Share

บทที่ 3 จับกบ

last update Last Updated: 2025-04-05 15:35:45

เช้าวันต่อมาเซวียนซานหลางตื่นแต่เช้าและเดินทางไปร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวงพร้อมกับบิดาของเขา เซวียนชินอ๋องนั้นเดิมทีเป็นพวกไม่เอาไหน นอกจากร่ายบทกวี ร่ำสุราและชื่นชมสาวงามแล้วเขาก็ไม่มีความสามารถอื่นใดอีก แตกลับให้กำเนิดบุตรชายที่เพรียบพร้อมเช่นเซวียนซานหลางออกมา

เดิมทีความสามารถเหล่านี้ เซวียนซานหลางล้วนได้มาจากมรรดาทั้งสิ้น ท่านแม่ของเขาเป็นถึงบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ หลังจากท่านแม่ตายไป ท่านตาก็ล้มป่วย เพราะท่านเป็นบุตรสาวคนเดียว เมื่อท่านตาและท่านแม่สิ้นอำนาจทางการทหารทั้งหมดจึงตกมาอยู่ในมือของเขาทั้งหมด ท่านตาเป็นคนสั่งสอนวรยุทธ์ให้เขา หลายปีมานี้ เซวียนซานหลางรบทัพจับศึกอยู่ชายแดน มีความดีความชอบไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นที่รักใครของฮ่องเต้ในวังหลวงเป็นอย่างมาก

การประชุมยามเช้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญใดมากนัก นอกจากเรื่องปากท้องของราษฎร ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศค่อนข้างเย็นสบาย

เซวียนซานหลางมักชอบสวมใส่ชุดสีขาวและสีดำเพียงเท่านั้น เขาก็ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นอีก มีครั้งหนึ่งเซวียนชินอ๋องถามบุตรชายว่าเพราะเหตุใดจึงไม่สวมเสื้อผ้าสีอื่นบ้าง แต่กลับได้คำตอบที่น่าเจ็บปวดมาแทนว่า

เพราะเซวียนซานหลางต้องการไว้ทุกข์ให้มารดาผู้น่าสงสาร!

เซวียนชินอ๋องถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก คำพูดที่บุตรชายเอ่ยกับเขาแต่ละประโยคล้วนแทงใจดำของเขาจนเขาไม่อาจหาวาจาใดมาโต้เถียงกลับ

ฮ่องเต้เซวียนจงมองเซวียนชินอ๋องน้องชายของตนด้วยแววตาที่เฉยชา เขาไม่อยากจะเสวนากับน้องชายผู้นี้เท่าใดนัก เซวียนชินอ๋องเองก็ไม่อยากจะสนทนากับพี่ชายเช่นเดียวกัน พี่ชายเขาเป็นพวกมากเรื่อง อยู่พูดคุยด้วยนานๆจะยิ่งมีแต่ถูกด่า เขาจึงขอตัวกลับจวนชินอ๋องของตนเองไปเสีย ซึ่งฮ่องเต้เซวียนจงก็ไม่คิดจะรั้ง

เมื่อเหลือกันเพียงสองลุงหลานแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงกวักมือเรียกเซวียนซานหลางให้มานั่งด้วยกัน

เสด็จลุงของเขาผู้นี้ดีกว่าบิดาของเขาเป็นไหนๆ เสด็จป้าสะใภ้ซึ่งรั้งตำแหน่งฮองเฮาก็มีนิสัยอ่อนโยนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สตรีในวังหลัง อีกทั้งยังมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ที่ผ่านมาเพราะมีบุตรยาก จึงต้องรั้งรอเวลา และเสด็จลุงของเขาก็ไม่มีนางสนมเลยแม้แต่คนเดียว ทรงรักมั่นต่อเสด็จป้าเป็นอย่างมาก จนเมื่อหลายปีก่อนทั้งคู่ก็ได้มีบุตรชายด้วยกันสมใจหวัง นามว่าเซวียนจิ้น อายุห้าขวบปีแล้ว การมีลูกตอนที่อายุมากแล้วทำให้เซวียนจิ้นสุขภาพไม่แข็งแรงเท่าใดนัก หมอหลวงเองก็พยายามหายาบำรุงชั้นดีมาให้เขาดื่ม อาการก็นับว่าดีขึ้นตามลำดับ

"อาซาน หลายปีมานี้เพราะมีเจ้าอยู่ ต่างแคว้นจึงไม่กล้ามารุกรานต้าหลางของพวกเรา วันใดที่ลุงจากไป ก็วางใจได้แล้ว"

เมื่อได้ยินอย่างนั้นมือที่กำลังถือถ้วยชาของเซวียนซานหลางพลันชะงัก เขาเงยหน้ามามองเสด็จลุงของตน ก่อนจะเอ่ย

"อย่าทรงตรัสเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุงยังแข็งแรงดี อาจิ้นยังเด็ก เสด็จลุงจะทิ้งเขาไปไม่ได้ "

ฮ่องเต้เซวียนจงเมื่อได้ฟังก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

"ลุงแก่แล้ว จะสู้แรงคนหนุ่มได้ยังไงกัน จะหวังพึงพาพ่อเจ้าหรือ หึ แค่เขาไม่ก่อเรื่องข้าก็เบาใจแล้ว อีกอย่างอาจิ้นสุขภาพไม่สู้ดี ลุงไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากเจ้า"

"เสด็จลุงอย่าทรงกังวล หมอหลวงในวังหลวงมีฝีมือล้ำเลิศ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น"

ฮ่องเต้เซวียนจงยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

"อาซาน ไม่นานมานี้ที่หมู่บ้านถงหวาง มีชาวบ้านแอบมาร้องเรียนมาว่าเกิดคดีแปลกประหลาดขึ้น แม้แต่นายอำเภอถงหวางก็ยังปิดคดีไม่ได้ ลุงคิดว่าจะส่งเจ้าไปตรวจดูเสียหน่อย ครั้งนี้จะให้เสิ่นเหวยอัน หัวหน้าสำนักบูรพามาช่วยเจ้าสืบคดีนี้อีกแรงหนึ่ง"

เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินก็พยักหน้ารับ ภายใต้ฝ่าเท้าของฮ่องเต้ก็ยังมีขุนนางที่คิดคดซ่อนเร้นแฝงตัวทำความชั่วเพื่อหวังผลประโยชน์อยู่ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีหลายคดีที่อาจจะเกี่ยวพันกับขุนนางคนสำคัญในเมืองหลวง

เซวียนซานหลางอยู่สนทนากับฮ่องเต้เซวียนจงต่ออีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับจวน ก่อนกลับเขายังไปพบกับเซวียนจิ้น ญาติผู้น้องของเขา เซวียนจิ้นชอบเซวียนซานหลางมาก เขาถึงกับพยายามรั้งให้ญาติผู้พี่คนนี้นอนด้วยกันในวังหลวง เซวียนซานหลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กน้อยและบอกว่าเขาจะมาเล่นด้วยใหม่ แม้เด็กน้อยจะมีท่าทีงอแงไปบ้าง แต่กลับยิ้มตาหยีและมอบลำไยแห้งให้เซวียนซานหลางหลายเม็ด ก่อนจะวิ่งกลับตำหนักของตนไป

เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้ว เซวียนซานหลางจึงเดินทางกลับจวนชินอ๋อง เมื่อเข้ามาถึงด้านในจวน ภาพที่เขาเห็นก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

มันเกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดมู่หลานเฟินถึงเอาแต่วิ่งอยู่ในสวนพร้อมกับเซวียนเจ๋อและสาวใช้อีกสองสามคนคล้ายว่ากำลังวิ่งไล่จับบางอย่างอยู่

เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้คนเหล่านั้นจนได้ยินบทสนทนาชัดเจน

"เซวียนเจ๋อ ท่านเป็นบุรุษเหตุใดแค่กบเพียงตัวเดียวจึงจับไม่ได้เล่า ดูสิมันกระโดดหนีไปแล้ว ให้ตายเยอะ ข้าเหนื่อยแล้วนะ วันนี้คงไม่ได้กินหม้อไฟกบแล้ว!"

เซวียนซานหลาง "..."

ที่วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายนี่คือกำลังไล่จับกบอย่างนั้นหรือ?

เมืองชนบทมักจะกินกบเป็นอาหาร แต่ในเมืองหลวงผู้คนไม่นิยมกิน เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคนกินมันเลยด้วยซ้ำ นอกจากปล่อยให้มันส่งเสียงร้องอยู่ข้างบ่อน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่านั้น

แต่มู่หลานเฟินกลับไล่จับพวกมันมากิน?

แต่ไหนแต่ไรมู่หลานเฟินมักจะทำตัวหยิ่งยโสโอหัง นางไม่เพียงวางท่าทางสง่างามตลอดเวลา แม้นางจะมาจากครอบครัวคหบดีจากนอกเมืองหลวง แต่ไม่มีทางทำเรื่องน่าอับอายเช่นการวิ่งไล่จับกบต่อหน้าคนในจวนเป็นแน่ แต่วันนี้ภาพที่เขาเห็นคือสภาพของนางดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง มือไม้เลอะเทอะ เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมด

เดิมทีคิดว่าหลังจากตกน้ำสมองนางคงมีปัญหาแต่ไม่คิดว่าจะเกินเยียวยาถึงเพียงนี้!

