เย็นวันเดียวกันนั้น..
เซอร์เวย์แทบจะทำงานไม่รู้เรื่อง วันนี้เขาก็เลยไม่รับเคสผ่าตัดด่วน ปล่อยให้หมอคนอื่นรับผิดชอบไป ทำอะไรก็ไม่เป็นอันจะทำชายหนุ่มก็เลยกลับขึ้นมาที่ชั้นบน
แกร็ก..
"คุณทำอะไร"
"ฉันไม่รู้ว่าคุณหมอจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ขอโทษค่ะ" หญิงสาวที่อยู่ในผ้าเช็ดตัวเพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
สายตาคมมองตามไป..ร่างกายของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าจะลองทำอะไรกับเรือนร่างของเธอดู
เท้าแกร่งเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังเอื้อมมือขึ้นไปปลดเสื้อออกจากไม้แขวน
"อุ๊ยคุณหมอ" หญิงสาวตกใจ อยู่ดีๆ มือของเขาก็ยื่นมาแกะผ้าเช็ดตัวออก แต่เธอคว้ามันไว้ได้ทัน
ใบหน้าคมโน้มลงไปซอกคออีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วสูดดม
"คุณหมอ คุณจะทำอะไร"
"อยู่นิ่งๆ"
หญิงสาวที่ไม่เคยถูกชายใดสัมผัสร่างกายแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งของเขา
ริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาจนถึงแผ่นหลัง มือของเขาแนบไว้ที่หน้าอก ในใจหญิงสาวคิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องตกเป็นของเขาแน่ เรื่องนี้มันก็อยู่ในลายลักษณ์อักษรที่เธอได้เซ็นลงไป ที่จริงเขาเขียนขึ้นมาโดยที่ไม่คิดว่าจะแตะต้องตัวเธอหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอนเขาก็เลยมีข้อนี้เผื่อไว้ ซึ่งเธอก็ยอมเซ็น..นาทีนั้นไม่ว่าจะให้ทำอะไรเธอทำได้หมดขอแค่เขายอมผ่าตัดให้กับแม่
"ตามมาที่เตียง" ริมฝีปากหนากระซิบพูด โดยที่ยังคงสูดดมกลิ่นกายของเธออยู่
"คุณหมอจะไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอคะ"
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น" หญิงสาวก็เลยต้องได้ทำตามโดยการเดินไปนั่งลงที่เตียง แต่มือของเธอก็ไม่ได้ปล่อยผ้าเช็ดตัวนั้นให้หลุดออกจากหน้าอก
มือแกร่งจับร่างบางให้นอนหงายลง และขณะนั้นเขาก็ได้ถอดเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วยเพื่อสร้างอารมณ์
หญิงสาวค่อยๆ หลับตา และปล่อยมือออกจากผ้าเช็ดตัว อยู่มาตั้งหลายวันคิดว่าเขาจะไม่ทำอะไรแล้ว พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ หรือจะเป็นเพราะคุณหมอคนสวยนั่นไปพูดอะไร พวกเขามีปากเสียงกันหรือเปล่า ถึงได้ต้องการทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ
ผ้าเช็ดตัวที่เหน็บอยู่หน้าอกค่อยๆ ถูกแกะออกโดยฝีมือของอีกฝ่าย จนเผยให้เห็นเรือนร่างระหงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าเช็ดตัวผืนนั้น
หญิงสาวหลับตาอยู่นานพอสมควร เขาก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เธอก็เลยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง
"??" มองอีกทีก็เห็นว่าเขาถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว นี่อะไรกัน เขาเล่นตลกอะไรกับเธอ ไอยวริญรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเสื้อผ้ามาสวมใส่
ชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ใต้ฝักบัวเพื่อคุยกับตัวเองอยู่นานพอสมควร แล้วเขาก็เดินออกมาโดยที่ไม่ได้สวมใส่อะไรปิดบังร่างกายเลย
"คุณ?" หญิงสาวที่เผลอมองไปรีบหันหลังให้ คิดว่าเขาจะเปลี่ยนใจแล้ว "อืม" พอเขาเดินเข้ามาใกล้ริมฝีปากหนาก็โน้มลงมาแนบกับริมฝีปากของคนตัวเล็ก
"จูบผมหน่อย" วันนี้ยังไงเรื่องอย่างว่าต้องผ่านไปด้วยดี เพราะเขาไม่อยากให้อาการป่วยของเขาไปถึงหูอาจารย์หมอ กลัวว่าเรื่องทุกอย่างจะยุ่งยากมากขึ้น
"จูบ?" ในขณะที่พูดริมฝีปากของทั้งสองยังคงแนบชิดกันอยู่ ไอยวริญก็เลยกดริมฝีปากแนบเข้าไปอีก
"แบบนี้ไม่ได้เรียกจูบ" ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด
ถ้าแบบนี้ไม่เรียกจูบแล้วเขาเรียกอะไรล่ะ ใครจะไปจูบเป็น หญิงสาวทำได้แค่คิดอยู่ในใจ เธอก็เลยค่อยๆ เผยอริมฝีปากออกเล็กน้อย
เช้าวันต่อมา..
"เจ็บ" รู้สึกว่าปากตัวเองระบม เพราะเมื่อคืนนี้ทั้งสองจูบกันจนหลับไป เธอก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรมากกว่าการจูบ
แต่ความคิดนั้นต้องได้หยุดลง เมื่อมีคนมาเคาะประตูห้อง
หญิงสาวรีบเดินมาเปิดประตู และกำลังจะบอกคนที่มาหาว่าคุณหมอออกไปแล้ว
"วันนี้ฉันไม่ได้มาหาคุณหมอ แต่ฉันมาหาคุณค่ะ"
"มาหาฉันหรือคะ?"
"ฉันอยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับคุณหมอ" อย่างที่รู้กันอยู่สุพัตราเป็นหมอจิตเวช แค่มองดวงตาของอีกฝ่ายสุพัตราก็รู้แล้ว แต่อยากจะรู้ความคิดของผู้หญิงคนนี้ว่าจะสวนทางกับแววตาไหม
"ทำไมคุณไม่ถามคุณหมอเองล่ะคะ"
"ถามแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่าคุณเป็นแฟน"
"ก็ตามที่คุณหมอพูดนั่นแหละค่ะ"
"เป็นแฟนจริงเหรอคะ" ขณะที่พูดสายตาสุพัตรามองดูริมฝีปากของอีกฝ่ายเพราะมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย แถมซอกคอก็ยังมีร่องรอยให้เห็น
ไอยวริญรีบหันหน้าหลบสายตา เพราะเธอไม่มีเครื่องสำอางมาปกปิด
"ฉันไม่กวนแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ" และนี่มันก็เป็นสัญญาณที่ดี ถ้าเซอร์เวย์ ยอมแตะต้องตัวผู้หญิงคนนี้ นั่นหมายถึงว่าเขาไม่ได้ตายด้าน
ก๊อก ก๊อก สุพัตราตรงลงมาหานายแพทย์เซอร์เวย์ที่ห้องตรวจผู้ป่วยชั้นล่าง
"ดูคุณจะว่างจังเลยนะ" ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อย แล้วก็กลับไปสนใจงานเหมือนเดิม
"เป็นไงบ้างคะ รู้สึกร้อนวูบวาบไหม เหมือนผีเสื้อนับร้อยบินอยู่ท้องน้อย"
"หึ.. คุณหมอครับคุณเป็นผู้หญิงนะอย่าลืม"
"ฉันรู้ค่ะว่าฉันเป็นผู้หญิง แต่ฉันกำลังรักษาผู้ชายที่.."
"ไม่ต้องพูดแล้วครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจะรักษาตัวเอง" เซอร์เวย์คิดว่าสุพัตราคงขึ้นไปบนห้องนั้นมาแล้ว และคงเห็นสิ่งที่เขาจงใจทำไว้ให้สุพัตราเห็น ใช่แล้วรอยช้ำพวกนั้นเขาจงใจทำ
"แล้วฉันจะคอยติดตามผลแล้วกัน"
"ผมไม่ส่งนะ"
"รีบไล่กันจังเลยนะคะ"
พอแพทย์หญิงสุพัตราออกจากห้องไป โทรศัพท์ของเซอร์เวย์ก็ดังขึ้น
>>{"ครับแม่"}
{"คืนนี้มาทานข้าวที่บ้านนะลูก"}
>>{"ได้ครับ"} ถ้าคนที่โทรมาเป็นพ่อ เขาคงปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่เป็นแม่ที่โทรมา
เย็นวันเดียวกัน..
"อะไรคะ?" หญิงสาวมองถุงผ้าที่เซอร์เวย์ส่งมาให้
"ไปเปลี่ยนเป็นชุดนี้"
"ค่ะ" หญิงสาวรับมันมาแล้วกำลังจะไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
"เปลี่ยนตรงนี้เลย"
"คะ?"
"ผมบอกให้เปลี่ยนตรงนี้เลยไง"
เสื้อเชิ้ตตัวหลวมที่เธอสวมใส่อยู่ค่อยๆ ถูกปลดกระดุมออก..
"ตามผมมา" พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินมาเปิดประตู
"คุณจะพาฉันไปพบแม่แล้วใช่ไหมคะ"
"ยังไม่ถึงเวลา วันนี้เราจะไปค้างที่บ้านผมกัน"
"ไปค้างบ้านคุณหมอเหรอคะ" ถ้าไปค้างบ้านเขาก็ต้องเจอพ่อกับแม่เขาน่ะสิ
"จะถามทำไมนักหนา" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำหน้าไปก่อน
หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้ลงมาข้างล่าง ดูทุกอย่างวุ่นวายไปหมด จนรู้สึกแปลกใจตัวเองทำไมเธอถึงชอบแบบที่เขาให้เป็นอยู่ เพราะดูมันเงียบสงบ
ไอยวริญนั่งรถมาแบบเงียบๆ จนถึงบ้านของเขา
"ลงมาสิ"
"ค่ะ" หญิงสาวไม่ได้แปลกใจเลยเขารวยถึงขั้นเป็นเจ้าของโรงพยาบาล บ้านของเขาก็ต้องหลังใหญ่โตเป็นธรรมดา
"ป้อ" ขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดแถมยังเรียกเขาว่าพ่ออีก
"ว่าไงครับคนเก่ง ได้ยินข่าวว่าดื้อมากเลยใช่ไหมเรา" เซอร์เวย์อุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา แล้วหอมแก้มแบบเอ็นดู
"ป้อ ป้อ "
คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือว่า..เขามีลูกแล้วเหรอ?
"ใครให้แกพาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้าน""คุณคะ" ผู้เป็นภรรยาจ้องสามีตาเขม็ง"คุณจะไม่ให้ผมพูดได้ยังไง ก็ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนี้มาเป็นสมาชิกในบ้าน" เพราะพ่อนิสัยแบบนี้นอร์เวย์ถึงได้ไม่กลับบ้านตอนที่เขาขัดใจพ่อ ยังมาซ้ำรอยเซอร์เวย์อีกคน ส่วนรันเวย์น่ะเหรอ ที่ไม่เข้าบ้านเพราะเหตุผลเดียวกันเป๊ะ"ปุ" ปลาบปลื้มตกใจกับคำพูดของปู่ คิดว่าคนเป็นปู่ว่าให้ตัวเอง"ปู่ไม่ได้ว่าให้ปลื้มสักหน่อยลูก มีแต่ปลื้มนี่แหละที่เห็นใจปู่"ไอยวริญทำใจไว้แล้วว่าจะเจออะไรที่บ้านของเขาบ้าง แต่ที่เธอไม่ได้ทำใจก็เพราะเรื่องเด็กคนนี้ ตกลงเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือว่ามีภรรยาอยู่แล้ว อย่างหลังคงไม่ใช่ถ้ามีภรรยาเขาจะพาเธอเข้าบ้านทำไม"แม่ว่าพาน้องขึ้นไปข้างบนก่อน" อมรรัตน์มองไปเห็นรอยจ้ำที่ริมฝีปากและซอกคอของแฟนลูกชาย กลัวว่าสามีจะเห็นแล้วนำมาพูดให้ผู้หญิงเขาอาย"ครับ" เซอร์เวย์ส่งปลาบปลื้มให้กับคุณย่าแล้วก็พาเธอขึ้นบ้าน"ป้อ" ปลาบปลื้มร้องตามคุณลุงไป ใบหน้าของเซอร์เวย์และนอร์เวย์ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ปลาบปลื้มก็รู้แหละว่าทั้งสองไม่ใช่คนคนเดียวกัน เวลาเรียกลุงทีไรเขาจะชอบเรียกพ่อ"วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่หนูไม่ได้มาครับ หนู
