำสิ่งใดได้ พวกนางจึงเดินกระฟัดกระเฟียดจากไปทันที มู่หลานเฟินถึงกับถอนหายใจโล่งอก นางก้มหน้ามองพื้นหญ้า ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยก้อนหินเล่นอย่างเบื่อหน่าย

เซวียนซานหลางเดินผ่านทางมาพอดีและได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้แล้ว ชายหนุ่มหรี่ตามองมู่หลานเฟิน รู้สึกว่าระยะหลังมานี้นางออกจะแปลกไปจริงๆ

"ซื่อจื่อ ข้าได้ยินมาว่าน้องหรานหร่านมีใจชอบพอในตัวท่าน แต่ท่านไม่ชอบนาง น่าเสียดายยิ่งนัก ข้าว่านางน่าสนใจดี หน้าตาก็งาม ท่านไม่ใจอ่อนหน่อยหรือ"

เสิ่นเหวยอันโผล่มายืนข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบได้ ทำเอาเซวียนซานหลางถึงกับต้องหันขวับมามอง

เขาและเสิ่นเหวยอันนั้นเรียกได้ว่าไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าใดนัก ตั้งแต่สมัยเรียนก็แข่งขันกันอย่างลับๆ เดิมทีเขาไม่ค่อยชอบสุงสิงกับผู้ใด แต่เจ้าบ้าเสิ่นเหวยอันเป็นพวกบ้าพลัง มักจะมาท้าเขาทุกวัน วันนี้ท้าต่อสู้  วันต่อไปท้าดื่มสุรา วันต่อไปท้าท่องตำรา เขาเบื่อหน่ายจึงยอมทำตาม บางครั้งเขาแพ้ บางครั้งเสิ่นเหวยอันแพ้ สลับกันอยู่เช่นนี้ ทุกครั้งจะมีซูอวี้เฉิงคอยเป็นตัวผสมโรงและห้ามปรามในบางโอกาศ หากเอ่ยตามตรงแล้ว เขาสนิทกับซูอี้เฉิงมากกว่าเสิ่นเหวยอัน

หลังจากที่เติบโต เขาได้นำกองทัพออกรบมีความดีความชอบ แม้จะมีแม่ทัพใหญ่คนใหม่ขึ้นมาแทนตระกูลของเขา แต่ฝีมือกลับด้อยกว่าเขายิ่งนักส่วนเสิ่นเหวยอันนั้นได้เป็นถึงหัวหน้าสำนักบูรพา ทำงานขึ้นตรงกับฝ่าบาทเพียงผู้เดียว เพราะตำแหน่งนี้สำคัญและเกี่ยวพันถึงชีวิต จึงไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ เสิ่นเหวยอันจึงใช้ชีวิตเยี่ยงบุรุษเจ้าสำราญ อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าศาลต้าหลี่ คอยจับคนร้ายและนักโทษแหกคุกมาไต่สวน คนนอกอาจมองว่าเขาไม่ได้เรื่องได้ราว แต่เซวียนซานหลางรู้ดีว่าเสิ่นเหวยอันเป็นคนเก่งที่หาตัวจับยาก หากไม่มีความสามารถจริง คงไม่อาจรั้งตำแหน่งหัวหน้าสำนักบูรพาของราชสำนักได้

ส่วนซูอวี้เฉิงนั้นรั้งตำแหน่งหัวหน้าองค์รักษ์เสื้อแพร ตำแหน่งต่ำกว่าเสิ่นเหวยอันขั้นหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยตั้งตนเป็นศัตรูกัน

เซวียนซานหลางปรายตามองเสิ่นเหวยอันพลางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

"ใต้เท้าเสิ่น ข้ารู้สึกว่าระยะหลังมานี้ท่านดูเหมือนจะใส่ใจเรื่องในจวนของข้ามากเกินไปแล้ว"

"ข้าเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็นซื่อจื่อก็รู้นี่"

"เหอะ"

"คืนนี้นัดพบกันตามสถานที่นัดหมายเดิม คดีที่ต้องไปจัดการดูเหมือนจะมีนัยยะบางอย่างแอบแฝง จะรอช้าไม่ได้แล้ว"

"อืม"

เซวียนซานหลางตอบรับคำทั้งที่ไม่มองหน้าเสิ่นเหวยอัน เสิ่นเหวยอันเองก็คร้านจะใส่ใจท่าทีเย็นชาของเซวียนซานหลางเช่นเดียวกัน เขาเอาแต่จับจ้องมู่หลานเฟิน สตรีน้อยที่เอาแต่ดื่มสุราและกินขนมอยู่ใต้ต้นไม้เพียงลำพังด้วยแววตาที่สนอกสนใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็หันไปกระซิบข้างหูเซวียนซานหลาง

"น้องหรานหร่านงามมาก ซื่อจื่อท่านว่าไหม ในจวนท่านนี่มีแต่ของดีจริงๆ"

"เสิ่นเหวยอัน เจ้าหุบปากได้หรือไม่!"