ด้านเซวียนเจ๋อก็ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นหญ้าพลางหายใจเหนื่อยหอบ

"หรานหร่าน ข้าไม่ไหวแล้ว เจ้าปล่อยกบตัวนั้นไปไหม ให้ตายเถอะ ในเมืองหลวงไม่มีใครกินมันหรอกนะ เจ้าหาอย่างอื่นกินเถอะ ที่ภัตตาคารในเมืองหลวงมีของราคาแพงๆอร่อยๆกว่ากบพวกนี้ตั้งเยอะ"

"ไปซื้อให้สิ้นเปลืองทำไมกัน ในเมื่อที่จวนมีกบอยู่ พวกมันอร่อยมากท่านต้องลองชิมดู เหอะ คิดว่ามีเงินแล้วจะใช้จ่ายมือเติบได้ตามใจหรือ ให้นึกถึงตอนไม่มีสิ ตัวท่านเองวันวันเอาแต่เที่ยวเตร่ยังหาเงินไม่ได้กลับใช้จ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้เรื่องเลย ลุกขึ้นมาจับกบ โอะ! มันกระโดดไปทางนั้นแล้ว เจ้ากบมานี่เลย วันนี้เจ้าจะต้องถูกจับลงหม้อไฟให้ได้!"

เหอะ ไม่รู้จักของดีซะแล้ว ในยุคปัจจุบันกบราคาแพงมากนะจะบอกให้!

เมื่อเห็นว่าเจ้ากบตัวดีกำลังเปลี่ยนทิศทาง มู่หลานเฟินไม่รอช้า นางจับชายกระโปรงถลกขึ้นเหนือหัวเข่า ก่อนจะพุ่งเข้าไปจับกบตัวนั้นได้ทันเวลา แต่เพราะรีบร้อนเกินไปทำให้นางไม่ทันระวัง ชนเข้ากับใครบางคน เมื่อเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็นเซวียนซานหลางนั่นเอง

หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ก่อนจะดีดตัวถอยออกมาจากเขา แต่กลับลืมตัวว่าตอนนี้นางกำลังจับเจ้ากบตัวอ้วนเอาไว้ในมือซ้ำยังยื่นมันไปตรงหน้าเขา เจ้ากบส่งเสียงรองอ๊บอ๊บ ก่อนจะฉี่ใส่เสื้อผ้าของเซวียนซานหลางทันที

มู่หลานเฟิน"..."

มู่หลานเฟินตกใจจนตาค้าง ให้ตายเถอะ นางไปล่วงเกินคนโหดเหี้ยมอย่างเซวียนซานหลางเข้าให้แล้ว เขาจะชักดาบขึ้นมาฟันนางให้ตายตรงนี้หรือไม่

เซวียนซานหลางกำมือแน่น พยายามระงับโทสะ 

มู่หลานเฟิน พบเจอเจ้าทุกครั้งล้วนไม่เคยมีเรื่องดีเลย!

ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามาหาหญิงสาวช้าๆ มู่หลานเฟินหน้าซีดเผือดรีบถอยหลังหลบตามสัญชาตญาณอย่างระวังตัว

เดิมทีนางมีวรยุทธ์ แต่ไม่กล้านำออกมาใช้เพราะเกรงจะมีพิรุธ

"ยะ อย่าเข้ามานะ! หากท่านเข้ามาอีกแม้เพียงก้าวเดียว ข้าจะเอากบตบปากท่านแน่!"

เซวียนซานหลางยกยิ้มมุมปาก มู่หลานเฟินถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

หล่อมาก แต่อันตรายเกินไป!

นางถอยหลงจนไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ไร้หนทางหลบหนีอีก ทำได้เพียงมองเซวียนซานหลางอย่างระแวดระวัง

เมื่อเห็นว่าต้อนมู่หลานเฟินจนมุมแล้ว เซวียนซานหลางก็เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

"จวนของข้าไม่ใช่สถานที่เที่ยวเล่น ไม่ใช่ตลาดสดให้เจ้ามาไล่จับกบได้ตามใจชอบ นับวันเจ้ายิ่งทำตัวน่ารังเกียจมากขึ้นทุกวัน น่ารังเกียจเหมือนกบตัวนี้ที่เจ้าถืออยู่"

มู่หลานเฟินที่ถูกด่าก็ถึงกับลอบซู๊ดปากในใจ ฝีปากเขาจัดจ้านเกินไปแล้ว

ในขณะที่นางกำลังจะโต้เถียงกลับ ก็พบว่าเซวียนเจ๋อพุ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้ได้ พร้อมกับยกมือปิดปากนาง และหันไปเอ่ยกับเซวียนซานหลาง

"พี่ใหญ่ หรานหร่านยังไร้เดียงสา นางก็แค่อยากทำหม้อไฟกบให้ข้าลองกินไม่ได้มีเจตนาร้าย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้ ไม่ให้อยู่ขวางหูขวางตาพี่ใหญ่อีก รีบกลับเรือนเร็วเข้า! หรานหร่าน!"

