หลังจากที่พายุมาส่งเธอถึงหน้าบ้านหลังใหญ่พร้อมกับให้เสื้อสูทมาคุมไหล่เธอปกปิดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยเพราะน้ำมือเขา พายุไม่ได้เอ่ยคำบอกลาใดๆเหมือนครั้งก่อนที่เธอเป็นสาวร้านกาแฟ รถของเขาแล่นออกจากเธอไปเงียบๆ โดยที่พายุไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
ยี่หวาเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทีเศร้าสร้อยแต่เมื่อเห็นคุณหญิงและคุณผู้ชายที่รับบทเป็นพ่อแม่ของเธอนั่งรออยู่ก็รีบปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด ในใจคิดไว้แล้วว่าจะขอท่านทั้งสองให้ยกเลิกงานหมั้นแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยแค่ไหนก็อยากจะลองขอดูก่อน
“เป็นยังไงบ้างยี่หวา เขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม?” มุกดาเดินเข้ามาถามไถ่เธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง ยี่หวาดึงเสื้อสูทมาปิดรอยแดงให้มิดก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วส่งยิ้มให้บางๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณผู้หญิง”
“เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้วมันจะติดเป็นนิสัย ให้เรียกว่าคุณแม่ได้แล้ว” มุกดาเอ่ยขึ้น ก่อนที่ทรงชัยจะเดินเข้าไปจับไหล่เธอเบาๆ แล้วพยักหน้ายิ้มๆให้
“ขอบใจหนูมากที่ช่วยบริษัทของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีเงินหมุนและจ้างคนใช้คนอื่นๆได้แน่ ๆ”
ได้ยินอย่างนั้นถึงกับพูดไม่ออก เงยหน้ามองคุณผู้ชายของบ้านด้วยสายตาว่างเปล่าแม้แต่คำพูดที่จะร้องขอให้ยกเลิกงานหมั้นยังพูดต้องกลืนลงคอไป เธอพยักหน้ากลับแล้วส่งยิ้มบางๆให้คุณผู้ชายอย่างกล้ำกลืน
“เอาล่ะ ไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปที่ว่าการอำเภอ ฉันจะเซ็นรับเธอเป็นบุตรบุญธรรม” ทรงชัยเอ่ยต่อ ยี่หวาและมาลีตกใจไม่ได้น้อยที่ได้ยินอย่างนั้น จะว่าดีมันก็ดีแต่ทุกอย่างมันก็เพื่อธุรกิจ เธอยืนก้มหน้าเงียบลงไปชั่วขณะ
“เป็นอะไรไปยี่หวา? เธอไม่อยากเป็นลูกสาวพวกเราเหรอ?” มุกดาถามขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่เธอเบาๆ ยี่หวาส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปมองมาลีผู้เป็นแม่ มาลีพยักหน้ายิ้มๆมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู ลูกจะได้ดีใครจะไม่ยินดีล่ะ
“เปล่าค่ะ หนูดีใจมากจนพูดไม่ออก...”
“งั้นก็ดีแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ...ห้องของหนูอยู่บนชั้นสองนะ” มุกดาเอ่ยขึ้นหลังจากจัดแจงห้องใหม่ให้ลูกสาวบุญธรรมซึ่งอยู่ติดกับห้องของวาวาลูกสาวตัวจริงของเธอ ยี่หวาพยักหน้ารับแต่โดยดี
“คุณผู้...เอ่อ คุณแม่คะ...หนูขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ?”
“อะไรล่ะ? ถ้าไม่เกินกำลังฉันจะทำให้”
“หนูขอใช้ชื่อยี่หวาได้ไหมคะ? คือ...ถ้าหากมีใครไปสืบมันจะยุ่งน่ะค่ะ”
“แต่เราบอกทางนั้นไปว่าหนูชื่อวาวานะ” มุกดาเอ่ยแย้ง
“เดี๋ยวหนูจัดการเรื่องนั้นเองค่ะ หนูจะบอกว่าคุณแม่เปลี่ยนจากชื่อเดิมที่ชื่อยี่หวาแต่หนูชอบชื่อยี่หวามากกว่า...”