"โอว ขออภัย ข้าจะพยายามไม่สอดรู้สอดเห็นก็แล้วกันนะ แต่น้องหรานหร่านงามมาก ท่านว่าจริงหรือไม่ซื่อจื่อ ตอบข้าให้ชื่นใจหน่อยสิ!"

เซวียนซานหลาง “......”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 8 คดีแรก

    งานเลี้ยงก็จบลงเช่นนี้ เซวียนชินอ๋องดื่มจนเมามายไม่ได้สติ อวี้หลิงก็ออกคำสั่งให้บ่าวไพร่ในจวนเก็บกวาดลานเรือนให้เรียบร้อย ส่วนมู่หลานเฟินก็เดินกลับเรือน ระหว่างทางนางเดินผ่านสระบัว หญิงสาวหยุดมองดูมันพลางครุ่นคิด นี่คือสระบัวที่มู่หลานเฟินคนก่อนตกลงไปและถึงแก่ชีวิตจนจากโลกนี้ไปแล้วนางก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทนมู่หลานเฟินมองเงาของตนที่สะท้อนบนผิวน้ำ แสงจันทร์ยามค่ำคืนทำให้นางมองเห็นภาพสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำได้อย่างชัดเจน ใบหน้านี้งดงามอ่อนเยาว์ นางเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปในโลกอนาคตที่ตนเองจากมาอีกครั้งไม่รู้ว่าผ่านมากี่ครั้งแล้วที่นางทะลุมิติไปเป็นคนนั้นทีคนนี้ที เป็นคนบ้าง เป็นสัตว์บ้าง เป็นบุรุษบ้างนับว่าครั้งนี้ได้เป็นตัวเองเสียที แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้ได้อีกนานเท่าใดนัก เพราะจากหลายๆเหตุการณ์ในชาติก่อนๆ นางนั้นมีอายุไม่ยืนยาวสักเท่าใดนักหญิงสาวถอนหายใจออกมา ยังไม่ทันจะเดินกลับเรือนก็ได้ยินเสียงของป้ามหาภัยเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน"หลานสาวตัวดี เจ้ายังมีอารมณ์มายืนชมนกชมไม้ ชมสระบัวอยู่อีกหรือ"มู่หลานเฟินกลอกตาไปมา ก่อนจะหันมามองอวี้หลิงอย่างเอือมระอา"ข้าจะไปนอนแล้ว

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 9 เมืองถงหวาง

    ท้ายที่สุดแล้วเซวียนซานหลางก็จำต้องให้มู่หลานเฟินติดตามไปด้วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เรื่องการสืบคดีนับว่าเป็นงานราชการลับที่ฝ่าบาททรงมอบหมายให้ เพราะอย่างนี้เซวียนซานหลางจึงไม่ได้บอกกับผู้ใดแม้กระทั่งบิดาของตน อีกทั้งยังกำชับมู่หลานเฟินอีกด้วยว่าห้ามนางปากเปราะ หลายวันมานี้มู่หลานเฟินแทบจะกระดิกตัวทำสิ่งใดไม่ได้ เพราะมีคนของเขาจับตาดูนางอยู่ตลอดเวลาหลายวันต่อมา เซวียนซานหลางบอกกับเซวียนชินอ๋องว่าเขามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการที่นอกเมืองหลวง อีกทั้งจะออกครั้งนี้เดินทางไปนานเสียหน่อยไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด และยังต้องการให้สาวใช้ติดตามไปคอยรับใช้สักคนสองคนเพื่อดูแลเรื่องความเป็นอยู่ หากจะไปหาซื้อสาวใช้ที่นอกเมืองหลวงเกรงว่าจะทำงานไม่ได้เรื่องเท่าสาวใช้ที่ได้รับการฝึกฝนในจวนใหญ่ อวี้หลิงเมื่อได้ทราบเรื่องก็รีบไปบอกกับเซวียนชินอ๋องว่าอยากให้มู่หลานเฟินติดตามไปคอยดูแลเซวียนซานหลางด้วย เซวียนชินอ๋องเองก็ตกปากรับคำ อย่างไรเขาก็อยากให้บุตรชายแต่งงานกับมู่หลานเฟินอยู่แล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงไปบอกเรื่องนี้กับบุตรชายทันทีเซวียนซานหลางเมื่อได้ฟังก็แสร้งทำทีเป็นคัดค้านเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 10 ปลอมตัว

    คนทั้งหมดเดินทางเข้ามาเมืองถงหวางอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้าที่จะเดินทางมา เซวียนซานหลางได้ให้องค์รักษ์ของตนมาสำรวจลู่ทางของที่นี่เรียบร้อยแล้ว อาต่งองค์รักษ์ของเขาได้ซื้อบ้านเล็กๆหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในตลาด เป็นร้านของอดีตเถ้าแก่ร้านขายอาหาร แต่เพราะในเมืองถงหวางเกิดเรื่องมากมาย เถ้าแก้ร้านจึงย้ายออกไปอยู่เมืองอื่นพร้อมกับบุตรสาวของตนบ้านหลังนี้ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปพอให้พักกันได้สบายๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต เซวียนซานหลางจึงให้มู่หลานเฟินพักอยู่ในห้องเดียวกัน และยังตั้งกฎกับนางว่าห้ามล้ำเส้นเขา ไม่อย่างนั้นดาบในมือของเขาอาจจะพลาดพลั้งบั่นคอนางขาดได้ มู่หลานเฟินลอบเบ้ปาก เขาจะหลงตนเองเกินไปแล้วกระมัง นางมีหรือจะอยากเข้าใกล้เขาขนาดนั้น แค่หายใจร่วมกันยังแทบจะหายใจไม่ออก นี่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกันอีก ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดกว่าจะไขคดีจบสิ้น นางอึดอัดจะตายอยู่แล้วด้านเซวียนเจ๋อนั้นก็พักอยู่อีกห้องหนึ่งใกล้ๆกับลั่วเหมย เพราะเซวียนซานหลางสั่งห้ามไม่ให้เขาแต่งเป็นบุรุษ เขาจึงต้องยืมเสื้อผ้าของลั่วเหมยมาสวมใส่ โชคดีที่ตัวของเขาผอมบางจึงใส่เสื้อผ้าของลั่วเหมยได้ ลั่วเหมยถึงกับหมดอาลัยตายอยาก

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 11 ศพ

    เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาเองไม่ได้กลิ่นอันใด แต่เสียงที่มู่หลานเฟินบอกนั้นตลอดหลายคืนมานี้เขาจะพอจะได้ยินอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาไปสอบถามเสิ่นเหวยอันก็ได้ความว่าเสิ่นเหวยอันก็ได้ยินเช่นเดียวกันการเดินทางเข้าเมืองถงหวางครั้งนี้เขาไม่ได้แจ้งต่อท่านเจ้าเมือง เพราะต้องการสืบคดีให้แน่ชัด การที่มีคนนอกล่วงรู้เรื่องนี้มากเกินไปอาจไม่ส่งผลดีต่อรูปคดีที่สำคัญตัวตนของเขาพวกเขาได้ถูกปิดบังอย่างชัดเจนแล้ว ก่อนเข้าเมืองก็ได้จัดการเอกสารหลักฐานที่ใช้เข้าเมืองได้อย่างแนบเนียนไม่มีพิรุธ"คืนนี้ข้าจะไปตรวจดูรอบๆเมือง เจ้าอยู่ในบ้านปิดหน้าต่างและประตูให้ดี""ข้าไปด้วยสิ"มู่หลานเฟินรีบอ้อนวอนเซวียนซานหลาง แต่ชายหนุ่มกลับมองนางเหมือนมองตัวปัญหา"อย่าเป็นตัวถ่วงข้า""ตัวถ่วงอันใดกันเล่า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าจมูกดีมาก หูข้ารึก็ดีกว่าท่าน ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยให้ท่านและพี่เสิ่นตามเบาะแสของคนร้ายได้ ข้ารับรองว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่านแน่นอน ไม่ต้องกังวล""ไม่...""ที่น้องหรานหร่านเอ่ยมาก็นับว่ามีเหตุมีผล ซื่อจื่อ ท่านก็อย่าเอาแต่ใจนักเลย"เสียงที่คุ้นเคยทำให้เซวียนซานหลางถึงกับหัวเสีย เป

