ตอนพักเที่ยงท่านประธานก็หนีบเลขาส่วนตัวอย่างเขามาทานอาหารที่ภัตตาคารโรงแรมหรู
“นายคงไม่แพ้อะไรใช่ไหม”
“ไม่ครับ”
“ดี” ไอ้สีหน้าและแววตารวมถึงคางที่วางไว้บนมือประสานกันนั้นดูยังไงก็ไม่ได้มาดี
“ตอนบ่ายสองมีนัดประชุมที่ห้องบอลลูมโรงแรม XX”
“ฉันรู้แล้ว”
อาหารที่บริกรมาเสิร์ฟเรียงรายตรงหน้าทำเอาความอยากอาหารของวินตราหายไปหมดเมื่อกี้เขาเปิดเมนูผ่านๆราคาเซตนี้ 8,000 บาทสำหรับสองท่าน
วินตราหั่นสเต๊กเข้าปากต่อมลิ้นไม่รับรสเท่าไหร่ไม่เหมือนท่านประธานที่สีหน้าดูแตกต่างจากเมื่อเช้าอย่างสิ้นเชิงมีความสุนทรีย์หากใช้สมองในการทำงานมากกว่าจะกลั่นแกล้งเลขาอย่างเขาก็คงจะดี
เมื่อถึงเวลาเช็กบิลก็เป็นอย่างที่วินตราคิดเอาไว้แต่แรกเดนีสกอดอกมองเขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยแต่เพราะเตรียมพร้อมรับมือมาอย่างดีเลยหยิบ Black card จากกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้บริกร “ขอใบกำกับภาษีด้วยครับ” พร้อมกับค้อมหัวน้อยๆให้ท่านประธาน
“ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ” เป็นรอยยิ้มที่เสียดสีและบาดตาของเดนีสเป็นอย่างมากตอนแรกเขายังมีรอยยิ้มแววตาขี้เล่นประดับเอาไว้อยู่บ้างแต่พอเห็นอีกฝ่ายหยิบบัตรของเขาออกมาแถมยังโบกมือน้อยๆนั่นแล้ว…
“มันไปอยู่กับนายได้ยังไง”
“ก็ตอนที่ผมไปรับคุณจากคลับไงครับ” วินตราตอบยิ้มๆเดนีสจำสถานการณ์วันนั้นไม่ได้หยิบแบล็กการ์ดให้เนี่ยนะ! อีกอย่างช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ซื้ออะไรกับข้าวกับปลาเพื่อนฝูงก็เป็นคนเลี้ยงไม่ก็กลับไปกินบ้านใหญ่น้ำมันรถก็ใช้อีกใบ
“แถมยังบอกให้ผมติดตัวเอาไว้ไม่ต้องคืน”
“วินตรานายแม่ง!”
“ลำพังเงินเดือนของผมคงไม่อาจเอื้อมเลี้ยงอาหารท่านประธานได้สักมื้อมื้อนี้มื้อเดียวร่วมหมื่นรวมเซอร์วิสชาร์จอีกหน่อยต้องเดินทางไปไหนมาไหนกับท่านประธานบ่อยๆบัตรใบนี้ทางที่ดีให้ผมถือจะดีที่สุดอีกอย่างเวลาไปเจอคู่ค้าจะได้หยิบจ่ายได้สะดวก” วินตราพูดจบลุกขึ้นพร้อมผายมือไปยังท่านประธานที่สีหน้าบึ้งตึงแทบอยากจะเข้ามาดึงทึ้งเขาสักยกทำได้เพียงกระชับสูทอย่างลวกๆก่อนลุกเดินออกไปอย่างหัวเสียสุดๆ
วินตราหลุดขำกับท่าทางเหมือนเด็กไม่รู้จักโตไม่แปลกที่ท่านเจ้าสัวไม่อาจวางใจก็ดูทำแต่ละอย่าง…