เอ่ยจบเซวียนเจ๋อก็ลากมู่หลานเฟินเดินจากไปพร้อมกันทันที เซวียนซานหลางมองดูสองคนนั้นที่ลากกันกลับเรือนอย่างทุลักทุเลไปพร้อมกบหนึ่งตัวก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมา

เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่ามู่หลานเฟินมีบางอย่างที่ดูแปลกไป?

หรือว่านางจะคิดแผนการใหม่ขึ้นมาได้ เพราะแผนการเดิมใช้ไม่ได้ผลนางจึงแสร้งทำตัวบ้าๆบอๆเช่นนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา

แต่ไม่ว่านางจะมีแผนการใด เขาก็จะไม่มีวันหลงกลนางเป็นอันขาด!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 4 เทศกาลหยวนเซียว

    เรื่องที่จะต้องไปสืบคดีตามคำสั่งของเสด็จลุงนั้นเซวียนซานหลางไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดอะไรให้บิดาฟังมากนัก เซวียนชินอ๋องเองก็ไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกนับวันยิ่งค่อนข้างห่างเหินเป็นอย่างมาก ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะออกเดินทาง อย่างไรเสียตอนนี้เสิ่นเหวยอันหัวหน้าสำนักบูรพาก็ยังไม่กลับมาจากนอกเมือง ยอมต้องรอไปก่อนระหว่างนี้ดูเหมือนว่าจวนชินอ๋องจะเตรียมจัดงานเลี้ยงวันเกิดของเซวียนชินอ๋องบิดาของเขา ทุกๆปีท่านพ่อมักจะจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งที่ไม่ได้ทำงานหาเงินแต่กลับใช้เงินมือเติบ จัดงานเลี้ยงเชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เขาเองคร้านจะสนใจ จึงไม่ได้เอ่ยทัดทานอันไร เพราะรู้นิสัยบิดาของตนดีช่วงนี้เหมือนว่าอวี้หลิงจะไม่ได้คิดก่อคลื่นลมอะไรให้เขาเลยแม้แต่น้อย ด้วยกำลังน้อยนิดและสมองทึมทื่อของนางย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว แต่เซวียนซานหลงก็ไม่เคยวางใจ ยังคงระแวดระวังตนเองเป็นอย่างดีในเมืองหลวงยามนี้ค่อนข้างคึกคักคึกครื้น เพราะวันนี้ในเมืองหลวงจัดงานเทศกาลหยวนเซียว ผู้คนออกจากบ้านไปชมโคมไฟและกินขนมมงคล ในจวนชินอ๋องอวี้หลิงก็สั่งให้สาวใช้ทำขนมบัวลอยแจกจ่ายให้ค

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 5 อดข้าว

    กลางดึกคืนนั้นจวนชินอ๋องค่อนข้างวุ่นวายเป็นอย่างมาก เพราะมู่หลานเฟินได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ท่านหมอที่ทำการรักษาได้ฝังเข็มและตรวจอาการของนางอย่างละเอียด อีกทั้งยังบอกอีกว่าเพราะร่างกายของนางบอบบาง แต่กลับฝืนใช้วรยุทธ์ทั้งที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน ทำให้ได้รับผลกระทบลมปราณภายในแปรปรวน จึงกระอักโลหิตออกมา นับว่าโชคดีที่เป็นเช่นนี้ หากมู่หลานเฟินไม่กระอักโลหิตออกมา อาจจะทำให้ภายในเสียหาย และอาจล้มป่วยจนถึงแก่ชีวิตได้หลังจากจัดเทียบยาเรียบร้อย ท่านหมอก็จากไป อวี้หลิงที่ได้ทราบเรื่องจากปากของเซวียนเจ๋อก็ถึงกับร้อนใจ มู่หลานเฟินหลานสาวตัวดีของนางไม่เห็นเคยบอกนางเลยว่ามีวรยุทธ์ หากรู้แต่แรกนางจะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้มู่หลานเฟินยั่วยวนเซวียนซานหลาง แต่ให้ลงมือฆ่าเขาเสียเลย!ด้านเซวียนซานหลางนั้น ตอนที่เห็นว่ามู่หลานเฟินจัดการนักฆ่า เขาก็มีความสงสัยอยู่ภายในใจเต็มไปหมด แม้จะรู้จักนางได้ไม่นาน แต่ภูมิหลังและความเป็นไปของนางเขาล้วนสืบมาอย่างละเอียด นางเป็นเพียงบุตรสาวของตระกูลคหบดี วันๆเอาแต่แต่งหน้าทาปากยั่วยวนบุรุษ แต่งตัวงดงามเดินเตร็ดเตร่เพียงเท่านั้นแต่ที่เขาเห็นนั้นฝีมือของนางไม่ธรรมดาเลย คล้ายกับ

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 6 งานเลี้ยง

    ผ่านมาร่วมหลายวัน ที่จวนชินอ๋องก็มีงานใหญ่ นั่นก็คืองานวันเกิดของเซวียนชินอ๋อง เหล่าขุนนางในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่า เซวียนชินอ๋องผู้นี้ แม้จะดูเหมือนไม่เอาอันใด ทำสิ่งใดก็ไม่ได้เรื่องได้ราว ซ้ำร้ายยังถูกพี่ชายที่เป็นฮ่องเต้ก่นด่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่อย่างไรก็ไม่อาจจะล่วงเกินเขาได้ เพราะเซวียนซานหลางบุตรชายของเขานั้นมีอำนาจทหารอยู่ในมือ อีกทั้งยังมีความดีความชอบนานับประการ พูดได้ว่าหากจวนชินอ๋องไม่มีเซวียนซานหลางที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ค่อยหยัดรากลงดินค้ำจุนเอาไว้ ป่านนี้เซวียนชินอ๋องอ๋องก็ไม่นับเป็นตัวอะไร อีกทั้งเซวียนซานหลางผู้นั้นยังเป็นหลานสุดที่รักของฝ่าบาท ทางที่ดีอย่าไปล่วงเกินพวกเขาจะดีที่สุดก็เพราะเป็นเช่นนี้ในงานเลี้ยงวันเกิดทุกปีของเซวียนชินอ๋องเหล่าขุนนางจึงนำของขวัญชั้นดีมามอบให้เซวียนชินอ๋องอยู่เสมอ แม้จะไม่ชอบหน้าเขามากเพียงใดก็ตามแขนเสื้อยาวย่อมร่ายรำได้งดงาม คนเราแม้จะไม่เป็นที่รักใคร่แต่ขอเพียงมีเงินมีอำนาจย่อมทำสิ่งใดได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือเซวียนชินอ๋องคนหน้าหนาไม่ได้รู้สึกอันใดทั้งสิ้น เขาคิดเพียงว่า เซวียนซานหลางมีหน้าที่กตัญญูต่อเขาที่เป็นบิดา การทำให้เขามีห

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 7 ต่อปากต่อคำ

    ภายในงานเลี้ยงผู้คนต่างกินดื่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังร่วมกันอวยพรให้เซวียนชินอ๋องอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เซวียนชินอ๋องรู้สึกมีหน้ามีตาเป็นอย่างมาก มู่หลานเฟินที่สลัดเซวียนซานหลางออกมาได้แล้วก็กลับมาหาเซวียนเจ๋อ นางไม่มีสหายเป็นสตรีสักคน ทำได้เพียงตัวติดกันอยู่กับเซวียนเจ๋อญาติผู้พี่สองคน ต่างคนต่างรินสุราให้กัน เซวียนเจ๋อนั้นคออ่อน ดื่มไปเพียงไม่กี่จอกก็เมาเสียแล้ว นางจึงสั่งให้คนพาเขากลับไปพักที่เรือนนอนเสีย ส่วนตนก็นั่งมองสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่ทะเลาะกันครั้งนั้นอวี้หลิงป้ามหาภัยก็ไม่บังคับอะไรนางอีก แม้จะด่าทอนางและเซวียนเจ๋ออยู่บ้าง แต่ดูเหมือนจะลารามือไปบ้างแล้ว"เจ้าดูสิ คนเราน่ะ ไม่มีสหายคบหาก็เป็นเช่นนี้ละ ต้องนั่งโดดเดี่ยว เล่นกับก้อนหินใบหญ้า ช่างน่าสงสารยิ่งนัก"อยู่ๆก็มีเสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมา มู่หลานเฟินเงยหน้าไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเหล่าสตรีน้อยที่มาร่วมงาน หนึ่งในนั้นมีสวีเมิ่งเหยารวมอยู่ด้วยสวีเมิ่งเหยายิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้าจะเอ่ยวาจาเช่นนี้ไปทำไมกัน นางน่ะน่าเห็นใจออก นอกจากจะไม่มีคนคบหาแล้ว ฐานะยังต่ำต้อย ตระกูลคหบดีน่ะเทียบไม่ได้

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 8 คดีแรก

    งานเลี้ยงก็จบลงเช่นนี้ เซวียนชินอ๋องดื่มจนเมามายไม่ได้สติ อวี้หลิงก็ออกคำสั่งให้บ่าวไพร่ในจวนเก็บกวาดลานเรือนให้เรียบร้อย ส่วนมู่หลานเฟินก็เดินกลับเรือน ระหว่างทางนางเดินผ่านสระบัว หญิงสาวหยุดมองดูมันพลางครุ่นคิด นี่คือสระบัวที่มู่หลานเฟินคนก่อนตกลงไปและถึงแก่ชีวิตจนจากโลกนี้ไปแล้วนางก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทนมู่หลานเฟินมองเงาของตนที่สะท้อนบนผิวน้ำ แสงจันทร์ยามค่ำคืนทำให้นางมองเห็นภาพสะท้อนของตนเองบนผิวน้ำได้อย่างชัดเจน ใบหน้านี้งดงามอ่อนเยาว์ นางเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปในโลกอนาคตที่ตนเองจากมาอีกครั้งไม่รู้ว่าผ่านมากี่ครั้งแล้วที่นางทะลุมิติไปเป็นคนนั้นทีคนนี้ที เป็นคนบ้าง เป็นสัตว์บ้าง เป็นบุรุษบ้างนับว่าครั้งนี้ได้เป็นตัวเองเสียที แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้ได้อีกนานเท่าใดนัก เพราะจากหลายๆเหตุการณ์ในชาติก่อนๆ นางนั้นมีอายุไม่ยืนยาวสักเท่าใดนักหญิงสาวถอนหายใจออกมา ยังไม่ทันจะเดินกลับเรือนก็ได้ยินเสียงของป้ามหาภัยเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน"หลานสาวตัวดี เจ้ายังมีอารมณ์มายืนชมนกชมไม้ ชมสระบัวอยู่อีกหรือ"มู่หลานเฟินกลอกตาไปมา ก่อนจะหันมามองอวี้หลิงอย่างเอือมระอา"ข้าจะไปนอนแล้ว

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 9 เมืองถงหวาง

    ท้ายที่สุดแล้วเซวียนซานหลางก็จำต้องให้มู่หลานเฟินติดตามไปด้วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เรื่องการสืบคดีนับว่าเป็นงานราชการลับที่ฝ่าบาททรงมอบหมายให้ เพราะอย่างนี้เซวียนซานหลางจึงไม่ได้บอกกับผู้ใดแม้กระทั่งบิดาของตน อีกทั้งยังกำชับมู่หลานเฟินอีกด้วยว่าห้ามนางปากเปราะ หลายวันมานี้มู่หลานเฟินแทบจะกระดิกตัวทำสิ่งใดไม่ได้ เพราะมีคนของเขาจับตาดูนางอยู่ตลอดเวลาหลายวันต่อมา เซวียนซานหลางบอกกับเซวียนชินอ๋องว่าเขามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการที่นอกเมืองหลวง อีกทั้งจะออกครั้งนี้เดินทางไปนานเสียหน่อยไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด และยังต้องการให้สาวใช้ติดตามไปคอยรับใช้สักคนสองคนเพื่อดูแลเรื่องความเป็นอยู่ หากจะไปหาซื้อสาวใช้ที่นอกเมืองหลวงเกรงว่าจะทำงานไม่ได้เรื่องเท่าสาวใช้ที่ได้รับการฝึกฝนในจวนใหญ่ อวี้หลิงเมื่อได้ทราบเรื่องก็รีบไปบอกกับเซวียนชินอ๋องว่าอยากให้มู่หลานเฟินติดตามไปคอยดูแลเซวียนซานหลางด้วย เซวียนชินอ๋องเองก็ตกปากรับคำ อย่างไรเขาก็อยากให้บุตรชายแต่งงานกับมู่หลานเฟินอยู่แล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงไปบอกเรื่องนี้กับบุตรชายทันทีเซวียนซานหลางเมื่อได้ฟังก็แสร้งทำทีเป็นคัดค้านเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 10 ปลอมตัว

    คนทั้งหมดเดินทางเข้ามาเมืองถงหวางอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้าที่จะเดินทางมา เซวียนซานหลางได้ให้องค์รักษ์ของตนมาสำรวจลู่ทางของที่นี่เรียบร้อยแล้ว อาต่งองค์รักษ์ของเขาได้ซื้อบ้านเล็กๆหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในตลาด เป็นร้านของอดีตเถ้าแก่ร้านขายอาหาร แต่เพราะในเมืองถงหวางเกิดเรื่องมากมาย เถ้าแก้ร้านจึงย้ายออกไปอยู่เมืองอื่นพร้อมกับบุตรสาวของตนบ้านหลังนี้ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปพอให้พักกันได้สบายๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต เซวียนซานหลางจึงให้มู่หลานเฟินพักอยู่ในห้องเดียวกัน และยังตั้งกฎกับนางว่าห้ามล้ำเส้นเขา ไม่อย่างนั้นดาบในมือของเขาอาจจะพลาดพลั้งบั่นคอนางขาดได้ มู่หลานเฟินลอบเบ้ปาก เขาจะหลงตนเองเกินไปแล้วกระมัง นางมีหรือจะอยากเข้าใกล้เขาขนาดนั้น แค่หายใจร่วมกันยังแทบจะหายใจไม่ออก นี่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกันอีก ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดกว่าจะไขคดีจบสิ้น นางอึดอัดจะตายอยู่แล้วด้านเซวียนเจ๋อนั้นก็พักอยู่อีกห้องหนึ่งใกล้ๆกับลั่วเหมย เพราะเซวียนซานหลางสั่งห้ามไม่ให้เขาแต่งเป็นบุรุษ เขาจึงต้องยืมเสื้อผ้าของลั่วเหมยมาสวมใส่ โชคดีที่ตัวของเขาผอมบางจึงใส่เสื้อผ้าของลั่วเหมยได้ ลั่วเหมยถึงกับหมดอาลัยตายอยาก

    Last Updated : 2025-04-05
  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 11 ศพ

    เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาเองไม่ได้กลิ่นอันใด แต่เสียงที่มู่หลานเฟินบอกนั้นตลอดหลายคืนมานี้เขาจะพอจะได้ยินอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาไปสอบถามเสิ่นเหวยอันก็ได้ความว่าเสิ่นเหวยอันก็ได้ยินเช่นเดียวกันการเดินทางเข้าเมืองถงหวางครั้งนี้เขาไม่ได้แจ้งต่อท่านเจ้าเมือง เพราะต้องการสืบคดีให้แน่ชัด การที่มีคนนอกล่วงรู้เรื่องนี้มากเกินไปอาจไม่ส่งผลดีต่อรูปคดีที่สำคัญตัวตนของเขาพวกเขาได้ถูกปิดบังอย่างชัดเจนแล้ว ก่อนเข้าเมืองก็ได้จัดการเอกสารหลักฐานที่ใช้เข้าเมืองได้อย่างแนบเนียนไม่มีพิรุธ"คืนนี้ข้าจะไปตรวจดูรอบๆเมือง เจ้าอยู่ในบ้านปิดหน้าต่างและประตูให้ดี""ข้าไปด้วยสิ"มู่หลานเฟินรีบอ้อนวอนเซวียนซานหลาง แต่ชายหนุ่มกลับมองนางเหมือนมองตัวปัญหา"อย่าเป็นตัวถ่วงข้า""ตัวถ่วงอันใดกันเล่า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าจมูกดีมาก หูข้ารึก็ดีกว่าท่าน ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยให้ท่านและพี่เสิ่นตามเบาะแสของคนร้ายได้ ข้ารับรองว่าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่านแน่นอน ไม่ต้องกังวล""ไม่...""ที่น้องหรานหร่านเอ่ยมาก็นับว่ามีเหตุมีผล ซื่อจื่อ ท่านก็อย่าเอาแต่ใจนักเลย"เสียงที่คุ้นเคยทำให้เซวียนซานหลางถึงกับหัวเสีย เป

