“รู้แล้ว! ฉันกำลังจะกลับ” ตาแทบลืมไม่ขึ้นวินตราก็ไม่เซ้าซี้ได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้น
“แล้วนายจะยืนรอทำซากอะไร”
“ผมติดรถท่านประธานมานี่ครับ”
“ฉันไม่ใช่คนขับรถของนายฉันไม่ไปส่งหรอก”
“อ้อ…ผมก็ไม่ได้ขอให้ไปส่งนี่ครับ”
“แม่ง…นี่นายกวนประสาทฉันงั้นเหรอ”
“ท่านประธานอย่าลืมงานของผมคือดูแลท่านประธานจัดแจงตารางชีวิตอีกอย่างผมที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ต้องเป็นฝ่ายขับอยู่แล้วล่ะครับจนกว่าจะส่งท่านประธานกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยถึงจะเลิกงานได้”
“อย่าฝันไปเลย…รถฉันราคาเท่าไหร่นายรู้หรือเปล่า”
“งั้นก็เรียกแท็กซี่ให้คนทั้งคลับเห็นกันไปเลยว่าสภาพท่านประธานเวลาเมาเป็นยังไง”
“นายกล้า!…”
“แล้วจะกลับด้วยวิธีไหนล่ะครับหรือจะนอนที่นี่ท่านเจ้าสัวคงไม่ยินดีแน่ๆถ้าได้ยินว่าลูกชายนอนค้างที่คลับแถมนักข่าวอาจตีสีใส่ไข่จนเป็นเรื่องทอร์คออฟเดอะทาวน์ไปทั่วทั้งโซเชียล”
“ลูกชายนักธุรกิจใหญ่สลบเหมือนคาอก—”
“พอเลยๆตลกนักหรือไง”
“ก็แค่คิดเผื่อน่ะครับ”
“แต่เหมือนนายอยากจะให้มันเป็นจริงยังไงยังงั้น”
“ผมก็แค่หวังดี”
“เฮอะฉันเชื่อตายล่ะ” เดนีสกอดอกอย่างหัวเสียแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีที่จอดรถซูเปอร์คาร์จะแยกจอดกับรถทั่วไปเพราะราคาของมันและประตูที่เปิดปิดไม่เหมือนชาวบ้านจึงต้องสร้างพิเศษเป็นแบบลิฟต์เพียงกดปุ่มรถก็จะเคลื่อนตัวขึ้นมากลไกก็จะเลื่อนไปส่งถึงทางเข้า-ออกอีกฝั่งของซูเปอร์คาร์
“จะคิดอีกนานไหมครับ”
“อะ” เดนีสโยนกุญแจรถให้อย่างไม่สบอารมณ์เขาคิดมาดีแล้วหากอีกฝ่ายรับพลาดจะเฉ่งสักสองสามประโยคดันรับได้อีก! บอดีการ์ดหน้าห้องช่วยกันพยุงร่างกายที่อ่อนปวกเปียกพร้อมจะไหลไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกแต่ยังปากดีของลูกค้า VIP อย่างทุลักทุเลกว่าจะยัดเข้าไปในรถราคาแพงที่เบาะเอนไม่ได้มากนักไม่สามารถเอนราบขนานพื้นได้เหมือนรถยี่ห้ออื่นการสร้างรถให้มีสมรรถนะสูงจะมาพร้อมกับข้อจำกัดของพื้นที่ภายในรถสมกับวลี‘ขาไม่ถึงหัวติดหลังคา’ดูจากสภาพท่านประธานที่หัวโยกหัวคลอนไม่สามารถทรงตัวได้เพราะความเมาเวลาเลี้ยวเข้าโค้งร่างกายก็เอนเอียงเข็มขัดนิรภัยทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกอย่างรถซูเปอร์คาร์ที่ผลิตมาอย่างจำกัดไม่ได้ออกแบบสำหรับทุกคนเบาะจะออกแบบมาเฉพาะคนใดคนหนึ่งเท่านั้นโดยจะออกแบบตามโครงสร้างและความสูงของผู้ซื้อเดนีสที่ร่างกายสูงกว่าวินตราเกือบคืบทำให้การขับขี่ของเขาลดประสิทธิภาพลงไปมากพยายามบังคับไม่ให้เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บอกแล้วว่ารถราคาแพงแต่เบาะยังนิ่มสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้ด้วยซ้ำดูจากสภาพคนข้างๆที่นอนคุดคู้กับเบาะคิ้วขมวดเป็นปมเลขาที่ดีต้องส่งเจ้านายให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยอีกอย่างท่านประธานไม่ได้สั่งนี่นาว่าต้องไปที่ไหนแม้ว่า GPS จะปักหมุดคอนโดส่วนตัวเอาไว้แล้วแต่วินตราเลือกที่จะไปส่งอีกแห่งหนึ่งนั่นก็คือ…บ้านใหญ่ศศิภักดีวินตรายกยิ้มที่มุมปาก
ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปภายในรั้วของศศิภักดีด้วยหัวใจที่ลิงโลดโขกสับเขามาทั้งสัปดาห์ถึงเวลาเขาเอาคืนบ้างแล้วนะท่านประธาน…
8 โมงเช้าท่านเจ้าสัวที่ใบหน้าถมึงทึงยืนเท้าสะเอวอยู่ที่ปลายเตียงของลูกชายคนโตเฉ่งนานกว่าสิบนาทีเดนีสที่งัวเงียรวมไปถึงพิษเหล้าเมื่อคืนทำเอาเขามึนงงไปหมดปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้อยู่ชั่วครู่ดวงตาแดงก่ำจ้องมองผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้างงงวย
“พ่อมาอยู่ที่ห้องผมได้ไงเนี่ย”
“ไอ้นีสแกทำตัวอะไรของแกวินตราเขาต้องพาไอ้ขี้เมาอย่างแกมาส่งถึงบ้านเกือบตีสาม”
“เดี๋ยวนะครับใครนะครับ”
“วินตราเลขาคนใหม่ของแก”
“วินตรามาส่งผมที่บ้านใหญ่?”
“ใช่นะสิสภาพแกเมายังกะหมาถ้าไม่ใช่วินตราเกิดอะไรขึ้นกับแกไปแล้วก็ได้อย่าลืมตัวแกเองเป็นคนมีมูลค่ามีคนพร้อมที่จะเข้าหาและฉกฉวยหาผลประโยชน์อยู่เสมอ”
“เดี๋ยวนะครับ” เดนีสยกมือปางห้ามญาติสมองเขามึนงงไปหมดตอนนี้ประมวลผลแทบไม่ทันเมื่อท่านเจ้าสัวแผดเสียงด่ารัวๆ
“ฉันให้เวลาแกอาบน้ำอาบท่า 15 นาทีแล้วลงมาข้างล่างเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ท่านเจ้าสัวสั่งเสร็จก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปด้วยความโมโหเดนีสเหลือบมองนาฬิกาเพิ่งจะแปดโมงเช้าหมดกันวันหยุดสุดสัปดาห์ของวัน!
ลงมาเจอแม่เลขาตัวดีนั่งจิบชาอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นพูดคุยกับพ่อเขาอย่างสนุกสนานร่าเริงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งๆที่วางแผนเอาคืนเขาอย่างเจ็บแสบเดนีสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโหจดจ้องท้ายทอยอีกฝ่ายเหมือนกำลังส่งกระแสจิตสาปแช่งก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมคุณหญิงลลดาลงมือทำข้าวต้มให้ลูกชายทั้งที
“ข้าวต้มจ้ะ”
“ขอบคุณครับแม่”
“ว่าแต่…กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“เมื่อคืนตีสองกว่า”
“อ้อ”
“ไปก่อเรื่องอะไรมาอีกล่ะเราพ่อเขานี่หน้าเขียวแต่เช้าเชียว” ลลดาแซวสามีติดตลกแต่เดนีสไม่ขำด้วยนัดสังสรรค์ครั้งนี้ก็เพราะพ่อแม่ไม่อยู่หนูเลยร่าเริงไม่มีท่านเจ้าสัวคอยจับตาพ่อแม่ของเขาเพิ่งกลับจากทริปฮันนีมูนตรงกับวันที่เขาเมาคอพับกลับมาบ้านพอดีเหมือนจับวางทั้งๆที่ปกติจะกลับไปนอนคอนโดบ้านใหญ่นานๆกลับทีเพราะตั้งแต่เริ่มทำงานเขาก็แยกออกไปอยู่ตัวคนเดียวอีกอย่างคอนโดก็ใกล้ที่ทำงานมากกว่าเดนิมเองก็ย้ายออกเพราะแต่งตามไอ้พัดไปอยู่ที่เพนท์เฮาส์โครงการของครอบครัว