“ร้ายอย่างนายต้องเจออย่างฉัน” วินตราเยาะเย้ยถากถางอีกฝ่ายอยู่ในใจก่อนจะเดินตามออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
เดนีสรู้ว่าวินตราไม่ชอบรถสปอร์ตคู่ใจของตนเพราะด้วยตัวรถออกแบบเฉพาะให้เหมาะกับเจ้าของเนื้อที่ภายในก็ไม่ได้มีมากมายเอกสารมากมายที่คุณเลขาหอบมาด้วยต้องจำใจต้องกอดไปตลอดทาง
ก่อนจะเข้าร่วมประชุมทั้งที่ๆเวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆอีกฝ่ายยังใจเย็นขับรถชมวิวสวนทางกับวินตราที่รู้สึกกระวนกระวาย
“สมรรถภาพรถคงไม่ใช่แค่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมั้งครับ”
“แล้วไงฉันพอใจ”
“เหลือเวลาอีกไม่ถึง 40 นาที”
“อ้อ…ฉันอยากดื่มกาแฟ” พูดเสร็จก็แวะร้านเงือกแบบไดรฟ์ทรูเพราะรถเป็นแบบพวงมาลัยซ้ายรูปแบบของร้านอยู่ทางฝั่งของวินตราพอดีในขณะที่รอคิว
“นายสั่งให้ฉัน”
“จะรับอะไรดีครับ”
“นั่นสิฉันไม่ชอบของหวานงั้น…แครมบรูว์เลเอสเพรสโซเย็นทอปปิ้งด้วยวิปครีมราดด้วยบัทเตอร์สก็อตแกรนเดไซซ์” วินตราสั่งให้ตามที่ว่าพร้อมขอใบกำกับภาษีเจ้านายเคี่ยวแบบนี้เขาไม่พลาดเป็นอันขาด
เมื่อได้เครื่องดื่มที่ต้องการก็เดินทางต่อเดนีสมือจับแก้วข้างหนึ่งจับพวงมาลัยข้างหนึ่ง
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง”
“ก็ท่านประธานบอกไม่ชอบของหวานผมเลยแปลกใจ”
“แล้ว?”
“ไม่มีอะไรครับ” วินตราบอกปัดก็ไอ้เครื่องดื่มนี่สำหรับวินตรามันหวานขึ้นตาเลยต่างหากล่ะแครมบรูว์เลเองก็เป็นขนมสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อเป็นคัสตาร์ดโรยด้วยน้ำตาลแล้วเบิร์นจนเป็นคาราเมลเอาตรงไหนมาไม่หวาน…เหอๆ
“ฉันมือไม่ว่างขับรถข้างเดียวไม่ถนัดนายมาถือแก้วให้ฉัน”
วินตราหันหน้ามามองก่อนจะเอื้อมมือมาจับแก้วให้อีกฝ่ายดูดอย่างสบายใจเฉิบแต่ภายในใจก่นด่ายาวเหยียด
“ด่าในใจขนาดนั้นด่าออกเสียงออกมาเถอะ”
“ไม่กล้าหรอกครับ”
“เฮอะยอมรับสินะว่าด่าฉันอยู่ในใจอยู่น่ะ”
“ผมก็แค่แปลกใจไม่ว่าสีหน้าแววตาของผมเหมือนว่าจะสร้างความรำคาญใจให้กับท่านประธานความจริงหากท่านประธานใส่ใจเรื่องงานมากกว่าเรื่องมโนสาเร่พวกนี้ก็จะดีไม่น้อย”
“ใครบอกว่าเป็นเรื่องมโนสาเร่สำหรับฉันมันเป็นเรื่องที่สนุกและน่าสนใจมากกว่าเรื่องงานพวกนั้นอีก” ไม่พูดเปล่ายังหันมายกคิ้วกวนๆให้คุณเลขาอีกหนึ่งกรุบวินตราหางตากระตุกแทบอยากจะบีบแก้วกาแฟให้พุ่งใส่หน้ากวนๆนั้นสักที
ชีวิตของวินตราที่ไม่รู้ว่าพ่วงติดกับเจ้านายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนนี้มือของเขาทั้งสองข้างมือหนึ่งถือข้าวเหนียวมือหนึ่งถือหมูปิ้งป้อนข้าวป้อนน้ำให้เจ้านายอยู่อย่างนี้ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่
“ความจริงถ้าใช้รถตู้บริษัทก็สะดวกกว่าไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ใช่…แต่ฉันไม่ได้ใช้งานนายอย่างนี้” คำตอบที่จริงใจและชวนให้อยากทุบมากวินตราที่เก็บสีหน้าได้ดีมาตลอดบางครั้งยังเกือบหลุดที่จะกลอกตาใส่หน้าท่านประธานให้รู้แล้วรู้รอด
“ทำไมไม่ทานมาจากที่บ้านให้เรียบร้อยครับ”
“ฉันตื่นสายถ้านายไม่อยากป้อนก็มาทำข้าวเช้าให้ฉันสิ” เดนีสปากโพล่งออกไปแบบนั้นแต่ทั้งสองคนกลับชะงัก
“มันเหนือขอบเขตงานของเลขาหรือเปล่าครับทุกวันนี้เหมือนเลี้ยงลูก”
“อ้อ…เหมือนตรงไหนถ้าเลี้ยงลูกฉันต้องได้กินนมจากเต้าจริงไหมล่ะ”
“มาตราที่ 16” วินตราเอ่ยเตือนแต่เดนีสกลับท่องข้อกฎหมายนั้นออกมาเสียยาวเหยียด
“มาตราที่ 16 ห้ามมิให้นายจ้างหัวหน้างานผู้ควบคุมงานหรือผู้ตรวจงานกระทำการล่วงเกินคุกคามหรือก่อความรำคาญทางเพศต่อลูกจ้างโดยมีบทลงโทษตามมาตราที่ 147 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 16 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท” พร้อมกับยักคิ้วกวนๆให้วินตราอดที่จะกลอกตาใส่ไม่ได้
“อันไหนที่ไม่สำคัญท่านประธานกลับจดจำมันได้ดีไม่มีบกพร่องแต่พอเรื่องงานกลับตรงกันข้าม” เดนีสยักไหล่อย่างไม่หยี่ระพร้อมกับหันมากัดข้าวเหนียวและหมูปิ้งที่วินตราถือไว้ให้
“นี่ไม้มันจะทิ่มตาฉันอยู่แล้ว”
“งั้นก็จอดรถและถือเองสิครับ”
“งั้นนายก็มาขับเป็นลูกน้องแท้ๆทำไมฉันต้องขับให้นายนั่งด้วยวะ”
“งั้นก็ใช้รถตู้บริษัทสิครับ” สองคนทะเลาะกันดังไปทั่วห้องโดยสารแต่ก็แปลกที่ทั้งสองแม้จะมีวิธีแก้ไขปัญหาหยุมหยิมแบบนี้มากมายแต่ก็ยังคงก่นด่าและถกเถียงกันอยู่อย่างนี้ไม่มีใครยอมใครและเส้นแบ่งที่กั้นไว้แต่แรกไม่รู้ว่าระยะทางทั้งสองสายต่างก็ร่นระยะเข้ามาประชิดกันตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีพวกเขาทั้งสองก็ตัวติดกันตามจิกตามเถียงกันเป็นเงาผู้คนในบริษัทต่างก็เห็นภาพนี้จนชินตาแม้แต่ปรียานุชเองก็แทบจะภาวนาให้วินตราคุณเลขามือทองอย่าได้เจ็บป่วยและลาป่วยเลยสักวันไม่มีใครจะเอาท่านประธานได้อยู่หมัดเท่าวินตราอีกแล้ว!
วินตรามักจะตอกบัตรเข้างานก่อนเวลาจริงสัก 30 นาทีเป็นประจำไม่ใช่ว่าขยันแต่เพราะบ้านไกลและภาระงานที่มากมายในแต่ละวันไม่ใช่เลขาส่วนตัวอย่างวินตราเพียงเท่านั้นที่มาทำงานเช้าปรียานุชเองก็เช่นกันเธอมีครอบครัวมีลูกวัยอนุบาลจึงต้องออกจากบ้านเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดจะได้ไม่กระทบกับงานทั้งสองคนทักทายกันเป็นปกติดังเช่นทุกวัน“สวัสดีครับคุณนุช”“สวัสดีค่ะคุณวินมาเช้าอีกเช่นเคยนะคะ”“คุณนุชก็เช่นกัน” วินตราตอบไปตามมารยาท “นั่นสิคะวันนี้ไม่รู้ท่านประธานมีงานด่วนอะไรหรือเปล่ามาถึงบริษัทตั้งแต่ 8 โมงเช้า” วินตราที่นั่งเคาะแป้นสองตาโฟกัสที่หน้าจอชะงักก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มาสอบถาม“ท่านประธานอยู่ในห้องอย่างนั้นเหรอครับ”“ค่ะรปภ. บอกมา” “ขอตัวนะครับ” วินตราพูดเสร็จก็ลุกขึ้นหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะของตัวเองติดมือไปด้วยเคาะหน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตก็เข้าไปทันทีวินตราเอ่ยทักทายทำความเคารพเหมือนเช่นทุกวัน“อรุณสวัสดิ์ครับ” “สวัสดีครับ” แต่ภาพที่เห็นทำเอาคุณเลขาแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับถ้วยขนมหวานหลายถ้วยบนโต๊ะแถมในมือยังมีเอกสารที่เขาเขียนสรุปต่างๆให้ก่อนหน้าแม้จะแปลกใจกับท่าทางวันนี้แต่สายตาของวินตราก็พบกับคว
“แล้วมึงจะมานั่งทำห่าอะไรตรงนี้โน่นตรงโซฟา” “บ่นเหมือนแม่” เดนีนแขวะ“ตกลงมึงมาทำอะไรที่นี่”“นั่นสิ”“ไอ้นีน” เดนีสตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่องเดนีนเลยยกมือสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนจะเดินนวยนาดไปนั่งที่โซฟาแต่ก็ต้องชะงัก“มาเก็บขนมของมึง” “เหอๆนิสัยเสียขนาดนี้คุณวินตราทนทำงานกับคนประเภทนี้ได้ยังไงครับ หากมาทำกับผม…” สองมือก็ก้มเก็บถ้วยขนมหวานแต่ก็ยังลอยหน้าลอยตาพูดใส่หน้าแฝดพี่ที่ทำทีจ้องคอมพ์ฯเหมือนไม่ใส่ใจแต่ความจริง…“ไอ้นีน” สายตาที่ส่งมานั้นไม่มีความล้อเล่นเป็นสายตาที่ตวัดเหมือนกับว่ากำลังจะถูกแย่งของเล่นในมือไปกดเสียงต่ำพร้อมหน้าตึงแบบนี้เหมือนเป็นการถอยหลังเพื่อกระโดดถีบเดนีนเลิกแหย่เอาขนมไปทิ้งแล้วกลับเข้ามานั่งที่โซฟาด้วยท่าทีสบายๆ “ก็นัดวันหยุดยาวที่จะมีในเดือนหน้าห้าวันนั่นแหละรวมเสาร์-อาทิตย์ไม่ทราบว่าท่านประธานว่างหรือเปล่าครับ” เดนีนถามทีเล่นทีจริงวินตราเปิดตารางในไอแพดก่อนจะลงบันทึกไว้ ‘ว่างพอดี’“ลงตารางงานให้ฉันที่สำคัญนายต้องไปด้วย” “แล้วจะนอนที่ไหนล่ะเป็นแบบบังกะโลส่วนตัวซะด้วย” “มึงจองให้ไอ้พัด?” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เยสบรรยากาศดีเหมาะกับคู่รักข้าว
เดนีสรู้แค่ว่าการอ่านภาษากาย สีหน้า แววตาช่วยให้เขามีชั้นเชิงในการเจรจาต่อรองธุรกิจมากยิ่งขึ้น คุณเลขาเคยแนะนำหนังสือให้เขาอ่านหลายเรื่องในด้านจิตวิทยาการแสดงออกของคน ท่วงท่า การพูด รวมไปถึงการแต่งกายที่อีกฝ่ายสวมมาในการต่อรองเจรจาธุรกิจ เดนีสเริ่มซึมซับและค่อย ๆ ทำความเข้าใจแต่ละบุคคลที่พบเจอทีละเล็กทีละน้อย อีกอย่างเลขามือทองก็มักจะถามเขาหลังจากเจรจาเสร็จทุกครั้งถึงเรื่องที่ว่า“ท่านประธานคิดว่าคุณXXเป็นยังไงบ้างครับ” การโน้มน้าวการคล้อยตามหรือการชักนำให้เห็นพ้องไปในทางเดียวกัน“แล้วท่านประธานให้คะแนนตัวเองในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้กี่คะแนนครับ” ข้อบกพร่องข้อเสียรวมไปถึงท่าทีของฝ่ายตรงข้ามเช่นกันที่จะถูกวิเคราะห์และนำมาหารือหากการเจรจาครั้งนี้ไม่สำเร็จวินตราเหมือนเครื่องจักรกลสมองอัจฉริยะมากกว่าจะเป็นเพียงเลขาบางทีเดนีสก็คิดว่าคนเราแม่งจะรู้ทุกเรื่องได้ยังไงวะแต่วินตรามักจะทำให้เขาต้องอึ้งเสมอจนเผลอถามออกไปอยู่หลายครั้ง“นายได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย” ถามอะไรตอบได้เหมือนอับดุลแต่บางครั้งคำตอบที่ตรงเหมือนไม้บรรทัดนั้นบางครั้งก็ทำให้ประธานอย่างเขาหัวร้อนเหมือนกัน พอหัวเสียก็จะพาลมาลงกับ
“ไปทานข้าว” เมื่อเห็นสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของคุณเลขาเดนีสก็ถามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์“ทำไม” “ผมเป็นเลขาออกไปติดต่องานข้างนอกก็อาจจะไม่แปลกที่นั่งทานข้าวด้วยกันแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน”“จิ๊” เดนีสเริ่มหัวร้อน“นี่แม่คุณเลขาจะมาเจ้าระเบียบเอาอะไรตอนนี้ฉันสั่งนายมีหน้าที่ต้องทำตามอีกอย่างตอนเย็นฉันมีธุระต่อที่ให้นายติดสอยห้อยท้ายมาด้วยอย่าสำคัญตัวผิดไปนักเลยฉันไม่ได้พิศวาสนายเลยสักนิด”“ครับ” วินตราผินหน้าไปมองวิวข้างทางไม่ต่อล้อต่อเถียงกับอีลูกช่างแซะอีกแม้ฝีปากจะเฉียบคมแต่ก็เป็นเพียงลมปากเท่านั้นเขาเว้นระยะห่างระหว่างเจ้านายและลูกน้องอยู่เสมอมีแต่ท่านประธานที่นิยามคำว่าเจ้านายและลูกน้องไม่เหมือนกันกับเขาหนีบเขาไปด้วยแทบทุกที่ตอนกลางวันทานข้าวเสร็จตอนเย็นก็มีนัดกับแก๊งเพื่อนห้าสิงห์ครั้งนี้แตกต่างออกไปไม่ได้เมาหัวราน้ำเหมือนครั้งที่แล้วแต่ก็ไม่สามารถขับรถได้เองอยู่ดีวินตราก็รอที่ร้านกาแฟจนถึงเวลาก็มารับกลับเหมือนเดิม“หากนายเอาฉันไปส่งที่บ้านใหญ่อีกอย่าหวังว่าจะได้ชีวิตอย่างสงบสุข” เดนีสที่กรึ่มๆแยกเขี้ยวใส่คุณเลขาที่ทำหน้าที่เป็นพลขับ “อีกอย่าง Big boy ลูกฉันราคาถูกซะเมื่อไหร่”“ชื่อเอ
วินตราที่กลับมาถึงคอนโดตัวเองก็ค่อนคืนแล้วรถตัวเองจอดทิ้งไว้ที่บริษัทวินตราอาบน้ำทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของร่างกายโดยเฉพาะข้อมือที่ถูกจับเมื่อครู่ออกจากห้องน้ำมายังต้องใช้แอลกอฮอล์เช็ดอีกรอบวัยเด็กในบ้านเด็กกำพร้าไม่ค่อยราบรื่นนักไม่ใช่ว่าวินตราไม่มีพ่อแม่แต่ว่ามีก็เหมือนไม่มีและเขาก็ยินดีจะอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามากกว่าอยู่กับพ่อแม่ที่ติดยาติดเหล้าแถมยังเป็นผีพนันพอคิดถึงเรื่องในอดีตวินตราชันเข่าขึ้นมาสองแขนโอบกอดตัวเองซุกใบหน้ากับเขาทั้งสองข้างเหมือนหาเกราะกำบังแม้ว่าจะดีขึ้นแต่ก็เหมือนฝันร้ายคอยตามหลอกหลอน (Aphenphosmphobia) เป็นโรคเกี่ยวกับความวิตกกังวลที่มีลักษณะกลัวการถูกสัมผัสร่างกายโดยเฉพาะกับเพศตรงข้ามหรือคนแปลกหน้าที่ตัวผู้ป่วยไม่ได้รับการยินยอมทำให้เกิดความไม่สบายใจเมื่อต้องอยู่ในที่คนพลุกพล่านซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์สะเทือนจิตใจตั้งแต่เยาว์วัยหรือช่วงวัยกลางคนเช่นถูกละเมิดทางเพศการใช้ความรุนแรง (ทำร้ายร่างกาย) วินตราไม่ได้มีปัญหากับการทำงานร่วมกันกับคนอื่นยกเว้นตอนปาร์ตี้แฮงค์เอ้าท์ของบริษัท แล้วเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้จะพูดกับใครได้ใครจะเข้าใจอีกอย่างการบอกกล่าวเร
“ครับและผมก็ขอบคุณมากสำหรับความหวังดีที่ท่านประธานมีให้และหวังว่าห้าวันที่ผมไม่อยู่งานจะราบรื่นไม่มีปัญหา” วินตราค้อมตัวให้สี่สิบห้าองศาด้วยความเคารพแต่สายตาที่เงยหน้ามองมานั้นบวกกับไอ้ประโยคก่อนหน้า‘ผมก็ขอบคุณมากสำหรับความหวังดีที่ประธานมีให้…แต่ทีหลังไม่ต้อง!’ อะไรทำนองนั้นมันน่าไหมล่ะ…ทำงานด้วยกันมาหลายเดือนถ้าอ่านภาษากายคุณเขาบวกกับการด่าด้วยสายตาไม่ออกก็ควายเต็มทีเดนีสหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับอากัปกิริยาของคุณเลขาใครจะว่าเขาประสาทก็ช่างมีแต่เจ้าตัวแหละที่รู้ว่ากำลังด่าเขาด้วยสายตาจริงหรือไม่น่าโมโหนัก!ไม่รู้ว่าเป็นคำแช่งหรือคำอวยพรที่ว่า ‘หวังว่าห้าวันที่ผมไม่อยู่งานจะราบรื่นไม่มีปัญหา’ กลับกลายเป็นมีปัญหาและกลายเป็นวิกฤตใหญ่ของบริษัทเลยก็ว่าได้The Grand Dae รีสอร์ตเปิดตัวใหม่เป็นหนึ่งในธุรกิจของศศิภักดีงานนี้สำคัญสำหรับเดนีสเพราะเป็นงานรวมตัวของสมาชิกทุกคนในครอบครัวพอโตขึ้นต่างคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบเลยทำให้เจอหน้ากับพร้อมหน้าแบบนี้ยากแถมน้องชายสุดที่รักที่กลับมาจากฝรั่งเศสไม่ทันไรก็ต้องแต่งงานแยกไปอยู่กับไอ้พัดไอ้พัดที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทพาร์ทเนอร์คู่ค้ายังควบตำแหน่งน้องเขยที่พี่
“อ้อ…จะว่าผมไม่มืออาชีพก็ได้นะผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกอีกอย่างผมไม่สามารถร่วมงานกับคนที่เกลียดน้องชายผมและพูดถึงในทางที่เสียหายได้ส่วนเรื่องฉีกสัญญาทางทนายผมจะติดต่อคุณไปอีกทีคุณนิชา” ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เสร็จเขาก็เดินล้วงกระเป๋าออกไปอย่างสะใจมันน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่สองคนนั้นทำกับน้องชายเขาโดยเฉพาะไอ้พัดแม่ง! ไม่คิดจะปริปากปกป้องเมียของตัวเองสักหน่อยก็ไม่ได้รู้ว่าไม่รักรู้ว่าไม่มีใจให้แต่ยืนฟังน้องนุ่งที่โตมาด้วยกันถูกพูดถึงในทางเสียหายแบบนี้ได้ยังไงวะ แม่งเอ๊ย! หากเขาสืบทอดกิจการทุกอย่างของพ่อได้หมดเมื่อไหร่ไอ้พัดจะเป็นคนแรกที่เขาจะเช็กบิลฝากไว้ก่อนเถอะ!วินตราที่ได้พักห้าวันวันนี้เป็นวันที่สี่พอสภาพจิตใจดีขึ้นก็มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาจัดการกับขยะที่กองสุมภายในห้องค่อยๆทำความสะอาดไปเรื่อยๆใช้วันหยุดได้อย่างคุ้มค่าแต่จู่ๆก็จามติดกันถึง 3 ครั้งหนังตาขวากระตุกเหมือนว่าจะมีเหตุการณ์อะไรหรือคลื่นลูกใหญ่รอเขาให้เขาเผชิญอยู่และไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือลางสังหรณ์ที่แม่นยำของตัวเองห้าวันที่ได้พักวินตราหลับเหมือนตายนอนพักฟื้นฟูร่างกายออกไปจ๊อกกิ้งบ้างเรียกได้ว่าปล่อยพลังงานลบจากการทำ
วินตราที่หลบมายืนสูบบุหรี่บนดาดฟ้าเพื่อไล่อารมณ์ที่คุกรุ่นเมื่อครู่ ปกติเขาไม่ใช่คนสูบบุหรี่จะสูบเฉพาะตอนที่เครียดมาก ๆ นิโคตินช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และหัวสมองของเขาตอนนี้กำลังวิ่งวุ่นอย่างหนักเพื่อแก้วิกฤตของบริษัทที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ไม่ว่าจะกำหนดการส่งสินค้าที่กำหนดเดดไลน์ไว้ทุกล็อตไหนจะเรื่องการปรับค่าเสียเวลาที่คิดมูลค่าความเสียหายเป็ยรายวันหากสินค้าผลิตไม่ทันตามกำหนดวัตถุดิบยิ่งขาดแคลนเพราะภาวะสงครามทางฝั่งตะวันออกกลางภาษีนำเข้าก็สูงขึ้นพลันโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นครืดคราดไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครปล่อยให้ร้อนใจจนตายเสียให้เข็ด! จะได้รู้สำนึกเสียบ้างและที่เขาด่าใส่หน้าเมื่อครู่ยังน้อยไปด้วยซ้ำอีโก้ที่มันสูงเสียดฟ้าจนใครก็สั่งสอนไม่ได้ต้องเจอวิกฤตเป็นตายแบบนี้แหละถึงจะรู้สึกรู้สาให้ความจริงมันตีแสกหน้าว่าไอ้ที่ทำอยู่เนี่ยมันรังจะสร้างแต่ความเดือดร้อนให้กับองค์กร มันสั่นไม่หยุดเจ้าของสายเรียกเข้าที่เดินไปมาเหมือนหนูติดจั่นขบเล็บไปด้วยอย่างคิดไม่ตก“รับสิวะรับสักที” นั่งเก้าอี้บริหารไม่ทันครบสองปีก็ก่อปัญหาใหญ่ขนาดนี้แล้วอีกอย่างเขาไม่กล้าแบกหน้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อพ
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง