วินตราที่หลบมายืนสูบบุหรี่บนดาดฟ้าเพื่อไล่อารมณ์ที่คุกรุ่นเมื่อครู่ ปกติเขาไม่ใช่คนสูบบุหรี่จะสูบเฉพาะตอนที่เครียดมาก ๆ นิโคตินช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และหัวสมองของเขาตอนนี้กำลังวิ่งวุ่นอย่างหนักเพื่อแก้วิกฤตของบริษัทที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
ไม่ว่าจะกำหนดการส่งสินค้าที่กำหนดเดดไลน์ไว้ทุกล็อตไหนจะเรื่องการปรับค่าเสียเวลาที่คิดมูลค่าความเสียหายเป็ยรายวันหากสินค้าผลิตไม่ทันตามกำหนดวัตถุดิบยิ่งขาดแคลนเพราะภาวะสงครามทางฝั่งตะวันออกกลางภาษีนำเข้าก็สูงขึ้นพลันโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นครืดคราดไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครปล่อยให้ร้อนใจจนตายเสียให้เข็ด! จะได้รู้สำนึกเสียบ้าง
และที่เขาด่าใส่หน้าเมื่อครู่ยังน้อยไปด้วยซ้ำอีโก้ที่มันสูงเสียดฟ้าจนใครก็สั่งสอนไม่ได้ต้องเจอวิกฤตเป็นตายแบบนี้แหละถึงจะรู้สึกรู้สาให้ความจริงมันตีแสกหน้าว่าไอ้ที่ทำอยู่เนี่ยมันรังจะสร้างแต่ความเดือดร้อนให้กับองค์กร
มันสั่นไม่หยุดเจ้าของสายเรียกเข้าที่เดินไปมาเหมือนหนูติดจั่นขบเล็บไปด้วยอย่างคิดไม่ตก
“รับสิวะรับสักที” นั่งเก้าอี้บริหารไม่ทันครบสองปีก็ก่อปัญหาใหญ่ขนาดนี้แล้วอีกอย่างเขาไม่กล้าแบกหน้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อพลันหวนไปถึงน้ำเสียงและท่าทางของท่านเจ้าสัวที่วางใจให้เขาเข้ามาบริหารบริษัทนี้บริษัทที่ในตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่โก้ไม่เท่เหมือนพวกยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์แต่ความจริงกลับมั่นคงที่สุดเพราะเจาะกลุ่มเกษตรกรรากหญ้าไม่ว่าจะรวยหรือจนต้องใช้ท่อพีวีซีของเขาลำเลียงน้ำประปาเข้ามาในบ้านร้านอาหารก็ต้องใช้ห่อบรรจุภัณฑ์แม้รายได้จะไม่ฟู่ฟ่าแต่เหมือนเสือนอนกินขายได้ทุกสภาวะและสถานการณ์กล่องพลาสติกจานชามบรรจุภัณฑ์ทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งของที่ใช้กันแทบทุกครัวเรือน
นั่นแหละถ้าไม่เกิดปัญหาเขาคงไม่ตระหนักรู้ถึงธุรกิจในมือของตนเองว่าทำไมผู้เป็นพ่อที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าครึ่งชีวิตมอบบริษัทนี้ให้อยู่ในความดูแลของเขาเดนีสคลึงหัวตาความคิดมากมายวิ่งวนในหัวไม่คิดเลยว่าความสะใจของเขาเพียงคนเดียวจะสร้างปัญหาให้กับบริษัทมากมายขนาดนี้
“โธ่เว้ย!” เดนีสคำรามอย่างหัวเสียกวาดแฟ้มทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นหมดเสียงข้าวของตกกระทบกับพื้นปรียานุชก็ขวัญหนีดีฝ่อรายงานในมือที่ได้รับมายังพิมพ์ไม่เสร็จความเครียดความกดดันที่ได้รับทำเอาประสิทธิภาพลดลงไปกึ่งหนึ่งอย่างเช่นได้ชัด
“ค่อยๆทำไปครับคุณนุชอย่าลน” หญิงสาวพยักหน้าพลางเอามือทาบอก
“ขอบคุณค่ะแต่ว่าพี่ได้ยินเสียงในห้อง…”
“เดี๋ยวผมเข้าไปดูเองครับ” วินตราเดินเข้าไปในห้องโดยที่ไม่ลืมเคาะประตูเมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวต่อหน้าเดนีสเหมือนเห็นตัวนำโชคเหมือนพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์วินตรากวาดสายตามองไปรอบๆห้อง
“นี่คือการแก้ไขปัญหาของท่านประธาน?” น้ำเสียงสงบนิ่งทำเอาคนฟังสงบตามไปด้วย
“ฉัน…นายมาก็ดี”
วินตราถามไถ่ถึงปัญหาอย่างใจเย็นพร้อมคิดวิเคราะห์สถานการณ์ไปด้วยพร้อมกับติเตียนไปหลายประโยคเดนีสที่ทนไม่ได้กับคำติเตียนซึ่งๆหน้าก็อดไม่ได้ที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง
“นั่นมันน้องชายฉันเลยนะนายจะไปรู้สึกรู้สาอะไร” แต่สายตาที่คุณเลขาจ้องมองมาเหมือนอยากจะประเคนหมัดหนักๆใส่เขาสักเปรี้ยงทำเอารู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนกันคุณเลขาปกติที่เอาแต่ตีหน้าขรึมเจ้าระเบียบคนนี้จู่ๆก็เบรกแตกใส่อารมณ์ใส่เจ้านายอย่างเขาตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่เดนีสกอดอกเอนตัวกับเก้าอี้โดยไม่รู้สึกรู้สาก็เขาเป็นผู้บริหาร…ใครจะทำไม
“อ้อ…ที่แท้ผู้บริหารอย่างคุณก็ไม่ได้มองว่าพนักงานที่นี่คือครอบครัวสินะ” เดนีสเลิกคิ้วเมื่อได้ฟังน้ำเสียงเย็นๆของคุณเลขาแถมยังก้มหน้าเหมือนกำลังสะกดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุออกมาสองมือกำหมัดแน่นจนสั่น
“อะไร”
“คุณรู้หรือเปล่านอกจากจะจ่ายเงินชดเชยค่าผิดสัญญาแล้วหากส่งของไม่ทันจะต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันคุณรู้หรือเปล่าว่ามูลค่าที่บริษัทเสียไปเพราะความไม่คิดของคุณมันมากมายขนาดไหน”
“ฉันจ่ายเองก็จบ”
“คุณคิดว่าจบเหรอ” วินตราตะโกนเสียงดังพลางปรี่เข้ามาคว้าเนกไทของเดนีสอย่างแรงอีกฝ่ายหน้าแทบจะกระแทกกับโต๊ะทำงาน
“ผมจะบอกอะไรให้คุณคิดว่าคุณรวยมากใช้เงินฟาดทุกอย่างก็จบงั้นเหรอฝ่ายบัญชีเขาจะทำงานยังไงต่อให้เงินหายไป 50 สตางค์ก็ต้องหาให้เจอหัวหน้าฝ่ายการตลาดฝ่ายการผลิตคุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเขามีภาระอะไรบ้างคนรวยหัวxวยอย่างคุณสร้างความฉิบหายให้บริษัทขนาดไหนคุณล้มบนฟูกแล้วพวกเขาล่ะ”
วินตราตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่านหน้ารวมไปถึงลำคอแดงไปหมดพลางชี้นิ้วมือไปยังนอกประตูตอนนี้พนักงานฝ่ายผลิตกำลังหัวหมุนและทำโอทีกันอย่างไม่มีทางเลือกเพราะซัพพลายเออร์ที่ใช้ประจำถูกยกเลิกกะทันหันอีกทั้งเดดไลน์กำหนดส่งผลิตภัณฑ์ก็ใกล้เข้ามาถึงทุกทีวินตราไม่รู้ตัวเลยตัวเองแทบจะปีนโต๊ะไปบีบคอเจ้านายอยู่แล้ว
เดนีสอึ้งทั้งยังตกใจไม่หาย
“ฉัน…” เดนีสตอบอ้ำอึ้งเนกไทก็รัดคอเขาจนแทบหายใจไม่ออก
“ลุกมาลุกมาดูผลงานที่คุณทำลงไป” วินตรากระชากเนกไทอย่างแรงทั้งดึงทั้งลากเจ้านายตัวแสบไปดูผลงานชิ้นโบแดงที่ตัวเองได้ทำลงไปแม้แต่เลขาหน้าห้องยังตกใจกับภาพที่เห็น
“นี่ปล่อยฉันนะนายเป็นใครนายกล้าทำอย่างงี้กับฉันเหรอฉันจะไล่นายออก”
“ก็เอาสิดูสิระหว่างคุณกับผมท่านเจ้าสัวจะเลือกใคร” เดนีสไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันเป็นลูกในไส้นายเป็นใครทำไมพ่อฉันต้องเลือกนาย”
“แล้วใครกันที่ส่งผมมาที่นี่หากคุณได้ยินถ้อยคำฝากฝังคุณคงคิดไม่ถึง”
“ไม่จริง”
“ไม่ใช่ประเด็นที่คุณต้องสนใจ” วินตรายัดร่างกายที่โซซัดโซเซตามแรงลากของเขามายังรถสปอร์ตคันหรูปิดประตูใส่หน้าเดนีสดังปังก่อนจะประจำที่คนขับ
“เฮ้นายจะพาฉันไปไหน”
“ไปโรงงาน”
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเดนีสพูดไม่ออก “เห็นหรือยัง?” สภาพเนกไทที่หลุดลุ่ยจนเห็นหน้าอกเดนีสไม่ได้สำรวจตัวเองเลยตอนนี้ภาพตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกผิดภาพที่คุณวินัยหัวหน้าฝ่ายผลิตวิ่งวุ่นจนขาแทบขวิดพนักงานที่เร่งมือกันจนแทบไม่ได้พัก“สิ่งที่คุณทำส่งผลต่อพนักงานระดับล่างแค่ไหนรู้ตัวหรือเปล่า” วินตราแทบอยากจะกระชากคอไอ้บื้อตรงหน้าแล้วกระแทกกับกระจกแรงๆสักสองสามทีลายเซ็นตัวเองมีผลต่อบริษัทแค่ไหนยังไม่รู้ตัวแถมยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนนั่งทำงานอยู่บนหอคอยรอคอยผลประกอบการมดงานตัวเล็กๆทำงานกันแทบตายกลับไม่มีใครเห็น“คุณกรรชัยต้องโยกพนักงานแผนกอื่นมาช่วยไลน์การผลิตคุณมานพต้องวิ่งเต้นหาซัพพลายเออร์ใหม่แม้ว่าจะราคาแพงสองเท่าต้องกัดฟันทำสัญญาไปก่อนเพราะใคร…”“ฉีกสัญญากะทันหันต้องจ่าย 50 ล้านมันอาจไม่มากสำหรับคุณก็จริงแต่คุณอย่าลืมบริษัทจำกัดมหาชนเวลาเงินเข้าออกต้องแจกแจงละเอียดยิบไม่งั้นจะมีปัญหากับสรรพากรเอาได้และที่สำคัญอาทิตย์หน้าต้องส่งผลิตภัณฑ์ล็อตแรกที่เซ็นสัญญาเอาไว้กับพ่อเลี้ยงดนัยตอนนี้ยังขาดเกือบครึ่งคิดค่าปรับล่าช้าเป็นรายวันเพราะอารมณ์ชั่ววูบของผู้บริหารอย่างคุณคนเดียวทำให้บริษัทเกิดวิกฤตห
“คุณเดนิมมีวุฒิภาวะมากกว่าคุณอีก” มือที่กำลังกดต่อสายชะงัก“ยังไง”“ผมได้ยินมาว่าตอนฝึกงานที่บริษัทกับคุณพิพัฒน์คุณเดนิมไม่ได้แนะนำตัวในฐานะภรรยาด้วยซ้ำไม่เคยเอานามสกุลดังมาอ้างเพราะอะไรคุณรู้หรือเปล่า”“เดนิมเป็นคนดี” “เปล่าเลยเพราะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออก” เดนีสหน้าชา “และที่เขาไม่ตอบโต้คุณนิชาเพราะว่าผลประโยชน์บริษัทต้องมาก่อนเขาเรียงลำดับก่อนหลังได้ดีแก้แค้นนอกจากสาแก่ใจแล้วคุณได้อะไรคืนมามั่งกลเกมธุรกิจใครเขาทำซึ่งๆหน้าฮะ” วินตราเริ่มมีน้ำโหเมื่อพูดถึงเรื่องนี้วินตราที่ก้าวเข้ามาประชิดกับเดนีสที่ถอยร่นจนนั่งกับโซฟาอย่างตื่นตระหนก“ก็ตอนนั้น…”“อ้อ…ไม่ได้ใช้สมองนำสินะ”“จะมากไปแล้วนะ”“น้อยไปด้วยซ้ำ!” วินตราตะคอกใส่หน้าน้ำลายแทบจะกระเซ็นใส่หน้าทุกหยาดหยดเดนีสแม้ไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ที่คุณเลขาพูดมาถูกทุกตรง“รักษาเก้าอี้ทองคำของคุณให้ดีๆเถอะสิ้นปีนี้อาจเหลือแค่อดีตประธาน”“เฮ้…นายจะไปไหน”“กลับบ้าน”“ได้ไงแล้วปัญหาพวกนี้ล่ะ”“ผมเป็นแค่เลขาจะทำอะไรได้แล้วอีกอย่างเรียนผูกต้องเรียนแก้เอง” วินตราปิดประตูดังปังใส่หน้าเดนีสที่ลุกตามออกมาเดนีสกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์โดนด่าเหมือน
ตอนนี้ไลน์ในกลุ่มแก๊งห้าสิงห์กลับมาคึกคักเพราะเดนีสถามไถ่ถึงซัพพลายเออร์เจ้าอื่นที่พอจะมีวัตถุดิบอยู่บ้าง อินทราตอนนี้อยู่ต่างประเทศมีเพียงคุณชายแห่งวังสลาลินพอจะพึ่งพาได้อยู่บ้าง “พอจะมีอยู่พรุ่งนี้ตอนบ่ายว่างไหมล่ะมาเจอที่บริษัทกูฝั่งรัชโยธิน”“โอเค” อย่างน้อยก็โล่งใจไปได้อีกเปลาะหนึ่ง เดนีสเข้านอนด้วยความตึงเครียดที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าตื่นเช้ามาเขาปวดกรามไปหมดแม่งเอ๊ย! นอกจากสะใจแล้วก็ไม่ได้อะไรอีกมีแต่ความฉิบหายแล้วก็ฉิบหายให้ตายแล้วเขาก็ไม่น่าให้คุณเลขาลาเลยหากตอนนั้นวินตราอยู่ด้วยคงไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เดนีสมานั่งรอที่ร้านกาแฟก่อนเวลาด้วยซ้ำวินตราเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจพลางหอบเอกสารในมือมาวางไว้บนโต๊ะด้วย“ทานข้าวเช้ามาหรือยังครับ” “ยัง”“กินก่อนแล้วค่อยวางแผน”“ฉันกินไม่ลงหรอก” สีหน้าซังกะตายเหมือนหมาหงอยแบบนี้ก็ชวนให้น่าสงสารอยู่เหมือนกันอีกฝ่ายเติบโตภายใต้ปีกท่านเจ้าสัวไม่เคยออกล่าหาอาหารเองแม้จะเคยฝึกสอนให้บินแต่ก็ไม่เหมือนกับลูกนกที่เติบโตเองตามธรรมชาติพวกมันนอกจากจะเรียนรู้วิธีหาอาหารเองแล้วยังเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดจากนักล่าตั้งแต่ยังเป็นลูกนกตัวแดงๆไม่เหมือนลูกชายคน
“ภาพลักษณ์คุณต่อองค์กรนอกจากมันไม่ดูภูมิฐานเหมือนได้ตำแหน่งมาเพราะเป็นลูกท่านเจ้าสัวอีกทั้งคุณไม่ได้วางตัวเป็น Leader ที่ดีแต่คุณใช้อำนาจกดให้พวกเขากลัวไม่มีลูกจ้างที่ไหนจะชอบนายจ้างแบบนี้แต่เพราะปากท้องเขาจึงต้องยอมทนกลับกันถ้าคุณเป็นนายจ้างที่ใส่ใจรายละเอียดของลูกน้องบางทีเพียงเอ่ยปากถามไถ่สภาพความเป็นอยู่เพียงไม่กี่ประโยคมันก็สื่อให้เห็นว่าพวกเขาคือครอบครัวกำลังใจในการทำงานสำคัญอย่างคุณปรียานุชเองที่เขามาทำงานเช้าทุกวันคุณรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร” เดนีสส่ายหน้า“เพราะเขามีลูกในวัยอนุบาลหากคุณถามไถ่ถึงลูกเขาสักสองสามคำเชื่อไหมบรรยากาศในการทำงานระหว่างคุณกับเลขาหน้าห้องจะดีกว่านี้มากการเป็นเจ้านายที่ดีต้องใช้พระเดชและพระคุณในการปกครองคน”“แล้วตอนนี้มีคนที่คุณพอจะใช้งานหรือฝากผีฝากไข้ในบริษัทได้สักกี่คนบอร์ดบริหารถึงได้สับคุณเละทุกครั้งที่เข้าประชุมในสายตาพวกเขาคุณค้านสายตาและไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานที่ท่านเจ้าสัวฝากไว้ในสองมือของคุณเลยสักนิด” วินตราเอ่ยเสียงเรียบแต่ละคำแต่ละประโยคไม่ได้เจือด้วยความขุ่นเคืองเหมือนรุ่นพี่หรือพี่ชายที่สั่งสอนน้องชายเสียมากกว่าเดนีสสะอึกพูดไม่ออกสักคำที่