“เอาเถอะ ยังไงก็น่าจะฟังขึ้นอยู่บ้าง...แต่เรื่องนี้อย่าให้รั่วไหลไปมากกว่านี้” ทรงชัยเอ่ยขึ้นเพราะดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่คุ้นชื่อวาวาจริงๆ แต่ก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรจึงไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะถ้าหากเธอเซ็นเป็นลูกบุญธรรมนั่นก็คือลูกของพวกเขาเหมือนกันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
“ขอบคุณที่เข้าใจหนูค่ะ” ทั้งสองสามีภรรยาพยักหน้าก่อนจะพากันกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ที่มานั่งรอนั้นเพราะด้วยความเป็นห่วง มาลีเห็นว่าเจ้านายของตนเดินขึ้นห้องไปแล้วก็เดินตรงไปหาลูกสาวของตัวเองลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก”
“แม่...” ยี่หวาอดไม่ได้ที่จะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่อย่างเหนื่อยล้า วันนี้เธอเจอเรื่องราวมามากมายจริงๆ ยังดีที่มีอ้อมกอดของแม่ผู้ที่เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ ไม่รู้ว่าต่อไปจะได้กอดผู้เป็นแม่อีกกี่ครั้ง เพราะด้วยสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบแบกความหวังของผู้เป็นเจ้านาย
“อดทนนะยี่หวา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อดและทนมันจะผ่านไปได้ด้วยดีนะลูก...ช่วยผู้มีพระคุณไม่ทำให้เราตกต่ำหรอกเชื่อแม่นะลูก” มาลีเอ่ยบอกลูกสาวพร้อมกับกอดปลอบลูบศีรษะเธออยู่อย่างนั้น ราวกับรับรู้ว่าเธอไปเจอเรื่องลำบากมาอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ก่อนจะพยักหน้าทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอมาลีเองก็ไม่ต่างกัน นึกสงสารลูกสาวของตนจับใจที่ไม่ได้เลือกคนที่ตัวเองอยากรัก ต้องมาถูกจับแต่งงานแทนคนอื่นแบบนี้ คิดแล้วก็ลูบศีรษะลูกสาวตัวเองทีสองทีก่อนจะรีบหันหน้าหนีปาดน้ำตาตัวเองพยายามที่จะไม่ให้ยี่หว่าเห็น
“ไปกันเถอะ แม่จะพาไปที่ห้อง”
“ขอบคุณนะคะแม่ ยี่หวารักแม่ที่สุดเลย” ยี่หวาพูดก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นแม่ฟอดใหญ่ มาลีตีที่แขนของเธอเบาๆก่อนจะสังเกตเห็นเสื้อสูทที่เธอสวมมา
“เขา...เป็นคนดีใช่ไหมลูก” คำถามของผู้เป็นแม่ทำเอายี่หวาชะงักจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นแม่ที่ดูเป็นห่วงอย่างสุดใจ ยี่หวาจึงยิ้มออกมาเต็มริมฝีปากเพื่อให้ผู้เป็นแม่สบายใจ
“เขาเป็นคนดีค่ะแม่ หล่อ ดูดี อ่อนโยน” เธอพูดไปพลางนึกถึงพายุในด้านดีๆที่เธอเคยสัมผัสได้แม้ว่าตอนนี้จะตรงกันข้ามกับที่พูดก็เถอะ อย่างน้อยก็ไม่ได้โกหกแม่เพราะถึงยังไงเขาก็คือคนคนเดียวกัน
“ฮื้อ เด็กคนนี้นี่...คงจะหล่อมากเลยสินะถึงได้ยิ้มแป้นขนาดนี้ เขาเป็นคนดีก็ดีแล้วลูก” มาลีพูดแค่นั้นก่อนที่สองแม่ลูกจะกอดกันขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านตรงไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อยี่หวา
“ไปนอนได้แล้ว”
“แม่นอนกับยี่หวาไม่ได้เหรอคะ? ยี่หวาอยากนอนกอดแม่”
“โตแล้วนะเรานะ เดี๋ยวก็มีคนมานอนกอดแทนแม่แล้ว”
“แม่พูดอะไรเนี่ย มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”
“เลิกงอแงแล้วไปนอนได้แล้วเจ้าลูกคนนี้นี่” ยี่หวาทำหน้างอแต่เพราะสายตาของมาลีดูดุเธอเล็กน้อย เธอจึงยอมพยักหน้าแต่โดยดี
“ก็ได้ค่ะ”
“พักผ่อนนะลูก พรุ่งนี้ต้องไปทำธุระกับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย”
“ค่า” มาลีได้ยินเสียงตอบรับของลูกสาวจอมแก่นจองตนก็ยิ้มรับแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ยี่หวามองผู้เป็นแม่ตาละห้อย ในใจคิดว่าเอาล่ะเป็นไงเป็นกัน! จะมาทำให้แม่เป็นห่วงเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว
รุ่งเช้ายี่หวาและเจ้านายทั้งสองก็รีบไปที่อำเภอเพื่อจดรับรองบุตรบุญธรรมก่อนจะรีบพายี่หวาไปแต่งเนื้อแต่งตัวรอรับการมาสู่ขอสายฟ้าแลบของพายุตอนสายๆ หนุ่มหล่อสูงไหล่กว้างกำยำรูปร่างหน้าตาดีได้เข้ามานั่งปั้นหน้ายิ้มอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมกับย่าของเขา ไม่หนำซ้ำยังมีคุณหญิงใหญ่อย่างคุณยายปรียาลงมาต้อนรับด้วย ดูเหมือนว่าคุณหญิงใหญ่ของบ้านจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
ทุกคนต่างมองไปยังกองเงินกองทองที่หอบมาสู่ขอลูกสาวบ้านนี้ คนรับใช้คนอื่นๆต่างรู้งานดีเพราะคุณผู้หญิงอย่างมุกดาได้ตระเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มรูปหล่อที่เป็นเป้าสายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ในบ้านตอนนี้ชะเง้อคอแทบหักมองหาว่าที่เจ้าสาวของตน
“เดี๋ยวก็ลงมาแล้วละค่ะคุณพายุ” มุกดาเอ่ยหลังจากเห็นท่าทีของพายุ
“ครับ” พายุหันมาตอบรับก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้เก้อ วันนี้เขาใส่ชุดสูทดูดีตามที่คุณย่าสั่งอยากจะรู้เหมือนกันว่าหญิงสาวนั้นจะแต่งตัวอย่างไรลงมาเจอเขา
ไม่นานเกินรอยี่หวาก็เดินลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านเรียกสายตาจากทุกคนให้หันไปมอง ข้างกายเธอยังมีมาลีแม่แท้ๆคอยประคองลงมาด้วย หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกจั๊มเอวสีขาวกระโปรงบางเรียบยาวประมาณเข่ากระโปรงด้านในสั้นเล็กน้อยพอดูน่ารักปนเซ็กซี่เบาๆ ผมเผ้าถูกรวบมวยสวยระบายผมด้านข้างแก้มเพียงเล็กน้อย
พายุมองนิ่งค้างก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผิวขาวของเธอมันเด่นสะดุดสายตาเข้ากับชุดที่ดูน่ารักนี้เสียจริง ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เธอสวยไม่แพ้ดาราดังเลย เผลอๆจะสวยกว่านางเอกในละครเสียอีก
“สวยใช่ไหมล่ะพ่อพายุหลานย่า” กันยาเอ่ยทักท้วงเรียกสติของหลานชายตน พายุละสายตาก่อนจะกระแอมเบาๆแล้วยกน้ำขึ้นดื่มอีกครั้งเลี่ยงไม่ยอมตอบผู้เป็นย่า
“สวัสดีค่ะคุณหญิงย่า...คุณพายุ” ยี่หวายกมือไหว้สวยอย่างนอบน้อม กันยาพยักหน้ารับก่อนที่พายุจะพยักหน้ารับเช่นกันตามมารยาท
“นั่งก่อนสิหนู เราจะได้คุยเรื่องฤกษ์ยามกัน” กันยาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ยี่หวาพยักหน้าก่อนจะยอมนั่งลงตรงโซฟาข้างๆมุกดาและทรงชัย มาลีเองก็นั่งอยู่ตรงพื้นพรมข้างๆยี่หวา
“นี่เงินและทองสู่ขอครับ...ทั้งหมดห้าสิบล้าน” พายุเริ่มพูดก่อน ทรงชัยและมุกดาได้ยินอย่างนั้นก็หันมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ ปรียาเองก็ไม่ต่างกันแต่แค่ต้องเก็บอาการด้วยความเป็นผู้อาวุโสของบ้าน พายุเห็นว่าฝ่ายหญิงไม่ตอบจึงเอ่ยถามขึ้น
“น้อยไปหรือครับ? พวกคุณอยากเรียกสินสอดเท่าไหร่ผมจะเพิ่มให้ไม่อั้นไม่รวมในงานแต่ง”
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ...พอครับคุณพายุ...ในเมื่อคุณเห็นค่าลูกสาวผมขนาดนี้ผมก็ยอมรับครับ” ทรงชัยรีบพูดขึ้นเพราะไม่คิดว่ามันจะมากมายมหาศาลขนาดนี้ นี่ขนาดแค่สู่ขอถ้าในงานแต่งเขาจะได้มากมายเท่าไหร่กัน
“ดีเลยๆ เรื่องฤกษ์นั้น....”