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 12 วางแผน

    ข่าวการตายของสตรีนางนั้นรวมไปถึงหญิงสาวต่างหมู่บ้านอีกหลายคนเริ่มลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น สตรีทั้งในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้านล้วนหวาดกลัว ไม่แต่งงาน แม้แต่เหล่าบุรุษก็ยังไม่กล้าสู่ขอสตรีอันเป็นที่รักของตนแต่งงานด้วย เพราะเกรงว่าพวกนางจะถูกวิญญาณร้ายมาเอาตัวไป ชาวบ้านต่างปักใจเชื่อว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของวิญญาณผีสาวนางนั้น แต่มู่หลานเฟินกลับไม่คิดเช่นนั้น จากร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นางมั่นใจเต็มร้อยว่ามันเป็นการฆาตรกรรมอำพรางฆาตรกรลงมืออำมหิตเป็นอย่างมาก ช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกินสิ่งที่น่ากังวลมากไปกว่านั้นก็คือพวกนางไม่อาจรู้ได้เลยว่าผู้คนที่เดินวนไปเวียนมาอยู่รอบกายของนางใครกันแน่คือฆาตรกรตัวจริงเช้าวันนี้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันยังคงไปสืบหาเบาะแสของคดีอย่างเช่นที่เคยทำ ส่วนมู่หลานเฟินและเซวียนเจ๋อก็อยู่ที่ร้านเพื่อรอฟังข่าวคราว เซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่ได้รับรู้เรื่องราวน่าหวาดหวั่นก็ไม่กล้าทำตัววุ่นวายเท่าใดนัก"หรานหร่าน เจ้าคิดว่าเป็นฝีมือของวิญญาณผีสาวตนนั้นหรือไม่"เซวียนเจ๋อเอ่ยถามนางในขณะที่มือก็แกะเมล็ดถั่วกินไปด้

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 13 ฆาตรกรปรากฏตัว

    สามวันต่อมาก็เป็นวันแต่งงานของเซวียนซานหลางและมู่หลานเฟิน นางถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากพลางหาววอดๆ อีกทั้งยังบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน ลั่วเหมยที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยวาจาใดไม่ออก แต่ไหนแต่ไรเจ้านายของนางรักหน้าตาเป็นที่สุด อีกทั้งยังพิถีพิถันเป็นอย่างมาก จะออกจวนแต่ละคราต้องแต่งหน้าแต่งตัวอยู่นานสองนาน แต่ยามนี้คุณหนูคนเดิมกลับหายไปไหนไม่รู้ได้ เจ้านายคนนี้ของนางในตอนนี้นอกจากจะไม่เรื่องมาก ไม่ตบตีนางแล้ว ยังแบ่งอาหารให้นางกิน มู่หลานเฟินกินสิ่งใดนางก็ได้กินด้วย อีกทั้งยังไม่เรื่องมากเจ้ากี้เจ้าการเช่นแต่ก่อน หากเทียบกันแล้ว นางกลับชอบมู่หลานเฟินในตอนนี้มากกว่า"คุณหนู บ่าวจะสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้นะเจ้าคะ คุณหนูต้องระวังและดูแลตนเองให้ดี เดิมทีคุณหนูสามารถใช้ข้ออ้างในการแต่งงานครั้งนี้ผูกมัดเขาเอาไว้ บอกว่าเขาและท่านแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วที่เมืองถงหวาง บ่าวจะช่วยเป็นพยานให้ท่านเอง เมื่อข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกซื่อจื่อก็จะไม่อาจปฏิเสธคุณหนูได้อีก"ลั่วเหมยพยายามเอ่ยโน้มน้าวเจ้านายตน แต่มู่หลานเฟินที่ได้ยินกลับส่ายหน้าไปมา"ลั่วเหมย ท่านป้าของข้าสั่งให้เจ้ามา

