บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่ลูกน้องมือซ้ายและมือขวาจอมกวนประสาทของพายุ ทั้งสองได้แต่ลอบมองพายุและยี่หวาผ่านกระจกมองหลังเท่านั้น ทั้งเธอและเขาต่างหันหน้าไปกันคนละทางเหม่อมองออกไปยังหน้าต่าง คนที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีนักคงไม่พ้นพายุเจ้านายของพวกเขา
“เอ่อ...จะไปที่ไหนครับนาย” เมษที่ขับรถให้เขาเอ่ยถามขึ้น พายุหันไปมองลูกน้องของตนก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายด้านหน้าว่าโฮเต็ลจึงคิดแผนบางอย่างออก
“เลี้ยวเข้าโรงแรมด้านหน้า”
“ครับ?” เมษถามย้ำอีกครั้งก่อนที่พายุจะขมวดคิ้วแน่นจ้องมองลูกน้องของตน เขาจึงพยักหน้าแล้วเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านยรูดอย่างที่เจ้านายต้องการ ยี่หวาเห็นรอบข้างแปลกไปก็รีบหันกลับไปมองด้านหน้าแล้วหันค่อยไปมองพายุด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ทำความรู้จักกันไงครับคุณหนูวาวา”
“มะ...หมายความว่าไง นี่มันโรงแรมม่านรูดไม่ใช่เหรอ?!”
“รู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย? ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิดแฮะ” พายุพูดพร้อมกับจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มร้าย มือหนาลูบริมฝีปากไปมามองจ้องเธออย่างไม่วางตา แม้ในใจจะรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยเพราะคิดว่าเธอคงเคยมาที่แบบนี้กับผู้ชายคนไหนสักคน
ยี่หวามองสายตานั้นของเขาก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี มันดูน่ากลัวสำหรับเธออยู่มาก ด้วยความที่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ พายุที่เธอรู้จักในตอนนั้นกับตอนนี้มันช่างต่างกันจนใจเจ็บ ราวกับว่าเธอไม่ได้รู้จักเขาดีเลยสักนิดตลอดเวลาที่ผ่านมาสามเดือนระหว่างที่คุยกัน พายุผู้อ่อนโยนในวันนั้นที่เธอปลาบปลื้มได้หายไปแล้ว
ลูกน้องของพายุเดินลงจากรถหลังจากม่านปิด ก่อนจะพากันออกไปยังด้านนอกม่านเพื่อจัดการค่าใช้จ่ายและรอด้านนอกอย่างรู้งาน พายุลงจากรถเตรียมจะเข้าไปเปิดห้องแต่ยี่หวากลับนั่งอยู่ในรถไม่ยอมลงไปด้วยความกลัว ใจเต้นไม่เป็นร่ำเป็นสัน...เธอไม่ชอบแบบนี้เลย เมื่อพายุเห็นอย่างนั้นจึงเดินไปเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่
“ลงมา” เสียงเข้มพูดขึ้นพร้อมกับหลุบสายตามองไปยังยี่หวา แต่เธอกลับมองหน้าเขาแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยอม พายุเงยหน้าขึ้นถอนหายใจก่อนจะคว้ามือของเธอและดึงให้เธอลงจากรถ
“ปล่อย!! คุณพายุ!!” เมื่อลงมาได้เธอก็ยื้อตัวสุดแรงไม่ยอมเดินตามที่เขาลากดึงเธอไป พายุหันไปมองหน้าเธอด้วยสีหน้าดุดันพร้อมกระชากร่างบางเข้าไปใกล้ๆ
“อย่าสะดีดสะดิ้งไปหน่อยเลย ยิ่งได้ฉันเร็วเท่าไหร่มันน่าจะเป็นผลดีกับบริษัทพ่อเธอไม่ใช่หรือไง”
“อึก...ไม่ใช่นะคะ..”
“ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยอมลดตัวปลอมเป็นสาวร้านกาแฟไปอ่อยฉันถึงหน้าบริษัทตลอดสามเดือนหรอก” พายุพูดแค่นั้นก่อนจะลากดึงเธอสุดแรงให้เดินตามเขาเข้าไปในห้อง ยี่หวาพยายามจะแกะมือหนาที่เกาะกำข้อมือเธอไว้อย่างดิ้นรน แต่ก็ไม่ได้ผล
เธอถูกลากเข้ามาในห้องพ้นประตูก็เป็นเตียงนอน รอบห้องมีกระจกแทบจะทุกทิศแม้แต่บนเพดาน สีไฟห้องเป็นสีแดงสลัวๆ มีทีวีจอใหญ่และห้องน้ำแบบกระจก ยี่หวายิ่งเห็นสภาพแวดล้อมอย่างนั้นใจก็หล่นวูบ เธอจะหันกลับไปยังหน้าประตูเพื่อออกจากห้องที่น่าหวั่นใจนี้แต่พายุกลับไวกว่ารีบพุ่งตัวไปยังประตูแล้วล็อกมันให้เรียบร้อย
“จะไปไหนล่ะ? ไม่ทำตามความต้องการของพ่อเธอเหรอ?” ไม่พูดเปล่า เขาค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ สายตาจับจ้องมองใบหน้าที่ดูหวาดกลัวของยี่หวาไม่วางตา เขาอุตส่าห์ให้เกียรติไม่ได้ล่วงเกินเพราะคิดจะจริงจังด้วย จะว่าดีที่คู่หมั้นเป็นเธอมันก็ดี...แต่เขารับไม่ได้ที่เธอโกหกเขาตลอดแม้กระทั่งชื่อ เขาไม่ชอบคนโกหกและไม่ชอบความไม่รู้อะไรเลยทำเหมือนเขาเป็นคนโง่อย่างไรอย่างนั้น
“พี่พายุ...ไม่เป็นแบบนี้นะคะ...ยี่หวากลัว” ยี่หวาเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเรียกเขาอย่างที่เธอเคยเรียก และเรียกแทนตัวเองอย่างลืมตัว พายุได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้ม
“หึ...ยี่หวางั้นเหรอ? โกหกจนลืมว่าตัวเองเป็นใครหรือยังไง?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ...พี่พายุฟังยี่หวาก่อน...ฮึก...เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะนะคะ” เธอพูดทั้งน้ำตาที่รื้นขึ้นมาเอ่อคลอ เขาตอนนี้ช่างกลัวจนเธอตัวสั่น
พายุยังคงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ต้อนเธอจนไปติดกับเตียงแต่ก็ยังคงก้าวต่อจนยี่หวาล้มลงไปนั่งอยู่บนเตียงกว้างสีขาว มือหนาเชยคางเรียวสวยของเธอขึ้นให้เชิดมองเขา สายตาอ้อนวอนขอร้องด้วยน้ำตาให้เขาเห็นใจแต่พายุกลับจ้องมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“ให้ฉันฟังในสิ่งเธอจะโกหกน่ะเหรอ? เธอเห็นฉันเป็นคนโง่ขนาดนั้นเลย?”
“ยี่หวาไม่เคยคิดว่าพี่พายุโง่เลย...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว การกระทำกับคำพูดมันสวนทางกัน!”
“พี่พายุใจเย็นๆก่อนนะคะ ยี่หวาอธิบายได้...แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ยี่หวากลัว..” เธอพูดเสียงสั่นน้ำตาไหลลงอาบสองแก้มแต่ก็ยังพยายามขอร้องให้เขาพาออกไปจากที่นี่ มือเล็กที่สั่นเทาของเธอจับที่มือหนาของเขา พายุนิ่งไปชั่วขณะมองเธอเงียบๆ
“ที่ยี่หวาทำทั้งหมดตลอดสามเดือน...เพราะว่ายี่หวา...”
“เลิกเรียกตัวเองด้วยชื่อปลอมๆนั่นสักทีวาวา!”
“กรี๊ดดดดดด!!”
พายุกพูดจบก็ผลักเธอลงไปนอนราบกับเตียงก่อนที่เขาจะตามไม่คร่อมทับร่างนั้นไว้ มือหนาสองข้างล็อกมือเล็กของเธอไว้ ยี่หวาตกใจจนกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตา ร่างบางนอนตัวสั่นอยู่ใต้ร่างของเขา
“หึ...จะกลัวไปทำไม ยังไงก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดีนี่”
“ไม่นะ!! พี่พายุ!! ปล่อย!! ฮึกๆ...ฮือ..”