ทีแรกเซอร์เวย์คิดว่าจะขึ้นมาคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่มีโทรศัพท์ตามลงไปรับเคสด่วนก่อนเขาก็เลยทิ้งให้เธอขึ้นไปที่ห้องคนเดียวเราทำแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ ขอร้องให้เขาช่วยชีวิตแม่ ยังมาทำให้เขาหนักใจเพราะคิดจะผูกมัดเขาอีก ถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าไม่มีเขาแม่เธอคงไม่อยู่จนถึงวันนี้หญิงสาวรอจนถึงค่ำเพื่อจะคุยเรื่องนี้กับเขา แต่ตอนนี้ก็ค่ำมืดมากแล้วเขายังไม่กลับขึ้นมาเลยเช้าวันต่อมา..ไอยวริญรออยู่ทั้งคืนจนหลับไปตื่นมาอีกทีก็สว่างแล้ว ..เมื่อคืนนี้คุณหมอไม่ได้กลับขึ้นมาบนห้องเหรอ หรือว่าเขาจะโกรธเราระหว่างวันเขาคงไม่ขึ้นมาแน่ เธอต้องรอให้ถึงตอนเย็นอีกแล้วเหรอขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้นก็ได้มีคนมาเคาะประตูห้อง"คุณหมอแน่เลย" หญิงสาวรีบเดินมาเปิดพร้อมรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะคุณแม่""คุณแม่.." แจนที่ยืนอยู่ด้านหลังของแพทย์หญิงอมรรัตน์ได้ยินคำที่เธอคนนั้นเรียกรู้สึกขัดหูมาก"แม่มารับเราไปดูเครื่องประดับ""ค่ะ" ไอยวริญก็เลยขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยหน่อย"อยู่แต่บนห้องคงอึดอัดแย่เลยนะ""ก็ไม่เท่าไรค่ะ""ตาหมอคงห่วงเรามากสิ""คะ?" อยากจะขำเขาจะมาห่วงเราทำไมทั้งสองลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล่าง ก็เห
พอถูกเขาแตะเนื้อตัวเข้าจริงๆ หญิงสาวก็เริ่มประหม่า ขาเรียวแนบชิดเข้าหากันแบบอัตโนมัติ แต่เซอร์เวย์ก็ไม่ได้ปล่อยมือออก เขายังคงขยับลูบคลำเนินนั้นเบาๆจนสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่น เพราะประสาทสัมผัสของเขาไว ถ้าไม่งั้นคงเป็นหมอผ่าตัดอันดับต้นๆ ของประเทศไม่ได้"?" หญิงสาวแปลกใจทำไมเขาถึงไม่ทำต่อ เพราะอยู่ดีๆ เขาก็ถอนจูบออก แล้วหันไปใส่เสื้อผ้าไอยวริญคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าเขาต้องการร่างกายของเธอ เธอพร้อมที่จะให้เขาอยู่แล้ว"อดทนอยู่บนนี้อีกสักระยะ ไม่นานหรอก" ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังสวมรองเท้าจะออกไปข้างนอก"คุณหมอจะให้ฉันไปจากที่นี่แล้วเหรอคะ" ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงจะดีใจ แต่พอมาวันนี้ทำไมรู้สึกใจหายสายตาคมหันกลับมามองเธอเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป เขาไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเธอเพราะเขาก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกันพอประตูปิดลงไอยวริญก็ค่อยๆ ก้าวเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงไม่สิเธอต้องออกมาจากโลกแห่งความฝันได้แล้ว ถึงแม้ความจริงมันจะน่ากลัวและโหดร้าย แต่นั่นมันก็คือความจริง ไอยวริญเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอมีใจให้กับเขา ก็ตอนที่ได้ยินเขาบอกจะปล่อยเธอออกไปจากห้องนี้"ทานข้าวได้แ
ถ้าเธอสังเกตก็จะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เพราะเขาจับชีพจรของเธอได้ มือหนาค่อยๆ เลื่อนมาวางลงที่หน้าอก เพราะอยากจะฟังการเต้นของหัวใจด้วยอือ หญิงสาวไม่กล้าขยับหนี กลัวเขาคิดว่าเธอเล่นตัว แต่เธอน่าจะเล่นตัวสักหน่อยดีไหม.."อื้อคุณหมอ""ทำไม"ถามแบบนี้จะให้เราตอบยังไง ..หญิงสาวก็เลยนิ่งเงียบหลับตาลงช้าๆ ถ้าเขาจะทำมากกว่านี้ก็ปล่อยให้เขาทำไปเลยแล้วกัน แต่ทำไมหัวใจมันเต้นแรงขนาดนี้ล่ะมือหนาเอื้อมไปโอบกอดร่างของเธอเข้ามาแน่นกว่าเดิม จนเจ้าของร่างกายนั้นหายใจไม่ค่อยสะดวก แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว แถมตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้วด้วย ..อะไรของเขาวะ หลอกให้อยากแล้วจากไปนี่หว่าน้อยใจได้ไหมเนี่ย เดี๋ยวก็หาว่าเราใจง่ายอีกหรอก จะหลับก็หลับไปเลย ไอยวริญทำได้แค่คุยกับตัวเองแล้วก็เคลิ้มหลับตามเขาไปแกร็ก.."อุ๊ย" พอถึงเวลาอาหารเย็น นักโภชนาการก็เตรียมอาหารมาให้ปกติเหมือนทุกมื้อ แต่ภาพที่เห็นอยู่บนเตียง มันแทบจะทำให้คนที่เข้ามาอยากจะถอยออกไปก่อน แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ นักโภชนาการก็เลยเตรียมอาหารไว้ที่โต๊ะ แล้วก็รีบออกไป"คุณหมอคะ""หือ""เมื่อสักครู่ฉันได้ยินเสียงปิดประตู""เขาอาหา
นี่แหละนะเอาอะไรแน่นอนกับผู้หญิงไม่ได้ สงสัยเราจะตื่นเต้นมากเกินไปหรือเปล่าประจำเดือนมาผิดวันเลยพอเธอจัดการกับตัวเองเสร็จ กำลังจะกลับขึ้นไปชั้นบน ก็นึกได้ว่ากระเป๋าเงินของเขายังอยู่ที่เธอ เผื่อว่าเขาจะซื้ออะไรเดี๋ยวก็ลำบากอีกหรอกไอยวริญก็เลยกลับมาที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง"คุณหมอติดคนไข้อยู่ค่ะ" พยาบาลคนเดิมรีบเดินเข้ามาขวางไว้ก่อนที่เธอจะเดินพรวดพราดเข้าไป"เหรอคะ ถ้างั้นฉันฝากกระเป๋าเงินคืนคุณหมอด้วยค่ะ""กระเป๋าเงินของคุณหมอไปอยู่ที่คุณได้ยังไง?" พยาบาลจำได้แม่นว่านั่นคือกระเป๋าของคุณหมอจริง"อยู่ที่ฉันได้ยังไงน่ะเหรอคะ เออคือว่า.." หญิงสาวต้องได้เงียบปากเงียบคำไว้ ถ้าพูดไปกลัวเขาจะโกรธ"ฉันถามว่ากระเป๋าของคุณหมอไปอยู่ที่คุณได้ยังไง" พยาบาลสงสัยตอนที่เธอเข้าไป..หรือว่าเธอจะแอบหยิบเอากระเป๋าตังค์ของคุณหมอออกมาด้วยไอยวริญรีบวางมันไว้บนโต๊ะของพยาบาลแล้วก็รีบออกไป ถ้าลูกน้องของเขาเอาไปคืนเดี๋ยวเขาก็บอกกันเองแหละมั้งพยาบาลหน้าห้องเห็นว่าคนไข้ออกมาแล้วก็เลยเอากระเป๋าเดินเข้าไป"คุณหมอคะ เธอคนนั้นแอบหยิบกระเป๋าของคุณหมอไปหรือเปล่าคะ""เปล่า" ชายหนุ่มที่กำลังจดรายละเอียดของคนไข้อยู่ไม
"ไปซื้ออะไรมา" ดวงตาคมมองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย"ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ""แล้ว?""แล้ว??" เพิ่งนึกขึ้นได้เธอเป็นบ้าอะไรถึงไปหึงไปหวงเขา "เออคือว่า ฉันเอากระเป๋าเงินมาคืนให้คุณหมอค่ะ คุณลืมเอากระเป๋าลงมาด้วย""ผมไม่ได้ลืม""แล้วคุณหมอไม่ได้ซื้ออะไรเหรอคะ""ไม่ได้ซื้อ""ถ้างั้นก็ขอโทษด้วยค่ะที่ฉันทำเกินหน้าที่""นั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกัน""ออกไปทานข้าวเหรอคะ?""ทำไม หรืออยากขึ้นไปรอกินข้าวข้างบน""ก็แล้วแต่ความกรุณาของคุณหมอสิคะ" นี่เราเป็นบ้าอะไรไปพูดประชดเขาทำไม "อยากไปทานข้าวกับคุณหมอค่ะ" หญิงสาวต้องได้รีบเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองใหม่เซอร์เวย์ปล่อยให้เธอนั่งรออยู่ในห้องตรวจ แล้วก็ออกมาดูคนไข้ที่ผ่าตัดไปแล้ว"คุณหมอคะ""ครับ""มาดูคนไข้เหมือนกันเหรอคะ""คุณเริ่มทำงานเลยเหรอ ขยันไปไหมครับ""อยากจะรีบทำงานค่ะ" รุ่งฤดีแพทย์หญิงที่เข้ามาใหม่ "เที่ยงนี้ คุณหมอมีนัดหรือยังคะ""ทำไมหรือครับ""รุ่งยังไม่มีเพื่อนไปทานข้าวเลยค่ะ""ถ้างั้นก็ไปทานด้วยกัน ผมขอเช็คคนไข้ก่อนครับ""ได้เลยค่ะคุณหมอ เที่ยงนี้เจอกันนะคะ" ผู้ช่วยและพยาบาลที่อยู่แถวนั้นต่างก็มอง ใครก็ดูออกว่าคุณหมอรุ่งฤดีกำ
มือหนายื่นเข้าไปเพื่อหยุดประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลงไว้พอหยุดประตูลิฟต์ได้ชายหนุ่มร่างสูงก็ได้ก้าวเข้าไป"ไปไหนมา" ไม่รู้ว่าจะชวนคุยอะไรดีก็เลยมองดูของที่อยู่ในมืออีกฝ่าย"คุณแม่ชวนออกไปซื้อของ""คุณแม่เข้ามาเหรอ""ค่ะ""ไม่เห็นท่านโทรมาบอกเลย"ไอยวริญไม่ได้ตอบและไม่มองหน้าเขาด้วย จนประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบน"คุณหมอคะ"เซอร์เวย์ที่กำลังจะเดินตามเธอเข้าห้อง หันกลับมามองเมื่อได้ยินแจนเรียก"คืนนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับคุณหมอคนใหม่แบบเป็นทางการค่ะ""งานเลี้ยงอะไรอีก วันนั้นก็เลี้ยงไปแล้วไม่ใช่เหรอ""เออ.. มีกำหนดการมาแบบนี้จริงๆ ค่ะ""ส่งรายละเอียดงานเข้ามาในอีเมลผมแล้วกัน" เขาไม่ได้ตามเธอเข้าไปในห้อง เพราะต้องรีบลงไปรับคนไข้ช่วงบ่ายไอยวริญก็รออยู่ว่าเมื่อไรเขาจะเข้ามาสักที จนเธอแง้มประตูออกมาดู ..เขาไปแล้วเหรอ จะไม่ง้อเราอีกสักนิดเลยเหรอเย็นวันเดียวกันนั้น..หญิงสาวที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง หันมามองเขาซึ่งกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่"วันนี้อาจจะกลับดึกหน่อย ล็อกห้องเลยเดี๋ยวผมเอากุญแจออกไปด้วย"ที่เธอไม่ถามเพราะรู้ว่าเขาจะไปไหน แต่เขาน่าจะแกล้งชวนเธอสักนิดพอเขาออกไปแล้วห้องนี้มันดูเงียบมากเง
ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เข้ามาแค่ไม่กี่วันรู้เรื่องทุกอย่างที่เขาทำไว้จากที่กำลังโกรธกำลังงอนเขาเรื่องผู้หญิง อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปเริ่มเป็นห่วง เพราะเขาต้องมาเดือดร้อนเพราะช่วยเธอไอยวริญแกะมือหนาออก เพราะเธอจะปล่อยให้เขาเดือดร้อนมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หญิงสาวหยิบเอากระเป๋า ของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไป เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยเขาได้ในเวลานี้"ถ้าฉันเป็นคุณหมอฉันจะไม่ตามไปค่ะ" รุ่งฤดีเห็นว่าเซอร์เวย์กำลังจะเดินตามออกไป"คุณต้องการอะไร""ต้องการเป็นภรรยาของคุณ"ใบหน้าหล่อคมหันกลับมามองผู้หญิงที่หน้าไม่อาย เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้เลย"เรื่องงานแต่งคุณหมอไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ เดี๋ยวฤดีจะเป็นฝ่ายจัดการเองทั้งหมด คุณหมอแค่รอเป็นเจ้าบ่าวก็พอแล้ว""คุณไม่มีความอายเลยหรือไง""อายทำไมคะ สมัยนี้ผู้หญิงกับผู้ชายเสมอภาคกันแล้ว"ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ถ้าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายด้วยกัน เขาคงได้เอาฟันออกมาจากปากสักซี่สองซี่แล้วรุ่งฤดีมองตามเซอร์เวย์ที่ออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายขนาดนี้ ใครบ้างที่ไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้าของโรงพยาบาล ส่วนหนึ่งที่รุ่
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"
"??" เมขลาได้ยินทุกคำพูดของแม่ใหญ่ที่พูดกับ.. แม้แต่คิดยังไม่กล้าเอ่ยชื่อในใจเลย คนที่ไม่ต้องการเธอ..เธอก็ไม่ต้องการคนแบบนั้นเช่นกัน"หนูเมย์" ยืนมองตามสามีเก่าไปครู่หนึ่ง พอหันกลับมาก็เจอเมขลาอยู่ตรงมุมบันได"คุณแม่ทำแบบนั้นทำไมคะ""บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราก็ได้""น้องเมย์ไม่เห็นด้วยค่ะ""แต่เขาคือ..." นางกำลังจะพูดว่าแต่นั่นคือพ่อแท้ๆ ของเมขลาเลยนะ"น้องเมย์ไม่อยากให้คุณแม่กลับไปเจอวังวนเก่าๆ อะไรที่เราสลัดทิ้งไปได้แล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะค่ะ"ทำไมเด็กอายุยังไม่ถึง 20 ถึงคิดได้กว่านาง ถ้านางใช้แค่หัวใจคิดก็คงจะกลับมาในวังวนเดิม แต่ถ้าใช้สมอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้"แล้วแม่ต้องทำยังไง"เมขลามองใบหน้าผู้หญิงที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายนางได้ เพราะถ้าเดินไปกับเธอทุกคนคงคิดว่าพี่กับน้อง ดวงตาของนางคลอไปด้วยม่านน้ำตาที่บดบัง ถึงแม้เธอจะอายุยังน้อย แต่ก็พอดูออกว่าท่านยังคงรักผู้ชายคนนั้นอยู่"ถ้าเขาคนนั้นกลับมา ทำให้คุณแม่ต้องทุกข์ใจอีก คุณแม่จะรับได้ไหมล่ะคะ" เพราะยังไงคนเดิมก็คงทำอะไรเหมือนเดิม ถ้าไม่งั้นคงไม่ออกไปไข่ไว้นอกบ้านจนทั่วแบบนี้"แม่ขออยู่คน
คฤหาสน์พลเอกเรวทัต"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณผู้หญิงกลับมา""สบายดีกันไหม" กลับมาที่นี่ถึงสองครั้ง แต่ไม่ได้ถามสารทุกข์สุขดิบกันเลย เพราะแค่เห็นหน้าสามีเก่าก็ไม่มีอารมณ์ถามใครแล้ว"ไม่สบายก็ตรงที่คิดถึงคุณผู้หญิงนั่นแหละค่ะ""ปากหวานเหมือนเดิมนะพวกเราเนี่ย ช่วยกันเอาของเข้ามาข้างในก่อน""เดี๋ยวผมทำเองครับ" เพลิงซึ่งทำหน้าที่ขับรถรีบเดินไปเปิดกระโปรงหลัง"ฉันช่วยค่ะ" เมขลากำลังจะไปช่วยยกของแต่ถูกเพลิงห้ามไว้"เอาของขึ้นไปไว้ข้างบนเลย แม่ให้คนจัดห้องให้แล้ว""ครับ" ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าขึ้นไปที่ชั้นบน โดยมีหญิงคนรักเดินตามไป ส่วนของที่เหลือพวกแม่บ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือกึก.."อืม" หญิงสาวตกใจเดินพ้นประตูเข้ามาเขาก็ปิดแล้วล็อกมันไว้ ไม่ได้ทำแค่นั้นเพลิงยังหันมาจูบพอหายตกใจเมขลาก็จูบกลับ คิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ เพราะของที่เหลือเป็นของแม่ใหญ่คิดว่าจะจูบไม่นานพอให้หายคิดถึง ถ้าได้แยกกันอยู่จริง แต่นี่ขนาดจูบอยู่ยังคิดถึง"ผมรักคุณนะ" นิ้วแกร่งเขี่ยแก้มของหญิงคนรักเบาๆ "อยู่ที่นี่ห้ามดื้อเข้าใจไหม""คุณก็ห้ามแอบไปเที่ยวที่ไหนนะคะ""ไม่ไปไหนหรอก"ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็ลงมา.."พี่
"คุณไม่มีพันธะ แต่คุณไม่คิดเหรอกว่าเกษมอาจจะมีพันธะอยู่ก็ได้"พุดตาลเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากสามีเก่า มันก็มีส่วนอยู่บ้าง พลเอกเกษมราษฎร์ตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น แถมภรรยาก็ตายจากไปนานแล้ว"เรื่องนั้นฉันคงไม่ให้ท่านต้องมาลำบากใจด้วยหรอกค่ะ..กลับกันเถอะลูก"พลเอกเรวทัตได้แต่มองตามหลังนางไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้"คนนี้ใช่ไหม ที่เป็นลูกของนวล" เรวทัตรีบเดินตามทั้งสองมาที่รถจากที่กำลังจะเปิดประตูพุดตาลถึงกับชะงัก"ผมจะรับลูกคนนี้กลับมาเลี้ยงเอง""??" พอประโยคนี้ออกจากปากพลเอกเรวทัต ทั้งสองที่ยืนหันหลังให้ ก็ได้หันกลับมามองพร้อมกัน "คุณหมายความว่ายังไง""ในเมื่อเด็กคนนี้เป็นลูกอีกคนของผม มันก็ไม่แปลกที่ผมจะรับลูกกลับมาเลี้ยงเอง"พุดตาลรีบจับเมขลาหลบไว้ด้านหลังของตัวเองก่อน "เสียใจด้วยค่ะ แต่ตอนนี้เมขลาเป็นลูกของดิฉันแล้ว""คุณแน่ใจเหรอว่าจะพูดเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูเด็กคนนี้กับผม"เมขลาส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกกับแม่พุดตาลว่าเธอไม่ไป"แม่ไม่ยอมให้หนูไปอยู่แล้ว เรากลับบ้านกัน" นางรีบหันกลับไปเปิดประตูรถ เพื่อให้เมขลาได้ขึ้นไปนั่งก่อน"ถ้าคุณชอบขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่เป็นไรนะผมจัดให