"ฉันบอกไว้อย่างหนึ่ง"
"คะ?" หญิงสาวตกใจในขณะที่กำลังเช็คร่างกายอยู่เสียงเขาก็พูดขึ้นมา
"เวลาฉันพักผ่อนห้ามกวน" เพราะเวลาของเขามีค่ามาก กว่าจะหาเวลามานอนเอาแรงได้ พอตื่นต้องได้เข้าห้องผ่าตัดเคสต่อไป
ใครอยากจะกวนเขา เราไม่ได้กวนสักหน่อย ..หญิงสาวค่อยๆ เอนกายลงนอน แต่พอนึกได้เขาตื่นก็ดีจะได้คุยด้วย ก็เลยลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
"คุณจะไม่ให้ฉันออกจากห้องนี้ไม่ได้นะ"
"ทำไม ในข้อตกลงก็เขียนไว้ชัดแล้วนี่"
"ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าคุณจะขังฉันขนาดนี้"
"ใครขังคุณ"
"แบบนี้แหละที่เขาเรียกขัง"
"บอกว่าเวลานอนอย่ากวน"
อะไรของเขา จะไม่ให้ออกไปพบโลกภายนอกเลยหรือไง ..คนตัวเล็กก็เลยค่อยๆ เอนตัวลงนอนที่เดิม
ผ่านไปสักครู่เสียงหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ ..คนอะไรจะหลับง่ายขนาดนี้
"อุ๊ย" ขณะที่เธอมองจ้องอยู่ดวงตาของอีกฝ่ายก็ลืมขึ้น "ฉันไม่ได้กวนคุณนะ"
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ลุกจากที่นอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
พออาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า เลือกชุดใส่
"คุณจะไปไหน"
นายแพทย์เซอร์เวย์ไม่ได้ตอบอีกนั่นแหละ เพียงแค่เขามองมาเธอก็รีบหุบปากแล้ว
พอเขาออกจากห้องไปเพียงไม่นาน แม่บ้านก็เอาอาหารมาให้
และวันนี้แม่บ้านมองสำรวจร่างกายเธอมากกว่าเดิม เพราะเสื้อที่เธอใส่ แถมข้างในไม่มีชุดชั้นใน
พอแม่บ้านออกจากห้องไปก็เริ่มไปคุยกับเลขาที่ประจำอยู่ชั้นนี้
"คุณแม่บ้านรู้ใช่ไหมว่าห้ามไปพูดที่ไหนอีก"
"รู้ค่ะ..แต่ก็แปลกนะ ป้าทำงานที่นี่ตั้งแต่สมัยคุณพ่อของคุณหมอแล้ว ไม่เห็นคุณหมอจะพาผู้หญิงที่ไหนเข้าห้อง"
"เรื่องของเจ้านายน่า ปิดปากให้สนิทด้วย"
พอคลาดสายตาแม่บ้าน แจนเลขานุการก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา..
นี่แหละคือเหตุผลที่เซอร์เวย์ให้เธออยู่แต่ในห้อง เพราะเดี๋ยวเรื่องทั้งหมดก็ถึงหูพ่อเขาโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร
"นั่นคุณพี่จะไปไหนคะ"
"ไปจัดการเจ้าลูกชายตัวดีของคุณน่ะสิ"
"ลูกอายุก็ป่านนั้นแล้ว ถ้าลูกจะมีผู้หญิงมันก็ไม่แปลกนี่คะ"
"คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
"คุณพี่รู้แล้วหรือคะ"
มีเหรอที่พลตรีนายแพทย์วันเวย์จะอยู่นิ่งเฉย ตอนนี้รู้แม้กระทั่งว่าเธอคนนั้นไม่ต่างจากบุคคลล้มละลาย เพราะทรัพย์สินไม่มีอะไรเหลือเลย
แต่ที่คนเป็นพ่อแปลกใจ ทำไมหารายชื่อแม่ของผู้หญิงที่รักษาตัวในโรงพยาบาลไม่เจอ
พอออกจากห้องผ่าตัด นายแพทย์เซอร์เวย์ก็ต้องไปตรวจดูอาการคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดก่อนหน้านั้น ตามเวลาที่ถูกจัดไว้แล้ว และเขาก็ทำแบบนี้ทุกวันไม่มีอะไรน่าสงสัย
จนถึงช่วงเย็น.. วันนี้ไม่มีผ่าตัดรอบค่ำ เขาก็เลยกลับขึ้นมาพักผ่อนเร็วหน่อย
ขึ้นมาถึงก็เห็นเธออยู่ในชุดใหม่แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในเสื้อเชิ้ตของเขา ที่จริงหญิงสาวซักชุดของตัวเองไว้แล้ว ถึงแม้ว่าจะตากแบบอนาถา แต่ที่เธอไม่ใส่เผื่อว่าได้ออกจากห้องนี้ จะได้นำมันมาสวมใส่เลย
"แม่ฉันยังอยู่ในโรงพยาบาลนี้ไหมคะ"
พอได้ยินคำถามของเธอ สายตาเขามองไปที่ประตู
"มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้นเลยหรือคะ"
"คุณอย่าลืมสิ ว่าเรื่องทั้งหมดมันต้องเป็นความลับ"
"ขอโทษค่ะที่ถาม" หญิงสาวเดินกลับไปนั่งลงที่เตียง ในขณะที่เขาเข้าไปอาบน้ำ
พออาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาหาเสื้อผ้าใส่ แล้วเดินไปนอนลงข้างๆ
"คุณจะนอนอีกแล้วเหรอ"
"ไม่นอนแล้วจะให้ทำอะไร" ดวงตาที่เพิ่งจะหลับลง ค่อยๆ ลืมขึ้นมองใบหน้าหญิงสาวที่อยู่แค่เอื้อม
"เออ.." หญิงสาวเริ่มประหม่า เพราะเขาไม่ได้มองแค่ใบหน้า แต่สายตาของเขายังมองต่ำลงไป..
"คุณหมอนอนเถอะค่ะฉันไม่กวนก็ได้" หญิงสาวที่นอนชิดผนังห้องรีบพาตัวเองออกมาจากเตียงก่อน แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ประเภทที่ชอบผู้ชายด้วยกันจะออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ในห้องนี้ก็มีแค่เก้าอี้ตัวเดียวที่จะลากมานั่งริมหน้าต่าง เพื่อปล่อยให้เขาได้นอนพักผ่อนไปชั้นล่างของโรงพยาบาล.."ตอนนี้ใกล้ค่ำมากแล้ว ลูกคงกำลังพักผ่อนอยู่แน่เลยคุณ""วันนี้ยังไงผมก็ต้องลากมันกลับไปนอนที่บ้านให้ได้" ผู้เป็นพ่อโทรมาเช็คที่โรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายมีผ่าตัดไหม"วันนี้พากลับไปได้ วันหลังลูกก็มาค้างโรงพยาบาลอีกอยู่ดี งานของลูกอยู่ที่นี่นี่คะ""คุณอย่าเข้าข้างมันนักเลยได้ไหม ถ้ามันยุ่งยากมากนัก เดี๋ยวผมจะหาผู้บริหารโรงพยาบาลคนใหม่"แพทย์หญิงอมรรัตน์เหลือจะทนแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องได้ตามสามีขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะมีปากเสียงกับลูกเดี๋ยวลูกก็เตลิดไปทางอื่นแกร็ก! แกร็ก!!"คุณก็เคาะประตูสิคะ" ตอนนี้ชั้นบนไม่มีใครอยู่แล้วจะขอกุญแจสำรองก็ไม่ได้แกร็ก.. ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตู โดยให้เธอไปนั่งรออยู่บนเตียง"ต่อไปนี้กลับไปนอนที่บ้าน""คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากไปเสียเวลาอยู่บนรถ" เวลาที่รถติดเขานอนพักผ่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ ก็เลยไม่
แกร็ก! ขณะที่เซอร์เวย์เปิดประตูห้องน้ำ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน ชายหนุ่มไม่ได้มองเข้าไปในห้องน้ำแต่มองกลับมาด้านหลังของตัวเอง"คุณหมอ? คุณหมอกลับมาแล้วเหรอคะ" ใบหน้างามเปลี่ยนสีขึ้นมาทันตาเห็น รอมาทั้งวัน แต่พอแอบออกไปข้างนอก เขากลับขึ้นมาตอนที่เธอออกไปเนี่ยนะ"ผมบอกแล้วว่าไม่ใช่ลมปากของคน นี่ขนาดให้เซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรยังทำตามไม่ได้เลย""ฉันขอโทษค่ะ ก็ฉันไม่มีเบอร์โทรของคุณ..""คำขอโทษของคนที่ไม่รับผิดชอบคำพูดของตัวเองผมไม่รับ"คำอธิบายที่เธอกำลังจะอธิบายให้เขาฟังถูกกลืนกลับลงไปที่เดิม ถึงแม้พูดไปเขาคงไม่รับฟัง"คุณหมอจะไปไหนคะ" หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นเขาเดินฉุนเฉียวมาที่ประตูแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ มือหนากระชากประตูออกแล้วก็เดินหายไปกับความมืด"ก็ฉันหิวนี่ คุณรู้ไหมว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรทั้งวันเลย" เธอได้แต่พูดกับตัวเองพร้อมกับยกขนมปังในมือขึ้นมามองดู อุตส่าห์คิดว่าตัวเองรีบที่สุดแล้วสายๆ ของวันต่อมา..เขาออกไปตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับขึ้นมาเลย แถมขนมปังที่ซื้อมาเมื่อคืนก็หมดไปแล้ว ไม่ใช่แค่ขนมปังหมดสิ..น้ำดื่มก็หมดเหมือนกัน ไม่น่าไปทำปากดีกับคนของเขาเลย เธอจะต้องหิวตายอยู่
ได้ยินคำถามของเขาแล้วเธอถึงกับเงียบไป จะให้เธอบอกว่ายังไงล่ะ เขาสมควรที่ต้องหาคำตอบเองไม่ใช่เหรอ แต่ถึงแม้เธอเป็นคนบอกแล้วเขาจะเชื่อเหรอหญิงสาวก็เลยเงียบไป..และเขาก็เงียบเช่นกันในใจก็คิดว่าเขาจะค้นหาความจริงไหม หรือว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไป ..คำถามประโยคหลังมีน้ำหนักมากกว่า แต่คิดว่าคนฉลาดแบบเขาต้องรู้แล้วล่ะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร ระหว่างเธอกับพ่อ เขาคงจะเลือกครอบครัวอยู่แล้วหญิงสาวคิดถึงเรื่องวันที่พ่อของเขามาตราหน้าเธอว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย พ่อของเขาตะคอกแม่แค่เล็กน้อย เขาก็รีบรับหน้าแทน แต่สำหรับเธอ ทั้งถูกดูถูกและเหยียดหยาม เขาไม่แม้แต่จะปกป้องสักนิดดวงตากลมที่เจือปนไปด้วยม่านน้ำตา ค่อยๆ หลับลงแบบช้าๆ โชคดีเท่าไรแล้วที่เขาไม่ปล่อยให้เธอตาย ยังมีน้ำใจเอาน้ำเกลือมาใส่ให้ชายหนุ่มอาบน้ำออกมาก็ไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน แล้วก็เอนตัวยาวโดยการเอาขาขึ้นพาดโต๊ะไว้แล้วหลับไปในท่านั้นเช้าวันต่อมา.."นี่เป็นนามบัตรของผม ถ้ามีอะไรก็โทรไป..ใช้โทรศัพท์ในห้องนี้ได้เลย" ก่อนออกจากห้อง เซอร์เวย์ได้เอานามบัตรจากลิ้นชักออกมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ถ้าเธอค้นดูก็จะเห็น แต่นี่เธอคงไม่อยากละลาบละล้วง "อีก
ก๊อก ก๊อก "ว่าไงคะคุณหมอ" สุพัตราเคาะประตูห้องทั้งที่ประตูไม่ได้ปิดไว้เลย แต่แค่ส่งสัญญาณให้คนที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานมองดูว่ามีคนเข้ามา"ว่างหรือไงครับ ถึงได้สละเวลามาหาผมได้เนี่ย""คุณหมอก็พูดไป จำไม่ได้เหรอคะถึงเวลานัดของเราแล้ว"ชายหนุ่มรีบมองไปดูประตูห้อง มันยังคงเปิดอยู่ เขาก็เลยลุกเดินไปที่ประตู แต่ก่อนจะปิดมันไว้ เซอร์เวย์ได้สั่งพยาบาลที่อยู่หน้าห้องไม่ให้ใครเข้ามากวน"ผมยังไม่มีเวลาเลย ช่วงนี้งานรัดตัวไปหมด""งานรัดตัวหรือว่าอะไรรัดตัวกันแน่คะ ก่อนที่จะมาหาคุณฉันขึ้นไปบนห้องมาแล้ว""ไม่มีอะไรหรอก""หมายความว่ายังไงคะ""มันเป็นเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย""แต่เธอก็สวยดีนะ คุณไม่มีอะไรเลยเหรอ""ไม่มี""ชุดที่เธอใส่ไม่ยั่วสายตาคุณเลยเหรอ" เรามารู้จักสุพัตรากันบ้าง แพทย์หญิงสุพัตราเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่นี่ และสุพัตราก็เป็นแพทย์เกี่ยวกับด้านจิตเวชชายหนุ่มตอบไปโดยการส่ายหน้า เขามีนัดคุยกับสุพัตราทุกเดือน และเวลาคุยกันสุพัตราจะมาหาเซอร์เวย์ที่ห้องทำงานชั้นบน เพราะสิ่งที่ทั้งสองคุยกันมันเป็นความลับขั้นสูงสุดของนายแพทย์เซอร์เวย์ เขาจะให้ใครล่วงรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าไม่งั้นต้องมีผลกับงานที่
เย็นวันเดียวกันนั้น..เซอร์เวย์แทบจะทำงานไม่รู้เรื่อง วันนี้เขาก็เลยไม่รับเคสผ่าตัดด่วน ปล่อยให้หมอคนอื่นรับผิดชอบไป ทำอะไรก็ไม่เป็นอันจะทำชายหนุ่มก็เลยกลับขึ้นมาที่ชั้นบนแกร็ก.."คุณทำอะไร""ฉันไม่รู้ว่าคุณหมอจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ขอโทษค่ะ" หญิงสาวที่อยู่ในผ้าเช็ดตัวเพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าสายตาคมมองตามไป..ร่างกายของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าจะลองทำอะไรกับเรือนร่างของเธอดูเท้าแกร่งเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังเอื้อมมือขึ้นไปปลดเสื้อออกจากไม้แขวน"อุ๊ยคุณหมอ" หญิงสาวตกใจ อยู่ดีๆ มือของเขาก็ยื่นมาแกะผ้าเช็ดตัวออก แต่เธอคว้ามันไว้ได้ทันใบหน้าคมโน้มลงไปซอกคออีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วสูดดม"คุณหมอ คุณจะทำอะไร""อยู่นิ่งๆ"หญิงสาวที่ไม่เคยถูกชายใดสัมผัสร่างกายแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งของเขาริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาจนถึงแผ่นหลัง มือของเขาแนบไว้ที่หน้าอก ในใจหญิงสาวคิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องตกเป็นของเขาแน่ เรื่องนี้มันก็อยู่ในลายลักษณ์อักษรที่เธอได้เซ็นลงไป ที่จริงเขาเขียนขึ้นมาโดยที่ไม่คิดว่าจะแตะต้องตัวเธอหรอก แต่อะไรมันก็ไ
"ใครให้แกพาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้าน""คุณคะ" ผู้เป็นภรรยาจ้องสามีตาเขม็ง"คุณจะไม่ให้ผมพูดได้ยังไง ก็ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนี้มาเป็นสมาชิกในบ้าน" เพราะพ่อนิสัยแบบนี้นอร์เวย์ถึงได้ไม่กลับบ้านตอนที่เขาขัดใจพ่อ ยังมาซ้ำรอยเซอร์เวย์อีกคน ส่วนรันเวย์น่ะเหรอ ที่ไม่เข้าบ้านเพราะเหตุผลเดียวกันเป๊ะ"ปุ" ปลาบปลื้มตกใจกับคำพูดของปู่ คิดว่าคนเป็นปู่ว่าให้ตัวเอง"ปู่ไม่ได้ว่าให้ปลื้มสักหน่อยลูก มีแต่ปลื้มนี่แหละที่เห็นใจปู่"ไอยวริญทำใจไว้แล้วว่าจะเจออะไรที่บ้านของเขาบ้าง แต่ที่เธอไม่ได้ทำใจก็เพราะเรื่องเด็กคนนี้ ตกลงเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือว่ามีภรรยาอยู่แล้ว อย่างหลังคงไม่ใช่ถ้ามีภรรยาเขาจะพาเธอเข้าบ้านทำไม"แม่ว่าพาน้องขึ้นไปข้างบนก่อน" อมรรัตน์มองไปเห็นรอยจ้ำที่ริมฝีปากและซอกคอของแฟนลูกชาย กลัวว่าสามีจะเห็นแล้วนำมาพูดให้ผู้หญิงเขาอาย"ครับ" เซอร์เวย์ส่งปลาบปลื้มให้กับคุณย่าแล้วก็พาเธอขึ้นบ้าน"ป้อ" ปลาบปลื้มร้องตามคุณลุงไป ใบหน้าของเซอร์เวย์และนอร์เวย์ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ปลาบปลื้มก็รู้แหละว่าทั้งสองไม่ใช่คนคนเดียวกัน เวลาเรียกลุงทีไรเขาจะชอบเรียกพ่อ"วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่หนูไม่ได้มาครับ หนู
ทีแรกเซอร์เวย์คิดว่าจะขึ้นมาคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่มีโทรศัพท์ตามลงไปรับเคสด่วนก่อนเขาก็เลยทิ้งให้เธอขึ้นไปที่ห้องคนเดียวเราทำแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ ขอร้องให้เขาช่วยชีวิตแม่ ยังมาทำให้เขาหนักใจเพราะคิดจะผูกมัดเขาอีก ถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าไม่มีเขาแม่เธอคงไม่อยู่จนถึงวันนี้หญิงสาวรอจนถึงค่ำเพื่อจะคุยเรื่องนี้กับเขา แต่ตอนนี้ก็ค่ำมืดมากแล้วเขายังไม่กลับขึ้นมาเลยเช้าวันต่อมา..ไอยวริญรออยู่ทั้งคืนจนหลับไปตื่นมาอีกทีก็สว่างแล้ว ..เมื่อคืนนี้คุณหมอไม่ได้กลับขึ้นมาบนห้องเหรอ หรือว่าเขาจะโกรธเราระหว่างวันเขาคงไม่ขึ้นมาแน่ เธอต้องรอให้ถึงตอนเย็นอีกแล้วเหรอขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้นก็ได้มีคนมาเคาะประตูห้อง"คุณหมอแน่เลย" หญิงสาวรีบเดินมาเปิดพร้อมรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะคุณแม่""คุณแม่.." แจนที่ยืนอยู่ด้านหลังของแพทย์หญิงอมรรัตน์ได้ยินคำที่เธอคนนั้นเรียกรู้สึกขัดหูมาก"แม่มารับเราไปดูเครื่องประดับ""ค่ะ" ไอยวริญก็เลยขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยหน่อย"อยู่แต่บนห้องคงอึดอัดแย่เลยนะ""ก็ไม่เท่าไรค่ะ""ตาหมอคงห่วงเรามากสิ""คะ?" อยากจะขำเขาจะมาห่วงเราทำไมทั้งสองลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล่าง ก็เห
พอถูกเขาแตะเนื้อตัวเข้าจริงๆ หญิงสาวก็เริ่มประหม่า ขาเรียวแนบชิดเข้าหากันแบบอัตโนมัติ แต่เซอร์เวย์ก็ไม่ได้ปล่อยมือออก เขายังคงขยับลูบคลำเนินนั้นเบาๆจนสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่น เพราะประสาทสัมผัสของเขาไว ถ้าไม่งั้นคงเป็นหมอผ่าตัดอันดับต้นๆ ของประเทศไม่ได้"?" หญิงสาวแปลกใจทำไมเขาถึงไม่ทำต่อ เพราะอยู่ดีๆ เขาก็ถอนจูบออก แล้วหันไปใส่เสื้อผ้าไอยวริญคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าเขาต้องการร่างกายของเธอ เธอพร้อมที่จะให้เขาอยู่แล้ว"อดทนอยู่บนนี้อีกสักระยะ ไม่นานหรอก" ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังสวมรองเท้าจะออกไปข้างนอก"คุณหมอจะให้ฉันไปจากที่นี่แล้วเหรอคะ" ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงจะดีใจ แต่พอมาวันนี้ทำไมรู้สึกใจหายสายตาคมหันกลับมามองเธอเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป เขาไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเธอเพราะเขาก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกันพอประตูปิดลงไอยวริญก็ค่อยๆ ก้าวเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงไม่สิเธอต้องออกมาจากโลกแห่งความฝันได้แล้ว ถึงแม้ความจริงมันจะน่ากลัวและโหดร้าย แต่นั่นมันก็คือความจริง ไอยวริญเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอมีใจให้กับเขา ก็ตอนที่ได้ยินเขาบอกจะปล่อยเธอออกไปจากห้องนี้"ทานข้าวได้แ
"วันนี้เดี๋ยวแม่จะพาเข้าโรงพยาบาลนะ""ไปทำไมครับ" ที่จริงคนเป็นแม่ไม่ได้คุยกับลูกชายหรอก นางคุยกับลูกสะใภ้ แต่คนที่ถามก็คือลูกชายที่ร่วมรับประทานอาหารกันอยู่"แม่ให้เมียเราฝากท้องกับแม่ ต้องได้เข้าไปทำเอกสารที่โรงพยาบาลด้วย" ที่นางต้องดูแลเองเพราะเป็นห่วงหลาน เรื่องอย่างว่าของลูกชายคนเล็กยิ่งเหลือเฟืออยู่"แล้วผมล่ะ""เราก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนพ่อ""ไม่เอาผมจะไปด้วย""ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพ่อหรอกไปด้วยกันนั่นแหละ" คนเป็นพ่อก็เลยช่วยพูดกับให้ลูกชายอีกแรง[โรงพยาบาล]"รันเวย์" ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลก็ได้ยินเสียงนี้ดังมาจากประตูฝั่งทางออกที่อยู่ใกล้กัน"มาทำอะไรที่โรงพยาบาล" พอเห็นว่าเป็นใครรันเวย์ก็เลยหยุดคุยด้วย"คุณแม่ไม่สบาย" ขณะที่พูดสายตาของเธอมองดูหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รันเวย์"แม่เราเอง""สวัสดีค่ะคุณแม่""สวัสดีจ้า หนูเป็นใครเหรอ" แพทย์หญิงอมรรัตน์อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเรื่องผู้หญิงลูกชายไม่ใช่ย่อย"คนนี้สโรชาครับแม่ เป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อครับ""เรียกโรสก็ได้ค่ะ โรสเคยรู้จักกับรันเวย์ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วค่ะ""อ้าวเหรอจ๊ะ เป็นเพื่อนกันนี่เอง ส่วนคนนี้เมียเจ้าร
หลายนาทีแล้วที่แพทย์หญิงอมรรัตน์กอดปลอบลูกสะใภ้คนเล็ก ตั้งแต่ได้ยินที่ท่านพูด รัญณาก็ร้องไห้ไม่หยุดจนสามีเป็นห่วงที่เธอร้องไห้เพราะสงสารลูกที่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง เด็กคงจะได้ยินความคิดของแม่ ที่คิดว่าถ้าไปจากที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน กลับไปบ้านก็ไม่ได้ หนีออกมาแบบนี้ถ้ากลับไปต้องถูกพ่อตีแน่ แต่ถ้าไม่กลับบ้านแล้วเธอจะไปที่ไหนได้ เพื่อนฝูงก็ไม่มี"ไม่ร้องนะลูก เราจะกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน""ค่ะ" ความคิดที่อยากจะหนีไปให้ไกล มันได้หายไปจนหมดสิ้น เพราะถ้าแม่ยังมีความคิดแบบนั้นอยู่ลูกก็ต้องรับรู้ได้หลายวันต่อมา.."หาปู่" ยิ่งเห็นว่าคุณปู่ไม่สบาย ปลาบปลื้มก็ยิ่งอยากเข้าไปหา ผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง แต่จริงๆ แล้วพวกเขารู้ และเป็นห่วงคนที่พวกเขาผูกพันด้วย"ไม่ได้ครับ" ปิ่นมุกตำหนิลูกชาย เพราะปลาบปลื้มเล่นไม่รู้เรื่องกลัวไปถูกแผลของคุณปู่เข้า"ไม่เป็นไรหรอก มาให้ปู่ชื่นใจหน่อยเร็ว" ถึงวันนี้อาการของท่านก็ดีขึ้นมาก จนลุกมาทำกายภาพบำบัดได้แล้ว แต่ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"ปู่"ถึงแม้ท่านจะอุ้มหลานยังไม่ได้แต่ก็กอดและหอมแก้มได้ หลายคนที่อยู่ในห้องนั้น
"ที่พ่อพูดมาหมายความว่ายังไงครับ" รันเวย์ถามแม่และพี่ชาย เพราะตอนนี้พ่อหลับไปแล้ว"แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" สายตาของผู้เป็นแม่มองไปดูลูกชายคนโต เพราะตอนนั้นเซอร์เวย์อยู่กับพ่อ"ก็เรื่องเด็กผู้หญิง ที่ท่านพูดก่อนหน้านั้นล่ะครับ""พ่อเราก็เลยคิดเป็นตุเป็นตะงั้นเหรอ""แต่ผมว่าไปตรวจไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับแม่" ถ้าคนที่พูดไม่ใช่พ่อหรือไม่ใช่คนในครอบครัว เขาคงจะบอกว่างมงาย แต่นี่พ่อซึ่งเป็นระดับอาจารย์หมอที่ทุกคนนับถือ ท่านคงรู้อะไรมาแน่"คงไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะคุณรันให้ฉันกินยาคุม" หญิงสาวแค่อยากจะยืนยัน ว่ามันเป็นไปได้ยาก"เราให้เมียกินยาคุมเหรอ""จะรีบมีไปทำไมล่ะครับ ผมก็อายุแค่นี้เอง" เขาพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดเธอต้องทำสีหน้ายังไงเหรอ น้อยใจ ไม่พอใจ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปทำกิริยาแบบนั้น หญิงสาวก็เลยทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ เพื่อรอเวลา..เวลาผ่านไป..ตอนนี้ทุกคนออกมารออยู่ด้านนอก แต่ก็หาอะไรทานรองท้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว"แม่จะให้พี่เราย้ายพ่อไปไว้ในห้องพักฟื้นเย็นนี้" นางเห็นว่าลูกชายและลูกสะใภ้แถมยังมีหลานเล็ก ไม่ยอมไปพักในห้องที่เตรียมไว้ให้ เพราะทุกคนยังคงเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู ก็เลยคิดว่าย้
"คุณพี่คะ คุณพี่"เซอร์เวย์ที่นั่งเอนหลับพักเอาแรง พอได้ยินแม่ส่งเสียงเรียกพ่อก็รีบตื่นขึ้นมา"คุณพ่อรู้สึกตัวแล้วหรือครับ" ตั้งแต่พ่อประสบอุบัติเหตุ เขาก็ปล่อยมือจากงานทุกอย่างให้ลูกน้องเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้ดูแลพ่อแบบใกล้ชิด จนไม่มีเวลาพักผ่อน แต่โชคดีที่ยังมีแม่ช่วยอีกแรง"เมื่อสักครู่แม่เห็นนิ้วของพ่อขยับ" ชายหนุ่มก็เลยรีบเข้าไปเช็คชีพจรของพ่อดู"คุณพ่อครับ คุณพ่อ" ชีพจรของท่านปกติมาก เหมือนว่าท่านแค่ไม่อยากจะลืมตา"หนู.." เสียงนี้ดังออกมาจากปากของท่านเบามาก แทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็พอจับใจความได้ "หนู""หนูไหนคะคุณพี่ คุณพี่ตื่นสิ" สามียิ่งออกไปแต่สนามไดร์ฟกอล์ฟ ..หรือว่าจะมีอีหนูที่นั่น"คุณพ่อตื่นสิครับ" พอทั้งสองปลุกยังไงท่านไม่ยอมตื่น ก็เลยให้พยาบาลไปเรียกคนที่อยู่ด้านหน้าเข้ามา"คุณพ่อรู้สึกตัวแล้วเหรอครับ" นอร์เวย์รีบตรงเข้าไปหาพ่อ"เมื่อสักครู่ท่านละเมอ" ขณะที่เซอร์เวย์พูดก็แอบมองไปดูหน้าแม่ เพราะประโยคที่พ่อละเมอล่อแหลมมาก"ถ้างั้นแสดงว่าคุณพ่อฟื้นแล้วใช่ไหมครับ""หนู" ประโยคนี้ออกจากปากคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอีกครั้ง ทุกคนแปลกใจยิ่งนักแทนที่จะละเมอชื่อลูกไม่งั้นก็ชื่อเมี
พอรู้ว่าลูกชายคนกลางไม่ได้พาลูกสะใภ้และหลานมาด้วย คุณย่าก็เลยให้คนขับรถไปรับมาจากสระบุรี"ปลื้มครับ" ผู้เป็นย่าเอื้อมมือไปเมื่อเห็นว่าหลานชายวิ่งเข้ามาหา"ปลาบปลื้มเบาๆ หน่อยสิลูก เดี๋ยวคุณย่าก็ล้มหรอก" ปิ่นมุกตำหนิลูกชายเบาๆ แต่ก็ไม่ทันหรอกเพราะตอนนี้วิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของคุณย่าแล้ว "คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ" เธอก็เลยเดินเข้าไปหาสามีที่ยืนอยู่หน้าห้องไอซียู"ยังไม่รู้สึกตัวเลย""ท่านพ้นขีดอันตรายแล้วไม่ใช่เหรอ" ปิ่นมุกเอื้อมไปกุมมือสามีไว้เพื่อให้กำลังใจทางโรงพยาบาลได้จัดหาโซฟามาให้ทุกคนได้นั่งรออยู่หน้าห้องแบบสบายหน่อยจนถึงช่วงเย็นของอีกวัน.."กลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมา" แพทย์หญิงบอกลูกชายให้พาเมียกลับบ้าน เพราะนั่งเฝ้ากันมาข้ามวันข้ามคืนแล้ว"รัญจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ""พวกเราก็จะอยู่รอจนกว่าคุณพ่อจะฟื้นค่ะ" ท่านดีกับพวกเธอขนาดนี้จะทิ้งท่านไว้แบบนี้ได้ยังไง"ขอบใจทุกคนมากนะ" เราใช้อะไรซื้อเราก็ได้อย่างนั้นกลับมา เหมือนดังแพทย์หญิงอมรรัตน์ ใช้ใจซื้อก็ได้ใจจากลูกสะใภ้กลับมา21 : 09 น."เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอน" นายแพทย์หนุ่มออกมาจากห้องของพ่อ ก็เห็นว่าภรรยาเอนตัวพิงกับโซฟา"ฉันอยากจ
"พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับพี่" ดูจากสภาพรถแล้วมันทำให้เขาใจไม่ดีเอามากๆ"ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่จะช่วยพ่อให้ได้""พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง""ตอนนี้พ่อยังไม่พ้นขีดอันตราย พี่กำลังจะโทรไปหาแม่" ที่เขาออกมาจากห้องผ่าตัดเพราะอยากโทรไปบอกแม่และน้องๆ ให้มาที่โรงพยาบาล"ผมอุตส่าห์เชื่อใจพี่ รอพี่อยู่ตรงนี้ ทำไมพี่พูดแบบนี้ รีบกลับเข้าไปช่วยพ่อสิ!" รันเวย์เริ่มใช้อารมณ์คุยกับพี่ชาย"แต่พี่.." นายแพทย์หนุ่มไม่เคยกดดันในการผ่าตัดมากขนาดนี้มาก่อน เพราะคนที่เขากำลังผ่าตัดอยู่คือบุพการี"เรื่องแม่กับพี่เวย์ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง พี่กลับเข้าไปในห้องผ่าตัดช่วยพ่อให้ได้"เซอร์เวย์ไม่เคยเห็นน้ำตาน้องชาย มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่วันนี้รันเวย์ถึงกับมีน้ำตา เป็นใครก็ต้องมีอาการแบบนี้กันทั้งนั้น แต่เขาเป็นหมอจะอ่อนแอไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดเพล้ง!! โทรศัพท์ในมือแพทย์หญิงอมรรัตน์ร่วงกระทบพื้นอย่างแรงเมื่อได้รับข่าวร้ายจากลูกชาย"เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่" รัญณาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเบอร์สามีที่โทรมา ก็เลยอยากรู้ว่าเขาโทรมาทำไม"เราไปโรงพยาบาลกัน""ใครเป็นอะไรคะ" ดูจากอากา
"อื้อ คุณรัน" ถ้าถามต้องรอคำตอบสิว่าเธออยากจะขึ้นไหม แต่นี้ถามยังไม่จบเลยด้วยซ้ำก็ดันตัวเธอให้ขึ้นมาอยู่ด้านบนแล้ว "โอ๊ย เจ็บนะคะ เบาๆ หน่อยสิ""ถ้างั้นคุณก็ใส่เข้าไปเองสิ" คนที่นอนอยู่ด้านล่างพยายามจับของตัวเองเพื่อส่งเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายหญิงสาวรอบกลืนน้ำลายก่อนที่จะทำตาม ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ต้องการ เธอก็ต้องการไม่ต่างกัน"ซี๊ดด อ้าา ไม่ต้องกลัวผมเจ็บ นั่งทับลงมาเลย" เห็นว่าเธอพยุงร่างของตัวเองไว้ไม่กล้านั่งลงมาเต็มแรงหญิงสาวก็เลยค่อยๆ ให้มันกลืนหายเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้เธอจะไม่เคยมาก่อน แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ เพราะเพื่อนหลายคนมีแต่เกเรทั้งนั้น ยังจำได้เลยครั้งหนึ่ง เพื่อนยังหลอกให้เธอไปเพื่อจะมีเซ็กส์กับแฟนของตัวเอง โชคดีที่เธอหนีออกมาได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารัญณาก็เลิกคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ไปเลย"เคยเห็นคนขี่ม้าไหม ทำแบบนั้นแหละ" มือหนาเอื้อมไปจับสะโพกงามเพื่อช่วยเธออีกแรง"อ๊อยย จุก" จังหวะที่ทิ้งน้ำหนักลงมา เจ้าของท่อนเอ็นนั้นเด้งสะโพกขึ้นมารับ มันก็เลยเข้าไปเกือบจะสุดลำ"เดี๋ยวก็เสียว นั่งทับลงมาเต็มแรงเลย" ชายหนุ่มเห็นว่าเธอเก็บแรงไว้ไม่ทิ้งตัวลงมาทั้งหมดอีก ตอนที่
"ใครเป็นอะไร" แพทย์หญิงผู้เป็นแม่ ยังไม่ได้ยินเสียงเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นลูกชายคนเล็กวิ่งเข้าไปก็เลยเดินตามมาดู"เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไร" หญิงสาวรีบซ่อนมือไว้ด้านหลัง ที่จริงเธอร้องโอ๊ยออกมาเพียงแค่เบาๆ เพราะตกใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน"เอามือมาดู""ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง""แล้วจะซ่อนมือทำไม" คนที่วิ่งเข้ามาก่อนเพื่อน เอื้อมมือไปคว้ามือของเธอที่ซ่อนอยู่ออกมา "แดงเลย""ฉันว่าจะยกหม้อลงมาวาง แต่ไม่คิดว่ามันจะร้อนขนาดนี้นี่""แม่เพิ่งปิดแก๊สเอง" ขนาดคนทำยังไม่แตะเลย เพราะคิดว่ามันต้องร้อนแน่"แล้วอีกข้างล่ะ" ถ้าเธอยกมันต้องใช้มือสองข้างแน่ เขาก็เลยยื่นไปจับอีกข้างหนึ่งมาดู "ตามออกมา""คุณโกรธให้ฉันทำไม""ทำอะไรซุ่มซ่าม""มีอะไรเหรอ""ก็มือไปโดนหม้อร้อนๆ น่ะสิครับ" รันเวย์ตอบพี่ชายไป"ที่รถมีที่ทำแผลเดี๋ยวพี่ไปเอามาทำให้""ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ" เธอจะตกใจอะไรก่อนดี เกิดมาไม่เคยมีใครเป็นห่วงขนาดนี้ ตกบันไดบ้านแท้ๆ พ่อยังไม่ถามเลยว่าเจ็บไหม"เดี๋ยวผมทำเองครับ"เซอร์เวย์ก็เลยปล่อยให้น้องชายเป็นคนทำแผลเอง แต่เขาก็ยืนบอกอยู่ว่าต้องใช้ยาตัวไหนทาก่อนจากที่นึกอิจฉาพี่สะใภ้ ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะดูเขา
"บ้านใครครับแม่""บ้านแม่เช่าไว้เอง" ดีนะที่ยังไม่คืนบ้านหลังนี้ไป สองครั้งแล้วสินะที่ออกจากบ้านมาเพราะสามี ครั้งนี้หวังว่าเขาคงจะคิดได้นะ นางก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อยากจะให้ครอบครัวแตกแยก แต่ถ้าเจอสามีที่เอาแต่ใจแบบนั้นใครจะทนฝืนอยู่ต่อไปล่ะ"รัญขอโทษนะคะ" นอกจากคำนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"แม่บอกแล้วไงว่าหนูไม่ผิด พ่อเจ้ารันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พี่ชายทั้งสองแล้ว""คะ?""เจอทุกคน" รันเวย์พูดเสริมแม่ขึ้นมารัญณาก็เลยคิดว่าสองคนนั้นเจออะไร เพราะดูพี่สะใภ้ของเขาเป็นผู้ดีมาก แต่มองดูตัวเองสิ สมควรแล้วที่ท่านจะไม่ชอบ"อย่าคิดมากเลยลูก อยู่แบบนี้ก็อบอุ่นดีนะ" บั้นปลายชีวิตนางอยากจะอยู่แบบสงบเลี้ยงหลานๆ แต่เพราะสามีหน้าใหญ่ถือยศถือศักดิ์ ก็เลยไม่มีความสุขกันสักที"เข้าบ้านกัน" ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมไปจูงมือเธอให้เดินตามหญิงสาวมองมือนั้นแบบอบอุ่น ทำไมเขากล้าพาเธอออกจากบ้านหลังใหญ่ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดพิศวาสอะไรในตัวเธอเลย ..ความคิดที่อยากจะไปให้ไกล ตอนนี้มันหายไปไหนไม่รู้ เพราะเธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้นเดินเข้ามายังไม่ได้นั่งเลยด้วยซ้ำก็ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด"เดี๋ยวแม่ออกไปด