พายุไม่รอช้าก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวของเธอ ยี่หวาหันหน้าหนีพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา เธอพลิกตัวยันตัวหนีแต่ก็ถูกเขาจับดึงมาอยู่ใต้ร่างดังเดิมพร้อมกับปลดร่นแขนเสื้อของเธอให้พ้นไหล่ บรรจงจูบสร้างรอยแดงไปทั่วไหล่และเนินอก
“ฮือๆ...หยุดนะ! ขอร้อง...ฮึกๆ ฉันกลัวแล้ว ฮือ” แม้น้ำตาไหลอาบลงสองแก้มแต่พายุกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนลงเลย ยี่หวาร้องไห้หนักพร้อมกับหยุดการดิ้นรนอย่างผิดหวังเพราะถึงยังไงเธอก็หยุดเขาไม่ได้อยู่แล้ว ถึงเธอจะแอบชอบเขาแต่มันต้องไม่ใช่การกระทำที่อุกอาจแบบนี้
พายุยังคงซุกไซร้ไปทั่วเรือนร่างเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอแม้ว่าเธอจะหยุดนิ่งแล้วเอาแต่ร้องไห้ก็ตาม ตอนแรกเขาตั้งใจจะแกล้งให้เธอกลัวเพื่อสั่งสอนให้เธอรู้จักตัวตนของเขาเสียหน่อย แต่ตอนนี้ยิ่งได้ดอมดมกลิ่นกายสาวก็เหมือนกับถูกยาปลุกอารมณ์ยากที่จะยับยั้งใจ
“อื้ม” ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาเข้าครอบครองริมฝีปากบางของเธอ ดูดดึงริมฝีปากบางนั้นพร้อมกับชอนไชลิ้นร้อนให้เธอเผยอปากอ้าออก เริ่มควานหาความหวานในโพรงปากเล็กแม้สายตาจะหลุบมองจ้องใบหน้าเธอใกล้ ยี่หวาเผลอเผยอปากรับก่อนจะร้องครางหวานในลำคอเมื่อเขาหยอกล้อเล่นกับเธอ
กึด!
“วาวา!!” พายุผละออกจากรสจูบหลังจากที่โดนหญิงสาวกัดริมฝีปากเข้าเต็มแรง กลิ่นคาวเลือดตีขึ้นจมูกพร้อมรสชาติของเลือกเริ่มคละคลุ้งไปทั่วริมฝีปาก ริมฝีปากของยี่หวาเองก็มีเลือดของเขาติดอยู่ มือเล็กรีบผลักอกแกร่งให้พ้นร่างตน ก่อนจะลุกขึ้นเอามือปิดเรือนร่างตัวเอง
เพี๊ยะ!! ฟาดฝ่ามือเล็กลงบนใบหน้าหล่อของเขาจนหน้าหันไปตามแรงตบ เธอขมวดคิ้วแน่นจ้องมองเขาด้วยความโกรธแม้ว่าใบหน้าจะเต็มไปด้วยน้ำตา พายุอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าของเธออย่างช้าๆ
“ฮึกๆ...ตอนแรกฉันชอบคุณเพราะคุณดูเป็นคนดี...”
“.........”
“แต่ตอนนี้ฉันเกลียดคุณที่สุด!!” คำพูดของเธอทำให้พายุรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่ใจ แต่นั่นคงไม่มีความหมายเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ยี่หวาคนที่เขารู้สึกชอบพออีกต่อไป เธอคือคุณหนูวาวาที่หลอกลวงเขาเพียงเท่านั้น ความโกรธเข้าครอบงำจิตใจพร้อมกับความไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้า พายุจ้องมองเธอนิ่งทำสีหน้าไร้ความรู้สึก
“งั้นเหรอ”
“ฮึก...” คำพูดสั้นๆของพายุที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทีเรียบนิ่งทำให้เธออึ้งไม่น้อย ตอนแรกเธอคิดว่าเขาน่าจะคิดแบบเดียวกันกับเธอแต่ตอนนี้เขากลับดูว่างเปล่าแม้แต่สายตาที่มองเธอก็เช่นกัน
“ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าเธอจะใช้ชีวิตยังไงหลังจากแต่งงานกับคนที่เธอเกลียด” เขาพูดพร้อมยกยิ้มก่อนจะลุกออกจากตัวเธอจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไป ยี่หวามองตามแผ่นหลังนั้นจนลับตาก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแทบจะทันทีทันใดโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว เรื่องราวที่เหมือนว่ากำลังจะไปได้ดีก็พังทลายลง เธอกลายเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์จอมลวงโลกในสายตาของเขาไปเสียแล้ว ยี่หวาปาดน้ำตาก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าของตนอย่างหมดแรง ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้วเธอก็ต้องจำยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้ว่าตัวเธอเองจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม...
พายุกเดินออกมาจากห้องพร้อมกับเดินออกนอกม่านตรงไปยังลูกน้องที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ แฟนต้าและเมษมองเจ้านายตนอย่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ออกมาเร็วนัก มือซ้ายและมือขวามองหน้ากันไปมาก่อนจะหันไปขมวดคิ้วมองเจ้านายตน
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอครับนาย?” เมษเอ่ยขึ้น
“ผมว่ามันไม่ใช่วิสัยนายเลยนะครับที่....”
“เอาบุหรี่มาให้กูหน่อย” พายุพูดขัดแฟนต้าที่กำลังจะพูดต่อ มันก็ใช่ที่ไม่ใช่วิสัยเขาจะทำเรื่องอย่างว่าเสร็จแบบนี้ แต่เพราะไม่ได้ทำน่ะสิไม่อย่างนั้นคงไม่โผล่หน้ามาหาลูกน้องเร็วขนาดนี้หรอก
เมษยื่นบุหรี่ราคาแพงให้ผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่ขัดก่อนที่แฟนต้าจะจุดไฟให้ด้วยชิปโป้ลายสวย พายุสูดเข้าไปเต็มปอดหวังจะระงับอารมณ์ของตัวเองที่มันพุ่งพล่านตอนนี้
“พวกมึงนี่ขยันสูบนะ มะเร็งจะแดกตายห่าสักวัน” พายุพูดพร้อมกับมองบุหรี่ในมือก่อนจะหันไปมองลูกน้องมือซ้ายและมือขวาทั้งสองของตน
“อ้าว นายก็รู้แล้วนายจะสูบทำไมล่ะครับ” เมษอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างกวนๆ ก็เห็นๆอยู่ว่าเจ้านายของตนพ่นมันจนควันโขมงแบบนี้
“พวกมึงนี่แม่ง ไม่เข้าใจความเป็นห่วงของกู” พายุพูดพร้อมขมวดคิ้วแต่ปากก็ยังคงคาบบุหรี่อยู่ไม่คาย ลูกน้องทั้งสองเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้และไม่ได้โต้เถียงอะไรออกไป ดูก็รู้ว่าเจ้านายของตนตอนนี้เครียดแค่ไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่หาเรื่องพวกเขาหรอก
ทั้งสามคนยืนอยู่ได้ไม่นานนักก็เห็นคนร่างบางในชุดเดรสสีชมพูหรือผู้หญิงที่เจ้านายพาเข้าห้องไปเมื่อครู่เดินออกมาพ้นจากม่านก็มองซ้ายมองขวา พายุจึงทิ้งบุหรี่ลงที่เขี่ยแล้วเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับลูกน้องทั้งสองตน
“หึ...เลิกร้องไห้ขี้แยแล้วรึไง?”
“.........”
“กลับ ฉันจะไปส่ง” พายุกพูดขึ้นเสียงเรียบนิ่ง ยี่หวาลอบมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“ฉัน...เรียกแท็กซี่เองก็ได้ค่ะ”
“เกลียดฉันขนาดนั้นเลย?”
“ค่ะ”
“งั้นก็เก็บไว้ อย่าทำให้ฉันเดือดร้อน...เพราะฉันรับปากคุณมุกดาและคุณทรงชัยไว้หรอกนะ” พายุกพูดขึ้นก่อนจะโน้มหน้าเข้าใกล้ข้างใบหูเล็กทำเอายี่หวาเอียงหน้าหลบระยะเล็กน้อยอย่างหวาดหวั่น
“ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อย่าคิดว่าฉันจะเสนอตัวไปส่งผู้หญิงอย่างเธอ” คำพูดที่แสนเย็นชานั้นทำให้ใจเธอหล่นวูบ เจ็บแปล๊บขึ้นมาจนน้ำตารื้นแต่ก็เก็บกลั้นความอ่อนไหวของตัวเองไว้สูดลมหายใจเข้าลึก
“ทิ้งฉันไว้ก็ได้ ฉันหาทางกลับเองได้และฉันจะบอกคุณแม่ให้ว่าคุณมาส่ง”
“อย่ามาตลก คิดว่าฉันต้องโกหกหลอกลวงเหมือนเธอหรือไง?” พายุพูดพร้อมขมวดคิ้วแน่นจ้องมองเธออย่างดุดัน แต่ยี่หวาเองก็ไม่ยอมหลบสายตาคมของเขาเช่นกันแม้ว่าในใจจะรู้สึกกลัวก็ตามแต่เธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว เรื่องดีๆของเธอและเขามันจบไปแล้ว...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...
หลังจากที่พายุมาส่งเธอถึงหน้าบ้านหลังใหญ่พร้อมกับให้เสื้อสูทมาคุมไหล่เธอปกปิดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยเพราะน้ำมือเขา พายุไม่ได้เอ่ยคำบอกลาใดๆเหมือนครั้งก่อนที่เธอเป็นสาวร้านกาแฟ รถของเขาแล่นออกจากเธอไปเงียบๆ โดยที่พายุไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ยี่หวาเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทีเศร้าสร้อยแต่เมื่อเห็นคุณหญิงและคุณผู้ชายที่รับบทเป็นพ่อแม่ของเธอนั่งรออยู่ก็รีบปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด ในใจคิดไว้แล้วว่าจะขอท่านทั้งสองให้ยกเลิกงานหมั้นแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยแค่ไหนก็อยากจะลองขอดูก่อน “เป็นยังไงบ้างยี่หวา เขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม?” มุกดาเดินเข้ามาถามไถ่เธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง ยี่หวาดึงเสื้อสูทมาปิดรอยแดงให้มิดก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วส่งยิ้มให้บางๆ&nb
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารร้านหรูช่างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เอ่อคลอเบาๆภายในร้าน พายุเอาแต่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์ในมือพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น แค่หันไปมองเธอสักครั้งยังไม่มีเลย ขนาดนั่งรถคันเดียวกันเขายังไม่ยอมพูดอะไรกับเธอสักคำ ความอึดอัดแทรกเข้าระหว่างพายุแลยะยี่หวาจนเธอเองก็ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ลอบมองใบหน้าของเขาเป็นระยะๆเท่านั้น อาหารเต็มโต๊ะแต่กลับไม่ได้ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย “อะ...เอ่อ...” “ทำไมไม่กิน? หรือว่าอาหารพวกนี้มันถูกไปสำหรับคุณหนูวาวา...ไม่สิ ยี่หวา..” “.......” “หึ...เปลี่ยนชื่อกลับไปกลับมาเป็นว
หลังจากคืนนั้นที่เขาต้องยอมเรียกลูกน้องมาขับรถให้ พายุก็ยังคงรับส่งเธอเพื่อลองชุดเตรียมตัวถ่ายพรีเวดดิ้งตามที่ได้นัดไว้ ในร้าน พายุนั่งเลื่อนโทรศัพท์นั่งรออยู่ตรงโซฟาแม้ว่าเจ้าสาวตรงหน้าจะกำลังหมุนตัวไปมาเพื่อให้เขาดูชุดที่ถูกใจ “ชุดนี้เจ้าบ่าวว่ายังไงบ้างคะ? ดิฉันคิดว่าชุดเข้ากับเจ้าสาวมากเลยค่ะ กระโปรงก็...” “เอาชุดที่ว่านี้แหละ” พายุตอบทั้งที่ตัวเองยังไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอเลยสักนิด รอยยิ้มบนใบหน้ายี่หวาที่มีในตอนแรกหุบลงทันทีที่ได้ยิน เขาดูไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูอยู่อย่างนั้น เมื่อพนักงานสาวเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับทำหน้าเจื่อนก่อนจะหันไปหยิบชุดเจ้าบ่าวที่คิดว
หลังจากที่ลองชุดเสร็จสิ้นก็กลับมานั่งรอในบริษัทอยู่นาน ในมือหนากดโทรศัพท์โทรหาลูกน้องคนสนิทอยู่หลายสายแต่กลับไม่มีคนรับสายจนเขาร้อนใจไปหมด กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะจากนิสัยลูกน้องของเขามีอะไรจะรายงานตลอดจนน่ารำคาญแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยๆหรือเรื่องไร้สาระ "ทำไมมันไม่รับสายวะ!” พูดออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่ไยดี แฟนต้ายืนมองการกระทำของเขาเงียบๆอมยิ้มกรุ่มกริ่มที่เห็นเจ้านายตัวเองร้อนใจอยากรู้ข่าวคราวของหญิงสาวคนนั้นที่ทำท่าทางเกลียดนักเกลียดหนา ก๊อกๆ “รีบเข้ามา” เสียงเคาะประตูยังไม่ทันเงียบลงดีพายุก็รีบเอ่ยอนุญาตขึ้นมาพลางจ้องมองไปยังหน้าประตูอย่างลุ้นๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อลูกน้องคนสนิทอย่างเมษเดินเข้ามา พายุรีบเดินไปหาลูกน้องของเขา
ในโรงแรมหรูระดับหกดาว ในห้องจัดเลี้ยงที่จองไว้ขนาดใหญ่เพื่อรองรับแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมงานมงคลสมรสของทายาทบริษัทใหญ่ รูปที่ถ่ายพรีเวดดิ้งถูกประดับประดาอยู่หน้าทางเข้างานอย่างสวยงาม งานแต่งที่ดูหรูหรามีระดับบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นการที่มียี่หวาเป็นลูกสาวคนโตของบ้านเปรมปรีย์นั้นค่อนข้างจะเป็นที่ครหาว่าเป็นลูกนอกสมรสของทรงชัย เพราะในแวดวงสังคมไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป บ่าวสาวยืนรับแขกอยู่หน้างานก่อนจะถึงฤกษ์ทำพิธีอย่างไม่ยอมพัก ทั้งสองปั้นหน้ายิ้มให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่สายตาของยี่หวาจะหันไปเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูเดินนวยนาบเข้ามาหาเธออย่างมั่นใจ “วาวา...” ยี่หวาเรียกชื่อนั้นอย่างอึ้งๆ เรียกสายตาของพายุให้หันไปมองตามสายตาของเธอ 
หลังจากที่บ่าวสาวมานั่งเคียงคู่กันอยู่บนเตียงกว้างราวแปดฟุต ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันเอ่ยคำมงคลที่ล้วนแต่มีความหมายว่าอยากให้อยู่ครองคู่กันไปนานๆ หรือความหมายว่าให้อดทนปรับเข้าหาซึ่งกันและกัน แม้ว่าทั้งสองจะพยายามหาทางที่จะเข้าหามากแค่ไหน ในตอนนี้กลับไม่สามารถหาทางญาติดีกันได้เลย ด้วยทิฐิและหลายๆอย่างทำให้หนทางของทั้งคู่ดูมืดบอดไปชั่วขณะ “เข้าหอคืนแรกเขาบอกว่าห้ามออกจากห้องหอเด็ดขาดจนกว่าจะเช้า” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้น ทำเอาทั้งสองหันมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง ก่อนที่พายุจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เพราะไม่อยากให้บรรดาญาติผู้ใหญ่เห็นว่าเขามีสีหน้าอย่างไร “เข้าใจไหมพายุ” กันยาเอ่ยถามหลานชายของตนย้ำอีกครั้ง พายุจึงจำใจต้องหันไปพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นหลานชายตอบร
ยี่หวาในชุดนอนสีขาวกระโปรงสั้นสายเดี่ยวตัวบางขอบตรงอกระบายลูกไม้เล็กน้อย เธอเดินมาหยุดตรงข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับที่พายุนอนหันหลังอยู่ เธอมองบนเตียงนอนอย่างช่างใจก่อนจะคว้าหมอนใบใหญ่ที่มีไว้พิงหัวเตียงมากั้นระหว่างเธอกับเขา ก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนเตียงให้เบาที่สุดพร้อมกับเอาตัวซุกผ้าห่มจนมิดไหล่ ปิดไฟหัวเตียงแล้วพยายามข่มตาหลับเพราะคิดว่าพายุคงหลับไปแล้วจริงๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่เธอปิดโคมไฟก็รู้สึกถึงการขยับตัวของพายุ ก่อนจะตกใจจนสะดุ้งสุดตัวจนดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นในความมืดเมื่อพายุหันมาคว้าเอวเธอไปกอดแนบชิดติดกาย “คิดว่าหมอนแค่ใบเดียวจะขวางทางฉันได้หรือไง” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ยี่หวารีบเปิดโคมไฟทันทีเมื่อรู้สึกว่ามือของเขาเริ่มประปรายไปเรื่อย&
รถคันหรูแล่นเข้าไปจอดหน้าบริษัทใหญ่อย่างพีวาย ก่อนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำล่ำสันจะเดินเข้าบริษัทในมาดประธานหนุ่มสุดหล่อพร้อมด้วยลูกน้องที่ติดตามซ้ายขวา แน่นอนว่าสาวๆในบริษัทต่างพากันกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เหมือนเช่นทุกวัน เพราะเหตุนี้พายุจึงไม่ยอมรับเลขาที่เป็นผู้หญิงเลย เขาไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้ “อ้อ นายครับ เย็นนี้มีนัดของคุณวาวาครับนาย” ระหว่างเดินไปขึ้นลิฟท์แฟนต้ามือซ้ายของเขาเอ่ยขึ้น พายุเหลียวไปปรายตามองแฟนต้าเล็กน้อยพร้อมกับขมวดคิ้ว “ไม่รับนัด” “แน่ใจหรือครับ? ทางนั้นบอกว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคุณยี่หวา..” “ตอบรับไปว่าตกลง”&nb
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา
แม้ว่าคนที่นอนข้างกายจะเหนื่อยล้าจนหลับไปแล้ว แต่ยี่หวายังคงลืมตาตื่นอยู่ถึงจะไม่มีน้ำตาสักหยดแต่ความรู้สึกมันกลับสับสนไปหมด คิดมากจนนอนไม่หลับกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ...ไหนบอกว่าจะไม่รักคนโกหกแบบเธอ ไหนว่าจะไม่แตะต้องแต่ตอนนี้เขากลับกลืนคำพูดนั้นไปเสียแล้ว ยี่หวาค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้นนั่งมือข้างหนึ่งกำผ้าห่มปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเอาไว้ จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกได้แต่ทำหน้าเรียบเฉย เธอชอบเขามาตลอดก็จริงแต่ทำไมตอนนี้ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ตกเป็นของเล่นของเขาไปเสียแล้วนั่นคือสิ่งที่ยี่หวาคิด เธอไม่กล้าคิดเลยว่าวันต่อๆไปเขาจะทำตัวแย่กับเธออีกแค่ไหน หรือเขาจะเปลี่ยนไปดีขึ้นกันนะ “คิดจะหนีฉันหรือไง?” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆ ยี่หวาหันไปทางเขาด้วยความตกใจ คิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีกแต่เขากลับลืมตาจ้องมองเธออยู่ด้วยสี
หญิงสาวนอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักมาตลอด เขาคือสามีของเธอที่ไม่เคยกลับเรือนหอเลยหลังจากคืนแรกที่เข้าหอ แต่ตอนนี้เขากลับมาทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี... “คุณพายุ! ฉันบอกให้ปล่อยฉัน!!” แม้ว่าร่างกายจะสั่นเพราะความกลัวคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติ แต่เธอก็ยังพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น เก็บกลั้นน้ำตาไว้และจ้องมองเขาอย่างไม่ยอม “หึ! ทีมันยังแตะต้องตัวเธอได้ ทำไมทีผัวตัวเองถึงจะไม่ได้!!” พายุตะคอกเสียงดังลั่นห้องพร้อมทั้งหลุบสายตามองเธอที่อยู่ใต้ร่างด้วยสายตาดุดัน ภาพที่เขาเห็นวันนี้คือภรรยาของตัวเองจับมือถือแขนผู้ชายคนอื่นอย่างไม่ถือตัวราวกับว่าลืมไปแล้วว่าตัวเองมีสามีอยู่ &ldqu
“ครับ ปลอดภัยไว้ก่อน” เมษตอบ ยี่หวาพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะเมษถูกสั่งให้มาเฝ้าเธอจึงไม่แปลกที่เขาจะตามเธอไปทุกที และเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรุมล้อมเธอยี่หวาเดินไปตามทางโดยมีเมษเดินตามมาติดๆไม่ห่าง ก่อนเมษจะหยุดยืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ มีสาวๆมากมายที่เดินเข้ามาคุยกับเขา เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่หยอกจนยี่หวาเดินออกมามองหญิงสาวพวกนั้นอย่างงงงวย“อ้าว คุณยี่หวาไปกันเถอะครับ”“โธ่ มีแฟนแล้วก็ไม่บอกกันนะคะ” หญิงสาวที่เข้ามาคุยพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเซ็งแล้วเดินจากไป เมษก้มหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองยี่หวาที่ยืนมองผู้หญิงคนนั้นอย่างงงๆ“อะไรเหรอ? ฉันไม่ได้ยินที่เธอคนนั้นพูดเลย เขามาจีบคุณเหรอ?” ยี่หวาโน้มเข้าไปพูดข้างหู เพราะเสียงตรงนี้มันดังจนแทบไม่ได้ยิน เมษพยักหน้าเป็นคำตอบ“อ้าว ถ้าอย่างนั้นฉันมาผิดเวลาหรือเปล่าเนี่ย?”“ไม่เลยครับ เราไปกันเถอะ” เมษพูดตอบก่อนจะเดินนำเธอไปที่หน้าบาร์ดังเดิม ยี่หวากลับไปนั่งดื่มจนหมดแก้วก่อนจะหันไปบอกลามาคัส“ฉันกล
ยี่หวางัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว คอแห้งผาดจนต้องมองหาน้ำและก็หันไปเห็นที่โต๊ะข้างเตียง เธอเอื้อมไปหยิบน้ำเปล่าแก้วนั้นที่เหมือนถูกตระเตรียมเอาไว้ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะรวบรวมสติมองไปรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย ยี่หวาถึงกับตกใจตาเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนไปเมื่อคืนว่ามาคัสบอกจะมาส่งเธอ แต่ตอนนี้ที่เธอนอนอยู่กับไม่ใช่บ้านกลายเป็นห้องที่เธอไม่รู้จัก ยี่หวาเปิดผ้าห่มก้มมองดูสภาพที่เปลือยเปล่าของตัวเองก็ทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบ คิดไปเองว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีนอกกายสามีไปเสียแล้ว น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอที่สองเบ้าตาด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะเอามือปิดหน้าให้มันไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย “ฮึกๆ ฮือ...” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้คนที่นั่งมองเหม่ออยู่ข้างล่างถึงกับตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปในห้
“จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะถามชื่อคุณผู้หญิง”“เอ่อ....”“อ๋อ ผมมาคัสครับ”“ฉันยี่หวาค่ะ” ยี่หวาตอบออกไปอย่างเขินๆ พึ่งเคยเจอคนเข้าหาแบบสุภาพแบบนี้นอกจากพายุแล้วก็มีแต่เข้ามาลุ่มล่ามซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่ มือเล็กยกแก้วขึ้นจิบค็อกเทลที่มาคัสเสิร์ฟก่อนจะทำตาโตแล้วหันไปมองหน้าเขา“คุณชงอร่อยจัง ดื่มง่ายจริงด้วย”“ค่อยๆดื่มนะครับ ถึงจะกินง่ายแต่ก็เมาง่ายเหมือนกัน” มาคัสเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูคนตรงหน้า เธอดูเป็นผู้หญิงซื่อๆจนเขาอยากรู้จัก เพราะตลอดมาที่เขาเคยเจอมีแต่ผู้หญิงเจ้าเสน่ห์“คุณมาคัสทำงานที่นี่นานหรือยังคะ?” ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นมิตรผิดกับตอนแรกที่เธอดูระแวงเขานิดหน่อย“ครับ ผมทำงานตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง”“เอ๊ะ?...หรือว่าคุณ...”“ผมเป็นหุ้นส่วนที่นี่น่ะครับ คุณพายุอยากได้คนชงดื่มเก่งๆเลยไปทาบทามผมมาจากต่างประเทศ ยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้ไปงานแต่งของคุณพายุเพราะผมติดต้องดูแลคลับ”&
เมษเดินนำยี่หวามาที่รถก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ตามมารยาท ยี่หวาที่เดินตามมากลับยืนกอดตัวเองแน่นลูบแขนตัวเองไปมา เมษเห็นอย่างนั้นก็ถอดชุดสูทตัวนอกของตัวเองออกมาคุมให้เธอด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณเมษ” “คุณยี่หวาคงจะหนาวเพราะชุดนี้น่ะครับ” เมษเอ่ยก่อนจะผายมือเชิญเธอเข้าไปนั่งด้านหลัง ยี่หวามองตามมือนั้นก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้น “ฉันขอนั่งด้านหน้าได้ไหมคะ?” “ครับ? ทำไมล่ะครับ?” “เอ่อ...คือ ฉันไ
“เจ้าหลานคนนี้นี่! ย่าอุตส่าห์มาทำข้าวเย็นให้...แต่งงานวันเดียวก็บอกจะไม่กลับบ้าน” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่ได้ยินเมษบอกกับยี่หวาว่าพายุจะไม่กลับบ้าน กันยาเองก็โทรหาหลานชายหลายสายแต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ยี่หวาอยู่ได้” “ไม่ได้ลูก ยังไงก็ต้องไปตามกลับมา” “แต่...” “ไปตามให้ย่าทีนะหนูยี่หวา” กันยาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจับไหล่ของยี่หวาด้วยสีหน้าขอร้อง ยี่หวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับทำตามคำสั่งแม้ว่าในใจไม่อยากตามกลับ แ