อาหารค่ำในภัตตาคารห้าดาวไม่ได้รับความสนใจจากกระเพาะของเดนีสมากนัก ก็คู่ตรงหน้าที่คุยกันกะหนุงกะหนิงทำเอารู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้า เพิ่งรู้ว่าก้องกิจเป็นอดีตรุ่นพี่ที่มหา’ลัยของคุณเลขาหน้าตึง แต่พออยู่กับก้องกิจเหมือนเป็นคนละคน อีกฝ่ายดูผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเอง แม้ทั้งสองจะไม่ได้นั่งตัดติดกันแต่เคมีนั้น…เรียกได้ว่าเข้ากันสุด ๆ กิตติกรแลหางตามองดูเพื่อนรักที่หั่นสเต๊กตรงหน้าอย่างแรง กัดปากกัดฟันขมุบขมิบจนอดที่จะถองศอกกระซิบกระซาบถามไม่ได้“ไม่ถูกปาก?”“อือ” “เป็นเอามาก”“อะไรไอ้กร”“อาการเหมือนของขาด”“พูดมาก” เดนีสยกไวน์แดงขึ้นมาจิบพอเห็นเครื่องดื่มข้างมือคุณเลขาก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกเหตุการณ์ก่อนหน้าก่อนจะสั่งอาหาร“วินยังชอบDuc De Montaigne Non-Alcohol Sparking Wineอยู่หรือเปล่า” เป็นไวน์โรเซ่ (Rose) สีขาวของประเทศเบลเยียมส่วนก้องกิจชอบสีชมพูยี่ห้อเดียวกันกับที่วินตราชอบไวน์ขาวทานคู่กับเนื้อปลาส่วนไวน์แดงทานคู่กับเนื้อแดงถึงจะเข้ากันอีกอย่างวินตราไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วก้องกิจเลยดื่มยี่ห้อนี้เป็นเพื่อนเขา“พอได้ครับ” “ทานคู่กับสเต๊กปลาพอดี”“ขอบคุณครับ” ก้องกิจสั่งเสร็จก็ยิ้ม
จิตวิทยา ภาษากายสำคัญ และต้องปั้นหน้าให้เป็นปกติสุขที่สุดไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบไหนก็ตาม อย่างเช่นในตอนนี้ที่เขาถูกกิตติกรลอบสำรวจและประเมินในใจคร่าว ๆ กิตติกรเป็นลูกพี่ลูกน้องของก้องกิจ วินตราเชื่อว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาผ่านปากของก้องกิจมาไม่มากก็น้อยส่วนท่านประธานก็เอาแต่จ้องเขาไม่วางตาด้วยสายตาแปลกประหลาดส่วนก้องกิจไม่ต้องพูดถึงอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาแบบไหนวินตรารู้ดีและเขาไม่ลืมที่จะขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ให้เหมือนเดิมวินตราขออนุญาตลุกไปเข้าห้องน้ำเพราะว่านั่งอยู่ด้านในก้องกิจหลีกทางให้สักพักก็ลุกตามออกไปอีกทั้งร้านอาหารยังเป็นแบบกึ่งผับกึ่งบาร์ที่นั่งของพวกเขาสี่คนอยู่ในมุมไพรเวทสองคนนั้นคงจะหาที่ไปคุยกันแน่ๆ เดนีสวางส้อมในมือใส่จานดังเคร้งก่อนจะคว้าแก้วไวน์มาดื่มรวดเดียวจนหมด “เป็นห่าอะไร” “ก้องกิจแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ”“อือฮึ”“แม่งมองเลขากูไม่วางตา” เดนีสทำท่าทำทางประกอบกิตติกรกระตุกยิ้มที่มุมปาก“แล้ว?”“แม่งขัดลูกตากูชะมัดถ้าไม่เห็นแก่สัญญากูอยากจะล้มโต๊ะเสียให้รู้แล้วรู้รอด”“แล้วมึงฉุนเฉียวเพราะอะไรล่ะเพราะพี่ก้องหรือเพราะคุณเลขา” เดนีสมุมปากกระตุก“ไอ้กรกูแค่เป็นคนดีเกิดเม
“วินกลับเข้าไปก่อนเลยพี่ขออยู่ตรงนี้อีกสักพัก” “ครับ” วินตราเดินหันหลังเดินกลับไปอย่างไม่ลังเลใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่กลับมาแข็งกร้าวพร้อมกับแผ่นหลังที่เหยียดตรงไม่หลงเหลือแววตาและสีหน้าที่อ่อนโยนเมื่อครู่เดนีสที่แอบฟังอยู่ตรงพุ่มไม้ยืนมองทั้งสองคุยกันแต่พอวินตราเดินออกไปเขาก็โล่งอกแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินอ้อมมากอดอกยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบเชียบพร้อมเอ่ยถามเสียงเย็นยะเยือก“สนุกไหมครับแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน” เดนีสสะดุ้งโหยงแทบจะหน้าคะมำไปข้างหน้าใบหน้าจืดเจื่อน“ฉันเปล่าพอดีผ่านมาเฉยๆ” ท่านประธานทำหน้าไขสือแต่แววตาหลุกหลิกนั่นสิ…พิรุธสุดๆวินตราหรี่ตาจับผิดค่อยๆเดินเข้ามาประชิดทีละก้าวเดนีสฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อเหงื่อโง่ที่เขาว่าคงจะเป็นอาการแบบนี้น่ะแหละสายตาที่คุณเลขาจ้องเขานั้นเหมือนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่เขาสักป๊าบยังไงยังงั้น“ฉันเผอิญเดินผ่านมาจริงๆไม่ได้ยินอะไรเลย”“ผมยังไม่ได้ถาม” “ฉันกลัวนายจะเข้าใจผิด” “อ้อ” “ผมแค่จะถามว่าท่านประธานจะกลับเลยหรือเปล่า” เสียงนี้เย็นยะเยือกเชียว “กลับเลยๆก็ได้” “ครับงั้นเชิญ” วินตราผายมือเดนีสเดินนำออกไปก่อนจะลูบหน้าอกตัวเองป้อยๆภายในหัวสม
ก้องกิจที่กลับบ้านมาก็เจอภรรยากำลังนั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่ที่โซฟาแววตาที่จ้องมองมาไม่เป็นมิตรเขาเห็นแต่ไม่อยากจะทักและก็เป็นอย่างที่ก้องกิจคิดในใจเมื่อรูปถ่ายระหว่างเขากับวินตราปลิวว่อนอยู่ที่พื้นเป็นภาพถ่ายที่ยืนคุยกันสองต่อสองที่ดาดฟ้าเมื่อครู่‘สมกับเป็นเจ้าพ่อสื่อ’ “แล้ว?” ก้องกิจไม่ได้หยิบรูปพวกนั้นขึ้นมาดูแต่กลับถามด้วยเสียงเย็นไม่เหมือนกับตอนที่คุยกับวินตราสีหน้าและแววตาอ่อนโยนแบบนั้นดารากรไม่เคยได้รับมันมาก่อนอีกฝ่ายเป็นใครมีดีอะไรถึงได้รับสิ่งเหล่านี้จากสามีเขา“พี่ก้อง” ดารากรตวาดเสียงดังลั่นห้องรับแขกพลางวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างแรงลุกขึ้นเดินมาเผชิญหน้า “เรื่องหย่าฝันไปเถอะถ้ากรไม่สมหวังอย่าหวังว่าใครหน้าไหนจะสมหวังเลย”“อ้อ” “พี่ก้องตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาพี่เคยรักกรบ้างหรือเปล่า” ดารากรตวาดเริ่มฟูมฟายน้ำเสียงอ้อแอ้อีกฝ่ายตะเบ็งเสียงใส่เขาจนหน้าดำหน้าแดงก้องกิจและดารากรถูกเลี้ยงดูมาต่างกันการตะคอกก่นด่าแบบนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในรั้วสลาลินและเกียรติคณาและเป็นสิ่งที่ก้องกิจเกลียดมากที่สุด“อย่าตะคอกใส่พี่” ก้องกิจเอ่ยเสียงเรียบพลางเบนสายตาไปที่อื่น “ทำไมกรผิดอะไรวินตราอะไร
“ถอยไปเลยไป” “ด่าฉันด้วยสายตาอีกแล้ว” วินตรารีบคลุมสาบเสื้อชุดคลุมของตัวเองรัดสายคาดเอวอย่างแน่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองในกระจกเดนีสก็หอมกระหม่อมคุณเขาซ้ำๆอยู่นั่นไม่สนใจสายตาที่อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆของคุณเลขาในกระจกสักนิดวินตราหวานไปทั้งตัวเหมือนช็อกโกแลตที่ข้างนอกแข็งขึ้นเป็นรูปต่างๆได้แต่พอวางอยู่ในอุ้งมือหรือในโพรงปากก็ละลายออกมาหวานละมุนกลิ่นโกโก้ชั้นดีตีขึ้นในโพรงจมูกจนอยากจะอมไว้ในปากทั้งวันไม่อยากให้ใครได้เห็นได้กลิ่นวินตราเป็นของเขาของเขาคนเดียวเท่านั้นสภาพท่านประธานในตอนนี้เหมือนอยากจะอมหัวเขาเหมือนหมาโกลเด้นที่ออดอ้อนออเซาะเจ้าของไม่รู้จักเบื่อนี่นะเหรอ…ข้าวใหม่ปลามันที่หลายคนพูดถึงแต่วินตราก็ยังเป็นวินตราคนเดิมเขาเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายคนในกระจกเป็นคนแรกและคนเดียวที่วินตราค่อยๆแง้มประตูที่ปิดตายเอาไว้ให้รู้จักตัวตนที่แท้จริงความไม่สมประดีของตัวเองแผลใจไหนจะขยะที่ซุกซ่อนไว้ในใจรวมไปถึงในห้องคอนโดของตัวเองผู้ชายคนนี้ได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจนมันแผ่มาถึงคนนอกอย่างเขาได้ง่ายๆวินตราคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่เพราะเขากลัวว่า
“รเร็วกว่านี้” เดนีสยันแขนแต่เอวก็เคลื่อนไหวเนิบช้าแต่ออกสุดตอกจนสุดเช่นกันวินตราแหงนหน้าเมื่อส่วนล่างถูกบดขยี้บี้ซ้ำๆจนสุดโคนจนรู้สึกถึงเส้นขนหยาบแข็งๆกระทบแก้มก้น“เรียกที่รักก่อนสิ” เดนีสซุกที่ซอกคอวินตราพร้อมกับขมเม้มเบาๆก่อนจะงับติ่งหูขาวนั้นดูดดึงจนวินตราครางไม่เป็นภาษาจะหนีไปไหนก็ไม่ได้เดนีสยกยิ้มมุมปาก ‘ติ่งหู’ เป็นอีกจุดที่ไวต่อสัมผัสของคุณเลขาคนสวยวินตราเม้มปากแน่นจนเอื้อมมือไปกำผมของไอ้ประธานเฮงซวยที่ทำตัวขบถแม้กระทั่งจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้“อึก” เดนีสหัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระชาก“แม่งนี่นายเล่นกระชากหัวผัวตัวเองเลยเหรอฉันก็ปรนเปรออยู่นี่ไงที่รัก…อย่าใจร้อน” แถมยังแลบเลียริมฝีปากอย่างมาดร้ายเขาสะบัดหัวจากการกอบกุมจัดท่าขาสองข้างพาดบ่าวินตราตอนนี้ตัวจะม้วนกลับหลังอยู่แล้ว “เอาล่ะทำใจดีๆฉันจะแทงไปจนถึงแกนโลกเลยล่ะ” “อะไอ้!” เดนีสเหมือนนั่งยองแทงซ้ำๆดั่งปากว่าจุดกระสันถูกแทงซ้ำๆอย่างนั้นวินตรากัดปากตัวเองอย่างแรงความเสียวตีรื้นขึ้นมาอีกระลอก “มะไม่ไหว” วินตราส่ายหน้าสะบัดไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นส่งทั้งตัวเองและวินตราไปถึงฝั่งฝันอย่างรวดเร็
หรือไม่…อาจไม่เคยเดินสวนทางกันด้วยซ้ำไปเมื่อเห็นวินตราไม่ตอบเดนีสเลยพูดต่ออีกอย่างเขาไม่เชื่อคำสัญญาของวินตราสักเท่าไหร่คุณเลขาของเขาน่ะใจร้ายได้เสมอ“สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าจะแก่เฒ่า”“นายเอาจริง?” วินตราถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อถืออีกฝ่ายสักเท่าไหร่ตลอดกาลมีจริงๆเหรอแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก “อือฉันเอาจริงและจริงจังถ้านายกล้าทิ้งฉัน…ฉันจะออกตามหานายสุดล่าฟ้าเขียวจะทิ้งทุกสิ่งไปตามหานายไหนๆฉันก็เป็นคุณชายหัวขบถอยู่แล้ว” วินตราดึงแก้มเขาอย่างแรง“ท่านประธานเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”“แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” วินตราไม่ตอบได้แต่จ้องมองไปยังนัยน์ตานั้นมองภาพใบหน้าตัวเองที่ฉายชัดอยู่ในนัยน์ตาสองคู่นี้“ต้องคิดด้วยเหรอ” เดนีสเย้าแหย่ วินตรายกหัวจุมพิตข้างริมฝีปากนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไงแต่…กับนายมันพิเศษกว่าคนอื่นและสองมือนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดมันทั้งอบอุ่นและปลอดภัยอ้อมอกนี้ก็เช่นกัน” เดนีสมองวินตราอึ้งๆก่อนจะยิ้มโค้งจนตาหยี“นายรักฉันแหละฉันดูออกมาตั้งนานแล้ว” ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งครั้งนี้วินตราโอนอ่อนผ่อนตามเปิดเปลือยให้อีกฝ่ายได้ชักนำแ
“ฉันปวดไหล่” “นายจ่ายไหวเหรอฉันคิดค่าบริการแพงนะ”“จะเท่าไหร่กันเชียวอย่าลืมฉันถือแบล็กการ์ด”“ฮ่าๆ” เดนีสหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมจุมพิตที่แผ่นหลังขาวเนียนนั้นหนึ่งทีเบาๆ “แสบจริงๆใครไม่รู้คงคิดว่านายเป็นเมียฉัน” “ฝันไปเถอะ” “ใจร้าย” นิ้วมือลงน้ำหนักนวดโดยผ่อนแรงลากขึ้นลงเดนีสชอบนวดสปาน้ำมันเขาจึงรู้วิธีการนวดมาบ้าง วินตรานอนใบหน้าข้างหนึ่งแนบที่ท่อนแขนจ้องมองเงาในกระจกที่คุณชายหัวขบถตั้งใจนวดแผ่นหลังให้เขาอย่างมุ่งมั่นวินตรายกยิ้มที่มุมปากบางครั้งท่านประธานของเขาก็ซื่อบื้อของแท้…“สบายหรือเปล่า”“อือ” “ฉันจะบอกให้ไม่มีใครกล้าใช้ฉันนอกจากนาย…วินตราเพราะฉะนั้นเป็นแฟนฉันได้แล้ว”“ไม่”“นี่ฉันจริงจังนะ”“ไม่” เดนีสพลิกร่างวินตราให้นอนหงายโดยที่เขาคร่อมทับเค้นเอาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายหัวคิ้วขมวดจนเป็นปม“ทำไมเป็นแฟนฉันไม่ดีตรงไหน”“ทุกตรง” “หา…อย่างฉันเนี่ยนะไม่ดีฉันดีมากเลยขอบอก” โอ้อวดตัวเองเก่งเป็นที่หนึ่ง“แล้ว” เดนีสก้มหน้าต่ำกระซิบเสียงแหบต่ำข้างหูคุณเลขา“ฉันก็รักนายอย่างสุดหัวใจ” พร้อมจุมพิตไหล่เปลือยเปล่านั้นแผ่วเบา เดนีสพยายามจ้องหน้าคุณเลขาไม่หลุบตามองต่ำไปมากกว่าน
“นี่ลองชิมดูเป็นไวน์ตัวใหม่ของ ONLY U แอลฯเพียง 6% น้องชายฉันคิดค้นและปรับปรุงมาตลอดจนได้ไวน์รสชาตินี้ออกมาดื่มง่ายลองสิ” วินตรารับไวน์มาจิบอย่างว่าง่ายตอนนี้เขาไม่ได้กินยารักษาสภาพจิตใจแล้วพร้อมกับเข้าตรวจร่างกายชุดใหญ่ตามคำสั่งของท่านประธานวินตราเป็น (New Male) ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็จริงแต่เพราะปัญหาทางใจที่รุมเร้ามาตลอดเขาเลยมีปัญหาเรื่องฮอร์โมนเรียกได้ว่าฮอร์โมนทำงานได้ไม่เต็มที่มดลูกเลยไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่เหมือนคนเป็นหมันแต่ในอนาคตก็ไม่แน่เรื่องราวภายในของคนเรานั้นซับซ้อนวินตราและเดนีสต่างก็นั่งฟังหมออธิบายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเดนีสเองก็เข้าตรวจสุขภาพร่างกายประจำปีด้วยเช่นกัน แม้จะมีแอลกอฮอล์ผสมเพียง 6% แต่ดื่มเองไปเกือบขวดวินตราเองก็มึนๆเหมือนกันนานเท่าไหร่แล้วที่เขาทำตัวอยู่ในกรอบไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจให้แตะต้องของพวกนี้อีกทั้งยังกินยาต่อเนื่องมาหลายปีทำให้ไม่สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ได้บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องการรสชาติที่หลากหลายการพบเจอผู้คนเดิมๆงานเดิมๆก็ทำให้ชีวิตซ้ำซากจำเจอยู่เหมือนกัน โลกของเขาที่คับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นมาเมื่อได้เจอกับเดนีสเด
“นายโกหก” น้ำเสียงแผ่วเบาจนสัมผัสถึงของเหลวอุ่นๆที่หยดตรงลาดไหล่ของตัวเองเพราะเดนีสรู้จักวินตราเกินไปต่างหากหากเขายอมปล่อยมือตอนนี้อีกฝ่ายคงหลุดลอยไปไกลอาจไกลเสียจนเขาไม่มีทางตามอีกฝ่ายพบวินตรายังคงเป็นวินตราที่เข้มแข็งโดดเดี่ยวจนถึงขั้นใจดำที่จะหันหลังให้เขาอย่างเลือดเย็นแต่ทว่าเดนีสเองไม่สามารถปล่อยวินตราไปได้ แล้วเขาก็เป็นลูกคนรวยหัวกรวยหัวขบถที่อยากได้อะไรต้องได้ยังไงต้องมีคุณเลขามือทองคนนี้คอยกำราบ! สองแขนของวินตรายกโอบกอดกลับไปเช่นกัน ต่างคนต่างร้องไห้เงียบ ๆ ลูบหลังปลอบประโลมกันอยู่อย่างนั้น“ไปกับฉันที่หนึ่งสิ” เดนีสพูดพลางสูดจมูกไปด้วยเขาไม่อายเลยสักนิดที่จะร้องไห้ออดอ้อนต่อหน้าวินตราวินตราไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นอันว่าตกลงเดนีสยกยิ้มมาดร้ายที่มุมปากคิดจะหนีไปจากเขางั้นเหรอ…ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกวินตรา!เดนีนสบถอย่างหัวเสียเมื่อคุณนิติพลรายงานเรื่องประธานตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ขอลาต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้ที่บริษัทก็ผ่านช่วงวิกฤตมาได้พร้อมกับกำจัดเห็บไรไปได้หลายตัวแถมยังดำเนินการภายใต้แฝดน้องอย่างเดนีนที่แสร้งตีหน้าขรึมเป็นเดนีสแฝดพี่เพราะความเป็นแฝดที่เหมือนกันจนแทบจะโคลนกัน
“ผมว่าจะขอลาออกครับ” ท่านเจ้าสัวเอนพนักพิงเก้าอี้จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ก้มหน้าเอ่ยบอกความต้องการ“แล้วเดนีสล่ะ” วินตราเม้มปากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป “วินตราฉันเห็นเธอเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่งอดีตก็คืออดีตฉันยอมรับที่ความสามารถของเธอมากกว่าเรื่องอื่นเป็นรอง” “ผมทราบครับ”“วันไหนที่เธอเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่ได้เสมอ” “ครับ” วินตรายกมือไหว้ท่านเจ้าสัวอย่างนอบน้อมตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านท่านเจ้าสัวตลอดตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขาเองก็ควรจะมีชีวิตของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เขาหนีกบดานเอาชีวิตรอดจากสาสินก็นึกถึงท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกตอนแรกก็กล้าๆกลัวเพราะหลักฐานที่มีนอกจากจะไม่สามารถรักษาชีวิตตัวเองได้แล้วหลักฐานพวกนี้อาจจะเป็นเถ้าถ่านในกองไฟก็เป็นได้แต่แล้ววินตราก็ไม่ผิดหวังนึกถึงคำถามนั้นที่ท่านเจ้าสัวได้ให้ไว้กับตัวเอง“ฉันรู้ว่าเธอเองก็ลำบากใจแต่วันไหนที่เธอเข้มแข็งและสามารถหยัดยืนเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้ได้เมื่อไหร่ขอเพียงเธอเอ่ยปากฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถ” ตอนนั้นวินตรายังคิดไม่ตกอย่างที่เคยบอกเหตุการณ์เหล่านั้นกัดกินใจเขาจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนวินตราเด็
การออกมาปรากฏตัวและให้สัมภาษณ์สื่อของวินตราในฐานะเหยื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมอย่างมหาศาลเด็กทุนที่ลังเลที่เคยตกเป็นเหยื่อไม่กล้าเปิดเผยตัวและผู้คนที่ถูกคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ทำงานสถานศึกษาต่างก็ตบเท้าเข้ามาให้ปากคำอย่างไม่ขาดสาย ต่างก็แชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านโลกออนไลน์สร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ในสังคมเป็นอย่างมากอย่าอายจนลืมที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนก็ไม่มีใครควรถูกคุกคามทางเพศ!วินตรายืนอยู่ตรงหน้าช่องบรรจุอัฐของวัดแห่งหนึ่งย่านปริมณฑลก่อนตายจินตะได้พูดว่าอยากจะบวชสักครั้งก่อนตายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกวินตราจึงตัดสินใจควักเงินเก็บตัวเองก้อนใหญ่ออกมาซื้อสถานที่จัดเก็บอิฐเอาไว้ตามปรารถนาสุดท้ายของจินตะตอนนั้นวินตราเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีปีหนึ่งคนหนึ่งไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีการจัดเก็บอัฐิไว้ 4 รูปแบบด้วยกันคือ1.) ช่องจัดเก็บอิฐตามกำแพงวัด2.) จัดเก็บตามเสาไฟของวัด3.) จัดเก็บตามอาคารศาลาหรือกุฏิซึ่งจะเตรียมช่องจัดเก็บอัฐิไว้บนขื่อหรือหน้าประตูตามความเหมาะสมของสถานที่4.) ห้องไว้สำหรับจัดเก็บอัฐิโดยเฉพาะซึ่งสถานที่จะเป็นที่จัดเก
ก้องการุณย์ลั่นไกโดยที่ไม่ต้องคิดเมื่อเจนจัดหันปลายกระบอกปืนมายังผู้บริสุทธิ์ที่ด้านล่างแม้จะเล็งที่ข้อมือข้างที่ถือปืนแต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจนจัดจะถนัดยิงปืนทั้งสองข้างอีกฝ่ายตะเกียกตะกายพลิกร่างกายอย่างรวดเร็วจ่อปากกระบอกปืนที่ขมับของตัวเองคนอย่างเจนจัดไม่มีทางจนตรอกหากจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือตัวเองเท่านั้น…ปัง! แต่ทว่าสวรรค์คงมีตาไม่อยากให้คนชั่วได้ตายง่ายๆแม้ว่าจะเล็งที่ขมับของตัวเองแต่ก็พลาดเฉียดไปเท่านั้นงานนี้เจนจัดได้นอนทรมานติดเตียงยาวนานพอที่จะลิ้มรสความทุกข์และบาปกรรมที่ได้ทำลงไปอย่างเต็มที่แม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้อยู่ฟังเสียงผู้คนก่นด่าสาปแช่งและประณามจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง ศิราณีเองก็ร่ำไห้ปานจะขาดใจเธอไม่ได้ร้องไห้ให้กับไอ้สามีเฮงซวยนั้นแต่ร้องไห้ให้กับความขี้ขลาดของตัวเองหากเธอกล้ายืนหยัดและเชื่อในคำพูดของลูกชายตั้งแต่เนิ่นๆเรื่องราวคงไม่บานปลายจนมาถึงขั้นนี้ไอ้เจนจัดทำลูกคนอื่นไม่พอยังทำลูกตัวเองด้วยสารเลว! แม้จะไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่การลูบคลำก็ทำให้ลูกชายและลูกสาวมีแผลใจและรังเกียจพ่อตัวเองหมามันยังไม่คิดอกุศลกับลูกตัวเองศิราณีปิดหน้าร่ำไห้กับพื้นอย่าง