ได้ยินคำถามของเขาแล้วเธอถึงกับเงียบไป จะให้เธอบอกว่ายังไงล่ะ เขาสมควรที่ต้องหาคำตอบเองไม่ใช่เหรอ แต่ถึงแม้เธอเป็นคนบอกแล้วเขาจะเชื่อเหรอ
หญิงสาวก็เลยเงียบไป..และเขาก็เงียบเช่นกัน
ในใจก็คิดว่าเขาจะค้นหาความจริงไหม หรือว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไป ..คำถามประโยคหลังมีน้ำหนักมากกว่า แต่คิดว่าคนฉลาดแบบเขาต้องรู้แล้วล่ะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร ระหว่างเธอกับพ่อ เขาคงจะเลือกครอบครัวอยู่แล้ว
หญิงสาวคิดถึงเรื่องวันที่พ่อของเขามาตราหน้าเธอว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย พ่อของเขาตะคอกแม่แค่เล็กน้อย เขาก็รีบรับหน้าแทน แต่สำหรับเธอ ทั้งถูกดูถูกและเหยียดหยาม เขาไม่แม้แต่จะปกป้องสักนิด
ดวงตากลมที่เจือปนไปด้วยม่านน้ำตา ค่อยๆ หลับลงแบบช้าๆ โชคดีเท่าไรแล้วที่เขาไม่ปล่อยให้เธอตาย ยังมีน้ำใจเอาน้ำเกลือมาใส่ให้
ชายหนุ่มอาบน้ำออกมาก็ไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน แล้วก็เอนตัวยาวโดยการเอาขาขึ้นพาดโต๊ะไว้แล้วหลับไปในท่านั้น
เช้าวันต่อมา..
"นี่เป็นนามบัตรของผม ถ้ามีอะไรก็โทรไป..ใช้โทรศัพท์ในห้องนี้ได้เลย" ก่อนออกจากห้อง เซอร์เวย์ได้เอานามบัตรจากลิ้นชักออกมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ถ้าเธอค้นดูก็จะเห็น แต่นี่เธอคงไม่อยากละลาบละล้วง "อีกสักครู่จะมีคนนำอาหารขึ้นมาให้"
ตอนนี้น้ำเกลือของเธอได้ถูกถอดสายออกแล้ว แต่เธอก็ยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน
พอเขาออกไปเพียงไม่นานก็มีคนนำอาหารขึ้นมาให้จริง แถมไม่ใช่แม่บ้านคนเดิม คนนี้ใส่ชุดเรียบร้อยมาก
"สวัสดีค่ะฉันเป็นนักโภชนาการของโรงพยาบาลนี้ จะรับหน้าที่เอาอาหารมาให้คุณทุกมื้อ"
"นักโภชนาการเหรอคะ?" ว่าแล้วเห็นแค่เครื่องแต่งตัวก็รู้ได้เลยว่ามืออาชีพ
หน้าห้องทำงาน..
"ฉันมาหาคุณหมอค่ะ"
"อ้าว..คุณหมอสุพัตรา"
"คุณหมอเรย์อยู่ใช่ไหมคะ" แพทย์หญิงสุพัตรา มองเห็นว่าประตูห้องเปิดแย้มอยู่เล็กน้อย
"คุณหมอไม่อยู่หรอกค่ะ" แจนรีบรายงานไป "คุณหมอสุมาก็ดีแล้วค่ะ แจนมีอะไรจะเล่าให้ฟัง"
เสียงของแจนดังเล็ดลอดเข้าไปในห้อง ไอยวริญก็เลยมองลอดช่องประตูออกมาดู
"เมื่อกี้คุณแจนว่าอะไรนะคะ?" แพทย์หญิงสุพัตราแปลกใจเมื่อได้ยินรายงานจากเลขานุการหน้าห้องของนายแพทย์เซอร์เวย์
"ถ้าคุณหมอสุไม่เชื่อก็ตามมาดูสิคะ" แจนถือวิสาสะเดินไปเปิดประตูออกให้กว้าง
"สวัสดีค่ะคุณนักโภชนาการ มาทำอะไรในห้องนี้คะ" แพทย์หญิงสุพัตรากล่าวทักทายนักโภชนาการที่กำลังเตรียมอาหารให้กับผู้หญิงอีกคน
"สวัสดีค่ะคุณหมอสุ คุณหมอเรย์ให้นำอาหารมาให้กับ..เออ.." นักโภชนาการไม่กล้าแนะนำให้รู้จัก แค่มองก็รู้แล้วว่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องของนายแพทย์เซอร์เวย์มีฐานะเป็นอะไร เพราะดูแค่เสื้อที่เธอสวมใส่ก็เดาได้แล้ว
"แล้วนี่คุณหมอเรย์จะขึ้นมาง่ายไหมคะ" ขณะที่ถามเลขา สายตาของสุพัตรามองดูผู้หญิงที่แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย แค่ดูก็รู้แล้วว่าเธอมีแค่เสื้อเชิ้ตของเซอร์เวย์สวมทับอยู่ด้านนอก
"บางทีก็อาจจะตอนเย็นเลยค่ะ แต่ถ้าคุณหมอสุโทรลงไปตาม แจนคิดว่าคุณหมอเรย์ต้องรีบขึ้นมาหาแน่เลยค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวสุลงไปหาคุณหมอที่ชั้นล่างก็ได้ ถ้างั้นสุขอตัวก่อนนะคะ" ก่อนที่จะออกจากห้องแพทย์หญิงสุพัตราก็ยังอดมองดูเธอคนนั้นไม่ได้
"ตัวจริงเขามาแล้ว ของเล่นแถวนี้รอกระเด็นออกจากห้องได้เลย" พอพูดจบแจนก็เดินออกจากห้องไป
"ตัวจริง?"
"อย่าคิดอะไรมากเลยค่ะ เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ"
"ข่าวลือเหรอคะ?" ถ้าเป็นข่าวลือมันก็ต้องมีมูลความจริงบ้างสิ และถ้าคุณหมอคนสวยคนนี้เป็นแฟนอยู่แล้ว..ทำไมเขาต้องแกล้งให้เธอมาเป็นแฟนด้วยล่ะ?
ก๊อก ก๊อก "ว่าไงคะคุณหมอ" สุพัตราเคาะประตูห้องทั้งที่ประตูไม่ได้ปิดไว้เลย แต่แค่ส่งสัญญาณให้คนที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานมองดูว่ามีคนเข้ามา"ว่างหรือไงครับ ถึงได้สละเวลามาหาผมได้เนี่ย""คุณหมอก็พูดไป จำไม่ได้เหรอคะถึงเวลานัดของเราแล้ว"ชายหนุ่มรีบมองไปดูประตูห้อง มันยังคงเปิดอยู่ เขาก็เลยลุกเดินไปที่ประตู แต่ก่อนจะปิดมันไว้ เซอร์เวย์ได้สั่งพยาบาลที่อยู่หน้าห้องไม่ให้ใครเข้ามากวน"ผมยังไม่มีเวลาเลย ช่วงนี้งานรัดตัวไปหมด""งานรัดตัวหรือว่าอะไรรัดตัวกันแน่คะ ก่อนที่จะมาหาคุณฉันขึ้นไปบนห้องมาแล้ว""ไม่มีอะไรหรอก""หมายความว่ายังไงคะ""มันเป็นเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย""แต่เธอก็สวยดีนะ คุณไม่มีอะไรเลยเหรอ""ไม่มี""ชุดที่เธอใส่ไม่ยั่วสายตาคุณเลยเหรอ" เรามารู้จักสุพัตรากันบ้าง แพทย์หญิงสุพัตราเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่นี่ และสุพัตราก็เป็นแพทย์เกี่ยวกับด้านจิตเวชชายหนุ่มตอบไปโดยการส่ายหน้า เขามีนัดคุยกับสุพัตราทุกเดือน และเวลาคุยกันสุพัตราจะมาหาเซอร์เวย์ที่ห้องทำงานชั้นบน เพราะสิ่งที่ทั้งสองคุยกันมันเป็นความลับขั้นสูงสุดของนายแพทย์เซอร์เวย์ เขาจะให้ใครล่วงรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าไม่งั้นต้องมีผลกับงานที่
เย็นวันเดียวกันนั้น..เซอร์เวย์แทบจะทำงานไม่รู้เรื่อง วันนี้เขาก็เลยไม่รับเคสผ่าตัดด่วน ปล่อยให้หมอคนอื่นรับผิดชอบไป ทำอะไรก็ไม่เป็นอันจะทำชายหนุ่มก็เลยกลับขึ้นมาที่ชั้นบนแกร็ก.."คุณทำอะไร""ฉันไม่รู้ว่าคุณหมอจะขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ขอโทษค่ะ" หญิงสาวที่อยู่ในผ้าเช็ดตัวเพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าสายตาคมมองตามไป..ร่างกายของเขาเริ่มร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าจะลองทำอะไรกับเรือนร่างของเธอดูเท้าแกร่งเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่กำลังเอื้อมมือขึ้นไปปลดเสื้อออกจากไม้แขวน"อุ๊ยคุณหมอ" หญิงสาวตกใจ อยู่ดีๆ มือของเขาก็ยื่นมาแกะผ้าเช็ดตัวออก แต่เธอคว้ามันไว้ได้ทันใบหน้าคมโน้มลงไปซอกคออีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วสูดดม"คุณหมอ คุณจะทำอะไร""อยู่นิ่งๆ"หญิงสาวที่ไม่เคยถูกชายใดสัมผัสร่างกายแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งของเขาริมฝีปากหนาพรมจูบลงมาจนถึงแผ่นหลัง มือของเขาแนบไว้ที่หน้าอก ในใจหญิงสาวคิดไว้แล้วว่าวันนี้ต้องตกเป็นของเขาแน่ เรื่องนี้มันก็อยู่ในลายลักษณ์อักษรที่เธอได้เซ็นลงไป ที่จริงเขาเขียนขึ้นมาโดยที่ไม่คิดว่าจะแตะต้องตัวเธอหรอก แต่อะไรมันก็ไ