    Last Updated : 2025-04-05

Latest chapter

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   ตอนจบ

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 46 สงคราม

    เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 45 จับคนร้าย

    วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 44 น้องสาวบุญธรรม

    เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 43 ยาพิษ

    เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 42 ความจริง

    ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 41 แผนคลาดเคลื่อน

    เสียงน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง เซวียนซานหลางที่ได้ยินก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที เมิื่อเห็นว่ามู่หลานเฟินตกน้ำลงไปพร้อมกับสวีเมิ่งเหยาเขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเห็นว่านางลอบยักคิ้วให้เขาหนึ่งครั้ง เซวียนซานหลางก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออกนี่นางกำลังจะทำอันใดกันเซวียนเจ๋อที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบร้อนวิ่งมาหาเซวียนซานหลาง"พี่ใหญ่ รีบช่วยหรานหร่านเร็วเข้า"ด้านฮ่องเต้เซวียนจงและเฉินฮองเฮาก็เริ่มร้อนใจแล้ว แม้แต่อวี้หลิงก็ยังนั่งไม่ติดที่สวีเมิ่งเหยาที่ถูกมู่หลานเฟินลากลงน้ำมาด้วยกันเริ่มมีโทสะขึ้นมา นางกัดฟันเอ่ยกับมู่หลานเฟินอย่างไม่พอใจ"นังสารเลว เจ้าคิดจะทำอันใด""เจ้าอยากกล่าวโทษข้า ว่าข้าผลักเจ้าตกน้ำไม่ใช่หรือ""เจ้ารู้ได้เช่นไร""เหอะ สวีเมิ่งเหยา เจ้าคิดว่าตนเองฉลาดมากนักหรือ แผนการเช่นนี้ข้ามองปราดเดียวก็กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ในเมื่อเจ้าอยากเล่นข้าก็จะเล่นด้วย พวกเรามาเล่นกันเถอะ"เอ่ยจบนางก็คว้ามือของสวีเมิ่งเหยามากดหัวตนเองให้จมน้ำ พร้อมกับทำท่าทางจะเป็นจะตาย สวีเมิ่งเหยาเลิกลั่กแล้ว มู่หลานเฟินไม่เพียงดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน แต่นางยังใช้มืออีกข้างยื่นมาหยิกที่เอวของสวีเมิ่งเหยาอย่างแรง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 40 แกล้ง

    เช้าวันต่อมา มู่หลานเฟินตื่นนอนแต่เช้า นางไปหาอวี้หลิงและเซวียนเจ๋อที่พักอยู่อีกเรือนหนึ่ง เพื่อร่วมกินมื้อเช้า เช้าวันนี้ฮ่องเต้เซวียนจงไม่ได้สั่งให้พวกนางไปร่วมมื้อเช้าด้วย มู่หลานเฟินคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะนางก็ไม่อยากจะพบร่วมโต๊ะกับพวกเขาเท่าใดนักระยะนี้อวี้หลิงดูเหมือนจะมีท่าทางแปลกไป นอกจากจะไม่ก่อคลื่นลมใดแล้ว ในแววตายังดูเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา มู่หลานเฟินเองไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดและไม่ได้วางใจเช่นกัน การที่อวี้หลิงไม่ก่อคลื่นลมไม่ได้แปลว่าพวกนางจะวางใจได้หลังจากผ่านพ้นมื้อเช้าไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้เซวียนจงก็มีรีบสั่งให้เซวียนซานหลางไปสนทนาที่ตำหนักใหญ่ มู่หลานเฟินไม่ได้ตามไปด้วย นางไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กับเซวียนเจ๋ออากาศที่นี่ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย มองไปทางใดก็เห็นเหล่ามวลผกาออกดอกล้อเล่นลม ป่าไผ่รอบข้างก็เขียวขจีสดชื่น แม้แต่ทะเลสาบเบื้องหน้าก็ยังงดงามราวกับภาพวาด เซวียนเจ๋อที่เดินอยู่ข้างกายมู่หลานเฟิน พลันเอ่ยถามญาติผู้น้องของตนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย"หรานหร่าน หากพี่ใหญ่แต่งงานกับสวีเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าจะทำเช่นไร เจ้าจะยอมแต่งเป็นภรรยาของเขาหร

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 39 พระราชวังฤดูร้อน

    หลายวันต่อมา มู่หลานเฟินที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็ทำทีเป็นว่าทราบเรื่องที่วัดสือฉีเปิดให้หญิงสาวไปผูกดวงขอความรัก นางจึงเดินทางไปที่วัดแห่งนั้นและเขียนดวงชะตาของตนเองผูกเอาไว้เพราะเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าวแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงมีรับสั่งว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่พระราชวังฤดูร้อนด้านนอกเมืองหลวง ที่นั่นบรรยากาศดีและเย็นสบายกว่าเมืองหลวง อีกทั้งยังตรัสว่าให้เหล่าขุนนางชั้นสูงติดตามไปด้วย เหล่าขุนนางที่มีตำแหน่งสูงต้องติดตามไปด้วย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอันใด เพราะบ้านพักของพวกเขาตั้งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังฤดูร้อนอยู่แล้วแน่นอนว่าคนในจวนชินอ๋องย่อมต้องติดตามไปด้วยเพราะเป็นเครือญาติและเชื้อพระวงศ์ อวี้หลิงพระชายาเอกนั้นได้สั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมของให้พร้อมสรรพ ก่อนที่นางจะเดินกลับเข้ามาในห้องของตนเองเพื่อพักผ่อนเมื่อนั่งอยู่เพียงลำพังแล้ว อวี้หลิงก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้เมื่อสองคืนก่อนนางได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายบอกว่า มีเบาะแสที่สามารถชี้ตัวคนร้ายที่สังหารน้องสาวและน้องเขยของนางได้ แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่งนั่นก็คือ นางจะต้องสังหารเซวียนซานหลางเสีย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status