Share

บทที่ 12 วางแผน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-05 15:39:44

ข่าวการตายของสตรีนางนั้นรวมไปถึงหญิงสาวต่างหมู่บ้านอีกหลายคนเริ่มลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น สตรีทั้งในหมู่บ้านและต่างหมู่บ้านล้วนหวาดกลัว ไม่แต่งงาน แม้แต่เหล่าบุรุษก็ยังไม่กล้าสู่ขอสตรีอันเป็นที่รักของตนแต่งงานด้วย เพราะเกรงว่าพวกนางจะถูกวิญญาณร้ายมาเอาตัวไป 

ชาวบ้านต่างปักใจเชื่อว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของวิญญาณผีสาวนางนั้น แต่มู่หลานเฟินกลับไม่คิดเช่นนั้น จากร่องรอยบาดแผลตามร่างกายของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นางมั่นใจเต็มร้อยว่ามันเป็นการฆาตรกรรมอำพราง

ฆาตรกรลงมืออำมหิตเป็นอย่างมาก ช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน

สิ่งที่น่ากังวลมากไปกว่านั้นก็คือพวกนางไม่อาจรู้ได้เลยว่าผู้คนที่เดินวนไปเวียนมาอยู่รอบกายของนางใครกันแน่คือฆาตรกรตัวจริง

เช้าวันนี้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เซวียนซานหลางและเสิ่นเหวยอันยังคงไปสืบหาเบาะแสของคดีอย่างเช่นที่เคยทำ ส่วนมู่หลานเฟินและเซวียนเจ๋อก็อยู่ที่ร้านเพื่อรอฟังข่าวคราว เซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่ได้รับรู้เรื่องราวน่าหวาดหวั่นก็ไม่กล้าทำตัววุ่นวายเท่าใดนัก

"หรานหร่าน เจ้าคิดว่าเป็นฝีมือของวิญญาณผีสาวตนนั้นหรือไม่"

เซวียนเจ๋อเอ่ยถามนางในขณะที่มือก็แกะเมล็ดถั่วกินไปด้วย มู่หลานเฟินส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ไม่ใช่หรอก นี่ไม่ใช่ฝีมือของวิญญาณอะไรทั้งนั้น แต่เป็นฝีมือของคนเรานี่ละ เซวียนเจ๋อท่านลองคิดดูสิ วิญญาณเป็นเพียงสิ่งที่เราจับต้องไม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอยู่จริงก็ย่อมไม่อาจลงมือเช่นนี้ได้ อย่างไรพวกเขาก็ต้องหวาดกลัวเวรกรรมอยู่บ้าง เป็นวิญญาณไม่ได้สนุกหรอกนะ ใครบ้างอยากจะไปทำร้ายคนอื่นให้เพิ่มบาปกรรมกับตนเอง"

เซวียนเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเอ่ยถามต่อ

"เจ้านี่เข้าใจพูดนะ ทำอย่างกับว่าเคยเป็นวิญญาณมาก่อนเสียอย่างนั้น"

มู่หลานเฟินไม่ตอบ ทั้งที่ในใจนางรู้ดี ตัวนางเองเคยผ่านช่วงชีวิตนั้นมาแล้ว กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปอยู่ในร่างของคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล่องลอยไร้สะสาร เหตุใดนางจะไม่เข้าใจ

"แม่นางหรานหร่าน ข้าคิดว่าวันนี้เจ้าจะไม่เปิดร้านแล้วเสียอีก"

ในขณะที่มู่หลานเฟินและเซวียนเจ๋อกำลังสนทนากันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงหวานใสของสตรีเอ่ยทักทายขึ้นมา เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นอาหลินบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองผู้นั้นนั่นเอง มู่หลานเฟินยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหา

"อาหลิน วันเจ้ามาซื้ออาหารอีกแล้วหรือ กินอันใดดีเล่าวันนี้"

อาหลินพยักหน้าก่อนจะเดินเข้ามาในร้านและสั่งอาหารตามที่ตนเองต้องการสองสามอย่าง เมื่อได้อาหารแล้วกลับยังไม่ยอมจากไป มู่หลานเฟินที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"อาหลิน เจ้ามีสิ่งใดอยากพูดกับข้าหรือไม่"

อาหลินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยกับมู่หลานเฟิน

"หรานหร่าน เรื่องที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวพวกนั้นน่ากลัวมากนัก ข้าเองก็หวาดหลัวจนนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าตนเองจะหลายเป็นศพเช่นพวกนางวันไหน เดิมทีคิดจะแต่งงานมีคู่ครองแต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นข้าจึงไม่กล้าคิดเพ้อฝัน ท่านพ่อเองก็ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่พบ อีกทั้งยังกำชับไม่ให้ข้าออกจากบ้านยามวิกาล เจ้าเพิ่งเดินทางมาทีี่นี่ยังไม่รู้เรื่องราวอันใดในเมืองถงหวางมากนัก ข้าอยากเตือนเจ้าว่าให้ระวังตัวเอาไว้บ้าง หากมีเรื่องใดแปลกๆ ให้รีบไปแจ้งที่จวนเจ้าเมืองโดยเร็ว"

มู่หลานเฟินพยักหน้ารับ

"ขอบใจเจ้ามาก เดิมทีข้ากับท่านพี่ปรึกษากันว่าอีกสองสามวันจะจัดงานแต่งงานกัน แต่ไม่ใช่งานใหญ่อันใด เพียงสวมชุดเจ้าสาว ยกน้ำชาคารวะกราบไหว้ฟ้าดิน เชิญคนที่รู้จักมาเป็นสักขีพยานเพียงไม่กี่คนก็พอแล้ว"

อาหลินเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น

"นี่พวกเจ้าสองคนยังคิดจะแต่งงานกันอีกหรือ เจ้าไม่กลัวหรือ"

"กลัวน่ะกลัวอยู่หรอก แต่ว่าข้ากับเขาใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันมานานแล้วยังไม่ได้คารวะฟ้าดินด้วยกัน ถึงแม้ไม่ได้จัดงานใหญ่โต แต่อย่างไรย่อมต้องทำให้ถูกหลักการและขนบประเพณี ไม่อย่างนั้นจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัันอย่างราบรื่นได้เช่นไร ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ แต่ข้ากับท่านพี่อยากจะทำทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง ขอบใจเจ้ามากที่มาเตือน อีกสามวันข้าจะจัดงานแต่งที่บ้าน เจ้าก็มาร่วมงานด้วยเล่า เจ้าวางใจ มีคนมาร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น"

อาหลินเม้มริมฝีปากแน่น แววตาฉายแววไม่สบายใจเท่าใดนัก เมื่อมู่หลานเฟินไม่เชื่อที่นางพูด นางเองก็คงปรามสิ่งใดไม่ได้ คงทำได้เพียงช่วยนางระแวดระวังอีกแรงหนึ่ง

แม้ในใจจะเสียดายอย่างสุดซึ้งที่เจ้าสาวไม่ใช่นางก็ตาม มันออกจะเกินเหตุไปเสียหน่อยที่นางแอบหลงรักสามีคนอื่น แต่อาซานคนนั้นทำให้หัวใจของนางหวั่นไหวเข้าแล้วจริงๆ

นางยิ้มให้มู่หลานเฟินพลางเอ่ยเตือนอีกหน

"ได้ ข้าจะไปบอกท่านพ่อให้ระวังสังเกตการณ์เอาไว้ เจ้าก็ระวังตัวด้วยเล่า"

"อืม ขอบใจเจ้ามาก"

อาหลินพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินจากไป มู่หลานเฟินมองตามแผ่นหลังของอาหลิน ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน

เดิมทีเรื่องนี้นางและเซวียนซานหลางไม่ได้คิดที่จะจัดงานแต่งงานกันอย่างเงียบๆอย่างที่บอกกับอาหลินเลยแม้แต่น้อย เซวียนซานหลางได้ให้คนของเขาไปกระจายข่าวว่าบ้านของเขาและนางจะจัดงานแต่งกัน เพื่อล่อให้ฆาตรกรเผยตัวตนออกมา ในเมื่อมันชอบลงมือสังหารสตรีที่กำลังจะเข้าห้องหอ แน่นอนว่าย่อมไม่รามือจากนางแน่นอน

การทำเช่นนี้มู่หลานเฟินรู้ดีว่ามันเสี่ยงเกินไป แต่ชีวิตของหญิงสาวทุกคนที่นี่ก็สำคัญไม่ต่างกัน อีกทั้งวิญญาณของสตรีเหล่านั้นก็ควรได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน

หากอยากได้ลูกเสือ ย่อมต้องจัดการเข้าถ้ำแม่เสือ ลากคอมันออกมารับกรรม!

เย็นวันนั้นเซวียนซานหลางก็กลับมาที่บ้าน มู่หลานเฟินทำทุกอย่างเท่าที่ภรรยาปลอมๆอย่างนางจะทำได้ หญิงสาวทำอาหารเอาไว้ให้เขา มื้อเย็นวันนี้เสิ่นเหวยอันก็มาร่วมโต๊ะด้วย

"น้องหรานหร่าน ฝีมือการทำอาหารของเจ้ายอดเยี่ยมใช้ได้เลย หากใครได้แต่งเจ้าเป็นภรรยาจะต้องโชคดีแน่นอน ซื่อจื่อท่านว่าหรือไม่"

เสิ่นเหวยอันหันไปเอ่ยถามเซวียนซานหลางพร้อมกับยิ้มตาหยี เซวียนซานหลางไม่ตอบ เพียงตั้งใจกินอาหารของตนเองอย่างเงียบๆ

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาสงสัย แต่ก่อนเขาจำได้ว่ามู่หลานเฟินไม่เคยลงครัวทำเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ นางเอาแต่ชี้นิ้วสั่งพวกบ่าวไพร่ให้ไปทำ วันๆเอาแต่แต่งหน้าแต่งตัว ไม่สนใจเรื่องใดนอกจากการตั้งใจยั่วยวนเขา อีกทั้งยังไม่ได้ดูฉลาดมีความคิดเท่ากับในตอนนี้

รอให้คดีนี้คลี่คลายเขาจะต้องสืบเรื่องของมู่หลานเฟินให้กระจ่าง

ด้านมู่หลานเฟินเองก็ไม่ได้คาดหวังคำชมอะไรจากเซวียนซานหลาง เพียงแค่เขาไม่ด่านางหรือต่อว่านางให้ระคายหูนางก็พอใจมากแล้ว

หลังกินอาหารมื้อเย็นอิ่มแล้ว เสิ่นเหวยอันก็มีทีท่าว่าไม่อยากจะกลับบ้านของตน ทั้งยังบอกอีกว่า คนที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าบ่าวปลอมๆน่าจะเป็นตนมากกว่า มู่หลานเฟินถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เซวียนซานหลางทนไม่ไหวจึงไล่เสิ่นเหวยอันไปในทันที

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยคนทั้งหมดก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน เมื่อเข้ามาในห้องนอนแล้วเซวียนซานหลางก็เดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะเปิดกล่องใบหนึ่งออก ด้านในคือชุดเจ้าสาวที่อาต่งองค์รักษ์ลับของเขาไปหามาได้ เขามีท่าทีลังเล ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างได้ ชายหนุ่มยื่นมือไปหยิบชุดแต่งงานชุดนั้นขึ้นมาและเดินเอามายัดใส่มือนาง ก่อนจะทิ้งกายลงนอนไม่สนใจนางอีก

มารดามันเถอะ ส่งให้ดีดีไม่เป็นหรือไรกัน

เซวียนซานหลางยังคงนอนไม่หลับ เขาหันกลับมามองนางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"อีกสามวันเจ้ากับข้าจะเข้าพิธีวิวาห์ปลอมๆด้วยกัน มู่หลานเฟิน จำเอาไว้ว่าเจ้าอย่าได้คิดจะทำให้ข้าเสียเรื่อง จบเรื่องนี้แล้วเราสองคนไม่เกี่ยวข้องกัน อย่าได้แอบอ้างเรื่องแต่งงานในครั้งนี้มาเป็นข้ออ้างในการวุ่นวายกับข้า"

มู่หลานเฟินเบ้ปาก ก่อนจะเอ่ย

"เจ้าค่ะซื่อจื่อ ซื่อจื่องดงามสูงส่ง ข้าไม่อาจเอื้อมหรอกเจ้าค่ะ หึ!"

นางเอ่ยเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะโยนชุดเจ้าสาวชุดนั้นไปที่ปลายเตียงอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงล้มตัวลงนอนไม่สนใจเขาอีก เซวียนซานหลางมองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตาสงสัยอย่างคิดไม่ตก

มู่หลานเฟิน แท้จริงแล้วเจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่?

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 13 ฆาตรกรปรากฏตัว

    สามวันต่อมาก็เป็นวันแต่งงานของเซวียนซานหลางและมู่หลานเฟิน นางถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากพลางหาววอดๆ อีกทั้งยังบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน ลั่วเหมยที่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยวาจาใดไม่ออก แต่ไหนแต่ไรเจ้านายของนางรักหน้าตาเป็นที่สุด อีกทั้งยังพิถีพิถันเป็นอย่างมาก จะออกจวนแต่ละคราต้องแต่งหน้าแต่งตัวอยู่นานสองนาน แต่ยามนี้คุณหนูคนเดิมกลับหายไปไหนไม่รู้ได้ เจ้านายคนนี้ของนางในตอนนี้นอกจากจะไม่เรื่องมาก ไม่ตบตีนางแล้ว ยังแบ่งอาหารให้นางกิน มู่หลานเฟินกินสิ่งใดนางก็ได้กินด้วย อีกทั้งยังไม่เรื่องมากเจ้ากี้เจ้าการเช่นแต่ก่อน หากเทียบกันแล้ว นางกลับชอบมู่หลานเฟินในตอนนี้มากกว่า"คุณหนู บ่าวจะสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้นะเจ้าคะ คุณหนูต้องระวังและดูแลตนเองให้ดี เดิมทีคุณหนูสามารถใช้ข้ออ้างในการแต่งงานครั้งนี้ผูกมัดเขาเอาไว้ บอกว่าเขาและท่านแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วที่เมืองถงหวาง บ่าวจะช่วยเป็นพยานให้ท่านเอง เมื่อข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกซื่อจื่อก็จะไม่อาจปฏิเสธคุณหนูได้อีก"ลั่วเหมยพยายามเอ่ยโน้มน้าวเจ้านายตน แต่มู่หลานเฟินที่ได้ยินกลับส่ายหน้าไปมา"ลั่วเหมย ท่านป้าของข้าสั่งให้เจ้ามา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 14 แรงจูงใจ

    อาหลินบุตรสาวเจ้าเมืองเมืองเมื่อถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว นางจึงคิดจะหนี แต่เสิ่นเหวยอันกลับใช้แส้ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของเขาตวัดไปรัดรอบลำตัวของอาหลินเอาไว้ แรงของเขาไม่เบาเลย ทำให้อาหลินถูกดึงจนล้มลงกับพื้นส่งเสียงร้องโอดครวญไม่หยุดด้านเซวียนซานหลางนั้นก็ประคองมู่หลานเฟินที่ตอนนี้อ่อนแรงเอาไว้ ริมฝีปากของนางมีโลหิตสีดำไหลออกมาไม่หยุด"มู่หลานเฟินเจ้าห้ามหลับนะ นี่คือคำสั่ง หากเจ้ากล้าหลับข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!"มู่หลานเฟินในตอนนี้แม้แต่แรงเถียงเขายังแทบไม่มี พิษนี้หนักหนาจริงๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้นางพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายจนไม่เหลือแล้วตอนนี้จึงรู้สึกทนไม่ไหว"ซื่อจื่อ ข้าเจ็บ..."ก่อนหน้านี้แม้นางจะระวังตัวมากเพียงใดแต่ก็ยังมีช่องโหว่ อาหลินสาดผงยาพิษใส่ใบหน้าของนางอย่างรวดเร็วจนนางไม่ทันตั้งตัว"ซื่อจื่อ ในห้องยังมีฝุ่นผงของยาพิษอยู่ ท่านกับพี่เสิ่นรีบออกไปก่อน เร็ว!""จะตายแล้วยังมาห่วงพวกข้า มู่หลานเฟิน เจ้าจำเอาไว้ ข้าไม่ให้เจ้าตาย ข้ายังไม่ได้สะสางหนี้แค้นกับเจ้า มู่หลานเฟิน มู่หลานเฟิน!"มู่หลานเฟินหมดสติไปแล้ว เซวียนซานหลางหลางตื่นตระหนกไม่น้อย เขาพยายามตั้งสติก่อนจะหันไปเอ่ยกั