"ใครให้แกพาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้าน""คุณคะ" ผู้เป็นภรรยาจ้องสามีตาเขม็ง"คุณจะไม่ให้ผมพูดได้ยังไง ก็ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนี้มาเป็นสมาชิกในบ้าน" เพราะพ่อนิสัยแบบนี้นอร์เวย์ถึงได้ไม่กลับบ้านตอนที่เขาขัดใจพ่อ ยังมาซ้ำรอยเซอร์เวย์อีกคน ส่วนรันเวย์น่ะเหรอ ที่ไม่เข้าบ้านเพราะเหตุผลเดียวกันเป๊ะ"ปุ" ปลาบปลื้มตกใจกับคำพูดของปู่ คิดว่าคนเป็นปู่ว่าให้ตัวเอง"ปู่ไม่ได้ว่าให้ปลื้มสักหน่อยลูก มีแต่ปลื้มนี่แหละที่เห็นใจปู่"ไอยวริญทำใจไว้แล้วว่าจะเจออะไรที่บ้านของเขาบ้าง แต่ที่เธอไม่ได้ทำใจก็เพราะเรื่องเด็กคนนี้ ตกลงเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือว่ามีภรรยาอยู่แล้ว อย่างหลังคงไม่ใช่ถ้ามีภรรยาเขาจะพาเธอเข้าบ้านทำไม"แม่ว่าพาน้องขึ้นไปข้างบนก่อน" อมรรัตน์มองไปเห็นรอยจ้ำที่ริมฝีปากและซอกคอของแฟนลูกชาย กลัวว่าสามีจะเห็นแล้วนำมาพูดให้ผู้หญิงเขาอาย"ครับ" เซอร์เวย์ส่งปลาบปลื้มให้กับคุณย่าแล้วก็พาเธอขึ้นบ้าน"ป้อ" ปลาบปลื้มร้องตามคุณลุงไป ใบหน้าของเซอร์เวย์และนอร์เวย์ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ปลาบปลื้มก็รู้แหละว่าทั้งสองไม่ใช่คนคนเดียวกัน เวลาเรียกลุงทีไรเขาจะชอบเรียกพ่อ"วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่หนูไม่ได้มาครับ หนู
ทีแรกเซอร์เวย์คิดว่าจะขึ้นมาคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่มีโทรศัพท์ตามลงไปรับเคสด่วนก่อนเขาก็เลยทิ้งให้เธอขึ้นไปที่ห้องคนเดียวเราทำแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ ขอร้องให้เขาช่วยชีวิตแม่ ยังมาทำให้เขาหนักใจเพราะคิดจะผูกมัดเขาอีก ถือว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าไม่มีเขาแม่เธอคงไม่อยู่จนถึงวันนี้หญิงสาวรอจนถึงค่ำเพื่อจะคุยเรื่องนี้กับเขา แต่ตอนนี้ก็ค่ำมืดมากแล้วเขายังไม่กลับขึ้นมาเลยเช้าวันต่อมา..ไอยวริญรออยู่ทั้งคืนจนหลับไปตื่นมาอีกทีก็สว่างแล้ว ..เมื่อคืนนี้คุณหมอไม่ได้กลับขึ้นมาบนห้องเหรอ หรือว่าเขาจะโกรธเราระหว่างวันเขาคงไม่ขึ้นมาแน่ เธอต้องรอให้ถึงตอนเย็นอีกแล้วเหรอขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้นก็ได้มีคนมาเคาะประตูห้อง"คุณหมอแน่เลย" หญิงสาวรีบเดินมาเปิดพร้อมรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะคุณแม่""คุณแม่.." แจนที่ยืนอยู่ด้านหลังของแพทย์หญิงอมรรัตน์ได้ยินคำที่เธอคนนั้นเรียกรู้สึกขัดหูมาก"แม่มารับเราไปดูเครื่องประดับ""ค่ะ" ไอยวริญก็เลยขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยหน่อย"อยู่แต่บนห้องคงอึดอัดแย่เลยนะ""ก็ไม่เท่าไรค่ะ""ตาหมอคงห่วงเรามากสิ""คะ?" อยากจะขำเขาจะมาห่วงเราทำไมทั้งสองลงลิฟต์มาจนถึงชั้นล่าง ก็เห
พอถูกเขาแตะเนื้อตัวเข้าจริงๆ หญิงสาวก็เริ่มประหม่า ขาเรียวแนบชิดเข้าหากันแบบอัตโนมัติ แต่เซอร์เวย์ก็ไม่ได้ปล่อยมือออก เขายังคงขยับลูบคลำเนินนั้นเบาๆจนสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่น เพราะประสาทสัมผัสของเขาไว ถ้าไม่งั้นคงเป็นหมอผ่าตัดอันดับต้นๆ ของประเทศไม่ได้"?" หญิงสาวแปลกใจทำไมเขาถึงไม่ทำต่อ เพราะอยู่ดีๆ เขาก็ถอนจูบออก แล้วหันไปใส่เสื้อผ้าไอยวริญคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าเขาต้องการร่างกายของเธอ เธอพร้อมที่จะให้เขาอยู่แล้ว"อดทนอยู่บนนี้อีกสักระยะ ไม่นานหรอก" ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังสวมรองเท้าจะออกไปข้างนอก"คุณหมอจะให้ฉันไปจากที่นี่แล้วเหรอคะ" ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงจะดีใจ แต่พอมาวันนี้ทำไมรู้สึกใจหายสายตาคมหันกลับมามองเธอเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป เขาไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเธอเพราะเขาก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกันพอประตูปิดลงไอยวริญก็ค่อยๆ ก้าวเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงไม่สิเธอต้องออกมาจากโลกแห่งความฝันได้แล้ว ถึงแม้ความจริงมันจะน่ากลัวและโหดร้าย แต่นั่นมันก็คือความจริง ไอยวริญเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอมีใจให้กับเขา ก็ตอนที่ได้ยินเขาบอกจะปล่อยเธอออกไปจากห้องนี้"ทานข้าวได้แ
ถ้าเธอสังเกตก็จะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เพราะเขาจับชีพจรของเธอได้ มือหนาค่อยๆ เลื่อนมาวางลงที่หน้าอก เพราะอยากจะฟังการเต้นของหัวใจด้วยอือ หญิงสาวไม่กล้าขยับหนี กลัวเขาคิดว่าเธอเล่นตัว แต่เธอน่าจะเล่นตัวสักหน่อยดีไหม.."อื้อคุณหมอ""ทำไม"ถามแบบนี้จะให้เราตอบยังไง ..หญิงสาวก็เลยนิ่งเงียบหลับตาลงช้าๆ ถ้าเขาจะทำมากกว่านี้ก็ปล่อยให้เขาทำไปเลยแล้วกัน แต่ทำไมหัวใจมันเต้นแรงขนาดนี้ล่ะมือหนาเอื้อมไปโอบกอดร่างของเธอเข้ามาแน่นกว่าเดิม จนเจ้าของร่างกายนั้นหายใจไม่ค่อยสะดวก แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว แถมตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้วด้วย ..อะไรของเขาวะ หลอกให้อยากแล้วจากไปนี่หว่าน้อยใจได้ไหมเนี่ย เดี๋ยวก็หาว่าเราใจง่ายอีกหรอก จะหลับก็หลับไปเลย ไอยวริญทำได้แค่คุยกับตัวเองแล้วก็เคลิ้มหลับตามเขาไปแกร็ก.."อุ๊ย" พอถึงเวลาอาหารเย็น นักโภชนาการก็เตรียมอาหารมาให้ปกติเหมือนทุกมื้อ แต่ภาพที่เห็นอยู่บนเตียง มันแทบจะทำให้คนที่เข้ามาอยากจะถอยออกไปก่อน แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ นักโภชนาการก็เลยเตรียมอาหารไว้ที่โต๊ะ แล้วก็รีบออกไป"คุณหมอคะ""หือ""เมื่อสักครู่ฉันได้ยินเสียงปิดประตู""เขาอาหา
นี่แหละนะเอาอะไรแน่นอนกับผู้หญิงไม่ได้ สงสัยเราจะตื่นเต้นมากเกินไปหรือเปล่าประจำเดือนมาผิดวันเลยพอเธอจัดการกับตัวเองเสร็จ กำลังจะกลับขึ้นไปชั้นบน ก็นึกได้ว่ากระเป๋าเงินของเขายังอยู่ที่เธอ เผื่อว่าเขาจะซื้ออะไรเดี๋ยวก็ลำบากอีกหรอกไอยวริญก็เลยกลับมาที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง"คุณหมอติดคนไข้อยู่ค่ะ" พยาบาลคนเดิมรีบเดินเข้ามาขวางไว้ก่อนที่เธอจะเดินพรวดพราดเข้าไป"เหรอคะ ถ้างั้นฉันฝากกระเป๋าเงินคืนคุณหมอด้วยค่ะ""กระเป๋าเงินของคุณหมอไปอยู่ที่คุณได้ยังไง?" พยาบาลจำได้แม่นว่านั่นคือกระเป๋าของคุณหมอจริง"อยู่ที่ฉันได้ยังไงน่ะเหรอคะ เออคือว่า.." หญิงสาวต้องได้เงียบปากเงียบคำไว้ ถ้าพูดไปกลัวเขาจะโกรธ"ฉันถามว่ากระเป๋าของคุณหมอไปอยู่ที่คุณได้ยังไง" พยาบาลสงสัยตอนที่เธอเข้าไป..หรือว่าเธอจะแอบหยิบเอากระเป๋าตังค์ของคุณหมอออกมาด้วยไอยวริญรีบวางมันไว้บนโต๊ะของพยาบาลแล้วก็รีบออกไป ถ้าลูกน้องของเขาเอาไปคืนเดี๋ยวเขาก็บอกกันเองแหละมั้งพยาบาลหน้าห้องเห็นว่าคนไข้ออกมาแล้วก็เลยเอากระเป๋าเดินเข้าไป"คุณหมอคะ เธอคนนั้นแอบหยิบกระเป๋าของคุณหมอไปหรือเปล่าคะ""เปล่า" ชายหนุ่มที่กำลังจดรายละเอียดของคนไข้อยู่ไม
"ไปซื้ออะไรมา" ดวงตาคมมองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย"ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ""แล้ว?""แล้ว??" เพิ่งนึกขึ้นได้เธอเป็นบ้าอะไรถึงไปหึงไปหวงเขา "เออคือว่า ฉันเอากระเป๋าเงินมาคืนให้คุณหมอค่ะ คุณลืมเอากระเป๋าลงมาด้วย""ผมไม่ได้ลืม""แล้วคุณหมอไม่ได้ซื้ออะไรเหรอคะ""ไม่ได้ซื้อ""ถ้างั้นก็ขอโทษด้วยค่ะที่ฉันทำเกินหน้าที่""นั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกัน""ออกไปทานข้าวเหรอคะ?""ทำไม หรืออยากขึ้นไปรอกินข้าวข้างบน""ก็แล้วแต่ความกรุณาของคุณหมอสิคะ" นี่เราเป็นบ้าอะไรไปพูดประชดเขาทำไม "อยากไปทานข้าวกับคุณหมอค่ะ" หญิงสาวต้องได้รีบเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองใหม่เซอร์เวย์ปล่อยให้เธอนั่งรออยู่ในห้องตรวจ แล้วก็ออกมาดูคนไข้ที่ผ่าตัดไปแล้ว"คุณหมอคะ""ครับ""มาดูคนไข้เหมือนกันเหรอคะ""คุณเริ่มทำงานเลยเหรอ ขยันไปไหมครับ""อยากจะรีบทำงานค่ะ" รุ่งฤดีแพทย์หญิงที่เข้ามาใหม่ "เที่ยงนี้ คุณหมอมีนัดหรือยังคะ""ทำไมหรือครับ""รุ่งยังไม่มีเพื่อนไปทานข้าวเลยค่ะ""ถ้างั้นก็ไปทานด้วยกัน ผมขอเช็คคนไข้ก่อนครับ""ได้เลยค่ะคุณหมอ เที่ยงนี้เจอกันนะคะ" ผู้ช่วยและพยาบาลที่อยู่แถวนั้นต่างก็มอง ใครก็ดูออกว่าคุณหมอรุ่งฤดีกำ
"วันนี้เดี๋ยวแม่จะพาเข้าโรงพยาบาลนะ""ไปทำไมครับ" ที่จริงคนเป็นแม่ไม่ได้คุยกับลูกชายหรอก นางคุยกับลูกสะใภ้ แต่คนที่ถามก็คือลูกชายที่ร่วมรับประทานอาหารกันอยู่"แม่ให้เมียเราฝากท้องกับแม่ ต้องได้เข้าไปทำเอกสารที่โรงพยาบาลด้วย" ที่นางต้องดูแลเองเพราะเป็นห่วงหลาน เรื่องอย่างว่าของลูกชายคนเล็กยิ่งเหลือเฟืออยู่"แล้วผมล่ะ""เราก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนพ่อ""ไม่เอาผมจะไปด้วย""ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพ่อหรอกไปด้วยกันนั่นแหละ" คนเป็นพ่อก็เลยช่วยพูดกับให้ลูกชายอีกแรง[โรงพยาบาล]"รันเวย์" ขณะที่ทั้งสามกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลก็ได้ยินเสียงนี้ดังมาจากประตูฝั่งทางออกที่อยู่ใกล้กัน"มาทำอะไรที่โรงพยาบาล" พอเห็นว่าเป็นใครรันเวย์ก็เลยหยุดคุยด้วย"คุณแม่ไม่สบาย" ขณะที่พูดสายตาของเธอมองดูหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รันเวย์"แม่เราเอง""สวัสดีค่ะคุณแม่""สวัสดีจ้า หนูเป็นใครเหรอ" แพทย์หญิงอมรรัตน์อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเรื่องผู้หญิงลูกชายไม่ใช่ย่อย"คนนี้สโรชาครับแม่ เป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อครับ""เรียกโรสก็ได้ค่ะ โรสเคยรู้จักกับรันเวย์ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วค่ะ""อ้าวเหรอจ๊ะ เป็นเพื่อนกันนี่เอง ส่วนคนนี้เมียเจ้าร
หลายนาทีแล้วที่แพทย์หญิงอมรรัตน์กอดปลอบลูกสะใภ้คนเล็ก ตั้งแต่ได้ยินที่ท่านพูด รัญณาก็ร้องไห้ไม่หยุดจนสามีเป็นห่วงที่เธอร้องไห้เพราะสงสารลูกที่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง เด็กคงจะได้ยินความคิดของแม่ ที่คิดว่าถ้าไปจากที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน กลับไปบ้านก็ไม่ได้ หนีออกมาแบบนี้ถ้ากลับไปต้องถูกพ่อตีแน่ แต่ถ้าไม่กลับบ้านแล้วเธอจะไปที่ไหนได้ เพื่อนฝูงก็ไม่มี"ไม่ร้องนะลูก เราจะกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน""ค่ะ" ความคิดที่อยากจะหนีไปให้ไกล มันได้หายไปจนหมดสิ้น เพราะถ้าแม่ยังมีความคิดแบบนั้นอยู่ลูกก็ต้องรับรู้ได้หลายวันต่อมา.."หาปู่" ยิ่งเห็นว่าคุณปู่ไม่สบาย ปลาบปลื้มก็ยิ่งอยากเข้าไปหา ผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง แต่จริงๆ แล้วพวกเขารู้ และเป็นห่วงคนที่พวกเขาผูกพันด้วย"ไม่ได้ครับ" ปิ่นมุกตำหนิลูกชาย เพราะปลาบปลื้มเล่นไม่รู้เรื่องกลัวไปถูกแผลของคุณปู่เข้า"ไม่เป็นไรหรอก มาให้ปู่ชื่นใจหน่อยเร็ว" ถึงวันนี้อาการของท่านก็ดีขึ้นมาก จนลุกมาทำกายภาพบำบัดได้แล้ว แต่ก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"ปู่"ถึงแม้ท่านจะอุ้มหลานยังไม่ได้แต่ก็กอดและหอมแก้มได้ หลายคนที่อยู่ในห้องนั้น
"ที่พ่อพูดมาหมายความว่ายังไงครับ" รันเวย์ถามแม่และพี่ชาย เพราะตอนนี้พ่อหลับไปแล้ว"แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" สายตาของผู้เป็นแม่มองไปดูลูกชายคนโต เพราะตอนนั้นเซอร์เวย์อยู่กับพ่อ"ก็เรื่องเด็กผู้หญิง ที่ท่านพูดก่อนหน้านั้นล่ะครับ""พ่อเราก็เลยคิดเป็นตุเป็นตะงั้นเหรอ""แต่ผมว่าไปตรวจไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับแม่" ถ้าคนที่พูดไม่ใช่พ่อหรือไม่ใช่คนในครอบครัว เขาคงจะบอกว่างมงาย แต่นี่พ่อซึ่งเป็นระดับอาจารย์หมอที่ทุกคนนับถือ ท่านคงรู้อะไรมาแน่"คงไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะคุณรันให้ฉันกินยาคุม" หญิงสาวแค่อยากจะยืนยัน ว่ามันเป็นไปได้ยาก"เราให้เมียกินยาคุมเหรอ""จะรีบมีไปทำไมล่ะครับ ผมก็อายุแค่นี้เอง" เขาพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดเธอต้องทำสีหน้ายังไงเหรอ น้อยใจ ไม่พอใจ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปทำกิริยาแบบนั้น หญิงสาวก็เลยทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ เพื่อรอเวลา..เวลาผ่านไป..ตอนนี้ทุกคนออกมารออยู่ด้านนอก แต่ก็หาอะไรทานรองท้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว"แม่จะให้พี่เราย้ายพ่อไปไว้ในห้องพักฟื้นเย็นนี้" นางเห็นว่าลูกชายและลูกสะใภ้แถมยังมีหลานเล็ก ไม่ยอมไปพักในห้องที่เตรียมไว้ให้ เพราะทุกคนยังคงเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู ก็เลยคิดว่าย้
"คุณพี่คะ คุณพี่"เซอร์เวย์ที่นั่งเอนหลับพักเอาแรง พอได้ยินแม่ส่งเสียงเรียกพ่อก็รีบตื่นขึ้นมา"คุณพ่อรู้สึกตัวแล้วหรือครับ" ตั้งแต่พ่อประสบอุบัติเหตุ เขาก็ปล่อยมือจากงานทุกอย่างให้ลูกน้องเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้ดูแลพ่อแบบใกล้ชิด จนไม่มีเวลาพักผ่อน แต่โชคดีที่ยังมีแม่ช่วยอีกแรง"เมื่อสักครู่แม่เห็นนิ้วของพ่อขยับ" ชายหนุ่มก็เลยรีบเข้าไปเช็คชีพจรของพ่อดู"คุณพ่อครับ คุณพ่อ" ชีพจรของท่านปกติมาก เหมือนว่าท่านแค่ไม่อยากจะลืมตา"หนู.." เสียงนี้ดังออกมาจากปากของท่านเบามาก แทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็พอจับใจความได้ "หนู""หนูไหนคะคุณพี่ คุณพี่ตื่นสิ" สามียิ่งออกไปแต่สนามไดร์ฟกอล์ฟ ..หรือว่าจะมีอีหนูที่นั่น"คุณพ่อตื่นสิครับ" พอทั้งสองปลุกยังไงท่านไม่ยอมตื่น ก็เลยให้พยาบาลไปเรียกคนที่อยู่ด้านหน้าเข้ามา"คุณพ่อรู้สึกตัวแล้วเหรอครับ" นอร์เวย์รีบตรงเข้าไปหาพ่อ"เมื่อสักครู่ท่านละเมอ" ขณะที่เซอร์เวย์พูดก็แอบมองไปดูหน้าแม่ เพราะประโยคที่พ่อละเมอล่อแหลมมาก"ถ้างั้นแสดงว่าคุณพ่อฟื้นแล้วใช่ไหมครับ""หนู" ประโยคนี้ออกจากปากคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอีกครั้ง ทุกคนแปลกใจยิ่งนักแทนที่จะละเมอชื่อลูกไม่งั้นก็ชื่อเมี
พอรู้ว่าลูกชายคนกลางไม่ได้พาลูกสะใภ้และหลานมาด้วย คุณย่าก็เลยให้คนขับรถไปรับมาจากสระบุรี"ปลื้มครับ" ผู้เป็นย่าเอื้อมมือไปเมื่อเห็นว่าหลานชายวิ่งเข้ามาหา"ปลาบปลื้มเบาๆ หน่อยสิลูก เดี๋ยวคุณย่าก็ล้มหรอก" ปิ่นมุกตำหนิลูกชายเบาๆ แต่ก็ไม่ทันหรอกเพราะตอนนี้วิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของคุณย่าแล้ว "คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ" เธอก็เลยเดินเข้าไปหาสามีที่ยืนอยู่หน้าห้องไอซียู"ยังไม่รู้สึกตัวเลย""ท่านพ้นขีดอันตรายแล้วไม่ใช่เหรอ" ปิ่นมุกเอื้อมไปกุมมือสามีไว้เพื่อให้กำลังใจทางโรงพยาบาลได้จัดหาโซฟามาให้ทุกคนได้นั่งรออยู่หน้าห้องแบบสบายหน่อยจนถึงช่วงเย็นของอีกวัน.."กลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมา" แพทย์หญิงบอกลูกชายให้พาเมียกลับบ้าน เพราะนั่งเฝ้ากันมาข้ามวันข้ามคืนแล้ว"รัญจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ""พวกเราก็จะอยู่รอจนกว่าคุณพ่อจะฟื้นค่ะ" ท่านดีกับพวกเธอขนาดนี้จะทิ้งท่านไว้แบบนี้ได้ยังไง"ขอบใจทุกคนมากนะ" เราใช้อะไรซื้อเราก็ได้อย่างนั้นกลับมา เหมือนดังแพทย์หญิงอมรรัตน์ ใช้ใจซื้อก็ได้ใจจากลูกสะใภ้กลับมา21 : 09 น."เดี๋ยวผมพาขึ้นไปนอน" นายแพทย์หนุ่มออกมาจากห้องของพ่อ ก็เห็นว่าภรรยาเอนตัวพิงกับโซฟา"ฉันอยากจ
"พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับพี่" ดูจากสภาพรถแล้วมันทำให้เขาใจไม่ดีเอามากๆ"ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่จะช่วยพ่อให้ได้""พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง""ตอนนี้พ่อยังไม่พ้นขีดอันตราย พี่กำลังจะโทรไปหาแม่" ที่เขาออกมาจากห้องผ่าตัดเพราะอยากโทรไปบอกแม่และน้องๆ ให้มาที่โรงพยาบาล"ผมอุตส่าห์เชื่อใจพี่ รอพี่อยู่ตรงนี้ ทำไมพี่พูดแบบนี้ รีบกลับเข้าไปช่วยพ่อสิ!" รันเวย์เริ่มใช้อารมณ์คุยกับพี่ชาย"แต่พี่.." นายแพทย์หนุ่มไม่เคยกดดันในการผ่าตัดมากขนาดนี้มาก่อน เพราะคนที่เขากำลังผ่าตัดอยู่คือบุพการี"เรื่องแม่กับพี่เวย์ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง พี่กลับเข้าไปในห้องผ่าตัดช่วยพ่อให้ได้"เซอร์เวย์ไม่เคยเห็นน้ำตาน้องชาย มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่วันนี้รันเวย์ถึงกับมีน้ำตา เป็นใครก็ต้องมีอาการแบบนี้กันทั้งนั้น แต่เขาเป็นหมอจะอ่อนแอไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดเพล้ง!! โทรศัพท์ในมือแพทย์หญิงอมรรัตน์ร่วงกระทบพื้นอย่างแรงเมื่อได้รับข่าวร้ายจากลูกชาย"เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่" รัญณาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเบอร์สามีที่โทรมา ก็เลยอยากรู้ว่าเขาโทรมาทำไม"เราไปโรงพยาบาลกัน""ใครเป็นอะไรคะ" ดูจากอากา
"อื้อ คุณรัน" ถ้าถามต้องรอคำตอบสิว่าเธออยากจะขึ้นไหม แต่นี้ถามยังไม่จบเลยด้วยซ้ำก็ดันตัวเธอให้ขึ้นมาอยู่ด้านบนแล้ว "โอ๊ย เจ็บนะคะ เบาๆ หน่อยสิ""ถ้างั้นคุณก็ใส่เข้าไปเองสิ" คนที่นอนอยู่ด้านล่างพยายามจับของตัวเองเพื่อส่งเข้าไปในร่างกายอีกฝ่ายหญิงสาวรอบกลืนน้ำลายก่อนที่จะทำตาม ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ต้องการ เธอก็ต้องการไม่ต่างกัน"ซี๊ดด อ้าา ไม่ต้องกลัวผมเจ็บ นั่งทับลงมาเลย" เห็นว่าเธอพยุงร่างของตัวเองไว้ไม่กล้านั่งลงมาเต็มแรงหญิงสาวก็เลยค่อยๆ ให้มันกลืนหายเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้เธอจะไม่เคยมาก่อน แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ เพราะเพื่อนหลายคนมีแต่เกเรทั้งนั้น ยังจำได้เลยครั้งหนึ่ง เพื่อนยังหลอกให้เธอไปเพื่อจะมีเซ็กส์กับแฟนของตัวเอง โชคดีที่เธอหนีออกมาได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารัญณาก็เลิกคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ไปเลย"เคยเห็นคนขี่ม้าไหม ทำแบบนั้นแหละ" มือหนาเอื้อมไปจับสะโพกงามเพื่อช่วยเธออีกแรง"อ๊อยย จุก" จังหวะที่ทิ้งน้ำหนักลงมา เจ้าของท่อนเอ็นนั้นเด้งสะโพกขึ้นมารับ มันก็เลยเข้าไปเกือบจะสุดลำ"เดี๋ยวก็เสียว นั่งทับลงมาเต็มแรงเลย" ชายหนุ่มเห็นว่าเธอเก็บแรงไว้ไม่ทิ้งตัวลงมาทั้งหมดอีก ตอนที่
"ใครเป็นอะไร" แพทย์หญิงผู้เป็นแม่ ยังไม่ได้ยินเสียงเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นลูกชายคนเล็กวิ่งเข้าไปก็เลยเดินตามมาดู"เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไร" หญิงสาวรีบซ่อนมือไว้ด้านหลัง ที่จริงเธอร้องโอ๊ยออกมาเพียงแค่เบาๆ เพราะตกใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน"เอามือมาดู""ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง""แล้วจะซ่อนมือทำไม" คนที่วิ่งเข้ามาก่อนเพื่อน เอื้อมมือไปคว้ามือของเธอที่ซ่อนอยู่ออกมา "แดงเลย""ฉันว่าจะยกหม้อลงมาวาง แต่ไม่คิดว่ามันจะร้อนขนาดนี้นี่""แม่เพิ่งปิดแก๊สเอง" ขนาดคนทำยังไม่แตะเลย เพราะคิดว่ามันต้องร้อนแน่"แล้วอีกข้างล่ะ" ถ้าเธอยกมันต้องใช้มือสองข้างแน่ เขาก็เลยยื่นไปจับอีกข้างหนึ่งมาดู "ตามออกมา""คุณโกรธให้ฉันทำไม""ทำอะไรซุ่มซ่าม""มีอะไรเหรอ""ก็มือไปโดนหม้อร้อนๆ น่ะสิครับ" รันเวย์ตอบพี่ชายไป"ที่รถมีที่ทำแผลเดี๋ยวพี่ไปเอามาทำให้""ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ" เธอจะตกใจอะไรก่อนดี เกิดมาไม่เคยมีใครเป็นห่วงขนาดนี้ ตกบันไดบ้านแท้ๆ พ่อยังไม่ถามเลยว่าเจ็บไหม"เดี๋ยวผมทำเองครับ"เซอร์เวย์ก็เลยปล่อยให้น้องชายเป็นคนทำแผลเอง แต่เขาก็ยืนบอกอยู่ว่าต้องใช้ยาตัวไหนทาก่อนจากที่นึกอิจฉาพี่สะใภ้ ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะดูเขา
"บ้านใครครับแม่""บ้านแม่เช่าไว้เอง" ดีนะที่ยังไม่คืนบ้านหลังนี้ไป สองครั้งแล้วสินะที่ออกจากบ้านมาเพราะสามี ครั้งนี้หวังว่าเขาคงจะคิดได้นะ นางก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อยากจะให้ครอบครัวแตกแยก แต่ถ้าเจอสามีที่เอาแต่ใจแบบนั้นใครจะทนฝืนอยู่ต่อไปล่ะ"รัญขอโทษนะคะ" นอกจากคำนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว"แม่บอกแล้วไงว่าหนูไม่ผิด พ่อเจ้ารันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พี่ชายทั้งสองแล้ว""คะ?""เจอทุกคน" รันเวย์พูดเสริมแม่ขึ้นมารัญณาก็เลยคิดว่าสองคนนั้นเจออะไร เพราะดูพี่สะใภ้ของเขาเป็นผู้ดีมาก แต่มองดูตัวเองสิ สมควรแล้วที่ท่านจะไม่ชอบ"อย่าคิดมากเลยลูก อยู่แบบนี้ก็อบอุ่นดีนะ" บั้นปลายชีวิตนางอยากจะอยู่แบบสงบเลี้ยงหลานๆ แต่เพราะสามีหน้าใหญ่ถือยศถือศักดิ์ ก็เลยไม่มีความสุขกันสักที"เข้าบ้านกัน" ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมไปจูงมือเธอให้เดินตามหญิงสาวมองมือนั้นแบบอบอุ่น ทำไมเขากล้าพาเธอออกจากบ้านหลังใหญ่ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดพิศวาสอะไรในตัวเธอเลย ..ความคิดที่อยากจะไปให้ไกล ตอนนี้มันหายไปไหนไม่รู้ เพราะเธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้นเดินเข้ามายังไม่ได้นั่งเลยด้วยซ้ำก็ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด"เดี๋ยวแม่ออกไปด