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 14 แรงจูงใจ

    อาหลินบุตรสาวเจ้าเมืองเมืองเมื่อถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว นางจึงคิดจะหนี แต่เสิ่นเหวยอันกลับใช้แส้ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของเขาตวัดไปรัดรอบลำตัวของอาหลินเอาไว้ แรงของเขาไม่เบาเลย ทำให้อาหลินถูกดึงจนล้มลงกับพื้นส่งเสียงร้องโอดครวญไม่หยุดด้านเซวียนซานหลางนั้นก็ประคองมู่หลานเฟินที่ตอนนี้อ่อนแรงเอาไว้ ริมฝีปากของนางมีโลหิตสีดำไหลออกมาไม่หยุด"มู่หลานเฟินเจ้าห้ามหลับนะ นี่คือคำสั่ง หากเจ้ากล้าหลับข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!"มู่หลานเฟินในตอนนี้แม้แต่แรงเถียงเขายังแทบไม่มี พิษนี้หนักหนาจริงๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้นางพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายจนไม่เหลือแล้วตอนนี้จึงรู้สึกทนไม่ไหว"ซื่อจื่อ ข้าเจ็บ..."ก่อนหน้านี้แม้นางจะระวังตัวมากเพียงใดแต่ก็ยังมีช่องโหว่ อาหลินสาดผงยาพิษใส่ใบหน้าของนางอย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันตั้งตัว"ซื่อจื่อ ในห้องยังมีฝุ่นผงของยาพิษอยู่ ท่านกับพี่เสิ่นรีบออกไปก่อน เร็ว!""จะตายแล้วยังมาห่วงพวกข้า มู่หลานเฟิน เจ้าจำเอาไว้ ข้าไม่ให้เจ้าตาย ข้ายังไม่ได้สะสางหนี้แค้นกับเจ้า มู่หลานเฟิน มู่หลานเฟิน!"มู่หลานเฟินหมดสติไปแล้ว เซวียนซานหลางหลางตื่นตระหนกไม่น้อย เขาพยายามตั้งสติก่อนจะหันไปเอ่ยกั

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 15 ชิงนักโทษ

    ยามเช้าของวันต่อมามู่หลานเฟินก็ได้สติฟื้นกลับมา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่อยู่ดูแลนางไม่ห่างเมื่อมองไปโดยรอบก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น เซวียนเจ๋อบอกกับนางว่าเมื่อคืนนี้เซวียนซานหลางเป็นคนอุ้มนางมารักษาที่นี่ มู่หลานเฟินเพียงพยักหน้ารู้ไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีกเมื่อคืนนี้นางคิดว่าตนเองจะไม่รอดเสียแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาคอยย้ำเตือนนางว่าทุกคราที่นางทะลุมิติไปอยู่ในอีกร่างหนึ่งมักจะมีอายุไม่ยืนยาว ไม่โดนฆ่าตายก็เกิดเรื่องจนตาย ไม่คิดว่าครั้งนี้ยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะยังมีชีวิตอยู่เซวียนเจ๋อให้ลั่วเหมยนำโจ๊กมาป้อนให้นางกิน มู่หลานเฟินกินไปไม่กี่คำก็รู้สึกอิ่มเสียแล้ว นางจึงกินยาต่อ โชคดีที่มารักษาได้ทันท่วงที ท่านหมอบอกว่าพิษนี้หากทิ้งเอาไว้นาน สุดท้ายนางจะไม่อาจรอดชีวิตได้อีกเมื่อนึกถึงเซวียนซานหลางขึ้นมา มู่หลานเฟินก็พลันคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ เขาดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยเลยตอนที่เห็นสภาพของนาง แต่นางไม่อยากคิดจะอะไรมากให้มากความ ที่เขาร้อนใจปานนั้นก็คงเป็นเพราะกลัวว่านางจะทำแผนการของเขาพังไม่เป็นท่าเสียมากกว่าท่านหมอมาตรวจอาการนางอีกครั้งเมื่อเห็นว

    Last Updated : 2025-04-05

Latest chapter

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   ตอนจบ

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 46 สงคราม

    เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 45 จับคนร้าย

    วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 44 น้องสาวบุญธรรม

    เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 43 ยาพิษ

    เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 42 ความจริง

    ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 41 แผนคลาดเคลื่อน

    เสียงน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง เซวียนซานหลางที่ได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที เมิื่อเห็นว่ามู่หลานเฟินตกน้ำลงไปพร้อมกับสวีเมิ่งเหยาเขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเห็นว่านางลอบยักคิ้วให้เขาหนึ่งครั้ง เซวียนซานหลางก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออกนี่นางกำลังจะทำอันใดกันเซวียนเจ๋อที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบร้อนวิ่งมาหาเซวียนซานหลาง"พี่ใหญ่ รีบช่วยหรานหร่านเร็วเข้า"ด้านฮ่องเต้เซวียนจงและเฉินฮองเฮาก็เริ่มร้อนใจแล้ว แม้แต่อวี้หลิงก็ยังนั่งไม่ติดที่สวีเมิ่งเหยาที่ถูกมู่หลานเฟินลากลงน้ำมาด้วยกันเริ่มมีโทสะขึ้นมา นางกัดฟันเอ่ยกับมู่หลานเฟินอย่างไม่พอใจ"นังสารเลว เจ้าคิดจะทำอันใด""เจ้าอยากกล่าวโทษข้า ว่าข้าผลักเจ้าตกน้ำไม่ใช่หรือ""เจ้ารู้ได้เช่นไร""เหอะ สวีเมิ่งเหยา เจ้าคิดว่าตนเองฉลาดมากนักหรือ แผนการเช่นนี้ข้ามองปราดเดียวก็กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ในเมื่อเจ้าอยากเล่นข้าก็จะเล่นด้วย พวกเรามาเล่นกันเถอะ"เอ่ยจบนางก็คว้ามือของสวีเมิ่งเหยามากดหัวตนเองให้จมน้ำ พร้อมกับทำท่าทางจะเป็นจะตาย สวีเมิ่งเหยาเลิกลั่กแล้ว มู่หลานเฟินไม่เพียงดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน แต่นางยังใช้มืออีกข้างยื่นมาหยิกที่เอวของสวีเมิ่งเหยาอย่างแรง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 40 แกล้ง

    เช้าวันต่อมา มู่หลานเฟินตื่นนอนแต่เช้า นางไปหาอวี้หลิงและเซวียนเจ๋อที่พักอยู่อีกเรือนหนึ่ง เพื่อร่วมกินมื้อเช้า เช้าวันนี้ฮ่องเต้เซวียนจงไม่ได้สั่งให้พวกนางไปร่วมมื้อเช้าด้วย มู่หลานเฟินคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะนางก็ไม่อยากจะพบร่วมโต๊ะกับพวกเขาเท่าใดนักระยะนี้อวี้หลิงดูเหมือนจะมีท่าทางแปลกไป นอกจากจะไม่ก่อคลื่นลมใดแล้ว ในแววตายังดูเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา มู่หลานเฟินเองไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดและไม่ได้วางใจเช่นกัน การที่อวี้หลิงไม่ก่อคลื่นลมไม่ได้แปลว่าพวกนางจะวางใจได้หลังจากผ่านพ้นมื้อเช้าไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้เซวียนจงก็มีรีบสั่งให้เซวียนซานหลางไปสนทนาที่ตำหนักใหญ่ มู่หลานเฟินไม่ได้ตามไปด้วย นางไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กับเซวียนเจ๋ออากาศที่นี่ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย มองไปทางใดก็เห็นเหล่ามวลผกาออกดอกล้อเล่นลม ป่าไผ่รอบข้างก็เขียวขจีสดชื่น แม้แต่ทะเลสาบเบื้องหน้าก็ยังงดงามราวกับภาพวาด เซวียนเจ๋อที่เดินอยู่ข้างกายมู่หลานเฟิน พลันเอ่ยถามญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย"หรานหร่าน หากพี่ใหญ่แต่งงานกับสวีเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าจะทำเช่นไร เจ้าจะยอมแต่งเป็นภรรยาของเขาหร

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 39 พระราชวังฤดูร้อน

    หลายวันต่อมา มู่หลานเฟินที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็ทำทีเป็นว่าทราบเรื่องที่วัดสือฉีเปิดให้หญิงสาวไปผูกดวงขอความรัก นางจึงเดินทางไปที่วัดแห่งนั้นและเขียนดวงชะตาของตนเองผูกเอาไว้เพราะเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงมีรับสั่งว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่พระราชวังฤดูร้อนด้านนอกเมืองหลวง ที่นั่นบรรยากาศดีและเย็นสบายกว่าเมืองหลวง อีกทั้งยังตรัสว่าให้เหล่าขุนนางชั้นสูงติดตามไปด้วย เหล่าขุนนางที่มีตำแหน่งสูงต้องติดตามไปด้วย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอันใด เพราะบ้านพักของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังฤดูร้อนอยู่แล้วแน่นอนว่าคนในจวนชินอ๋องย่อมต้องติดตามไปด้วยเพราะเป็นเครือญาติและเชื้อพระวงศ์ อวี้หลิงพระชายาเอกนั้นได้สั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมของให้พร้อมสรรพ ก่อนที่นางจะเดินกลับเข้ามาในห้องของตนเองเพื่อพักผ่อนเมื่อนั่งอยู่เพียงลำพังแล้ว อวี้หลิงก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เมื่อสองคืนก่อนนางได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายบอกว่า มีเบาะแสที่สามารถชี้ตัวคนร้ายที่สังหารน้องสาวและน้องเขยของนางได้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งนั่นก็คือ นางจะต้องสังหารเซวียนซานหลางเสีย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status