“ผมไปหาฤกษ์มาแล้วครับ เร็วสุดสัปดาห์หน้า...ยังไงสัปดาห์นี้ผมคงต้องมารับน้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งทั้งอาทิตย์” พายุพูดขัดผู้เป็นย่าของตนขึ้นทำเอาผู้ใหญ่ต่างมองหน้ากันไปมาไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนั้น
“ทำไมมันเร็วจังละคะคุณพายุ” มาลีขมวดคิ้วอดเอ่ยถามไม่ได้ พายุหันไปยิ้มให้เธอครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบคำถามนั้นให้ทุกคนได้รับรู้
“ก่อนหน้านี้...ผมกับน้องเราเคยเจอกันบ่อยๆน่ะครับ” พายุชะงักคำพูดก่อนจะปรายตามองยี่หวาที่ตอนนี้หน้าเสียทำตัวไม่ถูก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไรผม มือเล็กสองข้างจับกันแน่นนั่นแสดงถึงความกังวลของเธอเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นอย่างนั้นพายุก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจที่ทำให้เธอกระวนกระวายได้
“พอดีเราชอบไปร้านกาแฟเดียวกันบ่อยๆน่ะครับ เลยได้พูดคุยทำความรู้จักกันมาหลายเดือนแล้ว พอรู้ว่าเป็นน้องผมก็ไม่อยากให้หลุดมือไป...พึ่งมารู้ว่าบ้านนี้มีลูกสาวสองคน”
พายุพูดแค่นั้นก็ทำเอามุกดาและทรงชัยรวมไปถึงปรียาทำหน้าเคร่งเครียดไม่อยู่สุขได้แต่มองหน้ากันไปมา ยี่หวาเห็นถึงความกังวลของผู้มีพระคุณก็หันไปมองพายุอย่างรู้สึกผิดหวังในตัวเขาที่เล่นแบบนี้
“ใช่ค่ะ พอดีคุณแม่มีลูกสาวสองคนชื่อคล้ายกัน ยี่หวาหรือหวาคือฉันเอง ส่วนวาวาน้องสาวของฉัน...คนที่คุณพายุต้องการแต่งงานด้วยคือวาวาหรือคะ?” ยี่หวาเอ่ย
“อะไรกัน...ฉันยังไม่เคยเจอน้องสาวเธอเลยจะอยากแต่งงานกับน้องสาวเธอไปทำไม ในเมื่อคนที่ฉันเจอมาตลอดและตั้งใจจะมาสู่ขอคือเธอไงครับ คุณหนูวาวาไม่สิ...ยี่หวา” พายุยกยิ้มกับการแก้เกมส์ของเธอ แม้กันยาจะรู้สึกงุนงงเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเธออาจจะฟังผิดเพราะชื่อคล้ายกันมาก
การโต้เถียงของทั้งคู่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดจนรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่ละคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าทั้งคู่ชอบพอกันจริงหรือเปล่า คงจะมีแต่พายุที่ดูชอบใจกับเหตุการณ์นี้แต่ยี่หวากับรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่เธอโผงผางขึ้นมาเพราะไม่อยากให้โดนต้อนจนมุม
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ...พอดี หวาคิดว่าคุณพายุจะ...” ทุกคนหันไปมองยี่หวาที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างรวมถึงพายุด้วยก็เช่นกัน เขาอยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงต่อ
“จะเปลี่ยนใจผิดคำสัญญาที่ให้กับหวาไว้ว่าจะมาสู่ขอน่ะค่ะ” ยี่หวาพูดออกไปทั้งที่ยังหลับตาแน่น คำโกหกคำโตเอ่ยขึ้นมาทำให้ทุกคนตกใจแต่ก็ยังใจชื้นมองทั้งคู่อย่างเอ็นดู
พายุหัวเราะในลำคอมุมปากข้างหนึ่งยกยิ้มขึ้น โอนตัวไปข้างหน้าจับจ้องมองใบหน้าสวยนั้นอย่างเหลือเชื่อว่าเธอจะเล่นแบบนี้...ดึงเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยตัวเองจะได้ไม่เสียหายฝ่ายเดียว...นั่นคือความคิดที่เขาคาดการณ์ไม่ได้มันคือสิ่งที่เขาชอบในตัวเธอ...
ในแต่ละวันที่เขาได้รู้จักกับเธอนั้นคาดเดาไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรและจะทำอะไรต่อไป มันชวนให้เขาลุ้นทุกวันในแต่ละเดทที่เจอกัน การมีเธอมันดูน่าสนุกและน่าสนใจ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อราวกับติดซีรี่ย์เรื่องโปรด
“หึๆ...นั่นสิครับ ผม... ‘สัญญา’ กับน้องไว้แล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ” พายุเน้นคำพูดที่เธอโกหกไว้อย่างชัดเจนพร้อมกับจ้องมองเธอไม่วางตา ใบหน้าหล่อเปื้อนรอยยิ้มหวานส่งให้เธอ
คนอื่นๆอาจจะมองว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก แต่แท้จริงแล้วมันคือรอยยิ้มที่มีเลศนัยบางอย่าง คงมียี่หวาคนเดียวที่สัมผัสถึงนัยยะนั้นได้
จบจากการพูดคุยกันทรงชัยก็ต้องออกไปบริษัทกับพายุเพื่อเซ็นสัญญาร่วมหุ้นกับบริษัทของทรงชัยอย่างบริษัทวีโวล์ มีแค่ช่วงบ่ายที่เธอรู้สึกโล่งสมองบ้างถึงได้นอนแผ่หราอยู่บนเตียงใหญ่ที่ไม่เคยได้นอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก
จะเศร้า จะอกหักก็ทำไม่ได้ จะต้องสู้สงครามประสาทกับคนในใจทั้งที่ตัวเองกำลังรู้สึกเสียใจอยู่กับการเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือของเขา ไม่หนำซ้ำยังต้องแต่งงานใช้ชีวิตกับเขาที่ตออนี้ดูเหมือนจะเกลียดเธออีก เธอเองก็ดันไปพูดว่าเกลียดเขาซ้ำเรื่องเข้าไปอีกทบหนึ่งจนมันพันยุ่งเหยิงไปหมด เธอแค่เกลียดการกระทำของเขาในตอนนั้น...
“เฮ้อ...ชีวิตจะมีอะไรง่ายๆให้นังยี่หวาคนนี้บ้างไหมเนี่ย” คิดๆแล้วก็ทอดถอนหายใจออกมา นอนดิ้นขลุกขลักบนเตียงอย่างขัดใจ
“ทำไม? กลัวว่าแต่งงานกับฉันแล้วเธอจะลำบากหรือไง?” เสียงทุ้มดังขึ้นจากหน้าห้อง ยี่หวาลุกพรวดขึ้นมองไปยังต้นเสียงด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“คุณ! เข้ามาได้ยังไง?”
“ทำไมจะไม่ได้ก็ในเมื่อขออนุญาตผู้ใหญ่แล้ว”
“ไหนว่าไปเซ็นสัญญาไง?”
“เซ็นสัญญาต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรือไง?” พายุพูดพร้อมเลิกคิ้วมองเธอ
“ละ...แล้ว...เข้ามาถึงห้องคุณต้องการอะไร?” ยี่หวาเอ่ยถามตะกุกตะกักไม่คิดว่าเขาจะกล้าขึ้นมาถึงแม้ว่าจะได้รับอนุญาตแล้วก็เถอะ พายุยกยิ้มร้ายย่างก้าวเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ ยี่หวาก็เดินถอยหลังเรื่อยๆแต่ก็ติดตรงเตียงอยู่ดี พายุโน้มหน้าเข้าไปจ้องมองเธอนิ่งก่อนจะกระซิบข้างหู
“มาถึงห้องนอนขนาดนี้ไม่รู้จริงๆเหรอว่าฉันต้องการอะไร?”
“คะ...คุณพายุ คุณจะทำแบบนี้ไม่...”
“ฉันต้องการเธอไง.....” ยี่หวาเบิกตากว้างทันที ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้แค่คืบจนปลายจมูกแทบจะชิดติดกัน เธอจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาสีดำขลับของเขาที่จับจ้องเธออยู่เช่นกัน หัวใจไม่รักดีเต้นโครมครามเสียงดังอย่างเกรงใจ ไม่รู้ว่าใจของใครกันแน่ที่เต้นเสียงดังจนได้ยินแบบนี้
“เธอ...ยั่วฉันอยู่เหรอยี่หวา”
“เอ๊ะ...”
“จ้องขนาดนี้หรือเธอต้องการอย่างอื่น”
“ละ...แล้วคุณต้องการอะไรละคะ”
“ต้องการให้เธอไปดินเนอร์สร้างภาพกับฉันให้สมกับคำโกหกของเธอไงล่ะ ยี่หวา”
“.........”
“แต่ถ้าเธอต้องการอย่างอื่นฉันแถมก็ให้ได้....”
“ออกไปค่ะ ฉันจะแต่งตัว” ยี่หวาเชิดหน้าขึ้นจ้องมองเขาอย่างไม่เกรงกลัวหลังจากปรับสีหน้าตัวเองเมื่อได้ยินเขาพูดกำกวมแบบนั้น เธอรู้แค่ว่าเธอต้องสู้ไม่อย่างนั้นเขาคงจะกดขี่ข่มเหงเธอแบบนี้ต่อไปแน่ ๆ
“หึ....” พายุยกยิ้มก่อนจะยอมหันหลังเดินออกจากห้องไปเพื่อไปรอด้านล่าง เธอไม่ใช่คนที่เขาจะต้อนให้จนมุมได้ง่ายๆเลยจริงๆ ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปไวจนเขาตามไม่ทันทุกที...
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารร้านหรูช่างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เอ่อคลอเบาๆภายในร้าน พายุเอาแต่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์ในมือพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น แค่หันไปมองเธอสักครั้งยังไม่มีเลย ขนาดนั่งรถคันเดียวกันเขายังไม่ยอมพูดอะไรกับเธอสักคำ ความอึดอัดแทรกเข้าระหว่างพายุแลยะยี่หวาจนเธอเองก็ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ลอบมองใบหน้าของเขาเป็นระยะๆเท่านั้น อาหารเต็มโต๊ะแต่กลับไม่ได้ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย “อะ...เอ่อ...” “ทำไมไม่กิน? หรือว่าอาหารพวกนี้มันถูกไปสำหรับคุณหนูวาวา...ไม่สิ ยี่หวา..” “.......” “หึ...เปลี่ยนชื่อกลับไปกลับมาเป็นว
บทนำ หญิงสาวนอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักมาตลอด เขาคือสามีของเธอที่ไม่เคยกลับเรือนหอเลยตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ แต่ตอนนี้เขากลับมาทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี... “คุณพายุ! ฉันบอกให้ปล่อยฉัน!!” แม้ว่าร่างกายจะสั่นเพราะความกลัวคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติ แต่เธอก็ยังพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น เก็บกลั้นน้ำตาไว้และจ้องมองเขาอย่างไม่ยอม “หึ! ทีมันยังแตะต้องตัวเธอได้ ทำไมทีผัวตัวเองถึงจะไม่ได้!!” พายุตะคอกเสียงดังลั่นห้องพร้อมทั้งหลุบสายตามองเธอที่อยู่ใต้ร่างด้วยสายตาดุดัน ภาพที่เขาเห็นวันนี้คือภรรยาของตัวเองจับมือถือแขนผู้ชายคนอื่นอย่างไม่ถือตัวราวกับว่าลืมไปแล้วว่าตัวเองมีสามีอยู่ “ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ทีคุณ..ฮึก...ยังทำได้เลย!” “เธอเป็นเมียฉันเข้าใจไหมยี่หวา! เธอเป็นของฉัน!” “ฉันไม่ใช่เมียคุณ! นั่นมันก็แค่ในนามอย่าได้เข้าใจผิด!!” “งั้นเหรอ? อย่างนั้นเองสินะ...งั้นวันนี้ก็ทำหน้าที่ของเธอซะสิ!!” “ไม่!! อย่านะ!! กรี๊ดดดดดด!!” ไม่ฟังเ
ห้องอาหารโรงแรมดังในเครือของบริษัทพีวาย แต่คนไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นักเพราะมันอยู่ในเครือบริษัทขนส่งต่างประเทศนอกเสียจากพนักงานที่เข้ามาอบรมถึงจะได้รู้ว่าเป็นสายเครือเดียวกันกับบริษัทพีวายที่พายุเป็นประธานบริษัทอยู่ การขนส่งนำเข้าข้าวของเครื่องใช้วัตถุดิบล้วนมาจากบริษัทพีวายทั้งหมด โรงแรม คลับ บาร์ ในย่านนี้ ย่านที่โรงแรมตั้งอยู่ล้วนแต่เป็นของพายุประธานบริษัทพีวายทั้งสิ้น เขาสร้างมันขึ้นมาหลังจากรับตำแหน่งประธานบริษัทใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจมันก้าวหน้าไปได้ทุกทาง เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องงานถึงยังไม่ได้แต่งงานสักที ที่ผ่านมาก็มีแต่ดารา นางแบบที่เข้าหาเขาเพื่อหวังจะสุขสบายไปทั้งชีวิต แต่กลับไม่มีหญิงสาวที่ทำให้เขาถูกใจได้เลยสักคนส่วนมากเข้าหาเขาเพราะเงินทั้งนั้น จึงทำได้แค่สนองในสิ่งที่หญิงสาวเหล่านั้นเสนอให้ก็เท่านั้นและจบลงที่จำนวนเงินอย่างที่หญิงสาวเหล่านั้นต้องการก็เท่านั้น “พร้อมหรือยังหลานย่า” คุ
บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่ลูกน้องมือซ้ายและมือขวาจอมกวนประสาทของพายุ ทั้งสองได้แต่ลอบมองพายุและยี่หวาผ่านกระจกมองหลังเท่านั้น ทั้งเธอและเขาต่างหันหน้าไปกันคนละทางเหม่อมองออกไปยังหน้าต่าง คนที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีนักคงไม่พ้นพายุเจ้านายของพวกเขา “เอ่อ...จะไปที่ไหนครับนาย” เมษที่ขับรถให้เขาเอ่ยถามขึ้น พายุหันไปมองลูกน้องของตนก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายด้านหน้าว่าโฮเต็ลจึงคิดแผนบางอย่างออก “เลี้ยวเข้าโรงแรมด้านหน้า” “ครับ?” เมษถามย้ำอีกครั้งก่อนที่พายุจะขมวดคิ้วแน่นจ้องมองลูกน้องของตน เขาจึงพยักหน้าแล้วเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านยรูดอย่างที่เจ้านายต้องการ ยี่หวาเห็นรอบข้างแปลกไปก็รีบหันก
บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารร้านหรูช่างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เอ่อคลอเบาๆภายในร้าน พายุเอาแต่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์ในมือพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น แค่หันไปมองเธอสักครั้งยังไม่มีเลย ขนาดนั่งรถคันเดียวกันเขายังไม่ยอมพูดอะไรกับเธอสักคำ ความอึดอัดแทรกเข้าระหว่างพายุแลยะยี่หวาจนเธอเองก็ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ลอบมองใบหน้าของเขาเป็นระยะๆเท่านั้น อาหารเต็มโต๊ะแต่กลับไม่ได้ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย “อะ...เอ่อ...” “ทำไมไม่กิน? หรือว่าอาหารพวกนี้มันถูกไปสำหรับคุณหนูวาวา...ไม่สิ ยี่หวา..” “.......” “หึ...เปลี่ยนชื่อกลับไปกลับมาเป็นว
หลังจากที่พายุมาส่งเธอถึงหน้าบ้านหลังใหญ่พร้อมกับให้เสื้อสูทมาคุมไหล่เธอปกปิดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยเพราะน้ำมือเขา พายุไม่ได้เอ่ยคำบอกลาใดๆเหมือนครั้งก่อนที่เธอเป็นสาวร้านกาแฟ รถของเขาแล่นออกจากเธอไปเงียบๆ โดยที่พายุไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ยี่หวาเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทีเศร้าสร้อยแต่เมื่อเห็นคุณหญิงและคุณผู้ชายที่รับบทเป็นพ่อแม่ของเธอนั่งรออยู่ก็รีบปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด ในใจคิดไว้แล้วว่าจะขอท่านทั้งสองให้ยกเลิกงานหมั้นแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยแค่ไหนก็อยากจะลองขอดูก่อน “เป็นยังไงบ้างยี่หวา เขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม?” มุกดาเดินเข้ามาถามไถ่เธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง ยี่หวาดึงเสื้อสูทมาปิดรอยแดงให้มิดก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วส่งยิ้มให้บางๆ&nb
บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดแม้แต่ลูกน้องมือซ้ายและมือขวาจอมกวนประสาทของพายุ ทั้งสองได้แต่ลอบมองพายุและยี่หวาผ่านกระจกมองหลังเท่านั้น ทั้งเธอและเขาต่างหันหน้าไปกันคนละทางเหม่อมองออกไปยังหน้าต่าง คนที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีนักคงไม่พ้นพายุเจ้านายของพวกเขา “เอ่อ...จะไปที่ไหนครับนาย” เมษที่ขับรถให้เขาเอ่ยถามขึ้น พายุหันไปมองลูกน้องของตนก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายด้านหน้าว่าโฮเต็ลจึงคิดแผนบางอย่างออก “เลี้ยวเข้าโรงแรมด้านหน้า” “ครับ?” เมษถามย้ำอีกครั้งก่อนที่พายุจะขมวดคิ้วแน่นจ้องมองลูกน้องของตน เขาจึงพยักหน้าแล้วเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านยรูดอย่างที่เจ้านายต้องการ ยี่หวาเห็นรอบข้างแปลกไปก็รีบหันก
ห้องอาหารโรงแรมดังในเครือของบริษัทพีวาย แต่คนไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นักเพราะมันอยู่ในเครือบริษัทขนส่งต่างประเทศนอกเสียจากพนักงานที่เข้ามาอบรมถึงจะได้รู้ว่าเป็นสายเครือเดียวกันกับบริษัทพีวายที่พายุเป็นประธานบริษัทอยู่ การขนส่งนำเข้าข้าวของเครื่องใช้วัตถุดิบล้วนมาจากบริษัทพีวายทั้งหมด โรงแรม คลับ บาร์ ในย่านนี้ ย่านที่โรงแรมตั้งอยู่ล้วนแต่เป็นของพายุประธานบริษัทพีวายทั้งสิ้น เขาสร้างมันขึ้นมาหลังจากรับตำแหน่งประธานบริษัทใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจมันก้าวหน้าไปได้ทุกทาง เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องงานถึงยังไม่ได้แต่งงานสักที ที่ผ่านมาก็มีแต่ดารา นางแบบที่เข้าหาเขาเพื่อหวังจะสุขสบายไปทั้งชีวิต แต่กลับไม่มีหญิงสาวที่ทำให้เขาถูกใจได้เลยสักคนส่วนมากเข้าหาเขาเพราะเงินทั้งนั้น จึงทำได้แค่สนองในสิ่งที่หญิงสาวเหล่านั้นเสนอให้ก็เท่านั้นและจบลงที่จำนวนเงินอย่างที่หญิงสาวเหล่านั้นต้องการก็เท่านั้น “พร้อมหรือยังหลานย่า” คุ
บทนำ หญิงสาวนอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักมาตลอด เขาคือสามีของเธอที่ไม่เคยกลับเรือนหอเลยตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ แต่ตอนนี้เขากลับมาทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี... “คุณพายุ! ฉันบอกให้ปล่อยฉัน!!” แม้ว่าร่างกายจะสั่นเพราะความกลัวคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติ แต่เธอก็ยังพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น เก็บกลั้นน้ำตาไว้และจ้องมองเขาอย่างไม่ยอม “หึ! ทีมันยังแตะต้องตัวเธอได้ ทำไมทีผัวตัวเองถึงจะไม่ได้!!” พายุตะคอกเสียงดังลั่นห้องพร้อมทั้งหลุบสายตามองเธอที่อยู่ใต้ร่างด้วยสายตาดุดัน ภาพที่เขาเห็นวันนี้คือภรรยาของตัวเองจับมือถือแขนผู้ชายคนอื่นอย่างไม่ถือตัวราวกับว่าลืมไปแล้วว่าตัวเองมีสามีอยู่ “ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ทีคุณ..ฮึก...ยังทำได้เลย!” “เธอเป็นเมียฉันเข้าใจไหมยี่หวา! เธอเป็นของฉัน!” “ฉันไม่ใช่เมียคุณ! นั่นมันก็แค่ในนามอย่าได้เข้าใจผิด!!” “งั้นเหรอ? อย่างนั้นเองสินะ...งั้นวันนี้ก็ทำหน้าที่ของเธอซะสิ!!” “ไม่!! อย่านะ!! กรี๊ดดดดดด!!” ไม่ฟังเ