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 15 ชิงนักโทษ

    ยามเช้าของวันต่อมามู่หลานเฟินก็ได้สติฟื้นกลับมา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเซวียนเจ๋อและลั่วเหมยที่อยู่ดูแลนางไม่ห่างเมื่อมองไปโดยรอบก็พบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้น เซวียนเจ๋อบอกกับนางว่าเมื่อคืนนี้เซวียนซานหลางเป็นคนอุ้มนางมารักษาที่นี่ มู่หลานเฟินเพียงพยักหน้ารู้ไม่ได้เอ่ยถามอันใดอีกเมื่อคืนนี้นางคิดว่าตนเองจะไม่รอดเสียแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาคอยย้ำเตือนนางว่าทุกคราที่นางทะลุมิติไปอยู่ในอีกร่างหนึ่งมักจะมีอายุไม่ยืนยาว ไม่โดนฆ่าตายก็เกิดเรื่องจนตาย ไม่คิดว่าครั้งนี้ยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะยังมีชีวิตอยู่เซวียนเจ๋อให้ลั่วเหมยนำโจ๊กมาป้อนให้นางกิน มู่หลานเฟินกินไปไม่กี่คำก็รู้สึกอิ่มเสียแล้ว นางจึงกินยาต่อ โชคดีที่มารักษาได้ทันท่วงที ท่านหมอบอกว่าพิษนี้หากทิ้งเอาไว้นาน สุดท้ายนางจะไม่อาจรอดชีวิตได้อีกเมื่อนึกถึงเซวียนซานหลางขึ้นมา มู่หลานเฟินก็พลันคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ เขาดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยเลยตอนที่เห็นสภาพของนาง แต่นางไม่อยากคิดจะอะไรมากให้มากความ ที่เขาร้อนใจปานนั้นก็คงเป็นเพราะกลัวว่านางจะทำแผนการของเขาพังไม่เป็นท่าเสียมากกว่าท่านหมอมาตรวจอาการนางอีกครั้งเมื่อเห็นว

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 16 วางยา

    ท้ายที่สุดคดีสังหารเจ้าสาวก็ถูกปิดลง เจ้าเมืองถงหวางถูกซูอวี้เฉิงสังหาร ส่วนอาหลินก็ถูกตัดสินประหารชีวิต เหล่าข้ารับใช้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารคนของสองพ่อลูกก็ถูกประหารตามเจ้านายของตนไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น เหล่าชาวบ้านต่างก่นด่าสาปแช่งที่สองพ่อลูกทำให้บุตรสาวของพวกเขาต้องมาด่วนจากโลกใบนี้ไป อีกทั้งยังลงมืออำมหิตโหดเหี้ยมอย่างไม่อาจให้อภัยอีกด้วยเมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง เซวียนซานหลางได้ส่งคนนำรายงานเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นไปถวายให้กับฮ่องเต้เซวียนจง อีกทั้งยังฝากความไปบอกด้วยว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานความเป็นไปทั้งหมดด้วยตนเองฮ่องเต้เซวียนจงทรงพอพระทัยเป็นอย่างมาก คนหนุ่มมากความสามารถเหล่านี้ล้วนเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทำงานให้เขาได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะหลานชายของเขาคนนี้เซวียนซานหลางเป็นคนสุขุมรอบคอบ ที่ผ่านมาไม่เคยสร้างความลำบากใจอะไรให้กับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โลภมาก เขาเองไม่เคยหวาดระแวงในตัวหลานชายคนนี้เลยแม้แต่น้อยเมื่อปิดคดีได้สำเร็จ ฮ่องเต้เซวียนจงจึงออกราชโองการ ส่งท่านเจ้าเมืองคนใหม่ไปที่เมืองถงหวาง เจ้าเมืองคนน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 17 บิดาข้าขอซาลาเปาหน่อย

    เมื่อเรื่องราวที่เมืองถงหวางจบสิ้นลงแล้ว ก็ได้เวลากลับเมืองหลวงกันเสียที ก่อนเดินทางกลับหนึ่งวัน เสิ่นเหวยอันนึกสนุกจึงเอาสุราชั้นดีมาให้ทุกคนได้ดื่ม อีกทั้งยังย่างเนื้อกินกันอย่างสนุกสนานแสงของกองไฟที่สว่างเจิดจ้า ส่องกระทบใบหน้างดงามของมู่หลานเฟิน นางยังคงยิ้มร่าเริง เข้ากับชาวบ้านได้ดี ไม่มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังลงมือย่างเนื้อเองกับเมือ "คุณหนูมู่ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีฝีมือทำอาหารดีเช่นนี้ ข้าไม่เคยกินเนื้อย่างที่ไหนแล้วอร่อยเท่าของเจ้ามาก่อนเลย"ซูอวี้เฉิงเอ่ยชมมู่หลานเฟิน เขาได้ยินเรื่องเล่าของสตรีน้อยนางนี้มาพอสมควร ทั้งเรื่องที่นางช่วยจับนักโทษ และเรื่องที่่ช่วยสืบคดี อีกทั้งตอนนั้นที่นางถือดาบหมายจะสังหารเจ้าเมืองถงหวางคนเก่า แววตาของนางมุ่งมั่นไม่สั่นคลอนและไม่หวาดกลัว อีกทั้งยังแน่วแน่เป็นอย่างมากน้อยนักที่ในเมืองหลวงจะมีสตรีที่กล้าหาญถึงเพียงนี้"ใต้เท้าซูเอ่ยชมเกินไปแล้ว"มู่หลานเฟินเอ่ยพร้อมกับยิ้มตอบเขา ซูอวี้เฉิงคือคุณชายรองของจวนตระกูลซู พี่ชายเขาก่อนหน้านี้เป็นหนุ่มรูปงามในเมืองหลวง สอบได้ตำแหน่งจอหงวน เป็นความหวังของสกุลซู แต่ไม่นานกลับพลัดตกม้าสมอง

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 18 นักฆ่า

    การเดินทางกลับเมืองหลวงครั้งนี้่ย่อมต้องใช้เวลาไม่น้อย ระหว่างทางเซวียนซานหลางตัดสินใจพักที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง ลั่วเหมยและเซวียนเจ๋อช่วยประคองมู่หลานเฟินที่ตอนนี้เมาไม่ได้สติเข้าไปพักในห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนเซวียนซานหลางกำลังนั่งอยู่ในอ่างน้ำ ชายหนุ่มเอนศีรษะพิงกับขอบถังน้ำก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ม่านขนตาเรียวยาวมีไอน้ำพร่างพราวเกาะอยู่ มองดูแล้วช่างน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่งเขานั่งนอนอยู่ในอ่างน้ำครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า อยู่ๆชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาในห้องนอน สัญชาตญาณการป้องกันตัวของเซวียนซานหลางเริ่มทำงานทันที เขาคว้ากดาบคู่ใจขึ้นมา ก่อนจะหันไปตวัดฟาดฟันใส่ผู้ที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญในทันทีคนที่บุกเข้ามาเป็นชายชุดดำสามคน ฝีมือไม่ธรรมดา พวกมันอำพรางใบหน้าตน เซวียนซานหลางจ้องมองคนทั้งสามด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยถาม"ผู้ใดส่งพวกเจ้ามา""คนที่อยากให้เจ้าตายอย่างไรเล่า"เอ่ยจบนักฆ่าชุดดำสามคนก็พุ่งเข้าหาเซวียนซานหลางทันที แต่ชายหนุ่มเบี่ยงกายหลบได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกองค์รักษ์ลับให้เข้ามาจัดการ นักฆ่าเมื่อรู้ว่าเริ่มปะมือไม่ไหว จ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 19 เข้าเรียน

    มู่หลิงเมื่อได้ยินอย่างนั้นแม้ในใจจะสงสัยแต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกอดเสียดายไม่ได้ เหตุใดนักฆ่าเหล่านั้นจึงลงมือพลาดกันนะ มู่หลานเฟินคร้านจะสนใจป้าของนางอีกจึงกลับมาที่เรือนพัก อีกทั้งยังบอกอีกว่าลั่วเหมยและพี่สาวนางจะรับมาดูแลต่อเอง หากอวี้หลิงไม่ยอมนางก็จะโบยคนของอวี้หลิงจนตายเช่นเดียวกัน อวี้หลิงส่งเสียงเหอะออกมา ไม่คิดว่าหลานสาวตัวดีจะกล้าข่มขู่นาง แต่แววตาของมู่หลานเฟินไม่ได้มีทีท่าล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย นางจึงรับปากไปอย่างส่งๆ รอให้มู่หลานเฟินลืมเรื่องนี้ไปค่อยจัดการก็ยังไม่สายด้านเซวียนซานหลางหลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เซวียนจงผู้เป็นเสด็จลุง บอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้รับรู้ ยามนี้ในห้องทรงอักษรยังมีเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงอยู่ด้วย ฮ่องเต้เซวียนจงเอ่ยชมทั้งสามคน ไม่คาดคิดเลยว่าคดีที่ปิดไม่ได้ในครั้งนี้ จะเกี่ยวพันกับจวนเจ้าเมืองถงหวาง อีกทั้งบุตรสาวของเขาที่เสียสติเพราะความรักจนลงมือได้อย่างอำหิตนางนั้นก็ได้รับผลกรรมไปตามสมควรแล้ว"ซานหลาง ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่า หลานสาวของมารดาเลี้ยงเจ้ามีส่วนช่วยเหลือพวกเจ้าในการสืบคดี ไหนเจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 20 มีแต่เรื่อง

    ไม่นานรถม้ามาจอดที่หน้าทางเข้าสำนักศึกษา เซวียนเจ๋อแยกตัวไปที่สำนักศึกษาจิ้นหมิง และบอกอีกว่ายามเย็นจะมารับนาง มู่หลานเฟินพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในสำนักศึกษาเสวียนลู่ทันทีภายในสำนักศึกษาตกแต่งได้งดงามเป็นอย่างมาก หญิงสาวมองดูห้องเรียนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า การตกแต่งของห้องเรียนใหญ่งดงามหรูหรา เพียงมองจากภายนอก นางก็นึกภาพออกได้แล้วว่าภายในจะต้องตกแต่งอย่างเอริกเกริกแน่นอน เพราะมีแต่สตรีที่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ถูกเลี้ยงดูมาราวไข่มุกในฝ่ามือเท่านั้นที่จะได้เข้าไปเรียน วันหน้าวาสนาจะสูงส่งยิ่งนัก บางคนอาจจะได้แต่งให้กับบุรุษที่ดีพร้อม บางคนอาจจะได้เข้าวังหลวงไปเป็นพระสนมคนโปรดของฝ่าบาทนางไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอันใด สำหรับนางแล้ว คนเราล้วนเกิดมาตัวเปล่ากันทั้งนั้น สิ่งของนอกกายเหล่านี้เป็นเพียงภาพมายา วันใดที่หมดลมหายใจล้วนเอาพวกมันติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง ไม่สู้อย่าไปยึดติดกับของภายนอกเหล่านั้นให้มากนักจะดีกว่ามู่หลานเฟินคร้านจะสนใจอีก นางเดินไปที่ห้องเรียนเล็กซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ระหว่างทางนางได้ยินเสียงสตรีน้อยที่มาจากตระกูลขุนนางกำลังเอ่ยวาจากระซิบกระซาบนินทานางอย่างออกรส บาง

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-05

Bab terbaru

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   ตอนจบ

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 46 สงคราม

    เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 45 จับคนร้าย

    วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 44 น้องสาวบุญธรรม

    เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 43 ยาพิษ

    เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 42 ความจริง

    ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 41 แผนคลาดเคลื่อน

    เสียงน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง เซวียนซานหลางที่ได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที เมิื่อเห็นว่ามู่หลานเฟินตกน้ำลงไปพร้อมกับสวีเมิ่งเหยาเขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเห็นว่านางลอบยักคิ้วให้เขาหนึ่งครั้ง เซวียนซานหลางก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออกนี่นางกำลังจะทำอันใดกันเซวียนเจ๋อที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบร้อนวิ่งมาหาเซวียนซานหลาง"พี่ใหญ่ รีบช่วยหรานหร่านเร็วเข้า"ด้านฮ่องเต้เซวียนจงและเฉินฮองเฮาก็เริ่มร้อนใจแล้ว แม้แต่อวี้หลิงก็ยังนั่งไม่ติดที่สวีเมิ่งเหยาที่ถูกมู่หลานเฟินลากลงน้ำมาด้วยกันเริ่มมีโทสะขึ้นมา นางกัดฟันเอ่ยกับมู่หลานเฟินอย่างไม่พอใจ"นังสารเลว เจ้าคิดจะทำอันใด""เจ้าอยากกล่าวโทษข้า ว่าข้าผลักเจ้าตกน้ำไม่ใช่หรือ""เจ้ารู้ได้เช่นไร""เหอะ สวีเมิ่งเหยา เจ้าคิดว่าตนเองฉลาดมากนักหรือ แผนการเช่นนี้ข้ามองปราดเดียวก็กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ในเมื่อเจ้าอยากเล่นข้าก็จะเล่นด้วย พวกเรามาเล่นกันเถอะ"เอ่ยจบนางก็คว้ามือของสวีเมิ่งเหยามากดหัวตนเองให้จมน้ำ พร้อมกับทำท่าทางจะเป็นจะตาย สวีเมิ่งเหยาเลิกลั่กแล้ว มู่หลานเฟินไม่เพียงดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน แต่นางยังใช้มืออีกข้างยื่นมาหยิกที่เอวของสวีเมิ่งเหยาอย่างแรง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 40 แกล้ง

    เช้าวันต่อมา มู่หลานเฟินตื่นนอนแต่เช้า นางไปหาอวี้หลิงและเซวียนเจ๋อที่พักอยู่อีกเรือนหนึ่ง เพื่อร่วมกินมื้อเช้า เช้าวันนี้ฮ่องเต้เซวียนจงไม่ได้สั่งให้พวกนางไปร่วมมื้อเช้าด้วย มู่หลานเฟินคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะนางก็ไม่อยากจะพบร่วมโต๊ะกับพวกเขาเท่าใดนักระยะนี้อวี้หลิงดูเหมือนจะมีท่าทางแปลกไป นอกจากจะไม่ก่อคลื่นลมใดแล้ว ในแววตายังดูเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา มู่หลานเฟินเองไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดและไม่ได้วางใจเช่นกัน การที่อวี้หลิงไม่ก่อคลื่นลมไม่ได้แปลว่าพวกนางจะวางใจได้หลังจากผ่านพ้นมื้อเช้าไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้เซวียนจงก็มีรีบสั่งให้เซวียนซานหลางไปสนทนาที่ตำหนักใหญ่ มู่หลานเฟินไม่ได้ตามไปด้วย นางไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กับเซวียนเจ๋ออากาศที่นี่ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย มองไปทางใดก็เห็นเหล่ามวลผกาออกดอกล้อเล่นลม ป่าไผ่รอบข้างก็เขียวขจีสดชื่น แม้แต่ทะเลสาบเบื้องหน้าก็ยังงดงามราวกับภาพวาด เซวียนเจ๋อที่เดินอยู่ข้างกายมู่หลานเฟิน พลันเอ่ยถามญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย"หรานหร่าน หากพี่ใหญ่แต่งงานกับสวีเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าจะทำเช่นไร เจ้าจะยอมแต่งเป็นภรรยาของเขาหร

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 39 พระราชวังฤดูร้อน

    หลายวันต่อมา มู่หลานเฟินที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็ทำทีเป็นว่าทราบเรื่องที่วัดสือฉีเปิดให้หญิงสาวไปผูกดวงขอความรัก นางจึงเดินทางไปที่วัดแห่งนั้นและเขียนดวงชะตาของตนเองผูกเอาไว้เพราะเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงมีรับสั่งว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่พระราชวังฤดูร้อนด้านนอกเมืองหลวง ที่นั่นบรรยากาศดีและเย็นสบายกว่าเมืองหลวง อีกทั้งยังตรัสว่าให้เหล่าขุนนางชั้นสูงติดตามไปด้วย เหล่าขุนนางที่มีตำแหน่งสูงต้องติดตามไปด้วย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอันใด เพราะบ้านพักของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังฤดูร้อนอยู่แล้วแน่นอนว่าคนในจวนชินอ๋องย่อมต้องติดตามไปด้วยเพราะเป็นเครือญาติและเชื้อพระวงศ์ อวี้หลิงพระชายาเอกนั้นได้สั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมของให้พร้อมสรรพ ก่อนที่นางจะเดินกลับเข้ามาในห้องของตนเองเพื่อพักผ่อนเมื่อนั่งอยู่เพียงลำพังแล้ว อวี้หลิงก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เมื่อสองคืนก่อนนางได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายบอกว่า มีเบาะแสที่สามารถชี้ตัวคนร้ายที่สังหารน้องสาวและน้องเขยของนางได้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งนั่นก็คือ นางจะต้องสังหารเซวียนซานหลางเสีย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status