เดนีนเองก็ไปๆมาเพราะโรงงานการผลิตอยู่ชลบุรีเลยอยู่ที่นั่นเสียเลยทำตัวเหมือนนกบินไปนั่นนี่เดนีสเบะปากก่อนจะเริ่มซดข้าวต้มในชามด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ไม่ถูกปากเหรอลูก”“เปล่าหรอกครับแฮ้งค์นิดหน่อย”“ไปทำอีท่าไหนคุณเลขาเขาถึงขับรถมาส่งเราถึงที่บ้านล่ะหืมแล้วดูสภาพปกติเราไม่เคยปล่อยตัวให้เมาไม่ได้สติแบบนี้นี่นา”“ก็จริง” สารอาหารตกถึงท้องสมองเลยประมวลผลการทำงานอีกครั้ง ‘โปรดปราน’ เด็กเอนฯคนนั้นป้อนอาหารเครื่องดื่มใส่ปากเขาอย่างเอาอกเอาใจอีกอย่างอยู่กับพวกเพื่อนสนิทไม่คิดว่าตัวเองจะโดนยาเข้าให้“ลูกก็รู้ว่าเดนิมกับตาพัดเขาเกิดอะไรขึ้นปัญหาเก่ายังไม่ทันซาอย่าลืมว่าตัวเรามีมูลค่าหากไม่ใช่วินตราเป็นคนอื่นเขาจะเอาลูกมาส่งอย่างปลอดภัยที่บ้านไหมต่อให้คลับจะมีการรักษาความปลอดภัยขนาดไหนก็ตามหากอีกฝ่ายเป็นนกต่อหรือกุเรื่องสร้างข่าวฉาวขึ้นมาเราเองจะแย่เอาเก้าอี้ผู้บริหารที่พ่อเขาอุตส่าห์วางใส่ในมือลูกจะรักษาไว้ได้ไหม” ลลดาเอ่ยเตือนสติลูกชายอย่างใจเย็นเดนีสขบคิดตามไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่พอเจอสายตาเยาะเย้ยถากถางจากคุณเลขาแล้วสำนึกชั่วดีเมื่อครู่กลับพลันมลายหายไปอย่างรวดเร็ว“ยังพอมีเวลา” เพราะรู้ว่าลูกชายมีนัดตอน 10 โมงเช้าเป็นนัดที่ผู้ใหญ่ตกลงกันเรียบร้อยท่านเจ้าสัวสั่งเสียงเย็น (นั่งลง) เดนีสนั่งตรงข้ามกับทั้งสองคนเป็นสามเหลี่ยมท่านเจ้าสัวนั่งต
สนามกอล์ฟก็เป็นหนึ่งในธุรกิจเครือญาติของศศิภักดี อยู่ห่างจากบ้านใหญ่เพียงสองซอย อยู่ภายในอาณาเขตของบ้านจัดสรรหนึ่งในธุรกิจของที่บ้านอีกเช่นกัน ระหว่างทางที่นั่งรถกอล์ฟวินตราที่ได้มีโอกาสค้างคืนที่บ้านศศิภักดีเพราะดันมาเจอท่านเจ้าสัวกับภรรยากลับจากทริปฮันนีมูนพอดี หลักฐานคาตาที่เห็นลูกชายคนโตเมาไม่ได้สติ วินตราที่ขอตัวกลับแต่ท่านเจ้าสัวออกปากห้ามเสียก่อนเพราะว่าดึกมากแล้ว ให้นอนค้างที่นี่เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องตามก้นท่านประธานเหมือนเงาไปตีกอล์ฟอยู่แล้ว จึงได้เห็นรูปถ่ายครอบครัว และเพิ่งรู้ว่าท่านเจ้าสัวเดรโกมีลูกชายถึง 3 คนคนเล็กแทบจะไม่เคยออกสื่อเลยและไม่มีข่าวคราวใดๆออกมานอกจากล่าสุดเป็นข่าวจาก (วงใน) ว่าตบแต่งกับพิพัฒน์หากแต่งกับคนอื่นสิแปลก! พิพัฒน์กิ่งอมรท่านเจ้าสัวให้ความสำคัญปลุกปั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “ผมเพิ่งรู้ว่าท่านประธานมีน้องชายด้วย” เดนีสเลิกคิ้วมองคนที่นั่งข้างๆ “ไม่น่าเชื่อว่าใต้เตียงศศิภักดีอย่างนายจะไม่รู้”“ผมไม่รู้จริงๆนี่ครับคุณเดนิมแทบไม่เคยออกสื่อเลย”“แหงล่ะ…เพิ่งกลับจากฝรั่งเศสมาได้ไม่นานแถมยังแต่งงานแล้วด้วย” ประโยคบอกเล่าแต่เจือความไม่พอใจเอาไว้หลายส่วน“น
