หลังจากที่ลองชุดเสร็จสิ้นก็กลับมานั่งรอในบริษัทอยู่นาน ในมือหนากดโทรศัพท์โทรหาลูกน้องคนสนิทอยู่หลายสายแต่กลับไม่มีคนรับสายจนเขาร้อนใจไปหมด กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะจากนิสัยลูกน้องของเขามีอะไรจะรายงานตลอดจนน่ารำคาญแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยๆหรือเรื่องไร้สาระ
"ทำไมมันไม่รับสายวะ!” พูดออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่ไยดี แฟนต้ายืนมองการกระทำของเขาเงียบๆอมยิ้มกรุ่มกริ่มที่เห็นเจ้านายตัวเองร้อนใจอยากรู้ข่าวคราวของหญิงสาวคนนั้นที่ทำท่าทางเกลียดนักเกลียดหนา
ก๊อกๆ
“รีบเข้ามา” เสียงเคาะประตูยังไม่ทันเงียบลงดีพายุก็รีบเอ่ยอนุญาตขึ้นมาพลางจ้องมองไปยังหน้าประตูอย่างลุ้นๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อลูกน้องคนสนิทอย่างเมษเดินเข้ามา พายุรีบเดินไปหาลูกน้องของเขาแทบจะทันที
“มึงไปไหนมา กูโทรไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับ?”
“แหม ผมไม่คิดว่านายจะเป็นห่วงผมถึงขนาดนี้” เมษเอ่ยพลางทำท่าทางเขินอายกวนประสาทผู้เป็นเจ้านาย
“ตีนกูนี่ อย่ามาเล่นลิ้นตอบกูมา”
“คุณหนูยี่หวาชวนกินผัดไทยครับ เลยนั่งกินผัดไทยกันหน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน”
“มึงว่าอะไรนะ?! ที่มึงมาช้าเพราะไปนั่งกินผัดไทยกับยี่หวา?!”
“เธอบอกว่าจะเลี้ยง”
“แล้วมึงก็ให้เธอเลี้ยง?”
“ไม่ครับ ผมจ่ายเองในฐานะหนุ่มหล่อแล้วต้องจ่ายครับนาย”
“ตีนกูนี่!!” พายุได้ยินอย่างนั้นก็ทำท่าจะยกขาขึ้นเตะลูกน้องของตนแต่แฟนต้าเดินเข้ามาดึงเขาไว้เสียก่อน
“ใจเย็นครับนาย มันก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณหนู” แฟนต้าเอ่ย
“ใช่ครับบบบ” เมษตอบไปอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ
“มึงเป็นลูกน้องกูต้องฟังกูไม่ใช่? กูบอกให้ส่งกลับบ้านเลยเสือกพายี่หวาแวะกินข้าวด้วยกันสองต่อสอง” พายุเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย ไม่ว่ากับใครก็ช่างเขาไม่อยากให้นั่งกินข้าวกับเธอนอกจากเขา
“หึงเหรอครับนาย?” เมษเอียงหน้าถามอย่างกวนๆทั้งที่มือทั้งสองข้างยังคงกุมอยู่ตรงหน้าเข็มขัดอย่างเรียบร้อย พายุหันไปปราดสายตามองเมษครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดแขนออกจากห้ามของแฟนต้าแล้วจัดชุดสูทตัวเองให้เรียบร้อย
“ใครบอกว่ากูหึง แค่กลัวว่าจะไปเจออันตราย”
“อยู่กับนายอันตรายสุดแล้วครับ แค่วันแรกที่รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูนายก็ลากเธอเข้าโรงแรมม่านรูดเลย” แฟนต้าเอ่ยขึ้นก่อนจะทำท่านึกคิด พายุขมวดคิ้วแน่นมองลูกน้องจอมกวนประสาทของเขา
“กูแค่ลองใจ ไม่ได้จะทำอะไรแบบนั้น...พวกมึงเลิกรวมหัวกวนตีนกูและไปทำงานได้แล้ว” พายุเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม ลูกน้องทั้งจึงยิ้มแฉ่งโค้งตอบรับก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ พายุมองตามลูกน้องตนไปจนเห็นว่าออกไปพ้นประตูแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
คำพูดของลูกน้องนั้นทำให้เขาฉุกคิดถึงคืนนั้นที่ได้ลิ้มรสริมฝีปากบางนั่นอย่างที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อนทั้งที่เดทกับเธอมาตั้งสามเดือน เสืออย่างเขายอมอยู่เฉยๆทั้งที่เหยื่ออยู่ตรงหน้าเพราะมันคือเธอ คิดแล้วก็ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองไปมา ดีแค่ไหนแล้วที่คืนนั้นเขาห้ามใจตัวเองไว้ได้
พายุสะบัดความคิดในหัวก่อนจะเข้าอีเมล์เพื่อเช็กสถานที่ที่ร้านรับจัดงานแต่งส่งมาให้เขา ทุกสถานที่เขาเลือกมันเองแล้วคอนเฟิร์มเองกับมือ อย่างน้อยก็อาจจะทำให้เธอคิดถึงความทรงจำระหว่างเขาในช่วงสามเดือนก่อนที่เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ได้บ้าง เขาคิดว่ามันอาจจะทำให้เธอรู้สึกได้ที่มาหลอกหลวงเขาแบบนี้ พายุคิดแล้วก็เจ็บใจ...ทั้งที่ตัวเองอุตส่าห์จะจริงจังด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวของเธอคือเรื่องโกหกทั้งหมด
พอคิดไปคิดว่าก็รู้สึกว่ามันแปลก พายุหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาก่อนจะกดโทรหาลูกน้องมือขวาของตัวเองในทันที เสียงรอสายดังแค่ครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงปลายสายตอบรับ
“มึงไปสืบเรื่องยี่หวามาให้กูอย่างละเอียด และอย่าให้ใครรู้แม้แต่ย่ากูก็ด้วย” เขาพูดแค่นั้นก็กดวางสายไปในทันที ก่อนที่สายตาจะมองเหม่อลงไปยังร้านกาแฟข้างล่างที่เขาเคยซื้อมันทุกเช้าเพื่อเจอหน้าเธอ....
ตลอดอาทิตย์พายุไปรับยี่หวาเพื่อถ่ายพรีเวดดิ้งแม้ว่ายี่หวาจะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ เขาถึงเปลี่ยนใจ หลังจากที่บอกทางร้านไปว่าให้ใช้เป็นรูปตัดต่อแทน การถ่ายพรีเวดดิ้งดำเนินไปด้วยดีอย่างไม่มีติดขัด พายุไม่ได้มีทีท่าว่าไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติจนยี่หวาแอบหวั่นใจไม่ได้
“เรียบร้อยครับ” เสียงของตากล้องเอ่ยขึ้นหลังจากถ่ายภาพเช็ตสุดท้ายในวันสุดท้ายที่นัดถ่ายสำเร็จ มือหนาที่รวบกอดเอวบางของยี่หวาไว้นั้นรีบปล่อยแทบจะทันที สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มหน้ากล้องหุบลงเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉยไปเสียอย่างนั้น
พายุรูดเนกไทด์ที่คอของตัวเองพร้อมกับชุดสูทแต่งงานออกวางไว้ตรงโซฟาหลังจากถ่ายรูปคู่แต่งงานที่ต้องใช้ติดหน้างานเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด ยี่หวามองดูการกระทำของเขาก่อนจะทอดถอนหายใจ ในหัวคิดต่อว่าตัวเองที่คิดอะไรโง่ๆว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาอาจจะดีขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ เขาแค่ทำตามหน้าที่หรืออาจจะเป็นเพราะกันยาผู้เป็นย่าของเขาสั่งให้ทำก็เท่านั้น
ยี่หวาสะบัดความคิดต่างๆนานาออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน เธอรูดซิปด้านหลังอย่างเหม่อลอยก่อนที่จะพยายามรูดลงยังไงก็ไม่ลงสักที
“เอ๊ะ...ทำไมถึงติดนะ” ยี่หวาเหลียวไปเหลียวมาพยายามมองซิบนั้นว่ามันกินผ้าส่วนไหนไปหรือเปล่าถึงได้รูดลงต่อไม่ได้ ก่อนที่หางตาจะหันไปเห็นพายุยืนกอดอกพิงผนังจับจ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ถูก มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“คุณพายุ ขะ...เข้ามาในห้องลองเสื้อผู้หญิงได้ยังไงคะ?”
“ไม่มีป้ายบอกนี่ว่าผู้ชายห้ามเข้า...”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเข้ามานะคะ”
“ฉันแค่มาตามเห็นว่าเธอชักช้า ฉันมีงานที่ต้องไปทำต่อ”
“เอ่อ...คือ...เดี๋ยวฉันจะรีบแล้วกันนะคะ” ยี่หวาพูดแค่นั้นพลางก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ประธานบริษัทอย่างเขาเสียเวลา แต่พายุกลับไม่ได้ฟังในสิ่งที่เธอพูด เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอในทันทีพร้อมกับโน้มหน้าลงไปกระซิบแผ่วข้างใบหูเล็ก ยี่หวาเบิกตากว้างมองหน้าเขาผ่านกระจก
“อยู่นิ่งๆ...”
“คะ...คุณจะทำอะไรน่ะ!” เธอสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วเรียวของเขาเลื่อนไล้ไปตามแผ่นหลัง ความรู้สึกไหววูบแล่นเข้ามาในใจและร่างกายอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจเต้นโครมครามจนเจ้าของหัวใจรู้สึกได้
พายุยกยิ้มจดจ้องใบหน้าสวยผ่านกระจกนั้นพลางยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นใบหน้าสวยแดงเรื่อจนเห็นได้ชัด เขาค่อยๆรูดซิบชุดเดรสนั้นลงจนไปถึงบั้นท้ายพลางปลายนิ้วจงใจกรีดกรายโดนเนื้อเนียนสวยนั้นให้เธอสยิวเล่น เขาผละตัวออกมาเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังสวยนั้นอย่างหลงใหล ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนลูบเข้าไปในชุดที่อ้าออกสัมผัสเอวบางนั้นอย่างลืมตัว
“อือ...เอ่อ...เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเองได้ค่ะ” ยี่หวาเผลอครางออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบผลิกตัวไปมองเขาพร้อมกับถอยกรูไปติดกระจก สองแขนเรียวกอดตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ชุดมันหลุดออกมาต่อหน้าต่อตาเขา พายุดึงสายตาขึ้นมองใบหน้าของเธอก่อนจะพยักหน้าแล้วยอมเดินออกไปแต่โดยดี ยี่หวามองดูเขาออกไปจากห้องลองเสื้อจนลับตาก่อนจะเลื่อนมือไปทาบที่อกและลูบมันเบาๆให้ใจมันเย็นลง
พายุเดินออกมาจากห้องลองเสื้อก่อนจะเดินตรงยังเคาน์เตอร์ของร้าน พนักงานสาวคนเดิมเงยหน้ามองเขาอย่างนึกสงสัยว่ามีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
“ซิบชุดเจ้าสาวแก้ให้ตัวนะครับ...มันติด”
“เอ่อ...ได้ค่ะ” พนักงานสาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พายุจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาไม่ไกลจากเคาน์เตอร์มากนัก เขายกมือขึ้นนวดหัวคิ้วราวกับว่าจะให้มันเลิกคิดถึงภาพและสัมผัสเมื่อครู่ก่อนที่ตัวเองจะห้ามใจไม่ไหว เขาต้องการจะทำให้เธอรู้สำนึก ไม่ใช่ให้เธอมาทำให้เขาหลงใหลขนาดนี้ไม่อย่างนั้นคงจะโกรธไม่ลงจนต้องยอมมันเสียทุกอย่าง
“รู้แม้กระทั่งซิบ...อย่าบอกนะว่านายแอบเข้าไปช่วยเจ้าสาวถอดชุดน่ะครับ” แฟนต้าลูกน้องมือซ้ายของพายุเอ่ยกระซิบแซวเขาใกล้ๆ พายุเหลียวไปมองลูกน้องตนตาขวางก่อนจะหันกลับมานวดขมวดตัวเองต่อ ปวดหัวกับใจตัวเองไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับลูกน้องจอมปากหมาแซวมันทุกเรื่องอีก
ไม่นานนักยี่หวาก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อแต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะมองหน้าพายุตรงๆ พายุปรายสายตามองเธอครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น
“วันนี้ฉันจะไปส่งเธอเอง”
“ไม่ใช่ว่ามีงานต่อเหรอคะ?”
“มีแล้วจะทำไม? ไปส่งไม่ได้?”
“เมื่อวานก็ไม่เห็นคุณจะไปส่ง ฉันกลับกับคุณเมษก็ได้ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ” ยี่หวากล่าว
“ยินดีครับคุณหนู” เมษโค้งตอบรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มร่า แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อพายุปราดสายตามองเขาอย่างคาดโทษ
“เมษต้องไปทำงานให้ฉัน” พายุเอ่ยขัดทันที
“งาน? งานอะไรหรือครับ? วันนี้...อ๋อ ใช่ครับ ผมมีงานที่ต้องทำ” เมษรีบกลับคำแทบไม่ทันเมื่อเห็นสายตาดุร้ายของเจ้านาย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้อยากตกงานเงินเดือนดีๆแบบนี้แน่นอน
“ไปสิไอ้ต้า ยืนซื่อบื้ออยู่ทำไมวะ” เมษสะกิดแฟนต้าอย่างแรงทำเอามือซ้ายอย่างแฟนต้าถึงกับงง
“กู? กูด้วยเหรอวะ?” แฟนต้าชี้ตัวเองก่อนจะมองหน้าเมษเพื่อนของตนและพายุสลับกันไปมา พายุขมวดคิ้วก่อนจะสะบัดเป็นชิงบอกว่าให้ไปทั้งคู่ แฟนต้าจึงยอมออกจากร้านไปกับเมษโดยไม่พูดอะไร
“ไปกันได้หรือยัง?” พายุเอ่ยถามยี่หวาที่มองตามหลังลูกน้องทั้งสองของตนไป ยี่หวาจึงหันกลับมาพยักหน้าให้พายุก่อนที่พายุจะเดินนำออกจากร้านไป ยี่หวาเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่ประตูผลักเขาก็ไม่เปิดให้ปล่อยให้มันปิดต่อหน้าต่อตายี่หวาที่เดินตามหลังเขาอยู่อย่างจงใจ ยี่หวามองประตูนั้นอย่างตกใจที่เกือบจะกระแทกเข้าที่หน้า เธอมองตามหลังพายุตาขวาง
“คนอะไรใจดำชะมัด” ยี่หวาบ่นอุบก่อนจะผลักประตูออกไปเองเมื่อเห็นว่าพายุเข้าไปนั่งในรถประจำตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว เธอรีบเดินไปอีกฝั่งเปิดประตูที่นั่งข้างหลัง พายุเห็นอย่างนั้นก็หันไปมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแววตาฉายแววไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“เธอเห็นฉันเป็นคนขับรถของเธอหรือยังไง? มานั่งข้างหน้า”
“ไม่ดีกว่าค่ะ นั่งห่างๆกันบ้างก็ดีเหมือนกัน”
“ฉันบอกให้มานั่งข้างหน้า” พายุเอ่ยเสียงเข้มพลางจ้องมองเธออย่างหัวเสีย ยี่หวาทำหน้ายู่ก่อนจะยอมปิดประตูด้านหลังแล้วเดินอ้อมไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
ไม่ทันที่เธอจะได้คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยดีพายุก็รีบเหยียบคันเร่งออกรถทันที ทำเอาร่างของเธอถึงกับผะโงกโงนไปด้านหน้าก่อนที่เธอจะรีบคาดเข็มขัดนิรภัยนั้นอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ถ้ารีบขนาดนี้ก็น่าจะปล่อยให้กลับเองสิ” ยี่หวาพึมพำแต่ก็ตั้งใจให้คนข้างๆได้ยิน
“นี่เธอ! นับวันยิ่งปากกล้าขึ้นเยอะนะ” พายุหันไปทำเสียงดุใส่เธอก่อนจะหันไปมองทาง
“แล้วทำไมฉันจะพูดบ้างไม่ได้ ทีคุณยังไม่เคยพูดดีๆกับฉันเลยนี่คะ” ยี่หวาตอบกลับทั้งที่ไม่ยอมหันหน้ามองเขา พายุปรายสายตามองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่พอใจ
“ได้สิยี่หวา เธอต้องการแบบนั้นใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะ คุณพายุเองต่างหาก”
“ได้เลย” พายุตอบแค่นั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งแทบจะมิดไมล์ ปาดซ้ายปาดขวารถทุกคันที่ขวางทางจนยี่หวาถึงกับกระชับมือที่จับที่คาดเข็มขัดนิรภัยนั้นไว้แน่น ก่อนจะหลับตาข้างหนึ่งด้วยความหวาดกลัวการขับรถของเขา
หลังจากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่บนถนนใหญ่มาสักพัก รถของเขาก็แล่นช้าลงก่อนจะจอดนิ่งสนิทในที่สุด ยี่หวาที่หลับตาตลอดทางรู้สึกว่ารถไม่เคลื่อนไหวแล้วจึงค่อยๆเปิดตาขึ้นคิดว่าคงถึงบ้านแล้วแต่พอมองบรรยากาศข้างนอกแล้วกลับไม่ใช่บ้าน แต่เป็นปากทางเข้าบ้าน เธอหันไปมองพายุที่เปิดประตูลงจากรถคันหรูก่อนจะรีบลงรถตามเขาเพื่อจะถาม
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันหิว จะแวะกินผัดไทยไม่ได้เลย?”
“คนอย่างคุณเนี่ยนะจะมานั่งกินผัดไทยที่นี่?” ยี่หวาเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไมจะกินไม่ได้? ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นคนพาฉันไปกินอาหารข้างทางไม่ใช่หรือไง” พายุตอบอย่างหงุดหงิดก่อนจะนึกขึ้นได้ในสิ่งที่เขาพูดไป พายุหันกลับไปมองยี่หวาที่มองเขาตาปริบๆอ้าปากค้างเล่นเอาเขาทำตัวไม่ถูก...ไม่น่าเผลอพูดแบบนั้นออกไปเลย
“ฉันหมายถึงทีเธอยังมากินผัดไทยสองต่อสองกับไอ้เมษได้ทำไมจะกินผัดไทยกับฉันไม่ได้” พายุพยายามแก้ต่าง ยี่หวามองเขานิ่งก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าร้าน
“ไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหน”
“เอาอะไรดีจ้ะ” แม่ค้าเอ่ยถามขึ้นขัดทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ยี่หวาเหลือบมองพายุที่เหลือบมองเธอเช่นกัน ก่อนที่เขาจะพูดตะกุกตะกักขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เธอ...ก็สั่งสิ เอาแบบวันนั้นที่เธอมานั่งกินกับไอ้เมษน่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นยี่หวาถึงกับส่ายหน้าก่อนจะหันไปทางแม่ค้าที่รอรับออร์เดอร์ของเธออยู่
“เอาผัดไทยกุ้งสดสองจานจ้ะป้า” ยี่หวาพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างอยู่ พายุจึงเดินตามเธอไปอย่างเงียบๆและนั่งลง สายตาคมมองสำรวจรอบๆร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น
“วันก่อนนั่งกันโต๊ะนี้หรือไง?”
“เปล่า โต๊ะข้างหลัง”
“งั้นไปนั่งข้างหลัง”
“อะไรของคุณเนี่ยคุณพายุ” ยี่หวามองเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นเดินไปนั่งโต๊ะข้างหลังโต๊ะที่เธอนั่งอย่างเอาแต่ใจ ยี่หวาเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจยอมเดินตามไปแต่โดยดี
“เอาแต่ใจชะมัด” ยี่หวาพึมพำหลังจากที่นั่งลงตรงข้ามเขา...
ในโรงแรมหรูระดับหกดาว ในห้องจัดเลี้ยงที่จองไว้ขนาดใหญ่เพื่อรองรับแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมงานมงคลสมรสของทายาทบริษัทใหญ่ รูปที่ถ่ายพรีเวดดิ้งถูกประดับประดาอยู่หน้าทางเข้างานอย่างสวยงาม งานแต่งที่ดูหรูหรามีระดับบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นการที่มียี่หวาเป็นลูกสาวคนโตของบ้านเปรมปรีย์นั้นค่อนข้างจะเป็นที่ครหาว่าเป็นลูกนอกสมรสของทรงชัย เพราะในแวดวงสังคมไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป บ่าวสาวยืนรับแขกอยู่หน้างานก่อนจะถึงฤกษ์ทำพิธีอย่างไม่ยอมพัก ทั้งสองปั้นหน้ายิ้มให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่สายตาของยี่หวาจะหันไปเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูเดินนวยนาบเข้ามาหาเธออย่างมั่นใจ “วาวา...” ยี่หวาเรียกชื่อนั้นอย่างอึ้งๆ เรียกสายตาของพายุให้หันไปมองตามสายตาของเธอ 
หลังจากที่บ่าวสาวมานั่งเคียงคู่กันอยู่บนเตียงกว้างราวแปดฟุต ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันเอ่ยคำมงคลที่ล้วนแต่มีความหมายว่าอยากให้อยู่ครองคู่กันไปนานๆ หรือความหมายว่าให้อดทนปรับเข้าหาซึ่งกันและกัน แม้ว่าทั้งสองจะพยายามหาทางที่จะเข้าหามากแค่ไหน ในตอนนี้กลับไม่สามารถหาทางญาติดีกันได้เลย ด้วยทิฐิและหลายๆอย่างทำให้หนทางของทั้งคู่ดูมืดบอดไปชั่วขณะ “เข้าหอคืนแรกเขาบอกว่าห้ามออกจากห้องหอเด็ดขาดจนกว่าจะเช้า” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้น ทำเอาทั้งสองหันมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง ก่อนที่พายุจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เพราะไม่อยากให้บรรดาญาติผู้ใหญ่เห็นว่าเขามีสีหน้าอย่างไร “เข้าใจไหมพายุ” กันยาเอ่ยถามหลานชายของตนย้ำอีกครั้ง พายุจึงจำใจต้องหันไปพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นหลานชายตอบร
ยี่หวาในชุดนอนสีขาวกระโปรงสั้นสายเดี่ยวตัวบางขอบตรงอกระบายลูกไม้เล็กน้อย เธอเดินมาหยุดตรงข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับที่พายุนอนหันหลังอยู่ เธอมองบนเตียงนอนอย่างช่างใจก่อนจะคว้าหมอนใบใหญ่ที่มีไว้พิงหัวเตียงมากั้นระหว่างเธอกับเขา ก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนเตียงให้เบาที่สุดพร้อมกับเอาตัวซุกผ้าห่มจนมิดไหล่ ปิดไฟหัวเตียงแล้วพยายามข่มตาหลับเพราะคิดว่าพายุคงหลับไปแล้วจริงๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่เธอปิดโคมไฟก็รู้สึกถึงการขยับตัวของพายุ ก่อนจะตกใจจนสะดุ้งสุดตัวจนดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นในความมืดเมื่อพายุหันมาคว้าเอวเธอไปกอดแนบชิดติดกาย “คิดว่าหมอนแค่ใบเดียวจะขวางทางฉันได้หรือไง” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ยี่หวารีบเปิดโคมไฟทันทีเมื่อรู้สึกว่ามือของเขาเริ่มประปรายไปเรื่อย&
รถคันหรูแล่นเข้าไปจอดหน้าบริษัทใหญ่อย่างพีวาย ก่อนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำล่ำสันจะเดินเข้าบริษัทในมาดประธานหนุ่มสุดหล่อพร้อมด้วยลูกน้องที่ติดตามซ้ายขวา แน่นอนว่าสาวๆในบริษัทต่างพากันกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เหมือนเช่นทุกวัน เพราะเหตุนี้พายุจึงไม่ยอมรับเลขาที่เป็นผู้หญิงเลย เขาไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้ “อ้อ นายครับ เย็นนี้มีนัดของคุณวาวาครับนาย” ระหว่างเดินไปขึ้นลิฟท์แฟนต้ามือซ้ายของเขาเอ่ยขึ้น พายุเหลียวไปปรายตามองแฟนต้าเล็กน้อยพร้อมกับขมวดคิ้ว “ไม่รับนัด” “แน่ใจหรือครับ? ทางนั้นบอกว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคุณยี่หวา..” “ตอบรับไปว่าตกลง”&nb
“เจ้าหลานคนนี้นี่! ย่าอุตส่าห์มาทำข้าวเย็นให้...แต่งงานวันเดียวก็บอกจะไม่กลับบ้าน” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่ได้ยินเมษบอกกับยี่หวาว่าพายุจะไม่กลับบ้าน กันยาเองก็โทรหาหลานชายหลายสายแต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ยี่หวาอยู่ได้” “ไม่ได้ลูก ยังไงก็ต้องไปตามกลับมา” “แต่...” “ไปตามให้ย่าทีนะหนูยี่หวา” กันยาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจับไหล่ของยี่หวาด้วยสีหน้าขอร้อง ยี่หวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับทำตามคำสั่งแม้ว่าในใจไม่อยากตามกลับ แ
เมษเดินนำยี่หวามาที่รถก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ตามมารยาท ยี่หวาที่เดินตามมากลับยืนกอดตัวเองแน่นลูบแขนตัวเองไปมา เมษเห็นอย่างนั้นก็ถอดชุดสูทตัวนอกของตัวเองออกมาคุมให้เธอด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณเมษ” “คุณยี่หวาคงจะหนาวเพราะชุดนี้น่ะครับ” เมษเอ่ยก่อนจะผายมือเชิญเธอเข้าไปนั่งด้านหลัง ยี่หวามองตามมือนั้นก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้น “ฉันขอนั่งด้านหน้าได้ไหมคะ?” “ครับ? ทำไมล่ะครับ?” “เอ่อ...คือ ฉันไ
“จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะถามชื่อคุณผู้หญิง”“เอ่อ....”“อ๋อ ผมมาคัสครับ”“ฉันยี่หวาค่ะ” ยี่หวาตอบออกไปอย่างเขินๆ พึ่งเคยเจอคนเข้าหาแบบสุภาพแบบนี้นอกจากพายุแล้วก็มีแต่เข้ามาลุ่มล่ามซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่ มือเล็กยกแก้วขึ้นจิบค็อกเทลที่มาคัสเสิร์ฟก่อนจะทำตาโตแล้วหันไปมองหน้าเขา“คุณชงอร่อยจัง ดื่มง่ายจริงด้วย”“ค่อยๆดื่มนะครับ ถึงจะกินง่ายแต่ก็เมาง่ายเหมือนกัน” มาคัสเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูคนตรงหน้า เธอดูเป็นผู้หญิงซื่อๆจนเขาอยากรู้จัก เพราะตลอดมาที่เขาเคยเจอมีแต่ผู้หญิงเจ้าเสน่ห์“คุณมาคัสทำงานที่นี่นานหรือยังคะ?” ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นมิตรผิดกับตอนแรกที่เธอดูระแวงเขานิดหน่อย“ครับ ผมทำงานตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง”“เอ๊ะ?...หรือว่าคุณ...”“ผมเป็นหุ้นส่วนที่นี่น่ะครับ คุณพายุอยากได้คนชงดื่มเก่งๆเลยไปทาบทามผมมาจากต่างประเทศ ยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้ไปงานแต่งของคุณพายุเพราะผมติดต้องดูแลคลับ”&
ยี่หวางัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว คอแห้งผาดจนต้องมองหาน้ำและก็หันไปเห็นที่โต๊ะข้างเตียง เธอเอื้อมไปหยิบน้ำเปล่าแก้วนั้นที่เหมือนถูกตระเตรียมเอาไว้ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะรวบรวมสติมองไปรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย ยี่หวาถึงกับตกใจตาเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนไปเมื่อคืนว่ามาคัสบอกจะมาส่งเธอ แต่ตอนนี้ที่เธอนอนอยู่กับไม่ใช่บ้านกลายเป็นห้องที่เธอไม่รู้จัก ยี่หวาเปิดผ้าห่มก้มมองดูสภาพที่เปลือยเปล่าของตัวเองก็ทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบ คิดไปเองว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีนอกกายสามีไปเสียแล้ว น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอที่สองเบ้าตาด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะเอามือปิดหน้าให้มันไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย “ฮึกๆ ฮือ...” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้คนที่นั่งมองเหม่ออยู่ข้างล่างถึงกับตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปในห้
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา
แม้ว่าคนที่นอนข้างกายจะเหนื่อยล้าจนหลับไปแล้ว แต่ยี่หวายังคงลืมตาตื่นอยู่ถึงจะไม่มีน้ำตาสักหยดแต่ความรู้สึกมันกลับสับสนไปหมด คิดมากจนนอนไม่หลับกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ...ไหนบอกว่าจะไม่รักคนโกหกแบบเธอ ไหนว่าจะไม่แตะต้องแต่ตอนนี้เขากลับกลืนคำพูดนั้นไปเสียแล้ว ยี่หวาค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้นนั่งมือข้างหนึ่งกำผ้าห่มปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเอาไว้ จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกได้แต่ทำหน้าเรียบเฉย เธอชอบเขามาตลอดก็จริงแต่ทำไมตอนนี้ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ตกเป็นของเล่นของเขาไปเสียแล้วนั่นคือสิ่งที่ยี่หวาคิด เธอไม่กล้าคิดเลยว่าวันต่อๆไปเขาจะทำตัวแย่กับเธออีกแค่ไหน หรือเขาจะเปลี่ยนไปดีขึ้นกันนะ “คิดจะหนีฉันหรือไง?” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆ ยี่หวาหันไปทางเขาด้วยความตกใจ คิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีกแต่เขากลับลืมตาจ้องมองเธออยู่ด้วยสี
หญิงสาวนอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักมาตลอด เขาคือสามีของเธอที่ไม่เคยกลับเรือนหอเลยหลังจากคืนแรกที่เข้าหอ แต่ตอนนี้เขากลับมาทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี... “คุณพายุ! ฉันบอกให้ปล่อยฉัน!!” แม้ว่าร่างกายจะสั่นเพราะความกลัวคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติ แต่เธอก็ยังพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น เก็บกลั้นน้ำตาไว้และจ้องมองเขาอย่างไม่ยอม “หึ! ทีมันยังแตะต้องตัวเธอได้ ทำไมทีผัวตัวเองถึงจะไม่ได้!!” พายุตะคอกเสียงดังลั่นห้องพร้อมทั้งหลุบสายตามองเธอที่อยู่ใต้ร่างด้วยสายตาดุดัน ภาพที่เขาเห็นวันนี้คือภรรยาของตัวเองจับมือถือแขนผู้ชายคนอื่นอย่างไม่ถือตัวราวกับว่าลืมไปแล้วว่าตัวเองมีสามีอยู่ &ldqu
“ครับ ปลอดภัยไว้ก่อน” เมษตอบ ยี่หวาพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะเมษถูกสั่งให้มาเฝ้าเธอจึงไม่แปลกที่เขาจะตามเธอไปทุกที และเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรุมล้อมเธอยี่หวาเดินไปตามทางโดยมีเมษเดินตามมาติดๆไม่ห่าง ก่อนเมษจะหยุดยืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ มีสาวๆมากมายที่เดินเข้ามาคุยกับเขา เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่หยอกจนยี่หวาเดินออกมามองหญิงสาวพวกนั้นอย่างงงงวย“อ้าว คุณยี่หวาไปกันเถอะครับ”“โธ่ มีแฟนแล้วก็ไม่บอกกันนะคะ” หญิงสาวที่เข้ามาคุยพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเซ็งแล้วเดินจากไป เมษก้มหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองยี่หวาที่ยืนมองผู้หญิงคนนั้นอย่างงงๆ“อะไรเหรอ? ฉันไม่ได้ยินที่เธอคนนั้นพูดเลย เขามาจีบคุณเหรอ?” ยี่หวาโน้มเข้าไปพูดข้างหู เพราะเสียงตรงนี้มันดังจนแทบไม่ได้ยิน เมษพยักหน้าเป็นคำตอบ“อ้าว ถ้าอย่างนั้นฉันมาผิดเวลาหรือเปล่าเนี่ย?”“ไม่เลยครับ เราไปกันเถอะ” เมษพูดตอบก่อนจะเดินนำเธอไปที่หน้าบาร์ดังเดิม ยี่หวากลับไปนั่งดื่มจนหมดแก้วก่อนจะหันไปบอกลามาคัส“ฉันกล
ยี่หวางัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว คอแห้งผาดจนต้องมองหาน้ำและก็หันไปเห็นที่โต๊ะข้างเตียง เธอเอื้อมไปหยิบน้ำเปล่าแก้วนั้นที่เหมือนถูกตระเตรียมเอาไว้ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะรวบรวมสติมองไปรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย ยี่หวาถึงกับตกใจตาเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนไปเมื่อคืนว่ามาคัสบอกจะมาส่งเธอ แต่ตอนนี้ที่เธอนอนอยู่กับไม่ใช่บ้านกลายเป็นห้องที่เธอไม่รู้จัก ยี่หวาเปิดผ้าห่มก้มมองดูสภาพที่เปลือยเปล่าของตัวเองก็ทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบ คิดไปเองว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีนอกกายสามีไปเสียแล้ว น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอที่สองเบ้าตาด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะเอามือปิดหน้าให้มันไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย “ฮึกๆ ฮือ...” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้คนที่นั่งมองเหม่ออยู่ข้างล่างถึงกับตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปในห้
“จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะถามชื่อคุณผู้หญิง”“เอ่อ....”“อ๋อ ผมมาคัสครับ”“ฉันยี่หวาค่ะ” ยี่หวาตอบออกไปอย่างเขินๆ พึ่งเคยเจอคนเข้าหาแบบสุภาพแบบนี้นอกจากพายุแล้วก็มีแต่เข้ามาลุ่มล่ามซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่ มือเล็กยกแก้วขึ้นจิบค็อกเทลที่มาคัสเสิร์ฟก่อนจะทำตาโตแล้วหันไปมองหน้าเขา“คุณชงอร่อยจัง ดื่มง่ายจริงด้วย”“ค่อยๆดื่มนะครับ ถึงจะกินง่ายแต่ก็เมาง่ายเหมือนกัน” มาคัสเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูคนตรงหน้า เธอดูเป็นผู้หญิงซื่อๆจนเขาอยากรู้จัก เพราะตลอดมาที่เขาเคยเจอมีแต่ผู้หญิงเจ้าเสน่ห์“คุณมาคัสทำงานที่นี่นานหรือยังคะ?” ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นมิตรผิดกับตอนแรกที่เธอดูระแวงเขานิดหน่อย“ครับ ผมทำงานตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง”“เอ๊ะ?...หรือว่าคุณ...”“ผมเป็นหุ้นส่วนที่นี่น่ะครับ คุณพายุอยากได้คนชงดื่มเก่งๆเลยไปทาบทามผมมาจากต่างประเทศ ยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้ไปงานแต่งของคุณพายุเพราะผมติดต้องดูแลคลับ”&
เมษเดินนำยี่หวามาที่รถก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ตามมารยาท ยี่หวาที่เดินตามมากลับยืนกอดตัวเองแน่นลูบแขนตัวเองไปมา เมษเห็นอย่างนั้นก็ถอดชุดสูทตัวนอกของตัวเองออกมาคุมให้เธอด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณเมษ” “คุณยี่หวาคงจะหนาวเพราะชุดนี้น่ะครับ” เมษเอ่ยก่อนจะผายมือเชิญเธอเข้าไปนั่งด้านหลัง ยี่หวามองตามมือนั้นก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้น “ฉันขอนั่งด้านหน้าได้ไหมคะ?” “ครับ? ทำไมล่ะครับ?” “เอ่อ...คือ ฉันไ
“เจ้าหลานคนนี้นี่! ย่าอุตส่าห์มาทำข้าวเย็นให้...แต่งงานวันเดียวก็บอกจะไม่กลับบ้าน” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่ได้ยินเมษบอกกับยี่หวาว่าพายุจะไม่กลับบ้าน กันยาเองก็โทรหาหลานชายหลายสายแต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ยี่หวาอยู่ได้” “ไม่ได้ลูก ยังไงก็ต้องไปตามกลับมา” “แต่...” “ไปตามให้ย่าทีนะหนูยี่หวา” กันยาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจับไหล่ของยี่หวาด้วยสีหน้าขอร้อง ยี่หวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับทำตามคำสั่งแม้ว่าในใจไม่อยากตามกลับ แ