ทิณกรมาถึงก็นั่งพัก ไม่มีทีท่าจะสนใจการตีกอล์ฟครั้งนี้สักเท่าไหร่“สั่งอาหารและเครื่องดื่มก่อนไหมครับ”“เชิญคุณก่อนเลยครับ”“งั้นกาแฟและเค้กอย่างละหนึ่งก็พอ…คุณเดนีสล่ะครับ”“กาแฟเย็นสักแก้วก็พอแล้วครับ” เมื่อท่านสองคนนั่งลงเริ่มพูดคุยนั่นนี่วินตราก็ปลีกตัวออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัวแต่ไม่คิดว่าจะเจอกับ…สองตาเบิกกว้างมือและเท้าเย็นเยียบฝ่ามือชื้นเหงื่อร่างกายทรงตัวแทบไม่ไหวได้แต่แนบลำตัวชิดกับซอกตึกเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็น“เย็นไว้เย็นไว้” วินตราเป่าปากและพูดเตือนตัวเองก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำข้างในตัวตึกด้านหลัง“สีหน้าดูไม่สดชื่นเลยนะครับ”“อ้อ…ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องมาเห็นผมในสภาพนี้พอดีเมื่อคืนเลี้ยงส่งลูกค้านิดหน่อย”“นั่นสินะผู้บริหารอย่างคุณคงไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่”“แล้วคุณทิณกรทำอะไรอยู่เหรอครับ”“ผมน่ะ…กำลังเรียนรู้งานที่บริษัทของคุณพ่อแต่ดูเหมือนว่าพลังงานไม่ค่อยเหมาะกับผมสักเท่าไหร่”“ฮ่าๆหัวอกเดียวกับผมเลยนะเนี่ย”“เอาตรงๆผมไม่ชอบทำธุรกิจแต่ก็ไม่รู้ว่าชอบอะไรเรียกได้ว่ากำลังหาตัวเองอยู่ละมั้ง”“แล้วคุณอยากทำอะไรล่ะครับ” “ไม่รู้สิแต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร” เดน
“อะ…นี่นามบัตรของคุณ jeans หนึ่งในพาร์ทเนอร์ของ JeasnsShore บอกว่าพี่เดนีสให้มา” เดนีสยื่นนามบัตรพร้อมกับขยิบตาให้ทิณกรรับมาด้วยความดีใจจนออกนอกหน้าการมาดูตัวในครั้งนี้แตกต่างจากที่คิดไว้ในตอนแรกทีแรกเขากะจะทำตัวหัวอ่อนปวกเปียกน่าเบื่อพูดเรื่อยเปื่อยน่ารำคาญเพราะอยากให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากในการยุติความสัมพันธ์แต่ครั้งนี้กลับตรงข้ามอย่างน้อยทิณกรพระอาทิตย์ดวงน้อยก็ได้ภูเขาลูกใหญ่ไว้พึ่งพิงพี่ใหญ่เองก็ถูกคลุมถุงชนและมักพูดกับเขาเสมอว่า ‘ชีวิตคู่ไม่ใช่ทนๆอยู่กันไปต่างก็รวดร้าวทั้งทั้งสองฝ่าย’ และเขาควรจะมีโอกาสได้เลือกคู่ชีวิตด้วยตัวเองนกปีกหักอย่างทิณกรที่จำใจอยู่แต่ในกรงทองบัดนี้ท้องฟ้ากับทอประกายแห่งความหวังมาให้โดยไม่ทันได้ตั้งตัวจนอดที่จะน้ำตาซึมออกมาไม่ได้“ซึ้งขนาดนั้นเลย?” “ก็…”“ถูกคลุมถุงชนล่ะสิ” ท่าทีที่กอดอกและฟังอย่างตั้งอกตั้งใจของเดนีสดูยังไงก็เหมือนกำลังดุด่าสั่งสอนทิณกรที่เช็ดน้ำหูน้ำตาป้อยๆในความคิดของวินตราเขาส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อยืนมองจากมุมหนึ่งของตึก ‘ไม่ต่างจากที่คิดไว้ตั้งแต่แรก’ เดนีสศศิภักดีหัวแข็งขนาดนั้นถ้ายอมถูกคลุมถุงชนพระอาทิตย์คงขึ้นทิศตะวันตก “ฉลาดนี่
สามเดือนผ่านไปเดนีสก็เริ่มชินกับพฤติกรรมของคุณเลขา ก็เป็นเลขามือทองจริง ๆ นั่นแหละเขายอมรับ! แต่แม่งมีสิ่งหนึ่งที่เขาเหมือนจะถูกเหยียดหยามตลอดเวลาคือดวงตาคู่นั้น ใครจะคิดว่าเขาคิดมากก็ช่างเถอะอ้าปากด่าเขาตรงๆอาจจะรู้สึกดีกว่าอย่างเช่นตอนนี้ที่เขาทำงานผิดพลาด“ท่านประธานเซ็นลงไปได้ยังไงทั้งๆที่ไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ” “ฉันอ่านมาแล้ว” วินตรายื่นมือมาปิดแฟ้มที่เดนีสกำลังจะจับปากกาเซ็นลงไปวินตรายกแฟ้มสีดำในมือพลิกไปพลิกมาก่อนจะปิดพรึบเอ่ยปากถาม“ท่านประธานเห็นดีเห็นชอบด้วยหรือครับ”“ก็…”“ท่านประธานมีความคิดของตัวเองหรือเปล่าคณะกรรมการบริหารเห็นว่าดีท่านประธานก็ว่าดี?”“ถ้าฉันว่าไม่ดีพวกนั้นก็สับฉันเละอีก”“แล้วท่านประธานไม่สมควรถูกสับตรงไหน”“ฉันเป็นประธานเป็นเจ้าของที่นี่เข้าใจหรือยัง” เดนีสเสียงแข็งนั่นนี่ก็ไม่ดีอันนั้นก็ไม่ได้เลขาก็จี้พ่อก็ด่าบอร์ดบริหารยังรุมกระทืบอีกต่อแม่งเอ๊ย! ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายลูกน้องใครกันแน่ที่เป็นลูกเจ้าของกันแน่ฮะ? เดนีสกำด้ามปากการาคาแพงในมือแน่นจ้องเลขามือทองเขม็ง“ท่านประธานรู้หรือเปล่าว่าคำว่า Boss กับ Leader ต่างกันตรงไหน” เดนีสเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่าง
“วินตราพูดครับ”“เข้ามา”วินตราลุกจากเก้าอี้พลางถอนหายใจหยิบเอกสารพวกนั้นติดมือมาด้วยแถมยังถ่ายเอกสารเอาไว้อีกหลายชุดวินตราเคาะประตูพอได้ยินเสียงตอบรับเขาก็เข้าไปภายในห้องยืนกุมเป้าอยู่หน้าโต๊ะท่านประธาน“นั่งลง” วินตรานั่งลงก่อนจะโฟกัสกับเอกสารที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า“ฉันให้ปรียานุชส่งเมลมาให้เมื่อครู่อ่านดูสิใช้ได้หรือยัง” วินตราพยักหน้าก่อนจะรับเอกสารมาไว้ในมือกวาดสายตาอ่านตั้งแต่ตัวอักษรตัวแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย“ดีกว่าฉบับแรกแต่ยังไม่รัดกุมพอ” เดนีสตวัดสายตามองมาที่คุณเลขาอย่างเอาเรื่องเอ่ยถามน้ำเสียงที่แฝงความไม่พอใจเอาไว้“แล้วแบบไหนถึงจะรัดกุม?”“การทำธุรกิจสัญญาต้องคำนึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก”“ฉันไม่นึกถึงตรงไหน”“งั้นลงนามเลยก็ได้ครับ”“วินตรา!” เดนีสหัวเสียถึงขีดสุดเขาที่พยายามตั้งใจทำงานอย่างดีแต่อีกฝ่ายกลับกวนประสาทเขาเสียอย่างนั้น“ถึงยังไม่รัดกุมแต่ก็พอใช้ได้ครับไม่งั้นก็ให้ฝ่ายกฎหมายเช็กอีกรอบ” เดนีสยกหูโทรศัพท์สั่งการตามที่คุณเลขามือทองว่า“แล้วมันไม่รัดกุมตรงไหน”“ตรงนี้ครับประโยคนี้” วินตราค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็นอีกทั้งวัสดุที่นำเข้ามาประเทศต้นทางก็กำลังจะขึ้นภา
เมื่อกลับมาถึงคอนโด วินตราก็หลับลึก เขาขดตัวอยู่กับเตียงกว้าง ร่างกายถูกห่อด้วยผ้านวมเป็นก้อนคล้ายเกราะกำบัง โผล่เพียงใบหน้าออกมาเล็กน้อย เขานอนจนสมองมึนเบลอ สะดุ้งตื่นขึ้นมานาฬิกาข้างหัวเตียงก็บอกว่าเที่ยงคืนกว่าแล้ว วินตราถอนหายใจอย่างแรงก่อนจะลุกไปอาบน้ำ หาอะไรเบา ๆ รองท้อง ในขณะที่รอน้ำเดือดก็ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ แม้จะทำงานร่วมกับท่านประธานมา 3 เดือนกว่า ๆ แล้วแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ไอ้หมอนั่นจะโทรมาหรือส่งข้อความมาจิก ๆ เขาอย่างเคียดแค้นแบบนี้มาก่อน“พรุ่งนี้นายเจอดีแน่!” วินตรามุมปากกระตุกตอนแรกเขาก็ยังรู้สึกผิดที่กดดันอีกฝ่ายมากเกินไปที่ไหนได้…ท่านประธานเฮงซวยยังโดนน้อยไปด้วยซ้ำตั้งแต่วินาทีที่อีกฝ่ายคุกคามเขาด้วยสีหน้าและท่าทางแบบนั้นเส้นเขตแดนระหว่างเจ้านายกับลูกน้องที่ต้องให้ความเคารพยำเกรงอีกฝ่ายก็ขาดผึงลงและเป็นสิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดเกลียดอย่างไหนก็มักจะได้อย่างนั้นจริงๆต่อให้ท่านประธานจะคิดทีเล่นทีจริงก็ช่างแต่มันเล่นกับความรู้สึกของคนมากเกินไปและเลขาอย่างเขาก็มักจะดึงดูดคนประเภทนี้อยู่เสมอทั้งๆที่คิดว่าตีหน้านิ่งไม่เล่นหูเล่นต
ตอนพักเที่ยงท่านประธานก็หนีบเลขาส่วนตัวอย่างเขามาทานอาหารที่ภัตตาคารโรงแรมหรู “นายคงไม่แพ้อะไรใช่ไหม”“ไม่ครับ”“ดี” ไอ้สีหน้าและแววตารวมถึงคางที่วางไว้บนมือประสานกันนั้นดูยังไงก็ไม่ได้มาดี“ตอนบ่ายสองมีนัดประชุมที่ห้องบอลลูมโรงแรม XX” “ฉันรู้แล้ว”อาหารที่บริกรมาเสิร์ฟเรียงรายตรงหน้าทำเอาความอยากอาหารของวินตราหายไปหมดเมื่อกี้เขาเปิดเมนูผ่านๆราคาเซตนี้ 8,000 บาทสำหรับสองท่านวินตราหั่นสเต๊กเข้าปากต่อมลิ้นไม่รับรสเท่าไหร่ไม่เหมือนท่านประธานที่สีหน้าดูแตกต่างจากเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิงมีความสุนทรีย์หากใช้สมองในการทำงานมากกว่าจะกลั่นแกล้งเลขาอย่างเขาก็คงจะดี เมื่อถึงเวลาเช็กบิลก็เป็นอย่างที่วินตราคิดเอาไว้แต่แรกเดนีสกอดอกมองเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยแต่เพราะเตรียมพร้อมรับมือมาอย่างดีเลยหยิบ Black card จากกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้บริกร “ขอใบกำกับภาษีด้วยครับ” พร้อมกับค้อมหัวน้อยๆให้ท่านประธาน“ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ” เป็นรอยยิ้มที่เสียดสีและบาดตาของเดนีสเป็นอย่างมากตอนแรกเขายังมีรอยยิ้มแววตาขี้เล่นประดับเอาไว้อยู่บ้างแต่พอเห็นอีกฝ่ายหยิบบัตรของเขาออกมาแถมยังโบกมือน้อยๆนั่นแล้ว…“มันไปอยู่กับนาย
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง